Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปริวาร-อฎฺฐกถา • Parivāra-aṭṭhakathā

    ปาราชิกาทิอาปตฺติวณฺณนา

    Pārājikādiāpattivaṇṇanā

    ๓๓๙. เอวํ ปุจฺฉานุกฺกเมน สพฺพปเญฺห วิสฺสเชฺชตฺวา อิทานิ ‘‘อาปตฺติกฺขนฺธา จ ภวนฺติ สตฺตา’’ติ เอตฺถ สงฺคหิตอาปตฺติกฺขนฺธานํ ปเจฺจกํ นิพฺพจนมตฺตํ ทเสฺสโนฺต ปาราชิกนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปาราชิกนฺติ คาถาย อยมโตฺถ – ยทิทํ ปุคฺคลาปตฺติสิกฺขาปทปาราชิเกสุ อาปตฺติปาราชิกํ นาม วุตฺตํ, ตํ อาปชฺชโนฺต ปุคฺคโล ยสฺมา ปราชิโต ปราชยมาปโนฺน สทฺธมฺมา จุโต ปรโทฺธ ภโฎฺฐ นิรงฺกโต จ โหติ, อนิหเต ตสฺมิํ ปุคฺคเล ปุน อุโปสถปฺปวารณาทิเภโท สํวาโส นตฺถิฯ เตเนตํ อิติ วุจฺจตีติ เตน การเณน เอตํ อาปตฺติปาราชิกนฺติ วุจฺจติฯ อยเญฺหตฺถ สเงฺขปโตฺถ – ยสฺมา ปราชิโต โหติ เตน, ตสฺมา เอตํ ปาราชิกนฺติ วุจฺจติฯ

    339. Evaṃ pucchānukkamena sabbapañhe vissajjetvā idāni ‘‘āpattikkhandhā ca bhavanti sattā’’ti ettha saṅgahitaāpattikkhandhānaṃ paccekaṃ nibbacanamattaṃ dassento pārājikantiādimāha. Tattha pārājikanti gāthāya ayamattho – yadidaṃ puggalāpattisikkhāpadapārājikesu āpattipārājikaṃ nāma vuttaṃ, taṃ āpajjanto puggalo yasmā parājito parājayamāpanno saddhammā cuto paraddho bhaṭṭho niraṅkato ca hoti, anihate tasmiṃ puggale puna uposathappavāraṇādibhedo saṃvāso natthi. Tenetaṃ iti vuccatīti tena kāraṇena etaṃ āpattipārājikanti vuccati. Ayañhettha saṅkhepattho – yasmā parājito hoti tena, tasmā etaṃ pārājikanti vuccati.

    ทุติยคาถายปิ พฺยญฺชนํ อนาทิยิตฺวา อตฺถมตฺตเมว ทเสฺสตุํ สโงฺฆว เทติ ปริวาสนฺติอาทิ วุตฺตํฯ อยํ ปเนตฺถ อโตฺถ – อิมํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐาตุกามสฺส ยํ ตํ อาปตฺติวุฎฺฐานํ ตสฺส อาทิมฺหิ เจว ปริวาสทานตฺถาย อาทิโต เสเส มเชฺฌ มานตฺตทานตฺถาย มูลายปฎิกสฺสเนน วา สห มานตฺตทานตฺถาย, อวสาเน อพฺภานตฺถาย จ สโงฺฆ อิจฺฉิตโพฺพ, น เหตฺถ เอกมฺปิ กมฺมํ วินา สเงฺฆน สกฺกา กาตุนฺติ สโงฺฆ, อาทิมฺหิ เจว เสเส จ อิจฺฉิตโพฺพ อสฺสาติ สงฺฆาทิเสโส

    Dutiyagāthāyapi byañjanaṃ anādiyitvā atthamattameva dassetuṃ saṅghova deti parivāsantiādi vuttaṃ. Ayaṃ panettha attho – imaṃ āpattiṃ āpajjitvā vuṭṭhātukāmassa yaṃ taṃ āpattivuṭṭhānaṃ tassa ādimhi ceva parivāsadānatthāya ādito sese majjhe mānattadānatthāya mūlāyapaṭikassanena vā saha mānattadānatthāya, avasāne abbhānatthāya ca saṅgho icchitabbo, na hettha ekampi kammaṃ vinā saṅghena sakkā kātunti saṅgho, ādimhi ceva sese ca icchitabbo assāti saṅghādiseso.

    ตติยคาถาย อนิยโต น นิยโตติ ยสฺมา น นิยโต, ตสฺมา อนิยโต อยมาปตฺติกฺขโนฺธติ อโตฺถฯ กิํ การณา น นิยโตติ? อเนกํสิกตํ ปทํ, ยสฺมา อิทํ สิกฺขาปทํ อเนกํเสน กตนฺติ อโตฺถฯ กถํ อเนกํเสน? ติณฺณมญฺญตรํ ฐานํ, ติณฺณํ ธมฺมานํ อญฺญตเรน กาเรตโพฺพติ หิ ตตฺถ วุตฺตํ, ตสฺมา ‘‘อนิยโต’’ติ ปวุจฺจติ, โส อาปตฺติกฺขโนฺธ อนิยโตติ วุจฺจติฯ ยถา จ ติณฺณํ อญฺญตรํ ฐานํ, เอวํ ทฺวินฺนํ ธมฺมานํ อญฺญตรํ ฐานํ ยตฺถ วุตฺตํ, โสปิ อนิยโต เอวฯ

    Tatiyagāthāya aniyato na niyatoti yasmā na niyato, tasmā aniyato ayamāpattikkhandhoti attho. Kiṃ kāraṇā na niyatoti? Anekaṃsikataṃpadaṃ, yasmā idaṃ sikkhāpadaṃ anekaṃsena katanti attho. Kathaṃ anekaṃsena? Tiṇṇamaññataraṃ ṭhānaṃ, tiṇṇaṃ dhammānaṃ aññatarena kāretabboti hi tattha vuttaṃ, tasmā ‘‘aniyato’’ti pavuccati, so āpattikkhandho aniyatoti vuccati. Yathā ca tiṇṇaṃ aññataraṃ ṭhānaṃ, evaṃ dvinnaṃ dhammānaṃ aññataraṃ ṭhānaṃ yattha vuttaṃ, sopi aniyato eva.

    จตุตฺถคาถาย อจฺจโย เตน สโม นตฺถีติ เทสนาคามินีสุ อจฺจเยสุ เตน สโม ถูโล อจฺจโย นตฺถิ, เตเนตํ อิติ วุจฺจติ; ถูลตฺตา อจฺจยสฺส เอตํ ถุลฺลจฺจยนฺติ วุจฺจตีติ อโตฺถฯ

    Catutthagāthāya accayo tena samo natthīti desanāgāminīsu accayesu tena samo thūlo accayo natthi, tenetaṃ iti vuccati; thūlattā accayassa etaṃ thullaccayanti vuccatīti attho.

    ปญฺจมคาถาย นิสฺสชฺชิตฺวาน เทเสติ เตเนตนฺติ นิสฺสชฺชิตฺวา เทเสตพฺพโต นิสฺสคฺคิยนฺติ วุจฺจตีติ อโตฺถฯ

    Pañcamagāthāya nissajjitvāna deseti tenetanti nissajjitvā desetabbato nissaggiyanti vuccatīti attho.

    ฉฎฺฐคาถาย ปาเตติ กุสลํ ธมฺมนฺติ สญฺจิจฺจ อาปชฺชนฺตสฺส กุสลธมฺมสงฺขาตํ กุสลจิตฺตํ ปาเตติ, ตสฺมา ปาเตติ จิตฺตนฺติ ปาจิตฺติยํฯ ยํ ปน จิตฺตํ ปาเตติ, ตํ ยสฺมา อริยมคฺคํ อปรชฺฌติ, จิตฺตสโมฺมหการณญฺจ โหติ, ตสฺมา ‘‘อริยมคฺคํ อปรชฺฌติ, จิตฺตสโมฺมหนฎฺฐาน’’นฺติ จ วุตฺตํฯ

    Chaṭṭhagāthāya pāteti kusalaṃ dhammanti sañcicca āpajjantassa kusaladhammasaṅkhātaṃ kusalacittaṃ pāteti, tasmā pāteti cittanti pācittiyaṃ. Yaṃ pana cittaṃ pāteti, taṃ yasmā ariyamaggaṃ aparajjhati, cittasammohakāraṇañca hoti, tasmā ‘‘ariyamaggaṃ aparajjhati, cittasammohanaṭṭhāna’’nti ca vuttaṃ.

    ปาฎิเทสนียคาถาสุ ‘‘คารยฺหํ อาวุโส ธมฺมํ อาปชฺชิ’’นฺติ วุตฺตคารยฺหภาวการณทสฺสนตฺถเมว ภิกฺขุ อญฺญาตโก สโนฺตติอาทิ วุตฺตํฯ ปฎิเทเสตพฺพโต ปน สา อาปตฺติ ปาฎิเทสนียาติ วุจฺจติฯ

    Pāṭidesanīyagāthāsu ‘‘gārayhaṃ āvuso dhammaṃ āpajji’’nti vuttagārayhabhāvakāraṇadassanatthameva bhikkhu aññātako santotiādi vuttaṃ. Paṭidesetabbato pana sā āpatti pāṭidesanīyāti vuccati.

    ทุกฺกฎคาถาย อปรทฺธํ วิรทฺธญฺจ ขลิตนฺติ สพฺพเมตํ ‘‘ยญฺจ ทุกฺกฎ’’นฺติ เอตฺถ วุตฺตสฺส ทุกฺกฎสฺส ปริยายวจนํฯ ยญฺหิ ทุฎฺฐุ กตํ วิรูปํ วา กตํ, ตํ ทุกฺกฎํฯ ตํ ปเนตํ ยถา สตฺถารา วุตฺตํ; เอวํ อกตตฺตา อปรทฺธํ, กุสลํ วิรชฺฌิตฺวา ปวตฺตตฺตา วิรทฺธํ, อริยวตฺตปฎิปทํ อนารุฬฺหตฺตา ขลิตํฯ ยํ มนุโสฺส กเรติ อิทํ ปนสฺส โอปมฺมนิทสฺสนํฯ ตสฺสโตฺถ – ยถา หิ ยํ โลเก มนุโสฺส อาวิ วา ยทิ วา รโห ปาปํ กโรติ, ตํ ทุกฺกฎนฺติ ปเวเทนฺติ; เอวมิทมฺปิ พุทฺธปฺปฎิกุเฎฺฐน ลามกภาเวน ปาปํ, ตสฺมา ทุกฺกฎนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Dukkaṭagāthāya aparaddhaṃ viraddhañca khalitanti sabbametaṃ ‘‘yañca dukkaṭa’’nti ettha vuttassa dukkaṭassa pariyāyavacanaṃ. Yañhi duṭṭhu kataṃ virūpaṃ vā kataṃ, taṃ dukkaṭaṃ. Taṃ panetaṃ yathā satthārā vuttaṃ; evaṃ akatattā aparaddhaṃ, kusalaṃ virajjhitvā pavattattā viraddhaṃ, ariyavattapaṭipadaṃ anāruḷhattā khalitaṃ. Yaṃ manusso kareti idaṃ panassa opammanidassanaṃ. Tassattho – yathā hi yaṃ loke manusso āvi vā yadi vā raho pāpaṃ karoti, taṃ dukkaṭanti pavedenti; evamidampi buddhappaṭikuṭṭhena lāmakabhāvena pāpaṃ, tasmā dukkaṭanti veditabbaṃ.

    ทุพฺภาสิตคาถาย ทุพฺภาสิตํ ทุราภฎฺฐนฺติ ทุฎฺฐุ อาภฎฺฐํ ภาสิตํ ลปิตนฺติ ทุราภฎฺฐํฯ ยํ ทุราภฎฺฐํ, ตํ ทุพฺภาสิตนฺติ อโตฺถฯ กิญฺจ ภิโยฺย? สํกิลิฎฺฐญฺจ ยํ ปทํ, สํกิลิฎฺฐํ ยสฺมา ตํ ปทํ โหตีติ อโตฺถฯ ตถา ยญฺจ วิญฺญู ครหนฺติ, ยสฺมา จ นํ วิญฺญู ครหนฺตีติ อโตฺถฯ เตเนตํ อิติ วุจฺจตีติ เตน สํกิลิฎฺฐภาเวน จ วิญฺญุครหเนนาปิ จ เอตํ อิติ วุจฺจติ; ‘‘ทุพฺภาสิต’’นฺติ เอวํ วุจฺจตีติ อโตฺถฯ

    Dubbhāsitagāthāya dubbhāsitaṃ durābhaṭṭhanti duṭṭhu ābhaṭṭhaṃ bhāsitaṃ lapitanti durābhaṭṭhaṃ. Yaṃ durābhaṭṭhaṃ, taṃ dubbhāsitanti attho. Kiñca bhiyyo? Saṃkiliṭṭhañca yaṃ padaṃ, saṃkiliṭṭhaṃ yasmā taṃ padaṃ hotīti attho. Tathā yañca viññū garahanti, yasmā ca naṃ viññū garahantīti attho. Tenetaṃ iti vuccatīti tena saṃkiliṭṭhabhāvena ca viññugarahanenāpi ca etaṃ iti vuccati; ‘‘dubbhāsita’’nti evaṃ vuccatīti attho.

    เสขิยคาถาย ‘‘อาทิ เจตํ จรณญฺจา’’ติอาทินา นเยน เสขสฺส สนฺตกภาวํ ทีเปติฯ ตสฺมา เสขสฺส อิทํ เสขิยนฺติ อยเมตฺถ สเงฺขปโตฺถฯ อิทํ ‘‘ครุกลหุกญฺจาปี’’ติอาทิปเญฺหหิ อสงฺคหิตสฺส ‘‘หนฺท วากฺยํ สุโณม เต’’ติ อิมินา ปน อายาจนวจเนน สงฺคหิตสฺส อตฺถสฺส ทีปนตฺถํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Sekhiyagāthāya ‘‘ādi cetaṃ caraṇañcā’’tiādinā nayena sekhassa santakabhāvaṃ dīpeti. Tasmā sekhassa idaṃ sekhiyanti ayamettha saṅkhepattho. Idaṃ ‘‘garukalahukañcāpī’’tiādipañhehi asaṅgahitassa ‘‘handa vākyaṃ suṇoma te’’ti iminā pana āyācanavacanena saṅgahitassa atthassa dīpanatthaṃ vuttanti veditabbaṃ.

    ฉนฺนมติวสฺสตีติอาทิมฺหิปิ เอเสว นโยฯ ตตฺถ ฉนฺนมติวสฺสตีติ เคหํ ตาว ติณาทีหิ อจฺฉนฺนํ อติวสฺสติฯ อิทํ ปน อาปตฺติสงฺขาตํ เคหํ ฉนฺนํ อติวสฺสติ; มูลาปตฺติญฺหิ ฉาเทโนฺต อญฺญํ นวํ อาปตฺติํ อาปชฺชติฯ วิวฎํ นาติวสฺสตีติ เคหํ ตาว อวิวฎํ สุจฺฉนฺนํ นาติวสฺสติฯ อิทํ ปน อาปตฺติสงฺขาตํ เคหํ วิวฎํ นาติวสฺสติ; มูลาปตฺติญฺหิ วิวรโนฺต เทสนาคามินิํ เทเสตฺวา วุฎฺฐานคามินิโต วุฎฺฐหิตฺวา สุทฺธเนฺต ปติฎฺฐาติฯ อายติํ สํวรโนฺต อญฺญํ อาปตฺติํ นาปชฺชติฯ ตสฺมา ฉนฺนํ วิวเรถาติ เตน การเณน เทสนาคามินิํ เทเสโนฺต วุฎฺฐานคามินิโต จ วุฎฺฐหโนฺต ฉนฺนํ วิวเรถฯ เอวํ ตํ นาติวสฺสตีติ เอวเญฺจตํ วิวฎํ นาติวสฺสตีติ อโตฺถฯ

    Channamativassatītiādimhipi eseva nayo. Tattha channamativassatīti gehaṃ tāva tiṇādīhi acchannaṃ ativassati. Idaṃ pana āpattisaṅkhātaṃ gehaṃ channaṃ ativassati; mūlāpattiñhi chādento aññaṃ navaṃ āpattiṃ āpajjati. Vivaṭaṃ nātivassatīti gehaṃ tāva avivaṭaṃ succhannaṃ nātivassati. Idaṃ pana āpattisaṅkhātaṃ gehaṃ vivaṭaṃ nātivassati; mūlāpattiñhi vivaranto desanāgāminiṃ desetvā vuṭṭhānagāminito vuṭṭhahitvā suddhante patiṭṭhāti. Āyatiṃ saṃvaranto aññaṃ āpattiṃ nāpajjati. Tasmā channaṃ vivarethāti tena kāraṇena desanāgāminiṃ desento vuṭṭhānagāminito ca vuṭṭhahanto channaṃ vivaretha. Evaṃ taṃ nātivassatīti evañcetaṃ vivaṭaṃ nātivassatīti attho.

    คติ มิคานํ ปวนนฺติ อโชฺฌกาเส พฺยคฺฆาทีหิ ปริปาติยมานานํ มิคานํ ปวนํ รุกฺขาทิคหนํ อรญฺญํ คติ ปฎิสรณํ โหติ, ตํ ปตฺวา เต อสฺสาสนฺติฯ เอเตเนว นเยน อากาโส ปกฺขีนํ คติฯ อวสฺสํ อุปคมนเฎฺฐน ปน วิภโว คติ ธมฺมานํ, สเพฺพสมฺปิ สงฺขตธมฺมานํ วินาโสว เตสํ คติฯ น หิ เต วินาสํ อคจฺฉนฺตา ฐาตุํ สโกฺกนฺติฯ สุจิรมฺปิ ฐตฺวา ปน นิพฺพานํ อรหโต คติ, ขีณาสวสฺส อรหโต อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุ เอกํเสน คตีติ อโตฺถฯ

    Gati migānaṃ pavananti ajjhokāse byagghādīhi paripātiyamānānaṃ migānaṃ pavanaṃ rukkhādigahanaṃ araññaṃ gati paṭisaraṇaṃ hoti, taṃ patvā te assāsanti. Eteneva nayena ākāso pakkhīnaṃ gati. Avassaṃ upagamanaṭṭhena pana vibhavo gati dhammānaṃ, sabbesampi saṅkhatadhammānaṃ vināsova tesaṃ gati. Na hi te vināsaṃ agacchantā ṭhātuṃ sakkonti. Sucirampi ṭhatvā pana nibbānaṃ arahato gati, khīṇāsavassa arahato anupādisesanibbānadhātu ekaṃsena gatīti attho.

    ปฐมคาถาสงฺคณิกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paṭhamagāthāsaṅgaṇikavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / ปริวารปาฬิ • Parivārapāḷi / ๕. ปาราชิกาทิอาปตฺติ • 5. Pārājikādiāpatti

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / อสาธารณาทิวณฺณนา • Asādhāraṇādivaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ปาราชิกาทิอาปตฺติวณฺณนา • Pārājikādiāpattivaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ปาราชิกาทิอาปตฺติวณฺณนา • Pārājikādiāpattivaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ปาราชิกาทิอาปตฺติวณฺณนา • Pārājikādiāpattivaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact