Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๒. ปาราปริยเตฺถรคาถาวณฺณนา

    2. Pārāpariyattheragāthāvaṇṇanā

    สมณสฺส อหุ จินฺตาติอาทิกา อายสฺมโต ปาราปริยเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินิตฺวา สุคตีสุเยว สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ อญฺญตรสฺส พฺราหฺมณมหาสาลสฺส ปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ ตสฺส วยปฺปตฺตสฺส โคตฺตวเสน ปาราปริโยเตฺวว สมญฺญา อโหสิฯ โส ตโย เวเท อุคฺคเหตฺวา พฺราหฺมณสิเปฺปสุ นิปฺผตฺติํ คโตฯ เอกทิวสํ สตฺถุ ธมฺมเทสนากาเล เชตวนวิหารํ คนฺตฺวา ปริสปริยเนฺต นิสีทิฯ สตฺถา ตสฺส อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา อินฺทฺริยภาวนาสุตฺตํ (ม. นิ. ๓.๔๕๓) เทเสสิฯ โส ตํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิฯ ตํ สุตฺตํ อุคฺคเหตฺวา ตทตฺถมนุจิเนฺตสิฯ ยถา ปน อนุจิเนฺตสิ, สฺวายมโตฺถ คาถาสุ เอว อาวิ ภวิสฺสติฯ โส ตถา อนุวิจิเนฺตโนฺต อายตนมุเขน วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา นจิรเสฺสว อรหตฺตํ ปโตฺตฯ อปรภาเค อตฺตนา จินฺติตาการํ ปกาเสโนฺต –

    Samaṇassa ahu cintātiādikā āyasmato pārāpariyattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayaṃ kusalaṃ upacinitvā sugatīsuyeva saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde sāvatthiyaṃ aññatarassa brāhmaṇamahāsālassa putto hutvā nibbatti. Tassa vayappattassa gottavasena pārāpariyotveva samaññā ahosi. So tayo vede uggahetvā brāhmaṇasippesu nipphattiṃ gato. Ekadivasaṃ satthu dhammadesanākāle jetavanavihāraṃ gantvā parisapariyante nisīdi. Satthā tassa ajjhāsayaṃ oloketvā indriyabhāvanāsuttaṃ (ma. ni. 3.453) desesi. So taṃ sutvā paṭiladdhasaddho pabbaji. Taṃ suttaṃ uggahetvā tadatthamanucintesi. Yathā pana anucintesi, svāyamattho gāthāsu eva āvi bhavissati. So tathā anuvicintento āyatanamukhena vipassanaṃ paṭṭhapetvā nacirasseva arahattaṃ patto. Aparabhāge attanā cintitākāraṃ pakāsento –

    ๗๒๖.

    726.

    ‘‘สมณสฺส อหุ จินฺตา, ปาราปริยสฺส ภิกฺขุโน;

    ‘‘Samaṇassa ahu cintā, pārāpariyassa bhikkhuno;

    เอกกสฺส นิสินฺนสฺส, ปวิวิตฺตสฺส ฌายิโนฯ

    Ekakassa nisinnassa, pavivittassa jhāyino.

    ๗๒๗.

    727.

    ‘‘กิมานุปุพฺพํ ปุริโส, กิํ วตํ กิํ สมาจารํ;

    ‘‘Kimānupubbaṃ puriso, kiṃ vataṃ kiṃ samācāraṃ;

    อตฺตโน กิจฺจการีสฺส, น จ กญฺจิ วิเหฐเยฯ

    Attano kiccakārīssa, na ca kañci viheṭhaye.

    ๗๒๘.

    728.

    ‘‘อินฺทฺริยานิ มนุสฺสานํ, หิตาย อหิตาย จ;

    ‘‘Indriyāni manussānaṃ, hitāya ahitāya ca;

    อรกฺขิตานิ อหิตาย, รกฺขิตานิ หิตาย จฯ

    Arakkhitāni ahitāya, rakkhitāni hitāya ca.

    ๗๒๙.

    729.

    ‘‘อินฺทฺริยาเนว สารกฺขํ, อินฺทฺริยานิ จ โคปยํ;

    ‘‘Indriyāneva sārakkhaṃ, indriyāni ca gopayaṃ;

    อตฺตโน กิจฺจการีสฺส, น จ กญฺจิ วิเหฐเยฯ

    Attano kiccakārīssa, na ca kañci viheṭhaye.

    ๗๓๐.

    730.

    ‘‘จกฺขุนฺทฺริยํ เจ รูเปสุ, คจฺฉนฺตํ อนิวารยํ;

    ‘‘Cakkhundriyaṃ ce rūpesu, gacchantaṃ anivārayaṃ;

    อนาทีนวทสฺสาวี, โส ทุกฺขา น หิ มุจฺจติฯ

    Anādīnavadassāvī, so dukkhā na hi muccati.

    ๗๓๑.

    731.

    ‘‘โสตินฺทฺริยํ เจ สเทฺทสุ, คจฺฉนฺตํ อนิวารยํ;

    ‘‘Sotindriyaṃ ce saddesu, gacchantaṃ anivārayaṃ;

    อนาทีนวทสฺสาวี, โส ทุกฺขา น หิ มุจฺจติฯ

    Anādīnavadassāvī, so dukkhā na hi muccati.

    ๗๓๒.

    732.

    ‘‘อนิสฺสรณทสฺสาวี, คเนฺธ เจ ปฎิเสวติ;

    ‘‘Anissaraṇadassāvī, gandhe ce paṭisevati;

    น โส มุจฺจติ ทุกฺขมฺหา, คเนฺธสุ อธิมุจฺฉิโตฯ

    Na so muccati dukkhamhā, gandhesu adhimucchito.

    ๗๓๓.

    733.

    ‘‘อมฺพิลํ มธุรคฺคญฺจ, ติตฺตกคฺคมนุสฺสรํ;

    ‘‘Ambilaṃ madhuraggañca, tittakaggamanussaraṃ;

    รสตณฺหาย คธิโต, หทยํ นาวพุชฺฌติฯ

    Rasataṇhāya gadhito, hadayaṃ nāvabujjhati.

    ๗๓๔.

    734.

    ‘‘สุภานฺยปฺปฎิกูลานิ , โผฎฺฐพฺพานิ อนุสฺสรํ;

    ‘‘Subhānyappaṭikūlāni , phoṭṭhabbāni anussaraṃ;

    รโตฺต ราคาธิกรณํ, วิวิธํ วินฺทเต ทุขํฯ

    Ratto rāgādhikaraṇaṃ, vividhaṃ vindate dukhaṃ.

    ๗๓๕.

    735.

    ‘‘มนํ เจเตหิ ธเมฺมหิ, โย น สโกฺกติ รกฺขิตุํ;

    ‘‘Manaṃ cetehi dhammehi, yo na sakkoti rakkhituṃ;

    ตโต นํ ทุกฺขมเนฺวติ, สเพฺพเหเตหิ ปญฺจหิฯ

    Tato naṃ dukkhamanveti, sabbehetehi pañcahi.

    ๗๓๖.

    736.

    ‘‘ปุพฺพโลหิตสมฺปุณฺณํ, พหุสฺส กุณปสฺส จ;

    ‘‘Pubbalohitasampuṇṇaṃ, bahussa kuṇapassa ca;

    นรวีรกตํ วคฺคุํ, สมุคฺคมิว จิตฺติตํฯ

    Naravīrakataṃ vagguṃ, samuggamiva cittitaṃ.

    ๗๓๗.

    737.

    ‘‘กฎุกํ มธุรสฺสาทํ, ปิยนิพนฺธนํ ทุขํ;

    ‘‘Kaṭukaṃ madhurassādaṃ, piyanibandhanaṃ dukhaṃ;

    ขุรํว มธุนา ลิตฺตํ, อุลฺลิหํ นาวพุชฺฌติฯ

    Khuraṃva madhunā littaṃ, ullihaṃ nāvabujjhati.

    ๗๓๘.

    738.

    ‘‘อิตฺถิรูเป อิตฺถิสเร, โผฎฺฐเพฺพปิ จ อิตฺถิยา;

    ‘‘Itthirūpe itthisare, phoṭṭhabbepi ca itthiyā;

    อิตฺถิคเนฺธสุ สารโตฺต, วิวิธํ วินฺทเต ทุขํฯ

    Itthigandhesu sāratto, vividhaṃ vindate dukhaṃ.

    ๗๓๙.

    739.

    ‘‘อิตฺถิโสตานิ สพฺพานิ, สนฺทนฺติ ปญฺจ ปญฺจสุ;

    ‘‘Itthisotāni sabbāni, sandanti pañca pañcasu;

    เตสมาวรณํ กาตุํ, โย สโกฺกติ วีริยวาฯ

    Tesamāvaraṇaṃ kātuṃ, yo sakkoti vīriyavā.

    ๗๔๐.

    740.

    ‘‘โส อตฺถวา โส ธมฺมโฎฺฐ, โส ทโกฺข โส วิจกฺขโณ;

    ‘‘So atthavā so dhammaṭṭho, so dakkho so vicakkhaṇo;

    กเรยฺย รมมาโนปิ, กิจฺจํ ธมฺมตฺถสํหิตํฯ

    Kareyya ramamānopi, kiccaṃ dhammatthasaṃhitaṃ.

    ๗๔๑.

    741.

    ‘‘อโถ สีทติ สญฺญุตฺตํ, วเชฺช กิจฺจํ นิรตฺถกํ;

    ‘‘Atho sīdati saññuttaṃ, vajje kiccaṃ niratthakaṃ;

    น ตํ กิจฺจนฺติ มญฺญิตฺวา, อปฺปมโตฺต วิจกฺขโณฯ

    Na taṃ kiccanti maññitvā, appamatto vicakkhaṇo.

    ๗๔๒.

    742.

    ‘‘ยญฺจ อเตฺถน สญฺญุตฺตํ, ยา จ ธมฺมคตา รติ;

    ‘‘Yañca atthena saññuttaṃ, yā ca dhammagatā rati;

    ตํ สมาทาย วเตฺตถ, สา หิ เว อุตฺตมา รติฯ

    Taṃ samādāya vattetha, sā hi ve uttamā rati.

    ๗๔๓.

    743.

    ‘‘อุจฺจาวเจหุปาเยหิ, ปเรสมภิชิคีสติ;

    ‘‘Uccāvacehupāyehi, paresamabhijigīsati;

    หนฺตฺวา วธิตฺวา อถ โสจยิตฺวา, อาโลปติ สาหสา โย ปเรสํฯ

    Hantvā vadhitvā atha socayitvā, ālopati sāhasā yo paresaṃ.

    ๗๔๔.

    744.

    ‘‘ตจฺฉโนฺต อาณิยา อาณิํ, นิหนฺติ พลวา ยถา;

    ‘‘Tacchanto āṇiyā āṇiṃ, nihanti balavā yathā;

    อินฺทฺริยานินฺทฺริเยเหว, นิหนฺติ กุสโล ตถาฯ

    Indriyānindriyeheva, nihanti kusalo tathā.

    ๗๔๕.

    745.

    ‘‘สทฺธํ วีริยํ สมาธิญฺจ, สติปญฺญญฺจ ภาวยํ;

    ‘‘Saddhaṃ vīriyaṃ samādhiñca, satipaññañca bhāvayaṃ;

    ปญฺจ ปญฺจหิ หนฺตฺวาน, อนีโฆ ยาติ พฺราหฺมโณฯ

    Pañca pañcahi hantvāna, anīgho yāti brāhmaṇo.

    ๗๔๖.

    746.

    ‘‘โส อตฺถวา โส ธมฺมโฎฺฐ, กตฺวา วากฺยานุสาสนิํ;

    ‘‘So atthavā so dhammaṭṭho, katvā vākyānusāsaniṃ;

    สเพฺพน สพฺพํ พุทฺธสฺส, โส นโร สุขเมธตี’’ติฯ – อิมา คาถา อภาสิ;

    Sabbena sabbaṃ buddhassa, so naro sukhamedhatī’’ti. – imā gāthā abhāsi;

    ตตฺถ สมณสฺสาติ ปพฺพชิตสฺสฯ อหูติ อโหสิฯ จินฺตาติ ธมฺมจินฺตา ธมฺมวิจารณาฯ ปาราปริยสฺสาติ ปาราปรโคตฺตสฺสฯ ‘‘ปาราจริยสฺสา’’ติปิ ปฐนฺติฯ ภิกฺขุโนติ สํสาเร ภยํ อิกฺขนสีลสฺสฯ เอกกสฺสาติ อสหายสฺส, เอเตน กายวิเวกํ ทเสฺสติฯ ปวิวิตฺตสฺสาติ ปวิเวกเหตุนา กิเลสานํ วิกฺขมฺภเนน วิเวกํ อารทฺธสฺส, เอเตน จิตฺตวิเวกํ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘ฌายิโน’’ติฯ ฌายิโนติ ฌายนสีลสฺส, โยนิโสมนสิกาเรสุ ยุตฺตสฺสาติ อโตฺถฯ สพฺพเมตํ เถโร อตฺตานํ ปรํ วิย กตฺวา วทติฯ

    Tattha samaṇassāti pabbajitassa. Ahūti ahosi. Cintāti dhammacintā dhammavicāraṇā. Pārāpariyassāti pārāparagottassa. ‘‘Pārācariyassā’’tipi paṭhanti. Bhikkhunoti saṃsāre bhayaṃ ikkhanasīlassa. Ekakassāti asahāyassa, etena kāyavivekaṃ dasseti. Pavivittassāti pavivekahetunā kilesānaṃ vikkhambhanena vivekaṃ āraddhassa, etena cittavivekaṃ dasseti. Tenāha ‘‘jhāyino’’ti. Jhāyinoti jhāyanasīlassa, yonisomanasikāresu yuttassāti attho. Sabbametaṃ thero attānaṃ paraṃ viya katvā vadati.

    ‘‘กิมานุปุพฺพ’’นฺติอาทินา ตํ จินฺตนํ ทเสฺสติฯ ตตฺถ ปฐมคาถายํ ตาว กิมานุปุพฺพนฺติ อนุปุพฺพํ อนุกฺกโม, อนุปุพฺพเมว วกฺขมาเนสุ วตสมาจาเรสุ โก อนุกฺกโม, เกน อนุกฺกเมน เต ปฎิปชฺชิตพฺพาติ อโตฺถฯ ปุริโส กิํ วตํ กิํ สมาจารนฺติ อตฺถกาโม ปุริโส สมาทิยิตพฺพเฎฺฐน ‘‘วต’’นฺติ ลทฺธนามํ, กีทิสํ สีลํ สมาจารํ, สมาจรโนฺต, อตฺตโน กิจฺจการี กตฺตพฺพการี อสฺส, กญฺจิ สตฺตํ น จ วิเหฐเย, น พาเธยฺยาติ อโตฺถฯ อตฺตโน กิจฺจํ นาม สมณธโมฺม, สเงฺขปโต สีลสมาธิปญฺญา, ตํ สมฺปาเทนฺตสฺส ปรวิเหฐนาย เลโสปิ นตฺถิ ตาย สติ สมณภาวเสฺสว อภาวโตฯ

    ‘‘Kimānupubba’’ntiādinā taṃ cintanaṃ dasseti. Tattha paṭhamagāthāyaṃ tāva kimānupubbanti anupubbaṃ anukkamo, anupubbameva vakkhamānesu vatasamācāresu ko anukkamo, kena anukkamena te paṭipajjitabbāti attho. Puriso kiṃ vataṃ kiṃ samācāranti atthakāmo puriso samādiyitabbaṭṭhena ‘‘vata’’nti laddhanāmaṃ, kīdisaṃ sīlaṃ samācāraṃ, samācaranto, attano kiccakārī kattabbakārī assa, kañci sattaṃ na ca viheṭhaye, na bādheyyāti attho. Attano kiccaṃ nāma samaṇadhammo, saṅkhepato sīlasamādhipaññā, taṃ sampādentassa paraviheṭhanāya lesopi natthi tāya sati samaṇabhāvasseva abhāvato.

    ยถาห ภควา – ‘‘น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี, น สมโณ โหติ ปรํ วิเหฐยโนฺต’’ติ (ธ. ป. ๑๘๔)ฯ เอตฺถ จ วตคฺคหเณน วาริตฺตสีลํ คหิตํ, สมาจารคฺคหเณน สมาจริตพฺพโต จาริตฺตสีเลน สทฺธิํ ฌานวิปสฺสนาทิ, ตสฺมา วาริตฺตสีลํ ปธานํฯ ตตฺถาปิ จ ยสฺมา อินฺทฺริยสํวเร สิเทฺธ สพฺพํ สีลํ สุรกฺขิตํ, สุโคปิตเมว โหติ, ตสฺมา อินฺทฺริยสํวรสีลํ ตาว ทเสฺสตุกาโม อินฺทฺริยานํ อรกฺขเณ รกฺขเณ จ อาทีนวานิสํเส วิภาเวโนฺต ‘‘อินฺทฺริยานิ มนุสฺสาน’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ อินฺทฺริยานีติ รกฺขิตพฺพธมฺมนิทสฺสนํ, ตสฺมา จกฺขาทีนิ ฉ อินฺทฺริยานีติ วุตฺตํ โหติฯ มนุสฺสานนฺติ รกฺขณโยคฺยปุคฺคลนิทสฺสนํฯ หิตายาติ อตฺถายฯ อหิตายาติ อนตฺถายฯ โหนฺตีติ วจนเสโสฯ กถํ ปน ตานิเยว หิตาย จ อหิตาย โหนฺตีติ อาห ‘‘รกฺขิตานี’’ติอาทิฯ ตสฺสโตฺถ – ยสฺส จกฺขาทีนิ อินฺทฺริยานิ สติกวาเฎน อปิหิตานิ, ตสฺส รูปาทีสุ อภิชฺฌาทิปาปธมฺมปวตฺติยา ทฺวารภาวโต อนตฺถาย ปิหิตานิ, ตทภาวโต อตฺถาย สํวตฺตนฺตีติฯ

    Yathāha bhagavā – ‘‘na hi pabbajito parūpaghātī, na samaṇo hoti paraṃ viheṭhayanto’’ti (dha. pa. 184). Ettha ca vataggahaṇena vārittasīlaṃ gahitaṃ, samācāraggahaṇena samācaritabbato cārittasīlena saddhiṃ jhānavipassanādi, tasmā vārittasīlaṃ padhānaṃ. Tatthāpi ca yasmā indriyasaṃvare siddhe sabbaṃ sīlaṃ surakkhitaṃ, sugopitameva hoti, tasmā indriyasaṃvarasīlaṃ tāva dassetukāmo indriyānaṃ arakkhaṇe rakkhaṇe ca ādīnavānisaṃse vibhāvento ‘‘indriyāni manussāna’’ntiādimāha. Tattha indriyānīti rakkhitabbadhammanidassanaṃ, tasmā cakkhādīni cha indriyānīti vuttaṃ hoti. Manussānanti rakkhaṇayogyapuggalanidassanaṃ. Hitāyāti atthāya. Ahitāyāti anatthāya. Hontīti vacanaseso. Kathaṃ pana tāniyeva hitāya ca ahitāya hontīti āha ‘‘rakkhitānī’’tiādi. Tassattho – yassa cakkhādīni indriyāni satikavāṭena apihitāni, tassa rūpādīsu abhijjhādipāpadhammapavattiyā dvārabhāvato anatthāya pihitāni, tadabhāvato atthāya saṃvattantīti.

    อินฺทฺริยาเนว สารกฺขนฺติ ยสฺมา อินฺทฺริยสํวโร ปริปุโณฺณ สีลสมฺปทํ ปริปูเรติ, สีลสมฺปทา ปริปุณฺณา สมาธิสมฺปทํ ปริปูเรติ, สมาธิสมฺปทา ปริปุณฺณา ปญฺญาสมฺปทํ ปริปูเรติ, ตสฺมา อินฺทฺริยารกฺขา อตฺตหิตปฎิปตฺติยาว มูลนฺติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อินฺทฺริยาเนว สารกฺข’’นฺติฯ สติปุพฺพงฺคเมน อารเกฺขน สํรกฺขโนฺต โยนิโสมนสิกาเรน อินฺทฺริยานิ เอว ตาว สมฺมเทว รกฺขโนฺต, ยถา อกุสลโจรา เตหิ เตหิ ทฺวาเรหิ ปวิสิตฺวา จิตฺตสนฺตาเน กุสลํ ภณฺฑํ น วิลุมฺปนฺติ, ตถา ตานิ ปิทหโนฺตติ อโตฺถฯ สารกฺขนฺติ จ สํ-สทฺทสฺส สาภาวํ กตฺวา วุตฺตํ, ‘‘สาราโค’’ติอาทีสุ วิยฯ ‘‘สํรกฺข’’นฺติ จ ปาโฐฯ อินฺทฺริยานิ จ โคปยนฺติ ตเสฺสว ปริยายวจนํ, ปริยายวจเน ปโยชนํ เนตฺติอฎฺฐกถายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ ‘‘อตฺตโน กิจฺจการีสฺสา’’ติ อิมินา อตฺตหิตปฎิปตฺติํ ทเสฺสติ, ‘‘น จ กญฺจิ วิเหฐเย’’ติ อิมินา ปรหิตปฎิปตฺติํ, อุภเยนาปิ วา อตฺตหิตปฎิปตฺติเมว ทเสฺสติ ปราวิเหฐนสฺสาปิ อตฺตหิตปฎิปตฺติภาวโตฯ อถ วา ปททฺวเยนปิ อตฺตหิตปฎิปตฺติํ ทเสฺสติ ปุถุชฺชนสฺส เสกฺขสฺส จ ปรหิตปฎิปตฺติยาปิ อตฺตหิตปฎิปตฺติภาวโตฯ

    Indriyānevasārakkhanti yasmā indriyasaṃvaro paripuṇṇo sīlasampadaṃ paripūreti, sīlasampadā paripuṇṇā samādhisampadaṃ paripūreti, samādhisampadā paripuṇṇā paññāsampadaṃ paripūreti, tasmā indriyārakkhā attahitapaṭipattiyāva mūlanti dassento āha ‘‘indriyāneva sārakkha’’nti. Satipubbaṅgamena ārakkhena saṃrakkhanto yonisomanasikārena indriyāni eva tāva sammadeva rakkhanto, yathā akusalacorā tehi tehi dvārehi pavisitvā cittasantāne kusalaṃ bhaṇḍaṃ na vilumpanti, tathā tāni pidahantoti attho. Sārakkhanti ca saṃ-saddassa sābhāvaṃ katvā vuttaṃ, ‘‘sārāgo’’tiādīsu viya. ‘‘Saṃrakkha’’nti ca pāṭho. Indriyāni ca gopayanti tasseva pariyāyavacanaṃ, pariyāyavacane payojanaṃ nettiaṭṭhakathāyaṃ vuttanayeneva veditabbaṃ. ‘‘Attano kiccakārīssā’’ti iminā attahitapaṭipattiṃ dasseti, ‘‘na ca kañci viheṭhaye’’ti iminā parahitapaṭipattiṃ, ubhayenāpi vā attahitapaṭipattimeva dasseti parāviheṭhanassāpi attahitapaṭipattibhāvato. Atha vā padadvayenapi attahitapaṭipattiṃ dasseti puthujjanassa sekkhassa ca parahitapaṭipattiyāpi attahitapaṭipattibhāvato.

    เอวํ รกฺขิตานิ อินฺทฺริยานิ หิตาย โหนฺตีติ โวทานปกฺขํ สเงฺขเปเนว ทเสฺสตฺวา, อรกฺขิตานิ อหิตาย โหนฺตีติ สํกิเลสปกฺขํ ปน วิภชิตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘จกฺขุนฺทฺริยํ เจ’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ จกฺขุนฺทฺริยํ เจ รูเปสุ, คจฺฉนฺตํ อนิวารยํฯ อนาทีนวทสฺสาวีติ โย นีลปีตาทิเภเทสุ อิฎฺฐานิเฎฺฐสุ รูปายตเนสุ คจฺฉนฺตํ ยถารุจิ ปวตฺตนฺตํ จกฺขุนฺทฺริยํ อนิวารยํ, อนิวารยโนฺต อปฺปฎิพาหโนฺต ตถาปวตฺติยํ อาทีนวทสฺสาวี น โหติ เจ, ทิฎฺฐธมฺมิกํ สมฺปรายิกญฺจ อาทีนวํ โทสํ น ปสฺสติ เจ ฯ ‘‘คจฺฉนฺตํ นิวารเย อนิสฺสรณทสฺสาวี’’ติ จ ปาโฐฯ ตตฺถ โย ‘‘ทิเฎฺฐ ทิฎฺฐมตฺตํ ภวิสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๙๕) วุตฺตวิธินา ทิฎฺฐมเตฺตเยว ฐตฺวา สติสมฺปชญฺญวเสน รูปายตเน ปวตฺตมาโน ตตฺถ นิสฺสรณทสฺสาวี นามฯ วุตฺตวิปริยาเยน อนิสฺสรณทสฺสาวี ทฎฺฐโพฺพฯ โส ทุกฺขา น หิ มุจฺจตีติ โส เอวรูโป ปุคฺคโล วฎฺฎทุกฺขโต น มุจฺจเตวฯ เอตฺถ จ จกฺขุนฺทฺริยสฺส อนิวารณํ นาม ยถา เตน ทฺวาเรน อภิชฺฌาทโย ปาปธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ, ตถา ปวตฺตนํ, ตํ ปน อตฺถโต สติสมฺปชญฺญสฺส อนุฎฺฐาปนํ ทฎฺฐพฺพํฯ เสสินฺทฺริเยสุปิ เอเสว นโยฯ อธิมุจฺฉิโตติ อธิมุตฺตตณฺหาย มุจฺฉํ อาปโนฺนฯ อมฺพิลนฺติ อมฺพิลรสํฯ มธุรคฺคนฺติ มธุรรสโกฎฺฐาสํฯ ตถา ติตฺตกคฺคํฯ อนุสฺสรนฺติ อสฺสาทวเสน ตํ ตํ รสํ อนุวิจิเนฺตโนฺตฯ คนฺถิโตติ รสตณฺหาย ตสฺมิํ ตสฺมิํ รเส คนฺถิโต พโนฺธฯ ‘‘คธิโต’’ติ จ ปฐนฺติ, เคธํ อาปโนฺนติ อโตฺถฯ หทยํ นาวพุชฺฌตีติ ‘‘ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสามี’’ติ ปพฺพชฺชาทิกฺขเณ อุปฺปนฺนํ จิตฺตํ น ชานาติ น สลฺลเกฺขติ , สาสนสฺส หทยํ อพฺภนฺตรํ อนวชฺชธมฺมานํ สมฺมทฺทนรสตณฺหาย คธิโต นาวพุชฺฌติ น ชานาติ, น ปฎิปชฺชตีติ อโตฺถฯ

    Evaṃ rakkhitāni indriyāni hitāya hontīti vodānapakkhaṃ saṅkhepeneva dassetvā, arakkhitāni ahitāya hontīti saṃkilesapakkhaṃ pana vibhajitvā dassento ‘‘cakkhundriyaṃ ce’’tiādimāha. Tattha cakkhundriyaṃ ce rūpesu, gacchantaṃ anivārayaṃ. Anādīnavadassāvīti yo nīlapītādibhedesu iṭṭhāniṭṭhesu rūpāyatanesu gacchantaṃ yathāruci pavattantaṃ cakkhundriyaṃ anivārayaṃ, anivārayanto appaṭibāhanto tathāpavattiyaṃ ādīnavadassāvī na hoti ce, diṭṭhadhammikaṃ samparāyikañca ādīnavaṃ dosaṃ na passati ce . ‘‘Gacchantaṃ nivāraye anissaraṇadassāvī’’ti ca pāṭho. Tattha yo ‘‘diṭṭhe diṭṭhamattaṃ bhavissatī’’ti (saṃ. ni. 4.95) vuttavidhinā diṭṭhamatteyeva ṭhatvā satisampajaññavasena rūpāyatane pavattamāno tattha nissaraṇadassāvī nāma. Vuttavipariyāyena anissaraṇadassāvī daṭṭhabbo. So dukkhā na hi muccatīti so evarūpo puggalo vaṭṭadukkhato na muccateva. Ettha ca cakkhundriyassa anivāraṇaṃ nāma yathā tena dvārena abhijjhādayo pāpadhammā anvāssaveyyuṃ, tathā pavattanaṃ, taṃ pana atthato satisampajaññassa anuṭṭhāpanaṃ daṭṭhabbaṃ. Sesindriyesupi eseva nayo. Adhimucchitoti adhimuttataṇhāya mucchaṃ āpanno. Ambilanti ambilarasaṃ. Madhuragganti madhurarasakoṭṭhāsaṃ. Tathā tittakaggaṃ. Anussaranti assādavasena taṃ taṃ rasaṃ anuvicintento. Ganthitoti rasataṇhāya tasmiṃ tasmiṃ rase ganthito bandho. ‘‘Gadhito’’ti ca paṭhanti, gedhaṃ āpannoti attho. Hadayaṃ nāvabujjhatīti ‘‘dukkhassantaṃ karissāmī’’ti pabbajjādikkhaṇe uppannaṃ cittaṃ na jānāti na sallakkheti , sāsanassa hadayaṃ abbhantaraṃ anavajjadhammānaṃ sammaddanarasataṇhāya gadhito nāvabujjhati na jānāti, na paṭipajjatīti attho.

    สุภานีติ สุนฺทรานิฯ อปฺปฎิกูลานีติ มโนรมานิ, อิฎฺฐานิฯ โผฎฺฐพฺพานีติ อุปาทิณฺณานุปาทิณฺณปฺปเภเท ผเสฺสฯ รโตฺตติ รชฺชนสภาเวน ราเคน รโตฺตฯ ราคาธิกรณนฺติ ราคเหตุฯ วิวิธํ วินฺทเต ทุขนฺติ ราคปริฬาหาทิวเสน ทิฎฺฐธมฺมิกญฺจ นิรยสนฺตาปาทิวเสน อภิสมฺปรายญฺจ นานปฺปการํ ทุกฺขํ ปฎิลภติฯ

    Subhānīti sundarāni. Appaṭikūlānīti manoramāni, iṭṭhāni. Phoṭṭhabbānīti upādiṇṇānupādiṇṇappabhede phasse. Rattoti rajjanasabhāvena rāgena ratto. Rāgādhikaraṇanti rāgahetu. Vividhaṃ vindate dukhanti rāgapariḷāhādivasena diṭṭhadhammikañca nirayasantāpādivasena abhisamparāyañca nānappakāraṃ dukkhaṃ paṭilabhati.

    มนํ เจเตหีติ มนญฺจ เอเตหิ รูปารมฺมณาทีหิ ธมฺมารมฺมณปฺปเภเทหิ จฯ นฺติ ปุคฺคลํฯ สเพฺพหีติ สเพฺพหิ ปญฺจหิปิฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย ปุคฺคโล มนํ, มโนทฺวารํ, เอเตหิ ยถาวุเตฺตหิ รูปาทีหิ ปญฺจหิ ธเมฺมหิ ธมฺมารมฺมณปฺปเภทโต จฯ ตตฺถ ปวตฺตนกปาปกมฺมนิวารเณน รกฺขิตุํ, โคปิตุํ น สโกฺกติ, ตโต ตสฺส อรกฺขณโต นํ ปุคฺคลํ ตํนิมิตฺตํ ทุกฺขํ อเนฺวติ, อนุคจฺฉติ, อนุคจฺฉนฺตญฺจ เอเตหิ ปญฺจหิปิ รูปารมฺมณาทีหิ ฉฎฺฐารมฺมเณน สทฺธิํ สเพฺพหิปิ อารมฺมณปฺปจฺจยภูเตหิ อนุคจฺฉตีติฯ เอตฺถ จกฺขุนฺทฺริยํ, โสตินฺทฺริยญฺจ อสมฺปตฺตคฺคาหิภาวโต ‘‘คจฺฉนฺตํ อนิวารย’’นฺติ วุตฺตํ อิตรํ สมฺปตฺตคฺคาหีติ ‘‘คเนฺธ เจ ปฎิเสวตี’’ติอาทินา วุตฺตํฯ ตตฺถาปิ จ รสตณฺหา จ โผฎฺฐพฺพตณฺหา จ สตฺตานํ วิเสสโต พลวตีติ ‘‘รสตณฺหาย คธิโต, โผฎฺฐพฺพานิ อนุสฺสรโนฺตติ’’ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Manaṃ cetehīti manañca etehi rūpārammaṇādīhi dhammārammaṇappabhedehi ca. Nanti puggalaṃ. Sabbehīti sabbehi pañcahipi. Idaṃ vuttaṃ hoti – yo puggalo manaṃ, manodvāraṃ, etehi yathāvuttehi rūpādīhi pañcahi dhammehi dhammārammaṇappabhedato ca. Tattha pavattanakapāpakammanivāraṇena rakkhituṃ, gopituṃ na sakkoti, tato tassa arakkhaṇato naṃ puggalaṃ taṃnimittaṃ dukkhaṃ anveti, anugacchati, anugacchantañca etehi pañcahipi rūpārammaṇādīhi chaṭṭhārammaṇena saddhiṃ sabbehipi ārammaṇappaccayabhūtehi anugacchatīti. Ettha cakkhundriyaṃ, sotindriyañca asampattaggāhibhāvato ‘‘gacchantaṃ anivāraya’’nti vuttaṃ itaraṃ sampattaggāhīti ‘‘gandhe ce paṭisevatī’’tiādinā vuttaṃ. Tatthāpi ca rasataṇhā ca phoṭṭhabbataṇhā ca sattānaṃ visesato balavatīti ‘‘rasataṇhāya gadhito, phoṭṭhabbāni anussarantoti’’ vuttanti daṭṭhabbaṃ.

    เอวํ อคุตฺตทฺวารสฺส ปุคฺคลสฺส ฉหิ ทฺวาเรหิ ฉสุปิ อารมฺมเณสุ อสํวรนิมิตฺตํ อุปฺปชฺชนกทุกฺขํ ทเสฺสตฺวา สฺวายมสํวโร ยสฺมา สรีรสภาวานวโพเธน โหติ, ตสฺมา สรีรสภาวํ วิจินโนฺต ‘‘ปุพฺพโลหิตสมฺปุณฺณ’’นฺติอาทินา คาถาทฺวยมาหฯ ตสฺสโตฺถ – สรีรํ นาเมตํ ปุเพฺพน โลหิเตน จ สมฺปุณฺณํ ภริตํ อเญฺญน จ ปิตฺตเสมฺหาทินา พหุนา กุณเปน, ตยิทํ นรวีเรน นเรสุ เฉเกน สิปฺปาจริเยน กตํ วคฺคุ มฎฺฐํ ลาขาปริกมฺมาทินา จิตฺติตํ, อโนฺต ปน คูถาทิอสุจิภริตํ สมุคฺคํ วิย ฉวิมตฺตมโนหรํ พาลชนสโมฺมหํ ทุกฺขสภาวตาย นิรยาทิทุกฺขตาปนโต จ กฎุกํ, ปริกปฺปสมฺภเวน อมูลเกน อสฺสาทมเตฺตน มธุรตาย มธุรสฺสาทํ, ตโต เอว ปิยภาวนิพนฺธเนน ปิยนิพนฺธนํ, ทุสฺสหตาย อปฺปตีตตาย จ ทุขํ, อีทิเส สรีเร อสฺสาทโลเภน มหาทุกฺขํ ปจฺจนุภุยฺยมานํ อนวพุชฺฌโนฺต โลโก มธุรคิโทฺธ ขุรธาราเลหกปุริโส วิย ทฎฺฐโพฺพติฯ

    Evaṃ aguttadvārassa puggalassa chahi dvārehi chasupi ārammaṇesu asaṃvaranimittaṃ uppajjanakadukkhaṃ dassetvā svāyamasaṃvaro yasmā sarīrasabhāvānavabodhena hoti, tasmā sarīrasabhāvaṃ vicinanto ‘‘pubbalohitasampuṇṇa’’ntiādinā gāthādvayamāha. Tassattho – sarīraṃ nāmetaṃ pubbena lohitena ca sampuṇṇaṃ bharitaṃ aññena ca pittasemhādinā bahunā kuṇapena, tayidaṃ naravīrena naresu chekena sippācariyena kataṃ vaggu maṭṭhaṃ lākhāparikammādinā cittitaṃ, anto pana gūthādiasucibharitaṃ samuggaṃ viya chavimattamanoharaṃ bālajanasammohaṃ dukkhasabhāvatāya nirayādidukkhatāpanato ca kaṭukaṃ, parikappasambhavena amūlakena assādamattena madhuratāya madhurassādaṃ, tato eva piyabhāvanibandhanena piyanibandhanaṃ, dussahatāya appatītatāya ca dukhaṃ, īdise sarīre assādalobhena mahādukkhaṃ paccanubhuyyamānaṃ anavabujjhanto loko madhuragiddho khuradhārālehakapuriso viya daṭṭhabboti.

    อิทานิ เอเต จกฺขาทีนํ โคจรภูตา รูปาทโย วุตฺตา, เต วิเสสโต ปุริสสฺส อิตฺถิปฎิพทฺธา กมนียาติ ตตฺถ สํวโร กาตโพฺพติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิตฺถิรูเป’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อิตฺถิรูเปติ อิตฺถิยา จตุสมุฎฺฐานิกรูปายตนสงฺขาเต วเณฺณฯ อปิ จ โย โกจิ อิตฺถิยา นิวตฺถสฺส อลงฺการสฺส วา คนฺธวณฺณกาทีนํ วา ปิฬนฺธนมาลานํ วา กายปฎิพโทฺธ วโณฺณ ปุริสสฺส จกฺขุวิญฺญาณสฺส อารมฺมณภาวาย อุปกปฺปติ, สพฺพเมตํ ‘‘อิตฺถิรูป’’เนฺตฺวว เวทิตพฺพํฯ อิตฺถิสเรติ อิตฺถิยา คีตลปิตหสิตรุทิตสเทฺทฯ อปิ จ อิตฺถิยา นิวตฺถวตฺถสฺสปิ อลงฺกตอลงฺการสฺสปิ อิตฺถิปโยคนิปฺผาทิตา เวณุวีณาสงฺขปณวาทีนมฺปิ สทฺทา อิธ อิตฺถิสรคฺคหเณน คหิตาติ เวทิตพฺพาฯ สโพฺพเปโส ปุริสสฺส จิตฺตํ อากฑฺฒตีติฯ ‘‘อิตฺถิรเส’’ติ ปน ปาฬิยา จตุสมุฎฺฐานิกรสายตนวเสน วุตฺตํฯ อิตฺถิยา กิํการปฎิสฺสาวิตาทิวเสน อสฺสวรโส เจว ปริโภครโส จ อิตฺถิรโสติ เอเกฯ โย ปน อิตฺถิยา โอฎฺฐมํสสมฺมกฺขิตเขฬาทิรโส, โย จ ตาย ปุริสสฺส ทินฺนยาคุภตฺตาทีนํ รโส, สโพฺพเปโส ‘‘อิตฺถิรโส’’เตฺวว เวทิตโพฺพฯ โผฎฺฐเพฺพปิ จ อิตฺถิยา กายสมฺผโสฺส, อิตฺถิสรีรารูฬฺหานํ วตฺถาลงฺการมาลาทีนํ ผโสฺส ‘‘อิตฺถิโผฎฺฐโพฺพ’’เตฺวว เวทิตโพฺพฯ เอตฺถ จ เยสํ อิตฺถิรูเป อิตฺถิสเรติ ปาฬิ, เตสํ อปิ-สเทฺทน อิตฺถิรสสงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ อิตฺถิคเนฺธสูติ อิตฺถิยา จตุสมุฎฺฐานิกคนฺธายตเนสุฯ อิตฺถิยา สรีรคโนฺธ นาม ทุคฺคโนฺธฯ เอกจฺจา หิ อิตฺถี อสฺสคนฺธินี โหติ, เอกจฺจา เมณฺฑคนฺธินี, เอกจฺจา เสทคนฺธินี, เอกจฺจา โสณิตคนฺธินี, ตถาปิ ตาสุ อนฺธพาโล รชฺชเตวฯ จกฺกวตฺติโน ปน อิตฺถิรตนสฺส กายโต จนฺทนคโนฺธ วายติ, มุขโต อุปฺปลคโนฺธ, อยํ น สพฺพาสํ โหตีติ, อิตฺถิยา สรีเร อารูโฬฺห อาคนฺตุโก อนุลิมฺปนาทิคโนฺธ ‘‘อิตฺถิคโนฺธ’’ติ เวทิตโพฺพฯ สารโตฺตติ สุฎฺฐุ รโตฺต คธิโต มุจฺฉิโต, อิทํ ปน ปทํ ‘‘อิตฺถิรูเป’’ติอาทีสุปิ โยเชตพฺพํฯ วิวิธํ วินฺทเต ทุขนฺติ อิตฺถิรูปาทีสุ สราคนิมิตฺตํ ทิฎฺฐธมฺมิกํ วธพนฺธนาทิวเสน สมฺปรายิกํ ปญฺจวิธพนฺธนาทิวเสน นานปฺปการํ ทุกฺขํ ปฎิลภติฯ

    Idāni ete cakkhādīnaṃ gocarabhūtā rūpādayo vuttā, te visesato purisassa itthipaṭibaddhā kamanīyāti tattha saṃvaro kātabboti dassento ‘‘itthirūpe’’tiādimāha. Tattha itthirūpeti itthiyā catusamuṭṭhānikarūpāyatanasaṅkhāte vaṇṇe. Api ca yo koci itthiyā nivatthassa alaṅkārassa vā gandhavaṇṇakādīnaṃ vā piḷandhanamālānaṃ vā kāyapaṭibaddho vaṇṇo purisassa cakkhuviññāṇassa ārammaṇabhāvāya upakappati, sabbametaṃ ‘‘itthirūpa’’ntveva veditabbaṃ. Itthisareti itthiyā gītalapitahasitaruditasadde. Api ca itthiyā nivatthavatthassapi alaṅkataalaṅkārassapi itthipayoganipphāditā veṇuvīṇāsaṅkhapaṇavādīnampi saddā idha itthisaraggahaṇena gahitāti veditabbā. Sabbopeso purisassa cittaṃ ākaḍḍhatīti. ‘‘Itthirase’’ti pana pāḷiyā catusamuṭṭhānikarasāyatanavasena vuttaṃ. Itthiyā kiṃkārapaṭissāvitādivasena assavaraso ceva paribhogaraso ca itthirasoti eke. Yo pana itthiyā oṭṭhamaṃsasammakkhitakheḷādiraso, yo ca tāya purisassa dinnayāgubhattādīnaṃ raso, sabbopeso ‘‘itthiraso’’tveva veditabbo. Phoṭṭhabbepi ca itthiyā kāyasamphasso, itthisarīrārūḷhānaṃ vatthālaṅkāramālādīnaṃ phasso ‘‘itthiphoṭṭhabbo’’tveva veditabbo. Ettha ca yesaṃ itthirūpe itthisareti pāḷi, tesaṃ api-saddena itthirasasaṅgaho daṭṭhabbo. Itthigandhesūti itthiyā catusamuṭṭhānikagandhāyatanesu. Itthiyā sarīragandho nāma duggandho. Ekaccā hi itthī assagandhinī hoti, ekaccā meṇḍagandhinī, ekaccā sedagandhinī, ekaccā soṇitagandhinī, tathāpi tāsu andhabālo rajjateva. Cakkavattino pana itthiratanassa kāyato candanagandho vāyati, mukhato uppalagandho, ayaṃ na sabbāsaṃ hotīti, itthiyā sarīre ārūḷho āgantuko anulimpanādigandho ‘‘itthigandho’’ti veditabbo. Sārattoti suṭṭhu ratto gadhito mucchito, idaṃ pana padaṃ ‘‘itthirūpe’’tiādīsupi yojetabbaṃ. Vividhaṃ vindate dukhanti itthirūpādīsu sarāganimittaṃ diṭṭhadhammikaṃ vadhabandhanādivasena samparāyikaṃ pañcavidhabandhanādivasena nānappakāraṃ dukkhaṃ paṭilabhati.

    อิตฺถิโสตานิ สพฺพานีติ อิตฺถิยา รูปาทิอารมฺมณานิ สพฺพานิ อนวเสสานิ ปญฺจ ตณฺหาโสตานิ สนฺทนฺติฯ ปญฺจสูติ ปุริสสฺส ปญฺจสุ ทฺวาเรสุฯ เตสนฺติ เตสํ ปญฺจนฺนํ โสตานํฯ อาวรณนฺติ สํวรณํ, ยถา อสํวโร น อุปฺปชฺชติ, เอวํ สติสมฺปชญฺญํ ปจฺจุปฎฺฐเปตฺวา สํวรํ ปวเตฺตตุํ โย สโกฺกติ, โส วีริยวา อารทฺธวีริโย อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทายาติ อโตฺถฯ

    Itthisotāni sabbānīti itthiyā rūpādiārammaṇāni sabbāni anavasesāni pañca taṇhāsotāni sandanti. Pañcasūti purisassa pañcasu dvāresu. Tesanti tesaṃ pañcannaṃ sotānaṃ. Āvaraṇanti saṃvaraṇaṃ, yathā asaṃvaro na uppajjati, evaṃ satisampajaññaṃ paccupaṭṭhapetvā saṃvaraṃ pavattetuṃ yo sakkoti, so vīriyavā āraddhavīriyo akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya kusalānaṃ dhammānaṃ upasampadāyāti attho.

    เอวํ รูปาทิโคจเร ปพฺพชิตสฺส ปฎิปตฺติํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ คหฎฺฐสฺส ทเสฺสตุํ ‘‘โส อตฺถวา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ โส อตฺถวา โส ธมฺมโฎฺฐ, โส ทโกฺข โส วิจกฺขโณติ โส ปุคฺคโล อิมสฺมิํ โลเก อตฺถวา, พุทฺธิมา, ธเมฺม ฐิโต, ธเมฺม ทโกฺข, ธเมฺม เฉโก, อนลโส วา วิจกฺขโณ อิติ กตฺตพฺพตาสุ กุสโล นามฯ กเรยฺย รมมาโนปิ, กิจฺจํ ธมฺมตฺถสํหิตนฺติ เคหรติยา รมมาโนปิ ธมฺมตฺถสํหิตํ ธมฺมโต อตฺถโต จ อนเปตเมว ตํ ตํ กตฺตพฺพํฯ อนุปฺปนฺนานํ โภคานํ อุปฺปาทนํ, อุปฺปนฺนานํ ปริปาลนํ, ปริโภคญฺจ กเรยฺย, อญฺญมญฺญํ, อวิโรเธน, อญฺญมญฺญํ, อพาธเนน, ติวคฺคตฺถํ อนุยุเญฺชยฺยาติ อธิปฺปาโย ฯ อยญฺจ นโย เยสํ สมฺมาปฎิปตฺติอวิโรเธน ติวคฺคตฺถสฺส วเสน วตฺตติ พิมฺพิสารมหาราชาทีนํ วิย, เตสํ วเสน วุโตฺตฯ น เยสํ เกสญฺจิ วเสนาติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Evaṃ rūpādigocare pabbajitassa paṭipattiṃ dassetvā idāni gahaṭṭhassa dassetuṃ ‘‘so atthavā’’tiādi vuttaṃ. Tattha so atthavā so dhammaṭṭho, so dakkho so vicakkhaṇoti so puggalo imasmiṃ loke atthavā, buddhimā, dhamme ṭhito, dhamme dakkho, dhamme cheko, analaso vā vicakkhaṇo iti kattabbatāsu kusalo nāma. Kareyya ramamānopi, kiccaṃ dhammatthasaṃhitanti geharatiyā ramamānopi dhammatthasaṃhitaṃ dhammato atthato ca anapetameva taṃ taṃ kattabbaṃ. Anuppannānaṃ bhogānaṃ uppādanaṃ, uppannānaṃ paripālanaṃ, paribhogañca kareyya, aññamaññaṃ, avirodhena, aññamaññaṃ, abādhanena, tivaggatthaṃ anuyuñjeyyāti adhippāyo . Ayañca nayo yesaṃ sammāpaṭipattiavirodhena tivaggatthassa vasena vattati bimbisāramahārājādīnaṃ viya, tesaṃ vasena vutto. Na yesaṃ kesañci vasenāti daṭṭhabbaṃ.

    อโถ สีทติ สญฺญุตฺตนฺติ ยทิ อิธโลเก สุปสํหิตํ ทิฎฺฐธมฺมิกํ อตฺถํ ปริคฺคเหตฺวา ฐิตํฯ วเชฺช กิจฺจํ นิรตฺถกนฺติ สมฺปรายิกตฺถรหิตํ อนตฺถุปสํหิตํ กิจฺจํ สเจปิ วิสฺสเชฺชยฺย ปริจฺจเชยฺยฯ น ตํ กิจฺจนฺติ มญฺญิตฺวา, อปฺปมโตฺต วิจกฺขโณติ สติอวิปฺปวาเสน อปฺปมโตฺต วิจารณปญฺญาสมฺภเวน วิจกฺขโณ อนตฺถุปสํหิตํ, ตํ กิจฺจํ มยา น กาตพฺพนฺติ มญฺญิตฺวา วิวเชฺชยฺยฯ

    Atho sīdati saññuttanti yadi idhaloke supasaṃhitaṃ diṭṭhadhammikaṃ atthaṃ pariggahetvā ṭhitaṃ. Vajje kiccaṃ niratthakanti samparāyikattharahitaṃ anatthupasaṃhitaṃ kiccaṃ sacepi vissajjeyya pariccajeyya. Na taṃ kiccanti maññitvā, appamatto vicakkhaṇoti satiavippavāsena appamatto vicāraṇapaññāsambhavena vicakkhaṇo anatthupasaṃhitaṃ, taṃ kiccaṃ mayā na kātabbanti maññitvā vivajjeyya.

    วิวเชฺชตฺวา ปน ยญฺจ อเตฺถน สญฺญุตฺตํ, ยา จ ธมฺมคตา รติฯ ตํ สมาทาย วเตฺตถาติ ยํกิญฺจิ ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกปฺปเภเทน อเตฺถน หิเตน สํยุตฺตํ ตทุภยหิตาวหํ, ยา จ อธิกุสลธมฺมคตา สมถวิปสฺสนาสหิตา รติ, ตทุภยํ สมฺมา อาทิยิตฺวา ปริคฺคหํ กตฺวา วเตฺตยฺยฯ ‘‘สพฺพํ รติํ ธมฺมรติ ชินาตี’’ติ (ธ. ป. ๓๕๔) วจนโต สา หิ เอกํเสน อุตฺตมตฺถสฺส ปาปนโต อุตฺตมา รติ นามฯ

    Vivajjetvā pana yañca atthena saññuttaṃ, yā ca dhammagatā rati. Taṃ samādāya vattethāti yaṃkiñci diṭṭhadhammikasamparāyikappabhedena atthena hitena saṃyuttaṃ tadubhayahitāvahaṃ, yā ca adhikusaladhammagatā samathavipassanāsahitā rati, tadubhayaṃ sammā ādiyitvā pariggahaṃ katvā vatteyya. ‘‘Sabbaṃ ratiṃ dhammarati jinātī’’ti (dha. pa. 354) vacanato sā hi ekaṃsena uttamatthassa pāpanato uttamā rati nāma.

    ยํ ปน กามรติสํยุตฺตํ กิจฺจํ นิรตฺถกนฺติ วุตฺตํ, ตสฺสา อนตฺถุปสํหิตภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘อุจฺจาวเจหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อุจฺจาวเจหีติ มหเนฺตหิ เจว ขุทฺทเกหิ จฯ อุปาเยหีติ นเยหิฯ ปเรสมภิชิคีสตีติ ปเรสํ สนฺตกํ อาหริตุํ อิจฺฉติ, ปเร วา สพฺพถา หาเปติ, ชินาเปติ ปรํ หนฺตฺวา, วธิตฺวา อถ โสจยิตฺวา, อาโลปติ สาหสา โย ปเรสํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย ปุคฺคโล กามเหตุ ปเร หนโนฺต, ฆาเตโนฺต, โสเจโนฺต สนฺธิเจฺฉทสนฺธิรุหนปสยฺหาวหาราทีหิ นานุปาเยหิ ปเรสํ สนฺตกํ หริตุํ วายมโนฺต สาหสาการํ กโรติ, อาโลปติ, ชิคีสติ สาปเตยฺยวเสน ปเร หาเปติ, ตสฺส ตํ กิจฺจํ กามรติสนฺนิสฺสิตํ อนตฺถุปสํหิตํ เอกนฺตนิหีนนฺติฯ เอเตน ตปฺปฎิปกฺขโต ธมฺมคตาย รติยา เอกํสโต อุตฺตมภาวํเยว วิภาเวติฯ

    Yaṃ pana kāmaratisaṃyuttaṃ kiccaṃ niratthakanti vuttaṃ, tassā anatthupasaṃhitabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘uccāvacehī’’tiādi vuttaṃ. Tattha uccāvacehīti mahantehi ceva khuddakehi ca. Upāyehīti nayehi. Paresamabhijigīsatīti paresaṃ santakaṃ āharituṃ icchati, pare vā sabbathā hāpeti, jināpeti paraṃ hantvā, vadhitvā atha socayitvā, ālopati sāhasā yo paresaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – yo puggalo kāmahetu pare hananto, ghātento, socento sandhicchedasandhiruhanapasayhāvahārādīhi nānupāyehi paresaṃ santakaṃ harituṃ vāyamanto sāhasākāraṃ karoti, ālopati, jigīsati sāpateyyavasena pare hāpeti, tassa taṃ kiccaṃ kāmaratisannissitaṃ anatthupasaṃhitaṃ ekantanihīnanti. Etena tappaṭipakkhato dhammagatāya ratiyā ekaṃsato uttamabhāvaṃyeva vibhāveti.

    อิทานิ ยํ ‘‘เตสมาวรณํ กาตุํ โย สโกฺกตี’’ติ อินฺทฺริยานํ อาวรณํ วุตฺตํ, ตํ อุปาเยน สห วิภาเวโนฺต ‘‘ตจฺฉโนฺต อาณิยา อาณิํ , นิหนฺติ พลวา ยถา’’ติ อาหฯ ยถา พลวา กายพเลน, ญาณพเลน จ สมนฺนาคโต ตจฺฉโก รุกฺขทณฺฑคตํ อาณิํ นีหริตุกาโม ตโต พลวติํ อาณิํ โกเฎโนฺต ตโต นีหรติ, ตถา กุสโล ภิกฺขุ จกฺขาทีนิ อินฺทฺริยานิ วิปสฺสนาพเลน นิหนฺตุกาโม อินฺทฺริเยหิ เอว นิหนฺติฯ

    Idāni yaṃ ‘‘tesamāvaraṇaṃ kātuṃ yo sakkotī’’ti indriyānaṃ āvaraṇaṃ vuttaṃ, taṃ upāyena saha vibhāvento ‘‘tacchanto āṇiyā āṇiṃ, nihanti balavā yathā’’ti āha. Yathā balavā kāyabalena, ñāṇabalena ca samannāgato tacchako rukkhadaṇḍagataṃ āṇiṃ nīharitukāmo tato balavatiṃ āṇiṃ koṭento tato nīharati, tathā kusalo bhikkhu cakkhādīni indriyāni vipassanābalena nihantukāmo indriyehi eva nihanti.

    กตเมหิ ปนาติ อาห ‘‘สทฺธ’’นฺติอาทิฯ ตสฺสโตฺถ – อธิโมกฺขลกฺขณํ สทฺธํ, ปคฺคหลกฺขณํ วีริยํ, อวิเกฺขปลกฺขณํ สมาธิํ, อุปฎฺฐานลกฺขณํ สติํ, ทสฺสนลกฺขณํ ปญฺญนฺติ อิมานิปิ วิมุตฺติปริปาจกานิ ปญฺจินฺทฺริยานิ ภาเวโนฺต วเฑฺฒโนฺต เอเตหิ ปญฺจหิ อินฺทฺริเยหิ จกฺขาทีนิ ปญฺจินฺทฺริยานิ อนุนยปฎิฆาทิกิเลสุปฺปตฺติยา ทฺวารภาววิหเนน หนฺตฺวา, อริยมเคฺคน ตทุปนิสฺสเย กิเลเส สมุจฺฉินฺทิตฺวา, ตโต เอว อนีโฆ นิทฺทุโกฺข พฺราหฺมโณ อนุปาทิเสสปรินิพฺพานเมว ยาติ อุปคจฺฉตีติฯ

    Katamehi panāti āha ‘‘saddha’’ntiādi. Tassattho – adhimokkhalakkhaṇaṃ saddhaṃ, paggahalakkhaṇaṃ vīriyaṃ, avikkhepalakkhaṇaṃ samādhiṃ, upaṭṭhānalakkhaṇaṃ satiṃ, dassanalakkhaṇaṃ paññanti imānipi vimuttiparipācakāni pañcindriyāni bhāvento vaḍḍhento etehi pañcahi indriyehi cakkhādīni pañcindriyāni anunayapaṭighādikilesuppattiyā dvārabhāvavihanena hantvā, ariyamaggena tadupanissaye kilese samucchinditvā, tato eva anīgho niddukkho brāhmaṇo anupādisesaparinibbānameva yāti upagacchatīti.

    โส อตฺถวาติ โส ยถาวุโตฺต พฺราหฺมโณ อุตฺตมเตฺถน สมนฺนาคตตฺตา อตฺถวา, ตํ สมฺปาปเก ธเมฺม ฐิตตฺตา ธมฺมโฎฺฐฯ สเพฺพน สพฺพํ อนวเสเสน วิธินา อนวเสสํ พุทฺธสฺส ภควโต วากฺยภูตํ อนุสาสนิํ กตฺวา ยถานุสิฎฺฐํ ปฎิปชฺชิตฺวา ฐิโตฯ ตโต เอว โส นโร อุตฺตมปุริโส นิพฺพานสุขญฺจ เอธติ, พฺรูเหติ, วเฑฺฒตีติฯ

    So atthavāti so yathāvutto brāhmaṇo uttamatthena samannāgatattā atthavā, taṃ sampāpake dhamme ṭhitattā dhammaṭṭho. Sabbena sabbaṃ anavasesena vidhinā anavasesaṃ buddhassa bhagavato vākyabhūtaṃ anusāsaniṃ katvā yathānusiṭṭhaṃ paṭipajjitvā ṭhito. Tato eva so naro uttamapuriso nibbānasukhañca edhati, brūheti, vaḍḍhetīti.

    เอวํ เถเรน อตฺตโน จินฺติตาการวิภาวนาวเสน ปฎิปตฺติยา ปกาสิตตฺตา อิทเมว จสฺส อญฺญาพฺยากรณํ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Evaṃ therena attano cintitākāravibhāvanāvasena paṭipattiyā pakāsitattā idameva cassa aññābyākaraṇaṃ daṭṭhabbaṃ.

    ปาราปริยเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pārāpariyattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๒. ปาราปริยเตฺถรคาถา • 2. Pārāpariyattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact