Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๑๐. ปาราปริยเตฺถรคาถาวณฺณนา
10. Pārāpariyattheragāthāvaṇṇanā
สมณสฺส อหุ จินฺตาติอาทิกา อายสฺมโต ปาราปริยเตฺถรสฺส คาถาฯ อิมสฺส วตฺถุ เหฎฺฐา อาคตเมวฯ ตา จ คาถา สตฺถริ ธรเนฺต อตฺตโน ปุถุชฺชนกาเล มนจฺฉฎฺฐานํ อินฺทฺริยานํ นิคฺคณฺหนจินฺตาย ปกาสนวเสน ภาสิตาฯ อิมา ปน อปรภาเค สตฺถริ ปรินิพฺพุเต อตฺตโน จ ปรินิพฺพาเน อุปฎฺฐิเต ตทา อายติญฺจ ภิกฺขูนํ อุทฺธมฺมปฎิปตฺติยา ปกาสนวเสน ภาสิตาฯ ตตฺถ –
Samaṇassaahu cintātiādikā āyasmato pārāpariyattherassa gāthā. Imassa vatthu heṭṭhā āgatameva. Tā ca gāthā satthari dharante attano puthujjanakāle manacchaṭṭhānaṃ indriyānaṃ niggaṇhanacintāya pakāsanavasena bhāsitā. Imā pana aparabhāge satthari parinibbute attano ca parinibbāne upaṭṭhite tadā āyatiñca bhikkhūnaṃ uddhammapaṭipattiyā pakāsanavasena bhāsitā. Tattha –
๙๒๐.
920.
‘‘สมณสฺส อหุ จินฺตา, ปุปฺผิตมฺหิ มหาวเน;
‘‘Samaṇassa ahu cintā, pupphitamhi mahāvane;
เอกคฺคสฺส นิสินฺนสฺส, ปวิวิตฺตสฺส ฌายิโน’’ติฯ –
Ekaggassa nisinnassa, pavivittassa jhāyino’’ti. –
อยํ คาถา สงฺคีติกาเรหิ ฐปิตาฯ ตสฺสโตฺถ เหฎฺฐา วุตฺตนโยวฯ อยํ ปน สมฺพโนฺธ – สตฺถริ อคฺคสาวเกสุ เอกเจฺจสุ มหาเถเรสุ จ ปรินิพฺพุเตสุ อตีตสตฺถุเก ปาวจเน สุพฺพเจสุ สิกฺขากาเมสุ ภิกฺขูสุ ทุลฺลเภสุ, ทุพฺพเจสุ มิจฺฉาปฎิปตฺติพหุเลสุ ภิกฺขูสุ จ ชาเตสุ สุปุปฺผิเต มหเนฺต สาลวเน นิสินฺนสฺส ปวิวิตฺตสฺส เอกคฺคสฺส ฌายนสีลสฺส, สมิตปาปตาย สมณสฺส, ปาราปริยเตฺถรสฺส ปฎิปตฺติํ นิสฺสาย จินฺตา วีมํสา อโหสีติ อิตรา –
Ayaṃ gāthā saṅgītikārehi ṭhapitā. Tassattho heṭṭhā vuttanayova. Ayaṃ pana sambandho – satthari aggasāvakesu ekaccesu mahātheresu ca parinibbutesu atītasatthuke pāvacane subbacesu sikkhākāmesu bhikkhūsu dullabhesu, dubbacesu micchāpaṭipattibahulesu bhikkhūsu ca jātesu supupphite mahante sālavane nisinnassa pavivittassa ekaggassa jhāyanasīlassa, samitapāpatāya samaṇassa, pārāpariyattherassa paṭipattiṃ nissāya cintā vīmaṃsā ahosīti itarā –
๙๒๑.
921.
‘‘อญฺญถา โลกนาถมฺหิ, ติฎฺฐเนฺต ปุริสุตฺตเม;
‘‘Aññathā lokanāthamhi, tiṭṭhante purisuttame;
อิริยํ อาสิ ภิกฺขูนํ, อญฺญถา ทานิ ทิสฺสติฯ
Iriyaṃ āsi bhikkhūnaṃ, aññathā dāni dissati.
๙๒๒.
922.
‘‘สีตวาตปริตฺตาณํ, หิริโกปีนฉาทนํ;
‘‘Sītavātaparittāṇaṃ, hirikopīnachādanaṃ;
มตฺตฎฺฐิยํ อภุญฺชิํสุ, สนฺตุฎฺฐา อิตรีตเรฯ
Mattaṭṭhiyaṃ abhuñjiṃsu, santuṭṭhā itarītare.
๙๒๓.
923.
‘‘ปณีตํ ยทิ วา ลูขํ, อปฺปํ วา ยทิ วา พหุํ;
‘‘Paṇītaṃ yadi vā lūkhaṃ, appaṃ vā yadi vā bahuṃ;
ยาปนตฺถํ อภุญฺชิํสุ, อคิทฺธา นาธิมุจฺฉิตาฯ
Yāpanatthaṃ abhuñjiṃsu, agiddhā nādhimucchitā.
๙๒๔.
924.
‘‘ชีวิตานํ ปริกฺขาเร, เภสเชฺช อถ ปจฺจเย;
‘‘Jīvitānaṃ parikkhāre, bhesajje atha paccaye;
น พาฬฺหํ อุสฺสุกา อาสุํ, ยถา เต อาสวกฺขเยฯ
Na bāḷhaṃ ussukā āsuṃ, yathā te āsavakkhaye.
๙๒๕.
925.
‘‘อรเญฺญ รุกฺขมูเลสุ, กนฺทราสุ คุหาสุ จ;
‘‘Araññe rukkhamūlesu, kandarāsu guhāsu ca;
วิเวกมนุพฺรูหนฺตา, วิหํสุ ตปฺปรายณาฯ
Vivekamanubrūhantā, vihaṃsu tapparāyaṇā.
๙๒๖.
926.
‘‘นีจา นิวิฎฺฐา สุภรา, มุทู อถทฺธมานสา;
‘‘Nīcā niviṭṭhā subharā, mudū athaddhamānasā;
อพฺยาเสกา อมุขรา, อตฺถจินฺตาวสานุคาฯ
Abyāsekā amukharā, atthacintāvasānugā.
๙๒๗.
927.
‘‘ตโต ปาสาทิกํ อาสิ, คตํ ภุตฺตํ นิเสวิตํ;
‘‘Tato pāsādikaṃ āsi, gataṃ bhuttaṃ nisevitaṃ;
สินิทฺธา เตลธาราว, อโหสิ อิริยาปโถฯ
Siniddhā teladhārāva, ahosi iriyāpatho.
๙๒๘.
928.
‘‘สพฺพาสวปริกฺขีณา , มหาฌายี มหาหิตา;
‘‘Sabbāsavaparikkhīṇā , mahājhāyī mahāhitā;
นิพฺพุตา ทานิ เต เถรา, ปริตฺตา ทานิ ตาทิสาฯ
Nibbutā dāni te therā, parittā dāni tādisā.
๙๒๙.
929.
‘‘กุสลานญฺจ ธมฺมานํ, ปญฺญาย จ ปริกฺขยา;
‘‘Kusalānañca dhammānaṃ, paññāya ca parikkhayā;
สพฺพาการวรูเปตํ, ลุชฺชเต ชินสาสนํฯ
Sabbākāravarūpetaṃ, lujjate jinasāsanaṃ.
๙๓๐.
930.
‘‘ปาปกานญฺจ ธมฺมานํ, กิเลสานญฺจ โย อุตุ;
‘‘Pāpakānañca dhammānaṃ, kilesānañca yo utu;
อุปฎฺฐิตา วิเวกาย, เย จ สทฺธมฺมเสสกาฯ
Upaṭṭhitā vivekāya, ye ca saddhammasesakā.
๙๓๑.
931.
‘‘เต กิเลสา ปวฑฺฒนฺตา, อาวิสนฺติ พหุํ ชนํ;
‘‘Te kilesā pavaḍḍhantā, āvisanti bahuṃ janaṃ;
กีฬนฺติ มเญฺญ พาเลหิ, อุมฺมเตฺตหิว รกฺขสาฯ
Kīḷanti maññe bālehi, ummattehiva rakkhasā.
๙๓๒.
932.
‘‘กิเลเสหาภิภูตา เต, เตน เตน วิธาวิตา;
‘‘Kilesehābhibhūtā te, tena tena vidhāvitā;
นรา กิเลสวตฺถูสุ, สสงฺคาเมว โฆสิเตฯ
Narā kilesavatthūsu, sasaṅgāmeva ghosite.
๙๓๓.
933.
‘‘ปริจฺจชิตฺวา สทฺธมฺมํ, อญฺญมเญฺญหิ ภณฺฑเร;
‘‘Pariccajitvā saddhammaṃ, aññamaññehi bhaṇḍare;
ทิฎฺฐิคตานิ อเนฺวนฺตา, อิทํ เสโยฺยติ มญฺญเรฯ
Diṭṭhigatāni anventā, idaṃ seyyoti maññare.
๙๓๔.
934.
‘‘ธนญฺจ ปุตฺตํ ภริยญฺจ, ฉฑฺฑยิตฺวาน นิคฺคตา;
‘‘Dhanañca puttaṃ bhariyañca, chaḍḍayitvāna niggatā;
กฎจฺฉุภิกฺขเหตูปิ, อกิจฺฉานิ นิเสวเรฯ
Kaṭacchubhikkhahetūpi, akicchāni nisevare.
๙๓๕.
935.
‘‘อุทราวเทหกํ ภุตฺวา, สยนฺตุตฺตานเสยฺยกา;
‘‘Udarāvadehakaṃ bhutvā, sayantuttānaseyyakā;
กถา วเฑฺฒนฺติ ปฎิพุทฺธา, ยา กถา สตฺถุครหิตาฯ
Kathā vaḍḍhenti paṭibuddhā, yā kathā satthugarahitā.
๙๓๖.
936.
‘‘สพฺพการุกสิปฺปานิ, จิตฺติํ กตฺวาน สิกฺขเร;
‘‘Sabbakārukasippāni, cittiṃ katvāna sikkhare;
อวูปสนฺตา อชฺฌตฺตํ, สามญฺญโตฺถติอจฺฉติฯ
Avūpasantā ajjhattaṃ, sāmaññatthotiacchati.
๙๓๗.
937.
‘‘มตฺติกํ เตลจุณฺณญฺจ, อุทกาสนโภชนํ;
‘‘Mattikaṃ telacuṇṇañca, udakāsanabhojanaṃ;
คิหีนํ อุปนาเมนฺติ, อากงฺขนฺตา พหุตฺตรํฯ
Gihīnaṃ upanāmenti, ākaṅkhantā bahuttaraṃ.
๙๓๘.
938.
‘‘ทนฺตโปนํ กปิตฺถญฺจ, ปุปฺผํ ขาทนิยานิ จ;
‘‘Dantaponaṃ kapitthañca, pupphaṃ khādaniyāni ca;
ปิณฺฑปาเต จ สมฺปเนฺน, อเมฺพ อามลกานิ จฯ
Piṇḍapāte ca sampanne, ambe āmalakāni ca.
๙๓๙.
939.
‘‘เภสเชฺชสุ ยถา เวชฺชา, กิจฺจากิเจฺจ ยถา คิหี;
‘‘Bhesajjesu yathā vejjā, kiccākicce yathā gihī;
คณิกาว วิภูสายํ, อิสฺสเร ขตฺติยา ยถาฯ
Gaṇikāva vibhūsāyaṃ, issare khattiyā yathā.
๙๔๐.
940.
‘‘เนกติกา วญฺจนิกา, กูฎสกฺขี อปาฎุกา;
‘‘Nekatikā vañcanikā, kūṭasakkhī apāṭukā;
พหูหิ ปริกเปฺปหิ, อามิสํ ปริภุญฺชเรฯ
Bahūhi parikappehi, āmisaṃ paribhuñjare.
๙๔๑.
941.
‘‘เลสกเปฺป ปริยาเย, ปริกเปฺปนุธาวิตา;
‘‘Lesakappe pariyāye, parikappenudhāvitā;
ชีวิกตฺถา อุปาเยน, สงฺกฑฺฒนฺติ พหุํ ธนํฯ
Jīvikatthā upāyena, saṅkaḍḍhanti bahuṃ dhanaṃ.
๙๔๒.
942.
‘‘อุปฎฺฐาเปนฺติ ปริสํ, กมฺมโต โน จ ธมฺมโต;
‘‘Upaṭṭhāpenti parisaṃ, kammato no ca dhammato;
ธมฺมํ ปเรสํ เทเสนฺติ, ลาภโต โน จ อตฺถโตฯ
Dhammaṃ paresaṃ desenti, lābhato no ca atthato.
๙๔๓.
943.
‘‘สงฺฆลาภสฺส ภณฺฑนฺติ, สงฺฆโต ปริพาหิรา;
‘‘Saṅghalābhassa bhaṇḍanti, saṅghato paribāhirā;
ปรลาโภปชีวนฺตา, อหิรีกา น ลชฺชเรฯ
Paralābhopajīvantā, ahirīkā na lajjare.
๙๔๔.
944.
‘‘นานุยุตฺตา ตถา เอเก, มุณฺฑา สงฺฆาฎิปารุตา;
‘‘Nānuyuttā tathā eke, muṇḍā saṅghāṭipārutā;
สมฺภาวนํเยวิจฺฉนฺติ, ลาภสกฺการมุจฺฉิตาฯ
Sambhāvanaṃyevicchanti, lābhasakkāramucchitā.
๙๔๕.
945.
‘‘เอวํ นานปฺปยาตมฺหิ, น ทานิ สุกรํ ตถา;
‘‘Evaṃ nānappayātamhi, na dāni sukaraṃ tathā;
อผุสิตํ วา ผุสิตุํ, ผุสิตํ วานุรกฺขิตุํฯ
Aphusitaṃ vā phusituṃ, phusitaṃ vānurakkhituṃ.
๙๔๖.
946.
‘‘ยถา กณฺฎกฎฺฐานมฺหิ, จเรยฺย อนุปาหโน;
‘‘Yathā kaṇṭakaṭṭhānamhi, careyya anupāhano;
สติํ อุปฎฺฐเปตฺวาน, เอวํ คาเม มุนี จเรฯ
Satiṃ upaṭṭhapetvāna, evaṃ gāme munī care.
๙๔๗.
947.
‘‘สริตฺวา ปุพฺพเก โยคี, เตสํ วตฺตมนุสฺสรํ;
‘‘Saritvā pubbake yogī, tesaṃ vattamanussaraṃ;
กิญฺจาปิ ปจฺฉิโม กาโล, ผุเสยฺย อมตํ ปทํฯ
Kiñcāpi pacchimo kālo, phuseyya amataṃ padaṃ.
๙๔๘.
948.
‘‘อิทํ วตฺวา สาลวเน, สมโณ ภาวิตินฺทฺริโย;
‘‘Idaṃ vatvā sālavane, samaṇo bhāvitindriyo;
พฺราหฺมโณ ปรินิพฺพายี, อิสิ ขีณปุนพฺภโว’’ติฯ –
Brāhmaṇo parinibbāyī, isi khīṇapunabbhavo’’ti. –
อิมา คาถา เถเรเนว ภาสิตาฯ
Imā gāthā thereneva bhāsitā.
ตตฺถ อิริยํ อาสิ ภิกฺขูนนฺติ ปุริสุตฺตเม โลกนาถมฺหิ สมฺมาสมฺพุเทฺธ ติฎฺฐเนฺต ธรเนฺต เอตรหิ ปฎิปตฺติภาวโตฯ อญฺญถา อเญฺญน ปกาเรน ภิกฺขูนํ อิริยํ จริตํ อโหสิ ยถานุสิฎฺฐํ ปฎิปตฺติภาวโตฯ อญฺญถา ทานิ ทิสฺสตีติ อิทานิ ปน ตโต อญฺญถา ภิกฺขูนํ อิริยํ ทิสฺสติ อยาถาวปฎิปตฺติภาวโตติ อธิปฺปาโย ฯ
Tattha iriyaṃ āsi bhikkhūnanti purisuttame lokanāthamhi sammāsambuddhe tiṭṭhante dharante etarahi paṭipattibhāvato. Aññathā aññena pakārena bhikkhūnaṃ iriyaṃ caritaṃ ahosi yathānusiṭṭhaṃ paṭipattibhāvato. Aññathā dāni dissatīti idāni pana tato aññathā bhikkhūnaṃ iriyaṃ dissati ayāthāvapaṭipattibhāvatoti adhippāyo .
อิทานิ สตฺถริ ธรเนฺต เยนากาเรน ภิกฺขูนํ ปฎิปตฺติ อโหสิ, ตํ ตาว ทเสฺสตุํ ‘‘สีตวาตปริตฺตาณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ มตฺตฎฺฐิยนฺติ ตํ มตฺตํ ปโยชนํฯ ยาวเทว สีตวาตปริตฺตาณํ, ยาวเทว หิรีโกปีนปฎิจฺฉาทนํ กตฺวา จีวรํ ปริภุญฺชิํสุฯ กถํ? สนฺตุฎฺฐา อิตรีตเร ยสฺมิํ ตสฺมิํ หีเน ปณีเต วา ยถาลเทฺธ ปจฺจเย สโนฺตสํ อาปนฺนาฯ
Idāni satthari dharante yenākārena bhikkhūnaṃ paṭipatti ahosi, taṃ tāva dassetuṃ ‘‘sītavātaparittāṇa’’ntiādi vuttaṃ. Tattha mattaṭṭhiyanti taṃ mattaṃ payojanaṃ. Yāvadeva sītavātaparittāṇaṃ, yāvadeva hirīkopīnapaṭicchādanaṃ katvā cīvaraṃ paribhuñjiṃsu. Kathaṃ? Santuṭṭhā itarītare yasmiṃ tasmiṃ hīne paṇīte vā yathāladdhe paccaye santosaṃ āpannā.
ปณีตนฺติ อุฬารํ สปฺปิอาทินา สํสฎฺฐํ, ตทภาเวน ลูขํฯ อปฺปนฺติ, จตุปญฺจาโลปมตฺตมฺปิฯ พหุํ ยาปนตฺถํ อภุญฺชิํสูติ ปณีตํ พหุํ ภุญฺชนฺตาปิ ยาปนมตฺตเมว อาหารํ ภุญฺชิํสุฯ ตโต เอว อคิทฺธา เคธํ อนาปนฺนาฯ นาธิมุจฺฉิตา น อโชฺฌสิตา อกฺขพฺภญฺชนํ วิย สากฎิกา, วณเลปนํ วิย วณิโน อภุญฺชิํสุฯ
Paṇītanti uḷāraṃ sappiādinā saṃsaṭṭhaṃ, tadabhāvena lūkhaṃ. Appanti, catupañcālopamattampi. Bahuṃ yāpanatthaṃ abhuñjiṃsūti paṇītaṃ bahuṃ bhuñjantāpi yāpanamattameva āhāraṃ bhuñjiṃsu. Tato eva agiddhā gedhaṃ anāpannā. Nādhimucchitā na ajjhositā akkhabbhañjanaṃ viya sākaṭikā, vaṇalepanaṃ viya vaṇino abhuñjiṃsu.
ชีวิตานํ ปริกฺขาเร, เภสเชฺช อถ ปจฺจเยปิ ชีวิตานํ ปวตฺติยา ปริกฺขารภูเต เภสชฺชสงฺขาเต ปจฺจเย คิลานปจฺจเยฯ ยถา เตติ ยถา เต ปุริมกา ภิกฺขู อาสวกฺขเย อุสฺสุกา ยุตฺตา อาสุํ, ตถา เต โรคาภิภูตาปิ คิลานปจฺจเย พาฬฺหํ อติวิย อุสฺสุกา นาเหสุนฺติ อโตฺถฯ
Jīvitānaṃparikkhāre, bhesajje atha paccayepi jīvitānaṃ pavattiyā parikkhārabhūte bhesajjasaṅkhāte paccaye gilānapaccaye. Yathā teti yathā te purimakā bhikkhū āsavakkhaye ussukā yuttā āsuṃ, tathā te rogābhibhūtāpi gilānapaccaye bāḷhaṃ ativiya ussukā nāhesunti attho.
ตปฺปรายณาติ วิเวกปรายณา วิเวกโปณาฯ เอวํ จตูหิ คาถาหิ จตุปจฺจยสโนฺตสํ ภาวนาภิรติญฺจ ทเสฺสเนฺตน เตสํ อริยวํสปฎิปทา ทสฺสิตาฯ
Tapparāyaṇāti vivekaparāyaṇā vivekapoṇā. Evaṃ catūhi gāthāhi catupaccayasantosaṃ bhāvanābhiratiñca dassentena tesaṃ ariyavaṃsapaṭipadā dassitā.
นีจาติ ‘‘มยํ ปํสุกูลิกา ปิณฺฑปาติกา’’ติ อตฺตุกฺกํสนปรวมฺภนานิ อกตฺวา นีจวุตฺติโน, นิวาตวุตฺติโนติ อโตฺถฯ นิวิฎฺฐาติ สาสเน นิวิฎฺฐสทฺธาฯ สุภราติ อปฺปิจฺฉตาทิภาเวน สุโปสาฯ มุทูติ วตฺตปฎิปตฺติยํ สกเล จ พฺรหฺมจริเย มุทู, สุปริกมฺมกตสุวณฺณํ วิย วินิโยคกฺขมาฯ มุทูติ วา อภากุฎิกา อุตฺตานมุขา ปุปฺผิตมุเขน ปฎิสนฺถารวุตฺติโน, สุติตฺถํ วิย สุขาวหาติ วุตฺตํ โหติฯ อถทฺธมานสาติ อกถินจิตฺตา เตน สุพฺพจภาวมาหฯ อพฺยาเสกาติ สติวิปฺปวาสาภาวโต กิเลสพฺยาเสกรหิตา, อนฺตรนฺตรา ตณฺหาทิฎฺฐิมานาทีหิ อโวกิณฺณาติ อโตฺถฯ อมุขราติ น มุขรา, น มุเขน ขรา วจีปาคพฺภิยรหิตาติ วา อโตฺถฯ อตฺถจินฺตาวสานุคาติ หิตจินฺตาวสานุคาหิตจินฺตาวสิกา, อตฺตโน ปเรสญฺจ หิตจินฺตเมว อนุปริวตฺตนกาฯ
Nīcāti ‘‘mayaṃ paṃsukūlikā piṇḍapātikā’’ti attukkaṃsanaparavambhanāni akatvā nīcavuttino, nivātavuttinoti attho. Niviṭṭhāti sāsane niviṭṭhasaddhā. Subharāti appicchatādibhāvena suposā. Mudūti vattapaṭipattiyaṃ sakale ca brahmacariye mudū, suparikammakatasuvaṇṇaṃ viya viniyogakkhamā. Mudūti vā abhākuṭikā uttānamukhā pupphitamukhena paṭisanthāravuttino, sutitthaṃ viya sukhāvahāti vuttaṃ hoti. Athaddhamānasāti akathinacittā tena subbacabhāvamāha. Abyāsekāti sativippavāsābhāvato kilesabyāsekarahitā, antarantarā taṇhādiṭṭhimānādīhi avokiṇṇāti attho. Amukharāti na mukharā, na mukhena kharā vacīpāgabbhiyarahitāti vā attho. Atthacintāvasānugāti hitacintāvasānugāhitacintāvasikā, attano paresañca hitacintameva anuparivattanakā.
ตโตติ ตสฺมา นีจวุตฺตาทิเหตุฯ ปาสาทิกนฺติ ปสาทชนิกํ ปฎิปตฺติํ ปสฺสนฺตานํ สุณนฺตานญฺจ ปสาทาวหํฯ คตนฺติ อภิกฺกนฺตปฎิกฺกนฺตปริวตฺตนาทิคมนํฯ คตนฺติ วา กายวาจาปวตฺติฯ ภุตฺตนฺติ จตุปจฺจยปริโภโคฯ นิเสวิตนฺติ โคจรนิเสวนํฯ สินิทฺธา เตลธาราวาติ ยถา อนิวตฺติตา กุสลชนาภิสิญฺจิตา สวนฺตี เตลธารา อวิจฺฉินฺนา สินิทฺธา มฎฺฐา ทสฺสนียา ปาสาทิกา โหติ, เอวํ เตสํ อากปฺปสมฺปนฺนานํ อิริยาปโถ อจฺฉิโทฺท สโณฺห มโฎฺฐ ทสฺสนีโย ปาสาทิโก อโหสิฯ
Tatoti tasmā nīcavuttādihetu. Pāsādikanti pasādajanikaṃ paṭipattiṃ passantānaṃ suṇantānañca pasādāvahaṃ. Gatanti abhikkantapaṭikkantaparivattanādigamanaṃ. Gatanti vā kāyavācāpavatti. Bhuttanti catupaccayaparibhogo. Nisevitanti gocaranisevanaṃ. Siniddhāteladhārāvāti yathā anivattitā kusalajanābhisiñcitā savantī teladhārā avicchinnā siniddhā maṭṭhā dassanīyā pāsādikā hoti, evaṃ tesaṃ ākappasampannānaṃ iriyāpatho acchiddo saṇho maṭṭho dassanīyo pāsādiko ahosi.
มหาฌายีติ มหเนฺตหิ ฌาเนหิ ฌายนสีลา, มหนฺตํ วา นิพฺพานํ ฌายนฺตีติ มหาฌายีฯ ตโต เอว มหาหิตา, มหเนฺตหิ หิเตหิ สมนฺนาคตาติ อโตฺถฯ เต เถราติ เต ยถาวุตฺตปฺปการา ปฎิปตฺติปรายณา เถรา อิทานิ ปรินิพฺพุตาติ อโตฺถฯ ปริตฺตา ทานิ ตาทิสาติ อิทานิ ปจฺฉิเม กาเล ตาทิสา ตถารูปา เถรา ปริตฺตา อปฺปกา กติปยา เอวาติ วุตฺตํ โหติฯ
Mahājhāyīti mahantehi jhānehi jhāyanasīlā, mahantaṃ vā nibbānaṃ jhāyantīti mahājhāyī. Tato eva mahāhitā, mahantehi hitehi samannāgatāti attho. Te therāti te yathāvuttappakārā paṭipattiparāyaṇā therā idāni parinibbutāti attho. Parittā dāni tādisāti idāni pacchime kāle tādisā tathārūpā therā parittā appakā katipayā evāti vuttaṃ hoti.
กุสลานญฺจ ธมฺมานนฺติ วิวฎฺฎสฺส อุปนิสฺสยภูตานํ วิโมกฺขสมฺภารานํ อนวชฺชธมฺมานํฯ ปญฺญาย จาติ ตถารูปาย ปญฺญาย จฯ ปริกฺขยาติ อภาวโต อนุปฺปตฺติโตฯ กามเญฺจตฺถ ปญฺญาปิ สิยา อนวชฺชธมฺมา, พหุการภาวทสฺสนตฺถํ ปนสฺสา วิสุํ คหณํ ยถา ปุญฺญญาณสมฺภาราติฯ สพฺพาการวรูเปตนฺติ อาทิกลฺยาณตาทีหิ สเพฺพหิ อาการวเรหิ ปการวิเสเสหิ อุเปตํ ยุตฺตํ ชินสฺส ภควโต สาสนํ ลุชฺชติ วินสฺสตีติ อโตฺถฯ
Kusalānañcadhammānanti vivaṭṭassa upanissayabhūtānaṃ vimokkhasambhārānaṃ anavajjadhammānaṃ. Paññāya cāti tathārūpāya paññāya ca. Parikkhayāti abhāvato anuppattito. Kāmañcettha paññāpi siyā anavajjadhammā, bahukārabhāvadassanatthaṃ panassā visuṃ gahaṇaṃ yathā puññañāṇasambhārāti. Sabbākāravarūpetanti ādikalyāṇatādīhi sabbehi ākāravarehi pakāravisesehi upetaṃ yuttaṃ jinassa bhagavato sāsanaṃ lujjati vinassatīti attho.
ปาปกานญฺจ ธมฺมานํ, กิเลสานญฺจ โย อุตูติ กายทุจฺจริตาทีนํ ปาปธมฺมานํ โลภาทีนญฺจ กิเลสานํ โย อุตุ โย กาโล, โส อยํ วตฺตตีติ วจนเสโสฯ อุปฎฺฐิตา วิเวกาย, เย จ สทฺธมฺมเสสกาติ เย ปน เอวรูเป กาเล กายจิตฺตอุปธิวิเวกตฺถาย อุปฎฺฐิตา อารทฺธวีริยา, เต จ เสสปฎิปตฺติสทฺธมฺมกา โหนฺติฯ อยเญฺหตฺถ อธิปฺปาโย – สุวิสุทฺธสีลาจาราปิ สมานา อิทานิ เอกเจฺจ ภิกฺขู อิริยาปถสณฺฐาปนํ, สมถวิปสฺสนาภาวนาวิธานํ, มหาปลิโพธูปเจฺฉโท, ขุทฺทกปลิโพธูปเจฺฉโทติ เอวมาทิปุพฺพกิจฺจํ สมฺปาเทตฺวา ภาวนมนุยุญฺชนฺติฯ เต เสสปฎิปตฺติสทฺธมฺมกา, ปฎิปตฺติํ มตฺถกํ ปาเปตุํ น สโกฺกนฺตีติฯ
Pāpakānañca dhammānaṃ, kilesānañca yo utūti kāyaduccaritādīnaṃ pāpadhammānaṃ lobhādīnañca kilesānaṃ yo utu yo kālo, so ayaṃ vattatīti vacanaseso. Upaṭṭhitā vivekāya, ye ca saddhammasesakāti ye pana evarūpe kāle kāyacittaupadhivivekatthāya upaṭṭhitā āraddhavīriyā, te ca sesapaṭipattisaddhammakā honti. Ayañhettha adhippāyo – suvisuddhasīlācārāpi samānā idāni ekacce bhikkhū iriyāpathasaṇṭhāpanaṃ, samathavipassanābhāvanāvidhānaṃ, mahāpalibodhūpacchedo, khuddakapalibodhūpacchedoti evamādipubbakiccaṃ sampādetvā bhāvanamanuyuñjanti. Te sesapaṭipattisaddhammakā, paṭipattiṃ matthakaṃ pāpetuṃ na sakkontīti.
เต กิเลสา ปวฑฺฒนฺตาติ เย ภควโต โอรสปุเตฺตหิ จ ตทา ปริกฺขยํ ปริยาทานํ คมิตา กิเลสา, เต เอตรหิ ลโทฺธกาสา ภิกฺขูสุ วุทฺธิํ วิรูฬฺหิํ เวปุลฺลํ อาปชฺชนฺตาฯ อาวิสนฺติ พหุํ ชนนฺติ กลฺยาณมิตฺตรหิตํ อโยนิโสมนสิการพหุลํ อนฺธพาลชนํ อภิภวิตฺวา อวสํ กโรนฺตา อาวิสนฺติ สนฺตานํ อนุปวิสนฺติฯ เอวํภูตา จ เต กีฬนฺติ มเญฺญ พาเลหิ, อุมฺมเตฺตหิว รกฺขสา, ยถา นาม เกฬิสีลา รกฺขสา ภิสกฺกรหิเต อุมฺมเตฺต อาวิสิตฺวา เต อนยพฺยสนํ อาปาเทนฺตา เตหิ กีฬนฺติ, เอวํ เต กิเลสา สมฺมาสมฺพุทฺธภิสกฺกรหิเต อนฺธพาเล ภิกฺขู อาวิสิตฺวา เตสํ ทิฎฺฐธมฺมิกาทิเภทํ อนตฺถํ อุปฺปาเทนฺตา เตหิ สทฺธิํ กีฬนฺติ มเญฺญ, กีฬนฺตา วิย โหนฺตีติ อโตฺถฯ
Te kilesā pavaḍḍhantāti ye bhagavato orasaputtehi ca tadā parikkhayaṃ pariyādānaṃ gamitā kilesā, te etarahi laddhokāsā bhikkhūsu vuddhiṃ virūḷhiṃ vepullaṃ āpajjantā. Āvisanti bahuṃ jananti kalyāṇamittarahitaṃ ayonisomanasikārabahulaṃ andhabālajanaṃ abhibhavitvā avasaṃ karontā āvisanti santānaṃ anupavisanti. Evaṃbhūtā ca te kīḷanti maññe bālehi, ummattehiva rakkhasā, yathā nāma keḷisīlā rakkhasā bhisakkarahite ummatte āvisitvā te anayabyasanaṃ āpādentā tehi kīḷanti, evaṃ te kilesā sammāsambuddhabhisakkarahite andhabāle bhikkhū āvisitvā tesaṃ diṭṭhadhammikādibhedaṃ anatthaṃ uppādentā tehi saddhiṃ kīḷanti maññe, kīḷantā viya hontīti attho.
เตน เตนาติ เตน เตน อารมฺมณภาเคนฯ วิธาวิตาติ วิรูปํ ธาวิตา อสารุปฺปวเสน ปฎิปชฺชนฺตาฯ กิเลสวตฺถูสูติ ปฐมํ อุปฺปนฺนํ กิเลสา ปจฺฉา อุปฺปชฺชนกานํ การณภาวโต กิเลสาว กิเลสวตฺถูนิ, เตสุ กิเลสวตฺถูสุ สมูหิเตสุฯ สสงฺคาเมว โฆสิเตติ หิรญฺญสุวณฺณมณิมุตฺตาทิกํ ธนํ วิปฺปกิริตฺวา ‘‘ยํ ยํ หิรญฺญสุวณฺณาทิ ยสฺส ยสฺส หตฺถคตํ, ตํ ตํ ตสฺส ตเสฺสว โหตู’’ติ เอวํ กามโฆสนา สสงฺคามโฆสนา นามฯ ตตฺถายมโตฺถ – กิเลสวตฺถูสุ ‘‘โย โย กิเลโส ยํ ยํ สตฺตํ คณฺหาติ อภิภวติ, โส โส ตสฺส ตสฺส โหตู’’ติ กิเลสเสนาปตินา มาเรน สสงฺคาเม โฆสิเต วิยฯ เตหิ เตหิ กิเลเสหิ อภิภูตา เต พาลปุถุชฺชนา เตน เตน อารมฺมณภาเคน วิธาวิตา โวสิตาติฯ
Tenatenāti tena tena ārammaṇabhāgena. Vidhāvitāti virūpaṃ dhāvitā asāruppavasena paṭipajjantā. Kilesavatthūsūti paṭhamaṃ uppannaṃ kilesā pacchā uppajjanakānaṃ kāraṇabhāvato kilesāva kilesavatthūni, tesu kilesavatthūsu samūhitesu. Sasaṅgāmeva ghositeti hiraññasuvaṇṇamaṇimuttādikaṃ dhanaṃ vippakiritvā ‘‘yaṃ yaṃ hiraññasuvaṇṇādi yassa yassa hatthagataṃ, taṃ taṃ tassa tasseva hotū’’ti evaṃ kāmaghosanā sasaṅgāmaghosanā nāma. Tatthāyamattho – kilesavatthūsu ‘‘yo yo kileso yaṃ yaṃ sattaṃ gaṇhāti abhibhavati, so so tassa tassa hotū’’ti kilesasenāpatinā mārena sasaṅgāme ghosite viya. Tehi tehi kilesehi abhibhūtā te bālaputhujjanā tena tena ārammaṇabhāgena vidhāvitā vositāti.
เต เอวํ วิธาวิตา กิํ กโรนฺตีติ อาห ‘‘ปริจฺจชิตฺวา สทฺธมฺมํ, อญฺญมเญฺญหิ ภณฺฑเร’’ติฯ ตสฺสโตฺถ – ปฎิปตฺติสทฺธมฺมํ ฉเฑฺฑตฺวา อามิสกิญฺชกฺขเหตุ อญฺญมเญฺญหิ ภณฺฑเร กลหํ กโรนฺตีติฯ ทิฎฺฐิคตานีติ ‘‘วิญฺญาณมตฺตเมว อตฺถิ, นเตฺถว รูปธมฺมา’’ติ, ‘‘ยถา ปุคฺคโล นาม ปรมตฺถโต นตฺถิ, เอวํ สภาวธมฺมาปิ ปรมตฺถโต นตฺถิ, โวหารมตฺตเมวา’’ติ จ เอวมาทีนิ ทิฎฺฐิคตานิ มิจฺฉาคาเห อเนฺวนฺตา อนุคจฺฉนฺตา อิทํ เสโยฺย อิทเมว เสฎฺฐํ, อญฺญํ มิจฺฉาติ มญฺญนฺติฯ
Te evaṃ vidhāvitā kiṃ karontīti āha ‘‘pariccajitvā saddhammaṃ, aññamaññehi bhaṇḍare’’ti. Tassattho – paṭipattisaddhammaṃ chaḍḍetvā āmisakiñjakkhahetu aññamaññehi bhaṇḍare kalahaṃ karontīti. Diṭṭhigatānīti ‘‘viññāṇamattameva atthi, nattheva rūpadhammā’’ti, ‘‘yathā puggalo nāma paramatthato natthi, evaṃ sabhāvadhammāpi paramatthato natthi, vohāramattamevā’’ti ca evamādīni diṭṭhigatāni micchāgāhe anventā anugacchantā idaṃ seyyo idameva seṭṭhaṃ, aññaṃ micchāti maññanti.
นิคฺคตาติ เคหโต นิกฺขนฺตาฯ กฎจฺฉุภิกฺขเหตูปีติ กฎจฺฉุมตฺตภิกฺขานิมิตฺตมฺปิฯ ตํ ททนฺตสฺส คหฎฺฐสฺส อนนุโลมิกสํสคฺควเสน อกิจฺจานิ ปพฺพชิเตน อกตฺตพฺพานิ กมฺมานิ นิเสวเร กโรนฺติฯ
Niggatāti gehato nikkhantā. Kaṭacchubhikkhahetūpīti kaṭacchumattabhikkhānimittampi. Taṃ dadantassa gahaṭṭhassa ananulomikasaṃsaggavasena akiccāni pabbajitena akattabbāni kammāni nisevare karonti.
อุทราวเทหกํ ภุตฺวาติ ‘‘อูนูทโร มิตาหาโร’’ติ (เถรคา. ๙๘๒; มิ. ป. ๖.๕.๑๐) วุตฺตวจนํ อจิเนฺตตฺวา อุทรปูรํ ภุญฺชิตฺวาฯ สยนฺตุตฺตานเสยฺยกาติ ‘‘ทกฺขิเณน ปเสฺสน สีหเสยฺยํ กเปฺปติ ปาเท ปาทํ อจฺจาธาย สโต สมฺปชาโน’’ติ (อ. นิ. ๘.๙; วิภ. ๕๑๙) วุตฺตวิธานํ อนนุสฺสริตฺวา อุตฺตานเสยฺยกา สยนฺติฯ ยา กถา สตฺถุครหิตาติ ราชกถาทิติรจฺฉานกถํ สนฺธาย วทติฯ
Udarāvadehakaṃ bhutvāti ‘‘ūnūdaro mitāhāro’’ti (theragā. 982; mi. pa. 6.5.10) vuttavacanaṃ acintetvā udarapūraṃ bhuñjitvā. Sayantuttānaseyyakāti ‘‘dakkhiṇena passena sīhaseyyaṃ kappeti pāde pādaṃ accādhāya sato sampajāno’’ti (a. ni. 8.9; vibha. 519) vuttavidhānaṃ ananussaritvā uttānaseyyakā sayanti. Yā kathā satthugarahitāti rājakathāditiracchānakathaṃ sandhāya vadati.
สพฺพการุกสิปฺปานีติ สเพฺพหิ เวสฺสาทีหิ การุเกหิ กตฺตพฺพานิ ภตฺตตาลวณฺฎกรณาทีนิ หตฺถสิปฺปานิฯ จิตฺติํ กตฺวานาติ สกฺกจฺจํ สาทรํ กตฺวาฯ อวูปสนฺตา อชฺฌตฺตนฺติ กิเลสวูปสมาภาวโต คทฺทุหนมตฺตมฺปิ สมาธานาภาวโต จ อชฺฌตฺตํ อวูปสนฺตา, อวูปสนฺตจิตฺตาติ อโตฺถฯ สามญฺญโตฺถติ สมณธโมฺมฯ อติอจฺฉตีติ เตสํ อาชีวกิจฺจปสุตตาย เอกเทสมฺปิ อผุสนโต วิสุํเยว นิสีทติ, อนลฺลียตีติ วุตฺตํ โหติฯ
Sabbakārukasippānīti sabbehi vessādīhi kārukehi kattabbāni bhattatālavaṇṭakaraṇādīni hatthasippāni. Cittiṃ katvānāti sakkaccaṃ sādaraṃ katvā. Avūpasantā ajjhattanti kilesavūpasamābhāvato gadduhanamattampi samādhānābhāvato ca ajjhattaṃ avūpasantā, avūpasantacittāti attho. Sāmaññatthoti samaṇadhammo. Atiacchatīti tesaṃ ājīvakiccapasutatāya ekadesampi aphusanato visuṃyeva nisīdati, anallīyatīti vuttaṃ hoti.
มตฺติกนฺติ ปากติกํ วา ปญฺจวณฺณํ วา คิหีนํ วินิโยคกฺขมํ มตฺติกํฯ เตลจุณฺณญฺจาติ ปากติกํ, อภิสงฺขตํ วา เตลญฺจ จุณฺณญฺจฯ อุทกาสนโภชนนฺติ อุทกญฺจ อาสนญฺจ โภชนญฺจฯ อากงฺขนฺตา พหุตฺตรนฺติ พหุํ ปิณฺฑปาตาทิอุตฺตรุตฺตรํ อากงฺขนฺตา ‘‘อเมฺหหิ มตฺติกาทีสุ ทิเนฺนสุ มนุสฺสา ทฬฺหภตฺติกา หุตฺวา พหุํ อุตฺตรุตฺตรํ จตุปจฺจยชาตํ ทสฺสนฺตี’’ติ อธิปฺปาเยน คิหีนํ อุปนาเมนฺตีติ อโตฺถฯ
Mattikanti pākatikaṃ vā pañcavaṇṇaṃ vā gihīnaṃ viniyogakkhamaṃ mattikaṃ. Telacuṇṇañcāti pākatikaṃ, abhisaṅkhataṃ vā telañca cuṇṇañca. Udakāsanabhojananti udakañca āsanañca bhojanañca. Ākaṅkhantā bahuttaranti bahuṃ piṇḍapātādiuttaruttaraṃ ākaṅkhantā ‘‘amhehi mattikādīsu dinnesu manussā daḷhabhattikā hutvā bahuṃ uttaruttaraṃ catupaccayajātaṃ dassantī’’ti adhippāyena gihīnaṃ upanāmentīti attho.
ทเนฺต ปุนนฺติ โสเธนฺติ เอเตนาติ ทนฺตโปนํ, ทนฺตกฎฺฐํฯ กปิตฺถนฺติ กปิตฺถผลํฯ ปุปฺผนฺติ สุมนจมฺปกาทิปุปฺผํฯ ขาทนียานีติ อฎฺฐารสวิเธปิ ขชฺชกวิเสเสฯ ปิณฺฑปาเต จ สมฺปเนฺนติ วณฺณาทิสมฺปยุเตฺต โอทนวิเสเสฯ ‘‘อเมฺพ อามลกานิ จา’’ติ จ-สเทฺทน มาตุลุงฺคตาลนาฬิเกราทิผลานิ อวุตฺตานิ สงฺคณฺหาติฯ สพฺพตฺถ คิหีนํ อุปนาเมนฺติ อากงฺขนฺตา พหุตฺตรนฺติ โยชนาฯ
Dante punanti sodhenti etenāti dantaponaṃ, dantakaṭṭhaṃ. Kapitthanti kapitthaphalaṃ. Pupphanti sumanacampakādipupphaṃ. Khādanīyānīti aṭṭhārasavidhepi khajjakavisese. Piṇḍapāte ca sampanneti vaṇṇādisampayutte odanavisese. ‘‘Ambe āmalakāni cā’’ti ca-saddena mātuluṅgatālanāḷikerādiphalāni avuttāni saṅgaṇhāti. Sabbattha gihīnaṃ upanāmenti ākaṅkhantā bahuttaranti yojanā.
เภสเชฺชสุ ยถา เวชฺชาติ คิหีนํ เภสชฺชปฺปโยเคสุ ยถา เวชฺชา, ตถา ภิกฺขู ปฎิปชฺชนฺตีติ อธิปฺปาโยฯ กิจฺจากิเจฺจ ยถา คิหีติ คหฎฺฐานํ ขุทฺทเก เจว มหเนฺต จ กิเจฺจ กตฺตเพฺพ คิหี วิยฯ คณิกาว วิภูสายนฺติ อตฺตโน สรีรสฺส วิภูสเน รูปูปชีวินิโย วิยฯ อิสฺสเร ขตฺติยา ยถาติ อิสฺสเร อิสฺสริยปวตฺตเน ยถา ขตฺติยา, เอวํ กุลปตี หุตฺวา วตฺตนฺตีติ อโตฺถฯ
Bhesajjesu yathā vejjāti gihīnaṃ bhesajjappayogesu yathā vejjā, tathā bhikkhū paṭipajjantīti adhippāyo. Kiccākicce yathā gihīti gahaṭṭhānaṃ khuddake ceva mahante ca kicce kattabbe gihī viya. Gaṇikāva vibhūsāyanti attano sarīrassa vibhūsane rūpūpajīviniyo viya. Issare khattiyā yathāti issare issariyapavattane yathā khattiyā, evaṃ kulapatī hutvā vattantīti attho.
เนกติกาติ นิกติยํ นิยุตฺตา, อมณิํเยว มณิํ, อสุวณฺณํเยว สุวณฺณํ กตฺวา ปฎิรูปสาจิโยคนิรตาฯ วญฺจนิกาติ กูฎมานาทีหิ วิปฺปลมฺพกาฯ กูฎสกฺขีติ อยาถาวสกฺขิโนฯ อปาฎุกาติ วามกา, อสํยตวุตฺตีติ อโตฺถฯ พหูหิ ปริกเปฺปหีติ ยถาวุเตฺตหิ อเญฺญหิ จ พหูหิ มิจฺฉาชีวปฺปกาเรหิฯ
Nekatikāti nikatiyaṃ niyuttā, amaṇiṃyeva maṇiṃ, asuvaṇṇaṃyeva suvaṇṇaṃ katvā paṭirūpasāciyoganiratā. Vañcanikāti kūṭamānādīhi vippalambakā. Kūṭasakkhīti ayāthāvasakkhino. Apāṭukāti vāmakā, asaṃyatavuttīti attho. Bahūhi parikappehīti yathāvuttehi aññehi ca bahūhi micchājīvappakārehi.
เลสกเปฺปติ กปฺปิยเลเส กปฺปิยปฎิรูเปฯ ปริยาเยติ, ปจฺจเยสุ ปริยายสฺส โยเคฯ ปริกเปฺปติ วฑฺฒิอาทิวิกปฺปเน, สพฺพตฺถ วิสเย ภุมฺมํฯ อนุธาวิตาติ มหิจฺฉตาทีหิ ปาปธเมฺมหิ อนุธาวิตา โวสิตาฯ ชีวิกตฺถา ชีวิกปฺปโยชนา อาชีวเหตุกาฯ อุปาเยนาติ ปริกถาทินา อุปาเยน ปจฺจยุปฺปาทนนเยนฯ สงฺกฑฺฒนฺตีติ สํหรนฺติฯ
Lesakappeti kappiyalese kappiyapaṭirūpe. Pariyāyeti, paccayesu pariyāyassa yoge. Parikappeti vaḍḍhiādivikappane, sabbattha visaye bhummaṃ. Anudhāvitāti mahicchatādīhi pāpadhammehi anudhāvitā vositā. Jīvikatthā jīvikappayojanā ājīvahetukā. Upāyenāti parikathādinā upāyena paccayuppādananayena. Saṅkaḍḍhantīti saṃharanti.
อุปฎฺฐาเปนฺติ ปริสนฺติ ปริสาย อตฺตานํ อุปฎฺฐเปนฺติ, ยถา ปริสา อตฺตานํ อุปฎฺฐเปนฺติ, เอวํ ปริสํ สงฺคณฺหนฺตีติ อโตฺถฯ กมฺมโตติ กมฺมเหตุฯ เต หิ อตฺตโน กตฺตพฺพเวยฺยาวจฺจนิมิตฺตํ อุปฎฺฐเปนฺติฯ โน จ ธมฺมโตติ ธมฺมนิมิตฺตํ โน จ อุปฎฺฐเปนฺติฯ โย สตฺถารา อุลฺลุมฺปนสภาวสณฺฐิตาย ปริสาย สงฺคโห อนุญฺญาโต, เตน น สงฺคณฺหนฺตีติ อโตฺถฯ ลาภโตติ ลาภเหตุ, ‘‘อโยฺย พหุสฺสุโต, ภาณโก, ‘ธมฺมกถิโก’ติ เอวํ สมฺภาเวโนฺต มหาชโน มยฺหํ ลาภสกฺกาเร อุปนยิสฺสตี’’ติ อิจฺฉาจาเร ฐตฺวา ลาภนิมิตฺตํ ปเรสํ ธมฺมํ เทเสนฺติฯ โน จ อตฺถโตติ โย โส วิมุตฺตายตนสีเส ฐตฺวา สทฺธมฺมํ กเถเนฺตน ปตฺตโพฺพ อโตฺถ, น ตํทิฎฺฐธมฺมิกาทิเภทหิตนิมิตฺตํ ธมฺมํ เทเสนฺตีติ อโตฺถฯ
Upaṭṭhāpenti parisanti parisāya attānaṃ upaṭṭhapenti, yathā parisā attānaṃ upaṭṭhapenti, evaṃ parisaṃ saṅgaṇhantīti attho. Kammatoti kammahetu. Te hi attano kattabbaveyyāvaccanimittaṃ upaṭṭhapenti. No ca dhammatoti dhammanimittaṃ no ca upaṭṭhapenti. Yo satthārā ullumpanasabhāvasaṇṭhitāya parisāya saṅgaho anuññāto, tena na saṅgaṇhantīti attho. Lābhatoti lābhahetu, ‘‘ayyo bahussuto, bhāṇako, ‘dhammakathiko’ti evaṃ sambhāvento mahājano mayhaṃ lābhasakkāre upanayissatī’’ti icchācāre ṭhatvā lābhanimittaṃ paresaṃ dhammaṃ desenti. No ca atthatoti yo so vimuttāyatanasīse ṭhatvā saddhammaṃ kathentena pattabbo attho, na taṃdiṭṭhadhammikādibhedahitanimittaṃ dhammaṃ desentīti attho.
สงฺฆลาภสฺส ภณฺฑนฺตีติ สงฺฆลาภเหตุ ภณฺฑนฺติ ‘‘มยฺหํ ปาปุณาติ, น ตุยฺห’’นฺติอาทินา กลหํ กโรนฺติฯ สงฺฆโต ปริพาหิราติ, อริยสงฺฆโต พหิภูตา อริยสเงฺฆ ตทภาวโตฯ ปรลาโภปชีวนฺตาติ สาสเน ลาภสฺส อนฺธพาลปุถุชฺชเนหิ ปเร สีลาทิคุณสมฺปเนฺน เสเกฺข อุทฺทิสฺส อุปฺปนฺนตฺตา ตํ ปรลาภํ, ปรโต วา ทายกโต ลทฺธพฺพลาภํ อุปชีวนฺตา ภณฺฑนการกา ภิกฺขู ปาปชิคุจฺฉาย อภาวโต อหิริกา สมานา จ ‘‘มยํ ปรลาภํ ภุญฺชาม, ปรปฎิพทฺธชีวิกา’’ติปิ น ลชฺชเร น หิรียนฺติฯ
Saṅghalābhassa bhaṇḍantīti saṅghalābhahetu bhaṇḍanti ‘‘mayhaṃ pāpuṇāti, na tuyha’’ntiādinā kalahaṃ karonti. Saṅghato paribāhirāti, ariyasaṅghato bahibhūtā ariyasaṅghe tadabhāvato. Paralābhopajīvantāti sāsane lābhassa andhabālaputhujjanehi pare sīlādiguṇasampanne sekkhe uddissa uppannattā taṃ paralābhaṃ, parato vā dāyakato laddhabbalābhaṃ upajīvantā bhaṇḍanakārakā bhikkhū pāpajigucchāya abhāvato ahirikā samānā ca ‘‘mayaṃ paralābhaṃ bhuñjāma, parapaṭibaddhajīvikā’’tipi na lajjare na hirīyanti.
นานุยุตฺตาติ สมณกรเณหิ ธเมฺมหิ อนนุยุตฺตาฯ ตถาติ ยถา ปุเพฺพ วุตฺตา พนฺธนการกาทโย, ตถาฯ เอเกติ เอกเจฺจฯ มุณฺฑา สงฺฆาฎิปารุตาติ เกวลํ มุณฺฑิตเกสตาย มุณฺฑา ปิโลติกขเณฺฑหิ สงฺฆฎิตเฎฺฐน ‘‘สงฺฆาฎี’’ติ ลทฺธนาเมน จีวเรน ปารุตสรีราฯ สมฺภาวนํเยวิจฺฉนฺติ, ลาภสกฺการมุจฺฉิตาติ ลาภสกฺการาสาย มุจฺฉิตา อโชฺฌสิตา หุตฺวา, ‘‘เปสโล ธุตวาโท พหุสฺสุโต’’ติ วา มธุรวจนมนุยุตฺตา ‘‘อริโย’’ติ จ เกวลํ สมฺภาวนํ พหุมานํเยว อิจฺฉนฺติ เอสนฺติ, น ตนฺนิมิเตฺต คุเณติ อโตฺถฯ
Nānuyuttāti samaṇakaraṇehi dhammehi ananuyuttā. Tathāti yathā pubbe vuttā bandhanakārakādayo, tathā. Eketi ekacce. Muṇḍā saṅghāṭipārutāti kevalaṃ muṇḍitakesatāya muṇḍā pilotikakhaṇḍehi saṅghaṭitaṭṭhena ‘‘saṅghāṭī’’ti laddhanāmena cīvarena pārutasarīrā. Sambhāvanaṃyevicchanti, lābhasakkāramucchitāti lābhasakkārāsāya mucchitā ajjhositā hutvā, ‘‘pesalo dhutavādo bahussuto’’ti vā madhuravacanamanuyuttā ‘‘ariyo’’ti ca kevalaṃ sambhāvanaṃ bahumānaṃyeva icchanti esanti, na tannimitte guṇeti attho.
เอวนฺติ ‘‘กุสลานญฺจ ธมฺมานํ ปญฺญาย จ ปริกฺขยา’’ติ วุตฺตนเยนฯ นานปฺปยาตมฺหีติ นานปฺปกาเร เภทนธเมฺม ปยาเต สมกเต, นานปฺปกาเรน วา สํกิเลสธเมฺม ปยาตุํ ปวตฺติตุํ อารเทฺธฯ น ทานิ สุกรํ ตถาติ อิทานิ อิมสฺมิํ ทุลฺลภกลฺยาณมิเตฺต ทุลฺลภสปฺปายสทฺธมฺมสฺสวเน จ กาเล ยถา สตฺถริ ธรเนฺต อผุสิตํ อผุฎฺฐํ, อนธิคตํ ฌานวิปสฺสนํ ผุสิตุํ อธิคนฺตุํ, ผุสิตํ วา หานภาคิยํ ฐิติภาคิยเมว วา อหุตฺวา ยถา วิเสสภาคิยํ โหติ, ตถา อนุรกฺขิตุํ ปาเลตุํ สุกรํ, ตถา น สุกรํ, ตถา สมฺปาเทตุํ น สกฺกาติ อโตฺถฯ
Evanti ‘‘kusalānañca dhammānaṃ paññāya ca parikkhayā’’ti vuttanayena. Nānappayātamhīti nānappakāre bhedanadhamme payāte samakate, nānappakārena vā saṃkilesadhamme payātuṃ pavattituṃ āraddhe. Na dāni sukaraṃ tathāti idāni imasmiṃ dullabhakalyāṇamitte dullabhasappāyasaddhammassavane ca kāle yathā satthari dharante aphusitaṃ aphuṭṭhaṃ, anadhigataṃ jhānavipassanaṃ phusituṃ adhigantuṃ, phusitaṃ vā hānabhāgiyaṃ ṭhitibhāgiyameva vā ahutvā yathā visesabhāgiyaṃ hoti, tathā anurakkhituṃ pāletuṃ sukaraṃ, tathā na sukaraṃ, tathā sampādetuṃ na sakkāti attho.
อิทานิ อตฺตโน ปรินิพฺพานกาลสฺส อาสนฺนตฺตา สํขิเตฺตน โอวาเทน สพฺรหฺมจาริํ โอวทโนฺต ‘‘ยถา กณฺฎกฎฺฐานมฺหี’’ติอาทิมาหฯ ตสฺสโตฺถ – ยถา ปุริโส เกนจิเทว ปโยชเนน กณฺฎกนิจิเต ปเทเส อนุปาหโน วิจรโนฺต ‘‘มา มํ กณฺฎโก วิชฺฌี’’ติ สติํ อุปฎฺฐเปตฺวาว วิจรติ, เอวํ กิเลสกณฺฎกนิจิเต โคจรคาเม ปโยชเนน จรโนฺต มุนิ สติํ อุปฎฺฐเปตฺวาน สติสมฺปชญฺญยุโตฺต อปฺปมโตฺตว จเรยฺย กมฺมฎฺฐานํ อวิชหโนฺตติ วุตฺตํ โหติฯ
Idāni attano parinibbānakālassa āsannattā saṃkhittena ovādena sabrahmacāriṃ ovadanto ‘‘yathā kaṇṭakaṭṭhānamhī’’tiādimāha. Tassattho – yathā puriso kenacideva payojanena kaṇṭakanicite padese anupāhano vicaranto ‘‘mā maṃ kaṇṭako vijjhī’’ti satiṃ upaṭṭhapetvāva vicarati, evaṃ kilesakaṇṭakanicite gocaragāme payojanena caranto muni satiṃ upaṭṭhapetvāna satisampajaññayutto appamattova careyya kammaṭṭhānaṃ avijahantoti vuttaṃ hoti.
สริตฺวา ปุพฺพเก โยคี, เตสํ วตฺตมนุสฺสรนฺติ ปุริมเก โยเค ภาวนาย ยุตฺตตาย โยคี อารทฺธวิปสฺสเก สริตฺวา เตสํ วตฺตํ อาคมานุสาเรน สมฺมาปฎิปตฺติภาวนาวิธิํ อนุสฺสรโนฺต ธุรนิเกฺขปํ อกตฺวา ยถาปฎิปชฺชโนฺตฯ กิญฺจาปิ ปจฺฉิโม กาโลติ ยทิปายํ อตีตสตฺถุโก จริโม กาโล, ตถาปิ ยถาธมฺมเมว ปฎิปชฺชโนฺต วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปโนฺต ผุเสยฺย อมตํ ปทํ นิพฺพานํ อธิคเจฺฉยฺยฯ
Saritvā pubbake yogī, tesaṃ vattamanussaranti purimake yoge bhāvanāya yuttatāya yogī āraddhavipassake saritvā tesaṃ vattaṃ āgamānusārena sammāpaṭipattibhāvanāvidhiṃ anussaranto dhuranikkhepaṃ akatvā yathāpaṭipajjanto. Kiñcāpi pacchimo kāloti yadipāyaṃ atītasatthuko carimo kālo, tathāpi yathādhammameva paṭipajjanto vipassanaṃ ussukkāpento phuseyya amataṃ padaṃ nibbānaṃ adhigaccheyya.
อิทํ วตฺวาติ, ยถาทสฺสิตํ สํกิเลสโวทาเนสุ อิมํ ปฎิปตฺติวิธิํ กเถตฺวาฯ อยญฺจ โอสานคาถา สงฺคีติกาเรหิ เถรสฺส ปรินิพฺพานํ ปกาเสตุํ วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ
Idaṃ vatvāti, yathādassitaṃ saṃkilesavodānesu imaṃ paṭipattividhiṃ kathetvā. Ayañca osānagāthā saṅgītikārehi therassa parinibbānaṃ pakāsetuṃ vuttāti veditabbā.
ปาราปริยเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pārāpariyattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
วีสตินิปาตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Vīsatinipātavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๑๐. ปาราปริยเตฺถรคาถา • 10. Pārāpariyattheragāthā