Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๔๐๑] ๖. ปณฺณกชาตกวณฺณนา
[401] 6. Paṇṇakajātakavaṇṇanā
ปณฺณกํ ติขิณธารนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิฯ ตญฺหิ ภิกฺขุํ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺฐิโต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภเนฺต’’ติ วุเตฺต ‘‘เกน อุกฺกณฺฐาปิโต’’ติ วตฺวา ‘‘ปุราณทุติยิกายา’’ติ วุเตฺต ‘‘ภิกฺขุ อยํ อิตฺถี ตุยฺหํ อนตฺถการิกา, ปุเพฺพปิ ตฺวํ อิมํ นิสฺสาย เจตสิกโรเคน มรโนฺต ปณฺฑิเต นิสฺสาย ชีวิตํ อลตฺถา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Paṇṇakaṃtikhiṇadhāranti idaṃ satthā jetavane viharanto purāṇadutiyikāpalobhanaṃ ārabbha kathesi. Tañhi bhikkhuṃ satthā ‘‘saccaṃ kira tvaṃ bhikkhu ukkaṇṭhito’’ti pucchitvā ‘‘saccaṃ, bhante’’ti vutte ‘‘kena ukkaṇṭhāpito’’ti vatvā ‘‘purāṇadutiyikāyā’’ti vutte ‘‘bhikkhu ayaṃ itthī tuyhaṃ anatthakārikā, pubbepi tvaṃ imaṃ nissāya cetasikarogena maranto paṇḍite nissāya jīvitaṃ alatthā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ มทฺทวมหาราเช รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ, เสนกกุมาโรติสฺส นามํ อกํสุฯ โส วยปฺปโตฺต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา พาราณสิํ ปจฺจาคนฺตฺวา มทฺทวรโญฺญ อตฺถธมฺมานุสาสโก อมโจฺจ อโหสิ, ‘‘เสนกปณฺฑิโต’’ติ วุเตฺต สกลนคเร จโนฺท วิย สูริโย วิย จ ปญฺญายิฯ ตทา รโญฺญ ปุโรหิตปุโตฺต ราชุปฎฺฐานํ อาคโต สพฺพาลงฺการปฎิมณฺฑิตํ อุตฺตมรูปธรํ รโญฺญ อคฺคมเหสิํ ทิสฺวา ปฎิพทฺธจิโตฺต หุตฺวา เคหํ คนฺตฺวา นิราหาโร นิปชฺชิตฺวา สหายเกหิ ปุโฎฺฐ ตมตฺถํ อาโรเจสิฯ ราชาปิ ‘‘ปุโรหิตปุโตฺต น ทิสฺสติ, กหํ นุ โข’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ตํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘อหํ เต อิมํ สตฺต ทิวสานิ ทมฺมิ, สตฺตาหํ ฆเร กตฺวา อฎฺฐเม ทิวเส อาเนยฺยาสี’’ติ อาหฯ โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ตํ เคหํ เนตฺวา ตาย สทฺธิํ อภิรมิฯ เต อญฺญมญฺญํ ปฎิพทฺธจิตฺตา หุตฺวา กญฺจิ อชานาเปตฺวา อคฺคทฺวาเรน ปลายิตฺวา อญฺญสฺส รโญฺญ วิชิตํ อคมสุํ, โกจิ คตฎฺฐานํ น ชานิ, นาวาย คตมโคฺค วิย อโหสิฯ ราชา นคเร เภริํ จราเปตฺวา นานปฺปกาเรน วิจินโนฺตปิ ตสฺส คตฎฺฐานํ น อญฺญาสิฯ อถสฺส ตํ นิสฺสาย พลวโสโก อุปฺปชฺชิ, หทยํ อุณฺหํ หุตฺวา โลหิตํ ปคฺฆริฯ ตโต ปฎฺฐาย จสฺส กุจฺฉิโต โลหิตํ นิกฺขมิ, พฺยาธิ มหโนฺต อโหสิฯ มหนฺตาปิ ราชเวชฺชา ติกิจฺฉิตุํ นาสกฺขิํสุฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ maddavamahārāje rajjaṃ kārente bodhisatto brāhmaṇakule nibbatti, senakakumārotissa nāmaṃ akaṃsu. So vayappatto takkasilāyaṃ sabbasippāni uggaṇhitvā bārāṇasiṃ paccāgantvā maddavarañño atthadhammānusāsako amacco ahosi, ‘‘senakapaṇḍito’’ti vutte sakalanagare cando viya sūriyo viya ca paññāyi. Tadā rañño purohitaputto rājupaṭṭhānaṃ āgato sabbālaṅkārapaṭimaṇḍitaṃ uttamarūpadharaṃ rañño aggamahesiṃ disvā paṭibaddhacitto hutvā gehaṃ gantvā nirāhāro nipajjitvā sahāyakehi puṭṭho tamatthaṃ ārocesi. Rājāpi ‘‘purohitaputto na dissati, kahaṃ nu kho’’ti pucchitvā tamatthaṃ sutvā taṃ pakkosāpetvā ‘‘ahaṃ te imaṃ satta divasāni dammi, sattāhaṃ ghare katvā aṭṭhame divase āneyyāsī’’ti āha. So ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā taṃ gehaṃ netvā tāya saddhiṃ abhirami. Te aññamaññaṃ paṭibaddhacittā hutvā kañci ajānāpetvā aggadvārena palāyitvā aññassa rañño vijitaṃ agamasuṃ, koci gataṭṭhānaṃ na jāni, nāvāya gatamaggo viya ahosi. Rājā nagare bheriṃ carāpetvā nānappakārena vicinantopi tassa gataṭṭhānaṃ na aññāsi. Athassa taṃ nissāya balavasoko uppajji, hadayaṃ uṇhaṃ hutvā lohitaṃ pagghari. Tato paṭṭhāya cassa kucchito lohitaṃ nikkhami, byādhi mahanto ahosi. Mahantāpi rājavejjā tikicchituṃ nāsakkhiṃsu.
โพธิสโตฺต ‘‘อิมสฺส รโญฺญ พฺยาธิ นตฺถิ, ภริยํ ปน อปสฺสโนฺต เจตสิกโรเคน ผุโฎฺฐ, อุปาเยน ตํ ติกิจฺฉิสฺสามี’’ติ อายุรญฺจ ปุกฺกุสญฺจาติ เทฺว รโญฺญ ปณฺฑิตามเจฺจ อามเนฺตตฺวา ‘‘รโญฺญ เทวิยา อทสฺสเนน เจตสิกํ โรคํ ฐเปตฺวา อโญฺญ โรโค นตฺถิ, พหูปกาโร จ โข ปน อมฺหากํ ราชา, ตสฺมา อุปาเยน นํ ติกิจฺฉาม, ราชงฺคเณ สมชฺชํ กาเรตฺวา อสิํ คิลิตุํ ชานเนฺตน อสิํ คิลาเปตฺวา ราชานํ สีหปญฺชเร กตฺวา สมชฺชํ โอโลกาเปสฺสาม, ราชา อสิํ คิลนฺตํ ทิสฺวา ‘อตฺถิ นุ โข อิโต อญฺญํ ทุกฺกรตร’นฺติ ปญฺหํ ปุจฺฉิสฺสติฯ ตํ สมฺม อายุร, ตฺวํ ‘อสุกํ นาม ททามีติ วจนํ อิโต ทุกฺกรตร’นฺติ พฺยากเรยฺยาสิ, ตโต สมฺม ปุกฺกุส, ตํ ปุจฺฉิสฺสติ, อถสฺส ตฺวํ ‘มหาราช, ททามีติ วตฺวา อททโต สา วาจา อผลา โหติ, ตถารูปํ วาจํ น เกจิ อุปชีวนฺติ น ขาทนฺติ น ปิวนฺติ, เย ปน ตสฺส วจนสฺสานุจฺฉวิกํ กโรนฺติ, ยถาปฎิญฺญาตมตฺถํ เทนฺติเยว, อิทํ ตโต ทุกฺกรตร’นฺติ เอวํ พฺยากเรยฺยาสิ, อิโต ปรํ กตฺตพฺพํ อหํ ชานิสฺสามี’’ติ วตฺวา สมชฺชํ กาเรสิฯ
Bodhisatto ‘‘imassa rañño byādhi natthi, bhariyaṃ pana apassanto cetasikarogena phuṭṭho, upāyena taṃ tikicchissāmī’’ti āyurañca pukkusañcāti dve rañño paṇḍitāmacce āmantetvā ‘‘rañño deviyā adassanena cetasikaṃ rogaṃ ṭhapetvā añño rogo natthi, bahūpakāro ca kho pana amhākaṃ rājā, tasmā upāyena naṃ tikicchāma, rājaṅgaṇe samajjaṃ kāretvā asiṃ gilituṃ jānantena asiṃ gilāpetvā rājānaṃ sīhapañjare katvā samajjaṃ olokāpessāma, rājā asiṃ gilantaṃ disvā ‘atthi nu kho ito aññaṃ dukkaratara’nti pañhaṃ pucchissati. Taṃ samma āyura, tvaṃ ‘asukaṃ nāma dadāmīti vacanaṃ ito dukkaratara’nti byākareyyāsi, tato samma pukkusa, taṃ pucchissati, athassa tvaṃ ‘mahārāja, dadāmīti vatvā adadato sā vācā aphalā hoti, tathārūpaṃ vācaṃ na keci upajīvanti na khādanti na pivanti, ye pana tassa vacanassānucchavikaṃ karonti, yathāpaṭiññātamatthaṃ dentiyeva, idaṃ tato dukkaratara’nti evaṃ byākareyyāsi, ito paraṃ kattabbaṃ ahaṃ jānissāmī’’ti vatvā samajjaṃ kāresi.
อถ เต ตโยปิ ปณฺฑิตา รโญฺญ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘มหาราช, ราชงฺคเณ สมโชฺช วตฺตติ, ตํ โอโลเกนฺตานํ ทุกฺขมฺปิ น ทุกฺขํ โหติ, เอหิ คจฺฉามา’’ติ ราชานํ เนตฺวา สีหปญฺชรํ วิวริตฺวา สมชฺชํ โอโลกาเปสุํฯ พหู ชนา อตฺตโน อตฺตโน ชานนกสิปฺปํ ทเสฺสสุํฯ เอโก ปน ปุริโส เตตฺติํสงฺคุลํ ติขิณธารํ อสิรตนํ คิลติฯ ราชา ตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ ปุริโส เอตํ อสิํ คิลติ, ‘อตฺถิ นุ โข อิโต อญฺญํ ทุกฺกรตร’นฺติ อิเม ปณฺฑิเต ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา อายุรํ ปุจฺฉโนฺต ปฐมํ คาถมาห –
Atha te tayopi paṇḍitā rañño santikaṃ gantvā ‘‘mahārāja, rājaṅgaṇe samajjo vattati, taṃ olokentānaṃ dukkhampi na dukkhaṃ hoti, ehi gacchāmā’’ti rājānaṃ netvā sīhapañjaraṃ vivaritvā samajjaṃ olokāpesuṃ. Bahū janā attano attano jānanakasippaṃ dassesuṃ. Eko pana puriso tettiṃsaṅgulaṃ tikhiṇadhāraṃ asiratanaṃ gilati. Rājā taṃ disvā ‘‘ayaṃ puriso etaṃ asiṃ gilati, ‘atthi nu kho ito aññaṃ dukkaratara’nti ime paṇḍite pucchissāmī’’ti cintetvā āyuraṃ pucchanto paṭhamaṃ gāthamāha –
๓๙.
39.
‘‘ปณฺณกํ ติขิณธารํ, อสิํ สมฺปนฺนปายินํ;
‘‘Paṇṇakaṃ tikhiṇadhāraṃ, asiṃ sampannapāyinaṃ;
ปริสายํ ปุริโส คิลติ, กิํ ทุกฺกรตรํ ตโต;
Parisāyaṃ puriso gilati, kiṃ dukkarataraṃ tato;
ยทญฺญํ ทุกฺกรํ ฐานํ, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติฯ
Yadaññaṃ dukkaraṃ ṭhānaṃ, taṃ me akkhāhi pucchito’’ti.
ตตฺถ ปณฺณกนฺติ ปณฺณกรเฎฺฐ อุปฺปนฺนํฯ สมฺปนฺนปายินนฺติ สมฺปนฺนํ ปรโลหิตปายินํฯ ปริสายนฺติ ปริสมเชฺฌ ธนโลเภน อยํ ปุริโส คิลติฯ ยทญฺญนฺติ อิโต อสิคิลนโต ยํ อญฺญํ ทุกฺกรตรํ การณํ, ตํ มยา ปุจฺฉิโต กเถหีติฯ
Tattha paṇṇakanti paṇṇakaraṭṭhe uppannaṃ. Sampannapāyinanti sampannaṃ paralohitapāyinaṃ. Parisāyanti parisamajjhe dhanalobhena ayaṃ puriso gilati. Yadaññanti ito asigilanato yaṃ aññaṃ dukkarataraṃ kāraṇaṃ, taṃ mayā pucchito kathehīti.
อถสฺส โส ตํ กเถโนฺต ทุติยํ คาถมาห –
Athassa so taṃ kathento dutiyaṃ gāthamāha –
๔๐.
40.
‘‘คิเลยฺย ปุริโส โลภา, อสิํ สมฺปนฺนปายินํ;
‘‘Gileyya puriso lobhā, asiṃ sampannapāyinaṃ;
โย จ วชฺชา ททามีติ, ตํ ทุกฺกรตรํ ตโต;
Yo ca vajjā dadāmīti, taṃ dukkarataraṃ tato;
สพฺพญฺญํ สุกรํ ฐานํ, เอวํ ชานาหิ มทฺทวา’’ติฯ
Sabbaññaṃ sukaraṃ ṭhānaṃ, evaṃ jānāhi maddavā’’ti.
ตตฺถ วชฺชาติ วเทยฺยฯ ตํ ทุกฺกรตรนฺติ ‘‘ททามี’’ติ วจนํ ตโต อสิคิลนโต ทุกฺกรตรํฯ สพฺพญฺญนฺติ ‘‘อสุกํ นาม ตว ทสฺสามี’’ติ วจนํ ฐเปตฺวา อญฺญํ สพฺพมฺปิ การณํ สุกรํฯ มทฺทวาติ ราชานํ โคเตฺตน อาลปติฯ
Tattha vajjāti vadeyya. Taṃ dukkarataranti ‘‘dadāmī’’ti vacanaṃ tato asigilanato dukkarataraṃ. Sabbaññanti ‘‘asukaṃ nāma tava dassāmī’’ti vacanaṃ ṭhapetvā aññaṃ sabbampi kāraṇaṃ sukaraṃ. Maddavāti rājānaṃ gottena ālapati.
รโญฺญ อายุรปณฺฑิตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อสิคิลนโต กิร ‘อิทํ นาม ทมฺมี’ติ วจนํ ทุกฺกรํ, อหญฺจ ‘ปุโรหิตปุตฺตสฺส เทวิํ ทมฺมี’ติ อวจํ, อติทุกฺกรํ วต เม กต’’นฺติ วีมํสนฺตเสฺสว หทยโสโก โถกํ ตนุตฺตํ คโตฯ โส ตโต ‘‘ปรสฺส อิมํ ทมฺมีติ วจนโต ปน อญฺญํ ทุกฺกรตรํ อตฺถิ นุ โข’’ติ จิเนฺตตฺวา ปุกฺกุสปณฺฑิเตน สทฺธิํ สลฺลปโนฺต ตติยํ คาถมาห –
Rañño āyurapaṇḍitassa vacanaṃ sutvā ‘‘asigilanato kira ‘idaṃ nāma dammī’ti vacanaṃ dukkaraṃ, ahañca ‘purohitaputtassa deviṃ dammī’ti avacaṃ, atidukkaraṃ vata me kata’’nti vīmaṃsantasseva hadayasoko thokaṃ tanuttaṃ gato. So tato ‘‘parassa imaṃ dammīti vacanato pana aññaṃ dukkarataraṃ atthi nu kho’’ti cintetvā pukkusapaṇḍitena saddhiṃ sallapanto tatiyaṃ gāthamāha –
๔๑.
41.
‘‘พฺยากาสิ อายุโร ปญฺหํ, อตฺถํ ธมฺมสฺส โกวิโท;
‘‘Byākāsi āyuro pañhaṃ, atthaṃ dhammassa kovido;
ปุกฺกุสํ ทานิ ปุจฺฉามิ, กิํ ทุกฺกรตรํ ตโต;
Pukkusaṃ dāni pucchāmi, kiṃ dukkarataraṃ tato;
ยทญฺญํ ทุกฺกรํ ฐานํ, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติฯ
Yadaññaṃ dukkaraṃ ṭhānaṃ, taṃ me akkhāhi pucchito’’ti.
ตตฺถ ปญฺหํ อตฺถนฺติ ปญฺหสฺส อตฺถํ พฺยากาสีติ วุตฺตํ โหติฯ ธมฺมสฺส โกวิโทติ ตทตฺถโชตเก คเนฺถ กุสโลฯ ตโตติ ตโต วจนโต กิํ ทุกฺกรตรนฺติฯ
Tattha pañhaṃ atthanti pañhassa atthaṃ byākāsīti vuttaṃ hoti. Dhammassa kovidoti tadatthajotake ganthe kusalo. Tatoti tato vacanato kiṃ dukkarataranti.
อถสฺส พฺยากโรโนฺต ปุกฺกุสปณฺฑิโต จตุตฺถํ คาถมาห –
Athassa byākaronto pukkusapaṇḍito catutthaṃ gāthamāha –
๔๒.
42.
‘‘น วาจมุปชีวนฺติ, อผลํ คิรมุทีริตํ;
‘‘Na vācamupajīvanti, aphalaṃ giramudīritaṃ;
โย จ ทตฺวา อวากยิรา, ตํ ทุกฺกรตรํ ตโต;
Yo ca datvā avākayirā, taṃ dukkarataraṃ tato;
สพฺพญฺญํ สุกรํ ฐานํ, เอวํ ชานาหิ มทฺทวา’’ติฯ
Sabbaññaṃ sukaraṃ ṭhānaṃ, evaṃ jānāhi maddavā’’ti.
ตตฺถ ทตฺวาติ ‘‘อสุกํ นาม ทมฺมี’’ติ ปฎิญฺญํ ทตฺวาฯ อวากยิราติ ตํ ปฎิญฺญาตมตฺถํ ททโนฺต ตสฺมิํ โลภํ อวากเรยฺย ฉิเนฺทยฺย, ตํ ภณฺฑํ ทเทยฺยาติ วุตฺตํ โหติฯ ตโตติ ตโต อสิคิลนโต ‘‘อสุกํ นาม เต ทมฺมี’’ติ วจนโต จ ตเทว ทุกฺกรตรํฯ
Tattha datvāti ‘‘asukaṃ nāma dammī’’ti paṭiññaṃ datvā. Avākayirāti taṃ paṭiññātamatthaṃ dadanto tasmiṃ lobhaṃ avākareyya chindeyya, taṃ bhaṇḍaṃ dadeyyāti vuttaṃ hoti. Tatoti tato asigilanato ‘‘asukaṃ nāma te dammī’’ti vacanato ca tadeva dukkarataraṃ.
รโญฺญ ตํ วจนํ สุตฺวา ‘‘อหํ ‘ปุโรหิตปุตฺตสฺส เทวิํ ทมฺมี’ติ ปฐมํ วตฺวา วาจาย อนุจฺฉวิกํ กตฺวา ตํ อทาสิํ, ทุกฺกรํ วต เม กต’’นฺติ ปริวิตเกฺกนฺตสฺส โสโก ตนุกตโร ชาโตฯ อถสฺส เอตทโหสิ ‘‘เสนกปณฺฑิตโต อโญฺญ ปณฺฑิตตโร นาม นตฺถิ, อิมํ ปญฺหํ เอตํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติฯ ตโต ตํ ปุจฺฉโนฺต ปญฺจมํ คาถมาห –
Rañño taṃ vacanaṃ sutvā ‘‘ahaṃ ‘purohitaputtassa deviṃ dammī’ti paṭhamaṃ vatvā vācāya anucchavikaṃ katvā taṃ adāsiṃ, dukkaraṃ vata me kata’’nti parivitakkentassa soko tanukataro jāto. Athassa etadahosi ‘‘senakapaṇḍitato añño paṇḍitataro nāma natthi, imaṃ pañhaṃ etaṃ pucchissāmī’’ti. Tato taṃ pucchanto pañcamaṃ gāthamāha –
๔๓.
43.
‘‘พฺยากาสิ ปุกฺกุโส ปญฺหํ, อตฺถํ ธมฺมสฺส โกวิโท;
‘‘Byākāsi pukkuso pañhaṃ, atthaṃ dhammassa kovido;
เสนกํ ทานิ ปุจฺฉามิ, กิํ ทุกฺกรตรํ ตโต;
Senakaṃ dāni pucchāmi, kiṃ dukkarataraṃ tato;
ยทญฺญํ ทุกฺกรํ ฐานํ, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติฯ
Yadaññaṃ dukkaraṃ ṭhānaṃ, taṃ me akkhāhi pucchito’’ti.
อถสฺส พฺยากโรโนฺต เสนโก ฉฎฺฐํ คาถมาห –
Athassa byākaronto senako chaṭṭhaṃ gāthamāha –
๔๔.
44.
‘‘ทเทยฺย ปุริโส ทานํ, อปฺปํ วา ยทิ วา พหุํ;
‘‘Dadeyya puriso dānaṃ, appaṃ vā yadi vā bahuṃ;
โย จ ทตฺวา นานุตเปฺป, ตํ ทุกฺกรตรํ ตโต;
Yo ca datvā nānutappe, taṃ dukkarataraṃ tato;
สพฺพญฺญํ สุกรํ ฐานํ, เอวํ ชานาหิ มทฺทวา’’ติฯ
Sabbaññaṃ sukaraṃ ṭhānaṃ, evaṃ jānāhi maddavā’’ti.
ตตฺถ นานุตเปฺปติ อตฺตโน อติกนฺตํ อติมนาปํ ปิยภณฺฑํ ปรสฺส ทตฺวา ‘‘กิมตฺถํ มยา อิทํ ทินฺน’’นฺติ เอวํ ตํ ปิยภณฺฑํ อารพฺภ โย ปจฺฉา น ตปฺปติ น โสจติ, ตํ อสิคิลนโต จ ‘‘อสุกํ นาม เต ทมฺมี’’ติ วจนโต จ ตสฺส ทานโต จ ทุกฺกรตรํฯ
Tattha nānutappeti attano atikantaṃ atimanāpaṃ piyabhaṇḍaṃ parassa datvā ‘‘kimatthaṃ mayā idaṃ dinna’’nti evaṃ taṃ piyabhaṇḍaṃ ārabbha yo pacchā na tappati na socati, taṃ asigilanato ca ‘‘asukaṃ nāma te dammī’’ti vacanato ca tassa dānato ca dukkarataraṃ.
อิติ มหาสโตฺต ราชานํ สญฺญาเปนฺตา กเถสิฯ ทานญฺหิ ทตฺวา อปรเจตนาว ทุสฺสนฺธาริยา, ตสฺสา สนฺธารณทุกฺกรตา เวสฺสนฺตรชาตเกน ทีปิตาฯ วุตฺตเญฺหตํ –
Iti mahāsatto rājānaṃ saññāpentā kathesi. Dānañhi datvā aparacetanāva dussandhāriyā, tassā sandhāraṇadukkaratā vessantarajātakena dīpitā. Vuttañhetaṃ –
‘‘อทุ จาปํ คเหตฺวาน, ขคฺคํ พนฺธิย วามโต;
‘‘Adu cāpaṃ gahetvāna, khaggaṃ bandhiya vāmato;
อาเนสฺสามิ สเก ปุเตฺต, ปุตฺตานญฺหิ วโธ ทุโขฯ
Ānessāmi sake putte, puttānañhi vadho dukho.
‘‘อฎฺฐานเมตํ ทุกฺขรูปํ, ยํ กุมารา วิหญฺญเร;
‘‘Aṭṭhānametaṃ dukkharūpaṃ, yaṃ kumārā vihaññare;
สตญฺจ ธมฺมมญฺญาย, โก ทตฺวา อนุตปฺปตี’’ติฯ (ชา. ๒.๒๒.๒๑๕๘-๒๑๕๙);
Satañca dhammamaññāya, ko datvā anutappatī’’ti. (jā. 2.22.2158-2159);
ราชาปิ โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา สลฺลเกฺขสิ ‘‘อหํ อตฺตโน มเนเนว ปุโรหิตปุตฺตสฺส เทวิํ ทตฺวา สกมนํ สนฺธาเรตุํ น สโกฺกมิ, โสจามิ กิลมามิ, น เม อิทํ อนุจฺฉวิกํ, สเจ สา มยิ สสิเนหา ภเวยฺย , อิมํ อิสฺสริยํ ฉเฑฺฑตฺวา น ปลาเยยฺย, มยิ ปน สิเนหํ อกตฺวา ปลาตาย กิํ ตาย มยฺห’’นฺติฯ ตเสฺสวํ จิเนฺตนฺตสฺส ปทุมปเตฺต อุทกพินฺทุ วิย สพฺพโสโก นิวตฺติตฺวา คโต, ตงฺขณเญฺญวสฺส กุจฺฉิ ปริสณฺฐาสิฯ โส นิโรโค สุขิโต หุตฺวา โพธิสตฺตสฺส ถุติํ กโรโนฺต โอสานคาถมาห –
Rājāpi bodhisattassa vacanaṃ sutvā sallakkhesi ‘‘ahaṃ attano maneneva purohitaputtassa deviṃ datvā sakamanaṃ sandhāretuṃ na sakkomi, socāmi kilamāmi, na me idaṃ anucchavikaṃ, sace sā mayi sasinehā bhaveyya , imaṃ issariyaṃ chaḍḍetvā na palāyeyya, mayi pana sinehaṃ akatvā palātāya kiṃ tāya mayha’’nti. Tassevaṃ cintentassa padumapatte udakabindu viya sabbasoko nivattitvā gato, taṅkhaṇaññevassa kucchi parisaṇṭhāsi. So nirogo sukhito hutvā bodhisattassa thutiṃ karonto osānagāthamāha –
๔๕.
45.
‘‘พฺยากาสิ อายุโร ปญฺหํ, อโถ ปุกฺกุสโปริโส;
‘‘Byākāsi āyuro pañhaṃ, atho pukkusaporiso;
สเพฺพ ปเญฺห อติโภติ, ยถา ภาสติ เสนโก’’ติฯ
Sabbe pañhe atibhoti, yathā bhāsati senako’’ti.
ตตฺถ ยถา ภาสตีติ ยถา ปณฺฑิโต ภาสติ, ตเถเวตํ ทานํ นาม ทตฺวา เนว อนุตปฺปิตพฺพนฺติฯ อิมํ ปนสฺส ถุติํ กตฺวา ตุโฎฺฐ พหุํ ธนมทาสิฯ
Tattha yathā bhāsatīti yathā paṇḍito bhāsati, tathevetaṃ dānaṃ nāma datvā neva anutappitabbanti. Imaṃ panassa thutiṃ katvā tuṭṭho bahuṃ dhanamadāsi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺฐิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ ตทา ราชมเหสี ปุราณทุติยิกา อโหสิ, ราชา อุกฺกณฺฐิตภิกฺขุ, อายุรปณฺฑิโต โมคฺคลฺลาโน, ปุกฺกุสปณฺฑิโต สาริปุโตฺต, เสนกปณฺฑิโต อหเมว อโหสินฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne ukkaṇṭhitabhikkhu sotāpattiphale patiṭṭhahi. Tadā rājamahesī purāṇadutiyikā ahosi, rājā ukkaṇṭhitabhikkhu, āyurapaṇḍito moggallāno, pukkusapaṇḍito sāriputto, senakapaṇḍito ahameva ahosinti.
ปณฺณกชาตกวณฺณนา ฉฎฺฐาฯ
Paṇṇakajātakavaṇṇanā chaṭṭhā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๔๐๑. ปณฺณกชาตกํ • 401. Paṇṇakajātakaṃ