Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถา • Suttanipāta-aṭṭhakathā

    ๕. ปรมฎฺฐกสุตฺตวณฺณนา

    5. Paramaṭṭhakasuttavaṇṇanā

    ๘๐๓. ปรมนฺติ ทิฎฺฐีสูติ ปรมฎฺฐกสุตฺตํฯ กา อุปฺปตฺติ? ภควติ กิร สาวตฺถิยํ วิหรเนฺต นานาติตฺถิยา สนฺนิปติตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ทิฎฺฐิํ ทีเปนฺตา ‘‘อิทํ ปรมํ, อิทํ ปรม’’นฺติ กลหํ กตฺวา รโญฺญ อาโรเจสุํฯ ราชา สมฺพหุเล ชจฺจเนฺธ สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘อิเมสํ หตฺถิํ ทเสฺสถา’’ติ อาณาเปสิฯ ราชปุริสา อเนฺธ สนฺนิปาตาเปตฺวา หตฺถิํ ปุรโต สยาเปตฺวา ‘‘ปสฺสถา’’ติ อาหํสุฯ เต หตฺถิสฺส เอกเมกํ องฺคํ ปรามสิํสุฯ ตโต รญฺญา ‘‘กีทิโส, ภเณ, หตฺถี’’ติ ปุโฎฺฐ โย โสณฺฑํ ปรามสิ, โส ‘‘เสยฺยถาปิ, มหาราช, นงฺคลีสา’’ติ ภณิฯ เย ทนฺตาทีนิ ปรามสิํสุ, เต อิตรํ ‘‘มา โภ รโญฺญ ปุรโต มุสา ภณี’’ติ ปริภาสิตฺวา ‘‘เสยฺยถาปิ, มหาราช, ภิตฺติขิโล’’ติอาทีนิ อาหํสุฯ ราชา ตํ สพฺพํ สุตฺวา ‘‘อีทิโส ตุมฺหากํ สมโย’’ติ ติตฺถิเย อุโยฺยเชสิฯ อญฺญตโร ปิณฺฑจาริโก ตํ ปวตฺติํ ญตฺวา ภควโต อาโรเจสิฯ ภควา ตสฺสํ อฎฺฐุปฺปตฺติยํ ภิกฺขู อามเนฺตตฺวา ‘‘ยถา, ภิกฺขเว, ชจฺจนฺธา หตฺถิํ อชานนฺตา ตํ ตํ องฺคํ ปรามสิตฺวา วิวทิํสุ, เอวํ ติตฺถิยา วิโมกฺขนฺติกธมฺมํ อชานนฺตา ตํ ตํ ทิฎฺฐิํ ปรามสิตฺวา วิวทนฺตี’’ติ วตฺวา ธมฺมเทสนตฺถํ อิมํ สุตฺตมภาสิฯ

    803.Paramantidiṭṭhīsūti paramaṭṭhakasuttaṃ. Kā uppatti? Bhagavati kira sāvatthiyaṃ viharante nānātitthiyā sannipatitvā attano attano diṭṭhiṃ dīpentā ‘‘idaṃ paramaṃ, idaṃ parama’’nti kalahaṃ katvā rañño ārocesuṃ. Rājā sambahule jaccandhe sannipātāpetvā ‘‘imesaṃ hatthiṃ dassethā’’ti āṇāpesi. Rājapurisā andhe sannipātāpetvā hatthiṃ purato sayāpetvā ‘‘passathā’’ti āhaṃsu. Te hatthissa ekamekaṃ aṅgaṃ parāmasiṃsu. Tato raññā ‘‘kīdiso, bhaṇe, hatthī’’ti puṭṭho yo soṇḍaṃ parāmasi, so ‘‘seyyathāpi, mahārāja, naṅgalīsā’’ti bhaṇi. Ye dantādīni parāmasiṃsu, te itaraṃ ‘‘mā bho rañño purato musā bhaṇī’’ti paribhāsitvā ‘‘seyyathāpi, mahārāja, bhittikhilo’’tiādīni āhaṃsu. Rājā taṃ sabbaṃ sutvā ‘‘īdiso tumhākaṃ samayo’’ti titthiye uyyojesi. Aññataro piṇḍacāriko taṃ pavattiṃ ñatvā bhagavato ārocesi. Bhagavā tassaṃ aṭṭhuppattiyaṃ bhikkhū āmantetvā ‘‘yathā, bhikkhave, jaccandhā hatthiṃ ajānantā taṃ taṃ aṅgaṃ parāmasitvā vivadiṃsu, evaṃ titthiyā vimokkhantikadhammaṃ ajānantā taṃ taṃ diṭṭhiṃ parāmasitvā vivadantī’’ti vatvā dhammadesanatthaṃ imaṃ suttamabhāsi.

    ตตฺถ ปรมนฺติ ทิฎฺฐีสุ ปริพฺพสาโนติ ‘‘อิทํ ปรม’’นฺติ คเหตฺวา สกาย สกาย ทิฎฺฐิยา วสมาโนฯ ยทุตฺตริ กุรุเตติ ยํ อตฺตโน สตฺถาราทิํ เสฎฺฐํ กโรติฯ หีนาติ อเญฺญ ตโต สพฺพมาหาติ ตํ อตฺตโน สตฺถาราทิํ ฐเปตฺวา ตโต อเญฺญ สเพฺพ ‘‘หีนา อิเม’’ติ อาหฯ ตสฺมา วิวาทานิ อวีติวโตฺตติ เตน การเณน โส ทิฎฺฐิกลเห อวีติวโตฺตว โหติฯ

    Tattha paramanti diṭṭhīsu paribbasānoti ‘‘idaṃ parama’’nti gahetvā sakāya sakāya diṭṭhiyā vasamāno. Yaduttari kuruteti yaṃ attano satthārādiṃ seṭṭhaṃ karoti. Hīnāti aññe tato sabbamāhāti taṃ attano satthārādiṃ ṭhapetvā tato aññe sabbe ‘‘hīnā ime’’ti āha. Tasmā vivādāni avītivattoti tena kāraṇena so diṭṭhikalahe avītivattova hoti.

    ๘๐๔. ทุติยคาถาย อโตฺถ – เอวํ อวีติวโตฺต จ ยํ ทิเฎฺฐ สุเต สีลวเต มุเตติ เอเตสุ วตฺถูสุ อุปฺปนฺนทิฎฺฐิสงฺขาเต อตฺตนิ ปุเพฺพ วุตฺตปฺปการํ อานิสํสํ ปสฺสติฯ ตเทว โส ตตฺถ สกาย ทิฎฺฐิยา อานิสํสํ ‘‘อิทํ เสฎฺฐ’’นฺติ อภินิวิสิตฺวา อญฺญํ สพฺพํ ปรสตฺถาราทิกํ นิหีนโต ปสฺสติ

    804. Dutiyagāthāya attho – evaṃ avītivatto ca yaṃ diṭṭhe sute sīlavate muteti etesu vatthūsu uppannadiṭṭhisaṅkhāte attani pubbe vuttappakāraṃ ānisaṃsaṃ passati. Tadeva so tattha sakāya diṭṭhiyā ānisaṃsaṃ ‘‘idaṃ seṭṭha’’nti abhinivisitvā aññaṃ sabbaṃ parasatthārādikaṃ nihīnato passati.

    ๘๐๕. ตติยคาถาย อโตฺถ – เอวํ ปสฺสโต จสฺส ยํ อตฺตโน สตฺถาราทิํ นิสฺสิโต อญฺญํ ปรสตฺถาราทิํ หีนํ ปสฺสติ ตํ ปน ทสฺสนํ คนฺถเมว กุสลา วทนฺติ, พนฺธนนฺติ วุตฺตํ โหติ ฯ ยสฺมา เอตเทว, ตสฺมา หิ ทิฎฺฐํว สุตํ มุตํ วา สีลพฺพตํ ภิกฺขุ น นิสฺสเยยฺย, นาภินิเวเสยฺยาติ วุตฺตํ โหติฯ

    805. Tatiyagāthāya attho – evaṃ passato cassa yaṃ attano satthārādiṃ nissito aññaṃ parasatthārādiṃ hīnaṃ passati taṃ pana dassanaṃ ganthameva kusalā vadanti, bandhananti vuttaṃ hoti . Yasmā etadeva, tasmā hi diṭṭhaṃva sutaṃ mutaṃ vā sīlabbataṃ bhikkhu na nissayeyya, nābhiniveseyyāti vuttaṃ hoti.

    ๘๐๖. จตุตฺถคาถาย อโตฺถ – น เกวลํ ทิฎฺฐสุตาทิํ น นิสฺสเยยฺย, อปิจ โข ปน อสญฺชาตํ อุปรูปริ ทิฎฺฐิมฺปิ โลกสฺมิํ น กปฺปเยยฺย, น ชเนยฺยาติ วุตฺตํ โหติฯ กีทิสํ? ญาเณน วา สีลวเตน วาปิ, สมาปตฺติญาณาทินา ญาเณน วา สีลวเตน วา ยา กปฺปิยติ, เอตํ ทิฎฺฐิํ น กเปฺปยฺยฯ น เกวลญฺจ ทิฎฺฐิํ น กปฺปเยยฺย, อปิจ โข ปน มาเนนปิ ชาติอาทีหิ วตฺถูหิ สโมติ อตฺตานมนูปเนยฺย, หีโน น มเญฺญถ วิเสสิ วาปีติฯ

    806. Catutthagāthāya attho – na kevalaṃ diṭṭhasutādiṃ na nissayeyya, apica kho pana asañjātaṃ uparūpari diṭṭhimpi lokasmiṃ na kappayeyya, na janeyyāti vuttaṃ hoti. Kīdisaṃ? Ñāṇena vā sīlavatena vāpi, samāpattiñāṇādinā ñāṇena vā sīlavatena vā yā kappiyati, etaṃ diṭṭhiṃ na kappeyya. Na kevalañca diṭṭhiṃ na kappayeyya, apica kho pana mānenapi jātiādīhi vatthūhi samoti attānamanūpaneyya, hīno na maññetha visesi vāpīti.

    ๘๐๗. ปญฺจมคาถาย อโตฺถ – เอวญฺหิ ทิฎฺฐิํ อกเปฺปโนฺต อมญฺญมาโน จ อตฺตํ ปหาย อนุปาทิยาโน อิธ วา ยํ ปุเพฺพ คหิตํ, ตํ ปหาย อปรํ อคฺคณฺหโนฺต ตสฺมิมฺปิ วุตฺตปฺปกาเร ญาเณ ทุวิธํ นิสฺสยํ โน กโรติฯ อกโรโนฺต จ ส เว วิยเตฺตสุ นานาทิฎฺฐิวเสน ภิเนฺนสุ สเตฺตสุ น วคฺคสารี ฉนฺทาทิวเสน อคจฺฉนธโมฺม หุตฺวา ทฺวาสฎฺฐิยา ทิฎฺฐีสุ กิญฺจิปิ ทิฎฺฐิํ น ปเจฺจติ, น ปจฺจาคจฺฉตีติ วุตฺตํ โหติฯ

    807. Pañcamagāthāya attho – evañhi diṭṭhiṃ akappento amaññamāno ca attaṃ pahāya anupādiyāno idha vā yaṃ pubbe gahitaṃ, taṃ pahāya aparaṃ aggaṇhanto tasmimpi vuttappakāre ñāṇe duvidhaṃ nissayaṃ no karoti. Akaronto ca sa ve viyattesu nānādiṭṭhivasena bhinnesu sattesu na vaggasārī chandādivasena agacchanadhammo hutvā dvāsaṭṭhiyā diṭṭhīsu kiñcipi diṭṭhiṃ na pacceti, na paccāgacchatīti vuttaṃ hoti.

    ๘๐๘-๑๐. อิทานิ โย โส อิมาย คาถาย วุโตฺต ขีณาสโว, ตสฺส วณฺณภณนตฺถํ ‘‘ยสฺสูภยเนฺต’’ติอาทิกา ติโสฺส คาถาโย อาหฯ ตตฺถ อุภยเนฺตติ ปุเพฺพ วุตฺตผสฺสาทิเภเทฯ ปณิธีติ ตณฺหาฯ ภวาภวายาติ ปุนปฺปุนภวายฯ อิธ วา หุรํ วาติ สกตฺตภาวาทิเภเท อิธ วา ปรตฺตภาวาทิเภเท ปรตฺถ วาฯ ทิเฎฺฐ วาติ ทิฎฺฐสุทฺธิยา วาฯ เอส นโย สุตาทีสุฯ สญฺญาติ สญฺญาสมุฎฺฐาปิกา ทิฎฺฐิฯ ธมฺมาปิ เตสํ น ปฎิจฺฉิตาเสติ ทฺวาสฎฺฐิทิฎฺฐิคตธมฺมาปิ เตสํ ‘‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติ เอวํ น ปฎิจฺฉิตาฯ ปารงฺคโต น ปเจฺจติ ตาทีติ นิพฺพานปารํ คโต เตน เตน มเคฺคน ปหีเน กิเลเส ปุน นาคจฺฉติ, ปญฺจหิ จ อากาเรหิ ตาที โหตีติฯ เสสํ ปากฎเมวาติฯ

    808-10. Idāni yo so imāya gāthāya vutto khīṇāsavo, tassa vaṇṇabhaṇanatthaṃ ‘‘yassūbhayante’’tiādikā tisso gāthāyo āha. Tattha ubhayanteti pubbe vuttaphassādibhede. Paṇidhīti taṇhā. Bhavābhavāyāti punappunabhavāya. Idha vā huraṃ vāti sakattabhāvādibhede idha vā parattabhāvādibhede parattha vā. Diṭṭhe vāti diṭṭhasuddhiyā vā. Esa nayo sutādīsu. Saññāti saññāsamuṭṭhāpikā diṭṭhi. Dhammāpitesaṃ na paṭicchitāseti dvāsaṭṭhidiṭṭhigatadhammāpi tesaṃ ‘‘idameva saccaṃ moghamañña’’nti evaṃ na paṭicchitā. Pāraṅgato na pacceti tādīti nibbānapāraṃ gato tena tena maggena pahīne kilese puna nāgacchati, pañcahi ca ākārehi tādī hotīti. Sesaṃ pākaṭamevāti.

    ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฎฺฐกถาย

    Paramatthajotikāya khuddaka-aṭṭhakathāya

    สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถาย ปรมฎฺฐกสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Suttanipāta-aṭṭhakathāya paramaṭṭhakasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / สุตฺตนิปาตปาฬิ • Suttanipātapāḷi / ๕. ปรมฎฺฐกสุตฺตํ • 5. Paramaṭṭhakasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact