Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทสิกฺขา-มูลสิกฺขา • Khuddasikkhā-mūlasikkhā

    ๑. ปาราชิกนิเทฺทสวณฺณนา

    1. Pārājikaniddesavaṇṇanā

    ๑-๒. อิทานิ เต ทเสฺสตุํ ‘‘มคฺคตฺตเย’’ติอาทิ อารทฺธํฯ เอวมุปริปิ ยถาโยคํ โยเชตพฺพํฯ ตตฺถ มคฺคตฺตเยติ เอตฺถ มคฺคา จ นาม ติํส มคฺคาฯ มนุสฺสามนุสฺสติรจฺฉานคตวเสน หิ ติโสฺส อิตฺถิโยฯ ตตฺถ ติรจฺฉานคตาย อยํ ปริเจฺฉโท –

    1-2. Idāni te dassetuṃ ‘‘maggattaye’’tiādi āraddhaṃ. Evamuparipi yathāyogaṃ yojetabbaṃ. Tattha maggattayeti ettha maggā ca nāma tiṃsa maggā. Manussāmanussatiracchānagatavasena hi tisso itthiyo. Tattha tiracchānagatāya ayaṃ paricchedo –

    ‘‘อปทานํ อหี มจฺฉา, ทฺวิปทานญฺจ กุกฺกุฎี;

    ‘‘Apadānaṃ ahī macchā, dvipadānañca kukkuṭī;

    จตุปฺปทานํ มชฺชารี, วตฺถุ ปาราชิกสฺสิมา’’ติฯ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๕๕);

    Catuppadānaṃ majjārī, vatthu pārājikassimā’’ti. (pārā. aṭṭha. 1.55);

    ตาสํ วจฺจปสฺสาวมุขมคฺควเสน ตโย ตโย กตฺวา นว มคฺคา, ตถา อุภโตพฺยญฺชนกานํ, ปุริสานํ ปน วจฺจมุขมคฺควเสน เทฺว เทฺว กตฺวา ฉ, ตถา ปณฺฑกานนฺติ ติํสฯ เตสํ ตเยฯ กีทิเสติ อาห ‘‘สนฺถตสนฺถเต’’ติฯ สนฺถเต อสนฺถเตติ ปทเจฺฉโทฯ น สนฺถตํ อสนฺถตํฯ ตสฺมิํ อสนฺถเตฯ น-กาโร เอตฺถ ‘‘อพฺราหฺมโณ’’ติอาทีสุ วิย ปยิรุทาเส, ตํ กิริยายุตฺตสฺส ตาทิสสฺส อญฺญสฺส วตฺถุโน วิธาเนน สนฺถตสฺส วตฺถุโน ปยิรุทาสนํ ปริจฺจชนํ ปยิรุทาโสติฯ น ปสชฺชปฺปฎิเสเธ, สนฺถตํ ปสชฺช ปตฺวา ตสฺส ‘‘พฺราหฺมโณ น ภวิสฺสตี’’ติอาทีสุ วิย น นิเสโธติฯ วา-สโทฺท ปเนตฺถ วจนยุตฺติพเลเนว ลพฺภติ, ตสฺส ปลิเวเฐตฺวา, อโนฺต วา ปเวเสตฺวา วตฺถาทินา เกนจิ ปฎิจฺฉเนฺน วา อปฺปฎิจฺฉเนฺน วาติ อโตฺถฯ ตถาภูเต อโลฺลกาเส ปกติวาเตน อสมฺผุเฎฺฐ ตินฺตปฺปเทเสฯ นิมิตฺตนฺติ องฺคชาตํฯ นฺติอาทิ ตพฺพิเสสนํฯ นฺติ อตฺตนิยํฯ สํ-สโทฺท หิ อตฺตนิ อตฺตนิเย จ วตฺตติฯ สนฺถตํ อสนฺถตนฺติ ยถาวุตฺตนเยน ปฎิจฺฉนฺนํ วา อปฺปฎิจฺฉนฺนํ วาฯ อุปาทิณฺณนฺติ อนฎฺฐกายปฺปสาทํฯ กิตฺตกนฺติ อาห ‘‘ติลมตฺตมฺปี’’ติฯ ติลสฺส มตฺตํ สากลฺลํ ยสฺส ตํ ติลมตฺตํ ฯ ‘‘มตฺตํ สากลฺลํ นิจฺฉเย’’ติ หิ นิฆณฺฑุฯ เอตฺถาปิ อวยเวน วิคฺคโห สมุทาโย สมาสโตฺถ, ติลพีชปฺปมาณมฺปีติ วุตฺตํ โหติฯ กิํ ตํ? นิมิตฺตํ, ปเวสนํ วาฯ อปิ-สโทฺท สมฺภาวเน, ‘‘ติลพีชมตฺตมฺปี’’ติ สมฺภาวียติ, อธิเก กา นาม กถาติ อิทเมตฺถ สมฺภาวนํ, เอวํภูตํ สํ องฺคชาตํ ยถาวุเตฺต มคฺคตฺตเย ติลมตฺตมฺปิ ปเวสโนฺต ภิกฺขุ จุโต ปริภโฎฺฐ, ปาราชิโก นาม โหติ สาสนโตติ วิญฺญายติ คมฺมมานตฺถสฺส สทฺทสฺส ปโยคํ ปติ กามาจารตฺตาฯ กีทิโสติ อาห ‘‘อนิกฺขิตฺตสิโกฺข’’ติฯ นิกฺขิตฺตสิโกฺข ปน อภิกฺขุกตฺตา ปริจฺจโตฺตฯ ตตฺถ นิกฺขิตฺตา โอหิตา ปริจฺจตฺตา ปจฺจกฺขาตา สิกฺขา เอเตนาติ วิคฺคโหฯ ยถาลกฺขณํ น นิกฺขิตฺตสิโกฺข อนิกฺขิตฺตสิโกฺขฯ ตตฺถ จิตฺตเขตฺตกาลปฺปโยคปุคฺคลวิชานนวเสน สิกฺขาปจฺจกฺขานํ ญตฺวา ตทภาเวน อปจฺจกฺขานํ เวทิตพฺพํฯ

    Tāsaṃ vaccapassāvamukhamaggavasena tayo tayo katvā nava maggā, tathā ubhatobyañjanakānaṃ, purisānaṃ pana vaccamukhamaggavasena dve dve katvā cha, tathā paṇḍakānanti tiṃsa. Tesaṃ taye. Kīdiseti āha ‘‘santhatasanthate’’ti. Santhate asanthateti padacchedo. Na santhataṃ asanthataṃ. Tasmiṃ asanthate. Na-kāro ettha ‘‘abrāhmaṇo’’tiādīsu viya payirudāse, taṃ kiriyāyuttassa tādisassa aññassa vatthuno vidhānena santhatassa vatthuno payirudāsanaṃ pariccajanaṃ payirudāsoti. Na pasajjappaṭisedhe, santhataṃ pasajja patvā tassa ‘‘brāhmaṇo na bhavissatī’’tiādīsu viya na nisedhoti. Vā-saddo panettha vacanayuttibaleneva labbhati, tassa paliveṭhetvā, anto vā pavesetvā vatthādinā kenaci paṭicchanne vā appaṭicchanne vāti attho. Tathābhūte allokāse pakativātena asamphuṭṭhe tintappadese. Nimittanti aṅgajātaṃ. Santiādi tabbisesanaṃ. Santi attaniyaṃ. Saṃ-saddo hi attani attaniye ca vattati. Santhataṃ asanthatanti yathāvuttanayena paṭicchannaṃ vā appaṭicchannaṃ vā. Upādiṇṇanti anaṭṭhakāyappasādaṃ. Kittakanti āha ‘‘tilamattampī’’ti. Tilassa mattaṃ sākallaṃ yassa taṃ tilamattaṃ. ‘‘Mattaṃ sākallaṃ nicchaye’’ti hi nighaṇḍu. Etthāpi avayavena viggaho samudāyo samāsattho, tilabījappamāṇampīti vuttaṃ hoti. Kiṃ taṃ? Nimittaṃ, pavesanaṃ vā. Api-saddo sambhāvane, ‘‘tilabījamattampī’’ti sambhāvīyati, adhike kā nāma kathāti idamettha sambhāvanaṃ, evaṃbhūtaṃ saṃ aṅgajātaṃ yathāvutte maggattaye tilamattampi pavesanto bhikkhu cuto paribhaṭṭho, pārājiko nāma hoti sāsanatoti viññāyati gammamānatthassa saddassa payogaṃ pati kāmācārattā. Kīdisoti āha ‘‘anikkhittasikkho’’ti. Nikkhittasikkho pana abhikkhukattā pariccatto. Tattha nikkhittā ohitā pariccattā paccakkhātā sikkhā etenāti viggaho. Yathālakkhaṇaṃ na nikkhittasikkho anikkhittasikkho. Tattha cittakhettakālappayogapuggalavijānanavasena sikkhāpaccakkhānaṃ ñatvā tadabhāvena apaccakkhānaṃ veditabbaṃ.

    ตตฺถ อุปสมฺปนฺนภาวโต จวิตุกามตาจิตฺตํ จิตฺตํ นามฯ ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติอาทีนิ ‘‘คิหีติ มํ ธาเรหิ, อุปาสโก, อารามิโก, สามเณโรติ มํ ธาเรหี’’ติ ‘‘อลํ เม พุเทฺธนา’’ติอาทีนิ ฉ เขตฺตปทานิ เขตฺตํ นามฯ ‘‘ปจฺจกฺขามี’’ติอาทินา วุโตฺต วตฺตมานกาโลเยว กาโล นามฯ ยาย กายจิ ภาสาย วเสน วาจสิกปฺปโยโคว ปโยโค นามฯ อนุมฺมตฺตาทิโก ปจฺจกฺขาโต จ มนุสฺสชาติโก โสว ปุคฺคโล นามฯ ปจฺจกฺขาตกสฺส วจนสมนนฺตรเมว ‘‘อยํ อุกฺกณฺฐิโต’’ติ วา ‘‘คิหิภาวํ ปตฺถยตี’’ติ วา โสตุโน ชานนํ วิชานนํ นามาติ เวทิตพฺพํฯ

    Tattha upasampannabhāvato cavitukāmatācittaṃ cittaṃ nāma. ‘‘Buddhaṃ paccakkhāmī’’tiādīni ‘‘gihīti maṃ dhārehi, upāsako, ārāmiko, sāmaṇeroti maṃ dhārehī’’ti ‘‘alaṃ me buddhenā’’tiādīni cha khettapadāni khettaṃ nāma. ‘‘Paccakkhāmī’’tiādinā vutto vattamānakāloyeva kālo nāma. Yāya kāyaci bhāsāya vasena vācasikappayogova payogo nāma. Anummattādiko paccakkhāto ca manussajātiko sova puggalo nāma. Paccakkhātakassa vacanasamanantarameva ‘‘ayaṃ ukkaṇṭhito’’ti vā ‘‘gihibhāvaṃ patthayatī’’ti vā sotuno jānanaṃ vijānanaṃ nāmāti veditabbaṃ.

    ตตฺถ นฎฺฐกายปฺปสาทํ ปน ปิฬกํ วา จมฺมขิลํ วา โลมํ วา ปเวสนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ อกฺขินาสกณฺณจฺฉิทฺทวตฺถิโกเสสุ, สตฺถกาทีหิ กตวเณ วา เมถุนราเคน นิมิตฺตํ ปเวสนฺตสฺส ถุลฺลจฺจยํฯ อวเสสสรีเรสุ อุปกจฺฉกาทีสุ ทุกฺกฎํฯ ติรจฺฉานคตานํ หตฺถิอสฺสโคคทฺรภโอฎฺฐมหิํสาทีนํ นาสาย ถุลฺลจฺจยํ, วตฺถิโกเส ถุลฺลจฺจยเมวฯ สเพฺพสมฺปิ ติรจฺฉานคตานํ อกฺขิกณฺณวเณสุ ทุกฺกฎํฯ ตถา อวเสสสรีเร กายสํสคฺคราเคน, เมถุนราเคน วา ชีวมานกปุริสสฺส วตฺถิโกสํ อปฺปเวสโนฺต นิมิเตฺตน นิมิตฺตํ ฉุปติ, ทุกฺกฎํฯ พหิ นิกฺขนฺตทเนฺตสุ วายมนฺตสฺส ปน ถุลฺลจฺจยนฺติ อยเมตฺถ สวินิจฺฉโย อตฺถวณฺณนกฺกโมฯ

    Tattha naṭṭhakāyappasādaṃ pana piḷakaṃ vā cammakhilaṃ vā lomaṃ vā pavesantassa dukkaṭaṃ. Akkhināsakaṇṇacchiddavatthikosesu, satthakādīhi katavaṇe vā methunarāgena nimittaṃ pavesantassa thullaccayaṃ. Avasesasarīresu upakacchakādīsu dukkaṭaṃ. Tiracchānagatānaṃ hatthiassagogadrabhaoṭṭhamahiṃsādīnaṃ nāsāya thullaccayaṃ, vatthikose thullaccayameva. Sabbesampi tiracchānagatānaṃ akkhikaṇṇavaṇesu dukkaṭaṃ. Tathā avasesasarīre kāyasaṃsaggarāgena, methunarāgena vā jīvamānakapurisassa vatthikosaṃ appavesanto nimittena nimittaṃ chupati, dukkaṭaṃ. Bahi nikkhantadantesu vāyamantassa pana thullaccayanti ayamettha savinicchayo atthavaṇṇanakkamo.

    อิทานิ ปเวสนํ นาม น เกวลํ อตฺตุปกฺกเมเนว, ปรูปกฺกเมนาปิ โหติ, ตตฺราปิ สาทิยโนฺตว จุโต โหตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อถ วาติ อยํ นิปาโต, นิปาตสมุทาโย วา ปกฺขนฺตรารเมฺภฯ ปเวสนญฺจ ฐิตญฺจ อุทฺธาโร จ ปวิฎฺฐญฺจ ปเวสน…เป.… ปวิฎฺฐานิ, อิตรีตรโยคทฺวโนฺทฯ อิตรีตรโยโค นาม อญฺญมญฺญโตฺถปาทานตาติ ปเวสนาทีนิ ฐิตาทิอตฺถานิปิ โหนฺตีติ ปวิฎฺฐ-สโทฺทปิ ปเวสนาทิอโตฺถ โหติ, ตโตเยเวตฺถ ตสฺมา พหุวจนสมฺภโวฯ อญฺญถา ทฺวเนฺท อวยวตฺถปธานตฺตา เอกตฺถวาจกาปิ ปวิฎฺฐ-สทฺทา กถํ พหุวจนปฺปสโงฺคฯ สมาหาเร วา ทฺวโนฺทฯ ขโณติ กาลวิเสโสฯ โส จ โยควนฺตานํ ขณนฺตรวินิมุโตฺต นตฺถีติ ปเวสน…เป.…ปวิฎฺฐานิเยว ขโณติ กมฺมธารโย, อเภเท เภทปริกปฺปนาย วา ปเวสน…เป.… ปวิฎฺฐานํ ขโณติ ฉฎฺฐีตปฺปุริโสฯ ตสฺส สาทโก, ตสฺมิํ วา สาทโก ปเวสน…เป.… สาทโกฯ ขณ-สโทฺท ปเนตฺถ ปเจฺจกํ โยเชตโพฺพ ทฺวนฺทสมาสตฺตา, ปเวสนกาลํ ฐิตกาลํ อุทฺธารกาลํ ปวิฎฺฐกาลํ, ตสฺมิํ วา สาทิยโนฺตติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ เอวํ เสวนจิตฺตปจฺจุปฎฺฐาเนน สาทโก ภิกฺขุ จุโตติ โยเชตพฺพํฯ ตตฺถ ยถาวุตฺตปฺปเทสสฺส อโนฺตกรณํ ปเวสนํ นามฯ ยาว อุทฺธรณารมฺภา นิวตฺตํ ฐิตํ นามฯ อฎฺฐกถายํ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๕๘) ปน มาตุคามสฺส สุกฺกวิสฺสฎฺฐิํ ปตฺวา สพฺพถา วายมโต โอรมิตฺวา ฐิตกาลํ สนฺธาย ‘‘สุกฺกวิสฺสฎฺฐิสมเย’’ติ วุตฺตํฯ ยาว อคฺคา นีหรณํ อุทฺธาโร นามฯ ยาว ปเวสนารหฎฺฐานา อโนฺตกตํ ปวิฎฺฐํ นามฯ

    Idāni pavesanaṃ nāma na kevalaṃ attupakkameneva, parūpakkamenāpi hoti, tatrāpi sādiyantova cuto hotīti dassetuṃ ‘‘atha vā’’tiādi vuttaṃ. Tattha atha vāti ayaṃ nipāto, nipātasamudāyo vā pakkhantarārambhe. Pavesanañca ṭhitañca uddhāro ca paviṭṭhañca pavesana…pe… paviṭṭhāni, itarītarayogadvando. Itarītarayogo nāma aññamaññatthopādānatāti pavesanādīni ṭhitādiatthānipi hontīti paviṭṭha-saddopi pavesanādiattho hoti, tatoyevettha tasmā bahuvacanasambhavo. Aññathā dvande avayavatthapadhānattā ekatthavācakāpi paviṭṭha-saddā kathaṃ bahuvacanappasaṅgo. Samāhāre vā dvando. Khaṇoti kālaviseso. So ca yogavantānaṃ khaṇantaravinimutto natthīti pavesana…pe…paviṭṭhāniyeva khaṇoti kammadhārayo, abhede bhedaparikappanāya vā pavesana…pe… paviṭṭhānaṃ khaṇoti chaṭṭhītappuriso. Tassa sādako, tasmiṃ vā sādako pavesana…pe… sādako. Khaṇa-saddo panettha paccekaṃ yojetabbo dvandasamāsattā, pavesanakālaṃ ṭhitakālaṃ uddhārakālaṃ paviṭṭhakālaṃ, tasmiṃ vā sādiyantoti evamettha attho daṭṭhabbo. Evaṃ sevanacittapaccupaṭṭhānena sādako bhikkhu cutoti yojetabbaṃ. Tattha yathāvuttappadesassa antokaraṇaṃ pavesanaṃ nāma. Yāva uddharaṇārambhā nivattaṃ ṭhitaṃ nāma. Aṭṭhakathāyaṃ (pārā. aṭṭha. 1.58) pana mātugāmassa sukkavissaṭṭhiṃ patvā sabbathā vāyamato oramitvā ṭhitakālaṃ sandhāya ‘‘sukkavissaṭṭhisamaye’’ti vuttaṃ. Yāva aggā nīharaṇaṃ uddhāro nāma. Yāva pavesanārahaṭṭhānā antokataṃ paviṭṭhaṃ nāma.

    ปฐมํฯ

    Paṭhamaṃ.

    ๓-๔. อิทานิ ทุติยํ ทเสฺสตุํ ‘‘อาทิเยยฺยา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อทินฺนํ เถยฺยจิเตฺตน อาทิเยยฺย…เป.… สเงฺกตํ วีตินามเย, ปาราชิโก ภเวติ สมฺพโนฺธฯ อทินฺนนฺติ มนุสฺสสามิเกหิ กายวาจาหิ น ทินฺนํฯ เถยฺยจิเตฺตนาติ เถโนติ โจโร, ตสฺส ภาโว เถยฺยํ น-การสฺส ย-การํ กตฺวา ทฺวิเตฺตนฯ ภวนฺติ เอตสฺมา อภิธานพุทฺธีติ ภาโว, สทฺทปฺปวตฺตินิมิตฺตํ ชาติคุณาทิฯ อิธ ปน อวหรณจิตฺตสงฺขาตํ ทพฺพํ เถยฺยํฯ เถยฺยญฺจ ตํ จิตฺตญฺจาติ เถยฺยจิตฺตํ, เตนฯ อาทิเยยฺยาติ อารามาทิํ อภิยุญฺชิตฺวา คเณฺหยฺยฯ หเรยฺยาติ หรโนฺต คเณฺหยฺยฯ อวหเรยฺยาติ อุปนิกฺขิตฺตํ ภณฺฑํ ‘‘เทหิ เม ภณฺฑ’’นฺติ วุจฺจมาโน ‘‘น มยา คหิต’’นฺติอาทีนิ วทโนฺต คเณฺหยฺยฯ อิริยาปถํ โกเปยฺยาติ ภณฺฑหารกสฺส คมนาทิอิริยาปถํ วิจฺฉินฺทิตฺวา คเณฺหยฺยฯ โกปํ กตฺวา คณฺหาตีติ หิ เอตสฺมิํ อเตฺถ ‘‘โกปี’’ติ นามธาตุฯ ฐานา จาเวยฺยาติ ฐปิตฎฺฐานโต จาเวยฺยฯ สเงฺกตํ วีตินามเยติ ปริกปฺปิตฎฺฐานํ วา สุงฺกฆาตํ วา อติกฺกาเมยฺยฯ

    3-4. Idāni dutiyaṃ dassetuṃ ‘‘ādiyeyyā’’tiādimāha. Tattha adinnaṃ theyyacittena ādiyeyya…pe… saṅketaṃ vītināmaye, pārājiko bhaveti sambandho. Adinnanti manussasāmikehi kāyavācāhi na dinnaṃ. Theyyacittenāti thenoti coro, tassa bhāvo theyyaṃ na-kārassa ya-kāraṃ katvā dvittena. Bhavanti etasmā abhidhānabuddhīti bhāvo, saddappavattinimittaṃ jātiguṇādi. Idha pana avaharaṇacittasaṅkhātaṃ dabbaṃ theyyaṃ. Theyyañca taṃ cittañcāti theyyacittaṃ, tena. Ādiyeyyāti ārāmādiṃ abhiyuñjitvā gaṇheyya. Hareyyāti haranto gaṇheyya. Avahareyyāti upanikkhittaṃ bhaṇḍaṃ ‘‘dehi me bhaṇḍa’’nti vuccamāno ‘‘na mayā gahita’’ntiādīni vadanto gaṇheyya. Iriyāpathaṃ kopeyyāti bhaṇḍahārakassa gamanādiiriyāpathaṃ vicchinditvā gaṇheyya. Kopaṃ katvā gaṇhātīti hi etasmiṃ atthe ‘‘kopī’’ti nāmadhātu. Ṭhānā cāveyyāti ṭhapitaṭṭhānato cāveyya. Saṅketaṃ vītināmayeti parikappitaṭṭhānaṃ vā suṅkaghātaṃ vā atikkāmeyya.

    เอตฺถ จ อารามาทิอภิยุญฺชเน, สามิกสฺส วิมตุปฺปาทนธุรนิเกฺขเป, ภณฺฑหารกสฺส สีสภารามสนผนฺทาปนขโนฺธโรปเน, อุปนิกฺขิเตฺต ‘‘เทหิ เม ภณฺฑ’’นฺติ โจทิยมานสฺส ‘‘นาหํ คณฺหามี’’ติ ภณนวิมตุปฺปาทนธุรนิเกฺขเป, ถลฎฺฐสฺส เถยฺยจิเตฺตนามสนผนฺทาปนฐานาจาวเน จาติ จตูสุ ปเจฺจกํ ยถากฺกมํ ทุกฺกฎถุลฺลจฺจยปาราชิกาโย เวทิตพฺพาฯ ‘‘สหภณฺฑหารกํ เนสฺสามี’’ติ ปฐมทุติยปาทสงฺกามเน, ปริกปฺปิตสุงฺกฆาตฎฺฐานโต ปฐมทุติยปาทาติกฺกาเม จาติ ทฺวีสุ ปเจฺจกํ กเมน ถุลฺลจฺจยปาราชิกาโย เวทิตพฺพาฯ อยเมตฺถ สวิญฺญาณกาวิญฺญาณกมิสฺสกตฺตา นานาภณฺฑวเสน โยชนาฯ เอกภณฺฑวเสน ปน สสฺสามิกสฺส ทาสสฺส วา ติรจฺฉานคตสฺส วา ยถาวุเตฺตน อภิโยคาทินา นเยน อาทิยนหรณาทิวเสน โยชนา ทฎฺฐพฺพาฯ

    Ettha ca ārāmādiabhiyuñjane, sāmikassa vimatuppādanadhuranikkhepe, bhaṇḍahārakassa sīsabhārāmasanaphandāpanakhandhoropane, upanikkhitte ‘‘dehi me bhaṇḍa’’nti codiyamānassa ‘‘nāhaṃ gaṇhāmī’’ti bhaṇanavimatuppādanadhuranikkhepe, thalaṭṭhassa theyyacittenāmasanaphandāpanaṭhānācāvane cāti catūsu paccekaṃ yathākkamaṃ dukkaṭathullaccayapārājikāyo veditabbā. ‘‘Sahabhaṇḍahārakaṃ nessāmī’’ti paṭhamadutiyapādasaṅkāmane, parikappitasuṅkaghātaṭṭhānato paṭhamadutiyapādātikkāme cāti dvīsu paccekaṃ kamena thullaccayapārājikāyo veditabbā. Ayamettha saviññāṇakāviññāṇakamissakattā nānābhaṇḍavasena yojanā. Ekabhaṇḍavasena pana sassāmikassa dāsassa vā tiracchānagatassa vā yathāvuttena abhiyogādinā nayena ādiyanaharaṇādivasena yojanā daṭṭhabbā.

    อปิจ อิมานิ ฉ ปทานิ วณฺณยเนฺตน นานาภณฺฑเอกภณฺฑสาหตฺถิกปุพฺพปฺปโยคเถยฺยาวหารสงฺขาเต ปญฺจปญฺจเก สโมธาเนตฺวา ปญฺจวีสติ อวหารา ทเสฺสตพฺพา ฉปฺปทโนฺตคธตฺตา สเพฺพสมฺปิ อวหารานํฯ เต ปน อวหารา เยน เกนจิ อภิโยคาทิอาการนานตฺตมเตฺตน ภินฺนาติ ตํวเสน ปญฺจปญฺจกํ นาม ชาตํฯ เอวํ สํวณฺณิตญฺหิ อิทํ อทินฺนาทานปาราชิกํ สุวณฺณิตํ นาม โหตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ ตตฺถ ปุริมานิ เทฺว ปญฺจกานิ ‘‘อาทิเยยฺยา’’ติอาทีนํ ปญฺจนฺนํ ปทานํ วเสน ลพฺภนฺติฯ ยํ ปเนตํ ‘‘สเงฺกตํ วีตินามเย’’ติ ฉฎฺฐํ ปทํ, ตํ ตติยปญฺจเมสุ ปญฺจเกสุ นิสฺสคฺคิยปริกปฺปาวหารวเสน โยเชตพฺพํฯ

    Apica imāni cha padāni vaṇṇayantena nānābhaṇḍaekabhaṇḍasāhatthikapubbappayogatheyyāvahārasaṅkhāte pañcapañcake samodhānetvā pañcavīsati avahārā dassetabbā chappadantogadhattā sabbesampi avahārānaṃ. Te pana avahārā yena kenaci abhiyogādiākāranānattamattena bhinnāti taṃvasena pañcapañcakaṃ nāma jātaṃ. Evaṃ saṃvaṇṇitañhi idaṃ adinnādānapārājikaṃ suvaṇṇitaṃ nāma hotīti daṭṭhabbaṃ. Tattha purimāni dve pañcakāni ‘‘ādiyeyyā’’tiādīnaṃ pañcannaṃ padānaṃ vasena labbhanti. Yaṃ panetaṃ ‘‘saṅketaṃ vītināmaye’’ti chaṭṭhaṃ padaṃ, taṃ tatiyapañcamesu pañcakesu nissaggiyaparikappāvahāravasena yojetabbaṃ.

    ตตฺถ สาหตฺถิก-สเทฺทน อุปจารโต ตํสหจริตปญฺจกํ คเหตฺวา ‘‘สาหตฺถิกญฺจ ตํ ปญฺจกญฺจา’’ติ วา ‘‘สาหตฺถิกาทิ ปญฺจก’’นฺติ มเชฺฌปทโลปวเสน วา สาหตฺถิกปญฺจกํฯ เอวมุปริปิฯ ตํ ปน สาหตฺถิโก อาณตฺติโก นิสฺสคฺคิโย อตฺถสาธโก ธุรนิเกฺขโป จาติฯ ตตฺถ สโก หโตฺถ สหโตฺถ, สหเตฺถน นิพฺพโตฺต สาหตฺถิโกฯ เอวํ อาณตฺติโกฯ สุงฺกฆาตปริกปฺปิโตกาสานํ อโนฺต ฐตฺวา พหิ นิสฺสชฺชนํ นิสฺสโคฺค, โส เอว นิสฺสคฺคิโยฯ กาลํ อนิยเมตฺวา อาณตฺตสฺส ภณฺฑคฺคหณโต จ ปรสฺส เตลกุมฺภิยา ปาทคฺฆนกํ เตลํ อวสฺสํ ปิวนกานํ อุปาหนาทีนํ นิกฺขิตฺตานํ เตลปาตนโต จ ปุเรตรเมว ปาราชิกสงฺขาตํ อตฺถํ สาเธตีติ อตฺถสาธโกฯ โส ปน อาณาปนปฺปโยโค, อุปาหนาทีนํ นิเกฺขปปฺปโยโค จฯ อารามาภิโยเค จ อุปนิกฺขิตฺตภเณฺฑ จ ตาวกาลิกภณฺฑเทยฺยานมทาเน จ ธุรสฺส นิเกฺขโป ธุรนิเกฺขโป

    Tattha sāhatthika-saddena upacārato taṃsahacaritapañcakaṃ gahetvā ‘‘sāhatthikañca taṃ pañcakañcā’’ti vā ‘‘sāhatthikādi pañcaka’’nti majjhepadalopavasena vā sāhatthikapañcakaṃ. Evamuparipi. Taṃ pana sāhatthiko āṇattiko nissaggiyo atthasādhako dhuranikkhepo cāti. Tattha sako hattho sahattho, sahatthena nibbatto sāhatthiko. Evaṃ āṇattiko. Suṅkaghātaparikappitokāsānaṃ anto ṭhatvā bahi nissajjanaṃ nissaggo, so eva nissaggiyo. Kālaṃ aniyametvā āṇattassa bhaṇḍaggahaṇato ca parassa telakumbhiyā pādagghanakaṃ telaṃ avassaṃ pivanakānaṃ upāhanādīnaṃ nikkhittānaṃ telapātanato ca puretarameva pārājikasaṅkhātaṃ atthaṃ sādhetīti atthasādhako. So pana āṇāpanappayogo, upāhanādīnaṃ nikkhepappayogo ca. Ārāmābhiyoge ca upanikkhittabhaṇḍe ca tāvakālikabhaṇḍadeyyānamadāne ca dhurassa nikkhepo dhuranikkhepo.

    ปุพฺพปฺปโยคปญฺจกํ นาม ปุพฺพปฺปโยโค สหปฺปโยโค สํวิธาวหาโร สเงฺกตกมฺมํ นิมิตฺตกมฺมนฺติฯ ตตฺถ อาณาปนํ ภณฺฑคฺคหณโต ปุพฺพตฺตา ปุพฺพปฺปโยโค นามฯ ฐานาจาวนขิลสงฺกามนปฺปโยเคน สห วตฺตมาโน สหปฺปโยโคฯ สํวิธาย สมฺมนฺตยิตฺวา คเตสุ เอเกนาปิ ภเณฺฑ ฐานา จาวิเต สเพฺพสํ อวหาโร สํวิธาวหาโรฯ สเงฺกตกมฺมนฺติ ปุพฺพณฺหาทิกาลปริเจฺฉทวเสน สญฺชานนกรณํฯ นิมิตฺตกมฺมํ นาม สญฺญุปฺปาทนตฺถํ อกฺขินิขณนาทิกรณํฯ

    Pubbappayogapañcakaṃ nāma pubbappayogo sahappayogo saṃvidhāvahāro saṅketakammaṃ nimittakammanti. Tattha āṇāpanaṃ bhaṇḍaggahaṇato pubbattā pubbappayogo nāma. Ṭhānācāvanakhilasaṅkāmanappayogena saha vattamāno sahappayogo. Saṃvidhāya sammantayitvā gatesu ekenāpi bhaṇḍe ṭhānā cāvite sabbesaṃ avahāro saṃvidhāvahāro. Saṅketakammanti pubbaṇhādikālaparicchedavasena sañjānanakaraṇaṃ. Nimittakammaṃ nāma saññuppādanatthaṃ akkhinikhaṇanādikaraṇaṃ.

    เถยฺยาวหารปญฺจกํ ปน สยเมว ทเสฺสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาหฯ นนุ จ ฉปฺปทโนฺตคธตฺตา ‘‘สเพฺพสมฺปิ อวหาราน’’นฺติ วุตฺตํ, เอวํ สติ ‘‘อถ วา’’ติ ปกฺขนฺตรวเสน วิสุํ วิย อิทํ ปญฺจกํ กสฺมา วุตฺตนฺติ? นนุ อโวจุมฺหา ‘‘เยน เกนจิ อภิโยคาทิอาการนานตฺตมเตฺตน ภินฺนา’’ติ, เอตาทิสสฺส เภทสฺส สมฺภวโต ปกฺขนฺตรวเสนาปิ ยุชฺชตีติ เอวํ วุตฺตํฯ อิมสฺส ปญฺจกสฺส วิสุํ อุทฺธริตฺวา วจนํ ปน ปสิทฺธิวเสนาติ ทฎฺฐพฺพํ, กุส-สเทฺทน กุสสงฺกามนมธิเปฺปตํ อเภโทปจาเรนฯ เถยฺยญฺจ พลญฺจ กุโส จ ฉนฺนญฺจ ปริกโปฺป จ เถยฺยา…เป.… ปริกปฺปํ, ทีโฆ สนฺธิวเสนฯ เตน อวหารโก ปาราชิโก ภเวติ สมฺพโนฺธฯ โย ปน ปฎิจฺฉเนฺนน อวหารโก, โส อตฺถโต ปฎิจฺฉนฺนสฺส อวหารโก โหตีติ ทฺวนฺทสมาสโนฺตคธเตฺตปิจสฺส วิโรธาภาโวภาวสาธโน จายํ ฉนฺน-สโทฺท ทฎฺฐโพฺพฯ ตตฺถ สนฺธิเจฺฉทนาทีนิ กตฺวา วา ตุลากูฎมานกูฎกหาปณกูฎาทีหิ วเญฺจตฺวา วา คณฺหโนฺต เถยฺยาวหารโกฯ พลกฺกาเรน ปรสนฺตกํ คณฺหโนฺต พลาวหารโกฯ กุสํ สงฺกาเมตฺวา คณฺหโนฺต กุสาวหารโกฯ ติณปณฺณาทีหิ ยํ กิญฺจิ ปฎิจฺฉาเทตฺวา ปจฺฉา กสฺส ปฎิจฺฉนฺนสฺส อวหารโก ปฎิจฺฉนฺนาวหารโกฯ สาฎกาทิภณฺฑวเสน, คพฺภทฺวาราทิโอกาสวเสน วา ปริกเปฺปตฺวา คณฺหโนฺต ปริกปฺปาวหารโกฯ เอตฺถ ปน ปริกปฺปิตภณฺฑคฺคหเณ ปริกปฺปิตปริเจฺฉทาติกฺกเม จ ปาราชิกํ เวทิตพฺพํฯ

    Theyyāvahārapañcakaṃ pana sayameva dassetuṃ ‘‘atha vā’’tiādimāha. Nanu ca chappadantogadhattā ‘‘sabbesampi avahārāna’’nti vuttaṃ, evaṃ sati ‘‘atha vā’’ti pakkhantaravasena visuṃ viya idaṃ pañcakaṃ kasmā vuttanti? Nanu avocumhā ‘‘yena kenaci abhiyogādiākāranānattamattena bhinnā’’ti, etādisassa bhedassa sambhavato pakkhantaravasenāpi yujjatīti evaṃ vuttaṃ. Imassa pañcakassa visuṃ uddharitvā vacanaṃ pana pasiddhivasenāti daṭṭhabbaṃ, kusa-saddena kusasaṅkāmanamadhippetaṃ abhedopacārena. Theyyañca balañca kuso ca channañca parikappo ca theyyā…pe… parikappaṃ, dīgho sandhivasena. Tena avahārako pārājiko bhaveti sambandho. Yo pana paṭicchannena avahārako, so atthato paṭicchannassa avahārako hotīti dvandasamāsantogadhattepicassa virodhābhāvobhāvasādhano cāyaṃ channa-saddo daṭṭhabbo. Tattha sandhicchedanādīni katvā vā tulākūṭamānakūṭakahāpaṇakūṭādīhi vañcetvā vā gaṇhanto theyyāvahārako. Balakkārena parasantakaṃ gaṇhanto balāvahārako. Kusaṃ saṅkāmetvā gaṇhanto kusāvahārako. Tiṇapaṇṇādīhi yaṃ kiñci paṭicchādetvā pacchā kassa paṭicchannassa avahārako paṭicchannāvahārako. Sāṭakādibhaṇḍavasena, gabbhadvārādiokāsavasena vā parikappetvā gaṇhanto parikappāvahārako. Ettha pana parikappitabhaṇḍaggahaṇe parikappitaparicchedātikkame ca pārājikaṃ veditabbaṃ.

    อิทานิ ปเนตฺถ วินิจฺฉยํ ทเสฺสตุํ ‘‘ภณฺฑกาลคฺฆเทเสหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เอตฺถ อทินฺนาทาเน ภณฺฑญฺจ กาโล จ อโคฺฆ จ เทโส จ เตหิ จ ปริโภเคน จ วินิจฺฉโย กาตโพฺพติ อโตฺถ ฯ ตตฺถ อวหฎภณฺฑสฺส สสฺสามิกสฺสามิกภาวํ สสฺสามิเกปิ สามิกานํ สาลยนิราลยภาวญฺจ อุปปริกฺขิตฺวา สาลยกาเล เจ อวหฎํ, ภณฺฑํ อคฺฆาเปตฺวา กาตโพฺพ วินิจฺฉโย ภเณฺฑน วินิจฺฉโยฯ นิราลยกาเล เจ อวหฎํ, ปาราชิกํ นตฺถิ, สามิเกสุ ปุน อาหราเปเนฺตสุ ทาตพฺพํฯ ตเทว หิ ภณฺฑํ กทาจิ มหคฺฆํ, กทาจิ อปฺปคฺฆํ, ตสฺมา ยสฺมิํ กาเล ภณฺฑํ อวหฎํ, ตสฺมิํเยว กาเล โย ตสฺส อโคฺฆ, เตน กาตโพฺพ วินิจฺฉโย กาเลน วินิจฺฉโยฯ นวภณฺฑสฺส โย อโคฺฆ, โส ปจฺฉา ปริหายติ, ตสฺมา สพฺพทา ปกติอคฺฆวเสน อกตฺวา กาตโพฺพ วินิจฺฉโย อเคฺฆน วินิจฺฉโยฯ ภณฺฑุฎฺฐานเทเส ภณฺฑํ อปฺปคฺฆํ โหติ, อญฺญตฺถ มหคฺฆํ, ตสฺมา ยสฺมิํ เทเส ภณฺฑํ อวหฎํ, ตสฺมิํเยว เทเส อเคฺฆน กาตโพฺพ วินิจฺฉโย เทเสน วินิจฺฉโยฯ ปริโภเคน สาฎกาทิโน ภณฺฑสฺส อโคฺฆ ปริหายติ, ตสฺมา ตสฺส ปริโภควเสน ปริหีนาปริหีนภาวํ อุปปริกฺขิตฺวา กาตโพฺพ วินิจฺฉโย ปริโภเคน วินิจฺฉโย

    Idāni panettha vinicchayaṃ dassetuṃ ‘‘bhaṇḍakālagghadesehī’’tiādi vuttaṃ. Ettha adinnādāne bhaṇḍañca kālo ca aggho ca deso ca tehi ca paribhogena ca vinicchayo kātabboti attho . Tattha avahaṭabhaṇḍassa sassāmikassāmikabhāvaṃ sassāmikepi sāmikānaṃ sālayanirālayabhāvañca upaparikkhitvā sālayakāle ce avahaṭaṃ, bhaṇḍaṃ agghāpetvā kātabbo vinicchayo bhaṇḍena vinicchayo. Nirālayakāle ce avahaṭaṃ, pārājikaṃ natthi, sāmikesu puna āharāpentesu dātabbaṃ. Tadeva hi bhaṇḍaṃ kadāci mahagghaṃ, kadāci appagghaṃ, tasmā yasmiṃ kāle bhaṇḍaṃ avahaṭaṃ, tasmiṃyeva kāle yo tassa aggho, tena kātabbo vinicchayo kālena vinicchayo. Navabhaṇḍassa yo aggho, so pacchā parihāyati, tasmā sabbadā pakatiagghavasena akatvā kātabbo vinicchayo agghena vinicchayo. Bhaṇḍuṭṭhānadese bhaṇḍaṃ appagghaṃ hoti, aññattha mahagghaṃ, tasmā yasmiṃ dese bhaṇḍaṃ avahaṭaṃ, tasmiṃyeva dese agghena kātabbo vinicchayo desena vinicchayo. Paribhogena sāṭakādino bhaṇḍassa aggho parihāyati, tasmā tassa paribhogavasena parihīnāparihīnabhāvaṃ upaparikkhitvā kātabbo vinicchayo paribhogena vinicchayo.

    ทุติยํฯ

    Dutiyaṃ.

    ๕-๗. อิทานิ ตติยํ ทเสฺสตุํ ‘‘มนุสฺสวิคฺคห’’นฺติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ มนุสฺสวิคฺคหํ กลลโต ปฎฺฐาย ชีวมานกมนุสฺสชาติกานํ สรีรํฯ จิจฺจ ปาโณติ สญฺญาย สทฺธิํเยว ‘‘วธามิ น’’นฺติ วธกเจตนาย เจเตตฺวา ปกเปฺปตฺวาฯ ชีวิตา วา วิโยชเยติ โย ภิกฺขุ ชาติอุณฺณํสุนา สมุทฺธฎเตลพินฺทุมตฺตํ กลลรูปกาเล ตาปนาทีหิ วา ตโต วา อุทฺธมปิ ตทนุรูเปน อุปกฺกเมน รูปชีวิตินฺทฺริโยปกฺกเม สติ ตทายตฺตวุตฺติโน อรูปชีวิตสฺสาปิ โวโรปนสมฺภวโต อุภยชีวิตา โวโรเปยฺยฯ วา-สโทฺท วิกเปฺปฯ มรณเจตโนติ มรเณ เจตนา ยสฺส โส มรณาธิปฺปาโยฯ สตฺถหารกนฺติ ชีวิตํ หรตีติ หารกํ, สตฺถญฺจ ตํ หารกญฺจาติ สตฺถหารกํ, ตํฯ อสฺส มนุสฺสวิคฺคหสฺสฯ อุปนิกฺขิเปติ สมีเป นิกฺขิเปยฺย วาฯ เอเตน ถาวรปฺปโยคํ ทเสฺสติฯ คาเหยฺย มรณูปายนฺติ ‘‘สตฺถํ วา อาหร, วิสํ วา ขาทา’’ติอาทินา นเยน มรณตฺถาย อุปายํ คาหาเปยฺย วาฯ เอเตน อาณตฺติปฺปโยโค ทสฺสิโตฯ วเทยฺย มรเณ คุณนฺติ กายวาจาทูตเลขาหิ ‘‘โย เอวํ มรติ, โส ธนํ วา ลภตี’’ติอาทินา นเยน มรเณ คุณํ ปกาเสยฺย วาฯ อุภยตฺถ อธิการวเสน วา-สโทฺท อาหริตโพฺพฯ โส ภิกฺขุ จุโตติ สมฺพโนฺธ, สาสนโตติ วิญฺญายติฯ

    5-7. Idāni tatiyaṃ dassetuṃ ‘‘manussaviggaha’’ntiādi āraddhaṃ. Tattha manussaviggahaṃ kalalato paṭṭhāya jīvamānakamanussajātikānaṃ sarīraṃ. Cicca pāṇoti saññāya saddhiṃyeva ‘‘vadhāmi na’’nti vadhakacetanāya cetetvā pakappetvā. Jīvitā vā viyojayeti yo bhikkhu jātiuṇṇaṃsunā samuddhaṭatelabindumattaṃ kalalarūpakāle tāpanādīhi vā tato vā uddhamapi tadanurūpena upakkamena rūpajīvitindriyopakkame sati tadāyattavuttino arūpajīvitassāpi voropanasambhavato ubhayajīvitā voropeyya. -saddo vikappe. Maraṇacetanoti maraṇe cetanā yassa so maraṇādhippāyo. Satthahārakanti jīvitaṃ haratīti hārakaṃ, satthañca taṃ hārakañcāti satthahārakaṃ, taṃ. Assa manussaviggahassa. Upanikkhipeti samīpe nikkhipeyya vā. Etena thāvarappayogaṃ dasseti. Gāheyya maraṇūpāyanti ‘‘satthaṃ vā āhara, visaṃ vā khādā’’tiādinā nayena maraṇatthāya upāyaṃ gāhāpeyya vā. Etena āṇattippayogo dassito. Vadeyya maraṇe guṇanti kāyavācādūtalekhāhi ‘‘yo evaṃ marati, so dhanaṃ vā labhatī’’tiādinā nayena maraṇe guṇaṃ pakāseyya vā. Ubhayattha adhikāravasena vā-saddo āharitabbo. So bhikkhu cutoti sambandho, sāsanatoti viññāyati.

    อิทานิ ปนสฺส ฉพฺพิเธ ปโยเคทเสฺสตุํ ‘‘ปโยคา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สาหตฺถิ…เป.… อิทฺธิวิชฺชามยา ปโยคาติ อิเม ฉ ปโยคาติ สมฺพโนฺธฯ ก-การโลเปน ปเนตฺถ ‘‘สาหตฺถี’’ติ วุตฺตํฯ อถ วา อเนกเตฺถ อเนกตทฺธิตสมฺภเวน สหตฺถสฺสายํ ปโยโค สาหตฺถีติ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพาฯ สาหตฺถิ จ นิสฺสโคฺค จ อาณตฺติ จ ถาวโร จาติ ทฺวโนฺทฯ อิทฺธิ จ วิชฺชา จ, ตาสมิเมติ อิทฺธิวิชฺชามยา, อิทฺธิมโย วิชฺชามโยติ วุตฺตํ โหติฯ ปโยคาติ อิเม ฉปฺปโยคา นาม โหนฺตีติ อโตฺถฯ ตตฺถ สยํ มาเรนฺตสฺส กาเยน วา กายปฺปฎิพเทฺธน วา ปหรณํ สาหตฺถิโก ปโยโคฯ ทูเร ฐิตํ มาเรตุกามสฺส กายาทีหิ อุสุสตฺติอาทีนํ นิสฺสชฺชนํ นิสฺสโคฺคฯ ‘‘อสุกํ นาม มาเรหี’’ติอาทินา อาณาเปนฺตสฺส อาณาปนํ อาณตฺติ, โอปาตขณนํ อปเสฺสนสํวิธานํ อสิอาทีนํ อุปนิกฺขิปนาทิ ถาวโรฯ มารณตฺถํ กมฺมวิปากชาย อิทฺธิยา ปโยชนํ อิทฺธิมโยฯ กมฺมวิปากชิทฺธิ จ นาเมสา ราชาทีนํ ราชิทฺธิอาทโยฯ ตตฺถ ปิตุรโญฺญ สีหฬินฺทสฺส ทาฐาโกฎเนน จูฬสุมนกุฎุมฺพิยมารเณ ราชิทฺธิ ทฎฺฐพฺพา, ตทตฺถเมว อถพฺพณาทิวิชฺชาย ปริชปฺปนํ วิชฺชามโย ปโยโคฯ

    Idāni panassa chabbidhe payogedassetuṃ ‘‘payogā’’tiādimāha. Tattha sāhatthi…pe… iddhivijjāmayā payogāti ime cha payogāti sambandho. Ka-kāralopena panettha ‘‘sāhatthī’’ti vuttaṃ. Atha vā anekatthe anekataddhitasambhavena sahatthassāyaṃ payogo sāhatthīti padasiddhi veditabbā. Sāhatthi ca nissaggo ca āṇatti ca thāvaro cāti dvando. Iddhi ca vijjā ca, tāsamimeti iddhivijjāmayā, iddhimayo vijjāmayoti vuttaṃ hoti. Payogāti ime chappayogā nāma hontīti attho. Tattha sayaṃ mārentassa kāyena vā kāyappaṭibaddhena vā paharaṇaṃ sāhatthiko payogo. Dūre ṭhitaṃ māretukāmassa kāyādīhi ususattiādīnaṃ nissajjanaṃ nissaggo. ‘‘Asukaṃ nāma mārehī’’tiādinā āṇāpentassa āṇāpanaṃ āṇatti, opātakhaṇanaṃ apassenasaṃvidhānaṃ asiādīnaṃ upanikkhipanādi thāvaro. Māraṇatthaṃ kammavipākajāya iddhiyā payojanaṃ iddhimayo. Kammavipākajiddhi ca nāmesā rājādīnaṃ rājiddhiādayo. Tattha piturañño sīhaḷindassa dāṭhākoṭanena cūḷasumanakuṭumbiyamāraṇe rājiddhi daṭṭhabbā, tadatthameva athabbaṇādivijjāya parijappanaṃ vijjāmayo payogo.

    เอวํ ฉปฺปโยเค ทเสฺสตฺวา เตสุ อาณตฺติปฺปโยคสฺส นิยามเก ทเสฺสตุํ ‘‘กาลา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยถาวุตฺตํ อาณตฺติํ นิยเมนฺติ สเงฺกตวิสเงฺกตตาวเสน ปริจฺฉินฺทนฺตีติ อาณตฺตินิยามกาฯ เต ปน กาโล จ วตฺถุ จ อาวุธญฺจ อิริยาปโถ จาติ จตฺตาโร, ตถา กิริยาวิเสโส โอกาโสติ คณนปริเจฺฉทวเสน ฉ โหนฺตีติ อโตฺถฯ ตตฺถ กาโล ปุพฺพณฺหาทิ โยพฺพนาทิ จฯ วตฺถุ มาเรตโพฺพ สโตฺตฯ อาวุธํ อสิอาทิฯ อิริยาปโถ มาเรตพฺพสฺส คมนาทิฯ กิริยาวิเสโส วิชฺฌนาทิฯ โอกาโส คามาทิฯ โย หิ ‘‘อชฺช, เสฺว’’ติ อนิยเมตฺวา ‘‘ปุพฺพเณฺห มาเรหี’’ติ วุโตฺต ยทา กทาจิ ปุพฺพเณฺห มาเรติ, นตฺถิ วิสเงฺกโตฯ โย ปน ‘‘ปุพฺพเณฺห’’ติ วุโตฺต มชฺฌนฺหาทีสุ มาเรติ, วิสเงฺกโต โหติ, อาณาปกสฺส อนาปตฺติฯ เอวํ กาลสฺส สเงฺกตวิสเงฺกตตาวเสน นิยามกตา เวทิตพฺพาฯ อิมินาว นเยน วตฺถุอาทีสุปิ วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพติฯ

    Evaṃ chappayoge dassetvā tesu āṇattippayogassa niyāmake dassetuṃ ‘‘kālā’’tiādi vuttaṃ. Tattha yathāvuttaṃ āṇattiṃ niyamenti saṅketavisaṅketatāvasena paricchindantīti āṇattiniyāmakā. Te pana kālo ca vatthu ca āvudhañca iriyāpatho cāti cattāro, tathā kiriyāviseso okāsoti gaṇanaparicchedavasena cha hontīti attho. Tattha kālo pubbaṇhādi yobbanādi ca. Vatthu māretabbo satto. Āvudhaṃ asiādi. Iriyāpatho māretabbassa gamanādi. Kiriyāviseso vijjhanādi. Okāso gāmādi. Yo hi ‘‘ajja, sve’’ti aniyametvā ‘‘pubbaṇhe mārehī’’ti vutto yadā kadāci pubbaṇhe māreti, natthi visaṅketo. Yo pana ‘‘pubbaṇhe’’ti vutto majjhanhādīsu māreti, visaṅketo hoti, āṇāpakassa anāpatti. Evaṃ kālassa saṅketavisaṅketatāvasena niyāmakatā veditabbā. Imināva nayena vatthuādīsupi vinicchayo veditabboti.

    ตติยํฯ

    Tatiyaṃ.

    ๘-๙. อิทานิ จตุตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘ฌานาทิเภท’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ อตฺตนิ โนสนฺตํ อตฺตุปนายิกญฺจ ปจฺจุปฺปนฺนภวสฺสิตญฺจ อญฺญาปเทสรหิตญฺจ ฌานาทิเภทํ โกฎฺฐาสํ กตฺวา วา เอเกกํ กตฺวา วา กาเยน วา วาจาย วา วิญฺญตฺติปเถ ทีเปโนฺต นาธิมานิโก ญาเต จุโต ภเวติ สมฺพโนฺธฯ ตตฺถ อตฺตนิ สกสนฺตาเน โนสนฺตํ อนุปฺปนฺนตฺตาเยว อวิชฺชมานํ, เอตฺถ โนสโนฺตติ อเตฺถ ตปฺปุริโสฯ ฌานาทิเภทนฺติ ฌานํ อาทิ ยสฺส ‘‘วิโมกฺขสมาธิ สมาปตฺติ ญาณทสฺสน มคฺคภาวนา ผลสจฺฉิ กิริยากิเลสปฺปหานวินีวรณตาจิตฺตสฺส สุญฺญาคาเร อภิรตี’’ติ (ปารา. ๑๙๘) วุตฺตสฺส โส ฌานาทิ, โสว เภโท วิเสโสติ สมาโสฯ ตํ ฌานาทิเภทํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํฯ อตฺตุปนายิกนฺติ ‘‘อยํ มยิ อตฺถี’’ติ อาโรจนวเสน อตฺตนิ อุปนียติ, ‘‘อหํ วา เอตฺถ สนฺทิสฺสามี’’ติ อตฺตา อุปนียติ เอตฺถ ธเมฺมติ วา อตฺตุปนายิโก, ฌานาทิเภโท, ตํฯ ปจฺจุปฺปนฺนภวสฺสิตนฺติ ปจฺจุปฺปนฺนภโว นาม อิทานิ วตฺตมาโน อตฺตภาโว, ตนฺนิสฺสิโตติ สมาโส, โส จ ฌานาทิเภโทเยว, ตํฯ

    8-9. Idāni catutthaṃ dassetuṃ ‘‘jhānādibheda’’ntiādimāha. Tattha attani nosantaṃ attupanāyikañca paccuppannabhavassitañca aññāpadesarahitañca jhānādibhedaṃ koṭṭhāsaṃ katvā vā ekekaṃ katvā vā kāyena vā vācāya vā viññattipathe dīpento nādhimāniko ñāte cuto bhaveti sambandho. Tattha attani sakasantāne nosantaṃ anuppannattāyeva avijjamānaṃ, ettha nosantoti atthe tappuriso. Jhānādibhedanti jhānaṃ ādi yassa ‘‘vimokkhasamādhi samāpatti ñāṇadassana maggabhāvanā phalasacchi kiriyākilesappahānavinīvaraṇatācittassa suññāgāre abhiratī’’ti (pārā. 198) vuttassa so jhānādi, sova bhedo visesoti samāso. Taṃ jhānādibhedaṃ uttarimanussadhammaṃ. Attupanāyikanti ‘‘ayaṃ mayi atthī’’ti ārocanavasena attani upanīyati, ‘‘ahaṃ vā ettha sandissāmī’’ti attā upanīyati ettha dhammeti vā attupanāyiko, jhānādibhedo, taṃ. Paccuppannabhavassitanti paccuppannabhavo nāma idāni vattamāno attabhāvo, tannissitoti samāso, so ca jhānādibhedoyeva, taṃ.

    อญฺญาปเทสรหิตนฺติ ‘‘โย เต วิหาเร วสิ, โส ภิกฺขุ ปฐมํ ฌานํ สมาปชฺชี’’ติอาทินา (ปารา. ๒๒๐) นเยน อญฺญสฺส อปเทโส, เตน รหิโต จโตฺตติ ตปฺปุริสสมาโส, โส รหิโต เตนาติ วา พหุพฺพีหิ, ฌานาทิเภโทว , ตํฯ โกฎฺฐาสํ กตฺวา วาติ ‘‘ปฐมํ ฌานํ ทุติยํ ฌานํ สมาปชฺชิํ, ปฐมํ ฌานํ ตติยํ ฌานํ สมาปชฺชิ’’นฺติอาทินา นเยน โกฎฺฐาสํ กตฺวา วาฯ เอเกกํ กตฺวา วาติ ‘‘ปฐมํ ฌานํ สมาปชฺชิํ, ทุติยํ ฌานํ สมาปชฺชิ’’นฺติอาทินา นเยน เอเกกํ กตฺวา วาฯ เอตฺถ จ เอกนฺติ ฐิเต วิจฺฉายํ ทฺวิตฺตํฯ เอตฺถ ปน กตฺวาติ กรณกิริยาย เอเกกวเสน ภินฺนสฺส ฌานาทิโน อตฺถสฺส สมฺพนฺธนิจฺฉา วิจฺฉาติ เวทิตพฺพาฯ ฎีกายํ ปน ‘‘โกฎฺฐาสํ วาติ เอตฺถ ‘ฌานลาภี, วิโมกฺขลาภี, สมาธิลาภี, สมาปตฺติลาภีมฺหี’ติ เอวมาทินา นเยน โกฎฺฐาสโต วาติ อโตฺถ’’ติ จ ‘‘เอเกกํ วาติ ‘ปฐมสฺส ฌานสฺส ลาภี, ทุติยสฺส ฌานสฺส ลาภีมฺหี’ติ เอวมาทินา นเยน เอเกกํ วาติ อโตฺถ’’ติ จ วุตฺตํฯ โส ปาฬิยํ อฎฺฐกถายญฺจ อวุตฺตกฺกโมติ เวทิตโพฺพฯ กาเยน วาติ หตฺถมุทฺทาทิวเสน กาเยน วาฯ วาจาติ เอตฺถ ย-กาโร ลุตฺตนิทฺทิโฎฺฐ ‘‘อลชฺชิตา’’ติอาทีสุ วิยฯ วิญฺญตฺติปเถติ กายวจีวิญฺญตฺตีนํ คหณโยเคฺย ปเทเส ฐตฺวาติ อชฺฌาหริตพฺพํฯ ทีเปโนฺตติ ‘‘อิมินา จ อิมินา จ การเณน อยํ ธโมฺม มยิ อตฺถี’’ติ ปกาเสโนฺตฯ นาธิมานิโกติ อปฺปเตฺต ปตฺตสญฺญิตาสงฺขาโต อธิโก มาโน, โส นตฺถิ เอตสฺสาติ นาธิมานิโก, ภิกฺขุฯ ญาเตติ วิญฺญุนา มนุสฺสชาติเกน สิกฺขาปจฺจกฺขาเน วุตฺตนเยน วิญฺญาเต สติ จุโต ภเว สาสนโตติ วิญฺญายติฯ อญฺญาปเทเสน ทีปยโต ปน ถุลฺลจฺจยํฯ เอตฺถ จ –

    Aññāpadesarahitanti ‘‘yo te vihāre vasi, so bhikkhu paṭhamaṃ jhānaṃ samāpajjī’’tiādinā (pārā. 220) nayena aññassa apadeso, tena rahito cattoti tappurisasamāso, so rahito tenāti vā bahubbīhi, jhānādibhedova , taṃ. Koṭṭhāsaṃ katvā vāti ‘‘paṭhamaṃ jhānaṃ dutiyaṃ jhānaṃ samāpajjiṃ, paṭhamaṃ jhānaṃ tatiyaṃ jhānaṃ samāpajji’’ntiādinā nayena koṭṭhāsaṃ katvā vā. Ekekaṃ katvā vāti ‘‘paṭhamaṃ jhānaṃ samāpajjiṃ, dutiyaṃ jhānaṃ samāpajji’’ntiādinā nayena ekekaṃ katvā vā. Ettha ca ekanti ṭhite vicchāyaṃ dvittaṃ. Ettha pana katvāti karaṇakiriyāya ekekavasena bhinnassa jhānādino atthassa sambandhanicchā vicchāti veditabbā. Ṭīkāyaṃ pana ‘‘koṭṭhāsaṃ vāti ettha ‘jhānalābhī, vimokkhalābhī, samādhilābhī, samāpattilābhīmhī’ti evamādinā nayena koṭṭhāsato vāti attho’’ti ca ‘‘ekekaṃ vāti ‘paṭhamassa jhānassa lābhī, dutiyassa jhānassa lābhīmhī’ti evamādinā nayena ekekaṃ vāti attho’’ti ca vuttaṃ. So pāḷiyaṃ aṭṭhakathāyañca avuttakkamoti veditabbo. Kāyena vāti hatthamuddādivasena kāyena vā. Vācāti ettha ya-kāro luttaniddiṭṭho ‘‘alajjitā’’tiādīsu viya. Viññattipatheti kāyavacīviññattīnaṃ gahaṇayogye padese ṭhatvāti ajjhāharitabbaṃ. Dīpentoti ‘‘iminā ca iminā ca kāraṇena ayaṃ dhammo mayi atthī’’ti pakāsento. Nādhimānikoti appatte pattasaññitāsaṅkhāto adhiko māno, so natthi etassāti nādhimāniko, bhikkhu. Ñāteti viññunā manussajātikena sikkhāpaccakkhāne vuttanayena viññāte sati cuto bhave sāsanatoti viññāyati. Aññāpadesena dīpayato pana thullaccayaṃ. Ettha ca –

    ทุกฺกฎํ ปฐมเสฺสว, สามนฺตมิติ วณฺณิตํ;

    Dukkaṭaṃ paṭhamasseva, sāmantamiti vaṇṇitaṃ;

    เสสานํ ปน ติณฺณมฺปิ, ถุลฺลจฺจยมุทีริตนฺติฯ

    Sesānaṃ pana tiṇṇampi, thullaccayamudīritanti.

    จตุตฺถํฯ

    Catutthaṃ.

    ๑๐. อิทานิ จตุนฺนมฺปิ เจเตสมสํวาสตํ อภพฺพตญฺจ ทีเปตุํ ‘‘ปาราชิเกเต’’ติอาทิ อารทฺธํฯ เอเต จตฺตาโร ปาราชิกา ปุคฺคลา ยถา ปุเร ปุเพฺพ คิหิกาเล, อนุปสมฺปนฺนกาเล จ วิย อสํวาสาติ สมฺพโนฺธฯ สห วสนฺติ ยสฺมา สเพฺพปิ ลชฺชิโน เอเตสุ กมฺมาทีสุ น เอโกปิ ตโต พหิทฺธา สนฺทิสฺสตีติ เอกกมฺมํ เอกุเทฺทโส สมสิกฺขตาติ อิเม ตโย สํวาสา นามฯ ตตฺถ อปโลกนาทิกํ จตุพฺพิธมฺปิ สงฺฆกมฺมํ สีมาปริจฺฉิเนฺนหิ ปกตเตฺตหิ ภิกฺขูหิ เอกโต กตฺตพฺพตา เอกกมฺมํ นามฯ ตถา ปญฺจวิโธปิ ปาติโมกฺขุเทฺทโส เอกโต อุทฺทิสิตพฺพตฺตา เอกุเทฺทโส นามฯ ปญฺญตฺตํ ปน สิกฺขาปทํ สเพฺพหิปิ ลชฺชีปุคฺคเลหิ สมํ สิกฺขิตพฺพภาวโต สมสิกฺขตา นามฯ นตฺถิ เต สํวาสา เอเตสนฺติ อสํวาสาฯ ‘‘อภพฺพา’’ติอาทีสุ ภิกฺขุภาวายาติ ตุมเตฺถ สมฺปทานวจนํ, ตสฺมา ยถา สีสจฺฉิโนฺน ชีวิตุํ อภโพฺพ, เอวํ จตฺตาโรเม ปุคฺคลา ภิกฺขุภาวาย ภิกฺขู ภวิตุํ อภพฺพาติ อโตฺถฯ

    10. Idāni catunnampi cetesamasaṃvāsataṃ abhabbatañca dīpetuṃ ‘‘pārājikete’’tiādi āraddhaṃ. Ete cattāro pārājikā puggalā yathā pure pubbe gihikāle, anupasampannakāle ca viya asaṃvāsāti sambandho. Saha vasanti yasmā sabbepi lajjino etesu kammādīsu na ekopi tato bahiddhā sandissatīti ekakammaṃ ekuddeso samasikkhatāti ime tayo saṃvāsā nāma. Tattha apalokanādikaṃ catubbidhampi saṅghakammaṃ sīmāparicchinnehi pakatattehi bhikkhūhi ekato kattabbatā ekakammaṃ nāma. Tathā pañcavidhopi pātimokkhuddeso ekato uddisitabbattā ekuddeso nāma. Paññattaṃ pana sikkhāpadaṃ sabbehipi lajjīpuggalehi samaṃ sikkhitabbabhāvato samasikkhatā nāma. Natthi te saṃvāsā etesanti asaṃvāsā. ‘‘Abhabbā’’tiādīsu bhikkhubhāvāyāti tumatthe sampadānavacanaṃ, tasmā yathā sīsacchinno jīvituṃ abhabbo, evaṃ cattārome puggalā bhikkhubhāvāya bhikkhū bhavituṃ abhabbāti attho.

    ๑๑. อิทานิ ปริยายาณตฺตีหิ สมฺภวเนฺต ทเสฺสตุํ ‘‘ปริยาโย จา’’ติอาทิมาหฯ ปริยาโย จ อาณตฺติ จ ตติเย มนุสฺสวิคฺคเห ลพฺภตีติ สมฺพโนฺธฯ ตตฺถ กายาทีหิ ยถาวุเตฺตหิ ‘‘โย เอวํ มรติ, โส ธนํ วา ลภตี’’ติ เอวมาทิวิญฺญาปโก พฺยญฺชนภูโต กายวจีปโยโค ปริยาโยฯ อิมินา อิทํ ทีเปติ – ยถา อทินฺนาทาเน ‘‘อาทิเยยฺยา’’ติ (ปารา. ๙๒) วุตฺตตฺตา ปาริยายกถาย มุจฺจติ, น อิธ เอวํฯ ‘‘สํวเณฺณยฺยา’’ติ (ปารา. ๑๗๒) ปริยายกยายปิ น มุจฺจตีติฯ ‘‘ทุติเย ปนา’’ติอาทีสุ อโตฺถ ปากโฎเยวฯ เอวมุปริปิ ปากฎมุเปกฺขิสฺสามฯ

    11. Idāni pariyāyāṇattīhi sambhavante dassetuṃ ‘‘pariyāyo cā’’tiādimāha. Pariyāyo ca āṇatti ca tatiye manussaviggahe labbhatīti sambandho. Tattha kāyādīhi yathāvuttehi ‘‘yo evaṃ marati, so dhanaṃ vā labhatī’’ti evamādiviññāpako byañjanabhūto kāyavacīpayogo pariyāyo. Iminā idaṃ dīpeti – yathā adinnādāne ‘‘ādiyeyyā’’ti (pārā. 92) vuttattā pāriyāyakathāya muccati, na idha evaṃ. ‘‘Saṃvaṇṇeyyā’’ti (pārā. 172) pariyāyakayāyapi na muccatīti. ‘‘Dutiye panā’’tiādīsu attho pākaṭoyeva. Evamuparipi pākaṭamupekkhissāma.

    ๑๒. อิทานิ เมถุนธมฺมาทีนํ องฺคานิ ทเสฺสตุํ ‘‘เสเวตู’’ติอาทิมาหฯ เสเวตุกามตาจิตฺตนฺติ เมถุนํ เสเวตุํ กาเมตีติ เสเวตุกาโม, ตสฺส ภาโว นาม ตณฺหา, ตาย เสเวตุกามตาย สมฺปยุตฺตํ จิตฺตนฺติ ตปฺปุริโสฯ เมถุนธมฺมสฺสาติ มิถุนานํ อิตฺถิปุริสานํ อิทนฺติ เมถุนํ, ตเมว ธโมฺมติ เมถุนธโมฺมฯ อิธ ปน อุปจารวเสน ปาราชิกาปตฺติ เมถุนธโมฺม นามฯ อถ วา เมถุเนน ชาโต ธโมฺม ปาราชิกาปตฺติ เมถุนธโมฺม, ตสฺส เมถุนธมฺมสฺส เมถุนธมฺมปาราชิกาปตฺติยาฯ องฺคทฺวยนฺติ องฺคานํ การณานํ ทฺวยํฯ พุธาติ วินยธรา วิญฺญุโนฯ

    12. Idāni methunadhammādīnaṃ aṅgāni dassetuṃ ‘‘sevetū’’tiādimāha. Sevetukāmatācittanti methunaṃ sevetuṃ kāmetīti sevetukāmo, tassa bhāvo nāma taṇhā, tāya sevetukāmatāya sampayuttaṃ cittanti tappuriso. Methunadhammassāti mithunānaṃ itthipurisānaṃ idanti methunaṃ, tameva dhammoti methunadhammo. Idha pana upacāravasena pārājikāpatti methunadhammo nāma. Atha vā methunena jāto dhammo pārājikāpatti methunadhammo, tassa methunadhammassa methunadhammapārājikāpattiyā. Aṅgadvayanti aṅgānaṃ kāraṇānaṃ dvayaṃ. Budhāti vinayadharā viññuno.

    ๑๓. มนุสฺสสนฺติ มนุสฺสานํ สํ มนุสฺสสํ, ตทายตฺตวตฺถุกา จฯ เอเตน เปตติรจฺฉานคตายตฺตํ นิวเตฺตติฯ ตถาสญฺญีติ ตถา ตาทิสา สญฺญา ตถาสญฺญา, สา อสฺส อตฺถีติ ตถาสญฺญีฯ ปรายตฺตสญฺญิตา จาติ อโตฺถฯ ภาวปฺปธานา อิเม นิเทฺทสา, ภาวปจฺจยโลโป วา ‘‘พุเทฺธ รตน’’นฺติอาทีสุ (ขุ. ปา. ๖.๓) วิยฯ เอวมุปริปิ อีทิเสสุฯ เถยฺยจิตฺตนฺติ เถนภาวสงฺขาตํ จิตฺตญฺจฯ วตฺถุโน ครุตาติ ภณฺฑสฺส ปาทอติเรกปาทารหภาเวน ครุตา จฯ อูนปญฺจมาสเก วา อติเรกมาสเก วา ถุลฺลจฺจยํฯ มาสเก วา อูนมาสเก วา ทุกฺกฎํฯ อวหาโรติ ปญฺจวีสติยา อวหารานํ อญฺญตเรน อวหรณญฺจาติ อิเม ปญฺจ อทินฺนาทานเหตุโย อทินฺนาทานปาราชิกาปตฺติยา องฺคานิฯ

    13.Manussasanti manussānaṃ saṃ manussasaṃ, tadāyattavatthukā ca. Etena petatiracchānagatāyattaṃ nivatteti. Tathāsaññīti tathā tādisā saññā tathāsaññā, sā assa atthīti tathāsaññī. Parāyattasaññitā cāti attho. Bhāvappadhānā ime niddesā, bhāvapaccayalopo vā ‘‘buddhe ratana’’ntiādīsu (khu. pā. 6.3) viya. Evamuparipi īdisesu. Theyyacittanti thenabhāvasaṅkhātaṃ cittañca. Vatthuno garutāti bhaṇḍassa pādaatirekapādārahabhāvena garutā ca. Ūnapañcamāsake vā atirekamāsake vā thullaccayaṃ. Māsake vā ūnamāsake vā dukkaṭaṃ. Avahāroti pañcavīsatiyā avahārānaṃ aññatarena avaharaṇañcāti ime pañca adinnādānahetuyo adinnādānapārājikāpattiyā aṅgāni.

    ๑๔. ปาโณ มานุสฺสโกติ มนุสฺสชาติสมฺพโนฺธ ปาโณ จ, ปาโณติ หิ โวหารโต สโตฺต, ปรมตฺถโต ปน ชีวิตินฺทฺริยํ วุจฺจติฯ ปาณสญฺญิตาติ ปาโณติ สญฺญิตา จ, ฆาตนํ ฆาโต, โส เอว เจตนา ฆาตเจตนา, ‘‘วธามิ น’’นฺติ เอวํ ปวตฺตา สา จ, ตํสมุฎฺฐิโต สาหตฺถิกาทีนํ ฉนฺนมญฺญตโร ปโยโค จ, เตน ปโยเคน มรณญฺจาติ เอเต ยถาวุตฺตา ปญฺจ วธเหตุโย ปาณฆาตาปชฺชิตพฺพอาปตฺติยา องฺคานีติ อโตฺถฯ

    14.Pāṇo mānussakoti manussajātisambandho pāṇo ca, pāṇoti hi vohārato satto, paramatthato pana jīvitindriyaṃ vuccati. Pāṇasaññitāti pāṇoti saññitā ca, ghātanaṃ ghāto, so eva cetanā ghātacetanā, ‘‘vadhāmi na’’nti evaṃ pavattā sā ca, taṃsamuṭṭhito sāhatthikādīnaṃ channamaññataro payogo ca, tena payogena maraṇañcāti ete yathāvuttā pañca vadhahetuyo pāṇaghātāpajjitabbaāpattiyā aṅgānīti attho.

    ๑๕. อตฺตนิ อสนฺตตาติ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมสฺส สนฺตาเน อวิชฺชมานตา จฯ ปาปมิจฺฉตายาโรจนาติ ยา สา ‘‘อิเธกโจฺจ ทุสฺสีโล สมาโน ‘สีลวาติ มํ ชโน ชานาตู’’ติอาทินา (วิภ. ๘๕๑) นเยน วุตฺตา ปาปอิจฺฉตาย สมนฺนาคตา, ตาย อุตฺตริมนุสฺสธมฺมสฺส อาโรจนา จฯ ตสฺสาติ ยสฺส อาโรเจติ, ตสฺสฯ มนุสฺสชาติตาติ มนุสฺสานํ ชาติ ยสฺส, ตสฺส ภาโว มนุสฺสชาติตา, สา จ, นญฺญาปเทโสติ น อญฺญาปเทโส อญฺญาปเทสาภาโว จ, ตเทว ชานนนฺติ ตงฺขณํเยว วิชานนญฺจาติ อิมานิ ปญฺจ เอตฺถ อสนฺตทีปเน อสฺมิํ สนฺตาเน อวิชฺชมานอุตฺตริมนุสฺสธมฺมปฺปกาสนนิมิเตฺต ปาราชิเก องฺคานิ เหตุโยติ อโตฺถฯ

    15.Attaniasantatāti uttarimanussadhammassa santāne avijjamānatā ca. Pāpamicchatāyārocanāti yā sā ‘‘idhekacco dussīlo samāno ‘sīlavāti maṃ jano jānātū’’tiādinā (vibha. 851) nayena vuttā pāpaicchatāya samannāgatā, tāya uttarimanussadhammassa ārocanā ca. Tassāti yassa āroceti, tassa. Manussajātitāti manussānaṃ jāti yassa, tassa bhāvo manussajātitā, sā ca, naññāpadesoti na aññāpadeso aññāpadesābhāvo ca, tadeva jānananti taṅkhaṇaṃyeva vijānanañcāti imāni pañca ettha asantadīpane asmiṃ santāne avijjamānauttarimanussadhammappakāsananimitte pārājike aṅgāni hetuyoti attho.

    ๑๖. เอวํ เตสมสํวาสตาภพฺพตาทีนิ ทเสฺสตฺวา อิทานิ น เต จตฺตาโรว, อถ โข สนฺตเญฺญปีติ เต สเพฺพปิ สโมธาเนตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘อสาธารณา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อสาธารณาติ ปาราชิกา ธมฺมา อธิเปฺปตาฯ เตเนว เจตฺถ ปุลฺลิงฺคนิเทฺทโสฯ ตสฺมา ภิกฺขุนีนํ ภิกฺขูหิ อสาธารณา ปาราชิกา ธมฺมา จตฺตาโร จาติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อุปจารวเสน ตุ อุพฺภชาณุมณฺฑลิกาทิกา ปาราชิกาปนฺนา ปริคฺคยฺหนฺติฯ ตาสุ ยา อวสฺสุตา อวสฺสุตสฺส มนุสฺสปุริสสฺส อกฺขกานํ อโธ ชาณุมณฺฑลานํ กปฺปรานญฺจ อุปริ กายสํสคฺคํ สาทิยติ, อยํ อุพฺภชาณุมณฺฑลิกาฯ ยา ปน อญฺญิสฺสา ภิกฺขุนิยา ปาราชิกํ ปฎิจฺฉาเทติ, สา วชฺชปฺปฎิจฺฉาทิกาฯ ยา อุกฺขิตฺตกํ ภิกฺขุํ ตสฺสา ทิฎฺฐิยา คหณวเสน อนุวตฺตติ, สา อุกฺขิตฺตานุวตฺติกาฯ กายสํสคฺคราเคน ตินฺตสฺส หตฺถคฺคหณํ สงฺฆาฎิกณฺณคฺคหณํ กายสํสคฺคตฺถาย ปุริสสฺส หตฺถปาเส ฐานํ ฐตฺวา สลฺลปนํ สเงฺกตคมนํ ปุริสสฺสาคมนสาทิยนํ ปฎิจฺฉโนฺนกาสววิสนํ หตฺถปาเส ฐตฺวา กาโยปสํหรณนฺติ อิมานิ อฎฺฐ วตฺถูนิ ยสฺสา อวสฺสุตาย, สา อฎฺฐวตฺถุกา นามฯ

    16. Evaṃ tesamasaṃvāsatābhabbatādīni dassetvā idāni na te cattārova, atha kho santaññepīti te sabbepi samodhānetvā dassento ‘‘asādhāraṇā’’tiādimāha. Tattha asādhāraṇāti pārājikā dhammā adhippetā. Teneva cettha pulliṅganiddeso. Tasmā bhikkhunīnaṃ bhikkhūhi asādhāraṇā pārājikā dhammā cattāro cāti evamettha attho daṭṭhabbo. Upacāravasena tu ubbhajāṇumaṇḍalikādikā pārājikāpannā pariggayhanti. Tāsu yā avassutā avassutassa manussapurisassa akkhakānaṃ adho jāṇumaṇḍalānaṃ kapparānañca upari kāyasaṃsaggaṃ sādiyati, ayaṃ ubbhajāṇumaṇḍalikā. Yā pana aññissā bhikkhuniyā pārājikaṃ paṭicchādeti, sā vajjappaṭicchādikā. Yā ukkhittakaṃ bhikkhuṃ tassā diṭṭhiyā gahaṇavasena anuvattati, sā ukkhittānuvattikā. Kāyasaṃsaggarāgena tintassa hatthaggahaṇaṃ saṅghāṭikaṇṇaggahaṇaṃ kāyasaṃsaggatthāya purisassa hatthapāse ṭhānaṃ ṭhatvā sallapanaṃ saṅketagamanaṃ purisassāgamanasādiyanaṃ paṭicchannokāsavavisanaṃ hatthapāse ṭhatvā kāyopasaṃharaṇanti imāni aṭṭha vatthūni yassā avassutāya, sā aṭṭhavatthukā nāma.

    อภพฺพกา เอกาทส จาติ เอตฺถ ปณฺฑโก เถยฺยสํวาสโก ติตฺถิยปกฺกนฺตโก ติรจฺฉานคโต มาตุฆาตโก ปิตุฆาตโก อรหนฺตฆาตโก ภิกฺขุนิทูสโก สงฺฆเภทโก โลหิตุปฺปาทโก อุภโตพฺยญฺชนโกติ อิเม อภพฺพา เอกาทส จฯ เตสุ ปณฺฑโกติ โอปกฺกมิกนปุํสกปณฺฑกา จ ปณฺฑกภาวปเกฺข ปกฺขปณฺฑโก จ อิธ อธิเปฺปตาฯ อาสิตฺตอุสูยปณฺฑกานํ ปน ปพฺพชฺชา จ อุปสมฺปทา จ น วาริตาฯ เถยฺยสํวาสโก ปน ลิงฺคเตฺถนกาทิวเสน ติวิโธฯ ตตฺถ สยํ ปพฺพชิตตฺตา ลิงฺคมตฺตํ เถเนตีติ ลิงฺคเตฺถนโกฯ ภิกฺขุวสฺสคณนาทิกํ สํวาสํ เถเนตีติ สํวาสเตฺถนโกฯ สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย เอวํ ปฎิปชฺชเนฺตปิ เอเสว นโยฯ ยถาวุตฺตมุภยํ เถเนตีติ อุภยเตฺถนโกฯ ฐเปตฺวา ปน อิมํ ติวิธํ –

    Abhabbakā ekādasa cāti ettha paṇḍako theyyasaṃvāsako titthiyapakkantako tiracchānagato mātughātako pitughātako arahantaghātako bhikkhunidūsako saṅghabhedako lohituppādako ubhatobyañjanakoti ime abhabbā ekādasa ca. Tesu paṇḍakoti opakkamikanapuṃsakapaṇḍakā ca paṇḍakabhāvapakkhe pakkhapaṇḍako ca idha adhippetā. Āsittausūyapaṇḍakānaṃ pana pabbajjā ca upasampadā ca na vāritā. Theyyasaṃvāsako pana liṅgatthenakādivasena tividho. Tattha sayaṃ pabbajitattā liṅgamattaṃ thenetīti liṅgatthenako. Bhikkhuvassagaṇanādikaṃ saṃvāsaṃ thenetīti saṃvāsatthenako. Sikkhaṃ paccakkhāya evaṃ paṭipajjantepi eseva nayo. Yathāvuttamubhayaṃ thenetīti ubhayatthenako. Ṭhapetvā pana imaṃ tividhaṃ –

    ราชทุพฺภิกฺขกนฺตาร-โรคเวริภเยน วา;

    Rājadubbhikkhakantāra-rogaveribhayena vā;

    จีวราหรณตฺถํ วา, ลิงฺคํ อาทิยตีธ โยฯ

    Cīvarāharaṇatthaṃ vā, liṅgaṃ ādiyatīdha yo.

    สํวาสํ นาธิวาเสติ, ยาว โส สุทฺธมานโส;

    Saṃvāsaṃ nādhivāseti, yāva so suddhamānaso;

    เถยฺยสํวาสโก นาม, ตาว เอส น วุจฺจตีติฯ (มหาว. อฎฺฐ. ๑๑๐; กงฺขา. อฎฺฐ. ปฐมปาราชิกวณฺณนา);

    Theyyasaṃvāsako nāma, tāva esa na vuccatīti. (mahāva. aṭṭha. 110; kaṅkhā. aṭṭha. paṭhamapārājikavaṇṇanā);

    ติตฺถิยปกฺกนฺตกาทโย ตุ ตํตํวจนตฺถานุสาเรน เวทิตพฺพาฯ ติรจฺฉานคโต ปน ฐเปตฺวา มนุสฺสชาติกํ อวเสโส สโพฺพ เวทิตโพฺพฯ อิเม เอกาทส ปุคฺคลา ภิกฺขุภาวาย อภพฺพตฺตา ปาราชิกาปนฺนสทิสตาย ‘‘ปาราชิกา’’ติ วุจฺจนฺติฯ วิพฺภนฺตา ภิกฺขุนีติ คิหินิวาสนนิวตฺถา ภิกฺขุนี จฯ สา หิ เอตฺตาวตา ปาราชิกาฯ มุทุกา ปิฎฺฐิ ยสฺส, โส จฯ โส หิ อนภิรติยา ปีฬิโต ยทา อตฺตโน องฺคชาตํ อตฺตโน วจฺจมุขมเคฺคสุ ปเวเสติ, ตทา ปาราชิโก โหติฯ

    Titthiyapakkantakādayo tu taṃtaṃvacanatthānusārena veditabbā. Tiracchānagato pana ṭhapetvā manussajātikaṃ avaseso sabbo veditabbo. Ime ekādasa puggalā bhikkhubhāvāya abhabbattā pārājikāpannasadisatāya ‘‘pārājikā’’ti vuccanti. Vibbhantā bhikkhunīti gihinivāsananivatthā bhikkhunī ca. Sā hi ettāvatā pārājikā. Mudukā piṭṭhi yassa, so ca. So hi anabhiratiyā pīḷito yadā attano aṅgajātaṃ attano vaccamukhamaggesu paveseti, tadā pārājiko hoti.

    ๑๗-๑๘. ลมฺพมานมงฺคชาตเมตสฺสาติ ลมฺพีฯ โส ยถาวุเตฺตสุ ปเวสิโต ปาราชิโกฯ มุเขน คณฺหโนฺต องฺคชาตํ ปรสฺส จาติ โย อนภิรติยา ปีฬิโต ปรสฺส สุตฺตสฺส วา มตสฺส วา องฺคชาตํ มุเขน คณฺหาติ, โส ปรสฺส องฺคชาตํ มุเขน คณฺหโนฺต จฯ ตเตฺถวาภินิสีทโนฺตติ โย อนภิรติยา ปีฬิโต ตเตฺถว ปรสฺส องฺคชาเต วจฺจมเคฺคน อภินิสีทติ, โส จาติ เอเต ทฺวยํทฺวยสมาปตฺติยา อภาเวปิ มเคฺค มคฺคปฺปเวสนเหตุ เมถุนสฺส อนุโลมิกา จตฺตาโร จฯ อิธาคตา จตฺตาโรติ อิธ ขุทฺทสิกฺขายํ ยถาวุตฺตา เมถุนธมฺมา ปาราชิกาทโย จตฺตาโร จาติ สโมธานา ปิณฺฑีกรณวเสน จตุวีสติ ปาราชิกา ภวนฺตีติ เสโสฯ เอตฺถ จ คาถาพนฺธวเสน รสฺสํ กตฺวา ‘‘ปราชิกา’’ติ วุตฺตํฯ เอตฺถาห – มาตุฆาตกาทโย ตติยํ ปาราชิกํ อาปนฺนา, ภิกฺขุนิทูสโก, มุทุปิฎฺฐิกาทโย จตฺตาโร จ ปฐมปาราชิกํ อาปนฺนา เอวาติ กุโต จตุวีสตีติ? วุจฺจเต – มาตุฆาตกาทโย หิ จตฺตาโร อิธ อนุปสมฺปนฺนา เอว อธิเปฺปตาฯ มุทุปิฎฺฐิกาทโย จตฺตาโร กิญฺจาปิ ปฐมปาราชิเกน สงฺคหิตา, ยสฺมา ปน เอเกน ปริยาเยน เมถุนธมฺมํ อปฺปฎิเสวิโน โหนฺติ, ตสฺมา วิสุํ วุตฺตาติฯ

    17-18. Lambamānamaṅgajātametassāti lambī. So yathāvuttesu pavesito pārājiko. Mukhena gaṇhanto aṅgajātaṃ parassa cāti yo anabhiratiyā pīḷito parassa suttassa vā matassa vā aṅgajātaṃ mukhena gaṇhāti, so parassa aṅgajātaṃ mukhena gaṇhanto ca. Tatthevābhinisīdantoti yo anabhiratiyā pīḷito tattheva parassa aṅgajāte vaccamaggena abhinisīdati, so cāti ete dvayaṃdvayasamāpattiyā abhāvepi magge maggappavesanahetu methunassa anulomikā cattāro ca. Idhāgatā cattāroti idha khuddasikkhāyaṃ yathāvuttā methunadhammā pārājikādayo cattāro cāti samodhānā piṇḍīkaraṇavasena catuvīsati pārājikā bhavantīti seso. Ettha ca gāthābandhavasena rassaṃ katvā ‘‘parājikā’’ti vuttaṃ. Etthāha – mātughātakādayo tatiyaṃ pārājikaṃ āpannā, bhikkhunidūsako, mudupiṭṭhikādayo cattāro ca paṭhamapārājikaṃ āpannā evāti kuto catuvīsatīti? Vuccate – mātughātakādayo hi cattāro idha anupasampannā eva adhippetā. Mudupiṭṭhikādayo cattāro kiñcāpi paṭhamapārājikena saṅgahitā, yasmā pana ekena pariyāyena methunadhammaṃ appaṭisevino honti, tasmā visuṃ vuttāti.

    ปาราชิกนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pārājikaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact