Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติวิภาวินี • Nettivibhāvinī

    ๑๑. ปญฺญตฺติหารวิภงฺควิภาวนา

    11. Paññattihāravibhaṅgavibhāvanā

    ๓๙. เยน เยน สํวณฺณนาวิเสสภูเตน วิภเงฺคน เววจนานิ วิภตฺตานิ, โส สํวณฺณนาวิเสสภูโต วิภโงฺค ปริปุโณฺณ, ‘‘กตโม ปญฺญตฺติหารวิภโงฺค’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ กตโม ปญฺญตฺติหาโร’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ นิทฺทิเฎฺฐสุ โสฬสสุ เทสนาหาราทีสุ กตโม สํวณฺณนาวิเสโส ปญฺญตฺติหาโร ปญฺญตฺติหารวิภโงฺค นามาติ ปุจฺฉติฯ ‘‘เอกํ ภควา ธมฺมํ ปญฺญตฺตีหิ วิวิธาหิ เทเสตี’’ติอาทินิเทฺทสสฺส อิทานิ มยา วุจฺจมาโน ‘‘ยา ปกติกถาย เทสนา’’ติอาทิโก วิตฺถารสํวณฺณนาวิเสโส ปญฺญตฺติหาโร ปญฺญตฺติหารวิภโงฺค นามาติ คเหตโพฺพฯ

    39. Yena yena saṃvaṇṇanāvisesabhūtena vibhaṅgena vevacanāni vibhattāni, so saṃvaṇṇanāvisesabhūto vibhaṅgo paripuṇṇo, ‘‘katamo paññattihāravibhaṅgo’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha katamo paññattihāro’’tiādi vuttaṃ. Tattha tatthāti tesu niddiṭṭhesu soḷasasu desanāhārādīsu katamo saṃvaṇṇanāviseso paññattihāro paññattihāravibhaṅgo nāmāti pucchati. ‘‘Ekaṃ bhagavā dhammaṃ paññattīhi vividhāhi desetī’’tiādiniddesassa idāni mayā vuccamāno ‘‘yā pakatikathāya desanā’’tiādiko vitthārasaṃvaṇṇanāviseso paññattihāro paññattihāravibhaṅgo nāmāti gahetabbo.

    ‘‘ยาหิ วิวิธาหิ ปญฺญตฺตีหิ เอกํ ธมฺมํ ภควา เทเสติ, กตมา ตา วิวิธา ปญฺญตฺติโย’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ยา ปกติกถายา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ปกติกถายาติ อสฺสาทาทิปทตฺถวิเสสํ อนิทฺธาเรตฺวา อตฺถสภาเวน ปวตฺตาย กถาย สาธุกํ มนสิการธมฺมกถาย ยา เทสนา ยถาธิเปฺปตมตฺถํ เวเนยฺยสนฺตาเน นิกฺขิปติ ปติฎฺฐเปติ ปกาเรน ญาเปติ, ตสฺมา นิเกฺขปปญฺญตฺติ, ตาย ปญฺญตฺติยา ธมฺมํ เทเสตีติ อโตฺถฯ ‘‘ยา ปญฺญตฺติ ‘ปกติกถาย เทสนา’ติ วุตฺตา, กตมา สา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ตถา ปุจฺฉิตฺวา วิตฺถารโต ทเสฺสตุํ ‘‘กา จ ปกติกถาย เทสนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อฎฺฐกถายํ ปน –‘‘อิติ ‘ปกติกถาย เทสนา’ติ สเงฺขเปน วุตฺตมตฺถํ วิตฺถาเรน วิภชิตุํ ‘กา จ ปกติกถาย เทสนา’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘จตฺตาริ สจฺจานี’ติอาทิมาหา’’ติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๓๙) วุตฺตํฯ ตตฺถ เทสนาเทเสตพฺพสฺส เภทภาเวปิ อเภโทปจาเรน ‘‘เทสนา จตฺตาริ สจฺจานี’’ติ วุตฺตํ, จตุนฺนํ สจฺจานํ ปญฺญตฺติ เทสนา นามาติ อโตฺถฯ

    ‘‘Yāhi vividhāhi paññattīhi ekaṃ dhammaṃ bhagavā deseti, katamā tā vividhā paññattiyo’’ti pucchitabbattā ‘‘yā pakatikathāyā’’tiādi vuttaṃ. Tattha pakatikathāyāti assādādipadatthavisesaṃ aniddhāretvā atthasabhāvena pavattāya kathāya sādhukaṃ manasikāradhammakathāya yā desanā yathādhippetamatthaṃ veneyyasantāne nikkhipati patiṭṭhapeti pakārena ñāpeti, tasmā nikkhepapaññatti, tāya paññattiyā dhammaṃ desetīti attho. ‘‘Yā paññatti ‘pakatikathāya desanā’ti vuttā, katamā sā’’ti pucchitabbattā tathā pucchitvā vitthārato dassetuṃ ‘‘kā ca pakatikathāya desanā’’tiādi vuttaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana –‘‘iti ‘pakatikathāya desanā’ti saṅkhepena vuttamatthaṃ vitthārena vibhajituṃ ‘kā ca pakatikathāya desanā’ti pucchitvā ‘cattāri saccānī’tiādimāhā’’ti (netti. aṭṭha. 39) vuttaṃ. Tattha desanādesetabbassa bhedabhāvepi abhedopacārena ‘‘desanā cattāri saccānī’’ti vuttaṃ, catunnaṃ saccānaṃ paññatti desanā nāmāti attho.

    ‘‘กถํ ตํ สจฺจปญฺญตฺติํ ภควา อาหา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ยถา ภควา อาหา’’ติ วุตฺตํฯ ยถา เยน ปกาเรน ภควา ยํ ยํ ปญฺญตฺติํ อาห, ตถา เตน ปกาเรน สา ปญฺญตฺติ ชานิตพฺพาฯ ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติ ยํ ปญฺญตฺติํ ภควา อาห, อยํ ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติ ปญฺญตฺติ ปญฺจนฺนํ ขนฺธานํ นิเกฺขปปญฺญตฺติ, ฉนฺนํ ธาตูนํ นิเกฺขปปญฺญตฺติ, อฎฺฐารสนฺนํ ธาตูนํ นิเกฺขปปญฺญตฺติ, ทฺวาทสนฺนํ อายตนานํ นิเกฺขปปญฺญตฺติ, ทสนฺนํ อินฺทฺริยานํ นิเกฺขปปญฺญตฺตีติ โยชนา กาตพฺพาฯ ขนฺธธาตุอายตนินฺทฺริยานิ จ โลกิยาเนวฯ ปีฬนสงฺขตสนฺตาปวิปริณามตฺถตาสามเญฺญน เอกตฺตํ อุปเนตฺวา ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติ วุตฺตาฯ ทสนฺนํ อินฺทฺริยานนฺติ จกฺขุโสตฆานชิวฺหากายอิตฺถิปุริสชีวิตมนเวทนินฺทฺริยานํ ทสนฺนํฯ อนุภวนลกฺขเณน เอกลกฺขณตฺตา เวทนินฺทฺริยํ เอกนฺติ คหิตํ, สทฺธินฺทฺริยาทีนิ ปน มคฺคปริยาปนฺนตฺตา น คหิตานิฯ

    ‘‘Kathaṃ taṃ saccapaññattiṃ bhagavā āhā’’ti pucchitabbattā ‘‘yathā bhagavā āhā’’ti vuttaṃ. Yathā yena pakārena bhagavā yaṃ yaṃ paññattiṃ āha, tathā tena pakārena sā paññatti jānitabbā. ‘‘Idaṃ dukkha’’nti yaṃ paññattiṃ bhagavā āha, ayaṃ ‘‘idaṃ dukkha’’nti paññatti pañcannaṃ khandhānaṃ nikkhepapaññatti, channaṃ dhātūnaṃ nikkhepapaññatti, aṭṭhārasannaṃ dhātūnaṃ nikkhepapaññatti, dvādasannaṃ āyatanānaṃ nikkhepapaññatti, dasannaṃ indriyānaṃ nikkhepapaññattīti yojanā kātabbā. Khandhadhātuāyatanindriyāni ca lokiyāneva. Pīḷanasaṅkhatasantāpavipariṇāmatthatāsāmaññena ekattaṃ upanetvā ‘‘idaṃ dukkha’’nti vuttā. Dasannaṃ indriyānanti cakkhusotaghānajivhākāyaitthipurisajīvitamanavedanindriyānaṃ dasannaṃ. Anubhavanalakkhaṇena ekalakkhaṇattā vedanindriyaṃ ekanti gahitaṃ, saddhindriyādīni pana maggapariyāpannattā na gahitāni.

    กพฬีกาเรติ ฐานูปจาเรน โวหริเต โอชาสงฺขาเต อาหาเร, ราโค อริยมเคฺคน อปฺปหาตพฺพตฺตา อนุสยวเสน, อาสาวเสน วา ปตฺถนาวเสน วา อตฺถิ นนฺทีฯ อตฺถิ ตณฺหาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ ปติฎฺฐิตํ วิรุฬฺหนฺติ ปฎิสนฺธิอากฑฺฒนสมตฺถตาปตฺติยา ปติฎฺฐิตตฺตา ปติฎฺฐิตเญฺจว วิรุฬฺหญฺจาติ คเหตพฺพํฯ สงฺขารานนฺติ ปุนพฺภวนิพฺพตฺตกสฺส ภวสฺส อภินิพฺพตฺติเหตุกานํ สงฺขารานํฯ ชาติชรามรณนฺติ อภินิพฺพตฺตนลกฺขณา ชาติ, น อุปฺปาโทว, ปริปากลกฺขณา ชรา, น ฐิติเยว, เภทนลกฺขณํ มรณํ, น ภงฺคเมวฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สโสกํ สทรํ สอุปายาส’’นฺติฯ

    Kabaḷīkāreti ṭhānūpacārena voharite ojāsaṅkhāte āhāre, rāgo ariyamaggena appahātabbattā anusayavasena, āsāvasena vā patthanāvasena vā atthi nandī. Atthi taṇhāti etthāpi eseva nayo. Patiṭṭhitaṃ viruḷhanti paṭisandhiākaḍḍhanasamatthatāpattiyā patiṭṭhitattā patiṭṭhitañceva viruḷhañcāti gahetabbaṃ. Saṅkhārānanti punabbhavanibbattakassa bhavassa abhinibbattihetukānaṃ saṅkhārānaṃ. Jātijarāmaraṇanti abhinibbattanalakkhaṇā jāti, na uppādova, paripākalakkhaṇā jarā, na ṭhitiyeva, bhedanalakkhaṇaṃ maraṇaṃ, na bhaṅgameva. Tena vuttaṃ ‘‘sasokaṃ sadaraṃ saupāyāsa’’nti.

    ‘‘ผเสฺส เจ, ภิกฺขเว, อาหาเร…เป.… มโนสเญฺจตนาย เจ, ภิกฺขเว, อาหาเร…เป.… วิญฺญาเณ เจ, ภิกฺขเว, อาหาเร อตฺถิ ราโค…เป.… วทามี’’ติ อยํ ปญฺญตฺติ ทุกฺขสฺส จ สมุทยสฺส จ ปภวสฺส ปญฺญาปนโต ปภวปญฺญตฺติ นามฯ

    ‘‘Phasse ce, bhikkhave, āhāre…pe… manosañcetanāya ce, bhikkhave, āhāre…pe… viññāṇe ce, bhikkhave, āhāre atthi rāgo…pe… vadāmī’’ti ayaṃ paññatti dukkhassa ca samudayassa ca pabhavassa paññāpanato pabhavapaññatti nāma.

    วฎฺฎวเสน ปญฺญตฺติเภโท อาจริเยน วิภโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘กถํ วิวฎฺฎวเสน ปญฺญตฺติเภโท วิภโตฺต’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘กพฬีกาเร เจ, ภิกฺขเว, อาหาเร นตฺถิ ราโค’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘กพฬีกาเร…เป.… อนุปายาสนฺติ วทามี’’ติ อยํ ปญฺญตฺติ ทุกฺขสฺส ปริญฺญาย จ ปญฺญาปนโต ปริญฺญาปญฺญตฺติ นาม, สมุทยสฺส ปหานสฺส จ ปญฺญาปนโต ปหานปญฺญตฺติ นาม, มคฺคสฺส ภาวนาย จ ปญฺญาปนโต ภาวนาปญฺญตฺติ นาม, นิโรธสฺส สจฺฉิกิริยาย จ ปญฺญาปนโต สจฺฉิกิริยาปญฺญตฺติ นามฯ

    Vaṭṭavasena paññattibhedo ācariyena vibhatto, amhehi ca ñāto, ‘‘kathaṃ vivaṭṭavasena paññattibhedo vibhatto’’ti vattabbattā ‘‘kabaḷīkāre ce, bhikkhave, āhāre natthi rāgo’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Kabaḷīkāre…pe… anupāyāsanti vadāmī’’ti ayaṃ paññatti dukkhassa pariññāya ca paññāpanato pariññāpaññatti nāma, samudayassa pahānassa ca paññāpanato pahānapaññatti nāma, maggassa bhāvanāya ca paññāpanato bhāvanāpaññatti nāma, nirodhassa sacchikiriyāya ca paññāpanato sacchikiriyāpaññatti nāma.

    ๔๐. วิวฎฺฎวเสน ปญฺญตฺติเภโท อาจริเยน วิภโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘กถํ สมฺมสนวเสน ปญฺญตฺติเภโท วิภโตฺต’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘สมาธิํ, ภิกฺขเว, ภาเวถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘สมาธิํ, ภิกฺขเว, ภาเวถ…เป.… ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ อยํ ปญฺญตฺติ มคฺคสฺส ภาวนาย จ ปญฺญาปนโต ภาวนาปญฺญตฺติ นาม, ทุกฺขสฺส ปริญฺญาย จ ปญฺญาปนโต ปริญฺญาปญฺญตฺติ นาม, สมุทยสฺส ปหานสฺส จ ปญฺญาปนโต ปหานปญฺญตฺติ นาม, นิโรธสฺส สจฺฉิกิริยาย จ ปญฺญาปนโต สจฺฉิกิริยาปญฺญตฺติ นามฯ

    40. Vivaṭṭavasena paññattibhedo ācariyena vibhatto, amhehi ca ñāto, ‘‘kathaṃ sammasanavasena paññattibhedo vibhatto’’ti vattabbattā ‘‘samādhiṃ, bhikkhave, bhāvethā’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Samādhiṃ, bhikkhave, bhāvetha…pe… yathābhūtaṃ pajānātī’’ti ayaṃ paññatti maggassa bhāvanāya ca paññāpanato bhāvanāpaññatti nāma, dukkhassa pariññāya ca paññāpanato pariññāpaññatti nāma, samudayassa pahānassa ca paññāpanato pahānapaññatti nāma, nirodhassa sacchikiriyāya ca paññāpanato sacchikiriyāpaññatti nāma.

    สมฺมสนวเสน ปญฺญตฺติเภโท อาจริเยน วิภโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘กถํ อุปาทานกฺขนฺธวเสน ปญฺญตฺติเภโท วิภโตฺต’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘รูปํ, ราธ, วิกิรถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘รูปํ, ราธ, วิกิรถ…เป.… นิพฺพาน’’นฺติ อยํ ปญฺญตฺติ ตณฺหาสงฺขาตสฺส โรธสฺส นิโรธสฺส จ ปญฺญาปนโต นิโรธปญฺญตฺติ นาม, อสฺสาทสฺส นิพฺพิทาย จ ปญฺญาปนโต นิพฺพิทาปญฺญตฺติ นาม, ทุกฺขสฺส ปริญฺญาย จ ปญฺญาปนโต ปริญฺญาปญฺญตฺติ นาม, สมุทยสฺส ปหานสฺส จ ปญฺญาปนโต ปหานปญฺญตฺติ นาม, มคฺคสฺส ภาวนาย จ ปญฺญาปนโต ภาวนาปญฺญตฺติ นาม, นิโรธสฺส สจฺฉิกิริยาย จ ปญฺญาปนโต สจฺฉิกิริยาปญฺญตฺติ นามฯ

    Sammasanavasena paññattibhedo ācariyena vibhatto, amhehi ca ñāto, ‘‘kathaṃ upādānakkhandhavasena paññattibhedo vibhatto’’ti vattabbattā ‘‘rūpaṃ, rādha, vikirathā’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Rūpaṃ, rādha, vikiratha…pe… nibbāna’’nti ayaṃ paññatti taṇhāsaṅkhātassa rodhassa nirodhassa ca paññāpanato nirodhapaññatti nāma, assādassa nibbidāya ca paññāpanato nibbidāpaññatti nāma, dukkhassa pariññāya ca paññāpanato pariññāpaññatti nāma, samudayassa pahānassa ca paññāpanato pahānapaññatti nāma, maggassa bhāvanāya ca paññāpanato bhāvanāpaññatti nāma, nirodhassa sacchikiriyāya ca paññāpanato sacchikiriyāpaññatti nāma.

    ‘‘รูปเวทนาสญฺญาสงฺขารวิญฺญาณานิ วิกิรโนฺต วิทฺธํเสโนฺต วิกีฬนิยํ กโรโนฺต ปญฺญาย ตณฺหากฺขยาย ปฎิปชฺชโนฺต กิํ ปชานาตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาตีติ…เป.… นิโรธคามินิปฎิปทาติ ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ อยํ ปญฺญตฺติ สจฺจานํ ปฎิเวธสฺส ปญฺญาปนโต ปฎิเวธปญฺญตฺติ นาม, ทสฺสนภูมิยา นิเกฺขปสฺส จ ปญฺญาปนโต นิเกฺขปปญฺญตฺติ นาม, มคฺคสฺส ภาวนาย จ ปญฺญาปนโต ภาวนาปญฺญตฺติ นาม, โสตาปตฺติผลสฺส สจฺฉิกิริยาย จ ปญฺญาปนโต สจฺฉิกิริยาปญฺญตฺติ นามฯ ‘‘โส ‘อิเม อาสวา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป.… ‘อาสวา อเสสํ นิรุชฺฌนฺตี’ติ ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ อยํ ปญฺญตฺติ ขเยญาณสฺส อุปฺปาทสฺส จ ปญฺญาปนโต อุปฺปาทปญฺญตฺติ นาม, อนุปฺปาเทญาณสฺส โอกาสสฺส จ ปญฺญาปนโต โอกาสปญฺญตฺติ นาม, มคฺคสฺส ภาวนาย จ ปญฺญาปนโต ภาวนาปญฺญตฺติ นาม, ทุกฺขสฺส ปริญฺญาย จ ปญฺญาปนโต ปริญฺญาปญฺญตฺติ นาม, สมุทยสฺส ปหานสฺส จ ปญฺญาปนโต ปหานปญฺญตฺติ นาม, วีริยินฺทฺริยสฺส อารมฺภสฺส จ ปญฺญาปนโต อารมฺภปญฺญตฺติ นาม, อาสาฎิกานํ อาหฎนาย จ ปญฺญาปนโต อาหฎนาปญฺญตฺติ นาม, ภาวนาภูมิยา นิเกฺขปสฺส จ ปญฺญาปนโต นิเกฺขปปญฺญตฺติ นาม, ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อภินิฆาตสฺส จ ปญฺญาปนโต อภินิฆาตปญฺญตฺติ นามฯ

    ‘‘Rūpavedanāsaññāsaṅkhāraviññāṇāni vikiranto viddhaṃsento vikīḷaniyaṃ karonto paññāya taṇhākkhayāya paṭipajjanto kiṃ pajānātī’’ti pucchitabbattā ‘‘so ‘idaṃ dukkha’nti yathābhūtaṃ pajānātī’’tiādi vuttaṃ. ‘‘So ‘idaṃ dukkha’nti yathābhūtaṃ pajānātīti…pe… nirodhagāminipaṭipadāti yathābhūtaṃ pajānātī’’ti ayaṃ paññatti saccānaṃ paṭivedhassa paññāpanato paṭivedhapaññatti nāma, dassanabhūmiyā nikkhepassa ca paññāpanato nikkhepapaññatti nāma, maggassa bhāvanāya ca paññāpanato bhāvanāpaññatti nāma, sotāpattiphalassa sacchikiriyāya ca paññāpanato sacchikiriyāpaññatti nāma. ‘‘So ‘ime āsavā’ti yathābhūtaṃ pajānāti…pe… ‘āsavā asesaṃ nirujjhantī’ti yathābhūtaṃ pajānātī’’ti ayaṃ paññatti khayeñāṇassa uppādassa ca paññāpanato uppādapaññatti nāma, anuppādeñāṇassa okāsassa ca paññāpanato okāsapaññatti nāma, maggassa bhāvanāya ca paññāpanato bhāvanāpaññatti nāma, dukkhassa pariññāya ca paññāpanato pariññāpaññatti nāma, samudayassa pahānassa ca paññāpanato pahānapaññatti nāma, vīriyindriyassa ārambhassa ca paññāpanato ārambhapaññatti nāma, āsāṭikānaṃ āhaṭanāya ca paññāpanato āhaṭanāpaññatti nāma, bhāvanābhūmiyā nikkhepassa ca paññāpanato nikkhepapaññatti nāma, pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ abhinighātassa ca paññāpanato abhinighātapaññatti nāma.

    ๔๑. วฎฺฎวเสน วา วิวฎฺฎวเสน วา ธมฺมสมฺมสนวเสน วา อุปาทานกฺขนฺธวเสน วา ปชานนวเสน วา สเจฺจสุ นานาวิโธ ปญฺญตฺติเภโท อาจริเยน วิภโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘กถํ เตปริวฎฺฎวเสน สเจฺจสุ ปญฺญตฺติเภโท วิภโตฺต’’ติ วตฺตพฺพตฺตา เตปริวฎฺฎวเสน สเจฺจสุ ปญฺญตฺติเภทํ ทเสฺสตุํ ‘‘อิทํ ทุกฺขนฺติ เม, ภิกฺขเว’’ติอาทิ อารทฺธํฯ อฎฺฐกถายํ ปน – ‘‘เอวํ วฎฺฎวิวฎฺฎมุเขน สมฺมสนอุปาทานกฺขนฺธมุเขเนว สเจฺจสุ ปญฺญตฺติวิภาคํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ เตปริวฎฺฎวเสน ทเสฺสตุํ ‘อิทํ ทุกฺขนฺติ เม ภิกฺขเว’ติอาทิ อารทฺธ’’นฺติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๔๑) วุตฺตํฯ ตตฺถ ปุเพฺพ ปริชานนโต ปฎฺฐายฯ อนนุสฺสุเตสูติ ปริชานนวเสน อนนุสฺสุเตสุ จตูสุ สจฺจธเมฺมสุฯ จกฺขุนฺติ ปฐมํ นิพฺพานทสฺสนเฎฺฐน จกฺขุ นามฯ ยถาสภาวโต กิจฺจปริชานนเฎฺฐน สจฺฉิกิริยปริชานนเฎฺฐน ญาณํ นามฯ ยถาสภาวโต กิจฺจปริชานนาทีนํ ปฎิวิชฺฌิตฺวา ปชานนเฎฺฐน ปญฺญา นามฯ ตถา วิทิตกรณเฎฺฐน วิชฺชา นามฯ อาโลโกภาสกรณเฎฺฐน อาโลโก นามฯ อิทํ จกฺขาทิกํ สพฺพํ ปญฺญาเววจนเมวฯ ‘‘อิทํ ทุกฺขนฺติ เม ภิกฺขเว…เป.… อุทปาที’’ติ อยํ ปญฺญตฺติ สจฺจานํ เทสนาย ปญฺญาปนโต เทสนาปญฺญตฺติ นาม, สุตมยิยา ปญฺญาย นิเกฺขปสฺส จ ปญฺญาปนโต นิเกฺขปปญฺญตฺติ นาม, อนญฺญาตญฺญสฺสามีตินฺทฺริยสฺส สจฺฉิกิริยาย จ ปญฺญาปนโต สจฺฉิกิริยาปญฺญตฺติ นาม, ธมฺมจกฺกสฺส ปวตฺตนาย จ ปญฺญาปนโต ปวตฺตนาปญฺญตฺติ นามฯ

    41. Vaṭṭavasena vā vivaṭṭavasena vā dhammasammasanavasena vā upādānakkhandhavasena vā pajānanavasena vā saccesu nānāvidho paññattibhedo ācariyena vibhatto, amhehi ca ñāto, ‘‘kathaṃ teparivaṭṭavasena saccesu paññattibhedo vibhatto’’ti vattabbattā teparivaṭṭavasena saccesu paññattibhedaṃ dassetuṃ ‘‘idaṃ dukkhanti me, bhikkhave’’tiādi āraddhaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana – ‘‘evaṃ vaṭṭavivaṭṭamukhena sammasanaupādānakkhandhamukheneva saccesu paññattivibhāgaṃ dassetvā idāni teparivaṭṭavasena dassetuṃ ‘idaṃ dukkhanti me bhikkhave’tiādi āraddha’’nti (netti. aṭṭha. 41) vuttaṃ. Tattha pubbe parijānanato paṭṭhāya. Ananussutesūti parijānanavasena ananussutesu catūsu saccadhammesu. Cakkhunti paṭhamaṃ nibbānadassanaṭṭhena cakkhu nāma. Yathāsabhāvato kiccaparijānanaṭṭhena sacchikiriyaparijānanaṭṭhena ñāṇaṃ nāma. Yathāsabhāvato kiccaparijānanādīnaṃ paṭivijjhitvā pajānanaṭṭhena paññā nāma. Tathā viditakaraṇaṭṭhena vijjā nāma. Ālokobhāsakaraṇaṭṭhena āloko nāma. Idaṃ cakkhādikaṃ sabbaṃ paññāvevacanameva. ‘‘Idaṃ dukkhanti me bhikkhave…pe… udapādī’’ti ayaṃ paññatti saccānaṃ desanāya paññāpanato desanāpaññatti nāma, sutamayiyā paññāya nikkhepassa ca paññāpanato nikkhepapaññatti nāma, anaññātaññassāmītindriyassa sacchikiriyāya ca paññāpanato sacchikiriyāpaññatti nāma, dhammacakkassa pavattanāya ca paññāpanato pavattanāpaññatti nāma.

    ‘‘ตํ โข ปนิทํ ทุกฺขํ ปริเญฺญยฺยํ…เป.… อุทปาที’’ติ อยํ ปญฺญตฺติ มคฺคสฺส ภาวนาย ปญฺญาปนโต ภาวนาปญฺญตฺติ นาม, จินฺตามยิยา ปญฺญาย นิเกฺขปสฺส จ ปญฺญาปนโต นิเกฺขปปญฺญตฺติ นาม, อญฺญินฺทฺริยสฺส สจฺฉิกิริยาย จ ปญฺญาปนโต สจฺฉิกิริยาปญฺญตฺติ นามฯ

    ‘‘Taṃ kho panidaṃ dukkhaṃ pariññeyyaṃ…pe… udapādī’’ti ayaṃ paññatti maggassa bhāvanāya paññāpanato bhāvanāpaññatti nāma, cintāmayiyā paññāya nikkhepassa ca paññāpanato nikkhepapaññatti nāma, aññindriyassa sacchikiriyāya ca paññāpanato sacchikiriyāpaññatti nāma.

    ‘‘ตํ โข ปนิทํ ทุกฺขํ ปริญฺญาตํ…เป.… อุทปาที’’ติ อยํ ปญฺญตฺติ มคฺคสฺส ภาวนาย ปญฺญาปนโต ภาวนาปญฺญตฺติ นาม, ภาวนามยิยา ปญฺญาย นิเกฺขปสฺส จ ปญฺญาปนโต นิเกฺขปปญฺญตฺติ นาม, อญฺญาตาวิโน อินฺทฺริยสฺส สจฺฉิกิริยาย จ ปญฺญาปนโต สจฺฉิกิริยาปญฺญตฺติ นาม, ธมฺมจกฺกสฺส ปวตฺตนาย จ ปญฺญาปนโต ปวตฺตนาปญฺญตฺติ นามฯ

    ‘‘Taṃ kho panidaṃ dukkhaṃ pariññātaṃ…pe… udapādī’’ti ayaṃ paññatti maggassa bhāvanāya paññāpanato bhāvanāpaññatti nāma, bhāvanāmayiyā paññāya nikkhepassa ca paññāpanato nikkhepapaññatti nāma, aññātāvino indriyassa sacchikiriyāya ca paññāpanato sacchikiriyāpaññatti nāma, dhammacakkassa pavattanāya ca paññāpanato pavattanāpaññatti nāma.

    เตปริวฎฺฎวเสน สเจฺจสุ นานาวิโธ ปญฺญตฺติเภโท อาจริเยน วิภโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘กถํ กุสลากุสลาทิวเสน เทสิตธมฺมสฺส ปญฺญตฺติเภโท วิภโตฺต’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘ตุลมตุลญฺจ สมฺภว’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ อถ วา ธมฺมจกฺกสุเตฺต ปญฺญตฺติเภโท อาจริเยน วิภโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘ตุลมตุลญฺจาติอาทิคาถาย กถํ ปญฺญตฺติเภโท วิภโตฺต’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘ตุลมตุลญฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตุลียติ ปริจฺฉิชฺชียตีติ ตุลํ, กามาวจรกมฺมํ, นตฺถิ ตุลํ สทิสํ อญฺญํ โลกิยกมฺมํ อสฺส มหคฺคตกมฺมสฺสาติ อตุลํ, รูปารูปาวจรกมฺมํฯ ปุนพฺภวํ สมฺภวติ เอเตน สงฺขาเรนาติ สมฺภโว, ตํ สมฺภวํฯ ปุนพฺภวํ สงฺขโรตีติ ภวสงฺขาโรฯ อชฺฌเตฺต วิปสฺสนาวเสน รมตีติ อชฺฌตฺตรโตฯ สมถวเสน สมาธิยตีติ สมาหิโตฯ อตฺตนิ สมฺภวตีติ อตฺตสมฺภโว, ตํ อตฺตสมฺภวํฯ มุนิ สมฺพุโทฺธ สมฺภวํ ภวสงฺขารํ ตุลญฺจ อตุลญฺจ อวสฺสชิ, อชฺฌตฺตรโต สมาหิโต กวจํ อภินฺทิ อิว, เอวํ อตฺตสมฺภวํ อภินฺทิ ปทาลยีติ โยชนา กาตพฺพาฯ อถ วา มุนิ สมฺพุโทฺธ ‘‘ปญฺจกฺขนฺธา อนิจฺจา ทุกฺขา อนตฺตา วิปริณามธมฺมา, นิพฺพานํ ปน นิจฺจํ สุขํ อสงฺขตํ อวิปริณามธมฺม’’นฺติ ตุลํ ตุลยโนฺต อตุลํ นิพฺพานํ ทิสฺวา สมฺภวํ ภวสงฺขารํ อริยมเคฺคน อวสฺสชิฯ กถํ อวสฺสชิ? โส หิ มุนิ วิปสฺสนาวเสน อชฺฌตฺตรโต จ หุตฺวา, สมถวเสน อุปจารปฺปนาสุ สมาหิโต จ หุตฺวา กวจํ อภินฺทิ อิว, เอวํ อตฺตสมฺภวํ อตฺตนิ สญฺชาตํ กิเลสํ อภินฺทิ ปทาลยิ, กิเลสาภาเวน กมฺมญฺจ ชหีติ คาถาโตฺถ คเหตโพฺพฯ

    Teparivaṭṭavasena saccesu nānāvidho paññattibhedo ācariyena vibhatto, amhehi ca ñāto, ‘‘kathaṃ kusalākusalādivasena desitadhammassa paññattibhedo vibhatto’’ti vattabbattā ‘‘tulamatulañca sambhava’’ntiādi vuttaṃ. Atha vā dhammacakkasutte paññattibhedo ācariyena vibhatto, amhehi ca ñāto, ‘‘tulamatulañcātiādigāthāya kathaṃ paññattibhedo vibhatto’’ti vattabbattā ‘‘tulamatulañcā’’tiādi vuttaṃ. Tulīyati paricchijjīyatīti tulaṃ, kāmāvacarakammaṃ, natthi tulaṃ sadisaṃ aññaṃ lokiyakammaṃ assa mahaggatakammassāti atulaṃ, rūpārūpāvacarakammaṃ. Punabbhavaṃ sambhavati etena saṅkhārenāti sambhavo, taṃ sambhavaṃ. Punabbhavaṃ saṅkharotīti bhavasaṅkhāro. Ajjhatte vipassanāvasena ramatīti ajjhattarato. Samathavasena samādhiyatīti samāhito. Attani sambhavatīti attasambhavo, taṃ attasambhavaṃ. Muni sambuddho sambhavaṃ bhavasaṅkhāraṃ tulañca atulañca avassaji, ajjhattarato samāhito kavacaṃ abhindi iva, evaṃ attasambhavaṃ abhindi padālayīti yojanā kātabbā. Atha vā muni sambuddho ‘‘pañcakkhandhā aniccā dukkhā anattā vipariṇāmadhammā, nibbānaṃ pana niccaṃ sukhaṃ asaṅkhataṃ avipariṇāmadhamma’’nti tulaṃ tulayanto atulaṃ nibbānaṃ disvā sambhavaṃ bhavasaṅkhāraṃ ariyamaggena avassaji. Kathaṃ avassaji? So hi muni vipassanāvasena ajjhattarato ca hutvā, samathavasena upacārappanāsu samāhito ca hutvā kavacaṃ abhindi iva, evaṃ attasambhavaṃ attani sañjātaṃ kilesaṃ abhindi padālayi, kilesābhāvena kammañca jahīti gāthāttho gahetabbo.

    ‘‘ตุลมตุลญฺจ สมฺภว’’นฺติ ปญฺญตฺติ สพฺพธมฺมานํ อภิญฺญาย ปญฺญาปนโต อภิญฺญาปญฺญตฺติ นาม, ธมฺมปฎิสมฺภิทาย นิเกฺขปสฺส จ ปญฺญาปนโต นิเกฺขปปญฺญตฺติ นาม, ‘‘ภวสงฺขารมวสฺสชิ มุนี’’ติ ปญฺญตฺติ สมุทยสฺส ปริจฺจาคสฺส จ ปญฺญาปนโต ปริจฺจาคปญฺญตฺติ นาม, ทุกฺขสฺส ปริญฺญาย จ ปญฺญาปนโต ปริญฺญาปญฺญตฺติ นาม, ‘‘อชฺฌตฺตรโต สมาหิโต’’ติ ปญฺญตฺติ กายคตาย สติยา ภาวนาย จ ปญฺญาปนโต ภาวนาปญฺญตฺติ นาม, จิเตฺตกคฺคตาย ฐิติยา จ ปญฺญาปนโต ฐิติปญฺญตฺติ นาม, ‘‘อภินฺทิ กวจมิวตฺตสมฺภว’’นฺติ ปญฺญตฺติ จิตฺตสฺส อภินิพฺพิทาย จ ปญฺญาปนโต อภินิพฺพิทาปญฺญตฺติ นาม, สพฺพญฺญุตาย อุปาทานสฺส จ ปญฺญาปนโต อุปาทานปญฺญตฺติ นาม, อวิชฺชาณฺฑโกสานํ ปทาลนาย จ ปญฺญาปนโต ปทาลปญฺญตฺติ นาม, ‘‘ยถาวุโตฺต ปญฺญตฺติปฺปเภโท เกน สทฺทหิตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘เตนาหา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตถาวุตฺตสฺส ปญฺญตฺติปฺปเภทสฺส สมฺภวโต ภควา ยํ ‘‘ตุลมตุล’’นฺติอาทิคาถมาห, ตถาสมฺภวโต ยถาวุตฺตาย คาถาย ยถาวุโตฺต ปญฺญตฺติปฺปเภโท สทฺทหิตโพฺพติฯ

    ‘‘Tulamatulañca sambhava’’nti paññatti sabbadhammānaṃ abhiññāya paññāpanato abhiññāpaññatti nāma, dhammapaṭisambhidāya nikkhepassa ca paññāpanato nikkhepapaññatti nāma, ‘‘bhavasaṅkhāramavassaji munī’’ti paññatti samudayassa pariccāgassa ca paññāpanato pariccāgapaññatti nāma, dukkhassa pariññāya ca paññāpanato pariññāpaññatti nāma, ‘‘ajjhattarato samāhito’’ti paññatti kāyagatāya satiyā bhāvanāya ca paññāpanato bhāvanāpaññatti nāma, cittekaggatāya ṭhitiyā ca paññāpanato ṭhitipaññatti nāma, ‘‘abhindi kavacamivattasambhava’’nti paññatti cittassa abhinibbidāya ca paññāpanato abhinibbidāpaññatti nāma, sabbaññutāya upādānassa ca paññāpanato upādānapaññatti nāma, avijjāṇḍakosānaṃ padālanāya ca paññāpanato padālapaññatti nāma, ‘‘yathāvutto paññattippabhedo kena saddahitabbo’’ti vattabbattā ‘‘tenāhā’’tiādi vuttaṃ. Tathāvuttassa paññattippabhedassa sambhavato bhagavā yaṃ ‘‘tulamatula’’ntiādigāthamāha, tathāsambhavato yathāvuttāya gāthāya yathāvutto paññattippabhedo saddahitabboti.

    ‘‘ตุลมตุลญฺจา’’ติอาทิคาถายํ ปญฺญตฺติปฺปเภโท อาจริเยน วิภโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโตฯ

    ‘‘Tulamatulañcā’’tiādigāthāyaṃ paññattippabhedo ācariyena vibhatto, amhehi ca ñāto.

    ‘โย ทุกฺขมทฺทกฺขิ ยโตนิทานํ, กาเมสุ โส ชนฺตุ กถํ นเมยฺย;

    ‘Yo dukkhamaddakkhi yatonidānaṃ, kāmesu so jantu kathaṃ nameyya;

    กามา หิ โลเก สโงฺคติ ญตฺวา, เตสํ สตีมา วินยาย สิเกฺข’ติฯ –

    Kāmā hi loke saṅgoti ñatvā, tesaṃ satīmā vinayāya sikkhe’ti. –

    คาถายํ ปน กถํ ปญฺญตฺติเภโท วิภโตฺต’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘โย ทุกฺขมทฺทกฺขี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ โย อารทฺธวิปสฺสโก ชนฺตุ ยโตนิทานํ สพฺพํ เตภูมกํ เหตุผลํ ทุกฺขํ อทฺทกฺขิ, โส อารทฺธวิปสฺสโก ชนฺตุ กาเมสุ กถํ นเมยฺย นเมตุํ นารหติฯ กามา โลเก ‘‘สโงฺค’’ติ หิ ยสฺมา ปสฺสิตพฺพา, ตสฺมา นเมตุํ นารหติ, อิติ เอตํ ทุกฺขภาวํ ทุกฺขเหตุภาวํ ญตฺวา เตสํ กามานํ วินยาย วูปสมาย สติมา กายคตาสติสมฺปโนฺน ตีณิ สิกฺขานิ สิเกฺข สิเกฺขยฺยาติ คาถาโตฺถ สเงฺขเปน วิญฺญาตโพฺพฯ อฎฺฐกถายํ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๔๑) ปน วิตฺถาเรน สํวณฺณิโตฯ

    Gāthāyaṃ pana kathaṃ paññattibhedo vibhatto’’ti vattabbattā ‘‘yo dukkhamaddakkhī’’tiādi vuttaṃ. Yo āraddhavipassako jantu yatonidānaṃ sabbaṃ tebhūmakaṃ hetuphalaṃ dukkhaṃ addakkhi, so āraddhavipassako jantu kāmesu kathaṃ nameyya nametuṃ nārahati. Kāmā loke ‘‘saṅgo’’ti hi yasmā passitabbā, tasmā nametuṃ nārahati, iti etaṃ dukkhabhāvaṃ dukkhahetubhāvaṃ ñatvā tesaṃ kāmānaṃ vinayāya vūpasamāya satimā kāyagatāsatisampanno tīṇi sikkhāni sikkhe sikkheyyāti gāthāttho saṅkhepena viññātabbo. Aṭṭhakathāyaṃ (netti. aṭṭha. 41) pana vitthārena saṃvaṇṇito.

    ‘‘โย ทุกฺข’’นฺติ ปญฺญตฺติ ทุกฺขสฺส เววจนสฺส จ ปริญฺญาย จ ปญฺญาปนโต เววจนปญฺญตฺติ, ปริญฺญาปญฺญตฺติ จ โหติฯ ‘‘ยโตนิทาน’’นฺติ ปญฺญตฺติ สมุทยสฺส ปภวสฺส จ ปหานสฺส จ ปญฺญาปนโต ปภวปญฺญตฺติ เจว ปหานปญฺญตฺติ จ โหติฯ ‘‘อทฺทกฺขี’’ติ ปญฺญตฺติ ญาณจกฺขุสฺส เววจนสฺส จ ปฎิเวธสฺส จ ปญฺญาปนโต เววจนปญฺญตฺติ เจว ปฎิเวธปญฺญตฺติ จ โหติฯ ‘‘กาเมสุ โส ชนฺตุ กถํ นเมยฺยา’’ติ ปญฺญตฺติ กามตณฺหาย เววจนสฺส จ อนภินิวิสสฺส จ ปญฺญาปนโต เววจนปญฺญตฺติ เจว อนภินิเวสปญฺญตฺติ จ โหติฯ ‘‘กามา หิ โลเก สโงฺคติ ญตฺวา’’ติ ปญฺญตฺติ กามานํ ปจฺจตฺถิกโต ทสฺสนสฺส จ ปญฺญาปนโต ทสฺสนปญฺญตฺติ นามฯ กามา หิ อนตฺถชานนโต ปจฺจตฺถิกสทิสาฯ

    ‘‘Yo dukkha’’nti paññatti dukkhassa vevacanassa ca pariññāya ca paññāpanato vevacanapaññatti, pariññāpaññatti ca hoti. ‘‘Yatonidāna’’nti paññatti samudayassa pabhavassa ca pahānassa ca paññāpanato pabhavapaññatti ceva pahānapaññatti ca hoti. ‘‘Addakkhī’’ti paññatti ñāṇacakkhussa vevacanassa ca paṭivedhassa ca paññāpanato vevacanapaññatti ceva paṭivedhapaññatti ca hoti. ‘‘Kāmesu so jantu kathaṃ nameyyā’’ti paññatti kāmataṇhāya vevacanassa ca anabhinivisassa ca paññāpanato vevacanapaññatti ceva anabhinivesapaññatti ca hoti. ‘‘Kāmā hi loke saṅgoti ñatvā’’ti paññatti kāmānaṃ paccatthikato dassanassa ca paññāpanato dassanapaññatti nāma. Kāmā hi anatthajānanato paccatthikasadisā.

    ‘‘กีทิสา หุตฺวา อนตฺถชนกา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘กามา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ กามา ราคคฺคิอาทีหิ อโนฺตทยฺหนโต องฺคารกาสูปมา จ, ปูติภาวาปชฺชนโต มํสเปสูปมา จ, พหิ อเญฺญน ทยฺหนโต ปาวกกปฺปา ชลิตคฺคิกฺขนฺธูปมา จ, ปติฎฺฐานาภาวโต ปปาตูปมา จ, วิสสทิเสหิ โทสาทีหิ ปรหิํสนโต อุรโคปมา จฯ ‘‘เตสํ สตีมา’’ติ ปญฺญตฺติ ปหานาย อปจยสฺส จ ปญฺญาปนโต อปจยปญฺญตฺติ นาม, กายคตาย สติยา นิเกฺขปสฺส จ ปญฺญาปนโต นิเกฺขปปญฺญตฺติ นาม, มคฺคสฺส ภาวนาย จ ปญฺญาปนโต ภาวนาปญฺญตฺติ นามฯ ‘‘วินยาย สิเกฺข’’ติ ปญฺญตฺติราควินยสฺส โทสวินยสฺส โมหวินยสฺส ปฎิเวธสฺส จ ปญฺญาปนโต ปฎิเวธปญฺญตฺติ นามฯ ‘‘ชนฺตู’’ติ ปญฺญตฺติ โยคิสฺส เววจนสฺส จ ปญฺญาปนโต เววจนปญฺญตฺติ นามฯ

    ‘‘Kīdisā hutvā anatthajanakā’’ti pucchitabbattā ‘‘kāmā hī’’tiādi vuttaṃ. Kāmā rāgaggiādīhi antodayhanato aṅgārakāsūpamā ca, pūtibhāvāpajjanato maṃsapesūpamā ca, bahi aññena dayhanato pāvakakappā jalitaggikkhandhūpamā ca, patiṭṭhānābhāvato papātūpamā ca, visasadisehi dosādīhi parahiṃsanato uragopamā ca. ‘‘Tesaṃ satīmā’’ti paññatti pahānāya apacayassa ca paññāpanato apacayapaññatti nāma, kāyagatāya satiyā nikkhepassa ca paññāpanato nikkhepapaññatti nāma, maggassa bhāvanāya ca paññāpanato bhāvanāpaññatti nāma. ‘‘Vinayāya sikkhe’’ti paññattirāgavinayassa dosavinayassa mohavinayassa paṭivedhassa ca paññāpanato paṭivedhapaññatti nāma. ‘‘Jantū’’ti paññatti yogissa vevacanassa ca paññāpanato vevacanapaññatti nāma.

    ‘‘ชนฺตูติ สามญฺญสตฺตวาจโก สโทฺท กสฺมา โยคิวาจโกติ วิญฺญาตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘ยทา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ โยคี ยทา ยสฺมิํ กาเล กามา สโงฺคติ ปชานาติ, ตทา ตสฺมิํ กาเล โส โยคี กามานํ อนุปฺปาทาย กุสเล ธเมฺม กายคตาสติอาทีหิ อุปฺปาทยติ, โส กุสเล ธเมฺม อุปฺปาเทโนฺต โยคี อนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปาทาย วายมติ กุสลวีริยํ กโรติ, ตสฺมา โยคีวาจโก ชนฺตุสโทฺทติ วิญฺญาตโพฺพฯ ‘‘ชนฺตู’’ติ อยํ ปญฺญตฺติ อปฺปตฺตสฺส กุสลสฺส ฌานธมฺมาทิกสฺส ปตฺติยา วายามสฺส จ ปญฺญาปนโต วายามปญฺญตฺติ นาม, โอรมตฺติกาย อสนฺตุฎฺฐิยา นิเกฺขปสฺส จ ปญฺญาปนโต นิเกฺขปปญฺญตฺติ นามฯ ‘‘โส อนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปาทาย วายมตี’’ติ อยํ ปญฺญตฺติ วายามปญฺญตฺติ, ‘‘เหตุโส อุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ ฐิติยา วายมตีติ ปญฺญตฺติ กตมา ปญฺญตฺตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ โส อุปฺปนฺนาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตสฺมิํ ‘‘อนุปฺปนฺนาน’’นฺติอาทิมฺหิฯ ‘‘โส อุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ ฐิติยา วายมตี’’ติ อยํ ปญฺญตฺติ ภาวนาย อปฺปมาทสฺส จ ปญฺญาปนโต อปฺปมาทปญฺญตฺติ นาม, วีริยินฺทฺริยสฺส นิเกฺขปสฺส จ ปญฺญาปนโต นิเกฺขปปญฺญตฺติ นาม, กุสลานํ ธมฺมานํ อารกฺขสฺส จ ปญฺญาปนโต อารกฺขปญฺญตฺติ นาม, อธิจิตฺตสิกฺขาย ฐิติยา จ ปญฺญาปนโต ฐิติปญฺญตฺติ นามฯ ‘‘เกน ยถาวุตฺตปฺปกาโร ปญฺญตฺติปฺปเภโท สทฺทหิตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘เตนาหา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    ‘‘Jantūti sāmaññasattavācako saddo kasmā yogivācakoti viññātabbo’’ti vattabbattā ‘‘yadā hī’’tiādi vuttaṃ. Yogī yadā yasmiṃ kāle kāmā saṅgoti pajānāti, tadā tasmiṃ kāle so yogī kāmānaṃ anuppādāya kusale dhamme kāyagatāsatiādīhi uppādayati, so kusale dhamme uppādento yogī anuppannānaṃ kusalānaṃ dhammānaṃ uppādāya vāyamati kusalavīriyaṃ karoti, tasmā yogīvācako jantusaddoti viññātabbo. ‘‘Jantū’’ti ayaṃ paññatti appattassa kusalassa jhānadhammādikassa pattiyā vāyāmassa ca paññāpanato vāyāmapaññatti nāma, oramattikāya asantuṭṭhiyā nikkhepassa ca paññāpanato nikkhepapaññatti nāma. ‘‘So anuppannānaṃ kusalānaṃ dhammānaṃ uppādāya vāyamatī’’ti ayaṃ paññatti vāyāmapaññatti, ‘‘hetuso uppannānaṃ kusalānaṃ dhammānaṃ ṭhitiyā vāyamatīti paññatti katamā paññattī’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha so uppannāna’’ntiādi vuttaṃ. Tattha tasmiṃ ‘‘anuppannāna’’ntiādimhi. ‘‘So uppannānaṃ kusalānaṃ dhammānaṃ ṭhitiyā vāyamatī’’ti ayaṃ paññatti bhāvanāya appamādassa ca paññāpanato appamādapaññatti nāma, vīriyindriyassa nikkhepassa ca paññāpanato nikkhepapaññatti nāma, kusalānaṃ dhammānaṃ ārakkhassa ca paññāpanato ārakkhapaññatti nāma, adhicittasikkhāya ṭhitiyā ca paññāpanato ṭhitipaññatti nāma. ‘‘Kena yathāvuttappakāro paññattippabhedo saddahitabbo’’ti vattabbattā ‘‘tenāhā’’tiādi vuttaṃ.

    ‘‘โย ทุกฺขมทฺทกฺขิ ยโตนิทาน’’นฺติอาทิคาถาย ปญฺญตฺติปฺปเภโท อาจริเยน วิภโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโตฯ

    ‘‘Yo dukkhamaddakkhi yatonidāna’’ntiādigāthāya paññattippabhedo ācariyena vibhatto, amhehi ca ñāto.

    ‘‘โมหสมฺพนฺธโน โลโก, ภพฺพรูโปว ทิสฺสติ;

    ‘‘Mohasambandhano loko, bhabbarūpova dissati;

    อุปธิพนฺธโน พาโล, ตมสา ปริวาริโต;

    Upadhibandhano bālo, tamasā parivārito;

    อสฺสิรี วิย ขายติ, ปสฺสโต นตฺถิ กิญฺจนนฺติฯ –

    Assirī viya khāyati, passato natthi kiñcananti. –

    คาถายํ ปน กถํ ปญฺญตฺติปฺปเภโท วิภโตฺต’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘โมหสมฺพนฺธโน’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ โมหสมฺพนฺธโนติ โมหเหตุเกหิ สํโยชเนหิ สมฺพโนฺธฯ โลโกติ อปฺปหีนสํโยชโน สตฺตโลโกฯ ภพฺพรูโปว ทิสฺสตีติ อภโพฺพปิ อตฺตา ภพฺพรูโปว ภพฺพชาติโก วิย พาลานํ อวิปสฺสกานํ ทิสฺสติฯ อุปธิพนฺธโนติ กิเลสูปธีหิ พนฺธิตโพฺพฯ ยุ-ปจฺจโย หิ กมฺมเตฺถ วิหิโตฯ อุปธีสุ วา กิเลสานํ พนฺธนํ ยสฺส พาลสฺสาติ อุปธิพนฺธโนฯ เทฺว อวฑฺฒิโย ลาติ คณฺหาตีติ พาโลฯ ตมสา สโมฺมเหน ปริวาริโต ปฎิจฺฉาทิโต ปณฺฑิตานํ วิปสฺสกานํ อสฺสิรี วิย สิรีวิรหิโต วิย ขายติ อุปฎฺฐาติฯ ปสฺสโต ปญฺญาจกฺขุนา ปสฺสนฺตสฺส ปณฺฑิตสฺส กิญฺจนํ นตฺถีติ สเงฺขปโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ

    Gāthāyaṃ pana kathaṃ paññattippabhedo vibhatto’’ti vattabbattā ‘‘mohasambandhano’’tiādi vuttaṃ. Tattha mohasambandhanoti mohahetukehi saṃyojanehi sambandho. Lokoti appahīnasaṃyojano sattaloko. Bhabbarūpovadissatīti abhabbopi attā bhabbarūpova bhabbajātiko viya bālānaṃ avipassakānaṃ dissati. Upadhibandhanoti kilesūpadhīhi bandhitabbo. Yu-paccayo hi kammatthe vihito. Upadhīsu vā kilesānaṃ bandhanaṃ yassa bālassāti upadhibandhano. Dve avaḍḍhiyo lāti gaṇhātīti bālo. Tamasā sammohena parivārito paṭicchādito paṇḍitānaṃ vipassakānaṃ assirī viya sirīvirahito viya khāyati upaṭṭhāti. Passato paññācakkhunā passantassa paṇḍitassa kiñcanaṃ natthīti saṅkhepattho daṭṭhabbo.

    ‘‘โมหสมฺพนฺธโน โลโก’’ติ ปญฺญตฺติ โมหสีเสน คหิตานํ วิปลฺลาสานํ เทสนาย ปญฺญาปนโต เทสนาปญฺญตฺติ นามฯ ‘‘ภพฺพรูโปว ทิสฺสตี’’ติ ปญฺญตฺติ โลกสฺส วิปรีตสฺส วิปรีตากาเรน อุปฎฺฐหนฺตสฺส ปญฺญาปนโต วิปรีตปญฺญตฺติ นามฯ ‘‘อุปธิพนฺธโน พาโล’’ติ ปญฺญตฺติ ปาปกานํ อิจฺฉาวจรานํ ปภวสฺส ปญฺญาปนโต ปภวปญฺญตฺติ นามฯ ‘‘อุปธิพนฺธโน พาโล’’ติ ปญฺญตฺติ ปริยุฎฺฐานานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ พนฺธนกิจฺจสฺส ปญฺญาปนโต กิจฺจปญฺญตฺติ นามฯ ‘‘อุปธิพนฺธโน พาโล’’ติ ปญฺญตฺติ กิเลสานํ พนฺธนพลมูหนพลานํ ปญฺญาปนโต พลปญฺญตฺติ นามฯ ‘‘อุปธิพนฺธโน พาโล’’ติ ปญฺญตฺติ สงฺขารานํ วิรุหนาย ปญฺญาปนโต วิรุหนาปญฺญตฺติ นามฯ ‘‘ตมสา ปริวาริโต’’ติ ปญฺญตฺติ อวิชฺชนฺธการสฺส เทสนาย ปญฺญาปนโต เทสนาปญฺญตฺติ นาม, อวิชฺชนฺธการสฺส เววจนสฺส จ ปญฺญาปนโต เววจนปญฺญตฺติ นามฯ ‘‘อสฺสิรี วิย ขายตี’’ติ ปญฺญตฺติ ทิพฺพจกฺขุสฺส ทสฺสนกิริยาย ปญฺญาปนโต ทสฺสนปญฺญตฺติ นามฯ ‘‘อสฺสิรี วิย ขายตี’’ติ ปญฺญตฺติ ปญฺญาจกฺขุสฺส นิเกฺขปสฺส ปญฺญาปนโต นิเกฺขปปญฺญตฺติ นามฯ ‘‘ปสฺสโต นตฺถิ กิญฺจน’’นฺติ ปญฺญตฺติ สตฺตานํ อริยานํ ปฎิเวธสฺส ปญฺญาปนโต ปฎิเวธปญฺญตฺติ นามฯ

    ‘‘Mohasambandhano loko’’ti paññatti mohasīsena gahitānaṃ vipallāsānaṃ desanāya paññāpanato desanāpaññatti nāma. ‘‘Bhabbarūpova dissatī’’ti paññatti lokassa viparītassa viparītākārena upaṭṭhahantassa paññāpanato viparītapaññatti nāma. ‘‘Upadhibandhano bālo’’ti paññatti pāpakānaṃ icchāvacarānaṃ pabhavassa paññāpanato pabhavapaññatti nāma. ‘‘Upadhibandhano bālo’’ti paññatti pariyuṭṭhānānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ bandhanakiccassa paññāpanato kiccapaññatti nāma. ‘‘Upadhibandhano bālo’’ti paññatti kilesānaṃ bandhanabalamūhanabalānaṃ paññāpanato balapaññatti nāma. ‘‘Upadhibandhano bālo’’ti paññatti saṅkhārānaṃ viruhanāya paññāpanato viruhanāpaññatti nāma. ‘‘Tamasā parivārito’’ti paññatti avijjandhakārassa desanāya paññāpanato desanāpaññatti nāma, avijjandhakārassa vevacanassa ca paññāpanato vevacanapaññatti nāma. ‘‘Assirī viya khāyatī’’ti paññatti dibbacakkhussa dassanakiriyāya paññāpanato dassanapaññatti nāma. ‘‘Assirī viya khāyatī’’ti paññatti paññācakkhussa nikkhepassa paññāpanato nikkhepapaññatti nāma. ‘‘Passato natthi kiñcana’’nti paññatti sattānaṃ ariyānaṃ paṭivedhassa paññāpanato paṭivedhapaññatti nāma.

    ‘‘กตมํ กิญฺจน’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ราโค กิญฺจน’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘ยถาวุโตฺต ปญฺญตฺติปฺปเภโท กถํ อเมฺหหิ สทฺทหิตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘เตนาหา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ยถาวุตฺตสฺส ปญฺญตฺติปฺปเภทสฺส สมฺภวโต ภควา ยํ ‘‘โมหสมฺพนฺธโน’’ติอาทิมาห, ตถาสมฺภวโต ตาย คาถาย ยถาวุโตฺต ปญฺญตฺติปฺปเภโท คาถานุสาเรน สทฺทหิตโพฺพฯ

    ‘‘Katamaṃ kiñcana’’nti pucchitabbattā ‘‘rāgo kiñcana’’ntiādi vuttaṃ. ‘‘Yathāvutto paññattippabhedo kathaṃ amhehi saddahitabbo’’ti vattabbattā ‘‘tenāhā’’tiādi vuttaṃ. Yathāvuttassa paññattippabhedassa sambhavato bhagavā yaṃ ‘‘mohasambandhano’’tiādimāha, tathāsambhavato tāya gāthāya yathāvutto paññattippabhedo gāthānusārena saddahitabbo.

    ‘‘โมหสมฺพนฺธโน โลโก’’ติอาทิคาถาย ปญฺญตฺติปฺปเภโท อาจริเยน วิภโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อชาต’นฺติอาทิปาฐสฺส ปญฺญตฺติปฺปเภโท กถํ วิภโตฺต’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘อตฺถิ ภิกฺขเว’’ติอาทิปาฬิมาหฯ ‘‘สา ปน ปาฬิ กิมตฺถํ ภควตา วุตฺตา’’ติ เจ ปุเจฺฉยฺย? ปรมตฺถโต อวิชฺชมานตฺตา นิพฺพานํ นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘อตฺถิ นิพฺพาน’’นฺติ วจนํ สสวิสาณวจนํ วิย อนตฺถํ, โวหารมตฺตเมตนฺติ วทนฺตานํ มิจฺฉาวาทํ ภญฺชิตุํ ภควตา วุตฺตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ

    ‘‘Mohasambandhano loko’’tiādigāthāya paññattippabhedo ācariyena vibhatto, amhehi ca ñāto, ‘‘atthi, bhikkhave, ajāta’ntiādipāṭhassa paññattippabhedo kathaṃ vibhatto’’ti pucchitabbattā ‘‘atthi bhikkhave’’tiādipāḷimāha. ‘‘Sā pana pāḷi kimatthaṃ bhagavatā vuttā’’ti ce puccheyya? Paramatthato avijjamānattā nibbānaṃ natthi, tasmā ‘‘atthi nibbāna’’nti vacanaṃ sasavisāṇavacanaṃ viya anatthaṃ, vohāramattametanti vadantānaṃ micchāvādaṃ bhañjituṃ bhagavatā vuttāti daṭṭhabbā.

    กุโตจิปิ อชาตตฺตา อภูตตฺตา อชาตํ อภูตํฯ ปจฺจเยหิ อกตตฺตา อกตํฯ สงฺขตาภาวโต อสงฺขตํ นิพฺพานํ อตฺถิฯ เอตํ อชาตาทิกํ นิพฺพานํ โน เจ อภวิสฺส, เอวํ สติ นิสฺสรณํ น ปญฺญาเยถ, นิพฺพานสฺส จ อริยมคฺคผลานํ อารมฺมณตฺตา, มคฺคผลานญฺจ กิเลสานํ สมุจฺฉินฺทนโต ปฎิปฺปสฺสมฺภนโต, สมุจฺฉินฺทเนน จ ติวิธสฺส วฎฺฎสฺส อปวฎฺฎนโต อชาตาทิกํ นิพฺพานํ อตฺถิเยวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Kutocipi ajātattā abhūtattā ajātaṃ abhūtaṃ. Paccayehi akatattā akataṃ. Saṅkhatābhāvato asaṅkhataṃ nibbānaṃ atthi. Etaṃ ajātādikaṃ nibbānaṃ no ce abhavissa, evaṃ sati nissaraṇaṃ na paññāyetha, nibbānassa ca ariyamaggaphalānaṃ ārammaṇattā, maggaphalānañca kilesānaṃ samucchindanato paṭippassambhanato, samucchindanena ca tividhassa vaṭṭassa apavaṭṭanato ajātādikaṃ nibbānaṃ atthiyevāti daṭṭhabbaṃ.

    ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อชาตํ…เป.… อสงฺขต’’นฺติ อยํ ปญฺญตฺติ นิพฺพานสฺส เทสนาปญฺญตฺติ จ นิพฺพานสฺส เววจนปญฺญตฺติ จ โหติฯ ‘‘นยิธ ชาตสฺส…เป.… ปญฺญาเยถา’’ติ อยํ ปญฺญตฺติ สงฺขตสฺส เววจนปญฺญตฺติ จ สงฺขตสฺส อุปนยนปญฺญตฺติ จ โหติฯ ‘‘ยสฺมา จ…เป.… อสงฺขต’’นฺติ อยํ ปญฺญตฺติ นิพฺพานสฺส เววจนปญฺญตฺติ จ นิพฺพานสฺส โชตนาปญฺญตฺติ จ โหติฯ ‘‘ยสฺมา ชาตสฺส…เป.… ปญฺญายตี’’ติ อยํ ปญฺญตฺติ นิพฺพานสฺส เววจนปญฺญตฺติ จ มคฺคสฺส สํสารโต นิยฺยานิกปญฺญตฺติ จ นิสฺสรณปญฺญตฺติ จ โหตีติ ปญฺญตฺติวิเสโส ปณฺฑิเตหิ นิทฺธาเรตฺวา คเหตโพฺพฯ

    ‘‘Atthi, bhikkhave, ajātaṃ…pe… asaṅkhata’’nti ayaṃ paññatti nibbānassa desanāpaññatti ca nibbānassa vevacanapaññatti ca hoti. ‘‘Nayidha jātassa…pe… paññāyethā’’ti ayaṃ paññatti saṅkhatassa vevacanapaññatti ca saṅkhatassa upanayanapaññatti ca hoti. ‘‘Yasmā ca…pe… asaṅkhata’’nti ayaṃ paññatti nibbānassa vevacanapaññatti ca nibbānassa jotanāpaññatti ca hoti. ‘‘Yasmā jātassa…pe… paññāyatī’’ti ayaṃ paññatti nibbānassa vevacanapaññatti ca maggassa saṃsārato niyyānikapaññatti ca nissaraṇapaññatti ca hotīti paññattiviseso paṇḍitehi niddhāretvā gahetabbo.

    ‘‘ยถาวุโตฺต นิพฺพานสฺส ปญฺญตฺติปฺปเภโท เกน สทฺทหิตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘เตนาห ภควา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘เตนาห อายสฺมา’’ติอาทฺยานุสนฺธฺยาทิอโตฺถ เจว ‘‘นิยุโตฺต ปญฺญตฺติหาโร’’ติ อนุสนฺธฺยาทิอโตฺถ จ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตโพฺพฯ

    ‘‘Yathāvutto nibbānassa paññattippabhedo kena saddahitabbo’’ti vattabbattā ‘‘tenāha bhagavā’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Tenāha āyasmā’’tiādyānusandhyādiattho ceva ‘‘niyutto paññattihāro’’ti anusandhyādiattho ca vuttanayānusārena veditabbo.

    อิติ ปญฺญตฺติหารวิภเงฺค สตฺติพลานุรูปา รจิตา

    Iti paññattihāravibhaṅge sattibalānurūpā racitā

    วิภาวนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vibhāvanā niṭṭhitā.

    ปณฺฑิเตหิ ปน อฎฺฐกถาฎีกานุสาเรน คมฺภีรโตฺถ วิตฺถารโต วิภชิตฺวา คเหตโพฺพติฯ

    Paṇḍitehi pana aṭṭhakathāṭīkānusārena gambhīrattho vitthārato vibhajitvā gahetabboti.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เนตฺติปฺปกรณปาฬิ • Nettippakaraṇapāḷi / ๑๑. ปญฺญตฺติหารวิภโงฺค • 11. Paññattihāravibhaṅgo

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / เนตฺติปฺปกรณ-อฎฺฐกถา • Nettippakaraṇa-aṭṭhakathā / ๑๑. ปญฺญตฺติหารวิภงฺควณฺณนา • 11. Paññattihāravibhaṅgavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā / ๑๑. ปญฺญตฺติหารวิภงฺควณฺณนา • 11. Paññattihāravibhaṅgavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact