Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๒. ปญฺญาสุตฺตํ
2. Paññāsuttaṃ
๒. ‘‘อฎฺฐิเม , ภิกฺขเว, เหตู อฎฺฐ ปจฺจยา อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปญฺญาย อปฺปฎิลทฺธาย ปฎิลาภาย, ปฎิลทฺธาย ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตนฺติฯ กตเม อฎฺฐ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สตฺถารํ อุปนิสฺสาย วิหรติ อญฺญตรํ วา ครุฎฺฐานิยํ สพฺรหฺมจาริํ, ยตฺถสฺส ติพฺพํ หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฎฺฐิตํ โหติ เปมญฺจ คารโว จฯ อยํ , ภิกฺขเว, ปฐโม เหตุ ปฐโม ปจฺจโย อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปญฺญาย อปฺปฎิลทฺธาย ปฎิลาภาย, ปฎิลทฺธาย ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตติฯ
2. ‘‘Aṭṭhime , bhikkhave, hetū aṭṭha paccayā ādibrahmacariyikāya paññāya appaṭiladdhāya paṭilābhāya, paṭiladdhāya bhiyyobhāvāya vepullāya bhāvanāya pāripūriyā saṃvattanti. Katame aṭṭha? Idha, bhikkhave, bhikkhu satthāraṃ upanissāya viharati aññataraṃ vā garuṭṭhāniyaṃ sabrahmacāriṃ, yatthassa tibbaṃ hirottappaṃ paccupaṭṭhitaṃ hoti pemañca gāravo ca. Ayaṃ , bhikkhave, paṭhamo hetu paṭhamo paccayo ādibrahmacariyikāya paññāya appaṭiladdhāya paṭilābhāya, paṭiladdhāya bhiyyobhāvāya vepullāya bhāvanāya pāripūriyā saṃvattati.
‘‘โส ตํ สตฺถารํ อุปนิสฺสาย วิหรโนฺต อญฺญตรํ วา ครุฎฺฐานิยํ สพฺรหฺมจาริํ, ยตฺถสฺส ติพฺพํ หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฎฺฐิตํ โหติ เปมํ คารโว จ, เต กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา ปริปุจฺฉติ ปริปญฺหติ – ‘อิทํ, ภเนฺต, กถํ; อิมสฺส โก อโตฺถ’ติ? ตสฺส เต อายสฺมโนฺต อวิวฎเญฺจว วิวรนฺติ, อนุตฺตานีกตญฺจ อุตฺตานี กโรนฺติ, อเนกวิหิเตสุ จ กงฺขาฐานิเยสุ ธเมฺมสุ กงฺขํ ปฎิวิโนเทนฺติฯ อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย เหตุ ทุติโย ปจฺจโย อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปญฺญาย อปฺปฎิลทฺธาย ปฎิลาภาย, ปฎิลทฺธาย ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตติฯ
‘‘So taṃ satthāraṃ upanissāya viharanto aññataraṃ vā garuṭṭhāniyaṃ sabrahmacāriṃ, yatthassa tibbaṃ hirottappaṃ paccupaṭṭhitaṃ hoti pemaṃ gāravo ca, te kālena kālaṃ upasaṅkamitvā paripucchati paripañhati – ‘idaṃ, bhante, kathaṃ; imassa ko attho’ti? Tassa te āyasmanto avivaṭañceva vivaranti, anuttānīkatañca uttānī karonti, anekavihitesu ca kaṅkhāṭhāniyesu dhammesu kaṅkhaṃ paṭivinodenti. Ayaṃ, bhikkhave, dutiyo hetu dutiyo paccayo ādibrahmacariyikāya paññāya appaṭiladdhāya paṭilābhāya, paṭiladdhāya bhiyyobhāvāya vepullāya bhāvanāya pāripūriyā saṃvattati.
‘‘โส ตํ ธมฺมํ สุตฺวา ทฺวเยน วูปกาเสน สมฺปาเทติ – กายวูปกาเสน จ จิตฺตวูปกาเสน จฯ อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย เหตุ ตติโย ปจฺจโย อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปญฺญาย อปฺปฎิลทฺธาย ปฎิลาภาย, ปฎิลทฺธาย ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตติฯ
‘‘So taṃ dhammaṃ sutvā dvayena vūpakāsena sampādeti – kāyavūpakāsena ca cittavūpakāsena ca. Ayaṃ, bhikkhave, tatiyo hetu tatiyo paccayo ādibrahmacariyikāya paññāya appaṭiladdhāya paṭilābhāya, paṭiladdhāya bhiyyobhāvāya vepullāya bhāvanāya pāripūriyā saṃvattati.
‘‘สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปโนฺน อณุมเตฺตสุ วเชฺชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุฯ อยํ, ภิกฺขเว, จตุโตฺถ เหตุ จตุโตฺถ ปจฺจโย อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปญฺญาย อปฺปฎิลทฺธาย ปฎิลาภาย, ปฎิลทฺธาย ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตติฯ
‘‘Sīlavā hoti, pātimokkhasaṃvarasaṃvuto viharati ācāragocarasampanno aṇumattesu vajjesu bhayadassāvī, samādāya sikkhati sikkhāpadesu. Ayaṃ, bhikkhave, catuttho hetu catuttho paccayo ādibrahmacariyikāya paññāya appaṭiladdhāya paṭilābhāya, paṭiladdhāya bhiyyobhāvāya vepullāya bhāvanāya pāripūriyā saṃvattati.
‘‘พหุสฺสุโต โหติ สุตธโร สุตสนฺนิจโยฯ เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มเชฺฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ 1 เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ, ตถารูปาสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา โหนฺติ ธาตา 2 วจสา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา ทิฎฺฐิยา สุปฺปฎิวิทฺธาฯ อยํ, ภิกฺขเว, ปญฺจโม เหตุ ปญฺจโม ปจฺจโย อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปญฺญาย อปฺปฎิลทฺธาย ปฎิลาภาย, ปฎิลทฺธาย ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตติฯ
‘‘Bahussuto hoti sutadharo sutasannicayo. Ye te dhammā ādikalyāṇā majjhekalyāṇā pariyosānakalyāṇā sātthaṃ sabyañjanaṃ 3 kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ abhivadanti, tathārūpāssa dhammā bahussutā honti dhātā 4 vacasā paricitā manasānupekkhitā diṭṭhiyā suppaṭividdhā. Ayaṃ, bhikkhave, pañcamo hetu pañcamo paccayo ādibrahmacariyikāya paññāya appaṭiladdhāya paṭilābhāya, paṭiladdhāya bhiyyobhāvāya vepullāya bhāvanāya pāripūriyā saṃvattati.
‘‘อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธเมฺมสุฯ อยํ, ภิกฺขเว, ฉโฎฺฐ เหตุ ฉโฎฺฐ ปจฺจโย อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปญฺญาย อปฺปฎิลทฺธาย ปฎิลาภาย, ปฎิลทฺธาย ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตติฯ
‘‘Āraddhavīriyo viharati akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya, kusalānaṃ dhammānaṃ upasampadāya, thāmavā daḷhaparakkamo anikkhittadhuro kusalesu dhammesu. Ayaṃ, bhikkhave, chaṭṭho hetu chaṭṭho paccayo ādibrahmacariyikāya paññāya appaṭiladdhāya paṭilābhāya, paṭiladdhāya bhiyyobhāvāya vepullāya bhāvanāya pāripūriyā saṃvattati.
‘‘สงฺฆคโต โข ปน อนานากถิโก โหติ อติรจฺฉานกถิโกฯ สามํ วา ธมฺมํ ภาสติ ปรํ วา อเชฺฌสติ อริยํ วา ตุณฺหีภาวํ นาติมญฺญติฯ อยํ, ภิกฺขเว, สตฺตโม เหตุ สตฺตโม ปจฺจโย อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปญฺญาย อปฺปฎิลทฺธาย ปฎิลาภาย, ปฎิลทฺธาย ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตติฯ
‘‘Saṅghagato kho pana anānākathiko hoti atiracchānakathiko. Sāmaṃ vā dhammaṃ bhāsati paraṃ vā ajjhesati ariyaṃ vā tuṇhībhāvaṃ nātimaññati. Ayaṃ, bhikkhave, sattamo hetu sattamo paccayo ādibrahmacariyikāya paññāya appaṭiladdhāya paṭilābhāya, paṭiladdhāya bhiyyobhāvāya vepullāya bhāvanāya pāripūriyā saṃvattati.
‘‘ปญฺจสุ โข ปน อุปาทานกฺขเนฺธสุ อุทยพฺพยานุปสฺสี วิหรติ – ‘อิติ รูปํ, อิติ รูปสฺส สมุทโย, อิติ รูปสฺส อตฺถงฺคโม; อิติ เวทนา, อิติ เวทนาย สมุทโย, อิติ เวทนาย อตฺถงฺคโม; อิติ สญฺญา…เป.… อิติ สงฺขารา…เป.… อิติ วิญฺญาณํ, อิติ วิญฺญาณสฺส สมุทโย, อิติ วิญฺญาณสฺส อตฺถงฺคโม’ติฯ อยํ, ภิกฺขเว, อฎฺฐโม เหตุ อฎฺฐโม ปจฺจโย อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปญฺญาย อปฺปฎิลทฺธาย ปฎิลาภาย, ปฎิลทฺธาย ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตติฯ
‘‘Pañcasu kho pana upādānakkhandhesu udayabbayānupassī viharati – ‘iti rūpaṃ, iti rūpassa samudayo, iti rūpassa atthaṅgamo; iti vedanā, iti vedanāya samudayo, iti vedanāya atthaṅgamo; iti saññā…pe… iti saṅkhārā…pe… iti viññāṇaṃ, iti viññāṇassa samudayo, iti viññāṇassa atthaṅgamo’ti. Ayaṃ, bhikkhave, aṭṭhamo hetu aṭṭhamo paccayo ādibrahmacariyikāya paññāya appaṭiladdhāya paṭilābhāya, paṭiladdhāya bhiyyobhāvāya vepullāya bhāvanāya pāripūriyā saṃvattati.
‘‘ตเมนํ สพฺรหฺมจารี เอวํ สมฺภาเวนฺติ – ‘อยํ โข อายสฺมา สตฺถารํ อุปนิสฺสาย วิหรติ อญฺญตรํ วา ครุฎฺฐานิยํ สพฺรหฺมจาริํ, ยตฺถสฺส ติพฺพํ หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฎฺฐิตํ โหติ เปมญฺจ คารโว จฯ อทฺธา อยมายสฺมา ชานํ ชานาติ ปสฺสํ ปสฺสตี’ติ! อยมฺปิ ธโมฺม ปิยตฺตาย ครุตฺตาย 5 ภาวนาย สามญฺญาย เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ
‘‘Tamenaṃ sabrahmacārī evaṃ sambhāventi – ‘ayaṃ kho āyasmā satthāraṃ upanissāya viharati aññataraṃ vā garuṭṭhāniyaṃ sabrahmacāriṃ, yatthassa tibbaṃ hirottappaṃ paccupaṭṭhitaṃ hoti pemañca gāravo ca. Addhā ayamāyasmā jānaṃ jānāti passaṃ passatī’ti! Ayampi dhammo piyattāya garuttāya 6 bhāvanāya sāmaññāya ekībhāvāya saṃvattati.
‘‘‘ตํ โข ปนายมายสฺมา สตฺถารํ อุปนิสฺสาย วิหรโนฺต อญฺญตรํ วา ครุฎฺฐานิยํ สพฺรหฺมจาริํ, ยตฺถสฺส ติพฺพํ หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฎฺฐิตํ โหติ เปมญฺจ คารโว จ, เต กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา ปริปุจฺฉติ ปริปญฺหติ – อิทํ, ภเนฺต, กถํ; อิมสฺส โก อโตฺถติ? ตสฺส เต อายสฺมโนฺต อวิวฎเญฺจว วิวรนฺติ, อนุตฺตานีกตญฺจ อุตฺตานี กโรนฺติ, อเนกวิหิเตสุ จ กงฺขาฐานิเยสุ ธเมฺมสุ กงฺขํ ปฎิวิโนเทนฺติฯ อทฺธา อยมายสฺมา ชานํ ชานาติ ปสฺสํ ปสฺสตี’ติ! อยมฺปิ ธโมฺม ปิยตฺตาย ครุตฺตาย ภาวนาย สามญฺญาย เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ
‘‘‘Taṃ kho panāyamāyasmā satthāraṃ upanissāya viharanto aññataraṃ vā garuṭṭhāniyaṃ sabrahmacāriṃ, yatthassa tibbaṃ hirottappaṃ paccupaṭṭhitaṃ hoti pemañca gāravo ca, te kālena kālaṃ upasaṅkamitvā paripucchati paripañhati – idaṃ, bhante, kathaṃ; imassa ko atthoti? Tassa te āyasmanto avivaṭañceva vivaranti, anuttānīkatañca uttānī karonti, anekavihitesu ca kaṅkhāṭhāniyesu dhammesu kaṅkhaṃ paṭivinodenti. Addhā ayamāyasmā jānaṃ jānāti passaṃ passatī’ti! Ayampi dhammo piyattāya garuttāya bhāvanāya sāmaññāya ekībhāvāya saṃvattati.
‘‘‘ตํ โข ปนายมายสฺมา ธมฺมํ สุตฺวา ทฺวเยน วูปกาเสน สมฺปาเทติ – กายวูปกาเสน จ จิตฺตวูปกาเสน จฯ อทฺธา อยมายสฺมา ชานํ ชานาติ ปสฺสํ ปสฺสตี’ติ! อยมฺปิ ธโมฺม ปิยตฺตาย ครุตฺตาย ภาวนาย สามญฺญาย เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ
‘‘‘Taṃ kho panāyamāyasmā dhammaṃ sutvā dvayena vūpakāsena sampādeti – kāyavūpakāsena ca cittavūpakāsena ca. Addhā ayamāyasmā jānaṃ jānāti passaṃ passatī’ti! Ayampi dhammo piyattāya garuttāya bhāvanāya sāmaññāya ekībhāvāya saṃvattati.
‘‘‘สีลวา โข ปนายมายสฺมา ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปโนฺน อณุมเตฺตสุ วเชฺชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุฯ อทฺธา อยมายสฺมา ชานํ ชานาติ ปสฺสํ ปสฺสตี’ติ! อยมฺปิ ธโมฺม ปิยตฺตาย ครุตฺตาย ภาวนาย สามญฺญาย เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ
‘‘‘Sīlavā kho panāyamāyasmā pātimokkhasaṃvarasaṃvuto viharati ācāragocarasampanno aṇumattesu vajjesu bhayadassāvī, samādāya sikkhati sikkhāpadesu. Addhā ayamāyasmā jānaṃ jānāti passaṃ passatī’ti! Ayampi dhammo piyattāya garuttāya bhāvanāya sāmaññāya ekībhāvāya saṃvattati.
‘‘‘พหุสฺสุโต โข ปนายมายสฺมา สุตธโร สุตสนฺนิจโยฯ เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มเชฺฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ, ตถารูปาสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา โหนฺติ ธาตา วจสา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา ทิฎฺฐิยา สุปฺปฎิวิทฺธาฯ อทฺธา อยมายสฺมา ชานํ ชานาติ ปสฺสํ ปสฺสตี’ติ! อยมฺปิ ธโมฺม ปิยตฺตาย ครุตฺตาย ภาวนาย สามญฺญาย เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ
‘‘‘Bahussuto kho panāyamāyasmā sutadharo sutasannicayo. Ye te dhammā ādikalyāṇā majjhekalyāṇā pariyosānakalyāṇā sātthaṃ sabyañjanaṃ kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ abhivadanti, tathārūpāssa dhammā bahussutā honti dhātā vacasā paricitā manasānupekkhitā diṭṭhiyā suppaṭividdhā. Addhā ayamāyasmā jānaṃ jānāti passaṃ passatī’ti! Ayampi dhammo piyattāya garuttāya bhāvanāya sāmaññāya ekībhāvāya saṃvattati.
‘‘‘อารทฺธวีริโย โข ปนายมายสฺมา วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธเมฺมสุฯ อทฺธา อยมายสฺมา ชานํ ชานาติ ปสฺสํ ปสฺสตี’ติ! อยมฺปิ ธโมฺม ปิยตฺตาย ครุตฺตาย ภาวนาย สามญฺญาย เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ
‘‘‘Āraddhavīriyo kho panāyamāyasmā viharati akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya, kusalānaṃ dhammānaṃ upasampadāya, thāmavā daḷhaparakkamo anikkhittadhuro kusalesu dhammesu. Addhā ayamāyasmā jānaṃ jānāti passaṃ passatī’ti! Ayampi dhammo piyattāya garuttāya bhāvanāya sāmaññāya ekībhāvāya saṃvattati.
‘‘‘สงฺฆคโต โข ปนายมายสฺมา อนานากถิโก โหติ อติรจฺฉานกถิโกฯ สามํ วา ธมฺมํ ภาสติ ปรํ วา อเชฺฌสติ อริยํ วา ตุณฺหีภาวํ นาติมญฺญติฯ อทฺธา อยมายสฺมา ชานํ ชานาติ ปสฺสํ ปสฺสตี’ติ! อยมฺปิ ธโมฺม ปิยตฺตาย ครุตฺตาย ภาวนาย สามญฺญาย เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ
‘‘‘Saṅghagato kho panāyamāyasmā anānākathiko hoti atiracchānakathiko. Sāmaṃ vā dhammaṃ bhāsati paraṃ vā ajjhesati ariyaṃ vā tuṇhībhāvaṃ nātimaññati. Addhā ayamāyasmā jānaṃ jānāti passaṃ passatī’ti! Ayampi dhammo piyattāya garuttāya bhāvanāya sāmaññāya ekībhāvāya saṃvattati.
‘‘‘ปญฺจสุ โข ปนายมายสฺมา อุปาทานกฺขเนฺธสุ อุทยพฺพยานุปสฺสี วิหรติ – อิติ รูปํ, อิติ รูปสฺส สมุทโย, อิติ รูปสฺส อตฺถงฺคโม; อิติ เวทนา…เป.… อิติ สญฺญา…เป.… อิติ สงฺขารา…เป.… อิติ วิญฺญาณํ, อิติ วิญฺญาณสฺส สมุทโย, อิติ วิญฺญาณสฺส อตฺถงฺคโมติฯ อทฺธา อยมายสฺมา ชานํ ชานาติ ปสฺสํ ปสฺสตี’ติ! อยมฺปิ ธโมฺม ปิยตฺตาย ครุตฺตาย ภาวนาย สามญฺญาย เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ
‘‘‘Pañcasu kho panāyamāyasmā upādānakkhandhesu udayabbayānupassī viharati – iti rūpaṃ, iti rūpassa samudayo, iti rūpassa atthaṅgamo; iti vedanā…pe… iti saññā…pe… iti saṅkhārā…pe… iti viññāṇaṃ, iti viññāṇassa samudayo, iti viññāṇassa atthaṅgamoti. Addhā ayamāyasmā jānaṃ jānāti passaṃ passatī’ti! Ayampi dhammo piyattāya garuttāya bhāvanāya sāmaññāya ekībhāvāya saṃvattati.
‘‘อิเม โข, ภิกฺขเว, อฎฺฐ เหตู อฎฺฐ ปจฺจยา อาทิพฺรหฺมจริยิกาย ปญฺญาย อปฺปฎิลทฺธาย ปฎิลาภาย, ปฎิลทฺธาย ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตนฺตี’’ติฯ ทุติยํฯ
‘‘Ime kho, bhikkhave, aṭṭha hetū aṭṭha paccayā ādibrahmacariyikāya paññāya appaṭiladdhāya paṭilābhāya, paṭiladdhāya bhiyyobhāvāya vepullāya bhāvanāya pāripūriyā saṃvattantī’’ti. Dutiyaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๒. ปญฺญาสุตฺตวณฺณนา • 2. Paññāsuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๒-๔. ปญฺญาสุตฺตาทิวณฺณนา • 2-4. Paññāsuttādivaṇṇanā