Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā |
๗. ปญฺหาวารวิภงฺควณฺณนา
7. Pañhāvāravibhaṅgavaṇṇanā
๔๐๑-๔๐๓. เต ปจฺจเยติ เต เหตุอาทิเก ปจฺจเยฯ ปฎิปาฎิยาติ เอตฺถ ปจฺจยปฎิปาฎิยา กุสลาทิปทปฎิปาฎิยา วาติ อาสงฺกายํ อุภยวเสนปิ อโตฺถ ยุชฺชตีติ ทเสฺสโนฺต ปฐมํ ตาว สนฺธายาห ‘‘ยถากฺกเมนา’’ติอาทิฯ ตสฺสโตฺถ – ‘‘เหตุปจฺจโย อารมฺมณปจฺจโย’’ติอาทินา นเยน เทสนากฺกเมน ยาย ปฎิปาฎิยา ปฎิจฺจวาเร ปจฺจยา อาคตา, ตทนุรูปํ เต ทเสฺสตุนฺติฯ ทุติยํ ปน ทเสฺสตุํ ‘‘กุสโล กุสลสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สา ปนายํ ปทปฎิปาฎิ ยสฺมา น กุสลปททสฺสนมเตฺตน ทสฺสิตา โหติ, ตสฺมา ตํ เอกเทเสน สกลํ นยโต ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘กุสโล กุสลสฺสาติ…เป.… โหตี’’ติฯ เตนาติ นิทสฺสนมเตฺตน ‘‘กุสโล กุสลสฺสา’’ติ ปเทนฯ สโพฺพ ปเภโทติ ยํ ตตฺถ ตตฺถ ปจฺจเย ‘‘กุสโล กุสลสฺสา’’ติอาทิโก ยตฺตโก ปเภโท วิสฺสชฺชนํ ลภติ, โส สโพฺพ ปเภโทติ อโตฺถฯ เต ปจฺจเย ปฎิปาฎิยา ทเสฺสตุนฺติ เต เหตุอาทิปจฺจเย กุสลาทิปทปฎิปาฎิยา ทเสฺสตุํฯ
401-403. Tepaccayeti te hetuādike paccaye. Paṭipāṭiyāti ettha paccayapaṭipāṭiyā kusalādipadapaṭipāṭiyā vāti āsaṅkāyaṃ ubhayavasenapi attho yujjatīti dassento paṭhamaṃ tāva sandhāyāha ‘‘yathākkamenā’’tiādi. Tassattho – ‘‘hetupaccayo ārammaṇapaccayo’’tiādinā nayena desanākkamena yāya paṭipāṭiyā paṭiccavāre paccayā āgatā, tadanurūpaṃ te dassetunti. Dutiyaṃ pana dassetuṃ ‘‘kusalo kusalassā’’tiādi vuttaṃ. Sā panāyaṃ padapaṭipāṭi yasmā na kusalapadadassanamattena dassitā hoti, tasmā taṃ ekadesena sakalaṃ nayato dassento āha ‘‘kusalo kusalassāti…pe… hotī’’ti. Tenāti nidassanamattena ‘‘kusalo kusalassā’’ti padena. Sabbo pabhedoti yaṃ tattha tattha paccaye ‘‘kusalo kusalassā’’tiādiko yattako pabhedo vissajjanaṃ labhati, so sabbo pabhedoti attho. Te paccaye paṭipāṭiyā dassetunti te hetuādipaccaye kusalādipadapaṭipāṭiyā dassetuṃ.
๔๐๔. ผลวิเสสํ อากงฺขนฺตา ปฎิคฺคาหกโต วิย ทายกโตปิ ยถา ทกฺขิณา วิสุชฺฌติ, เอวํ ทานํ เทนฺตีติ อาห ‘‘วิสุทฺธํ กตฺวา’’ติฯ เตสนฺติ วตฺตพฺพตารหนฺติ อิมินา โวทานสฺส สกทาคามิอาทีนํ อาเวณิกตํ ทเสฺสติฯ กามํ อคฺคมคฺคปุเรจาริกมฺปิ โวทานเมว, อเสโกฺข ปน หุตฺวา ตํ ปจฺจเวกฺขตีติ น ตํ อิธ คหิตํฯ ตนฺติ โวทานํฯ โคตฺรภุจิตฺตนฺติ อฎฺฐมกสฺส อุปฺปชฺชนกาเล ‘‘โคตฺรภู’’ติ วตฺตพฺพตารหํ จิตฺตํฯ โคตฺรภุสทิสนฺติ วา โสตาปนฺนาทิโคตฺราภิภาวีติ วา โคตฺรภุจิตฺตนฺติ เอวเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ปจฺจยุปฺปนฺนํ ภูมิโต ววตฺถเปติ, ‘‘เตภูมกกุสลเมวา’’ติ เอตฺถ วิย น ปจฺจยธมฺมนฺติ อโตฺถฯ เทสนนฺตรตฺตาติ ‘‘กุสลจิตฺตสมงฺคิสฺสา’’ติอาทินา ปุคฺคลามสนเทสนโต อญฺญตฺตา, อญฺญถา คหิตํ ปุน น คเณฺหยฺยาติ อธิปฺปาโยฯ
404. Phalavisesaṃ ākaṅkhantā paṭiggāhakato viya dāyakatopi yathā dakkhiṇā visujjhati, evaṃ dānaṃ dentīti āha ‘‘visuddhaṃ katvā’’ti. Tesanti vattabbatārahanti iminā vodānassa sakadāgāmiādīnaṃ āveṇikataṃ dasseti. Kāmaṃ aggamaggapurecārikampi vodānameva, asekkho pana hutvā taṃ paccavekkhatīti na taṃ idha gahitaṃ. Tanti vodānaṃ. Gotrabhucittanti aṭṭhamakassa uppajjanakāle ‘‘gotrabhū’’ti vattabbatārahaṃ cittaṃ. Gotrabhusadisanti vā sotāpannādigotrābhibhāvīti vā gotrabhucittanti evamettha attho veditabbo. Paccayuppannaṃ bhūmito vavatthapeti, ‘‘tebhūmakakusalamevā’’ti ettha viya na paccayadhammanti attho. Desanantarattāti ‘‘kusalacittasamaṅgissā’’tiādinā puggalāmasanadesanato aññattā, aññathā gahitaṃ puna na gaṇheyyāti adhippāyo.
๔๐๕. ราครหิตสฺส วิย โสมนสฺสรหิตสฺส จ ราคสฺส น อารมฺมเณ อสฺสาทนวเสน ปวตฺติ อชฺฌุเปกฺขนโตติ วุตฺตํ ‘‘อสฺสาทนํ…เป.… กิจฺจ’’นฺติฯ สหสาการปฺปวตฺตาย อุปฺปิลาวิตสภาวาย ปีติยา อาหิตวิเสสาย ตณฺหาย ตํ ตณฺหาภินนฺทนนฺติ วุจฺจตีติ ตํ สนฺธายาห ‘‘ปีติกิจฺจสหิตาย ตณฺหาย กิจฺจ’’นฺติฯ ยถา จ ยถาวุตฺตกิจฺจวิเสสาย ปีติยา อาหิตวิเสสา ตณฺหา ตณฺหาภินนฺทนา, เอวํ ทิฎฺฐาภินนฺทนา เวทิตพฺพาฯ ยสฺมา ปน สา อตฺถโต ปจฺจยวิเสสวิสิฎฺฐา ทิฎฺฐิเยว, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ทิฎฺฐาภินนฺทนา ทิฎฺฐิเยวา’’ติฯ เอตฺถ ปนาติ ‘‘อภินนฺทตี’’ติ ปทสฺส ตณฺหาทิฎฺฐิวเสน วุเตฺตสุ เอเตสุ ปน ทฺวีสุ อเตฺถสุฯ อภินนฺทนฺตสฺสาติ อิทํ ทิฎฺฐาภินนฺทนํเยว สนฺธาย วุตฺตนฺติ อธิปฺปาเยน ‘‘ปจฺฉิมตฺถเมว คเหตฺวา’’ติ วุตฺตํฯ อภินนฺทนฺตสฺสาติ ปน อวิเสสโต วุตฺตตฺตา ตณฺหาวเสน ทิฎฺฐิวเสน อภินนฺทนฺตสฺสาติ อยเมตฺถ อโตฺถ อธิเปฺปโต, ตสฺมา ‘‘อภินนฺทนา…เป.… น สกฺกา วตฺตุ’’นฺติ อิทมิธ วจนมโนกาสํฯ กสฺมา? ทิฎฺฐิรหิเตปิ สนฺตาเน อภินนฺทนสฺส วุตฺตตฺตาฯ ตณฺหาวเสน นนฺทตีติ ตณฺหาภินนฺทนวเสเนว วุโตฺต อโตฺถ ปุริโม อโตฺถฯ ทฺวีสุ ปน โสมนสฺสสหคตจิตฺตุปฺปาเทสูติ ทิฎฺฐิรหิตานิ โสมนสฺสสหคตจิตฺตานิ สนฺธายาหฯ ยถาวุเตฺตนาติ ‘‘สราคสฺส โสมนสฺสสฺสา’’ติอาทินา วุเตฺตน โสมนเสฺสน อสฺสาเทนฺตสฺส, ราเคน จ เตสุเยว ยถาวุเตฺตสุ ทฺวีสุ จิเตฺตสุ อสฺสาเทนฺตสฺส, จตูสุปิ โสมนสฺสสหคตจิเตฺตสุ สปฺปีติกตณฺหาย อภินนฺทนฺตสฺส, จตูสุปิ ทิฎฺฐิสมฺปยุเตฺตสุ ทิฎฺฐาภินนฺทนาย อภินนฺทนฺตสฺส ทิฎฺฐิ อุปฺปชฺชตีติ เอวเมตฺถ โยชนา เวทิตพฺพาฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อิติปิ สกฺกา โยเชตุ’’นฺติฯ ยถา ทิฎฺฐูปนิสฺสยโต ทิฎฺฐาภินนฺทนา สมฺภวติ, เอวํ ตณฺหูปนิสฺสยโต ตณฺหาภินนฺทนาปิ สมฺภวตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ ‘‘อภินนฺทติ ราโค อุปฺปชฺชตี’’ติ วจนโต สปฺปีติกตณฺหาย อภินนฺทนฺตสฺส ราคุปฺปตฺติปิ วตฺตพฺพา, น วา วตฺตพฺพา ตณฺหาภินนฺทนาย เอว ราคุปฺปตฺติยา วุตฺตตฺตาฯ
405. Rāgarahitassa viya somanassarahitassa ca rāgassa na ārammaṇe assādanavasena pavatti ajjhupekkhanatoti vuttaṃ ‘‘assādanaṃ…pe… kicca’’nti. Sahasākārappavattāya uppilāvitasabhāvāya pītiyā āhitavisesāya taṇhāya taṃ taṇhābhinandananti vuccatīti taṃ sandhāyāha ‘‘pītikiccasahitāya taṇhāya kicca’’nti. Yathā ca yathāvuttakiccavisesāya pītiyā āhitavisesā taṇhā taṇhābhinandanā, evaṃ diṭṭhābhinandanā veditabbā. Yasmā pana sā atthato paccayavisesavisiṭṭhā diṭṭhiyeva, tasmā vuttaṃ ‘‘diṭṭhābhinandanā diṭṭhiyevā’’ti. Ettha panāti ‘‘abhinandatī’’ti padassa taṇhādiṭṭhivasena vuttesu etesu pana dvīsu atthesu. Abhinandantassāti idaṃ diṭṭhābhinandanaṃyeva sandhāya vuttanti adhippāyena ‘‘pacchimatthameva gahetvā’’ti vuttaṃ. Abhinandantassāti pana avisesato vuttattā taṇhāvasena diṭṭhivasena abhinandantassāti ayamettha attho adhippeto, tasmā ‘‘abhinandanā…pe… na sakkā vattu’’nti idamidha vacanamanokāsaṃ. Kasmā? Diṭṭhirahitepi santāne abhinandanassa vuttattā. Taṇhāvasena nandatīti taṇhābhinandanavaseneva vutto attho purimo attho. Dvīsu pana somanassasahagatacittuppādesūti diṭṭhirahitāni somanassasahagatacittāni sandhāyāha. Yathāvuttenāti ‘‘sarāgassa somanassassā’’tiādinā vuttena somanassena assādentassa, rāgena ca tesuyeva yathāvuttesu dvīsu cittesu assādentassa, catūsupi somanassasahagatacittesu sappītikataṇhāya abhinandantassa, catūsupi diṭṭhisampayuttesu diṭṭhābhinandanāya abhinandantassa diṭṭhi uppajjatīti evamettha yojanā veditabbā. Tena vuttaṃ ‘‘itipi sakkā yojetu’’nti. Yathā diṭṭhūpanissayato diṭṭhābhinandanā sambhavati, evaṃ taṇhūpanissayato taṇhābhinandanāpi sambhavatīti daṭṭhabbaṃ. ‘‘Abhinandati rāgo uppajjatī’’ti vacanato sappītikataṇhāya abhinandantassa rāguppattipi vattabbā, na vā vattabbā taṇhābhinandanāya eva rāguppattiyā vuttattā.
๔๐๖. ‘‘ตทารมฺมณตายา’’ติ วตฺตเพฺพ ‘‘ตทารมฺมณตา’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘วิภตฺติโลโป เหตฺถ กโต’’ติฯ ตทารมฺมณตาติ เอตฺถ ตา-สทฺทาภิเธโยฺย อโตฺถ ภาโว นาม, โส ปน ตทารมฺมณสทฺทาภิเธยฺยโต อโญฺญ นตฺถีติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ภาววนฺตโต วา อโญฺญ ภาโว นาม นตฺถี’’ติฯ เอเตน สกเตฺถ อยํ ตา-สโทฺทติ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘วิปาโก ตทารมฺมณภาวภูโตติ อโตฺถ’’ติฯ เอตสฺมิญฺจเตฺถ ‘‘ตทารมฺมณตา’’ติ ปจฺจเตฺตกวจนํ ทฎฺฐพฺพํฯ วิญฺญาณญฺจายตน…เป.… น วุตฺตนฺติ ยทิปิ กามาวจรวิปากานมฺปิ กมฺมํ อารมฺมณํ ลพฺภติ, ตํ ปน วิญฺญาณญฺจายตนเนวสญฺญานาสญฺญายตนวิปากานํ วิย น เอกเนฺตน อิมสฺส วิปากจิตฺตสฺส อิทํ กมฺมํ อารมฺมณนฺติ ววตฺถิตํ กามาวจรวิปากจิตฺตานํ พหุเภทตฺตา, ตสฺมา ตํ ลพฺภมานมฺปิ น วุตฺตนฺติ อโตฺถฯ ยทิ เอวํ กิํ ตํ ลพฺภมานมฺปิ น ทสฺสิตเมวาติ อาสงฺกายํ อาห ‘‘ตทารมฺมเณน ปนา’’ติอาทิฯ อนุโลมโต สมาปชฺชเน เยภุเยฺยน อาสนฺนสมาปตฺติยา อารมฺมณภาโว ทสฺสิโต, อญฺญถา ‘‘ปฎิโลมโต วา เอกนฺตริกวเสน วา’’ติ วจนํ นิรตฺถกํ สิยาติ อธิปฺปาโยฯ ภเวยฺยาติ อนาสนฺนาปิ สมาปตฺติ อารมฺมณํ ภเวยฺย, น สกฺกา ปฎิกฺขิปิตุนฺติ อโตฺถฯ เตเนว หิ ‘‘เยภุเยฺยนา’’ติ วุตฺตํฯ เอวํ สตีติ ยทิ อาวชฺชนาย เอว อารมฺมณภาเวน กุสลานํ ขนฺธานํ อพฺยากตารมฺมณตา อธิเปฺปตา, เอวํ สเนฺตฯ วตฺตพฺพํ สิยาติ ‘‘อิทฺธิวิธญาณสฺสา’’ติ จ ปาฬิยํ วตฺตพฺพํ สิยา ตสฺสาปิ อาวชฺชนาย อารมฺมณภาวโตฯ ตํ น วุตฺตนฺติ ตํ อพฺยากตํ อิทฺธิวิธญาณํ ‘‘กุสลา ขนฺธา อิทฺธิวิธญาณสฺสา’’ติ น วุตฺตํฯ โหนฺตีติ อารมฺมณํ โหนฺติฯ ตานีติ เจโตปริยญาณาทีนิฯ ยาย กายจีติ เจโตปริยญาณาทีนํ อเญฺญสญฺจ กุสลานํ อารมฺมณกรณวเสน อาวชฺชนฺติยาฯ
406. ‘‘Tadārammaṇatāyā’’ti vattabbe ‘‘tadārammaṇatā’’ti vuttanti āha ‘‘vibhattilopo hettha kato’’ti. Tadārammaṇatāti ettha tā-saddābhidheyyo attho bhāvo nāma, so pana tadārammaṇasaddābhidheyyato añño natthīti dassento āha ‘‘bhāvavantato vā añño bhāvo nāma natthī’’ti. Etena sakatthe ayaṃ tā-saddoti dasseti. Tenāha ‘‘vipāko tadārammaṇabhāvabhūtoti attho’’ti. Etasmiñcatthe ‘‘tadārammaṇatā’’ti paccattekavacanaṃ daṭṭhabbaṃ. Viññāṇañcāyatana…pe… na vuttanti yadipi kāmāvacaravipākānampi kammaṃ ārammaṇaṃ labbhati, taṃ pana viññāṇañcāyatananevasaññānāsaññāyatanavipākānaṃ viya na ekantena imassa vipākacittassa idaṃ kammaṃ ārammaṇanti vavatthitaṃ kāmāvacaravipākacittānaṃ bahubhedattā, tasmā taṃ labbhamānampi na vuttanti attho. Yadi evaṃ kiṃ taṃ labbhamānampi na dassitamevāti āsaṅkāyaṃ āha ‘‘tadārammaṇena panā’’tiādi. Anulomato samāpajjane yebhuyyena āsannasamāpattiyā ārammaṇabhāvo dassito, aññathā ‘‘paṭilomato vā ekantarikavasena vā’’ti vacanaṃ niratthakaṃ siyāti adhippāyo. Bhaveyyāti anāsannāpi samāpatti ārammaṇaṃ bhaveyya, na sakkā paṭikkhipitunti attho. Teneva hi ‘‘yebhuyyenā’’ti vuttaṃ. Evaṃ satīti yadi āvajjanāya eva ārammaṇabhāvena kusalānaṃ khandhānaṃ abyākatārammaṇatā adhippetā, evaṃ sante. Vattabbaṃ siyāti ‘‘iddhividhañāṇassā’’ti ca pāḷiyaṃ vattabbaṃ siyā tassāpi āvajjanāya ārammaṇabhāvato. Taṃ na vuttanti taṃ abyākataṃ iddhividhañāṇaṃ ‘‘kusalā khandhā iddhividhañāṇassā’’ti na vuttaṃ. Hontīti ārammaṇaṃ honti. Tānīti cetopariyañāṇādīni. Yāya kāyacīti cetopariyañāṇādīnaṃ aññesañca kusalānaṃ ārammaṇakaraṇavasena āvajjantiyā.
๔๐๗-๔๐๙. อาทีนวทสฺสเนน สภาวโต จ อนิฎฺฐตามตฺตวเสน จ โทมนสฺสสฺส อุปฺปตฺติ เวทิตพฺพาติ โยเชตพฺพํฯ อาฆาตวตฺถุอาทิเภเทน อกฺขนฺติเภทา เวทิตพฺพาฯ
407-409. Ādīnavadassanena sabhāvato ca aniṭṭhatāmattavasena ca domanassassa uppatti veditabbāti yojetabbaṃ. Āghātavatthuādibhedena akkhantibhedā veditabbā.
๔๑๐. สพฺพสฺสาติ ปกรณปริจฺฉิเนฺน คยฺหมาเน สพฺพสฺส อพฺยากตสฺส, อตฺถนฺตรวเสน ปน คยฺหมาเน สพฺพสฺส เญยฺยสฺสาติ อโตฺถฯ อสกฺกุเณยฺยตฺตาติ อิทํ วตฺตพฺพสฺส อนนฺตาปริเมยฺยตาย วุตฺตํ, น อญฺญาณปฎิฆาตโตฯ
410. Sabbassāti pakaraṇaparicchinne gayhamāne sabbassa abyākatassa, atthantaravasena pana gayhamāne sabbassa ñeyyassāti attho. Asakkuṇeyyattāti idaṃ vattabbassa anantāparimeyyatāya vuttaṃ, na aññāṇapaṭighātato.
๔๑๗. โวทานสงฺขาตํ วุฎฺฐานํ อปุพฺพโต น โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อปุพฺพโต จิตฺตสนฺตานโต วุฎฺฐานํ ภวงฺคเมวา’’ติฯ ตญฺหิ ยถาลทฺธสฺส วิเสสสฺส โวทาปนํ ปคุณภาวาปาทนํ อปุพฺพํ นาม น โหติฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘เหฎฺฐิมํ เหฎฺฐิมญฺหิ ปคุณชฺฌานํ อุปริมสฺส อุปริมสฺส ปทฎฺฐานํ โหติ, ตสฺมา โวทานมฺปิ วุฎฺฐานนฺติ วุตฺต’’นฺติฯ อวเชฺชตพฺพตฺตา วตฺตพฺพํ นตฺถีติ กุสลภาเวน สมานตฺตา วเชฺชตพฺพตาย อภาวโต วิภชิตฺวา วตฺตพฺพํ นตฺถิ, ตสฺมา ยเทตฺถ วิเสสนํ ลพฺภติ, ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ…เป.… สมาปตฺติยา’’ติ อาหฯ จิตฺตุปฺปาทกเณฺฑ วุตฺตเมวาติ ปฎฺฐาเน ปน ‘‘กุสเล นิรุเทฺธ วิปาโก ตทารมฺมณตา อุปฺปชฺชตี’’ติอาทินา ‘‘กิริยานนฺตรํ ตทารมฺมณภาเว’’ติ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ จิตฺตุปฺปาทกณฺฑวณฺณนายํ วุตฺตเมวฯ
417. Vodānasaṅkhātaṃ vuṭṭhānaṃ apubbato na hotīti vuttaṃ ‘‘apubbato cittasantānato vuṭṭhānaṃ bhavaṅgamevā’’ti. Tañhi yathāladdhassa visesassa vodāpanaṃ paguṇabhāvāpādanaṃ apubbaṃ nāma na hoti. Tathā hi vuttaṃ ‘‘heṭṭhimaṃ heṭṭhimañhi paguṇajjhānaṃ uparimassa uparimassa padaṭṭhānaṃ hoti, tasmā vodānampi vuṭṭhānanti vutta’’nti. Avajjetabbattā vattabbaṃ natthīti kusalabhāvena samānattā vajjetabbatāya abhāvato vibhajitvā vattabbaṃ natthi, tasmā yadettha visesanaṃ labbhati, taṃ dassento ‘‘nevasaññānāsaññāyatanaṃ…pe… samāpattiyā’’ti āha. Cittuppādakaṇḍe vuttamevāti paṭṭhāne pana ‘‘kusale niruddhe vipāko tadārammaṇatā uppajjatī’’tiādinā ‘‘kiriyānantaraṃ tadārammaṇabhāve’’ti yaṃ vattabbaṃ, taṃ cittuppādakaṇḍavaṇṇanāyaṃ vuttameva.
ตา อุโภปีติ ยา ‘‘กุสลวิปากาเหตุกโสมนสฺสสหคตา อุเปกฺขาสหคตา จา’’ติ เทฺว มโนวิญฺญาณธาตุโย วุตฺตา, ตา อุโภปิ โสมนสฺสสหคตมโนวิญฺญาณธาตุวเสน วุตฺตาฯ กสฺมา? ทสนฺนํ กามาวจรภวงฺคานํ อตฺตโน ตทารมฺมณกาเล สนฺตีรณกาเล จ โวฎฺฐพฺพนสฺส อนนฺตรปจฺจยภาวโตฯ อุเปกฺขาสหคตา ปน ยถาวุตฺตานํ ทสนฺนํ วิปากานํ มโนวิญฺญาณธาตูนํ อตฺตโน ตทารมฺมณาทิกาเล โวฎฺฐพฺพนกิริยสฺส สนฺตีรณกาเล มโนธาตุกิริยสฺส ภวงฺคกาเลติ โยเชตพฺพํฯ
Tā ubhopīti yā ‘‘kusalavipākāhetukasomanassasahagatā upekkhāsahagatā cā’’ti dve manoviññāṇadhātuyo vuttā, tā ubhopi somanassasahagatamanoviññāṇadhātuvasena vuttā. Kasmā? Dasannaṃ kāmāvacarabhavaṅgānaṃ attano tadārammaṇakāle santīraṇakāle ca voṭṭhabbanassa anantarapaccayabhāvato. Upekkhāsahagatā pana yathāvuttānaṃ dasannaṃ vipākānaṃ manoviññāṇadhātūnaṃ attano tadārammaṇādikāle voṭṭhabbanakiriyassa santīraṇakāle manodhātukiriyassa bhavaṅgakāleti yojetabbaṃ.
๔๒๓. ปฎิวิชฺฌิตฺวาติ ชานิตฺวาฯ ทฬฺหํ น คเหตพฺพนฺติ ทฬฺหคฺคาหํ น คเหตพฺพํฯ พลวโต…เป.… วิปจฺจนโตติ เอเตน พลวตา ทุพฺพลตา จ อปฺปมาณํ, กโตกาสตา ปมาณนฺติ ทเสฺสติฯ กโตกาสตา จ อวเสสปจฺจยสมวาเย วิปากาภิมุขตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ ยํ กิญฺจีติ จ พลวํ ทุพฺพลํ วาติ อโตฺถฯ วิปากชนกมฺปิ กิญฺจิ กมฺมํ อุปนิสฺสยปจฺจโย น โหตีติ สกฺกา วตฺตุํฯ สติ หิ กมฺมอุปนิสฺสยปจฺจยานํ อวินาภาเว วิปากตฺติเก อุปนิสฺสยปจฺจเย คหิเต กมฺมปจฺจโย วิสุํ น อุทฺธริตโพฺพ สิยา, เวทนาตฺติเก จ อุปนิสฺสเย ปจฺจนียโต ฐิเต กมฺมปจฺจเยน สทฺธิํ อฎฺฐาติ น วตฺตพฺพํ สิยาติ อธิปฺปาโยฯ ปจฺจยทฺวยสฺส ปน ลพฺภมานตปฺปราย เทสนาย อุปนิสฺสเย คหิเตปิ กมฺมปจฺจโย อุทฺธริตโพฺพเยวาติ สกฺกา วตฺตุํฯ ลพฺภมานสฺส หิ อุทฺธรณํ ญายาคตํ, ตถา อุปนิสฺสเย ปจฺจนียโต ฐิเตปิ กมฺมปจฺจโย วตฺตโพฺพว อุปนิสฺสยสฺส อเนกเภทตฺตา, วิปากํ ชเนนฺตํ กมฺมํ วิปากสฺส อุปนิสฺสโย น โหตีติ น วตฺตพฺพเมวาติ เวทิตพฺพํฯ
423. Paṭivijjhitvāti jānitvā. Daḷhaṃ na gahetabbanti daḷhaggāhaṃ na gahetabbaṃ. Balavato…pe… vipaccanatoti etena balavatā dubbalatā ca appamāṇaṃ, katokāsatā pamāṇanti dasseti. Katokāsatā ca avasesapaccayasamavāye vipākābhimukhatāti daṭṭhabbaṃ. Yaṃ kiñcīti ca balavaṃ dubbalaṃ vāti attho. Vipākajanakampi kiñci kammaṃ upanissayapaccayo na hotīti sakkā vattuṃ. Sati hi kammaupanissayapaccayānaṃ avinābhāve vipākattike upanissayapaccaye gahite kammapaccayo visuṃ na uddharitabbo siyā, vedanāttike ca upanissaye paccanīyato ṭhite kammapaccayena saddhiṃ aṭṭhāti na vattabbaṃ siyāti adhippāyo. Paccayadvayassa pana labbhamānatapparāya desanāya upanissaye gahitepi kammapaccayo uddharitabboyevāti sakkā vattuṃ. Labbhamānassa hi uddharaṇaṃ ñāyāgataṃ, tathā upanissaye paccanīyato ṭhitepi kammapaccayo vattabbova upanissayassa anekabhedattā, vipākaṃ janentaṃ kammaṃ vipākassa upanissayo na hotīti na vattabbamevāti veditabbaṃ.
ปรสฺส ปวตฺตํ โอมานนฺติ ปรสนฺตาเน อตฺตานํ อุทฺทิสฺส ปวตฺตํ อวมานํฯ เตสูติ โย อเนน ปุเพฺพ หโต, ตสฺส ญาติมิเตฺตสุฯ มาตุฆาตนตฺถํ ปวตฺติตตาย ปุริมเจตนาย มาตุฆาตกเมฺมน สทิสตา, ยถา จ อาณตฺติยํ ปหาเรปิ เอเสว นโยฯ เตน วุตฺตํ ‘‘เอส นโย ทฺวีหิ ปกาเรหีติ เอตฺถาปี’’ติฯ
Parassapavattaṃ omānanti parasantāne attānaṃ uddissa pavattaṃ avamānaṃ. Tesūti yo anena pubbe hato, tassa ñātimittesu. Mātughātanatthaṃ pavattitatāya purimacetanāya mātughātakammena sadisatā, yathā ca āṇattiyaṃ pahārepi eseva nayo. Tena vuttaṃ ‘‘esa nayo dvīhi pakārehīti etthāpī’’ti.
วฎฺฎนิสฺสิโต ทานาทิวเสน สทฺธํ อุปฺปาเทโนฺต ราคํ อุปนิสฺสาย ทานาทิวเสน สทฺธํ อุปฺปาเทติ นาม, น วิวฎฺฎนิสฺสิโต อวิเสเสน วุตฺตตฺตาติ อาห ‘‘อิมินา อธิปฺปาเยน วทตี’’ติฯ เอเตสนฺติ กายิกสุขทุกฺขานํฯ เอกโตปีติ อิทํ ยทิปิ เอกสฺมิํ สนฺตาเน สุขทุกฺขานํ เอกสฺมิํ ขเณ อุปฺปตฺติ นตฺถิ, ปจฺจยสมาโยโค ปน เตสํ เอกชฺฌมฺปิ โหตีติ กตฺวา วุตฺตํฯ
Vaṭṭanissito dānādivasena saddhaṃ uppādento rāgaṃ upanissāya dānādivasena saddhaṃ uppādeti nāma, na vivaṭṭanissito avisesena vuttattāti āha ‘‘iminā adhippāyena vadatī’’ti. Etesanti kāyikasukhadukkhānaṃ. Ekatopīti idaṃ yadipi ekasmiṃ santāne sukhadukkhānaṃ ekasmiṃ khaṇe uppatti natthi, paccayasamāyogo pana tesaṃ ekajjhampi hotīti katvā vuttaṃ.
๔๒๕. ปุริมวาเรสุ วิยาติ ปฎิจฺจวาราทีสุ ปุริเมสุ วิยฯ อิมสฺมินฺติ ปญฺหาวาเรฯ ปจฺจเยน อุปฺปตฺติ วุจฺจตีติ เหตุอาทินา เตน เตน ปจฺจเยน ตํตํปจฺจยุปฺปนฺนสฺส อุปฺปตฺติ น วุจฺจติ ฯ เตสํ เตสํ ธมฺมานนฺติ เหตุอาทีนํ เตสํ เตสํ ปจฺจยธมฺมานํฯ ตํตํปจฺจยภาโวติ เหตุอาทีนํ ตํตํปจฺจยภาโว วุจฺจติฯ เตเนว ปุริเมสุ ฉสุ วาเรสุ ‘‘กุสโล ธโมฺม อุปฺปชฺชตี’’ติอาทินา ตตฺถ ตตฺถ อุปฺปาทคฺคหณํ กตํ, อิธ ปน ‘‘กุสลสฺส ธมฺมสฺส เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทินา ปจฺจยภาโว คหิโตฯ เตนาติ อุปตฺถมฺภกเตฺตน ปจฺจยภาเวนฯ อิธาติ ปญฺหาวาเรฯ
425. Purimavāresu viyāti paṭiccavārādīsu purimesu viya. Imasminti pañhāvāre. Paccayena uppatti vuccatīti hetuādinā tena tena paccayena taṃtaṃpaccayuppannassa uppatti na vuccati . Tesaṃ tesaṃ dhammānanti hetuādīnaṃ tesaṃ tesaṃ paccayadhammānaṃ. Taṃtaṃpaccayabhāvoti hetuādīnaṃ taṃtaṃpaccayabhāvo vuccati. Teneva purimesu chasu vāresu ‘‘kusalo dhammo uppajjatī’’tiādinā tattha tattha uppādaggahaṇaṃ kataṃ, idha pana ‘‘kusalassa dhammassa hetupaccayena paccayo’’tiādinā paccayabhāvo gahito. Tenāti upatthambhakattena paccayabhāvena. Idhāti pañhāvāre.
๔๒๗. ปติฎฺฐาภูตสฺสาติ นิสฺสยภูตสฺสฯ กมฺมปจฺจโยติ สหชาตกมฺมปจฺจโยฯ ทุกมูลกทุกาวสานาติ ‘‘กุสโล จ อพฺยากโต จ ธมฺมา กุสลสฺส จ อพฺยากตสฺส จ ธมฺมสฺสา’’ติ เอวํ ทุกมูลกทุกาวสานา กตฺวา วุตฺตปญฺหาฯ ตตฺถาติ ปจฺจยวาเรฯ กุสโล จ อพฺยากโต จ ธมฺมาติ กุสลาพฺยากตปฺปเภทา ปจฺจยุปฺปนฺนา ธมฺมาฯ ยโต ตโต วาติ ปจฺจยธมฺมนิยมํ อกตฺวา ยโต ตโต วา กุสลาพฺยากตวเสน อุภยปจฺจยโต อุปฺปตฺติมตฺตเมว ตตฺถ ปจฺจยวาเร อธิเปฺปตํ, อุภยสฺส ยถาวุตฺตสฺส ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส อุภินฺนํ ยถาวุตฺตานํเยว ปจฺจยธมฺมานํ ปจฺจยภาโว น อธิเปฺปโต อุปฺปาทปธานตฺตา ตสฺสา เทสนายาติ อธิปฺปาโยฯ นิสฺสยาทิภูตาติ นิสฺสยอตฺถิอวิคตภูตา ปจฺจยธมฺมา น ลพฺภนฺติ, ตสฺมา กุสโล จ…เป.… น วุตฺตนฺติ โยชนาฯ
427. Patiṭṭhābhūtassāti nissayabhūtassa. Kammapaccayoti sahajātakammapaccayo. Dukamūlakadukāvasānāti ‘‘kusalo ca abyākato ca dhammā kusalassa ca abyākatassa ca dhammassā’’ti evaṃ dukamūlakadukāvasānā katvā vuttapañhā. Tatthāti paccayavāre. Kusalo ca abyākato ca dhammāti kusalābyākatappabhedā paccayuppannā dhammā. Yato tato vāti paccayadhammaniyamaṃ akatvā yato tato vā kusalābyākatavasena ubhayapaccayato uppattimattameva tattha paccayavāre adhippetaṃ, ubhayassa yathāvuttassa paccayuppannassa ubhinnaṃ yathāvuttānaṃyeva paccayadhammānaṃ paccayabhāvo na adhippeto uppādapadhānattā tassā desanāyāti adhippāyo. Nissayādibhūtāti nissayaatthiavigatabhūtā paccayadhammā na labbhanti, tasmā kusalo ca…pe… na vuttanti yojanā.
ปญฺหาวารวิภงฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pañhāvāravibhaṅgavaṇṇanā niṭṭhitā.
ปญฺหาวารสฺส ฆฎเน อนุโลมคณนา
Pañhāvārassa ghaṭane anulomagaṇanā
๔๓๙. เอตฺถาติ อพฺยากตมูลเกฯ ยทิ เอวนฺติ ยทิ กุสลากุสลมูเลหิ อลพฺภมานมฺปิ ลพฺภติ, เอวํ สเนฺตฯ คณนมตฺตสามญฺญโต, น ปจฺจยสามญฺญโตติ อธิปฺปาโยฯ
439. Etthāti abyākatamūlake. Yadi evanti yadi kusalākusalamūlehi alabbhamānampi labbhati, evaṃ sante. Gaṇanamattasāmaññato, na paccayasāmaññatoti adhippāyo.
๔๔๐. นิทสฺสนวเสน ทฎฺฐโพฺพ เยภุเยฺยน อินฺทฺริยมคฺคปจฺจยานญฺจ เหตุปจฺจยสฺส วิสภาคตฺตาฯ อินฺทฺริยมคฺคปจฺจยา จ วิสภาคาติ วิเสสเนน โย ตตฺถ สภาคภาโว, ตํ นิวเตฺตติฯ ตถา ภาวาภาวโตติ ตสฺมิํ เหตุปจฺจยากาเร สติ ภาวโต, เหตุธมฺมานํ เหตุปจฺจยภาเว สติ สหชาตาทิปจฺจยภาวโตติ อโตฺถฯ อธิปติปจฺจยาทีนนฺติ อธิปตินฺทฺริยมคฺคปจฺจยานํฯ วิสภาคตา เหตุปจฺจยสฺสฯ กุสลาทิเหตูนนฺติ กุสลากุสลกิริยาพฺยากตเหตูนํฯ เหตุปจฺจยภาเวติ เหตุปจฺจยเตฺต เหตุภาเวน อุปการกเตฺตฯ วิปากปจฺจยภาวาภาวโตติ วิปากปจฺจยภาวสฺส อภาวโตฯ น หิ วิปากานํ วิปากปจฺจยตา อตฺถิฯ วิปากเหตูนํ อิตรเหตูหิ เหตุปจฺจยตาย อตฺถิ สภาคตาติ อาห ‘‘เหตุวชฺชาน’’นฺติฯ วิปากานํ วิสภาคตาย ภวิตพฺพํ, น หิ วิปากธมฺมธมฺมเนววิปากนวิปากธมฺมธมฺมานํ วิปาเกหิ สภาคตา อตฺถิ ราสนฺตรภาวโตติ อธิปฺปาโยฯ อุภยปจฺจยสหิเตติ เหตุวิปากปจฺจยสหิเตฯ เหตุปจฺจยภาเว วิปากมฺหีติ เหตุปจฺจยภาเวน วตฺตมาเน วิปากธเมฺมฯ วิปากปจฺจยตฺตาภาวาภาวโตติ วิปากปจฺจยภาวาภาวสฺส อภาวโตฯ น หิ วิปาโก วิปากสฺส วิปากปจฺจโย น โหติ, ตสฺมา นตฺถิ เหตุวิปากปจฺจยานํ วิสภาคตาติ อธิปฺปาโยฯ
440. Nidassanavasena daṭṭhabbo yebhuyyena indriyamaggapaccayānañca hetupaccayassa visabhāgattā. Indriyamaggapaccayā ca visabhāgāti visesanena yo tattha sabhāgabhāvo, taṃ nivatteti. Tathā bhāvābhāvatoti tasmiṃ hetupaccayākāre sati bhāvato, hetudhammānaṃ hetupaccayabhāve sati sahajātādipaccayabhāvatoti attho. Adhipatipaccayādīnanti adhipatindriyamaggapaccayānaṃ. Visabhāgatā hetupaccayassa. Kusalādihetūnanti kusalākusalakiriyābyākatahetūnaṃ. Hetupaccayabhāveti hetupaccayatte hetubhāvena upakārakatte. Vipākapaccayabhāvābhāvatoti vipākapaccayabhāvassa abhāvato. Na hi vipākānaṃ vipākapaccayatā atthi. Vipākahetūnaṃ itarahetūhi hetupaccayatāya atthi sabhāgatāti āha ‘‘hetuvajjāna’’nti. Vipākānaṃ visabhāgatāya bhavitabbaṃ, na hi vipākadhammadhammanevavipākanavipākadhammadhammānaṃ vipākehi sabhāgatā atthi rāsantarabhāvatoti adhippāyo. Ubhayapaccayasahiteti hetuvipākapaccayasahite. Hetupaccayabhāve vipākamhīti hetupaccayabhāvena vattamāne vipākadhamme. Vipākapaccayattābhāvābhāvatoti vipākapaccayabhāvābhāvassa abhāvato. Na hi vipāko vipākassa vipākapaccayo na hoti, tasmā natthi hetuvipākapaccayānaṃ visabhāgatāti adhippāyo.
อิทานิ วุตฺตเมวตฺถํ อุทาหรเณน สมเตฺถโนฺต ‘‘ยถา หี’’ติอาทิมาหฯ เหตุสหชาตปจฺจยสหิเตติ เหตุปจฺจยสหชาตปจฺจยสหิเต, อุภยปจฺจยยุเตฺตติ อโตฺถฯ เหตูนนฺติ อิทํ ‘‘สหชาตปจฺจยตฺตาภาโว’’ติ อิมินาปิ สมฺพนฺธิตพฺพํฯ เหตูนญฺหิ เหตุปจฺจยสหิเต ราสิมฺหิ เหตุปจฺจยภาโว วิย สหชาตปจฺจยภาโวปิ อตฺถีติฯ ตตฺถ เหตุวชฺชานํ สหชาตธมฺมานํ เหตุธมฺมสฺส จ น สภาคตา วุจฺจติ สหชาตปจฺจเยน สภาคภาวโตฯ เอวมิธาปีติ ยถา เหตุสหชาตปจฺจเยสุ วุตฺตปฺปกาเรน นตฺถิ วิสภาคตา, เอวมิธาปิ เหตุวิปากปจฺจเยสุ นตฺถิ วิสภาคตาติ อโตฺถฯ เอส นโย วิปฺปยุตฺตปจฺจเยปีติ ยฺวายํ นโย เหตุสหชาตปจฺจเยสุ วิสภาคตาภาโว วุโตฺต, เอส นโย เหตุสหิเต วิปฺปยุตฺตปจฺจเยปีติ อโตฺถฯ ตตฺถาปิ หิ ‘‘เหตุวิปฺปยุตฺตปจฺจยสหิเต ราสิมฺหี’’ติอาทิ สกฺกา โยเชตุนฺติฯ ปจฺจุปฺปโนฺน เอว ปจฺจยุปฺปโนฺน, ปจฺจโย ปน อตีโตปิ อนาคโตปิ กาลวินิมุโตฺตปิ โหตีติ ปจฺจุปฺปนฺนกฺขเณ เหตุปจฺจยภาเว สหชาตาทิปจฺจยภาวํ สนฺธาย ตถาภาวาภาววเสน สภาคตาย วุจฺจมานาย นานากฺขณิกานํ กุสลาทีนํ เหตูนํ วิปากานญฺจ วเสน วิสภาคตา ตเสฺสว เหตุสฺส น วตฺตพฺพาติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติ ‘‘อปิจา’’ติอาทินาฯ
Idāni vuttamevatthaṃ udāharaṇena samatthento ‘‘yathā hī’’tiādimāha. Hetusahajātapaccayasahiteti hetupaccayasahajātapaccayasahite, ubhayapaccayayutteti attho. Hetūnanti idaṃ ‘‘sahajātapaccayattābhāvo’’ti imināpi sambandhitabbaṃ. Hetūnañhi hetupaccayasahite rāsimhi hetupaccayabhāvo viya sahajātapaccayabhāvopi atthīti. Tattha hetuvajjānaṃ sahajātadhammānaṃ hetudhammassa ca na sabhāgatā vuccati sahajātapaccayena sabhāgabhāvato. Evamidhāpīti yathā hetusahajātapaccayesu vuttappakārena natthi visabhāgatā, evamidhāpi hetuvipākapaccayesu natthi visabhāgatāti attho. Esa nayo vippayuttapaccayepīti yvāyaṃ nayo hetusahajātapaccayesu visabhāgatābhāvo vutto, esa nayo hetusahite vippayuttapaccayepīti attho. Tatthāpi hi ‘‘hetuvippayuttapaccayasahite rāsimhī’’tiādi sakkā yojetunti. Paccuppanno eva paccayuppanno, paccayo pana atītopi anāgatopi kālavinimuttopi hotīti paccuppannakkhaṇe hetupaccayabhāve sahajātādipaccayabhāvaṃ sandhāya tathābhāvābhāvavasena sabhāgatāya vuccamānāya nānākkhaṇikānaṃ kusalādīnaṃ hetūnaṃ vipākānañca vasena visabhāgatā tasseva hetussa na vattabbāti imamatthaṃ dasseti ‘‘apicā’’tiādinā.
อคฺคหิตวิเสสโต สามญฺญโต วิเสโส น สุวิเญฺญโยฺย โหตีติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘กุสลา วีมํสาธิปตีติ เอวํ วตฺตพฺพ’’นฺติฯ
Aggahitavisesato sāmaññato viseso na suviññeyyo hotīti adhippāyenāha ‘‘kusalā vīmaṃsādhipatīti evaṃ vattabba’’nti.
๔๔๑-๔๔๓. ‘‘อิตรานิ เทฺว ลภตี’’ติ เอวํ วตฺตุํ น สกฺกา, เหตาธิปติทุเกหิ ทสฺสิตานิ ยานิ ‘‘กุสโล ธโมฺม กุสลสฺส ธมฺมสฺส, กุสโล ธโมฺม อพฺยากตสฺส, กุสโล ธโมฺม กุสลสฺส จ อพฺยากตสฺส จ, อพฺยากโต ธโมฺม อพฺยากตสฺสา’’ติ จตฺตาริ วิสฺสชฺชนานิ, เตสุ เหตุสหชาตนิสฺสยอตฺถิอวิคตอินฺทฺริยมคฺคปจฺจเยสุ สมฺปยุตฺตปจฺจเย ปวิเฎฺฐ ‘‘กุสโล ธโมฺม กุสลสฺส, อพฺยากโต ธโมฺม อพฺยากตสฺสา’’ติ อิมานิ เทฺว ลภติฯ ยํ สนฺธาย อฎฺฐกถายํ วุตฺตํ ‘‘สเจ เตหิ สทฺธิํ…เป.… ตาเนว เทฺว ลภตี’’ติ, เตหิ ปน อิตรานิ นาม ‘‘กุสโล ธโมฺม อพฺยากตสฺส, กุสโล ธโมฺม กุสลสฺส จ อพฺยากตสฺส จา’’ติ อิมานิ เทฺวปิ สิยุํฯ น หิ กุสโล ธโมฺม กุสลสฺส วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโย โหติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อิตรานิ เทฺว ลภตีติ ปุริมปาโฐ’’ติอาทิฯ อิตรานิ เทฺวติ วา อญฺญานิ เทฺว, ยานิ สมฺปยุตฺตปจฺจยวเสน เทฺว วิสฺสชฺชนานิ, วิปฺปยุตฺตปเวเส ปน ตโต อญฺญานิ อญฺญถาภูตานิ เทฺว วิสฺสชฺชนานิฯ ยานิ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘กุสโล อพฺยากตสฺส, อพฺยากโต อพฺยากตสฺสาติ เทฺว ลภตีติ ปฐนฺตี’’ติฯ เตสูติ อูนตรคณนาเหตูสุ วิปากอญฺญมญฺญาทีสุฯ
441-443. ‘‘Itarānidve labhatī’’ti evaṃ vattuṃ na sakkā, hetādhipatidukehi dassitāni yāni ‘‘kusalo dhammo kusalassa dhammassa, kusalo dhammo abyākatassa, kusalo dhammo kusalassa ca abyākatassa ca, abyākato dhammo abyākatassā’’ti cattāri vissajjanāni, tesu hetusahajātanissayaatthiavigataindriyamaggapaccayesu sampayuttapaccaye paviṭṭhe ‘‘kusalo dhammo kusalassa, abyākato dhammo abyākatassā’’ti imāni dve labhati. Yaṃ sandhāya aṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ ‘‘sace tehi saddhiṃ…pe… tāneva dve labhatī’’ti, tehi pana itarāni nāma ‘‘kusalo dhammo abyākatassa, kusalo dhammo kusalassa ca abyākatassa cā’’ti imāni dvepi siyuṃ. Na hi kusalo dhammo kusalassa vippayuttapaccayena paccayo hoti. Tena vuttaṃ ‘‘itarāni dve labhatīti purimapāṭho’’tiādi. Itarāni dveti vā aññāni dve, yāni sampayuttapaccayavasena dve vissajjanāni, vippayuttapavese pana tato aññāni aññathābhūtāni dve vissajjanāni. Yāni sandhāya vuttaṃ ‘‘kusalo abyākatassa, abyākato abyākatassāti dve labhatīti paṭhantī’’ti. Tesūti ūnataragaṇanāhetūsu vipākaaññamaññādīsu.
อนามฎฺฐวิปากานีติ อคฺคหิตวิปากปจฺจยานิ, ฆฎนํ อเปกฺขิตฺวา อยํ นปุํสกนิเทฺทโสฯ น วิปากเหตุรหิตานิ สาธารณวเสน วุตฺตตฺตาฯ เตน วุตฺตํ อฎฺฐกถายํ ‘‘สามญฺญโต นวนฺนมฺปิ เหตูนํ วเสน วุตฺตานี’’ติ, ‘‘วิปากเหตุปิ ลพฺภตี’’ติ จฯ
Anāmaṭṭhavipākānīti aggahitavipākapaccayāni, ghaṭanaṃ apekkhitvā ayaṃ napuṃsakaniddeso. Na vipākaheturahitāni sādhāraṇavasena vuttattā. Tena vuttaṃ aṭṭhakathāyaṃ ‘‘sāmaññato navannampi hetūnaṃ vasena vuttānī’’ti, ‘‘vipākahetupi labbhatī’’ti ca.
ตตฺถาติ ปญฺจมฆฎนโต ปฎฺฐาย ปญฺจสุ ฆฎเนสุฯ เตน วิปาเกน สห, สมํ วา อุฎฺฐานํ เอตสฺสาติ สมุฎฺฐานนฺติ อยมฺปิ อโตฺถ สมฺภวตีติ วุตฺตํ ‘‘ปฎิสนฺธิยํ กฎตฺตารูปมฺปิ ตํสมุฎฺฐานคฺคหเณเนว สงฺคณฺหาตี’’ติฯ เอเสว นโยติ อิมินา กฎตฺตารูปมฺปิ ตํสมุฎฺฐานคฺคหเณเนว สงฺคณฺหาตีติ อิมเมวตฺถํ อติทิสติฯ
Tatthāti pañcamaghaṭanato paṭṭhāya pañcasu ghaṭanesu. Tena vipākena saha, samaṃ vā uṭṭhānaṃ etassāti samuṭṭhānanti ayampi attho sambhavatīti vuttaṃ ‘‘paṭisandhiyaṃ kaṭattārūpampi taṃsamuṭṭhānaggahaṇeneva saṅgaṇhātī’’ti. Eseva nayoti iminā kaṭattārūpampi taṃsamuṭṭhānaggahaṇeneva saṅgaṇhātīti imamevatthaṃ atidisati.
เอวมฺปีติ ‘‘เอเตสุ ปนา’’ติอาทินา สเงฺขปโต วุตฺตปฺปกาเรปีติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘เอเตสุ ปน…เป.… วุตฺตนเยนปี’’ติฯ โย โย ปจฺจโยติ โย โย เหตุอาทิปจฺจโย มูลภาเวน ฐิโต ปเรสํ ปจฺจยานํฯ ตปฺปจฺจยธมฺมานนฺติ เตหิ เหตุอาทิปจฺจเยหิ ปจฺจยภูตานํ เหตุอาทิธมฺมานํฯ นิรวเสสอูนอูนตรอูนตมลาภกฺกเมนาติ เต ธมฺมา เยสุ วิสฺสชฺชเนสุ ยถารหํ นิรวเสสา ลพฺภนฺติ , เยสุ อูนา อูนตรา อูนตมา จ ลพฺภนฺติ, เตน กเมน ฆฎนาวจนโต ปจฺจยุปฺปนฺนาปิ ยถากฺกมํ นิรวเสสาทิกฺกเมเนว ลพฺภนฺติฯ เตนาห ‘‘นิรวเสสลาเภ จ…เป.… เวทิตโพฺพ’’ติฯ
Evampīti ‘‘etesu panā’’tiādinā saṅkhepato vuttappakārepīti attho. Tenāha ‘‘etesu pana…pe… vuttanayenapī’’ti. Yo yo paccayoti yo yo hetuādipaccayo mūlabhāvena ṭhito paresaṃ paccayānaṃ. Tappaccayadhammānanti tehi hetuādipaccayehi paccayabhūtānaṃ hetuādidhammānaṃ. Niravasesaūnaūnataraūnatamalābhakkamenāti te dhammā yesu vissajjanesu yathārahaṃ niravasesā labbhanti , yesu ūnā ūnatarā ūnatamā ca labbhanti, tena kamena ghaṭanāvacanato paccayuppannāpi yathākkamaṃ niravasesādikkameneva labbhanti. Tenāha ‘‘niravasesalābhe ca…pe… veditabbo’’ti.
เหตุมูลกํ นิฎฺฐิตํฯ
Hetumūlakaṃ niṭṭhitaṃ.
๔๔๕. ปญฺจเม เอกนฺติ สนิสฺสยโต อพฺยากตมูลํ อกุสลนฺติ อิทํ สนฺธายาห ‘‘วตฺถุวเสน สนิสฺสยํ วกฺขตี’’ติฯ น อิทนฺติ อิทํ จตุตฺถํ ฆฎนํ ลพฺภมานสฺสปิ วตฺถุสฺส วเสน ฆฎนํ น โหติ ตสฺส วกฺขมานตฺตา, ตสฺมา ‘‘อารมฺมณวเสเนวา’’ติ เอกํโส คหิโตติ อตฺถโยชนาฯ
445. Pañcame ekanti sanissayato abyākatamūlaṃ akusalanti idaṃ sandhāyāha ‘‘vatthuvasena sanissayaṃ vakkhatī’’ti. Na idanti idaṃ catutthaṃ ghaṭanaṃ labbhamānassapi vatthussa vasena ghaṭanaṃ na hoti tassa vakkhamānattā, tasmā ‘‘ārammaṇavasenevā’’ti ekaṃso gahitoti atthayojanā.
๔๔๖. สหชาตปุเรชาตา เอโก นิสฺสยปจฺจโยติ อิมินา สติปิ ปจฺจยธมฺมเภเท ปจฺจยภาวเภโท นตฺถีติ ทเสฺสติ, ตถา ‘‘อตฺถิปจฺจโย’’ติ อิมินาปิฯ อวิคตปจฺจโยเปตฺถ อตฺถิปจฺจเยเนว สงฺคหิโตติ ทฎฺฐโพฺพฯ ‘‘อตฺถิอวิคตปจฺจโย’’ติ ปาโฐฯ สหชาตารมฺมณาธิปติ ปน น เกวลํ ปจฺจยธมฺมปฺปเภโทว, อถ โข ปจฺจยภาวเภโทปิ อเตฺถวาติ อาห ‘‘เอวํ…เป.… อภาวโต’’ติฯ วุตฺตเมวตฺถํ ปากฎตรํ กาตุํ ‘‘นิสฺสยภาโว หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สหชาตปุเรชาตนิสฺสยาทีนนฺติ สหชาตนิสฺสยปุเรชาตนิสฺสยาทีนํฯ อาทิ-สเทฺทน สหชาตปุเรชาตอตฺถิอวิคตภาเว สงฺคณฺหาติฯ น ปเนวนฺติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ วิวรโนฺต ‘‘สหชาโต หี’’ติอาทิมาหฯ ภินฺนสภาวาติ สมาเนปิ อธิปติสทฺทวจนียภาเว ปจฺจยภาววิสิเฎฺฐน สภาเวน ภินฺนสภาวา, น เหตุปจฺจยาทโย วิย สภาวมเตฺตนฯ เตเนวาติ ภินฺนสภาวตฺตา เอวฯ อญฺญถา ‘‘กุสโล กุสลสฺส สหชาตวเสน, อพฺยากโต อารมฺมณวเสน อธิปติปจฺจเยน ปจฺจโย โหตี’’ติ ตทุภยํ เอกชฺฌํ กตฺวา วตฺตพฺพํ สิยา, น จ วุตฺตนฺติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ปญฺหาวารวิภเงฺค…เป.… น วุตฺต’’นฺติฯ
446. Sahajātapurejātā eko nissayapaccayoti iminā satipi paccayadhammabhede paccayabhāvabhedo natthīti dasseti, tathā ‘‘atthipaccayo’’ti imināpi. Avigatapaccayopettha atthipaccayeneva saṅgahitoti daṭṭhabbo. ‘‘Atthiavigatapaccayo’’ti pāṭho. Sahajātārammaṇādhipati pana na kevalaṃ paccayadhammappabhedova, atha kho paccayabhāvabhedopi atthevāti āha ‘‘evaṃ…pe… abhāvato’’ti. Vuttamevatthaṃ pākaṭataraṃ kātuṃ ‘‘nissayabhāvo hī’’tiādi vuttaṃ. Tattha sahajātapurejātanissayādīnanti sahajātanissayapurejātanissayādīnaṃ. Ādi-saddena sahajātapurejātaatthiavigatabhāve saṅgaṇhāti. Na panevantiādinā vuttamevatthaṃ vivaranto ‘‘sahajāto hī’’tiādimāha. Bhinnasabhāvāti samānepi adhipatisaddavacanīyabhāve paccayabhāvavisiṭṭhena sabhāvena bhinnasabhāvā, na hetupaccayādayo viya sabhāvamattena. Tenevāti bhinnasabhāvattā eva. Aññathā ‘‘kusalo kusalassa sahajātavasena, abyākato ārammaṇavasena adhipatipaccayena paccayo hotī’’ti tadubhayaṃ ekajjhaṃ katvā vattabbaṃ siyā, na ca vuttanti dassento āha ‘‘pañhāvāravibhaṅge…pe… na vutta’’nti.
๔๔๗-๔๕๒. สาธารณวเสนาติ อธิปตินฺทฺริยภาวสามเญฺญนฯ ตถา เจว ฉ ฆฎนานิ โยเชตฺวา ทเสฺสติ ‘‘อธิปตี’’ติอาทินาฯ เทฺว ปจฺจยธมฺมาติ วีริยวีมํสานํ วเสน เทฺว ปจฺจยธมฺมา, เอโกเยว จิตฺตาธิปติวเสนฯ สมคฺคกานิ ปุเพฺพ วตฺตพฺพานิ สิยุํ อธิปติปฎิปาฎิยาติ อธิปฺปาโยฯ ปฐมญฺหิ วีริยาธิปติ ปจฺฉา จิตฺตาธิปตีติฯ เตสํ อาหารมคฺคปจฺจยานํ ปจฺฉา วุตฺตานิ สมคฺคกานิฯ สทิสตฺตาติ อิทํ ปรโต ‘‘เหตุวเสน วุตฺตฆฎเนหิ สทิสตฺตา’’ติอาทิวจนํ สนฺธาย วุตฺตํฯ
447-452. Sādhāraṇavasenāti adhipatindriyabhāvasāmaññena. Tathā ceva cha ghaṭanāni yojetvā dasseti ‘‘adhipatī’’tiādinā. Dve paccayadhammāti vīriyavīmaṃsānaṃ vasena dve paccayadhammā, ekoyeva cittādhipativasena. Samaggakāni pubbe vattabbāni siyuṃ adhipatipaṭipāṭiyāti adhippāyo. Paṭhamañhi vīriyādhipati pacchā cittādhipatīti. Tesaṃ āhāramaggapaccayānaṃ pacchā vuttāni samaggakāni. Sadisattāti idaṃ parato ‘‘hetuvasena vuttaghaṭanehi sadisattā’’tiādivacanaṃ sandhāya vuttaṃ.
๔๕๗-๔๖๐. ทุมูลกนฺติ กุสลาพฺยากตมูลกํฯ ตํ กุสลมูลเกสุ กสฺมา วุตฺตนฺติ โจทนายํ อาห ‘‘อพฺยากตสหิตสฺส กุสลสฺส ปจฺจยภาวทสฺสนวเสนา’’ติฯ เอตฺถาติ อนุโลมคณเนฯ ยถาวุเตฺตสูติ ‘‘สหชาตอญฺญมญฺญนิสฺสยวิปากสมฺปยุตฺตวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตมูลเกสู’’ติ เอวํ วุเตฺตสุ สหชาตาทิมูลเกสุฯ อตฺถิอวิคตมูลกวเชฺชสูติ อตฺถิอวิคตมูลกานิ ฐเปตฺวา อวเสเสสุ อาหาเรน อาหารปจฺจเยน ฆฎนานิ น โยชิตานีติ สมฺพโนฺธฯ อธิปตินฺทฺริเยหิ จ นิสฺสยาทิวเชฺชสุ สหชาตาทีสุ ฆฎนานิ น โยชิตานีติ โยชนาฯ เตสูติ เหตุกมฺมฌานมเคฺคสุ อาหาเร อธิปตินฺทฺริเยสุ จ ตํตํฆฎนวเสน ยถาวุเตฺตสุ โยชิยมาเนสุฯ เตนาติ เหตุอาทิอรูปธมฺมานํเยว ลพฺภนโตฯ เตหิ ฆฎนานีติ เหตุอาทีหิ โยชิยมานานิ ฆฎนานิฯ รูปมิสฺสกตฺตาภาเวนาติ อิทํ วุตฺตสทิสตาย การณวจนํฯ กสฺมา ปเนตฺถ อตฺถิอวิคตมูลกานิ นิสฺสยวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตานิ เตหิ วชฺชิตานีติ อาห ‘‘อตฺถิอวิคเตหิ ปนา’’ติอาทิฯ นิสฺสยาทีหิ โยชิยมานานิ อธิปตินฺทฺริยานิ รูปมิสฺสกานิ โหนฺตีติ น วุตฺตานีติ สมฺพโนฺธฯ ยทิ เอวํ กสฺมา อตฺถิอวิคตมูลเกสุ อาหาเรน, นิสฺสยาทิมูลเกสุ จ อธิปตินฺทฺริเยหิ โยชนา กตาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘อธิปตาหารินฺทฺริยมูลเกสู’’ติอาทิฯ
457-460. Dumūlakanti kusalābyākatamūlakaṃ. Taṃ kusalamūlakesu kasmā vuttanti codanāyaṃ āha ‘‘abyākatasahitassa kusalassa paccayabhāvadassanavasenā’’ti. Etthāti anulomagaṇane. Yathāvuttesūti ‘‘sahajātaaññamaññanissayavipākasampayuttavippayuttaatthiavigatamūlakesū’’ti evaṃ vuttesu sahajātādimūlakesu. Atthiavigatamūlakavajjesūti atthiavigatamūlakāni ṭhapetvā avasesesu āhārena āhārapaccayena ghaṭanāni na yojitānīti sambandho. Adhipatindriyehi ca nissayādivajjesu sahajātādīsu ghaṭanāni na yojitānīti yojanā. Tesūti hetukammajhānamaggesu āhāre adhipatindriyesu ca taṃtaṃghaṭanavasena yathāvuttesu yojiyamānesu. Tenāti hetuādiarūpadhammānaṃyeva labbhanato. Tehi ghaṭanānīti hetuādīhi yojiyamānāni ghaṭanāni. Rūpamissakattābhāvenāti idaṃ vuttasadisatāya kāraṇavacanaṃ. Kasmā panettha atthiavigatamūlakāni nissayavippayuttaatthiavigatāni tehi vajjitānīti āha ‘‘atthiavigatehi panā’’tiādi. Nissayādīhi yojiyamānāni adhipatindriyāni rūpamissakāni hontīti na vuttānīti sambandho. Yadi evaṃ kasmā atthiavigatamūlakesu āhārena, nissayādimūlakesu ca adhipatindriyehi yojanā katāti codanaṃ sandhāyāha ‘‘adhipatāhārindriyamūlakesū’’tiādi.
๔๗๓-๔๗๗. เอทิเสสุ ฐาเนสุ ขนฺธ-สโทฺท อรูเปเสฺวว นิรุโฬฺหติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘น ปวเตฺต วิย ขนฺธาเยว ปจฺจยุปฺปนฺนภาเวน คเหตพฺพา’’ติฯ กฎตฺตารูปมฺปิ ปน ลพฺภตีติ อิมินา ‘‘เอกกฺขณิกกมฺมวเสน วุตฺตานี’’ติ วจนํ ปฎิกฺขิปติฯ ยมตฺถํ สนฺธาย ‘‘กสฺมา น วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ ปากฎตรํ กโรโนฺต ‘‘นนู’’ติอาทิํ วตฺวา ปุน ตํ อุทาหรเณน วิภาเวตุํ ‘‘ยถาจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อารมฺมณนิสฺสยปจฺจยภาเวนาติ อารมฺมณปจฺจยภาเวน นิสฺสยปจฺจยภาเวน จฯ กมฺมสฺส จ ปจฺจยภาโว ปากโฎเยวาติ อาห ‘‘กมฺมมฺปิ อารมฺมณปจฺจยภาเวน วตฺตพฺพ’’นฺติฯ ทฺวินฺนํ ปจฺจยภาวานนฺติ กมฺมารมฺมณปจฺจยภาวานํฯ อญฺญมญฺญปฎิเกฺขปโตติ อิมินา ทฺวินฺนํ ปจฺจยภาวานํ ภินฺนตฺตา ปวตฺติอาการสฺส เอกกฺขเณ เอกสฺมิํ ปจฺจยธเมฺม อยุชฺชมานตํ ทเสฺสติฯ ยถาทสฺสิตสฺส นิทสฺสิตเพฺพน อสมานตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนญฺหิ…เป.… ยุตฺตํ วตฺตุ’’นฺติ อาหฯ กมฺมํ ปนาติอาทินา กมฺมารมฺมณปจฺจยานํ ปวตฺติอาการสฺส ภินฺนตฺตา เอกชฺฌํ หุตฺวา อปฺปวตฺติเมว วิภาเวติฯ ยโต เต อญฺญมญฺญํ ปฎิเกฺขปกา วุตฺตา, กสฺมา ปน ตํเยว วตฺถุ อารมฺมณปจฺจโย โหติ นิสฺสยปจฺจโย จ, น ตํเยว กมฺมํ อารมฺมณปจฺจโย จ กมฺมปจฺจโย จาติ? น โจเทตพฺพเมตํ, ธมฺมสภาโว เอโสติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอส จ สภาโว’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ วตฺตมานานนฺติ ปจฺจุปฺปนฺนานํฯ ยนฺติ อิทํ ‘‘วตฺตพฺพตา’’ติ อิมินา สมฺพนฺธิยมานํ ‘‘ยา’’ติ อิตฺถิลิงฺควเสน วิปริณาเมตพฺพํฯ ยถาติอาทินา ตเมวตฺถํ อุทาหรณทสฺสเนน วิภาเวติฯ
473-477. Edisesu ṭhānesu khandha-saddo arūpesveva niruḷhoti katvā vuttaṃ ‘‘na pavatte viya khandhāyeva paccayuppannabhāvena gahetabbā’’ti. Kaṭattārūpampi pana labbhatīti iminā ‘‘ekakkhaṇikakammavasena vuttānī’’ti vacanaṃ paṭikkhipati. Yamatthaṃ sandhāya ‘‘kasmā na vutta’’nti vuttaṃ, taṃ pākaṭataraṃ karonto ‘‘nanū’’tiādiṃ vatvā puna taṃ udāharaṇena vibhāvetuṃ ‘‘yathācā’’tiādi vuttaṃ. Ārammaṇanissayapaccayabhāvenāti ārammaṇapaccayabhāvena nissayapaccayabhāvena ca. Kammassa ca paccayabhāvo pākaṭoyevāti āha ‘‘kammampi ārammaṇapaccayabhāvena vattabba’’nti. Dvinnaṃ paccayabhāvānanti kammārammaṇapaccayabhāvānaṃ. Aññamaññapaṭikkhepatoti iminā dvinnaṃ paccayabhāvānaṃ bhinnattā pavattiākārassa ekakkhaṇe ekasmiṃ paccayadhamme ayujjamānataṃ dasseti. Yathādassitassa nidassitabbena asamānataṃ dassento ‘‘paccuppannañhi…pe… yuttaṃ vattu’’nti āha. Kammaṃ panātiādinā kammārammaṇapaccayānaṃ pavattiākārassa bhinnattā ekajjhaṃ hutvā appavattimeva vibhāveti. Yato te aññamaññaṃ paṭikkhepakā vuttā, kasmā pana taṃyeva vatthu ārammaṇapaccayo hoti nissayapaccayo ca, na taṃyeva kammaṃ ārammaṇapaccayo ca kammapaccayo cāti? Na codetabbametaṃ, dhammasabhāvo esoti dassento ‘‘esa ca sabhāvo’’tiādimāha. Tattha vattamānānanti paccuppannānaṃ. Yanti idaṃ ‘‘vattabbatā’’ti iminā sambandhiyamānaṃ ‘‘yā’’ti itthiliṅgavasena vipariṇāmetabbaṃ. Yathātiādinā tamevatthaṃ udāharaṇadassanena vibhāveti.
๔๗๘-๔๘๓. ยํ วิญฺญาณํ อธิปติปจฺจโย น โหติ, ตํ อนามฎฺฐาธิปติภาวํ ทฎฺฐพฺพํฯ วตฺถุสฺส วเสนาติ หาเปตพฺพสฺส วตฺถุสฺส วเสนฯ
478-483. Yaṃ viññāṇaṃ adhipatipaccayo na hoti, taṃ anāmaṭṭhādhipatibhāvaṃ daṭṭhabbaṃ. Vatthussa vasenāti hāpetabbassa vatthussa vasena.
๔๘๔-๔๙๕. อรูปินฺทฺริยานิ รูปานํ ปจฺจยเตฺตน ลพฺภนฺตีติ โยชนาฯ ยทิปิ เอวํ วุตฺตํ รูปินฺทฺริยานํ อรูปานํ ปจฺจยตฺตญฺจ ลพฺภตีติ อาห ‘‘จกฺขาทีนิ จ ปน จกฺขุวิญฺญาณาทีนํ ลพฺภนฺตี’’ติฯ ตํสมานคติกาติ วีริเยน สมานคติกา มคฺคปจฺจยตายฯ
484-495. Arūpindriyāni rūpānaṃ paccayattena labbhantīti yojanā. Yadipi evaṃ vuttaṃ rūpindriyānaṃ arūpānaṃ paccayattañca labbhatīti āha ‘‘cakkhādīni ca pana cakkhuviññāṇādīnaṃ labbhantī’’ti. Taṃsamānagatikāti vīriyena samānagatikā maggapaccayatāya.
๕๑๑-๕๑๔. วิปฺปยุตฺตมูลเก ‘‘ทสเม กุสลาทโย จิตฺตสมุฎฺฐานาน’’นฺติ อิทํ ปวตฺติวเสน อฎฺฐกถายํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ปฎิสนฺธิยํ ปน ‘ขนฺธา กฎตฺตารูปานํ วตฺถุ จ ขนฺธาน’นฺติ อิทมฺปิ ลพฺภตี’’ติฯ ตสฺส ทสฺสนวเสนาติ ตสฺส วตฺถุสฺส ทสฺสนวเสน, น อนวเสสโต ปจฺจยธมฺมสฺส ทสฺสนวเสนฯ เตนาห ‘‘ขนฺธา จ วตฺถุสฺสาติ อิทมฺปิ ปน ลพฺภเตวา’’ติฯ น วเชฺชตพฺพานีติ เตสมฺปิ ปจฺจยุปฺปนฺนภาเวน โยเชตพฺพตฺตาฯ
511-514. Vippayuttamūlake ‘‘dasame kusalādayo cittasamuṭṭhānāna’’nti idaṃ pavattivasena aṭṭhakathāyaṃ vuttanti āha ‘‘paṭisandhiyaṃ pana ‘khandhā kaṭattārūpānaṃ vatthu ca khandhāna’nti idampi labbhatī’’ti. Tassa dassanavasenāti tassa vatthussa dassanavasena, na anavasesato paccayadhammassa dassanavasena. Tenāha ‘‘khandhā ca vatthussāti idampi pana labbhatevā’’ti. Na vajjetabbānīti tesampi paccayuppannabhāvena yojetabbattā.
๕๑๕-๕๑๘. อรูปวตฺถารมฺมณมหาภูตอินฺทฺริยาหารานํ ปจฺจยธมฺมานนฺติ อโตฺถฯ ‘‘อาหารินฺทฺริยปจฺจยา จา’’ติปิ ปน วตฺตพฺพํฯ กสฺมา? น หิ อินฺทฺริยาหารานํ วเสน สหชาตาทโย ลพฺภนฺติ, อินฺทฺริยาหารานํ ปน วเสน อินฺทฺริยาหารปจฺจยาว ลพฺภนฺติฯ ‘‘สหชาตํ ปุเรชาตํ ปจฺฉาชาตํ อาหารํ อินฺทฺริย’’นฺติ หิ อุทฺทิสิตฺวา อตฺถิปจฺจโย วิภโตฺตติฯ เกจิ ปเนตฺถ ‘‘อาหารคฺคหเณน กพฬีกาโร อาหาโรว คหิโต, อินฺทฺริยคฺคหเณน จ รูปชีวิตินฺทฺริยเมว, เสสาหารินฺทฺริยานิ สหชาตาทีเสฺวว อโนฺตคธานิ กตานิฯ ยานิ ตทโนฺตคธานิ, เต สนฺธาย อฎฺฐกถายํ ‘อรูปวตฺถารมฺมณมหาภูตอินฺทฺริยาหารานํ วเสนา’ติ เอตฺถ อินฺทฺริยาหารคฺคหณํ กตนฺติ ‘สหชาตปุเรชาตปจฺฉาชาตปจฺจยา ลพฺภนฺตี’ติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติฯ
515-518. Arūpavatthārammaṇamahābhūtaindriyāhārānaṃ paccayadhammānanti attho. ‘‘Āhārindriyapaccayā cā’’tipi pana vattabbaṃ. Kasmā? Na hi indriyāhārānaṃ vasena sahajātādayo labbhanti, indriyāhārānaṃ pana vasena indriyāhārapaccayāva labbhanti. ‘‘Sahajātaṃ purejātaṃ pacchājātaṃ āhāraṃ indriya’’nti hi uddisitvā atthipaccayo vibhattoti. Keci panettha ‘‘āhāraggahaṇena kabaḷīkāro āhārova gahito, indriyaggahaṇena ca rūpajīvitindriyameva, sesāhārindriyāni sahajātādīsveva antogadhāni katāni. Yāni tadantogadhāni, te sandhāya aṭṭhakathāyaṃ ‘arūpavatthārammaṇamahābhūtaindriyāhārānaṃ vasenā’ti ettha indriyāhāraggahaṇaṃ katanti ‘sahajātapurejātapacchājātapaccayā labbhantī’ti vutta’’nti vadanti.
ตตฺถ อรูปานํ สหชาตปจฺฉาชาตาหารินฺทฺริยปจฺจยภาโว ยถารหํ เวทิตโพฺพฯ วตฺถุ สหชาตํ ปุเรชาตญฺจ, อารมฺมณํ ปุเรชาตเมว, อภิญฺญาญาณสฺส ปน กทาจิ สหชาตมฺปิ อารมฺมณปจฺจโย โหติเยวฯ สหชาตคฺคหเณน ปเนตฺถ สหชาตปจฺจยภูโตว คยฺหติ, โส จ เอกุปฺปาทาทิลกฺขณยุโตฺตวาติ โย ธโมฺม สหชาโต หุตฺวา อารมฺมณํ โหติ, น โส อิธ อธิเปฺปโตฯ ยทิ สหชาโตปิ อารมฺมณํ โหติ, กสฺมา ปาฬิยํ ตถา น วิภตฺตนฺติ? เอกกลาปปริยาปนฺนสฺส เอกุปฺปาทาทิลกฺขณยุตฺตสฺส ภินฺนกลาปปริยาปนฺนโต สงฺกรโมจนตฺถํฯ อปิจ อปฺปจุรภาวโต อปากฎภาวโต จ ตํ น คหิตํ ฯ ตโตติ นวมโตติ อโตฺถ, น ทสมโตติ อธิปฺปาโยฯ น หิ เอกาทสเม อธิปติ อตฺถีติฯ ตถา จุทฺทสเมติ เอตฺถ ตถา-สเทฺทน วตฺถุคฺคหเณน จกฺขาทิวตฺถูนิปิ คหิตานีติ อิมมตฺถํ อุปสํหรติฯ ตเทวาติ อารมฺมณเมวฯ
Tattha arūpānaṃ sahajātapacchājātāhārindriyapaccayabhāvo yathārahaṃ veditabbo. Vatthu sahajātaṃ purejātañca, ārammaṇaṃ purejātameva, abhiññāñāṇassa pana kadāci sahajātampi ārammaṇapaccayo hotiyeva. Sahajātaggahaṇena panettha sahajātapaccayabhūtova gayhati, so ca ekuppādādilakkhaṇayuttovāti yo dhammo sahajāto hutvā ārammaṇaṃ hoti, na so idha adhippeto. Yadi sahajātopi ārammaṇaṃ hoti, kasmā pāḷiyaṃ tathā na vibhattanti? Ekakalāpapariyāpannassa ekuppādādilakkhaṇayuttassa bhinnakalāpapariyāpannato saṅkaramocanatthaṃ. Apica appacurabhāvato apākaṭabhāvato ca taṃ na gahitaṃ . Tatoti navamatoti attho, na dasamatoti adhippāyo. Na hi ekādasame adhipati atthīti. Tathā cuddasameti ettha tathā-saddena vatthuggahaṇena cakkhādivatthūnipi gahitānīti imamatthaṃ upasaṃharati. Tadevāti ārammaṇameva.
๕๑๙. สหชาตานิ วิยาติ สหชาตปจฺจยสหิตานิ วิย ฆฎนานิฯ สหชาเตนาติ สหชาตปจฺจเยนฯ ตานีติ ‘‘ปกิณฺณกฆฎนานี’’ติ วุตฺตฆฎนานิฯ ยานิ หิ สหชาตปจฺจเยน น โยชิตานิ, ตาเนตฺถ ปกิณฺณกฆฎนานีติ วุตฺตานิฯ ปุเรชาต…เป.… วเสนาติ เอตฺถ อยํ โยชนา – ปุเรชาตสฺส ปจฺฉาชาตสฺส อาหารสฺส อินฺทฺริยสฺส จ สหชาเตน อญฺญมญฺญญฺจ สามญฺญวเสน, เตสํเยว สหชาเตน อญฺญมญฺญญฺจ อสามญฺญวเสน จาติ วุตฺตํ โหติฯ ยถา ปุเรชาตสฺส ปจฺฉาชาตสฺส จ สหชาเตน อสามญฺญํ ภินฺนสภาวตฺตา, ตโต เอว อาหารินฺทฺริยานมฺปิ เตน อสามญฺญํ, เอวํ ปุเรชาตาทีนํ จตุนฺนมฺปิ อญฺญมญฺญํ อสามญฺญํ ภินฺนสภาวตฺตาฯ เอวํ อสามญฺญวเสน อสมานตาวเสน ยถาวุตฺตานิ ฆฎนานิ วิปฺปกิณฺณานิฯ ยถา ปน สหชาตปจฺจยธมฺมา อรูปกฺขนฺธาทโย เตเนว สหชาตปจฺจยตาสงฺขาเตน มิถูนํ สมานภาเวน อเญฺญหิ อสํกิณฺณา อตฺตโน ปจฺจยุปฺปนฺนานํ ปจฺจโย โหนฺตีติ อสามญฺญวเสน เตสํ ปวตฺติ, เอวํ ปุเรชาตาทิปจฺจยธมฺมาปีติ เตสํ สหชาเตน อญฺญมญฺญญฺจ ยถาวุตฺตสฺส สามญฺญสฺส อสามญฺญสฺส จ วเสน ตานิ ฆฎนานิ วิปฺปกิณฺณานีติ ปกิณฺณกานิ วุตฺตานิฯ เอวํ สเนฺต สหชาตานมฺปิ ฆฎนานํ ปกิณฺณกภาโว อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ, เตสํ สหชาตตาย เอว อวิปฺปกิณฺณภาวสิทฺธิโตฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สหชาตํ อคฺคเหตฺวา วุตฺตานิ ปกิณฺณกานิ นามา’’ติฯ
519. Sahajātāni viyāti sahajātapaccayasahitāni viya ghaṭanāni. Sahajātenāti sahajātapaccayena. Tānīti ‘‘pakiṇṇakaghaṭanānī’’ti vuttaghaṭanāni. Yāni hi sahajātapaccayena na yojitāni, tānettha pakiṇṇakaghaṭanānīti vuttāni. Purejāta…pe… vasenāti ettha ayaṃ yojanā – purejātassa pacchājātassa āhārassa indriyassa ca sahajātena aññamaññañca sāmaññavasena, tesaṃyeva sahajātena aññamaññañca asāmaññavasena cāti vuttaṃ hoti. Yathā purejātassa pacchājātassa ca sahajātena asāmaññaṃ bhinnasabhāvattā, tato eva āhārindriyānampi tena asāmaññaṃ, evaṃ purejātādīnaṃ catunnampi aññamaññaṃ asāmaññaṃ bhinnasabhāvattā. Evaṃ asāmaññavasena asamānatāvasena yathāvuttāni ghaṭanāni vippakiṇṇāni. Yathā pana sahajātapaccayadhammā arūpakkhandhādayo teneva sahajātapaccayatāsaṅkhātena mithūnaṃ samānabhāvena aññehi asaṃkiṇṇā attano paccayuppannānaṃ paccayo hontīti asāmaññavasena tesaṃ pavatti, evaṃ purejātādipaccayadhammāpīti tesaṃ sahajātena aññamaññañca yathāvuttassa sāmaññassa asāmaññassa ca vasena tāni ghaṭanāni vippakiṇṇānīti pakiṇṇakāni vuttāni. Evaṃ sante sahajātānampi ghaṭanānaṃ pakiṇṇakabhāvo āpajjatīti? Nāpajjati, tesaṃ sahajātatāya eva avippakiṇṇabhāvasiddhito. Tena vuttaṃ ‘‘sahajātaṃ aggahetvā vuttāni pakiṇṇakāni nāmā’’ti.
ตานีติ ปกิณฺณกฆฎนานิฯ กุสลวิปากาติ กุสลา จ วิปากา จ, เย อภินฺนลกฺขณา หุตฺวา กุสลสภาวา วิปากสภาวา จาติ อโตฺถฯ เอวํสภาวญฺจ เอกํ อญฺญินฺทฺริยเมวาติ อาห ‘‘อิทํ…เป.… ลพฺภตี’’ติฯ นนุ จ สทฺธินฺทฺริยาทิวเสนปิ อยมโตฺถ ลพฺภตีติ? เตสํ กิริยสภาวตาปิ อเตฺถวาติฯ ทุกฺขนฺติ เจตสิกทุกฺขํฯ เตนาห ‘‘อกุสลเมวา’’ติฯ วิปากสฺส ทุกฺขสฺสาติ โยชนาฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อฌานงฺคตฺตา’’ติฯ อกุสลวิปากกิริยาติ วิจิกิจฺฉาจิตฺตปญฺจวิญฺญาณกิริยามโนธาตูสุ ปวตฺตนโต อกุสลวิปากกิริยาว โหติ จิตฺตฎฺฐิตีติ อโตฺถฯ ยสฺมา อกุสลวิปากาติ เอวมเตฺถ คยฺหมาเน ทุกฺขสฺส จิตฺตฎฺฐิติยา จ วเสน ยถา ฌาเนสุ, เอวํ อเญฺญสํ วเสน อเญฺญสุ จ น ลพฺภติ, ตสฺมา อกุสลสฺส วิปากาติ เอวมเตฺถ คยฺหมาเน ทุกฺขินฺทฺริยสฺส วเสน อินฺทฺริเยสุ ลพฺภตีติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อกุสลสฺส…เป.… ลเพฺภยฺยา’’ติฯ อิมสฺมิํ กุสลตฺติเก วิปาโก วิปากาพฺยากตมิเจฺจว คยฺหติ, น อกุสลาทิปเทหิ วิเสเสตฺวาติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘กุสลวิปากา…เป.… นตฺถี’’ติ อาหฯ
Tānīti pakiṇṇakaghaṭanāni. Kusalavipākāti kusalā ca vipākā ca, ye abhinnalakkhaṇā hutvā kusalasabhāvā vipākasabhāvā cāti attho. Evaṃsabhāvañca ekaṃ aññindriyamevāti āha ‘‘idaṃ…pe… labbhatī’’ti. Nanu ca saddhindriyādivasenapi ayamattho labbhatīti? Tesaṃ kiriyasabhāvatāpi atthevāti. Dukkhanti cetasikadukkhaṃ. Tenāha ‘‘akusalamevā’’ti. Vipākassa dukkhassāti yojanā. Tena vuttaṃ ‘‘ajhānaṅgattā’’ti. Akusalavipākakiriyāti vicikicchācittapañcaviññāṇakiriyāmanodhātūsu pavattanato akusalavipākakiriyāva hoti cittaṭṭhitīti attho. Yasmā akusalavipākāti evamatthe gayhamāne dukkhassa cittaṭṭhitiyā ca vasena yathā jhānesu, evaṃ aññesaṃ vasena aññesu ca na labbhati, tasmā akusalassa vipākāti evamatthe gayhamāne dukkhindriyassa vasena indriyesu labbhatīti dassento āha ‘‘akusalassa…pe… labbheyyā’’ti. Imasmiṃ kusalattike vipāko vipākābyākatamicceva gayhati, na akusalādipadehi visesetvāti imamatthaṃ dassento ‘‘kusalavipākā…pe… natthī’’ti āha.
ปญฺหาวารสฺส ฆฎเน อนุโลมคณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pañhāvārassa ghaṭane anulomagaṇanā niṭṭhitā.
ปจฺจนียุทฺธารวณฺณนา
Paccanīyuddhāravaṇṇanā
๕๒๗. นเหตุปจฺจเยนาติ เอตฺถ น-กาโร อญฺญโตฺถติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เหตุปจฺจยโต อเญฺญน ปจฺจเยนา’’ติ อาหฯ อคฺคหิตคฺคหเณนาหิ สหชาตาทิสงฺคหวเสน อคฺคหิตานํ คหเณนฯ อฎฺฐ โหนฺตีติ อิมิสฺสา ปาฬิยา อาคตา อารมฺมณาทโย อฎฺฐ ปจฺจยา โหนฺติฯ เตสูติ อฎฺฐสุ ปจฺจเยสุฯ ตีหีติ อารมฺมณสหชาตอุปนิสฺสยปจฺจเยหิฯ ทฺวีหีติ อารมฺมณปจฺจยอุปนิสฺสยปจฺจเยหิฯ ตสฺมิํ ตสฺมิํ ปจฺจเยติ ตสฺมิํ ตสฺมิํ เหตุอาทิเก ปจฺจเยฯ ตโต เหตุอาทิปจฺจยโตฯ ยถาโยคํ โยเชตพฺพาติ ยสฺมิํ ปจฺจเย ปจฺจนียโต ฐิเต เย ปจฺจยา อนุโลมโต โยชนํ ลภนฺติ, เต โยเชตพฺพาติ อโตฺถฯ
527. Nahetupaccayenāti ettha na-kāro aññatthoti dassento ‘‘hetupaccayato aññena paccayenā’’ti āha. Aggahitaggahaṇenāhi sahajātādisaṅgahavasena aggahitānaṃ gahaṇena. Aṭṭha hontīti imissā pāḷiyā āgatā ārammaṇādayo aṭṭha paccayā honti. Tesūti aṭṭhasu paccayesu. Tīhīti ārammaṇasahajātaupanissayapaccayehi. Dvīhīti ārammaṇapaccayaupanissayapaccayehi. Tasmiṃ tasmiṃ paccayeti tasmiṃ tasmiṃ hetuādike paccaye. Tato hetuādipaccayato. Yathāyogaṃ yojetabbāti yasmiṃ paccaye paccanīyato ṭhite ye paccayā anulomato yojanaṃ labhanti, te yojetabbāti attho.
ทฺวินฺนนฺติ อนนฺตรูปนิสฺสยสฺส ปกตูปนิสฺสยสฺสาติ อิเมสํ ทฺวินฺนํฯ วตฺถุปุเรชาตสฺส วเสน ปุเรชาตํ อารมฺมณปุเรชาตสฺส อารมฺมเณน สงฺคหิตตฺตาฯ อญฺญิสฺสา เจตนายาติ นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยภาเวเนว ปวตฺตาย เจตนายฯ อรูปาหารา อปริจฺจตฺตสหชาตภาวา เอว อาหารปจฺจโย โหนฺติ, รูปาหาโร ฐิติปฺปโตฺตเยวาติ วุตฺตํ ‘‘สหชาตโต อญฺญสฺส กพฬีการาหารสฺส วเสน อาหาโร’’ติฯ สหชาตโต อญฺญสฺสาติ จ อิทํ อรูปาหารนิวตฺตนตฺถํ วุตฺตํ, น กพฬีการาหารวิเสสนิวตฺตนตฺถํ ตาทิสเสฺสว ตสฺส อภาวโตฯ น หิ รูปาหาโร สหชาตปจฺจโย โหติ, นาปิ ปุเรชาตปจฺจโย โหติ ฯ ยถา สหชาตานํ สหชาตปจฺจโย น โหติ, เอวํ ปุเรชาตานํ ปจฺฉาชาตปจฺจโย น โหติ, ปจฺฉาชาตานญฺจ ปุเรชาตปจฺจโย น โหติฯ กสฺมา? ตาทิสสฺส ปจฺจยลกฺขณสฺส อภาวโตฯ เยสญฺหิ โย ชนโก, น เตหิ ตสฺส สหชาตตา อตฺถิ, นาปิ ปุเรชาตตา ปุเรชาตปจฺจยลกฺขณยุตฺตา, ปจฺฉาชาตปจฺจยตาย ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ รูปธมฺมตฺตาฯ อุปตฺถมฺภกเตฺตปิ เอเสว นโย, ตสฺมา สหชาตาทิวิธุโร เอว ตสฺส ปจฺจยภาโว เวทิตโพฺพฯ เตเนว หิ ‘‘สหชาตํ ปุเรชาตํ ปจฺฉาชาตํ อาหารํ อินฺทฺริย’’นฺติ เอตฺถ รูปชีวิตินฺทฺริยํ วิย รูปาหาโร วิสุํ คหิโตฯ ตถา จาห ‘‘รูปาหาโร…เป.… อาหารปจฺจโยว โหตี’’ติฯ สหชาตโต ปุเรชาตโต จ อญฺญสฺส รูปชีวิตินฺทฺริยสฺสาติ เอตฺถ รูปาหาเร วุตฺตนเยเนว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Dvinnanti anantarūpanissayassa pakatūpanissayassāti imesaṃ dvinnaṃ. Vatthupurejātassa vasena purejātaṃ ārammaṇapurejātassa ārammaṇena saṅgahitattā. Aññissā cetanāyāti nānākkhaṇikakammapaccayabhāveneva pavattāya cetanāya. Arūpāhārā apariccattasahajātabhāvā eva āhārapaccayo honti, rūpāhāro ṭhitippattoyevāti vuttaṃ ‘‘sahajātato aññassa kabaḷīkārāhārassa vasena āhāro’’ti. Sahajātato aññassāti ca idaṃ arūpāhāranivattanatthaṃ vuttaṃ, na kabaḷīkārāhāravisesanivattanatthaṃ tādisasseva tassa abhāvato. Na hi rūpāhāro sahajātapaccayo hoti, nāpi purejātapaccayo hoti . Yathā sahajātānaṃ sahajātapaccayo na hoti, evaṃ purejātānaṃ pacchājātapaccayo na hoti, pacchājātānañca purejātapaccayo na hoti. Kasmā? Tādisassa paccayalakkhaṇassa abhāvato. Yesañhi yo janako, na tehi tassa sahajātatā atthi, nāpi purejātatā purejātapaccayalakkhaṇayuttā, pacchājātapaccayatāya pana vattabbameva natthi rūpadhammattā. Upatthambhakattepi eseva nayo, tasmā sahajātādividhuro eva tassa paccayabhāvo veditabbo. Teneva hi ‘‘sahajātaṃ purejātaṃ pacchājātaṃ āhāraṃ indriya’’nti ettha rūpajīvitindriyaṃ viya rūpāhāro visuṃ gahito. Tathā cāha ‘‘rūpāhāro…pe… āhārapaccayova hotī’’ti. Sahajātato purejātato ca aññassa rūpajīvitindriyassāti ettha rūpāhāre vuttanayeneva attho veditabbo.
เอวญฺจ กตฺวาติ ปุริมปุริเมหิ อสงฺคหิตสงฺคณฺหนวเสน ปจฺฉิมปจฺฉิมานํ คหิตตฺตา ตถา รูปาหารสฺส ชีวิตินฺทฺริยสฺส จ วเสน อิธ อาหารินฺทฺริยปจฺจยานํ คหิตตฺตาติ อโตฺถ, อญฺญถา ‘‘อาหารปจฺจเยน ปจฺจโย, อินฺทฺริยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ วตฺตพฺพํ สิยาติ อธิปฺปาโยฯ เตเนวาห ‘‘อารมฺมณ…เป.… อิเจฺจว วุตฺต’’นฺติฯ ตทญฺญาภาวาติ ตโต อารมฺมณาทิปจฺจยโต อญฺญสฺส อิธาธิเปฺปตกมฺมาทิปจฺจยสฺส กุสเล อภาวาฯ ตสฺมาติ ยสฺมา อารมฺมณโต อเญฺญสํ ทฺวินฺนํ วเสน อุปนิสฺสโย วุโตฺต, ตสฺมา ‘‘อารมฺมณาธิปติ อารมฺมณปจฺจเย สงฺคหํ คจฺฉตี’’ติ วตฺตพฺพํ, น อารมฺมณูปนิสฺสเยติ อธิปฺปาโยฯ ยทิ เอวํ กสฺมา ปริตฺตตฺติกปญฺหาวารปจฺจนีเย อารมฺมณํ น วุตฺตํฯ อุปนิสฺสเยน หิ อสงฺคหิตเตฺต ตํ วตฺตพฺพเมว สิยาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ยํ ปนา’’ติอาทิฯ ตตฺถ ปุริเมหิ อสงฺคหิตวเสน วุตฺตานนฺติ ปุริเมหิ ปจฺจเยหิ อสงฺคหิตวเสน วุตฺตานํ ปจฺฉิมานํ ปจฺจยานํฯ สงฺคหิตวิวชฺชนาภาวโตติ อตฺตนา สมานลกฺขณตาย สงฺคหิตสฺส ปจฺจยสฺส วิวชฺชนาภาวโต, วิวชฺชเน การณํ นตฺถีติ อโตฺถฯ อุปนิสฺสยโต อญฺญารมฺมณาภาวโตติ อปฺปมาโณ ธโมฺม อปฺปมาณสฺส ธมฺมสฺส อารมฺมณํ โหโนฺต อารมฺมณูปนิสฺสโยว โหติ อารมฺมณาธิปติภาวโตติ อโตฺถฯ ยถา อารมฺมเณ คหิเต อารมฺมณูปนิสฺสโย คหิโตว โหติ พลวารมฺมณภาวโต , เอวํ อารมฺมณูปนิสฺสเย คหิเต อารมฺมณํ คหิตเมว โหติ ตํสภาวตฺตาติ ตตฺถ ตํ วิสุํ น อุทฺธฎนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ เตนาห ‘‘น ปน อารมฺมณูปนิสฺสยสฺส อารมฺมเณ อสงฺคหิตตฺตา’’ติฯ
Evañca katvāti purimapurimehi asaṅgahitasaṅgaṇhanavasena pacchimapacchimānaṃ gahitattā tathā rūpāhārassa jīvitindriyassa ca vasena idha āhārindriyapaccayānaṃ gahitattāti attho, aññathā ‘‘āhārapaccayena paccayo, indriyapaccayena paccayo’’ti vattabbaṃ siyāti adhippāyo. Tenevāha ‘‘ārammaṇa…pe… icceva vutta’’nti. Tadaññābhāvāti tato ārammaṇādipaccayato aññassa idhādhippetakammādipaccayassa kusale abhāvā. Tasmāti yasmā ārammaṇato aññesaṃ dvinnaṃ vasena upanissayo vutto, tasmā ‘‘ārammaṇādhipati ārammaṇapaccaye saṅgahaṃ gacchatī’’ti vattabbaṃ, na ārammaṇūpanissayeti adhippāyo. Yadi evaṃ kasmā parittattikapañhāvārapaccanīye ārammaṇaṃ na vuttaṃ. Upanissayena hi asaṅgahitatte taṃ vattabbameva siyāti codanaṃ sandhāyāha ‘‘yaṃ panā’’tiādi. Tattha purimehi asaṅgahitavasena vuttānanti purimehi paccayehi asaṅgahitavasena vuttānaṃ pacchimānaṃ paccayānaṃ. Saṅgahitavivajjanābhāvatoti attanā samānalakkhaṇatāya saṅgahitassa paccayassa vivajjanābhāvato, vivajjane kāraṇaṃ natthīti attho. Upanissayato aññārammaṇābhāvatoti appamāṇo dhammo appamāṇassa dhammassa ārammaṇaṃ honto ārammaṇūpanissayova hoti ārammaṇādhipatibhāvatoti attho. Yathā ārammaṇe gahite ārammaṇūpanissayo gahitova hoti balavārammaṇabhāvato , evaṃ ārammaṇūpanissaye gahite ārammaṇaṃ gahitameva hoti taṃsabhāvattāti tattha taṃ visuṃ na uddhaṭanti daṭṭhabbaṃ. Tenāha ‘‘na pana ārammaṇūpanissayassa ārammaṇe asaṅgahitattā’’ti.
ปจฺฉาชาตอาหารานนฺติ อตฺตโน ปจฺจยุปฺปนฺนโต ปุเรชาตกายโต ปจฺฉาชาตานํ อรูปาหารานํฯ เต หิ อตฺตนา สหชาตอรูปธมฺมานํ ตํสมุฎฺฐานรูปธมฺมานมฺปิ สหชาตอตฺถิปจฺจยา โหนฺติ, ปุเรชาตานํ ปน วตฺถูนํ ปจฺฉาชาตอตฺถิปจฺจโยฯ ปจฺฉาชาตินฺทฺริยานนฺติ ปจฺฉาชาตานํ อรูปินฺทฺริยานํฯ เสสํ อาหาเร วุตฺตนเยน โยเชตพฺพํฯ ยสฺมา เอเต อาหารินฺทฺริยา ยสฺมิํ ขเณ ปุเรชาตอตฺถิปจฺจยํ ลภนฺติ, ตสฺมิํเยว ขเณ ตํตํปจฺจยุปฺปนฺนานํ สหชาตอตฺถิปจฺจโย ปจฺฉาชาตอตฺถิปจฺจโย จ โหนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สหาปิ อตฺถิอวิคตปจฺจยภาโว โหตี’’ติฯ ติณฺณนฺติ สหชาตาทีนํ ติณฺณํฯ ฉหิ เภเทหีติ วิสุํ คหิเตหิ สหชาตาทีหิ ปญฺจหิ ยถารหํ เอกชฺฌํ คหิตเภเทน จาติ ฉหิ อตฺถิปจฺจยเภเทหิฯ เอเกกํ สงฺคเหตฺวาติ อตฺถิปจฺจยลกฺขณํ อวิคตปจฺจยลกฺขณญฺจ วิสุํ วิสุํ ฉหิ เภเทหิ สงฺคเหตฺวา วุตฺตํฯ
Pacchājātaāhārānanti attano paccayuppannato purejātakāyato pacchājātānaṃ arūpāhārānaṃ. Te hi attanā sahajātaarūpadhammānaṃ taṃsamuṭṭhānarūpadhammānampi sahajātaatthipaccayā honti, purejātānaṃ pana vatthūnaṃ pacchājātaatthipaccayo. Pacchājātindriyānanti pacchājātānaṃ arūpindriyānaṃ. Sesaṃ āhāre vuttanayena yojetabbaṃ. Yasmā ete āhārindriyā yasmiṃ khaṇe purejātaatthipaccayaṃ labhanti, tasmiṃyeva khaṇe taṃtaṃpaccayuppannānaṃ sahajātaatthipaccayo pacchājātaatthipaccayo ca honti, tasmā vuttaṃ ‘‘sahāpi atthiavigatapaccayabhāvo hotī’’ti. Tiṇṇanti sahajātādīnaṃ tiṇṇaṃ. Chahi bhedehīti visuṃ gahitehi sahajātādīhi pañcahi yathārahaṃ ekajjhaṃ gahitabhedena cāti chahi atthipaccayabhedehi. Ekekaṃ saṅgahetvāti atthipaccayalakkhaṇaṃ avigatapaccayalakkhaṇañca visuṃ visuṃ chahi bhedehi saṅgahetvā vuttaṃ.
อชฺฌตฺติกพาหิรเภทโตติ วตฺตพฺพํ จกฺขาทีนํ ชีวิตินฺทฺริยสฺส จ อธิเปฺปตตฺตา, สปรสนฺตานิกานญฺจ อินฺทฺริยานํ อนธิเปฺปตตฺตาฯ นิสฺสยปุเรชาตวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตานํ ปุเรชาตภูตานนฺติ อธิปฺปาโยฯ เตสญฺหิ ปุเรชาเต สงฺคโหฯ ตเทกเทสสฺสาติ อารมฺมเณกเทสสฺส, อารมฺมณาธิปติอารมฺมณูปนิสฺสยานนฺติ อโตฺถฯ เตสนฺติ นิสฺสยาทีนํฯ อุปนิสฺสยาทีสูติ อุปนิสฺสยปุเรชาตปจฺจยาทีสุฯ ตํ ปน ปุเรชาตภูตํ อารมฺมณํฯ ตตฺถาติ อุปนิสฺสยปจฺจยสงฺคเหฯ ยถาวุตฺตนโย เจตฺถ เอกเนฺตน คเหตโพฺพติ ทเสฺสตุํ ‘‘อถ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Ajjhattikabāhirabhedatoti vattabbaṃ cakkhādīnaṃ jīvitindriyassa ca adhippetattā, saparasantānikānañca indriyānaṃ anadhippetattā. Nissayapurejātavippayuttaatthiavigatānaṃ purejātabhūtānanti adhippāyo. Tesañhi purejāte saṅgaho. Tadekadesassāti ārammaṇekadesassa, ārammaṇādhipatiārammaṇūpanissayānanti attho. Tesanti nissayādīnaṃ. Upanissayādīsūti upanissayapurejātapaccayādīsu. Taṃ pana purejātabhūtaṃ ārammaṇaṃ. Tatthāti upanissayapaccayasaṅgahe. Yathāvuttanayo cettha ekantena gahetabboti dassetuṃ ‘‘atha panā’’tiādi vuttaṃ.
เอว-สโทฺท อาเนตฺวา โยเชตโพฺพ, อญฺญถา เตสุ ปเญฺหสุ เอกสภาวโตว ปจฺจยสฺส อาคมนํ วุตฺตํ สิยาฯ เตนาติ ‘‘เอโกวา’’ติ อวธารเณน อคฺคหิเตนฯ เตสูติ สหชาตปุเรชาตปจฺจเยสุฯ อุกฺกฎฺฐวเสนาติ ‘‘เอโก เทฺว’’ติอาทินา วุตฺตอุกฺกํสวเสนฯ เต เต ปจฺจเย สงฺคเหตฺวาติ เต เหตุอาทิปจฺจเย สหชาตาทิปจฺจเยหิ สงฺคเหตฺวาฯ ทสฺสิตปจฺจยปริเจฺฉโทติ โสฬสาทิเภเทน สงฺคเหตฺวา ทสฺสิตปจฺจยปริเจฺฉโทฯ
Eva-saddo ānetvā yojetabbo, aññathā tesu pañhesu ekasabhāvatova paccayassa āgamanaṃ vuttaṃ siyā. Tenāti ‘‘ekovā’’ti avadhāraṇena aggahitena. Tesūti sahajātapurejātapaccayesu. Ukkaṭṭhavasenāti ‘‘eko dve’’tiādinā vuttaukkaṃsavasena. Te te paccaye saṅgahetvāti te hetuādipaccaye sahajātādipaccayehi saṅgahetvā. Dassitapaccayaparicchedoti soḷasādibhedena saṅgahetvā dassitapaccayaparicchedo.
ปเภทปริหานีสูติ สหชาตปจฺจยาทีหิ สงฺคหิตปจฺจยปฺปเภเท ตํตํปจฺจยปฎิเกฺขเป ปญฺหาปริหานิยญฺจาติ อโตฺถฯ นเหตุปจฺจยาติ อิมินา เหตุปจฺจยโต อเญฺญ ปจฺจยา คหิตาติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘นเหตุปจฺจยาติ เอตฺถ ลพฺภมานปจฺจเย สนฺธาย วุตฺต’’นฺติฯ เอวญฺจ กตฺวาติ สพฺพปจฺจนียสาธารณลกฺขณวเสน วุตฺตตฺตา เอว น วตฺตพฺพํ สิยา, น หิ เหตุปจฺจเย ปจฺจนียโต ฐิเต เหตุธโมฺม เหตุสฺส ธมฺมสฺส สหชาตปจฺจเยน ปจฺจโยติ สกฺกา วตฺตุํฯ วีสติ ปจฺจยาติ เหตุปจฺจเยน สทฺธิํ วีสติ ปจฺจยาฯ ปริหานียํ วิตฺถารกถํ ทเสฺสโนฺตติ โยชนาฯ
Pabhedaparihānīsūti sahajātapaccayādīhi saṅgahitapaccayappabhede taṃtaṃpaccayapaṭikkhepe pañhāparihāniyañcāti attho. Nahetupaccayāti iminā hetupaccayato aññe paccayā gahitāti katvā vuttaṃ ‘‘nahetupaccayāti ettha labbhamānapaccaye sandhāya vutta’’nti. Evañca katvāti sabbapaccanīyasādhāraṇalakkhaṇavasena vuttattā eva na vattabbaṃ siyā, na hi hetupaccaye paccanīyato ṭhite hetudhammo hetussa dhammassa sahajātapaccayena paccayoti sakkā vattuṃ. Vīsati paccayāti hetupaccayena saddhiṃ vīsati paccayā. Parihānīyaṃ vitthārakathaṃ dassentoti yojanā.
๕๒๘. เตหิ เตหิ ปจฺจเยหีติ สหชาตปจฺจยาทีหิ เตหิ เตหิ สงฺคาหกภูเตหิ ปจฺจเยหิฯ เต เต ปจฺจยาติ สงฺคเหตพฺพา อญฺญมญฺญปจฺจยาทโย เหตุปจฺจยาทโย วา เต เต ปจฺจยาฯ อเญฺญสํ อภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ, น เตสํ สเพฺพสํ สมฺภวนฺติ อธิปฺปาโยฯ เตนาห ‘‘น หี’’ติอาทิฯ ตตฺถ เทฺวเยวาติ อารมฺมณาธิปติํ อปเนตฺวา อาหฯ อพฺยากตสฺสปีติ ปิ-สเทฺทน น เกวลํ กุสลเสฺสว, อถ โข อพฺยากตสฺสปีติ กุสลํ สมฺปิเณฺฑติฯ
528. Tehi tehi paccayehīti sahajātapaccayādīhi tehi tehi saṅgāhakabhūtehi paccayehi. Te te paccayāti saṅgahetabbā aññamaññapaccayādayo hetupaccayādayo vā te te paccayā. Aññesaṃ abhāvaṃ sandhāya vuttaṃ, na tesaṃ sabbesaṃ sambhavanti adhippāyo. Tenāha ‘‘na hī’’tiādi. Tattha dveyevāti ārammaṇādhipatiṃ apanetvā āha. Abyākatassapīti pi-saddena na kevalaṃ kusalasseva, atha kho abyākatassapīti kusalaṃ sampiṇḍeti.
๕๓๐. เตน สทฺธินฺติ วตฺถุนา สทฺธิํฯ สุทฺธานนฺติ เกวลานํ วตฺถุนา วินา จ คหิตานํ กุสลกฺขนฺธานํฯ ยทิปิ วตฺถุนา สทฺธิํ สหชาตโฎฺฐ นตฺถิ, นิสฺสยาทิภาโว ปน อเตฺถวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘วตฺถุนา ปนา’’ติอาทิมาหฯ
530. Tena saddhinti vatthunā saddhiṃ. Suddhānanti kevalānaṃ vatthunā vinā ca gahitānaṃ kusalakkhandhānaṃ. Yadipi vatthunā saddhiṃ sahajātaṭṭho natthi, nissayādibhāvo pana atthevāti dassento ‘‘vatthunā panā’’tiādimāha.
สหชาตปุเรชาตปจฺฉาชาตอาหารินฺทฺริยานํ อตฺถิปจฺจเยน สงฺคเหตพฺพตฺตา สหชาตาทีหิ สงฺคเหตพฺพานํ ตํสงฺคโห สุกโรติ ทเสฺสตุํ อุปนิสฺสเยน สงฺคเหตพฺพานํ สงฺคโห วุตฺตนโย เอวาติ วุตฺตํ ‘‘จตูสุ สพฺพปจฺจเย สงฺคณฺหิตฺวา’’ติฯ กมฺมํ ปน สหชาตูปนิสฺสเยหิ อสงฺคเหตพฺพตาปิ อตฺถีติ สรูปโต คหิตํ, อญฺญถา ‘‘ตีสุ ปจฺจเยสู’’ติ วตฺตพฺพํ สิยาฯ มิสฺสกามิสฺสกสฺสาติ สหชาตปุเรชาตาทิภาเวหิ มิสฺสกสฺส ตถา อมิสฺสกสฺส จฯ วุตฺตเมวตฺถํ วิตฺถารโต ทเสฺสตุํ ‘‘น หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เตนาติ อตฺถิปจฺจยวิภาคสงฺคาหกานํ สหชาตาทีนํ คหเณนฯ สพฺพปจฺจยานํ…เป.… โหตีติ อิมินา ‘‘อิมสฺมิํ ปน ปจฺจยุทฺธาเร’’ติอาทินา วุโตฺตปิ ปจฺจยสงฺคโห อิธ อตฺถโต ทสฺสิโตเยวาติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติฯ
Sahajātapurejātapacchājātaāhārindriyānaṃ atthipaccayena saṅgahetabbattā sahajātādīhi saṅgahetabbānaṃ taṃsaṅgaho sukaroti dassetuṃ upanissayena saṅgahetabbānaṃ saṅgaho vuttanayo evāti vuttaṃ ‘‘catūsu sabbapaccaye saṅgaṇhitvā’’ti. Kammaṃ pana sahajātūpanissayehi asaṅgahetabbatāpi atthīti sarūpato gahitaṃ, aññathā ‘‘tīsu paccayesū’’ti vattabbaṃ siyā. Missakāmissakassāti sahajātapurejātādibhāvehi missakassa tathā amissakassa ca. Vuttamevatthaṃ vitthārato dassetuṃ ‘‘na hī’’tiādi vuttaṃ. Tenāti atthipaccayavibhāgasaṅgāhakānaṃ sahajātādīnaṃ gahaṇena. Sabbapaccayānaṃ…pe… hotīti iminā ‘‘imasmiṃ pana paccayuddhāre’’tiādinā vuttopi paccayasaṅgaho idha atthato dassitoyevāti imamatthaṃ dasseti.
นิสฺสโย กสฺมา น วุโตฺต? สหชาตนิสฺสโย ปุเรชาตนิสฺสโยติ หิ สกฺกา วิภชิตุนฺติ อธิปฺปาโยฯ วิปฺปยุโตฺต วา กสฺมา น วุโตฺต? ปุเรชาตวิปฺปยุโตฺต ปจฺฉาชาตวิปฺปยุโตฺตติ วิภชิตุํ สกฺกาติ อโตฺถฯ ยํ มิสฺสกามิสฺสกภาวํ มนสิ กตฺวา ‘‘อวตฺตพฺพตฺตา’’ติ วุตฺตํ, ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘นิสฺสโย ตาวา’’ติอาทิมาหฯ วิเสสิตโพฺพ ‘‘วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ อวิเสเสน ปาฬิยํ วุตฺตตฺตาฯ โส วิยาติ อตฺถิปจฺจโย วิย, นิสฺสยปจฺจโย วิย วา อตฺถิปจฺจยวิเสสาภาเวน วิปฺปยุตฺตปจฺจโย น วตฺตโพฺพวฯ ทฺวินฺนํ ปจฺจยานํ วิย ปเภทสพฺภาวโตติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สหชาตปุเรชาตานญฺจา’’ติอาทิมาหฯ ตถาติอาทินา วุตฺตมตฺถํ ปาฬิยา สมเตฺถตุํ ‘‘วกฺขตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ มคฺคผลธมฺมานํ มคฺคผลตํสมุฎฺฐานรูปวเสน สหชาตอตฺถิปจฺจโย เตสํเยว ปุเรชาตจตุสนฺตติรูปวเสน ปจฺฉาชาตอตฺถิปจฺจโย วุโตฺต, น ปน วิปฺปยุตฺตปจฺจยภาโว วกฺขตีติ โยชนาฯ โสติ วิปฺปยุตฺตปจฺจโยฯ
Nissayokasmā na vutto? Sahajātanissayo purejātanissayoti hi sakkā vibhajitunti adhippāyo. Vippayutto vā kasmā na vutto? Purejātavippayutto pacchājātavippayuttoti vibhajituṃ sakkāti attho. Yaṃ missakāmissakabhāvaṃ manasi katvā ‘‘avattabbattā’’ti vuttaṃ, taṃ dassento ‘‘nissayo tāvā’’tiādimāha. Visesitabbo ‘‘vippayuttapaccayena paccayo’’ti avisesena pāḷiyaṃ vuttattā. So viyāti atthipaccayo viya, nissayapaccayo viya vā atthipaccayavisesābhāvena vippayuttapaccayo na vattabbova. Dvinnaṃ paccayānaṃ viya pabhedasabbhāvatoti dassento ‘‘sahajātapurejātānañcā’’tiādimāha. Tathātiādinā vuttamatthaṃ pāḷiyā samatthetuṃ ‘‘vakkhatī’’tiādi vuttaṃ. Tattha maggaphaladhammānaṃ maggaphalataṃsamuṭṭhānarūpavasena sahajātaatthipaccayo tesaṃyeva purejātacatusantatirūpavasena pacchājātaatthipaccayo vutto, na pana vippayuttapaccayabhāvo vakkhatīti yojanā. Soti vippayuttapaccayo.
เหตุอาทีนํ สหชาตโนฺตคธตฺตา เหตุอาทโย ตพฺพิเสสา โหนฺตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘สหชาตปจฺจโย จ เหตุอาทีหิ วิเสเสตโพฺพ’’ติฯ โสติ สหชาตปจฺจโยฯ วิรุทฺธปจฺจเยหีติ สหชาตปุเรชาตสฺส สหชาตาทิภาเวน วิรุเทฺธหิ ปจฺจเยหิฯ เตนาห ‘‘อุปฺปตฺติกาลวิรุเทฺธหิ ปจฺจเยหี’’ติฯ
Hetuādīnaṃ sahajātantogadhattā hetuādayo tabbisesā hontīti katvā vuttaṃ ‘‘sahajātapaccayo ca hetuādīhi visesetabbo’’ti. Soti sahajātapaccayo. Viruddhapaccayehīti sahajātapurejātassa sahajātādibhāvena viruddhehi paccayehi. Tenāha ‘‘uppattikālaviruddhehi paccayehī’’ti.
ปจฺจนียุทฺธารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paccanīyuddhāravaṇṇanā niṭṭhitā.
ปจฺจนียคณนวณฺณนา
Paccanīyagaṇanavaṇṇanā
นเหตุมูลกวณฺณนา
Nahetumūlakavaṇṇanā
๕๓๒. อธิปติปจฺจยาทิภูโต อารมฺมณปจฺจโยติ อารมฺมณอารมฺมณาธิปติอารมฺมณูปนิสฺสเย วทติฯ เต จ ยสฺมา อารมฺมณสภาวา เอว, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปริหายติเยวา’’ติฯ ปนฺนรสสูติ ทุติเย สหชาตปจฺจเย ‘‘เหตุปจฺจโย’’ติอาทินา วุเตฺตสุ ปนฺนรสสุฯ เอกาทสนฺนํ วเสนาติ สหชาตปจฺจโย, สหชาตตาวิสิฎฺฐา อธิปตินิสฺสยกมฺมาหารินฺทฺริยตฺถิอวิคตเหตุฌานมคฺคา จาติ อิเมสํ เอกาทสนฺนํ วเสนฯ สหชาเต อโนฺตคธา เหตุอาทโยฯ ตสฺมิํ ปฎิกฺขิเตฺตติ ตสฺมิํ สหชาเต ปฎิกฺขิเตฺต ปจฺจนียโต ฐิเตฯ อนโนฺตคธา สหชาเต , เก ปน เตติ อาห ‘‘อารมฺมณาธิปติปุเรชาตนิสฺสยาทโย’’ติฯ อารมฺมณาทิอากาเรนาติ อารมฺมณปุเรชาตนิสฺสยนานากฺขณิกกมฺมาทิอากาเรนฯ
532. Adhipatipaccayādibhūto ārammaṇapaccayoti ārammaṇaārammaṇādhipatiārammaṇūpanissaye vadati. Te ca yasmā ārammaṇasabhāvā eva, tasmā vuttaṃ ‘‘parihāyatiyevā’’ti. Pannarasasūti dutiye sahajātapaccaye ‘‘hetupaccayo’’tiādinā vuttesu pannarasasu. Ekādasannaṃ vasenāti sahajātapaccayo, sahajātatāvisiṭṭhā adhipatinissayakammāhārindriyatthiavigatahetujhānamaggā cāti imesaṃ ekādasannaṃ vasena. Sahajāte antogadhā hetuādayo. Tasmiṃ paṭikkhitteti tasmiṃ sahajāte paṭikkhitte paccanīyato ṭhite. Anantogadhā sahajāte , ke pana teti āha ‘‘ārammaṇādhipatipurejātanissayādayo’’ti. Ārammaṇādiākārenāti ārammaṇapurejātanissayanānākkhaṇikakammādiākārena.
ตสฺมิํ ปฎิกฺขิเตฺตติ ตสฺมิํ สหชาตปจฺจเย ปฎิกฺขิเตฺตฯ อิเม วาราติ สหชาตํ ปุเรชาตนฺติ วิสฺสชฺชิตวาราฯ เอเต นิสฺสยาทโยติ สหชาตตาวิสิเฎฺฐ นิสฺสยาทิเก วทติ, น อิตเรฯ เตนาห ‘‘ยสฺมา จ…เป.… ปฎิเกฺขเปน ปฎิกฺขิตฺตา’’ติฯ
Tasmiṃ paṭikkhitteti tasmiṃ sahajātapaccaye paṭikkhitte. Ime vārāti sahajātaṃ purejātanti vissajjitavārā. Ete nissayādayoti sahajātatāvisiṭṭhe nissayādike vadati, na itare. Tenāha ‘‘yasmā ca…pe… paṭikkhepena paṭikkhittā’’ti.
นิสฺสยาทิภูตญฺจ สหชาตปจฺจยํ ฐเปตฺวาติ เอเตน ‘‘ฐเปตฺวา สหชาตปจฺจย’’นฺติ เอตฺถ อโนฺตคธนิสฺสยาทิภาโวเยว สหชาตปจฺจโย คหิโตติ ทเสฺสติฯ นิสฺสยาทีติ อาทิ-สเทฺทน เหตุอาทีนํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ อญฺญมญฺญปจฺจยธมฺมวเสน ปวตฺติสพฺภาวโตติ อญฺญมญฺญปจฺจยธมฺมวเสน สหชาตาทีหิ ปวตฺติสพฺภาวโต อญฺญมเญฺญ ปฎิกฺขิเตฺต ‘‘กุสโล กุสลาพฺยากตสฺสา’’ติ วาโร ปริหายติฯ เตสํ เตสํ ปจฺจยุปฺปนฺนานนฺติ อิทํ สามญฺญวจนมฺปิ ‘‘อญฺญมญฺญปจฺจยสงฺคหํ คตา’’ติ วจนโต อญฺญมญฺญปจฺจยลาภีนํเยว คหณํ สิยาติ อาสงฺกํ นิวเตฺตตุํ ‘‘กุสโล จ กุสลสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สมุทายภูโตติ จตุกฺขนฺธสมุทายภูโตฯ เอกเทสภูเตหีติ ตเสฺสว เอกเทสภูเตหิฯ ‘‘กุสโล ปนา’’ติอาทิ ‘‘นอญฺญมญฺญปจฺจเยน…เป.… ปริหายตี’’ติ อิมสฺส อฎฺฐกถาวจนสฺส สมาธานวจนํฯ
Nissayādibhūtañca sahajātapaccayaṃ ṭhapetvāti etena ‘‘ṭhapetvā sahajātapaccaya’’nti ettha antogadhanissayādibhāvoyeva sahajātapaccayo gahitoti dasseti. Nissayādīti ādi-saddena hetuādīnaṃ saṅgaho daṭṭhabbo. Aññamaññapaccayadhammavasena pavattisabbhāvatoti aññamaññapaccayadhammavasena sahajātādīhi pavattisabbhāvato aññamaññe paṭikkhitte ‘‘kusalo kusalābyākatassā’’ti vāro parihāyati. Tesaṃ tesaṃ paccayuppannānanti idaṃ sāmaññavacanampi ‘‘aññamaññapaccayasaṅgahaṃ gatā’’ti vacanato aññamaññapaccayalābhīnaṃyeva gahaṇaṃ siyāti āsaṅkaṃ nivattetuṃ ‘‘kusalo ca kusalassā’’tiādi vuttaṃ. Samudāyabhūtoti catukkhandhasamudāyabhūto. Ekadesabhūtehīti tasseva ekadesabhūtehi. ‘‘Kusalo panā’’tiādi ‘‘naaññamaññapaccayena…pe… parihāyatī’’ti imassa aṭṭhakathāvacanassa samādhānavacanaṃ.
รูปกฺขเนฺธกเทโสว โหนฺติ รูปาหารรูปินฺทฺริยวเสน, ‘‘เอกเนฺตน วิปฺปยุตฺตปจฺจยธเมฺมหี’’ติ วุตฺตธมฺมา ‘‘เต’’ติ ปจฺจามฎฺฐาติ อาห ‘‘เตติ เต วิปฺปยุตฺตปจฺจยธมฺมา’’ติฯ
Rūpakkhandhekadesova honti rūpāhārarūpindriyavasena, ‘‘ekantena vippayuttapaccayadhammehī’’ti vuttadhammā ‘‘te’’ti paccāmaṭṭhāti āha ‘‘teti te vippayuttapaccayadhammā’’ti.
๕๓๓. ปจฺจนียคณนํ ทเสฺสตุนฺติ วุเตฺตปิ นนุ ปจฺจยคณนเมว ทสฺสิตํ โหตีติ กสฺสจิ อาสงฺกา สิยาติ ตํ นิวเตฺตโนฺต อาห ‘‘ปจฺจนียวารคณนา หิ ทสฺสิตา’’ติฯ พลวกมฺมํ วิปากสฺส อุปนิสฺสโย โหติ, อิตรํ กมฺมปจฺจโย เอวาติ อาห ‘‘วิปากสฺสปิ ปน…เป.… กมฺมปจฺจโย โหตี’’ติฯ
533. Paccanīyagaṇanaṃ dassetunti vuttepi nanu paccayagaṇanameva dassitaṃ hotīti kassaci āsaṅkā siyāti taṃ nivattento āha ‘‘paccanīyavāragaṇanā hi dassitā’’ti. Balavakammaṃ vipākassa upanissayo hoti, itaraṃ kammapaccayo evāti āha ‘‘vipākassapi pana…pe… kammapaccayo hotī’’ti.
นเหตุมูลกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Nahetumūlakavaṇṇanā niṭṭhitā.
๕๓๔. ปริจฺฉินฺนคณนานีติ อิทํ น คณนาเปกฺขํ, อถ โข วิสฺสชฺชนาเปกฺขนฺติ อาห ‘‘ปริจฺฉินฺนคณนานิ วิสฺสชฺชนานี’’ติฯ ปจฺจนียโต ฐิโตปิ เหตุ นยานํ มูลภาเวเนว ฐิโตติ อาห ‘‘เหตุมูลเก’’ติ, อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘นเหตุมูลก’’มิเจฺจว วุตฺตํฯ
534. Paricchinnagaṇanānīti idaṃ na gaṇanāpekkhaṃ, atha kho vissajjanāpekkhanti āha ‘‘paricchinnagaṇanāni vissajjanānī’’ti. Paccanīyato ṭhitopi hetu nayānaṃ mūlabhāveneva ṭhitoti āha ‘‘hetumūlake’’ti, aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘nahetumūlaka’’micceva vuttaṃ.
๕๓๘. มูลํ สงฺขิปิตฺวาติ สตฺตมูลกํ อฎฺฐมูลกํ นวมูลกญฺจ สงฺขิปิตฺวาฯ ทฺวีสูติ ‘‘ตีณี’’ติ วุเตฺตสุ ตีสุ วิสฺสชฺชเนสุ ปุริเมสุ ทฺวีสุ ‘‘กุสโล ธโมฺม อพฺยากตสฺส, อกุสโล ธโมฺม อพฺยากตสฺสา’’ติ อิเมสุฯ เตนาห ‘‘วิปาโก ปจฺจยุปฺปโนฺน โหตี’’ติฯ ตติเยติ ‘‘อพฺยากโต ธโมฺม อพฺยากตสฺสา’’ติ อิมสฺมิํฯ เตสมุฎฺฐานิกกาโยติ อุตุจิตฺตาหารานํ วเสน เตสมุฎฺฐานิกกาโยฯ
538. Mūlaṃ saṅkhipitvāti sattamūlakaṃ aṭṭhamūlakaṃ navamūlakañca saṅkhipitvā. Dvīsūti ‘‘tīṇī’’ti vuttesu tīsu vissajjanesu purimesu dvīsu ‘‘kusalo dhammo abyākatassa, akusalo dhammo abyākatassā’’ti imesu. Tenāha ‘‘vipāko paccayuppanno hotī’’ti. Tatiyeti ‘‘abyākato dhammo abyākatassā’’ti imasmiṃ. Tesamuṭṭhānikakāyoti utucittāhārānaṃ vasena tesamuṭṭhānikakāyo.
๕๔๕. เอตํ ทฺวยํ สนฺธาย วุตฺตํ, ยถา อรูปํ อรูปสฺส, เอวํ รูปมฺปิ รูปสฺส วิปฺปยุตฺตปจฺจโย น โหตีติฯ รูปาพฺยากโต อรูปาพฺยากตสฺสาติ อิทํ วตฺถุขเนฺธ สนฺธาย วุตฺตํฯ อรูปาพฺยากโต รูปาพฺยากตสฺสาติ อิทํ ปน จิตฺตสมุฎฺฐานรูปญฺจาติ เตสํ เอกนฺติโก วิปฺปยุตฺตปจฺจยภาโวติ อาห ‘‘สหชาต…เป.… โหติเยวา’’ติฯ สหชาตาหารินฺทฺริยวเสนาติ สหชาตอรูปาหารินฺทฺริยวเสนฯ
545. Etaṃ dvayaṃ sandhāya vuttaṃ, yathā arūpaṃ arūpassa, evaṃ rūpampi rūpassa vippayuttapaccayo na hotīti. Rūpābyākato arūpābyākatassāti idaṃ vatthukhandhe sandhāya vuttaṃ. Arūpābyākato rūpābyākatassāti idaṃ pana cittasamuṭṭhānarūpañcāti tesaṃ ekantiko vippayuttapaccayabhāvoti āha ‘‘sahajāta…pe… hotiyevā’’ti. Sahajātāhārindriyavasenāti sahajātaarūpāhārindriyavasena.
๕๔๖. เอกมูลเกกาวสานา อนนฺตรปกตูปนิสฺสยวเสน ลพฺภนฺตีติ อิทํ ยถารหวเสน วุตฺตนฺติ ตํ ยถารหํ ปฎิเกฺขปาปฎิเกฺขปวเสนปิ ทเสฺสตพฺพนฺติ ‘‘อตฺถิปจฺจเย ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปุริเมสูติ นารมฺมณาทีสุฯ นวาติ เอกมูลกาวสานา นวฯ เทฺวเยวาติ ‘‘กุสโล ธโมฺม อพฺยากตสฺส, อกุสโล ธโมฺม อพฺยากตสฺสา’’ติ อิเม เทฺวเยวฯ
546. Ekamūlakekāvasānā anantarapakatūpanissayavasena labbhantīti idaṃ yathārahavasena vuttanti taṃ yathārahaṃ paṭikkhepāpaṭikkhepavasenapi dassetabbanti ‘‘atthipaccaye panā’’tiādi vuttaṃ. Purimesūti nārammaṇādīsu. Navāti ekamūlakāvasānā nava. Dveyevāti ‘‘kusalo dhammo abyākatassa, akusalo dhammo abyākatassā’’ti ime dveyeva.
ปจฺจนียวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paccanīyavaṇṇanā niṭṭhitā.
อนุโลมปจฺจนียวณฺณนา
Anulomapaccanīyavaṇṇanā
๕๕๐. อิเมเหวาติ ‘‘กุสโล กุสลสฺส, อกุสโล อกุสลสฺสา’’ติ อิเมหิ เอว สมานา โหนฺติ กุสลาทิตาสามเญฺญนฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อตฺถาภาวโต ปน น อนุรูปา’’ติฯ ‘‘กุสโล กุสลสฺสา’’ติอาทินา สติปิ อุเทฺทสโต สามเญฺญ เยภุเยฺยน สิยา วิภเงฺค วิเสโสติ อาห ‘‘ยถาโยคํ นิเทฺทสโต จา’’ติฯ
550. Imehevāti ‘‘kusalo kusalassa, akusalo akusalassā’’ti imehi eva samānā honti kusalāditāsāmaññena. Tena vuttaṃ ‘‘atthābhāvato pana na anurūpā’’ti. ‘‘Kusalo kusalassā’’tiādinā satipi uddesato sāmaññe yebhuyyena siyā vibhaṅge visesoti āha ‘‘yathāyogaṃ niddesato cā’’ti.
๕๕๑. เหตุนามนฺติ เหตุ จ ตํ นามญฺจาติ เหตุนามํฯ ปจฺจยนฺติ ตเมว ปจฺจยภูตํ สนฺธายาติ โยชนาฯ
551. Hetunāmanti hetu ca taṃ nāmañcāti hetunāmaṃ. Paccayanti tameva paccayabhūtaṃ sandhāyāti yojanā.
๕๕๒. ทฺวินฺนมฺปิ อธิปตีนนฺติ สหชาตารมฺมณาธิปตีนํ วเสน, ตํ ‘‘กุสลํ กุสลสฺส สหชาตโต เจว อารมฺมณโต จา’’ติอาทินา อฎฺฐกถายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ นารมฺมเณ สตฺตาติ สหชาตาธิปติสฺส วเสน วุตฺตํ, น สหชาเต สตฺตาติ อารมฺมณาธิปติสฺส วเสน วุตฺตนฺติ โยชนาฯ เอวนฺติ ยถา อธิปติมฺหิ วุตฺตํ, เอวํ สพฺพตฺถ สพฺพปจฺจเยสุฯ ‘‘ตสฺมิํ ตสฺมิํ…เป.… อุทฺธริตพฺพา’’ติ วตฺวา ตสฺส คณนุทฺธารสฺส สุกรตํ อุปายญฺจ ทเสฺสโนฺต ‘‘อนุโลเม…เป.… วิญฺญาตุ’’นฺติ อาหฯ
552. Dvinnampi adhipatīnanti sahajātārammaṇādhipatīnaṃ vasena, taṃ ‘‘kusalaṃ kusalassa sahajātato ceva ārammaṇato cā’’tiādinā aṭṭhakathāyaṃ vuttanayeneva veditabbaṃ. Nārammaṇe sattāti sahajātādhipatissa vasena vuttaṃ, na sahajāte sattāti ārammaṇādhipatissa vasena vuttanti yojanā. Evanti yathā adhipatimhi vuttaṃ, evaṃ sabbattha sabbapaccayesu. ‘‘Tasmiṃ tasmiṃ…pe… uddharitabbā’’ti vatvā tassa gaṇanuddhārassa sukarataṃ upāyañca dassento ‘‘anulome…pe… viññātu’’nti āha.
อนุโลมปจฺจนียวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Anulomapaccanīyavaṇṇanā niṭṭhitā.
ปจฺจนียานุโลมวณฺณนา
Paccanīyānulomavaṇṇanā
๖๓๑. ปริหาปนคณนายาติ ปริหาเปตพฺพคณนาย สมานตฺตญฺจ น เอกนฺติกํ อูนตมภาวสฺสปิ สมฺภวโตติ อธิปฺปาโยฯ เตนาห ‘‘นเหตุนารมฺมณทุกสฺสา’’ติอาทิฯ ตตฺถ สทฺธิํ โยชิยมาเนน อูนตรคณเนน อธิปติปจฺจเยน ปริหีนาปีติ โยชนาฯ สทฺธิํ ปริหีนาปีติ วา อิมสฺมิํ ปเกฺข ‘‘อธิปติปจฺจเยนา’’ติ อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ กรณวจนํฯ เอตนฺติ ลกฺขณํฯ
631. Parihāpanagaṇanāyāti parihāpetabbagaṇanāya samānattañca na ekantikaṃ ūnatamabhāvassapi sambhavatoti adhippāyo. Tenāha ‘‘nahetunārammaṇadukassā’’tiādi. Tattha saddhiṃ yojiyamānena ūnataragaṇanena adhipatipaccayena parihīnāpīti yojanā. Saddhiṃ parihīnāpīti vā imasmiṃ pakkhe ‘‘adhipatipaccayenā’’ti itthambhūtalakkhaṇe karaṇavacanaṃ. Etanti lakkhaṇaṃ.
อฎฺฐานนฺติ อนุโลมโต อฎฺฐานํ อติฎฺฐนํฯ ติฎฺฐนฺตีติ อนุโลมโตติ โยชนาฯ เตสนฺติ เหตุอาทีนํฯ อิตเรสูติ ยาทิสา อธิเปฺปตา, เต ทเสฺสตุํ ‘‘อธิปตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อิมานิ เทฺวติ ‘‘กุสลาพฺยากตา อพฺยากตสฺส, อกุสลาอพฺยากตา อพฺยากตสฺสา’’ติ อิมานิ จ เทฺวฯ
Aṭṭhānanti anulomato aṭṭhānaṃ atiṭṭhanaṃ. Tiṭṭhantīti anulomatoti yojanā. Tesanti hetuādīnaṃ. Itaresūti yādisā adhippetā, te dassetuṃ ‘‘adhipatī’’tiādi vuttaṃ. Imāni dveti ‘‘kusalābyākatā abyākatassa, akusalāabyākatā abyākatassā’’ti imāni ca dve.
นเหตุมูลกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Nahetumūlakavaṇṇanā niṭṭhitā.
๖๓๖. เหตุยา วุเตฺตหิ ตีหีติ เหตุปจฺจยา วุเตฺตหิ ตีหิ วิสฺสชฺชเนหิ สทฺธิํฯ วารสามญฺญเมว วทติ, น อตฺถสามญฺญนฺติ อธิปฺปาโยฯ ตถา กเมฺม ตีณีติ เหตุยา วุตฺตาเนวาติ จาติ ‘‘กเมฺม ตีณี’’ติ เอตฺถ ‘‘เหตุยา วุตฺตาเนวา’’ติ อิมสฺมิํ อตฺถวจเนปิ ตถา วารสามญฺญเมว สนฺธาย วทตีติ อโตฺถฯ
636. Hetuyāvuttehi tīhīti hetupaccayā vuttehi tīhi vissajjanehi saddhiṃ. Vārasāmaññameva vadati, na atthasāmaññanti adhippāyo. Tathā kamme tīṇīti hetuyā vuttānevāti cāti ‘‘kamme tīṇī’’ti ettha ‘‘hetuyā vuttānevā’’ti imasmiṃ atthavacanepi tathā vārasāmaññameva sandhāya vadatīti attho.
๖๔๔. เอเกกเมวาติ เอเกกเมว วิสฺสชฺชนํฯ
644. Ekekamevāti ekekameva vissajjanaṃ.
๖๕๐. สกฎฺฐาเนติ อตฺตนา ฐิตฎฺฐาเนฯ ตโต ปเรตราติ ตโต อคฺคหิตปจฺจยโต ปเรตรา ปจฺจนียโตฯ นาหาเร…เป.… ลาโภ โหตีติ อาหารปจฺจเย ปจฺจนียโต ฐิเต อินฺทฺริยปจฺจยํ, อนุโลมโต อินฺทฺริยปจฺจเย จ ปจฺจนียโต ฐิเต อาหารปจฺจยํ อนุโลมโต โยเชตฺวา ยถา ปโญฺห ลพฺภตีติ อโตฺถฯ เตสูติ อาหารินฺทฺริเยสุฯ ทฺวิธา ภินฺนานิ ปจฺจนียโต อนุโลมโต จ โยเชตพฺพภาเวนฯ
650. Sakaṭṭhāneti attanā ṭhitaṭṭhāne. Tato paretarāti tato aggahitapaccayato paretarā paccanīyato. Nāhāre…pe… lābho hotīti āhārapaccaye paccanīyato ṭhite indriyapaccayaṃ, anulomato indriyapaccaye ca paccanīyato ṭhite āhārapaccayaṃ anulomato yojetvā yathā pañho labbhatīti attho. Tesūti āhārindriyesu. Dvidhā bhinnāni paccanīyato anulomato ca yojetabbabhāvena.
ปจฺจนียานุโลมวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paccanīyānulomavaṇṇanā niṭṭhitā.
กุสลตฺติกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kusalattikavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ปฎฺฐานปาฬิ • Paṭṭhānapāḷi / ๑. กุสลตฺติกํ • 1. Kusalattikaṃ
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā / ๗. ปญฺหาวารวิภงฺควณฺณนา • 7. Pañhāvāravibhaṅgavaṇṇanā