Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๑๒. ปรํมรณสุตฺตํ
12. Paraṃmaraṇasuttaṃ
๑๕๕. เอกํ สมยํ อายสฺมา จ มหากสฺสโป อายสฺมา จ สาริปุโตฺต พาราณสิยํ วิหรนฺติ อิสิปตเน มิคทาเยฯ อถ โข อายสฺมา สาริปุโตฺต สายนฺหสมยํ ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโต เยนายสฺมา มหากสฺสโป เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา มหากสฺสเปน สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา สาริปุโตฺต อายสฺมนฺตํ มหากสฺสปํ เอตทโวจ – ‘‘กิํ นุ โข, อาวุโส กสฺสป, โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’’ติ? ‘‘อพฺยากตํ โข เอตํ, อาวุโส, ภควตา – ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’’’ติฯ ‘‘กิํ ปนาวุโส, น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’’ติ? ‘‘เอวมฺปิ โข, อาวุโส, อพฺยากตํ ภควตา – ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’’’ติฯ ‘‘กิํ นุ โข, อาวุโส, โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’’ติ? ‘‘อพฺยากตํ โข เอตํ, อาวุโส, ภควตา – ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’’’ติฯ ‘‘กิํ ปนาวุโส, เนว โหติ, น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’’ติ? ‘‘เอวมฺปิ โข, อาวุโส, อพฺยากตํ ภควตา – ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’’’ติฯ ‘‘กสฺมา เจตํ, อาวุโส , อพฺยากตํ ภควตา’’ติ? ‘‘น เหตํ, อาวุโส, อตฺถสํหิตํ นาทิพฺรหฺมจริยกํ น นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิญฺญาย น สโมฺพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตติฯ ตสฺมา ตํ อพฺยากตํ ภควตา’’ติฯ
155. Ekaṃ samayaṃ āyasmā ca mahākassapo āyasmā ca sāriputto bārāṇasiyaṃ viharanti isipatane migadāye. Atha kho āyasmā sāriputto sāyanhasamayaṃ paṭisallānā vuṭṭhito yenāyasmā mahākassapo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmatā mahākassapena saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā sāriputto āyasmantaṃ mahākassapaṃ etadavoca – ‘‘kiṃ nu kho, āvuso kassapa, hoti tathāgato paraṃ maraṇā’’ti? ‘‘Abyākataṃ kho etaṃ, āvuso, bhagavatā – ‘hoti tathāgato paraṃ maraṇā’’’ti. ‘‘Kiṃ panāvuso, na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’’ti? ‘‘Evampi kho, āvuso, abyākataṃ bhagavatā – ‘na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’’’ti. ‘‘Kiṃ nu kho, āvuso, hoti ca na ca hoti tathāgato paraṃ maraṇā’’ti? ‘‘Abyākataṃ kho etaṃ, āvuso, bhagavatā – ‘hoti ca na ca hoti tathāgato paraṃ maraṇā’’’ti. ‘‘Kiṃ panāvuso, neva hoti, na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’’ti? ‘‘Evampi kho, āvuso, abyākataṃ bhagavatā – ‘neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’’’ti. ‘‘Kasmā cetaṃ, āvuso , abyākataṃ bhagavatā’’ti? ‘‘Na hetaṃ, āvuso, atthasaṃhitaṃ nādibrahmacariyakaṃ na nibbidāya na virāgāya na nirodhāya na upasamāya na abhiññāya na sambodhāya na nibbānāya saṃvattati. Tasmā taṃ abyākataṃ bhagavatā’’ti.
‘‘อถ กิญฺจรหาวุโส, พฺยากตํ ภควตา’’ติ? ‘‘อิทํ ‘ทุกฺข’นฺติ โข , อาวุโส, พฺยากตํ ภควตา; อยํ ‘ทุกฺขสมุทโย’ติ พฺยากตํ ภควตา; อยํ ‘ทุกฺขนิโรโธ’ติ พฺยากตํ ภควตา; อยํ ‘ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา’ติ พฺยากตํ ภควตา’’ติฯ ‘‘กสฺมา เจตํ, อาวุโส, พฺยากตํ ภควตา’’ติ? ‘‘เอตญฺหิ, อาวุโส, อตฺถสํหิตํ เอตํ อาทิพฺรหฺมจริยกํ เอตํ นิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิญฺญาย สโมฺพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติฯ ตสฺมา ตํ พฺยากตํ ภควตา’’ติฯ ทฺวาทสมํฯ
‘‘Atha kiñcarahāvuso, byākataṃ bhagavatā’’ti? ‘‘Idaṃ ‘dukkha’nti kho , āvuso, byākataṃ bhagavatā; ayaṃ ‘dukkhasamudayo’ti byākataṃ bhagavatā; ayaṃ ‘dukkhanirodho’ti byākataṃ bhagavatā; ayaṃ ‘dukkhanirodhagāminī paṭipadā’ti byākataṃ bhagavatā’’ti. ‘‘Kasmā cetaṃ, āvuso, byākataṃ bhagavatā’’ti? ‘‘Etañhi, āvuso, atthasaṃhitaṃ etaṃ ādibrahmacariyakaṃ etaṃ nibbidāya virāgāya nirodhāya upasamāya abhiññāya sambodhāya nibbānāya saṃvattati. Tasmā taṃ byākataṃ bhagavatā’’ti. Dvādasamaṃ.
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑๒. ปรํมรณสุตฺตวณฺณนา • 12. Paraṃmaraṇasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑๒. ปรํมรณสุตฺตวณฺณนา • 12. Paraṃmaraṇasuttavaṇṇanā