Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā)

    ๕. ปณิหิตอจฺฉวคฺควณฺณนา

    5. Paṇihitaacchavaggavaṇṇanā

    ๔๑. ปญฺจมสฺส ปฐเม เสยฺยถาปีติ โอปมฺมเตฺถ นิปาโตฯ ตตฺร ภควา กตฺถจิ อเตฺถน อุปมํ ปริวาเรตฺวา ทเสฺสติ วตฺถสุเตฺต (ม. นิ. ๑.๗๐ อาทโย) วิย, ปาริจฺฉตฺตโกปม- (อ. นิ. ๗.๖๙) อคฺคิกฺขโนฺธปมาทิสุเตฺตสุ (อ. นิ. ๗.๗๒) วิย จ, กตฺถจิ อุปมาย อตฺถํ ปริวาเรตฺวา ทเสฺสติ โลณมฺพิลสุเตฺต (อ. นิ. ๓.๑๐๑) วิย, สุวณฺณการสุตฺตสูริโยปมาทิสุเตฺตสุ (อ. นิ. ๗.๖๖) วิย จฯ อิมสฺมิํ ปน สาลิสูโกปเม อุปมาย อตฺถํ ปริวาเรตฺวา ทเสฺสโนฺต เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเวติอาทิมาหฯ ตตฺถ สาลิสูกนฺติ สาลิผลสฺส สูกํฯ ยวสูเกปิ เอเสว นโยฯ วา-สโทฺท วิกปฺปโตฺถฯ มิจฺฉาปณิหิตนฺติ มิจฺฉาฐปิตํฯ ยถา วิชฺฌิตุํ สโกฺกติ, น เอวํ อุทฺธคฺคํ กตฺวา ฐปิตนฺติ อโตฺถฯ เภจฺฉตีติ ภินฺทิสฺสติ, ฉวิํ ฉินฺทิสฺสตีติ อโตฺถฯ มิจฺฉาปณิหิเตน จิเตฺตนาติ มิจฺฉาฐปิเตน จิเตฺตนฯ วฎฺฎวเสน อุปฺปนฺนจิตฺตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ อวิชฺชนฺติ อฎฺฐสุ ฐาเนสุ อญฺญาณภูตํ ฆนพหลํ มหาอวิชฺชํฯ วิชฺชํ อุปฺปาเทสฺสตีติ เอตฺถ วิชฺชนฺติ อรหตฺตมคฺคญาณํฯ นิพฺพานนฺติ ตณฺหาวานโต นิกฺขนฺตภาเวน เอวํ วุตฺตํ อมตํฯ สจฺฉิกริสฺสตีติ ปจฺจกฺขํ กริสฺสติฯ

    41. Pañcamassa paṭhame seyyathāpīti opammatthe nipāto. Tatra bhagavā katthaci atthena upamaṃ parivāretvā dasseti vatthasutte (ma. ni. 1.70 ādayo) viya, pāricchattakopama- (a. ni. 7.69) aggikkhandhopamādisuttesu (a. ni. 7.72) viya ca, katthaci upamāya atthaṃ parivāretvā dasseti loṇambilasutte (a. ni. 3.101) viya, suvaṇṇakārasuttasūriyopamādisuttesu (a. ni. 7.66) viya ca. Imasmiṃ pana sālisūkopame upamāya atthaṃ parivāretvā dassento seyyathāpi, bhikkhavetiādimāha. Tattha sālisūkanti sāliphalassa sūkaṃ. Yavasūkepi eseva nayo. Vā-saddo vikappattho. Micchāpaṇihitanti micchāṭhapitaṃ. Yathā vijjhituṃ sakkoti, na evaṃ uddhaggaṃ katvā ṭhapitanti attho. Bhecchatīti bhindissati, chaviṃ chindissatīti attho. Micchāpaṇihitena cittenāti micchāṭhapitena cittena. Vaṭṭavasena uppannacittaṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Avijjanti aṭṭhasu ṭhānesu aññāṇabhūtaṃ ghanabahalaṃ mahāavijjaṃ. Vijjaṃ uppādessatīti ettha vijjanti arahattamaggañāṇaṃ. Nibbānanti taṇhāvānato nikkhantabhāvena evaṃ vuttaṃ amataṃ. Sacchikarissatīti paccakkhaṃ karissati.

    ๔๒. ทุติเย สมฺมาปณิหิตนฺติ ยถา ภินฺทิตุํ สโกฺกติ, เอวํ อุทฺธคฺคํ กตฺวา สุฎฺฐุ ฐปิตํฯ อกฺกนฺตนฺติ เอตฺถ ปาเทเนว อกฺกนฺตํ นาม โหติ, หเตฺถน อุปฺปีฬิตํฯ รุฬฺหิสทฺทวเสน ปน อกฺกนฺตเนฺตว วุตฺตํฯ อยเญฺหตฺถ อริยโวหาโรฯ กสฺมา ปน อเญฺญ เสปณฺณิกณฺฎกมทนกณฺฎกาทโย มหเนฺต อคฺคเหตฺวา สุขุมํ ทุพฺพลํ สาลิสูกยวสูกเมว คหิตนฺติ? อปฺปมตฺตกสฺสาปิ กุสลกมฺมสฺส วิวฎฺฎาย สมตฺถภาวทสฺสนตฺถํฯ ยถา หิ สุขุมํ ทุพฺพลํ สาลิสูกํ วา ยวสูกํ วา โหตุ, มหนฺตมหนฺตา เสปณฺณิกณฺฎกมทนกณฺฎกาทโย วา, เอเตสุ ยํกิญฺจิ มิจฺฉา ฐปิตํ หตฺถํ วา ปาทํ วา ภินฺทิตุํ โลหิตํ วา อุปฺปาเทตุํ น สโกฺกติ, สมฺมา ฐปิตํ ปน สโกฺกติ, เอวเมว อปฺปมตฺตกํ ติณมุฎฺฐิ มตฺตทานกุสลํ วา โหตุ, มหนฺตํ เวลามทานาทิกุสลํ วา, สเจ วฎฺฎสมฺปตฺติํ ปเตฺถตฺวา วฎฺฎสนฺนิสฺสิตวเสน มิจฺฉา ฐปิตํ โหติ, วฎฺฎเมว อาหริตุํ สโกฺกติ, โน วิวฎฺฎํฯ ‘‘อิทํ เม ทานํ อาสวกฺขยาวหํ โหตู’’ติ เอวํ ปน วิวฎฺฎํ ปเตฺถเนฺตน วิวฎฺฎวเสน สมฺมา ฐปิตํ อรหตฺตมฺปิ ปเจฺจกโพธิญาณมฺปิ สพฺพญฺญุตญาณมฺปิ ทาตุํ สโกฺกติเยวฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    42. Dutiye sammāpaṇihitanti yathā bhindituṃ sakkoti, evaṃ uddhaggaṃ katvā suṭṭhu ṭhapitaṃ. Akkantanti ettha pādeneva akkantaṃ nāma hoti, hatthena uppīḷitaṃ. Ruḷhisaddavasena pana akkantanteva vuttaṃ. Ayañhettha ariyavohāro. Kasmā pana aññe sepaṇṇikaṇṭakamadanakaṇṭakādayo mahante aggahetvā sukhumaṃ dubbalaṃ sālisūkayavasūkameva gahitanti? Appamattakassāpi kusalakammassa vivaṭṭāya samatthabhāvadassanatthaṃ. Yathā hi sukhumaṃ dubbalaṃ sālisūkaṃ vā yavasūkaṃ vā hotu, mahantamahantā sepaṇṇikaṇṭakamadanakaṇṭakādayo vā, etesu yaṃkiñci micchā ṭhapitaṃ hatthaṃ vā pādaṃ vā bhindituṃ lohitaṃ vā uppādetuṃ na sakkoti, sammā ṭhapitaṃ pana sakkoti, evameva appamattakaṃ tiṇamuṭṭhi mattadānakusalaṃ vā hotu, mahantaṃ velāmadānādikusalaṃ vā, sace vaṭṭasampattiṃ patthetvā vaṭṭasannissitavasena micchā ṭhapitaṃ hoti, vaṭṭameva āharituṃ sakkoti, no vivaṭṭaṃ. ‘‘Idaṃ me dānaṃ āsavakkhayāvahaṃ hotū’’ti evaṃ pana vivaṭṭaṃ patthentena vivaṭṭavasena sammā ṭhapitaṃ arahattampi paccekabodhiñāṇampi sabbaññutañāṇampi dātuṃ sakkotiyeva. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘ปฎิสมฺภิทา วิโมกฺขา จ, ยา จ สาวกปารมี;

    ‘‘Paṭisambhidā vimokkhā ca, yā ca sāvakapāramī;

    ปเจฺจกโพธิ พุทฺธภูมิ, สพฺพเมเตน ลพฺภตี’’ติฯ (ขุ. ปา. ๘.๑๕);

    Paccekabodhi buddhabhūmi, sabbametena labbhatī’’ti. (khu. pā. 8.15);

    อิมสฺมิํ สุตฺตทฺวเย จ วฎฺฎวิวฎฺฎํ กถิตํฯ

    Imasmiṃ suttadvaye ca vaṭṭavivaṭṭaṃ kathitaṃ.

    ๔๓. ตติเย ปทุฎฺฐจิตฺตนฺติ โทเสน ปทุฎฺฐจิตฺตํฯ เจตสา เจโตปริจฺจาติ อตฺตโน จิเตฺตน ตสฺส จิตฺตํ ปริจฺฉินฺทิตฺวาฯ ยถาภตํ นิกฺขิโตฺตติ ยถา อาหริตฺวา ฐปิโตฯ เอวํ นิรเยติ เอวํ นิรเย ฐิโตเยวาติ วตฺตโพฺพฯ อปายนฺติอาทิ สพฺพํ นิรยเววจนเมวฯ นิรโย หิ อยสงฺขาตา สุขา อเปโตติ อปาโย, ทุกฺขสฺส คติ ปฎิสรณนฺติ ทุคฺคติ, ทุกฺกฎการิโน เอตฺถ วิวสา นิปตนฺตีติ วินิปาโต, นิรสฺสาทเตฺถน นิรโย

    43. Tatiye paduṭṭhacittanti dosena paduṭṭhacittaṃ. Cetasā cetopariccāti attano cittena tassa cittaṃ paricchinditvā. Yathābhataṃ nikkhittoti yathā āharitvā ṭhapito. Evaṃ nirayeti evaṃ niraye ṭhitoyevāti vattabbo. Apāyantiādi sabbaṃ nirayavevacanameva. Nirayo hi ayasaṅkhātā sukhā apetoti apāyo, dukkhassa gati paṭisaraṇanti duggati, dukkaṭakārino ettha vivasā nipatantīti vinipāto, nirassādatthena nirayo.

    ๔๔. จตุเตฺถ ปสนฺนนฺติ สทฺธาปสาเทน ปสนฺนํฯ สุคตินฺติ สุขสฺส คติํฯ สคฺคํ โลกนฺติ รูปาทิสมฺปตฺตีหิ สุฎฺฐุ อคฺคํ โลกํฯ

    44. Catutthe pasannanti saddhāpasādena pasannaṃ. Sugatinti sukhassa gatiṃ. Saggaṃ lokanti rūpādisampattīhi suṭṭhu aggaṃ lokaṃ.

    ๔๕. ปญฺจเม อุทกรหโทติ อุทกทโหฯ อาวิโลติ อวิปฺปสโนฺนฯ ลุฬิโตติ อปริสณฺฐิโตฯ กลลีภูโตติ กทฺทมีภูโตฯ สิปฺปิสมฺพุกนฺติอาทีสุ สิปฺปิโย จ สมฺพุกา จ สิปฺปิสมฺพุกํฯ สกฺขรา จ กฐลานิ จ สกฺขรกฐลํฯ มจฺฉานํ คุมฺพํ ฆฎาติ มจฺฉคุมฺพํฯ จรนฺตมฺปิ ติฎฺฐนฺตมฺปีติ เอตฺถ สกฺขรกฐลํ ติฎฺฐติเยว, อิตรานิ จรนฺติปิ ติฎฺฐนฺติปิฯ ยถา ปน อนฺตรนฺตรา ฐิตาสุปิ นิสินฺนาสุปิ นิปชฺชมานาสุปิ ‘‘เอตา คาวิโย จรนฺตี’’ติ จรนฺติโย อุปาทาย อิตราปิ ‘‘จรนฺตี’’ติ วุจฺจนฺติ, เอวํ ติฎฺฐนฺตเมว สกฺขรกฐลํ อุปาทาย อิตรมฺปิ ทฺวยํ ‘‘ติฎฺฐนฺต’’นฺติ วุตฺตํ, อิตรํ ทฺวยํ จรนฺตํ อุปาทาย สกฺขรกฐลมฺปิ ‘‘จรนฺต’’นฺติ วุตฺตํฯ

    45. Pañcame udakarahadoti udakadaho. Āviloti avippasanno. Luḷitoti aparisaṇṭhito. Kalalībhūtoti kaddamībhūto. Sippisambukantiādīsu sippiyo ca sambukā ca sippisambukaṃ. Sakkharā ca kaṭhalāni ca sakkharakaṭhalaṃ. Macchānaṃ gumbaṃ ghaṭāti macchagumbaṃ. Carantampi tiṭṭhantampīti ettha sakkharakaṭhalaṃ tiṭṭhatiyeva, itarāni carantipi tiṭṭhantipi. Yathā pana antarantarā ṭhitāsupi nisinnāsupi nipajjamānāsupi ‘‘etā gāviyo carantī’’ti carantiyo upādāya itarāpi ‘‘carantī’’ti vuccanti, evaṃ tiṭṭhantameva sakkharakaṭhalaṃ upādāya itarampi dvayaṃ ‘‘tiṭṭhanta’’nti vuttaṃ, itaraṃ dvayaṃ carantaṃ upādāya sakkharakaṭhalampi ‘‘caranta’’nti vuttaṃ.

    อาวิเลนาติ ปญฺจหิ นีวรเณหิ ปริโยนเทฺธนฯ อตฺตตฺถํ วาติอาทีสุ อตฺตโน ทิฎฺฐธมฺมิโก โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสโก อโตฺถ อตฺตโตฺถ นามฯ อตฺตโนว สมฺปราเย โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสโก อโตฺถ ปรโตฺถ นาม โหติฯ โส หิ ปรตฺถ อโตฺถติ ปรโตฺถฯ ตทุภยํ อุภยโตฺถ นามฯ อปิจ อตฺตโน ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิโกปิ โลกิยโลกุตฺตโร อโตฺถ อตฺตโตฺถ นาม, ปรสฺส ตาทิโสว อโตฺถ ปรโตฺถ นาม, ตทุภยมฺปิ อุภยโตฺถ นามฯ อุตฺตริํ วา มนุสฺสธมฺมาติ ทสกุสลกมฺมปถสงฺขาตา มนุสฺสธมฺมา อุตฺตริํฯ อยญฺหิ ทสวิโธ ธโมฺม วินาปิ อญฺญํ สมาทาปกํ สตฺถนฺตรกปฺปาวสาเน ชาตสํเวเคหิ มนุเสฺสหิ สยเมว สมาทินฺนตฺตา มนุสฺสธโมฺมติ วุจฺจติ, ตโต อุตฺตริํ ปน ฌานวิปสฺสนามคฺคผลานิ เวทิตพฺพานิฯ อลมริยญาณทสฺสนวิเสสนฺติ อริยานํ ยุตฺตํ, อริยภาวํ วา กาตุํ สมตฺถํ ญาณทสฺสนสงฺขาตํ วิเสสํฯ ญาณเมว หิ ชานนเฎฺฐน ญาณํ, ทสฺสนเฎฺฐน ทสฺสนนฺติ เวทิตพฺพํ, ทิพฺพจกฺขุญาณวิปสฺสนาญาณมคฺคญาณผลญาณปจฺจเวกฺขณญาณานเมตํ อธิวจนํฯ

    Āvilenāti pañcahi nīvaraṇehi pariyonaddhena. Attatthaṃ vātiādīsu attano diṭṭhadhammiko lokiyalokuttaramissako attho attattho nāma. Attanova samparāye lokiyalokuttaramissako attho parattho nāma hoti. So hi parattha atthoti parattho. Tadubhayaṃ ubhayattho nāma. Apica attano diṭṭhadhammikasamparāyikopi lokiyalokuttaro attho attattho nāma, parassa tādisova attho parattho nāma, tadubhayampi ubhayattho nāma. Uttariṃ vā manussadhammāti dasakusalakammapathasaṅkhātā manussadhammā uttariṃ. Ayañhi dasavidho dhammo vināpi aññaṃ samādāpakaṃ satthantarakappāvasāne jātasaṃvegehi manussehi sayameva samādinnattā manussadhammoti vuccati, tato uttariṃ pana jhānavipassanāmaggaphalāni veditabbāni. Alamariyañāṇadassanavisesanti ariyānaṃ yuttaṃ, ariyabhāvaṃ vā kātuṃ samatthaṃ ñāṇadassanasaṅkhātaṃ visesaṃ. Ñāṇameva hi jānanaṭṭhena ñāṇaṃ, dassanaṭṭhena dassananti veditabbaṃ, dibbacakkhuñāṇavipassanāñāṇamaggañāṇaphalañāṇapaccavekkhaṇañāṇānametaṃ adhivacanaṃ.

    ๔๖. ฉเฎฺฐ อโจฺฉติ อพหโล, ปสโนฺนติปิ วฎฺฎติฯ วิปฺปสโนฺนติ สุฎฺฐุ ปสโนฺนฯ อนาวิโลติ น อาวิโล, ปริสุโทฺธติ อโตฺถ, เผณปุพฺพุฬสงฺขเสวาลปณกวิรหิโตติ วุตฺตํ โหติฯ อนาวิเลนาติ ปญฺจนีวรณวิมุเตฺตนฯ เสสํ จตุเตฺถ วุตฺตนยเมวฯ อิมสฺมิมฺปิ สุตฺตทฺวเย วฎฺฎวิวฎฺฎเมว กถิตํฯ

    46. Chaṭṭhe acchoti abahalo, pasannotipi vaṭṭati. Vippasannoti suṭṭhu pasanno. Anāviloti na āvilo, parisuddhoti attho, pheṇapubbuḷasaṅkhasevālapaṇakavirahitoti vuttaṃ hoti. Anāvilenāti pañcanīvaraṇavimuttena. Sesaṃ catutthe vuttanayameva. Imasmimpi suttadvaye vaṭṭavivaṭṭameva kathitaṃ.

    ๔๗. สตฺตเม รุกฺขชาตานนฺติ ปจฺจเตฺต สามิวจนํ, รุกฺขชาตานีติ อโตฺถฯ รุกฺขานเมตํ อธิวจนํฯ ยทิทนฺติ นิปาตมตฺตํฯ มุทุตายาติ มุทุภาเวนฯ โกจิ หิ รุโกฺข วเณฺณน อโคฺค โหติ, โกจิ คเนฺธน, โกจิ รเสน, โกจิ ถทฺธตายฯ ผนฺทโน ปน มุทุตาย เจว กมฺมญฺญตาย จ อโคฺค เสโฎฺฐติ ทเสฺสติฯ จิตฺตํ, ภิกฺขเว, ภาวิตํ พหุลีกตนฺติ เอตฺถ สมถวิปสฺสนาวเสน ภาวิตเญฺจว ปุนปฺปุนกตญฺจ จิตฺตํ อธิเปฺปตํฯ กุรุนฺทกวาสิ ผุสฺสมิตฺตเตฺถโร ปนาห – ‘‘เอกนฺตํ มุทุ เจว กมฺมนิยญฺจ จิตฺตํ นาม อภิญฺญาปาทกจตุตฺถชฺฌานจิตฺตเมว, อาวุโส’’ติฯ

    47. Sattame rukkhajātānanti paccatte sāmivacanaṃ, rukkhajātānīti attho. Rukkhānametaṃ adhivacanaṃ. Yadidanti nipātamattaṃ. Mudutāyāti mudubhāvena. Koci hi rukkho vaṇṇena aggo hoti, koci gandhena, koci rasena, koci thaddhatāya. Phandano pana mudutāya ceva kammaññatāya ca aggo seṭṭhoti dasseti. Cittaṃ, bhikkhave, bhāvitaṃ bahulīkatanti ettha samathavipassanāvasena bhāvitañceva punappunakatañca cittaṃ adhippetaṃ. Kurundakavāsi phussamittatthero panāha – ‘‘ekantaṃ mudu ceva kammaniyañca cittaṃ nāma abhiññāpādakacatutthajjhānacittameva, āvuso’’ti.

    ๔๘. อฎฺฐเม เอวํ ลหุปริวตฺตนฺติ เอวํ ลหุํ อุปฺปชฺชิตฺวา ลหุํ นิรุชฺฌนกํฯ ยาวญฺจาติ อธิมตฺตปมาณเตฺถ นิปาโต, อติวิย น สุกราติ อโตฺถฯ อิทนฺติ นิปาตมตฺตํฯ จิตฺตนฺติ เอกเจฺจ ตาว อาจริยา ‘‘ภวงฺคจิตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ตํ ปน ปฎิกฺขิปิตฺวา ‘‘อิธ จิตฺตนฺติ ยํกิญฺจิ อนฺตมโส จกฺขุวิญฺญาณมฺปิ อธิเปฺปตเมวา’’ติ วุตฺตํฯ อิมสฺมิํ ปนเตฺถ มิลินฺทราชา ธมฺมกถิกํ นาคเสนเตฺถรํ ปุจฺฉิ, ‘‘ภเนฺต นาคเสน, เอกสฺมิํ อจฺฉรากฺขเณ ปวตฺติตจิตฺตสงฺขารา สเจ รูปิโน อสฺสุ, กีว มหาราสิ ภเวยฺยา’’ติ? ‘‘วาหสตานํ โข, มหาราช, วีหีนํ อฑฺฒจูฬญฺจ วาหา วีหิสตฺตมฺพณานิ เทฺว จ ตุมฺพา เอกจฺฉรากฺขเณ ปวตฺติตสฺส จิตฺตสฺส สงฺขมฺปิ น อุเปนฺติ, กลมฺปิ น อุเปนฺติ, กลภาคมฺปิ น อุเปนฺตี’’ติ (มิ. ป. ๔.๑.๒)ฯ อถ กสฺมา สมฺมาสมฺพุเทฺธน ‘‘อุปมาปิ น สุกรา’’ติ วุตฺตํ? ยเถว หิ อุปมํ ปฎิกฺขิปิตฺวาปิ กปฺปทีฆภาวสฺส โยชนิกปพฺพเตน โยชนิกสาสปปุณฺณนคเรน, นิรยทุกฺขสฺส สตฺติสตาหโตปเมน, สคฺคสุขสฺส จ จกฺกวตฺติสมฺปตฺติยา อุปมา กตา, เอวมิธาปิ กาตพฺพาติ? ตตฺถ ‘‘สกฺกา ปน, ภเนฺต, อุปมา กาตุ’’นฺติ เอวํ ปุจฺฉาวเสน อุปมา กตา, อิมสฺมิํ สุเตฺต ปุจฺฉาย อภาเวน น กตาฯ อิทญฺหิ สุตฺตํ ธมฺมเทสนาปริโยสาเน วุตฺตํฯ อิติ อิมสฺมิํ สุเตฺต จิตฺตราสิ นาม กถิโตติฯ

    48. Aṭṭhame evaṃ lahuparivattanti evaṃ lahuṃ uppajjitvā lahuṃ nirujjhanakaṃ. Yāvañcāti adhimattapamāṇatthe nipāto, ativiya na sukarāti attho. Idanti nipātamattaṃ. Cittanti ekacce tāva ācariyā ‘‘bhavaṅgacitta’’nti vadanti, taṃ pana paṭikkhipitvā ‘‘idha cittanti yaṃkiñci antamaso cakkhuviññāṇampi adhippetamevā’’ti vuttaṃ. Imasmiṃ panatthe milindarājā dhammakathikaṃ nāgasenattheraṃ pucchi, ‘‘bhante nāgasena, ekasmiṃ accharākkhaṇe pavattitacittasaṅkhārā sace rūpino assu, kīva mahārāsi bhaveyyā’’ti? ‘‘Vāhasatānaṃ kho, mahārāja, vīhīnaṃ aḍḍhacūḷañca vāhā vīhisattambaṇāni dve ca tumbā ekaccharākkhaṇe pavattitassa cittassa saṅkhampi na upenti, kalampi na upenti, kalabhāgampi na upentī’’ti (mi. pa. 4.1.2). Atha kasmā sammāsambuddhena ‘‘upamāpi na sukarā’’ti vuttaṃ? Yatheva hi upamaṃ paṭikkhipitvāpi kappadīghabhāvassa yojanikapabbatena yojanikasāsapapuṇṇanagarena, nirayadukkhassa sattisatāhatopamena, saggasukhassa ca cakkavattisampattiyā upamā katā, evamidhāpi kātabbāti? Tattha ‘‘sakkā pana, bhante, upamā kātu’’nti evaṃ pucchāvasena upamā katā, imasmiṃ sutte pucchāya abhāvena na katā. Idañhi suttaṃ dhammadesanāpariyosāne vuttaṃ. Iti imasmiṃ sutte cittarāsi nāma kathitoti.

    ๔๙. นวเม ปภสฺสรนฺติ ปณฺฑรํ ปริสุทฺธํฯ จิตฺตนฺติ ภวงฺคจิตฺตํฯ กิํ ปน จิตฺตสฺส วโณฺณ นาม อตฺถีติ? นตฺถิฯ นีลาทีนญฺหิ อญฺญตรวณฺณํ วา โหตุ อวณฺณํ วา ยํกิญฺจิ ปริสุทฺธตาย ‘‘ปภสฺสร’’นฺติ วุจฺจติฯ อิทมฺปิ นิรุปกฺกิเลสตาย ปริสุทฺธนฺติ ปภสฺสรํฯ ตญฺจ โขติ ตํ ภวงฺคจิตฺตํฯ อาคนฺตุเกหีติ อสหชาเตหิ ปจฺฉา ชวนกฺขเณ อุปฺปชฺชนเกหิฯ อุปกฺกิเลเสหีติ ราคาทีหิ อุปกฺกิลิฎฺฐตฺตา อุปกฺกิลิฎฺฐํ นามาติ วุจฺจติฯ กถํ? ยถา หิ สีลวนฺตา อาจารสมฺปนฺนา มาตาปิตโร วา อาจริยุปชฺฌายา วา ทุสฺสีลานํ ทุราจารานํ อวตฺตสมฺปนฺนานํ ปุตฺตานเญฺจว อเนฺตวาสิกสทฺธิวิหาริกานญฺจ วเสน ‘‘อตฺตโน ปุเตฺต วา อเนฺตวาสิกสทฺธิวิหาริเก วา น ตเชฺชนฺติ น สิกฺขาเปนฺติ น โอวทนฺติ นานุสาสนฺตี’’ติ อวณฺณํ อกิตฺติํ ลภนฺติ, เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํฯ อาจารสมฺปนฺนา มาตาปิตโร วิย จ อาจริยุปชฺฌายา วิย จ ภวงฺคจิตฺตํ ทฎฺฐพฺพํ, ปุตฺตาทีนํ วเสน เตสํ อกิตฺติลาโภ วิย ชวนกฺขเณ รชฺชนทุสฺสนมุยฺหนสภาวานํ โลภสหคตาทีนํ จิตฺตานํ วเสน อุปฺปเนฺนหิ อาคนฺตุเกหิ อุปกฺกิเลเสหิ ปกติปริสุทฺธมฺปิ ภวงฺคจิตฺตํ อุปกฺกิลิฎฺฐํ นาม โหตีติฯ

    49. Navame pabhassaranti paṇḍaraṃ parisuddhaṃ. Cittanti bhavaṅgacittaṃ. Kiṃ pana cittassa vaṇṇo nāma atthīti? Natthi. Nīlādīnañhi aññataravaṇṇaṃ vā hotu avaṇṇaṃ vā yaṃkiñci parisuddhatāya ‘‘pabhassara’’nti vuccati. Idampi nirupakkilesatāya parisuddhanti pabhassaraṃ. Tañca khoti taṃ bhavaṅgacittaṃ. Āgantukehīti asahajātehi pacchā javanakkhaṇe uppajjanakehi. Upakkilesehīti rāgādīhi upakkiliṭṭhattā upakkiliṭṭhaṃ nāmāti vuccati. Kathaṃ? Yathā hi sīlavantā ācārasampannā mātāpitaro vā ācariyupajjhāyā vā dussīlānaṃ durācārānaṃ avattasampannānaṃ puttānañceva antevāsikasaddhivihārikānañca vasena ‘‘attano putte vā antevāsikasaddhivihārike vā na tajjenti na sikkhāpenti na ovadanti nānusāsantī’’ti avaṇṇaṃ akittiṃ labhanti, evaṃsampadamidaṃ veditabbaṃ. Ācārasampannā mātāpitaro viya ca ācariyupajjhāyā viya ca bhavaṅgacittaṃ daṭṭhabbaṃ, puttādīnaṃ vasena tesaṃ akittilābho viya javanakkhaṇe rajjanadussanamuyhanasabhāvānaṃ lobhasahagatādīnaṃ cittānaṃ vasena uppannehi āgantukehi upakkilesehi pakatiparisuddhampi bhavaṅgacittaṃ upakkiliṭṭhaṃ nāma hotīti.

    ๕๐. ทสเมปิ ภวงฺคจิตฺตเมว จิตฺตํฯ วิปฺปมุตฺตนฺติ ชวนกฺขเณ อรชฺชมานํ อทุสฺสมานํ อมุยฺหมานํ ติเหตุกญาณสมฺปยุตฺตาทิกุสลวเสน อุปฺปชฺชมานํ อาคนฺตุเกหิ อุปกฺกิเลเสหิ วิปฺปมุตฺตํ นาม โหติฯ อิธาปิ ยถา สีลวนฺตานํ อาจารสมฺปนฺนานํ ปุตฺตาทีนํ วเสน มาตาทโย ‘‘โสภนา เอเตเยว อตฺตโน ปุตฺตกาทโย สิกฺขาเปนฺติ โอวทนฺติ อนุสาสนฺตี’’ติ วณฺณกิตฺติลาภิโน โหนฺติ, เอวํ ชวนกฺขเณ อุปฺปนฺนกุสลจิตฺตวเสน อิทํ ภวงฺคจิตฺตํ อาคนฺตุเกหิ อุปกฺกิเลเสหิ วิปฺปมุตฺตนฺติ วุจฺจตีติฯ

    50. Dasamepi bhavaṅgacittameva cittaṃ. Vippamuttanti javanakkhaṇe arajjamānaṃ adussamānaṃ amuyhamānaṃ tihetukañāṇasampayuttādikusalavasena uppajjamānaṃ āgantukehi upakkilesehi vippamuttaṃ nāma hoti. Idhāpi yathā sīlavantānaṃ ācārasampannānaṃ puttādīnaṃ vasena mātādayo ‘‘sobhanā eteyeva attano puttakādayo sikkhāpenti ovadanti anusāsantī’’ti vaṇṇakittilābhino honti, evaṃ javanakkhaṇe uppannakusalacittavasena idaṃ bhavaṅgacittaṃ āgantukehi upakkilesehi vippamuttanti vuccatīti.

    ปณิหิตอจฺฉวคฺควณฺณนาฯ

    Paṇihitaacchavaggavaṇṇanā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๕. ปณิหิตอจฺฉวโคฺค • 5. Paṇihitaacchavaggo

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๕. ปณิหิตอจฺฉวคฺควณฺณนา • 5. Paṇihitaacchavaggavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact