Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๑๐๒] ๒. ปณฺณิกชาตกวณฺณนา
[102] 2. Paṇṇikajātakavaṇṇanā
โย ทุกฺขผุฎฺฐาย ภเวยฺย ตาณนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ ปณฺณิกํ อุปาสกํ อารพฺภ กเถสิฯ โส กิร สาวตฺถิวาสี อุปาสโก นานปฺปการานิ มูลปณฺณาทีนิ เจว ลาพุกุมฺภณฺฑาทีนิ จ วิกฺกิณิตฺวา ชีวิกํ กเปฺปติฯ ตเสฺสกา ธีตา อภิรูปา ปาสาทิกา อาจารสีลสมฺปนฺนา หิโรตฺตปฺปสมนฺนาคตา เกวลํ นิจฺจปฺปหสิตมุขาฯ ตสฺสา สมานกุเลสุ วาเรยฺยตฺถาย อาคเตสุ โส จิเนฺตสิ ‘‘อิมิสฺสา วาเรยฺยํ วตฺตติ, อยญฺจ นิจฺจปฺปหสิตมุขาฯ กุมาริกาธเมฺม ปน อสติ กุมาริกาย ปรกุลํ คตาย มาตาปิตูนํ ครหา โหติ, ‘อตฺถิ นุ โข อิมิสฺสา กุมาริกาธโมฺม, นตฺถี’ติ วีมํสิสฺสามิ น’’นฺติฯ โส เอกทิวสํ ธีตรํ ปจฺฉิํ คาหาเปตฺวา ปณฺณตฺถาย อรญฺญํ คนฺตฺวา วีมํสนวเสน กิเลสสนฺนิสฺสิโต วิย หุตฺวา รหสฺสกถํ กเถตฺวา ตํ หเตฺถ คณฺหิฯ สา คหิตมตฺตาว โรทนฺตี กนฺทนฺตี ‘‘อยุตฺตเมตํ, ตาต, อุทกโต อคฺคิปาตุภาวสทิสํ, มา เอวรูปํ กโรถา’’ติ อาหฯ ‘‘อมฺม, มยา วีมํสนตฺถาย ตฺวํ หเตฺถ คหิตา, น จ กิเลสวเสนฯ วเทหิ, อตฺถิ ทานิ เต กุมาริกาธโมฺม’’ติฯ ‘‘อาม, ตาต, อตฺถิ ฯ มยา หิ โลภวเสน น โกจิ ปุริโส โอโลกิตปุโพฺพ’’ติฯ โส ธีตรํ อสฺสาเสตฺวา ฆรํ เนตฺวา มงฺคลํ กตฺวา ปรกุลํ เปเสตฺวา ‘‘สตฺถารํ วนฺทิสฺสามี’’ติ คนฺธมาลาทิหโตฺถ เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปูเชตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ, ‘‘จิรสฺสมาคโตสี’’ติ จ วุเตฺต ตมตฺถํ ภควโต อาโรเจสิฯ สตฺถา ‘‘อุปาสก, กุมาริกา จิรํ ปฎฺฐาย อาจารสีลสมฺปนฺนาว, ตฺวํ ปน น อิทาเนว เอวํ วีมํสสิ, ปุเพฺพปิ วีมํสิเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ
Yo dukkhaphuṭṭhāya bhaveyya tāṇanti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ paṇṇikaṃ upāsakaṃ ārabbha kathesi. So kira sāvatthivāsī upāsako nānappakārāni mūlapaṇṇādīni ceva lābukumbhaṇḍādīni ca vikkiṇitvā jīvikaṃ kappeti. Tassekā dhītā abhirūpā pāsādikā ācārasīlasampannā hirottappasamannāgatā kevalaṃ niccappahasitamukhā. Tassā samānakulesu vāreyyatthāya āgatesu so cintesi ‘‘imissā vāreyyaṃ vattati, ayañca niccappahasitamukhā. Kumārikādhamme pana asati kumārikāya parakulaṃ gatāya mātāpitūnaṃ garahā hoti, ‘atthi nu kho imissā kumārikādhammo, natthī’ti vīmaṃsissāmi na’’nti. So ekadivasaṃ dhītaraṃ pacchiṃ gāhāpetvā paṇṇatthāya araññaṃ gantvā vīmaṃsanavasena kilesasannissito viya hutvā rahassakathaṃ kathetvā taṃ hatthe gaṇhi. Sā gahitamattāva rodantī kandantī ‘‘ayuttametaṃ, tāta, udakato aggipātubhāvasadisaṃ, mā evarūpaṃ karothā’’ti āha. ‘‘Amma, mayā vīmaṃsanatthāya tvaṃ hatthe gahitā, na ca kilesavasena. Vadehi, atthi dāni te kumārikādhammo’’ti. ‘‘Āma, tāta, atthi . Mayā hi lobhavasena na koci puriso olokitapubbo’’ti. So dhītaraṃ assāsetvā gharaṃ netvā maṅgalaṃ katvā parakulaṃ pesetvā ‘‘satthāraṃ vandissāmī’’ti gandhamālādihattho jetavanaṃ gantvā satthāraṃ vanditvā pūjetvā ekamantaṃ nisīdi, ‘‘cirassamāgatosī’’ti ca vutte tamatthaṃ bhagavato ārocesi. Satthā ‘‘upāsaka, kumārikā ciraṃ paṭṭhāya ācārasīlasampannāva, tvaṃ pana na idāneva evaṃ vīmaṃsasi, pubbepi vīmaṃsiyevā’’ti vatvā tena yācito atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต อรเญฺญ รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ อเถโก พาราณสิยํ ปณฺณิกอุปาสโกติ อตีตวตฺถุ ปจฺจุปฺปนฺนสทิสเมวฯ เตน ปน สา วีมํสนตฺถาย หเตฺถ คหิตมตฺตา ปริเทวมานา อิมํ คาถมาห –
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto araññe rukkhadevatā hutvā nibbatti. Atheko bārāṇasiyaṃ paṇṇikaupāsakoti atītavatthu paccuppannasadisameva. Tena pana sā vīmaṃsanatthāya hatthe gahitamattā paridevamānā imaṃ gāthamāha –
๑๐๒.
102.
‘‘โย ทุกฺขผุฎฺฐาย ภเวยฺย ตาณํ, โส เม ปิตา ทุพฺภิ วเน กโรติ;
‘‘Yo dukkhaphuṭṭhāya bhaveyya tāṇaṃ, so me pitā dubbhi vane karoti;
สา กสฺส กนฺทามิ วนสฺส มเชฺฌ, โย ตายิตา โส สหสํ กโรตี’’ติฯ
Sā kassa kandāmi vanassa majjhe, yo tāyitā so sahasaṃ karotī’’ti.
ตตฺถ โย ทุกฺขผุฎฺฐาย ภเวยฺย ตาณนฺติ กายิกเจตสิเกหิ ทุเกฺขหิ ผุฎฺฐาย ตายิตา ปริตายิตา ปติฎฺฐา ภเวยฺยฯ โส เม ปิตา ทุพฺภิ วเน กโรตีติ โส มยฺหํ ทุกฺขปริตายโก ปิตาว อิมสฺมิํ วเน เอวรูปํ มิตฺตทุพฺภิ กมฺมํ กโรติ, อตฺตโน ชาตาย ธีตริ วีติกฺกมํ กาตุํ มญฺญตีติ อโตฺถฯ สา กสฺส กนฺทามีติ กสฺส โรทามิ, โก เม ปติฎฺฐา ภวิสฺสตีติ ทีเปติฯ โย ตายิตา โส สหสํ กโรตีติ โย มยฺหํ ตายิตา รกฺขิตา อวสฺสโย ภวิตุํ อรหติ, โส ปิตาเยว สาหสิกกมฺมํ กโรตีติ อโตฺถฯ
Tattha yo dukkhaphuṭṭhāya bhaveyya tāṇanti kāyikacetasikehi dukkhehi phuṭṭhāya tāyitā paritāyitā patiṭṭhā bhaveyya. So me pitā dubbhi vane karotīti so mayhaṃ dukkhaparitāyako pitāva imasmiṃ vane evarūpaṃ mittadubbhi kammaṃ karoti, attano jātāya dhītari vītikkamaṃ kātuṃ maññatīti attho. Sā kassa kandāmīti kassa rodāmi, ko me patiṭṭhā bhavissatīti dīpeti. Yo tāyitā so sahasaṃ karotīti yo mayhaṃ tāyitā rakkhitā avassayo bhavituṃ arahati, so pitāyeva sāhasikakammaṃ karotīti attho.
อถ นํ ปิตา อสฺสาเสตฺวา ‘‘อมฺม, รกฺขิตตฺตาสี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘อาม, ตาต รกฺขิโต เม อตฺตา’’ติฯ โส ตํ ฆรํ เนตฺวา มเณฺฑตฺวา มงฺคลํ กตฺวา ปรกุลํ เปเสสิฯ
Atha naṃ pitā assāsetvā ‘‘amma, rakkhitattāsī’’ti pucchi. ‘‘Āma, tāta rakkhito me attā’’ti. So taṃ gharaṃ netvā maṇḍetvā maṅgalaṃ katvā parakulaṃ pesesi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุปาสโก โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne upāsako sotāpattiphale patiṭṭhahi.
ตทา ปิตา เอตรหิ ปิตาว, ธีตา จ เอตรหิ ธีตาว, ตํ การณํ ปจฺจกฺขโต ทิฎฺฐรุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสินฺติฯ
Tadā pitā etarahi pitāva, dhītā ca etarahi dhītāva, taṃ kāraṇaṃ paccakkhato diṭṭharukkhadevatā pana ahameva ahosinti.
ปณฺณิกชาตกวณฺณนา ทุติยาฯ
Paṇṇikajātakavaṇṇanā dutiyā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๐๒. ปณฺณิกชาตกํ • 102. Paṇṇikajātakaṃ