Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติปฺปกรณ-อฎฺฐกถา • Nettippakaraṇa-aṭṭhakathā |
๑๑. ปญฺญตฺติหารวิภงฺควณฺณนา
11. Paññattihāravibhaṅgavaṇṇanā
๓๙. ตตฺถ กตโม ปญฺญตฺติหาโรติ ปญฺญตฺติหารวิภโงฺคฯ ตตฺถ กา ปนายํ ปญฺญตฺตีติ? อาห ‘‘ยา ปกติกถาย เทสนา’’ติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยา เทสนาหาราทโย วิย อสฺสาทาทิปทตฺถวิเสสนิทฺธารณํ อกตฺวา ภควโต สาภาวิกธมฺมกถาย เทสนาฯ ยา ตสฺสา ปญฺญาปนา, อยํ ปญฺญตฺติหาโรฯ ยสฺมา ปน สา ภควโต ตถา ตถา เวเนยฺยสนฺตาเน ยถาธิเปฺปตมตฺถํ นิกฺขิปตีติ นิเกฺขโปฯ ตสฺส จายํ หาโร ทุกฺขาทิสงฺขาเต ภาเค ปกาเรหิ ญาเปติ, อสงฺกรโต วา ฐเปติ, ตสฺมา ‘‘นิเกฺขปปญฺญตฺตี’’ติ วุโตฺตฯ อิติ ปกติกถาย เทสนาติ สเงฺขเปน วุตฺตมตฺถํ วิตฺถาเรน วิภชิตุํ ‘‘กา จ ปกติกถาย เทสนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘จตฺตาริ สจฺจานี’’ติอาทิมาหฯ
39.Tatthakatamo paññattihāroti paññattihāravibhaṅgo. Tattha kā panāyaṃ paññattīti? Āha ‘‘yā pakatikathāya desanā’’ti. Idaṃ vuttaṃ hoti – yā desanāhārādayo viya assādādipadatthavisesaniddhāraṇaṃ akatvā bhagavato sābhāvikadhammakathāya desanā. Yā tassā paññāpanā, ayaṃ paññattihāro. Yasmā pana sā bhagavato tathā tathā veneyyasantāne yathādhippetamatthaṃ nikkhipatīti nikkhepo. Tassa cāyaṃ hāro dukkhādisaṅkhāte bhāge pakārehi ñāpeti, asaṅkarato vā ṭhapeti, tasmā ‘‘nikkhepapaññattī’’ti vutto. Iti pakatikathāya desanāti saṅkhepena vuttamatthaṃ vitthārena vibhajituṃ ‘‘kā ca pakatikathāya desanā’’ti pucchitvā ‘‘cattāri saccānī’’tiādimāha.
ตตฺถ อิทํ ทุกฺขนฺติ อยํ ปญฺญตฺตีติ กกฺขฬผุสนาทิสภาเว รูปารูปธเมฺม อตีตาทิวเสน อเนกเภทภิเนฺน อภินฺทิตฺวา ปีฬนสงฺขตสนฺตาปวิปริณามฎฺฐตาสามเญฺญน ยา กุจฺฉิตภาวาทิมุเขน เอกชฺฌํ คหณสฺส การณภูตา ปญฺญตฺติ, กา ปน สาติ? นามปญฺญตฺตินิพนฺธนา ตชฺชาปญฺญตฺติฯ ‘‘วิญฺญตฺติวิการสหิโต สโทฺท เอวา’’ติ อปเรฯ อิมินา นเยน ตตฺถ ตตฺถ ปญฺญตฺติอโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ‘‘ปญฺจนฺนํ ขนฺธาน’’นฺติอาทินา ตสฺสา ปญฺญตฺติยา อุปาทานํ ทเสฺสติฯ ทสนฺนํ อินฺทฺริยานนฺติ อฎฺฐ รูปินฺทฺริยานิ มนินฺทฺริยํ เวทนินฺทฺริยนฺติ เอวํ ทสนฺนํฯ อนุภวนสามเญฺญน หิ เวทนา เอกมินฺทฺริยํ กตา, ตถา สทฺธาทโย จ มคฺคปกฺขิยาติฯ
Tattha idaṃ dukkhanti ayaṃ paññattīti kakkhaḷaphusanādisabhāve rūpārūpadhamme atītādivasena anekabhedabhinne abhinditvā pīḷanasaṅkhatasantāpavipariṇāmaṭṭhatāsāmaññena yā kucchitabhāvādimukhena ekajjhaṃ gahaṇassa kāraṇabhūtā paññatti, kā pana sāti? Nāmapaññattinibandhanā tajjāpaññatti. ‘‘Viññattivikārasahito saddo evā’’ti apare. Iminā nayena tattha tattha paññattiattho veditabbo. ‘‘Pañcannaṃ khandhāna’’ntiādinā tassā paññattiyā upādānaṃ dasseti. Dasannaṃ indriyānanti aṭṭha rūpindriyāni manindriyaṃ vedanindriyanti evaṃ dasannaṃ. Anubhavanasāmaññena hi vedanā ekamindriyaṃ katā, tathā saddhādayo ca maggapakkhiyāti.
กพฬํ กรียตีติ กพฬีกาโรติ วตฺถุวเสน อยํ นิเทฺทโสฯ ยาย โอชาย สตฺตา ยาเปนฺติ, ตสฺสาเยตํ อธิวจนํฯ สา หิ โอชฎฺฐมกสฺส รูปสฺส อาหรณโต อาหาโรฯ อตฺถีติ มเคฺคน อสมุจฺฉินฺนตาย วิชฺชติฯ ราโคติ รญฺชนเฎฺฐน ราโคฯ นนฺทนเฎฺฐน นนฺทีฯ ตณฺหายนเฎฺฐน ตณฺหาฯ สพฺพาเนตานิ โลภเสฺสว นามานิฯ ปติฎฺฐิตํ ตตฺถ วิญฺญาณํ วิรุฬฺหนฺติ กมฺมํ ชวาเปตฺวา ปฎิสนฺธิอากฑฺฒนสมตฺถตาย ปติฎฺฐิตเญฺจว วิญฺญาณํ วิรุฬฺหญฺจฯ ยตฺถาติ เตภูมกวเฎฺฎ ภุมฺมํ, สพฺพตฺถ วา ปุริมปุริมปเท เอตํ ภุมฺมํฯ อตฺถิ ตตฺถ สงฺขารานํ วุทฺธีติ เย อิมสฺมิํ วิปากวเฎฺฎ ฐิตสฺส อายติํ วฑฺฒนเหตุกา สงฺขารา, เต สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘ยตฺถ อตฺถิ อายติํ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺตี’’ติ ยสฺมิํ ฐาเน อายติํ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ อตฺถิฯ อตฺถิ ตตฺถ อายติํ ชาติชรามรณนฺติ ยตฺถ ปฎิสนฺธิคฺคหณํ, ตตฺถ ขนฺธานํ อภินิพฺพตฺติลกฺขณา ชาติ, ปริปากลกฺขณา ชรา, เภทนลกฺขณํ มรณญฺจ อตฺถิฯ อยํ ปภาวปญฺญตฺติ ทุกฺขสฺส จ สมุทยสฺส จาติ อยํ ยถาวุตฺตา เทสนา ทุกฺขสจฺจสฺส สมุทยสจฺจสฺส จ สมุฎฺฐานปญฺญตฺติ, วิปากวฎฺฎสฺส สงฺขารานญฺจ ตณฺหาปจฺจยนิเทฺทสโตติ อธิปฺปาโยฯ
Kabaḷaṃ karīyatīti kabaḷīkāroti vatthuvasena ayaṃ niddeso. Yāya ojāya sattā yāpenti, tassāyetaṃ adhivacanaṃ. Sā hi ojaṭṭhamakassa rūpassa āharaṇato āhāro. Atthīti maggena asamucchinnatāya vijjati. Rāgoti rañjanaṭṭhena rāgo. Nandanaṭṭhena nandī. Taṇhāyanaṭṭhena taṇhā. Sabbānetāni lobhasseva nāmāni. Patiṭṭhitaṃ tattha viññāṇaṃ viruḷhanti kammaṃ javāpetvā paṭisandhiākaḍḍhanasamatthatāya patiṭṭhitañceva viññāṇaṃ viruḷhañca. Yatthāti tebhūmakavaṭṭe bhummaṃ, sabbattha vā purimapurimapade etaṃ bhummaṃ. Atthi tattha saṅkhārānaṃ vuddhīti ye imasmiṃ vipākavaṭṭe ṭhitassa āyatiṃ vaḍḍhanahetukā saṅkhārā, te sandhāya vuttaṃ – ‘‘yattha atthi āyatiṃ punabbhavābhinibbattī’’ti yasmiṃ ṭhāne āyatiṃ punabbhavābhinibbatti atthi. Atthi tattha āyatiṃjātijarāmaraṇanti yattha paṭisandhiggahaṇaṃ, tattha khandhānaṃ abhinibbattilakkhaṇā jāti, paripākalakkhaṇā jarā, bhedanalakkhaṇaṃ maraṇañca atthi. Ayaṃ pabhāvapaññatti dukkhassa ca samudayassa cāti ayaṃ yathāvuttā desanā dukkhasaccassa samudayasaccassa ca samuṭṭhānapaññatti, vipākavaṭṭassa saṅkhārānañca taṇhāpaccayaniddesatoti adhippāyo.
นตฺถิ ราโคติ อคฺคมคฺคภาวนาย สมุจฺฉินฺนตฺตา นตฺถิ เจ ราโคฯ อปฺปติฎฺฐิตํ ตตฺถ วิญฺญาณํ อวิรุฬฺหนฺติ กมฺมํ ชวาเปตฺวา ปฎิสนฺธิอากฑฺฒนสมตฺถตายาภาเวน อปฺปติฎฺฐิตเญฺจว อวิรุฬฺหญฺจาติ วุตฺตปฎิปกฺขนเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Natthi rāgoti aggamaggabhāvanāya samucchinnattā natthi ce rāgo. Appatiṭṭhitaṃ tattha viññāṇaṃ aviruḷhanti kammaṃ javāpetvā paṭisandhiākaḍḍhanasamatthatāyābhāvena appatiṭṭhitañceva aviruḷhañcāti vuttapaṭipakkhanayena attho veditabbo.
‘‘อยํ ปริญฺญาปญฺญตฺตี’’ติอาทินา เอกาภิสมยวเสเนว มคฺคสมฺมาทิฎฺฐิ จตูสุ อริยสเจฺจสุ ปวตฺตตีติ ทเสฺสติฯ อยํ ภาวนาปญฺญตฺตีติ อยํ ทฺวารารมฺมเณหิ ฉทฺวารปฺปวตฺตนธมฺมานํ อนิจฺจานุปสฺสนา มคฺคสฺส ภาวนาปญฺญตฺติฯ นิโรธปญฺญตฺติ นิโรธสฺสาติ โรธสงฺขาตาย ตณฺหาย มเคฺคน อนวเสสนิโรธปญฺญตฺติฯ อุปฺปาทปญฺญตฺตีติ อุปฺปนฺนสฺส ปญฺญาปนาฯ โอกาสปญฺญตฺตีติ ฐานสฺส ปญฺญาปนาฯ อาหฎนาปญฺญตฺตีติ นีหรณปญฺญตฺติฯ อาสาฎิกานนฺติ คุนฺนํ วเณสุ นีลมกฺขิกาหิ ฐปิตอณฺฑกา อาสาฎิกา นามฯ เอตฺถ ยสฺส อุปฺปนฺนา, ตสฺส สตฺตสฺส อนยพฺยสนเหตุตาย อาสาฎิกา วิยาติ อาสาฎิกา, กิเลสา, เตสํ อาสาฎิกานํฯ อภินิฆาตปญฺญตฺตีติ สมุคฺฆาตปญฺญตฺติฯ
‘‘Ayaṃ pariññāpaññattī’’tiādinā ekābhisamayavaseneva maggasammādiṭṭhi catūsu ariyasaccesu pavattatīti dasseti. Ayaṃ bhāvanāpaññattīti ayaṃ dvārārammaṇehi chadvārappavattanadhammānaṃ aniccānupassanā maggassa bhāvanāpaññatti. Nirodhapaññatti nirodhassāti rodhasaṅkhātāya taṇhāya maggena anavasesanirodhapaññatti. Uppādapaññattīti uppannassa paññāpanā. Okāsapaññattīti ṭhānassa paññāpanā. Āhaṭanāpaññattīti nīharaṇapaññatti. Āsāṭikānanti gunnaṃ vaṇesu nīlamakkhikāhi ṭhapitaaṇḍakā āsāṭikā nāma. Ettha yassa uppannā, tassa sattassa anayabyasanahetutāya āsāṭikā viyāti āsāṭikā, kilesā, tesaṃ āsāṭikānaṃ. Abhinighātapaññattīti samugghātapaññatti.
๔๑. เอวํ วฎฺฎวิวฎฺฎมุเขน สมฺมสนอุปาทานกฺขนฺธมุเขเนว สเจฺจสุ ปญฺญตฺติวิภาคํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ เตปริวฎฺฎวเสน ทเสฺสตุํ ‘‘อิทํ ‘ทุกฺข’นฺติ เม, ภิกฺขเว’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ทสฺสนเฎฺฐน จกฺขุฯ ยถาสภาวโต ชานนเฎฺฐน ญาณํฯ ปฎิวิชฺฌนเฎฺฐน ปญฺญาฯ วิทิตกรณเฎฺฐน วิชฺชาฯ โอภาสนเฎฺฐน อาโลโกฯ สพฺพํ ปญฺญาเววจนเมวฯ อยํ เววจนปญฺญตฺติฯ สจฺฉิกิริยาปญฺญตฺตีติ ปจฺจกฺขกรณปญฺญตฺติฯ
41. Evaṃ vaṭṭavivaṭṭamukhena sammasanaupādānakkhandhamukheneva saccesu paññattivibhāgaṃ dassetvā idāni teparivaṭṭavasena dassetuṃ ‘‘idaṃ ‘dukkha’nti me, bhikkhave’’tiādi āraddhaṃ. Tattha dassanaṭṭhena cakkhu. Yathāsabhāvato jānanaṭṭhena ñāṇaṃ. Paṭivijjhanaṭṭhena paññā. Viditakaraṇaṭṭhena vijjā. Obhāsanaṭṭhena āloko. Sabbaṃ paññāvevacanameva. Ayaṃ vevacanapaññatti. Sacchikiriyāpaññattīti paccakkhakaraṇapaññatti.
ตุลมตุลญฺจาติ คาถาย ปจุรชนานํ ปจฺจกฺขภาวโต ตุลิตํ ปริจฺฉินฺนนฺติ ตุลํ, กามาวจรํฯ น ตุลนฺติ อตุลํ, ตุลํ วา สทิสมสฺส อญฺญํ โลกิยกมฺมํ นตฺถีติ อตุลํ, มหคฺคตกมฺมํฯ กามาวจรรูปาวจรกมฺมํ วา ตุลํ, อรูปาวจรํ อตุลํ, อปฺปวิปากํ วา ตุลํฯ พหุวิปากํ อตุลํฯ สมฺภวติ เอเตนาติ สมฺภวํ, สมฺภวเหตุภูตํฯ ภวสงฺขารํ ปุนพฺภวสงฺขรณกํฯ อวสฺสชีติ วิสฺสเชฺชสิฯ มุนีติ พุทฺธมุนิฯ อชฺฌตฺตรโตติ นิยกชฺฌตฺตรโต ฯ สมาหิโตติ อุปจารปฺปนาสมาธิวเสน สมาหิโตฯ อภินฺทิ กวจมิวาติ กวจํ วิย ภินฺทิฯ อตฺตสมฺภวนฺติ อตฺตนิ สญฺชาตํ กิเลสํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – สวิปากเฎฺฐน สมฺภวํ ภวาภิสงฺขรณเฎฺฐน ภวสงฺขารนฺติ จ ลทฺธนามํ ตุลาตุลสงฺขาตํ โลกิยกมฺมญฺจ โอสฺสชิ, สงฺคามสีเส มหาโยโธ กวจํ วิย อตฺตสมฺภวํ กิเลสญฺจ อชฺฌตฺตรโต สมาหิโต หุตฺวา อภินฺทีติฯ
Tulamatulañcāti gāthāya pacurajanānaṃ paccakkhabhāvato tulitaṃ paricchinnanti tulaṃ, kāmāvacaraṃ. Na tulanti atulaṃ, tulaṃ vā sadisamassa aññaṃ lokiyakammaṃ natthīti atulaṃ, mahaggatakammaṃ. Kāmāvacararūpāvacarakammaṃ vā tulaṃ, arūpāvacaraṃ atulaṃ, appavipākaṃ vā tulaṃ. Bahuvipākaṃ atulaṃ. Sambhavati etenāti sambhavaṃ, sambhavahetubhūtaṃ. Bhavasaṅkhāraṃ punabbhavasaṅkharaṇakaṃ. Avassajīti vissajjesi. Munīti buddhamuni. Ajjhattaratoti niyakajjhattarato . Samāhitoti upacārappanāsamādhivasena samāhito. Abhindi kavacamivāti kavacaṃ viya bhindi. Attasambhavanti attani sañjātaṃ kilesaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – savipākaṭṭhena sambhavaṃ bhavābhisaṅkharaṇaṭṭhena bhavasaṅkhāranti ca laddhanāmaṃ tulātulasaṅkhātaṃ lokiyakammañca ossaji, saṅgāmasīse mahāyodho kavacaṃ viya attasambhavaṃ kilesañca ajjhattarato samāhito hutvā abhindīti.
อถ วา ตุลนฺติ ตุลยโนฺต ตีเรโนฺตฯ อตุลญฺจ สมฺภวนฺติ นิพฺพานเญฺจว สมฺภวญฺจฯ ภวสงฺขารนฺติ ภวคามิกมฺมํฯ อวสฺสชิ มุนีติ ‘‘ปญฺจกฺขนฺธา อนิจฺจา, เตสํ นิโรโธ นิพฺพานํ นิจฺจ’’นฺติอาทินา (ปฎิ. ม. ๓.๓๘ อตฺถโต สมานํ) นเยน ตุลยโนฺต พุทฺธมุนิ ภเว อาทีนวํ นิพฺพาเน อานิสํสญฺจ ทิสฺวา ตํ ขนฺธานํ มูลภูตํ ภวสงฺขารํ กมฺมกฺขยกเรน อริยมเคฺคน อวสฺสชิฯ กถํ? อชฺฌตฺตรโตฯ โส หิ วิปสฺสนาวเสน อชฺฌตฺตรโต สมถวเสน สมาหิโต กวจมิว อตฺตภาวํ ปริโยนนฺธิตฺวา ฐิตํ อตฺตนิ สมฺภวตฺตา ‘‘อตฺตสมฺภว’’นฺติ ลทฺธนามํ สพฺพํ กิเลสชาตํ อภินฺทิ, กิเลสาภาเว กมฺมํ อปฺปฎิสนฺธิกตฺตา อวสฺสฎฺฐํ นาม โหติ, กิเลสาภาเวน กมฺมํ ชหีติ อโตฺถ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๑๖๙; อุทา. อฎฺฐ. ๕๑)ฯ
Atha vā tulanti tulayanto tīrento. Atulañca sambhavanti nibbānañceva sambhavañca. Bhavasaṅkhāranti bhavagāmikammaṃ. Avassaji munīti ‘‘pañcakkhandhā aniccā, tesaṃ nirodho nibbānaṃ nicca’’ntiādinā (paṭi. ma. 3.38 atthato samānaṃ) nayena tulayanto buddhamuni bhave ādīnavaṃ nibbāne ānisaṃsañca disvā taṃ khandhānaṃ mūlabhūtaṃ bhavasaṅkhāraṃ kammakkhayakarena ariyamaggena avassaji. Kathaṃ? Ajjhattarato. So hi vipassanāvasena ajjhattarato samathavasena samāhito kavacamiva attabhāvaṃ pariyonandhitvā ṭhitaṃ attani sambhavattā ‘‘attasambhava’’nti laddhanāmaṃ sabbaṃ kilesajātaṃ abhindi, kilesābhāve kammaṃ appaṭisandhikattā avassaṭṭhaṃ nāma hoti, kilesābhāvena kammaṃ jahīti attho (dī. ni. aṭṭha. 2.169; udā. aṭṭha. 51).
สงฺขตาสงฺขตธาตุวินิมุตฺตสฺส อภิเญฺญยฺยสฺส อภาวโต วุตฺตํ ‘‘ตุล…เป.… ธมฺมาน’’นฺติฯ เตน ธมฺมปฎิสมฺภิทา วุตฺตา โหตีติ อาห – ‘‘นิเกฺขปปญฺญตฺติ ธมฺมปฎิสมฺภิทายา’’ติฯ ภวสงฺขาเร สมุทยปกฺขิยํ สนฺธายาห ‘‘ปริจฺจาคปญฺญตฺตี’’ติฯ ทุกฺขสจฺจปกฺขิยวเสน ‘‘ปริญฺญาปญฺญตฺตี’’ติฯ สมาธานวิสิฎฺฐสฺส อชฺฌตฺตรตภาวสฺส วเสน ‘‘ภาวนาปญฺญตฺติ กายคตาย สติยา’’ติ วุตฺตํฯ อชฺฌตฺตรตตาวิสิฎฺฐสฺส ปน สมาธานสฺส วเสน ‘‘ฐิติปญฺญตฺติ จิเตฺตกคฺคตายา’’ติ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ อภินิพฺพิทาปญฺญตฺติ จิตฺตสฺสาติ อายุสงฺขาโรสฺสชฺชนวเสน จิตฺตสฺส อภินีหรณปญฺญตฺติฯ อุปาทานปญฺญตฺตีติ คหณปญฺญตฺติฯ สพฺพญฺญุตายาติ สมฺมาสมฺพุทฺธภาวสฺสฯ เอเตน อสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อายุสงฺขาโรสฺสชฺชนํ นตฺถีติ ทเสฺสติฯ กิเลสาภาเวน ภควา กมฺมํ ชหตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปทาลนาปญฺญตฺติ อวิชฺชณฺฑโกสาน’’นฺติ อาหฯ
Saṅkhatāsaṅkhatadhātuvinimuttassa abhiññeyyassa abhāvato vuttaṃ ‘‘tula…pe… dhammāna’’nti. Tena dhammapaṭisambhidā vuttā hotīti āha – ‘‘nikkhepapaññatti dhammapaṭisambhidāyā’’ti. Bhavasaṅkhāre samudayapakkhiyaṃ sandhāyāha ‘‘pariccāgapaññattī’’ti. Dukkhasaccapakkhiyavasena ‘‘pariññāpaññattī’’ti. Samādhānavisiṭṭhassa ajjhattaratabhāvassa vasena ‘‘bhāvanāpaññatti kāyagatāya satiyā’’ti vuttaṃ. Ajjhattaratatāvisiṭṭhassa pana samādhānassa vasena ‘‘ṭhitipaññatti cittekaggatāyā’’ti vuttanti daṭṭhabbaṃ. Abhinibbidāpaññatti cittassāti āyusaṅkhārossajjanavasena cittassa abhinīharaṇapaññatti. Upādānapaññattīti gahaṇapaññatti. Sabbaññutāyāti sammāsambuddhabhāvassa. Etena asammāsambuddhassa āyusaṅkhārossajjanaṃ natthīti dasseti. Kilesābhāvena bhagavā kammaṃ jahatīti dassento ‘‘padālanāpaññatti avijjaṇḍakosāna’’nti āha.
โย ทุกฺขมทฺทกฺขิ ยโตนิทานนฺติ โย อารทฺธวิปสฺสโก สพฺพํ เตภูมกํ ทุกฺขํ อทกฺขิ ปสฺสิ, ตญฺจ ยโตนิทานํ ยํ เหตุกํ, ตมฺปิสฺส การณภาเวน ตณฺหํ ปสฺสิฯ กาเมสุ โส ชนฺตุ กถํ นเมยฺยาติ โส เอวํ ปฎิปโนฺน ปุริโส สวตฺถุกาเมสุ กิเลสกาเมสุ เยน ปกาเรน นเมยฺย อภินเมยฺย, โส ปกาโร นตฺถิฯ กสฺมา? กามา หิ โลเก สโงฺคติ ญตฺวาฯ ยสฺมา อิมสฺมิํ โลเก กามสทิสํ พนฺธนํ นตฺถิฯ วุตฺตเญฺจตํ ภควตา ‘‘น ตํ ทฬฺหํ พนฺธนมาหุ ธีรา’’ติอาทิ (ธ. ป. ๓๔๕; สํ. นิ. ๑.๑๒๑; เนตฺติ. ๑๐๖; เปฎโก ๑๕), ตสฺมา สงฺขาเร อาสชฺชนเฎฺฐน สโงฺคติ วิทิตฺวาฯ เตสํ สตีมา วินยาย สิเกฺขติ กายคตาสติโยเคน สติมา เตสํ กามานํ วูปสมาย ตีสุปิ สิกฺขาสุ อปฺปมโตฺต สิเกฺขยฺยาติ อโตฺถฯ
Yo dukkhamaddakkhi yatonidānanti yo āraddhavipassako sabbaṃ tebhūmakaṃ dukkhaṃ adakkhi passi, tañca yatonidānaṃ yaṃ hetukaṃ, tampissa kāraṇabhāvena taṇhaṃ passi. Kāmesu so jantu kathaṃnameyyāti so evaṃ paṭipanno puriso savatthukāmesu kilesakāmesu yena pakārena nameyya abhinameyya, so pakāro natthi. Kasmā? Kāmā hi loke saṅgoti ñatvā. Yasmā imasmiṃ loke kāmasadisaṃ bandhanaṃ natthi. Vuttañcetaṃ bhagavatā ‘‘na taṃ daḷhaṃ bandhanamāhu dhīrā’’tiādi (dha. pa. 345; saṃ. ni. 1.121; netti. 106; peṭako 15), tasmā saṅkhāre āsajjanaṭṭhena saṅgoti viditvā. Tesaṃ satīmā vinayāya sikkheti kāyagatāsatiyogena satimā tesaṃ kāmānaṃ vūpasamāya tīsupi sikkhāsu appamatto sikkheyyāti attho.
เววจนปญฺญตฺตีติ ขนฺธาทีนํ เววจนปญฺญตฺติฯ อทกฺขีติ ปน ปเทน สมฺพนฺธตฺตา วุตฺตํ – ‘‘ทุกฺขสฺส ปริญฺญาปญฺญตฺติ จา’’ติฯ ปจฺจตฺถิกโต ทสฺสนปญฺญตฺตีติ อนตฺถชนนโต ปจฺจตฺถิกโต ทสฺสนปญฺญตฺติฯ ปาวกกปฺปาติ ชลิตอคฺคิกฺขนฺธสทิสาฯ ปปาตอุรโคปมาติ ปปาตูปมาอุรโคปมา จฯ
Vevacanapaññattīti khandhādīnaṃ vevacanapaññatti. Adakkhīti pana padena sambandhattā vuttaṃ – ‘‘dukkhassa pariññāpaññatti cā’’ti. Paccatthikato dassanapaññattīti anatthajananato paccatthikato dassanapaññatti. Pāvakakappāti jalitaaggikkhandhasadisā. Papātauragopamāti papātūpamāuragopamā ca.
โมหสมฺพนฺธโน โลโกติ อยํ โลโก อวิชฺชาเหตุเกหิ สํโยชเนหิ พโนฺธฯ ภพฺพรูโปว ทิสฺสตีติ วิปนฺนชฺฌาสโยปิ มายาย สาเฐเยฺยน จ ปฎิจฺฉาทิตสภาโว ภพฺพชาติกํ วิย อตฺตานํ ทเสฺสติฯ อุปธิพนฺธโน พาโล, ตมสา ปริวาริโตติ ตสฺส ปน พาลสฺส ตถา ทสฺสเน สโมฺมหตมสา ปริวาริตตฺตา กามคุเณสุ อนาทีนวทสฺสิตาย กิเลสาภิสงฺขาเรหิ พนฺธตฺตาฯ ตถา ภูโต จายํ พาโล ปณฺฑิตานํ อสฺสิรี วิย ขายติ อลกฺขิโก เอว หุตฺวา อุปฎฺฐาติฯ ตยิทํ สพฺพํ พาลสฺส สโต ราคาทิกิญฺจนโตฯ ปณฺฑิตสฺส ปน ปญฺญาจกฺขุนา ปสฺสโต นตฺถิ กิญฺจนนฺติ อยํ สเงฺขปโตฺถฯ โมหสีเสน วิปลฺลาสา คหิตาติ อาห – ‘‘เทสนาปญฺญตฺติ วิปลฺลาสาน’’นฺติฯ วิปรีตปญฺญตฺตีติ วิปรีตากาเรน อุปฎฺฐหมานสฺส ปญฺญาปนาฯ
Mohasambandhano lokoti ayaṃ loko avijjāhetukehi saṃyojanehi bandho. Bhabbarūpova dissatīti vipannajjhāsayopi māyāya sāṭheyyena ca paṭicchāditasabhāvo bhabbajātikaṃ viya attānaṃ dasseti. Upadhibandhano bālo, tamasā parivāritoti tassa pana bālassa tathā dassane sammohatamasā parivāritattā kāmaguṇesu anādīnavadassitāya kilesābhisaṅkhārehi bandhattā. Tathā bhūto cāyaṃ bālo paṇḍitānaṃ assirī viya khāyati alakkhiko eva hutvā upaṭṭhāti. Tayidaṃ sabbaṃ bālassa sato rāgādikiñcanato. Paṇḍitassa pana paññācakkhunā passato natthi kiñcananti ayaṃ saṅkhepattho. Mohasīsena vipallāsā gahitāti āha – ‘‘desanāpaññatti vipallāsāna’’nti. Viparītapaññattīti viparītākārena upaṭṭhahamānassa paññāpanā.
อตฺถิ นิพฺพานนฺติ สมณพฺราหฺมณานํ วาจาวตฺถุมตฺตเมวฯ นตฺถิ นิพฺพานนฺติ ปรมตฺถโต อลพฺภมานสภาวตฺตาติ วิปฺปฎิปนฺนานํ มิจฺฉาวาทํ ภญฺชิตุํ ภควตา วุตฺตํ – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อชาตํ อภูตํ อกตํ อสงฺขต’’นฺติฯ ตตฺถ เหตุํ ทเสฺสตุํ ‘‘โน เจตํ, ภิกฺขเว’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตสฺสโตฺถ – ภิกฺขเว, ยทิ อสงฺขตา ธาตุ น อภวิสฺส, น อิธ สพฺพสฺส สงฺขตสฺส นิสฺสรณํ สิยาฯ นิพฺพานญฺหิ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตมานา สมฺมาทิฎฺฐิอาทโย มคฺคธมฺมา อนวเสสกิเลเส สมุจฺฉินฺทนฺติ, ตโต ติวิธสฺสปิ วฎฺฎสฺส อปฺปวตฺตีติฯ
Atthi nibbānanti samaṇabrāhmaṇānaṃ vācāvatthumattameva. Natthi nibbānanti paramatthato alabbhamānasabhāvattāti vippaṭipannānaṃ micchāvādaṃ bhañjituṃ bhagavatā vuttaṃ – ‘‘atthi, bhikkhave, ajātaṃ abhūtaṃ akataṃ asaṅkhata’’nti. Tattha hetuṃ dassetuṃ ‘‘no cetaṃ, bhikkhave’’tiādi vuttaṃ. Tassattho – bhikkhave, yadi asaṅkhatā dhātu na abhavissa, na idha sabbassa saṅkhatassa nissaraṇaṃ siyā. Nibbānañhi ārammaṇaṃ katvā pavattamānā sammādiṭṭhiādayo maggadhammā anavasesakilese samucchindanti, tato tividhassapi vaṭṭassa appavattīti.
ตตฺถายมธิปฺปาโย – ยถา ปริเญฺญยฺยตาย สอุตฺตรานํ กามานํ รูปานญฺจ ปฎิปกฺขภูตํ ตพฺพิธุรสภาวํ นิสฺสรณํ ปญฺญายติ, เอวํ ตํสภาวานํ สงฺขภธมฺมานํ ปฎิปกฺขภูเตน ตพฺพิธุรตาสภาเวน นิสฺสรเณน ภวิตพฺพํ, ยญฺจ ตํ นิสฺสรณํฯ สา อสงฺขตา ธาตุฯ กิญฺจ ภิโยฺย? สงฺขตธมฺมารมฺมณํ วิปสฺสนาญาณํฯ อปิ จ อนุโลมญาณํ กิเลเส น สมุเจฺฉทวเสน ปชหิตุํ สโกฺกติฯ สมฺมุติสจฺจารมฺมณมฺปิ ปฐมชฺฌานาทีสุ ญาณํ วิกฺขมฺภนมตฺตเมว กโรติ, กิเลสานํ น สมุเจฺฉทํ, สมุเจฺฉทปฺปหานกรญฺจ อริยมคฺคญาณํ, ตสฺส สงฺขตธมฺมสมฺมุติสจฺจวิปรีเตน อารมฺมเณน ภวิตพฺพํ, สา อสงฺขตา ธาตุฯ ตถา นิพฺพาน-สโทฺท กตฺถจิ วิสเย อวิปรีตโตฺถ เวทิตโพฺพ, อุปจารวุตฺติสพฺภาวโต, ยถา ตํ ‘‘สีหสโทฺท’’ติฯ
Tatthāyamadhippāyo – yathā pariññeyyatāya sauttarānaṃ kāmānaṃ rūpānañca paṭipakkhabhūtaṃ tabbidhurasabhāvaṃ nissaraṇaṃ paññāyati, evaṃ taṃsabhāvānaṃ saṅkhabhadhammānaṃ paṭipakkhabhūtena tabbidhuratāsabhāvena nissaraṇena bhavitabbaṃ, yañca taṃ nissaraṇaṃ. Sā asaṅkhatā dhātu. Kiñca bhiyyo? Saṅkhatadhammārammaṇaṃ vipassanāñāṇaṃ. Api ca anulomañāṇaṃ kilese na samucchedavasena pajahituṃ sakkoti. Sammutisaccārammaṇampi paṭhamajjhānādīsu ñāṇaṃ vikkhambhanamattameva karoti, kilesānaṃ na samucchedaṃ, samucchedappahānakarañca ariyamaggañāṇaṃ, tassa saṅkhatadhammasammutisaccaviparītena ārammaṇena bhavitabbaṃ, sā asaṅkhatā dhātu. Tathā nibbāna-saddo katthaci visaye aviparītattho veditabbo, upacāravuttisabbhāvato, yathā taṃ ‘‘sīhasaddo’’ti.
อถ วา ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อชาตํ อภูตํ อกตํ อสงฺขต’’นฺติ (อุทา. ๗๓) วจนํ อวิปรีตตฺถํ, ภควตา ภาสิตตฺตาฯ ยญฺหิ ภควตา ภาสิตํ, ตํ อวิปรีตตฺถํฯ ยถา ตํ ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อนิจฺจา, สเพฺพ สงฺขารา ทุกฺขา, สเพฺพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๕๓, ๓๕๖; กถา. ๗๕๓; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๔; ปฎิ. ม. ๑.๓๑; เนตฺติ. ๕; ธ. ป. ๒๗๗-๒๗๙), เอวมฺปิ ยุตฺติวเสน อสงฺขตาย ธาตุยา ปรมตฺถโต สพฺภาโว เวทิตโพฺพฯ กิํ วา เอตาย ยุตฺติจินฺตาย? ยสฺมา ภควตา ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อชาตํ อภูตํ อกตํ อสงฺขตนฺติ (อุทา. ๗๓), อปฺปจฺจยา ธมฺมา อสงฺขตา ธมฺมาติ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๗-๘) จ, อสงฺขตญฺจ โว, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสสฺสามิ อสงฺขตคามินิญฺจ ปฎิปท’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. ๔.๓๖๖-๓๖๗, ๓๗๗) จ อเนเกหิ สุตฺตปเทหิ นิพฺพานธาตุยา ปรมตฺถโต สพฺภาโว เทสิโตติฯ ตตฺถ อุปนยนปญฺญตฺตีติ ปฎิปกฺขโต เหตุอุปนยนสฺส ปญฺญาปนาฯ โชตนาปญฺญตฺตีติ ปฎิญฺญาตสฺส อตฺถสฺส สิทฺธิยา ปกาสนาปญฺญตฺติฯ เสสํ สพฺพํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Atha vā ‘‘atthi, bhikkhave, ajātaṃ abhūtaṃ akataṃ asaṅkhata’’nti (udā. 73) vacanaṃ aviparītatthaṃ, bhagavatā bhāsitattā. Yañhi bhagavatā bhāsitaṃ, taṃ aviparītatthaṃ. Yathā taṃ ‘‘sabbe saṅkhārā aniccā, sabbe saṅkhārā dukkhā, sabbe dhammā anattā’’ti (ma. ni. 1.353, 356; kathā. 753; cūḷani. ajitamāṇavapucchāniddesa 4; paṭi. ma. 1.31; netti. 5; dha. pa. 277-279), evampi yuttivasena asaṅkhatāya dhātuyā paramatthato sabbhāvo veditabbo. Kiṃ vā etāya yutticintāya? Yasmā bhagavatā ‘‘atthi, bhikkhave, ajātaṃ abhūtaṃ akataṃ asaṅkhatanti (udā. 73), appaccayā dhammā asaṅkhatā dhammāti (dha. sa. dukamātikā 7-8) ca, asaṅkhatañca vo, bhikkhave, dhammaṃ desessāmi asaṅkhatagāminiñca paṭipada’’ntiādinā (saṃ. ni. 4.366-367, 377) ca anekehi suttapadehi nibbānadhātuyā paramatthato sabbhāvo desitoti. Tattha upanayanapaññattīti paṭipakkhato hetuupanayanassa paññāpanā. Jotanāpaññattīti paṭiññātassa atthassa siddhiyā pakāsanāpaññatti. Sesaṃ sabbaṃ suviññeyyameva.
ปญฺญตฺติหารวิภงฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paññattihāravibhaṅgavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เนตฺติปฺปกรณปาฬิ • Nettippakaraṇapāḷi / ๑๑. ปญฺญตฺติหารวิภโงฺค • 11. Paññattihāravibhaṅgo
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā / ๑๑. ปญฺญตฺติหารวิภงฺควณฺณนา • 11. Paññattihāravibhaṅgavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติวิภาวินี • Nettivibhāvinī / ๑๑. ปญฺญตฺติหารวิภงฺควิภาวนา • 11. Paññattihāravibhaṅgavibhāvanā