Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๖. ปาราปริยเตฺถรคาถาวณฺณนา

    6. Pārāpariyattheragāthāvaṇṇanā

    ฉผสฺสายตเน หิตฺวาติ อายสฺมโต ปาราปริยเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต ปิยทสฺสิสฺส ภควโต กาเล เนสาทโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ตสฺส วิญฺญุตํ ปตฺตสฺส วิจรณฎฺฐาเน อญฺญตรสฺมิํ วนสเณฺฑ ปิยทสฺสี ภควา ตํ อนุคฺคณฺหิตุํ นิโรธสมาปตฺติํ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทิฯ โส จ มิเค ปริเยสโนฺต ตํ ฐานํ คโต สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ภควนฺตํ อโนฺต กตฺวา กตํ สาขามณฺฑปํ ปทุมปุเปฺผหิ กูฎาคารากาเรน สญฺฉาเทตฺวา อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ ปฎิสํเวเทโนฺต สตฺตาหํ นมสฺสมาโน อฎฺฐาสิฯ ทิวเส ทิวเส จ มิลาตมิลาตานิ อปเนตฺวา อภินเวหิ ฉาเทสิฯ สตฺถา สตฺตาหสฺส อจฺจเยน นิโรธโต วุฎฺฐหิตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ อนุสฺสริฯ ตาวเทว อสีติสหสฺสมตฺตา ภิกฺขู สตฺถารํ ปริวาเรสุํฯ ‘‘มธุรธมฺมกถํ สุณิสฺสามา’’ติ เทวตา สนฺนิปติํสุ, มหา สมาคโม อโหสิฯ สตฺถา อนุโมทนํ กโรโนฺต ตสฺส เทวมนุเสฺสสุ ภาวินิํ สมฺปตฺติํ อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สาวกโพธิญฺจ พฺยากริตฺวา ปกฺกามิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต ติณฺณํ เวทานํ ปารคู หุตฺวา ปราปรโคตฺตตาย ปาราปริโยติ ลทฺธสมโญฺญ พหู พฺราหฺมเณ มเนฺต วาเจโนฺต สตฺถุ ราชคหคมเน พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรโนฺต นจิรเสฺสว อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๔๐.๓๕๓-๓๘๕) –

    Chaphassāyatanehitvāti āyasmato pārāpariyattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave puññāni upacinanto piyadassissa bhagavato kāle nesādayoniyaṃ nibbattitvā tassa viññutaṃ pattassa vicaraṇaṭṭhāne aññatarasmiṃ vanasaṇḍe piyadassī bhagavā taṃ anuggaṇhituṃ nirodhasamāpattiṃ samāpajjitvā nisīdi. So ca mige pariyesanto taṃ ṭhānaṃ gato satthāraṃ disvā pasannamānaso bhagavantaṃ anto katvā kataṃ sākhāmaṇḍapaṃ padumapupphehi kūṭāgārākārena sañchādetvā uḷāraṃ pītisomanassaṃ paṭisaṃvedento sattāhaṃ namassamāno aṭṭhāsi. Divase divase ca milātamilātāni apanetvā abhinavehi chādesi. Satthā sattāhassa accayena nirodhato vuṭṭhahitvā bhikkhusaṅghaṃ anussari. Tāvadeva asītisahassamattā bhikkhū satthāraṃ parivāresuṃ. ‘‘Madhuradhammakathaṃ suṇissāmā’’ti devatā sannipatiṃsu, mahā samāgamo ahosi. Satthā anumodanaṃ karonto tassa devamanussesu bhāviniṃ sampattiṃ imasmiṃ buddhuppāde sāvakabodhiñca byākaritvā pakkāmi. So tena puññakammena devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde rājagahe brāhmaṇakule nibbattitvā viññutaṃ patto tiṇṇaṃ vedānaṃ pāragū hutvā parāparagottatāya pārāpariyoti laddhasamañño bahū brāhmaṇe mante vācento satthu rājagahagamane buddhānubhāvaṃ disvā paṭiladdhasaddho pabbajitvā vipassanāya kammaṃ karonto nacirasseva arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.40.353-385) –

    ‘‘ปิยทสฺสี นาม ภควา, สยมฺภู โลกนายโก;

    ‘‘Piyadassī nāma bhagavā, sayambhū lokanāyako;

    วิเวกกาโม สมฺพุโทฺธ, สมาธิกุสโล มุนิฯ

    Vivekakāmo sambuddho, samādhikusalo muni.

    ‘‘วนสณฺฑํ สโมคฺคยฺห, ปิยทสฺสี มหามุนิ;

    ‘‘Vanasaṇḍaṃ samoggayha, piyadassī mahāmuni;

    ปํสุกูลํ ปตฺถริตฺวา, นิสีทิ ปุริสุตฺตโมฯ

    Paṃsukūlaṃ pattharitvā, nisīdi purisuttamo.

    ‘‘มิคลุโทฺท ปุเร อาสิํ, อรเญฺญ กานเน อหํ;

    ‘‘Migaluddo pure āsiṃ, araññe kānane ahaṃ;

    ปสทํ มิคเมสโนฺต, อาหิณฺฑามิ อหํ ตทาฯ

    Pasadaṃ migamesanto, āhiṇḍāmi ahaṃ tadā.

    ‘‘ตตฺถทฺทสาสิํ สมฺพุทฺธํ, โอฆติณฺณมนาสวํ;

    ‘‘Tatthaddasāsiṃ sambuddhaṃ, oghatiṇṇamanāsavaṃ;

    ปุปฺผิตํ สาลราชํว, สตรํสิํว อุคฺคตํฯ

    Pupphitaṃ sālarājaṃva, sataraṃsiṃva uggataṃ.

    ‘‘ทิสฺวานหํ เทวเทวํ, ปิยทสฺสิํ มหายสํ;

    ‘‘Disvānahaṃ devadevaṃ, piyadassiṃ mahāyasaṃ;

    ชาตสฺสรํ สโมคฺคยฺห, ปทุมํ อาหริํ ตทาฯ

    Jātassaraṃ samoggayha, padumaṃ āhariṃ tadā.

    ‘‘อาหริตฺวาน ปทุมํ, สตปตฺตํ มโนรมํ;

    ‘‘Āharitvāna padumaṃ, satapattaṃ manoramaṃ;

    กูฎาคารํ กริตฺวาน, ฉาทยิํ ปทุเมนหํฯ

    Kūṭāgāraṃ karitvāna, chādayiṃ padumenahaṃ.

    ‘‘อนุกมฺปโก การุณิโก, ปิยทสฺสี มหามุนิ;

    ‘‘Anukampako kāruṇiko, piyadassī mahāmuni;

    สตฺตรตฺตินฺทิวํ พุโทฺธ, กูฎาคาเร วสี ชิโนฯ

    Sattarattindivaṃ buddho, kūṭāgāre vasī jino.

    ‘‘ปุราณํ ฉฑฺฑยิตฺวาน, นเวน ฉาทยิํ อหํ;

    ‘‘Purāṇaṃ chaḍḍayitvāna, navena chādayiṃ ahaṃ;

    อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวาน, อฎฺฐาสิํ ตาวเท อหํฯ

    Añjaliṃ paggahetvāna, aṭṭhāsiṃ tāvade ahaṃ.

    ‘‘วุฎฺฐหิตฺวา สมาธิมฺหา, ปิยทสฺสี มหามุนิ;

    ‘‘Vuṭṭhahitvā samādhimhā, piyadassī mahāmuni;

    ทิสํ อนุวิโลเกโนฺต, นิสีทิ โลกนายโกฯ

    Disaṃ anuvilokento, nisīdi lokanāyako.

    ‘‘ตทา สุทสฺสโน นาม, อุปฎฺฐาโก มหิทฺธิโก;

    ‘‘Tadā sudassano nāma, upaṭṭhāko mahiddhiko;

    จิตฺตมญฺญาย พุทฺธสฺส, ปิยทสฺสิสฺส สตฺถุโนฯ

    Cittamaññāya buddhassa, piyadassissa satthuno.

    ‘‘อสีติยา สหเสฺสหิ, ภิกฺขูหิ ปริวาริโต;

    ‘‘Asītiyā sahassehi, bhikkhūhi parivārito;

    วนเนฺต สุขมาสีนํ, อุเปสิ โลกนายกํฯ

    Vanante sukhamāsīnaṃ, upesi lokanāyakaṃ.

    ‘‘ยาวตา วนสณฺฑมฺหิ, อธิวตฺถา จ เทวตา;

    ‘‘Yāvatā vanasaṇḍamhi, adhivatthā ca devatā;

    พุทฺธสฺส จิตฺตมญฺญาย, สเพฺพ สนฺนิปตุํ ตทาฯ

    Buddhassa cittamaññāya, sabbe sannipatuṃ tadā.

    ‘‘สมาคเตสุ ยเกฺขสุ, กุมฺภเณฺฑ สหรกฺขเส;

    ‘‘Samāgatesu yakkhesu, kumbhaṇḍe saharakkhase;

    ภิกฺขุสเงฺฆ จ สมฺปเตฺต, คาถา ปพฺยาหรี ชิโนฯ

    Bhikkhusaṅghe ca sampatte, gāthā pabyāharī jino.

    ‘‘โถมํ สตฺตาหํ ปูเชสิ, อาวาสญฺจ อกาสิ เม;

    ‘‘Thomaṃ sattāhaṃ pūjesi, āvāsañca akāsi me;

    ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโตฯ

    Tamahaṃ kittayissāmi, suṇātha mama bhāsato.

    ‘‘สุทุทฺทสํ สุนิปุณํ, คมฺภีรํ สุปฺปกาสิตํ;

    ‘‘Sududdasaṃ sunipuṇaṃ, gambhīraṃ suppakāsitaṃ;

    ญาเณน กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโตฯ

    Ñāṇena kittayissāmi, suṇātha mama bhāsato.

    ‘‘จตุทฺทสานิ กปฺปานิ, เทวรชฺชํ กริสฺสติ;

    ‘‘Catuddasāni kappāni, devarajjaṃ karissati;

    กูฎาคารํ มหนฺตสฺส, ปทฺมปุเปฺผหิ ฉาทิตํฯ

    Kūṭāgāraṃ mahantassa, padmapupphehi chāditaṃ.

    ‘‘อากาเส ธารยิสฺสติ, ปุปฺผกมฺมสฺสิทํ ผลํ;

    ‘‘Ākāse dhārayissati, pupphakammassidaṃ phalaṃ;

    จตุพฺพีเส กปฺปสเต, โวกิณฺณํ สํสริสฺสติฯ

    Catubbīse kappasate, vokiṇṇaṃ saṃsarissati.

    ‘‘ตตฺถ ปุปฺผมยํ พฺยมฺหํ, อากาเส ธารยิสฺสติ;

    ‘‘Tattha pupphamayaṃ byamhaṃ, ākāse dhārayissati;

    ยถา ปทุมปตฺตมฺหิ, โตยํ น อุปลิมฺปติฯ

    Yathā padumapattamhi, toyaṃ na upalimpati.

    ‘‘ตเถวีมสฺส ญาณมฺหิ, กิเลสา โนปลิมฺปเร;

    ‘‘Tathevīmassa ñāṇamhi, kilesā nopalimpare;

    มนสา วินิวเฎฺฎตฺวา, ปญฺจ นีวรเณ อยํฯ

    Manasā vinivaṭṭetvā, pañca nīvaraṇe ayaṃ.

    ‘‘จิตฺตํ ชเนตฺวา เนกฺขเมฺม, อคารา ปพฺพชิสฺสติ;

    ‘‘Cittaṃ janetvā nekkhamme, agārā pabbajissati;

    ตโต ปุปฺผมเย พฺยเมฺห, ธาเรเนฺต นิกฺขมิสฺสติฯ

    Tato pupphamaye byamhe, dhārente nikkhamissati.

    ‘‘รุกฺขมูเล วสนฺตสฺส, นิปกสฺส สตีมโต;

    ‘‘Rukkhamūle vasantassa, nipakassa satīmato;

    ตตฺถ ปุปฺผมยํ พฺยมฺหํ, มตฺถเก ธารยิสฺสติฯ

    Tattha pupphamayaṃ byamhaṃ, matthake dhārayissati.

    ‘‘จีวรํ ปิณฺฑปาตญฺจ, ปจฺจยํ สยนาสนํ;

    ‘‘Cīvaraṃ piṇḍapātañca, paccayaṃ sayanāsanaṃ;

    ทตฺวาน ภิกฺขุสงฺฆสฺส, นิพฺพายิสฺสตินาสโวฯ

    Datvāna bhikkhusaṅghassa, nibbāyissatināsavo.

    ‘‘กูฎาคาเรน จรตา, ปพฺพชฺชํ อภินิกฺขมิํ;

    ‘‘Kūṭāgārena caratā, pabbajjaṃ abhinikkhamiṃ;

    รุกฺขมูเล วสนฺตมฺปิ, กูฎาคารํ ธรียติฯ

    Rukkhamūle vasantampi, kūṭāgāraṃ dharīyati.

    ‘‘จีวเร ปิณฺฑปาเต จ, เจตนา เม น วิชฺชติ;

    ‘‘Cīvare piṇḍapāte ca, cetanā me na vijjati;

    ปุญฺญกเมฺมน สํยุโตฺต, ลภามิ ปรินิฎฺฐิตํฯ

    Puññakammena saṃyutto, labhāmi pariniṭṭhitaṃ.

    ‘‘คณนาโต อสเงฺขยฺยา, กปฺปโกฎี พหู มม;

    ‘‘Gaṇanāto asaṅkheyyā, kappakoṭī bahū mama;

    ริตฺตกา เต อติกฺกนฺตา, ปมุตฺตา โลกนายกาฯ

    Rittakā te atikkantā, pamuttā lokanāyakā.

    ‘‘อฎฺฐารเส กปฺปสเต, ปิยทสฺสี วินายโก;

    ‘‘Aṭṭhārase kappasate, piyadassī vināyako;

    ตมหํ ปยิรุปาสิตฺวา, อิมํ โยนิํ อุปาคโตฯ

    Tamahaṃ payirupāsitvā, imaṃ yoniṃ upāgato.

    ‘‘อิธ ปสฺสามิ สมฺพุทฺธํ, อโนมํ นาม จกฺขุมํ;

    ‘‘Idha passāmi sambuddhaṃ, anomaṃ nāma cakkhumaṃ;

    ตมหํ อุปคนฺตฺวาน, ปพฺพชิํ อนคาริยํฯ

    Tamahaṃ upagantvāna, pabbajiṃ anagāriyaṃ.

    ‘‘ทุกฺขสฺสนฺตกโร พุโทฺธ, มคฺคํ เม เทสยี ชิโน;

    ‘‘Dukkhassantakaro buddho, maggaṃ me desayī jino;

    ตสฺส ธมฺมํ สุณิตฺวาน, ปโตฺตมฺหิ อจลํ ปทํฯ

    Tassa dhammaṃ suṇitvāna, pattomhi acalaṃ padaṃ.

    ‘‘โตสยิตฺวาน สมฺพุทฺธํ, โคตมํ สกฺยปุงฺควํ;

    ‘‘Tosayitvāna sambuddhaṃ, gotamaṃ sakyapuṅgavaṃ;

    สพฺพาสเว ปริญฺญาย, วิหรามิ อนาสโวฯ

    Sabbāsave pariññāya, viharāmi anāsavo.

    ‘‘อฎฺฐารเส กปฺปสเต, ยํ พุทฺธมภิปูชยิํ;

    ‘‘Aṭṭhārase kappasate, yaṃ buddhamabhipūjayiṃ;

    ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํฯ

    Duggatiṃ nābhijānāmi, buddhapūjāyidaṃ phalaṃ.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฎิปตฺติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา สญฺชาตโสมนโสฺส อุทานวเสน –

    Arahattaṃ pana patvā attano paṭipattiṃ paccavekkhitvā sañjātasomanasso udānavasena –

    ๑๑๖.

    116.

    ‘‘ฉผสฺสายตเน หิตฺวา, คุตฺตทฺวาโร สุสํวุโต;

    ‘‘Chaphassāyatane hitvā, guttadvāro susaṃvuto;

    อฆมูลํ วมิตฺวาน, ปโตฺต เม อาสวกฺขโย’’ติฯ – คาถํ อภาสิ;

    Aghamūlaṃ vamitvāna, patto me āsavakkhayo’’ti. – gāthaṃ abhāsi;

    ตตฺถ ฉผสฺสายตเน หิตฺวาติ จกฺขุสมฺผสฺสาทีนํ ฉนฺนํ สมฺผสฺสานํ อุปฺปตฺติฎฺฐานตาย ‘‘ผสฺสายตนานี’’ติ ลทฺธนามานิ จกฺขาทีนิ ฉ อชฺฌตฺติกายตนานิ ตปฺปฎิพทฺธสํกิเลสปฺปหานวเสน ปหายฯ คุตฺตทฺวาโร สุสํวุโตติ ตโต เอว จกฺขุทฺวาราทีนํ คุตฺตตฺตา, ตตฺถ ปวตฺตนกานํ อภิชฺฌาทีนํ ปาปธมฺมานํ ปเวสนนิวารเณน สติกวาเฎน สุฎฺฎุ ปิหิตตฺตา คุตฺตทฺวาโร สุสํวุโตฯ อถ วา มนจฺฉฎฺฐานํ ฉนฺนํ ทฺวารานํ วุตฺตนเยน รกฺขิตตฺตา คุตฺตทฺวาโร, กายาทีหิ สุฎฺฐุ สญฺญตตฺตา สุสํวุโตติ เอวเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อฆมูลํ วมิตฺวานาติ อฆสฺส วฎฺฎทุกฺขสฺส มูลภูตํ อวิชฺชาภวตณฺหาสงฺขาตํ โทสํ, สพฺพํ วา กิเลสโทสํ อริยมคฺคสงฺขาตวมนโยคปาเนน อุคฺคิริตฺวา สนฺตานโต พหิ กตฺวา, พหิกรณเหตุ วาฯ ปโตฺต เม อาสวกฺขโยติ กามาสวาทโย อาสวา เอตฺถ ขียนฺติ, เตสํ วา ขเยน ปตฺตโพฺพติ อาสวกฺขโย, นิพฺพานํ อรหตฺตญฺจฯ โส อาสวกฺขโย ปโตฺต อธิคโตติ อุทานวเสน อญฺญํ พฺยากาสิฯ

    Tattha chaphassāyatane hitvāti cakkhusamphassādīnaṃ channaṃ samphassānaṃ uppattiṭṭhānatāya ‘‘phassāyatanānī’’ti laddhanāmāni cakkhādīni cha ajjhattikāyatanāni tappaṭibaddhasaṃkilesappahānavasena pahāya. Guttadvāro susaṃvutoti tato eva cakkhudvārādīnaṃ guttattā, tattha pavattanakānaṃ abhijjhādīnaṃ pāpadhammānaṃ pavesananivāraṇena satikavāṭena suṭṭu pihitattā guttadvāro susaṃvuto. Atha vā manacchaṭṭhānaṃ channaṃ dvārānaṃ vuttanayena rakkhitattā guttadvāro, kāyādīhi suṭṭhu saññatattā susaṃvutoti evamettha attho veditabbo. Aghamūlaṃ vamitvānāti aghassa vaṭṭadukkhassa mūlabhūtaṃ avijjābhavataṇhāsaṅkhātaṃ dosaṃ, sabbaṃ vā kilesadosaṃ ariyamaggasaṅkhātavamanayogapānena uggiritvā santānato bahi katvā, bahikaraṇahetu vā. Patto me āsavakkhayoti kāmāsavādayo āsavā ettha khīyanti, tesaṃ vā khayena pattabboti āsavakkhayo, nibbānaṃ arahattañca. So āsavakkhayo patto adhigatoti udānavasena aññaṃ byākāsi.

    ปาราปริยเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pārāpariyattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๖. ปาราปริยเตฺถรคาถา • 6. Pārāpariyattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact