Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถา • Suttanipāta-aṭṭhakathā |
ปารายนานุคีติคาถาวณฺณนา
Pārāyanānugītigāthāvaṇṇanā
๑๑๓๘. ปารายนมนุคายิสฺสนฺติ อสฺส อยํ สมฺพโนฺธ – ภควตา หิ ปารายเน เทสิเต โสฬสสหสฺสา ชฎิลา อรหตฺตํ ปาปุณิํสุ, อวเสสานญฺจ จุทฺทสโกฎิสงฺขานํ เทวมนุสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิฯ วุตฺตเญฺหตํ โปราเณหิ –
1138.Pārāyanamanugāyissanti assa ayaṃ sambandho – bhagavatā hi pārāyane desite soḷasasahassā jaṭilā arahattaṃ pāpuṇiṃsu, avasesānañca cuddasakoṭisaṅkhānaṃ devamanussānaṃ dhammābhisamayo ahosi. Vuttañhetaṃ porāṇehi –
‘‘ตโต ปาสาณเก รเมฺม, ปารายนสมาคเม;
‘‘Tato pāsāṇake ramme, pārāyanasamāgame;
อมตํ ปาปยี พุโทฺธ, จุทฺทส ปาณโกฎิโย’’ติฯ
Amataṃ pāpayī buddho, cuddasa pāṇakoṭiyo’’ti.
นิฎฺฐิตาย ปน ธมฺมเทสนาย ตโต ตโต อาคตา มนุสฺสา ภควโต อานุภาเวน อตฺตโน อตฺตโน คามนิคมาทีเสฺวว ปาตุรเหสุํฯ ภควาปิ สาวตฺถิเมว อคมาสิ ปริจารกโสฬสาทีหิ อเนเกหิ ภิกฺขุสหเสฺสหิ ปริวุโตฯ ตตฺถ ปิงฺคิโย ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘คจฺฉามหํ, ภเนฺต, พาวริสฺส พุทฺธุปฺปาทํ อาโรเจตุํ, ปฎิสฺสุตญฺหิ ตสฺส มยา’’ติฯ อถ ภควตา อนุญฺญาโต ญาณคมเนเนว โคธาวรีตีรํ คนฺตฺวา ปาทคมเนน อสฺสมาภิมุโข อคมาสิฯ ตเมนํ พาวรี พฺราหฺมโณ มคฺคํ โอโลเกโนฺต นิสิโนฺน ทูรโตว ขาริชฎาทิวิรหิตํ ภิกฺขุเวเสน อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘พุโทฺธ โลเก อุปฺปโนฺน’’ติ นิฎฺฐํ อคมาสิฯ สมฺปตฺตญฺจาปิ นํ ปุจฺฉิ – ‘‘กิํ, ปิงฺคิย, พุโทฺธ โลเก อุปฺปโนฺน’’ติฯ ‘‘อาม, พฺราหฺมณ, อุปฺปโนฺน, ปาสาณเก เจติเย นิสิโนฺน อมฺหากํ ธมฺมํ เทเสสิ, ตมหํ ตุยฺหํ เทเสสฺสามี’’ติฯ ตโต พาวรี มหตา สกฺกาเรน สปริโส ตํ ปูเชตฺวา อาสนํ ปญฺญาเปสิฯ ตตฺถ นิสีทิตฺวา ปิงฺคิโย ‘‘ปารายนมนุคายิสฺส’’นฺติอาทิมาหฯ
Niṭṭhitāya pana dhammadesanāya tato tato āgatā manussā bhagavato ānubhāvena attano attano gāmanigamādīsveva pāturahesuṃ. Bhagavāpi sāvatthimeva agamāsi paricārakasoḷasādīhi anekehi bhikkhusahassehi parivuto. Tattha piṅgiyo bhagavantaṃ vanditvā āha – ‘‘gacchāmahaṃ, bhante, bāvarissa buddhuppādaṃ ārocetuṃ, paṭissutañhi tassa mayā’’ti. Atha bhagavatā anuññāto ñāṇagamaneneva godhāvarītīraṃ gantvā pādagamanena assamābhimukho agamāsi. Tamenaṃ bāvarī brāhmaṇo maggaṃ olokento nisinno dūratova khārijaṭādivirahitaṃ bhikkhuvesena āgacchantaṃ disvā ‘‘buddho loke uppanno’’ti niṭṭhaṃ agamāsi. Sampattañcāpi naṃ pucchi – ‘‘kiṃ, piṅgiya, buddho loke uppanno’’ti. ‘‘Āma, brāhmaṇa, uppanno, pāsāṇake cetiye nisinno amhākaṃ dhammaṃ desesi, tamahaṃ tuyhaṃ desessāmī’’ti. Tato bāvarī mahatā sakkārena sapariso taṃ pūjetvā āsanaṃ paññāpesi. Tattha nisīditvā piṅgiyo ‘‘pārāyanamanugāyissa’’ntiādimāha.
ตตฺถ อนุคายิสฺสนฺติ ภควตา คีตํ อนุคายิสฺสํฯ ยถาทฺทกฺขีติ ยถา สามํ สจฺจาภิสโมฺพเธน อสาธารณญาเณน จ อทฺทกฺขิฯ นิกฺกาโมติ ปหีนกาโม ฯ ‘‘นิกฺกโม’’ติปิ ปาโฐ, วีริยวาติ อโตฺถ นิกฺขโนฺต วา อกุสลปกฺขาฯ นิพฺพโนติ กิเลสวนวิรหิโต, ตณฺหาวิรหิโต เอว วาฯ กิสฺส เหตุ มุสา ภเณติ เยหิ กิเลเสหิ มุสา ภเณยฺย, เอเต ตสฺส ปหีนาติ ทเสฺสติฯ เอเตน พฺราหฺมณสฺส สวเน อุสฺสาหํ ชเนติฯ
Tattha anugāyissanti bhagavatā gītaṃ anugāyissaṃ. Yathāddakkhīti yathā sāmaṃ saccābhisambodhena asādhāraṇañāṇena ca addakkhi. Nikkāmoti pahīnakāmo . ‘‘Nikkamo’’tipi pāṭho, vīriyavāti attho nikkhanto vā akusalapakkhā. Nibbanoti kilesavanavirahito, taṇhāvirahito eva vā. Kissa hetu musā bhaṇeti yehi kilesehi musā bhaṇeyya, ete tassa pahīnāti dasseti. Etena brāhmaṇassa savane ussāhaṃ janeti.
๑๑๓๙-๔๑. วณฺณูปสญฺหิตนฺติ คุณูปสญฺหิตํฯ สจฺจวฺหโยติ ‘‘พุโทฺธ’’ติ สเจฺจเนว อวฺหาเนน นาเมน ยุโตฺตฯ พฺรเหฺมติ ตํ พฺราหฺมณํ อาลปติฯ กุพฺพนกนฺติ ปริตฺตวนํฯ พหุปฺผลํ กานนมาวเสยฺยาติ อเนกผลาทิวิกติภริตํ กานนํ อาคมฺม วเสยฺยฯ อปฺปทเสฺสติ พาวริปภุติเก ปริตฺตปเญฺญฯ มโหทธินฺติ อโนตตฺตาทิํ มหนฺตํ อุทกราสิํฯ
1139-41.Vaṇṇūpasañhitanti guṇūpasañhitaṃ. Saccavhayoti ‘‘buddho’’ti sacceneva avhānena nāmena yutto. Brahmeti taṃ brāhmaṇaṃ ālapati. Kubbanakanti parittavanaṃ. Bahupphalaṃ kānanamāvaseyyāti anekaphalādivikatibharitaṃ kānanaṃ āgamma vaseyya. Appadasseti bāvaripabhutike parittapaññe. Mahodadhinti anotattādiṃ mahantaṃ udakarāsiṃ.
๑๑๔๒-๔. เยเม ปุเพฺพติ เย อิเม ปุเพฺพฯ ตมนุทาสิโนติ ตโมนุโท อาสิโนฯ ภูริปญฺญาโณติ ญาณธโชฯ ภูริเมธโสติ วิปุลปโญฺญฯ สนฺทิฎฺฐิกมกาลิกนฺติ สามํ ปสฺสิตพฺพผลํ, น จ กาลนฺตเร ปตฺตพฺพผลํฯ อนีติกนฺติ กิเลสอีติวิรหิตํฯ
1142-4.Yeme pubbeti ye ime pubbe. Tamanudāsinoti tamonudo āsino. Bhūripaññāṇoti ñāṇadhajo. Bhūrimedhasoti vipulapañño. Sandiṭṭhikamakālikanti sāmaṃ passitabbaphalaṃ, na ca kālantare pattabbaphalaṃ. Anītikanti kilesaītivirahitaṃ.
๑๑๔๕-๕๐. อถ นํ พาวรี อาห ‘‘กิํ นุ ตมฺหา’’ติ เทฺว คาถาฯ ตโต ปิงฺคิโย ภควโต สนฺติกา อวิปฺปวาสเมว ทีเปโนฺต ‘‘นาหํ ตมฺหา’’ติอาทิมาหฯ ปสฺสามิ นํ มนสา จกฺขุนาวาติ ตํ พุทฺธํ อหํ จกฺขุนา วิย มนสา ปสฺสามิ ฯ นมสฺสมาโน วิวเสมิ รตฺตินฺติ นมสฺสมาโนว รตฺติํ อตินาเมมิฯ เตน เตเนว นโตติ เยน ทิสาภาเคน พุโทฺธ, เตน เตเนวาหมฺปิ นโต ตนฺนิโนฺน ตโปฺปโณติ ทเสฺสติฯ
1145-50. Atha naṃ bāvarī āha ‘‘kiṃ nu tamhā’’ti dve gāthā. Tato piṅgiyo bhagavato santikā avippavāsameva dīpento ‘‘nāhaṃ tamhā’’tiādimāha. Passāmi naṃ manasā cakkhunāvāti taṃ buddhaṃ ahaṃ cakkhunā viya manasā passāmi . Namassamāno vivasemi rattinti namassamānova rattiṃ atināmemi. Tena teneva natoti yena disābhāgena buddho, tena tenevāhampi nato tanninno tappoṇoti dasseti.
๑๑๕๑. ทุพฺพลถามกสฺสาติ อปฺปถามกสฺส, อถ วา ทุพฺพลสฺส ทุตฺถามกสฺส จ พลวีริยหีนสฺสาติ วุตฺตํ โหติฯ เตเนว กาโย น ปเลตีติ เตเนว ทุพฺพลถามกเตฺตน กาโย น คจฺฉติ, เยน วา พุโทฺธ, เตน น คจฺฉติฯ ‘‘น ปเรตี’’ติปิ ปาโฐ, โส เอวโตฺถฯ ตตฺถาติ พุทฺธสฺส สนฺติเกฯ สงฺกปฺปยนฺตายาติ สงฺกปฺปคมเนนฯ เตน ยุโตฺตติ เยน พุโทฺธ, เตน ยุโตฺต ปยุโตฺต อนุยุโตฺตติ ทเสฺสติฯ
1151.Dubbalathāmakassāti appathāmakassa, atha vā dubbalassa dutthāmakassa ca balavīriyahīnassāti vuttaṃ hoti. Teneva kāyo na paletīti teneva dubbalathāmakattena kāyo na gacchati, yena vā buddho, tena na gacchati. ‘‘Na paretī’’tipi pāṭho, so evattho. Tatthāti buddhassa santike. Saṅkappayantāyāti saṅkappagamanena. Tena yuttoti yena buddho, tena yutto payutto anuyuttoti dasseti.
๑๑๕๒. ปเงฺก สยาโนติ กามกทฺทเม สยมาโนฯ ทีปา ทีปํ อุปปฺลวินฺติ สตฺถาราทิโต สตฺถาราทิํ อภิคจฺฉิํฯ อถทฺทสาสิํ สมฺพุทฺธนฺติ โสหํ เอวํ ทุทฺทิฎฺฐิํ คเหตฺวา อนฺวาหิณฺฑโนฺต อถ ปาสาณเก เจติเย พุทฺธมทฺทกฺขิํฯ
1152.Paṅkesayānoti kāmakaddame sayamāno. Dīpā dīpaṃ upaplavinti satthārādito satthārādiṃ abhigacchiṃ. Athaddasāsiṃ sambuddhanti sohaṃ evaṃ duddiṭṭhiṃ gahetvā anvāhiṇḍanto atha pāsāṇake cetiye buddhamaddakkhiṃ.
๑๑๕๓. อิมิสฺสา คาถาย อวสาเน ปิงฺคิยสฺส จ พาวริสฺส จ อินฺทฺริยปริปากํ วิทิตฺวา ภควา สาวตฺถิยํ ฐิโตเยว สุวโณฺณภาสํ มุญฺจิฯ ปิงฺคิโย พาวริสฺส พุทฺธคุเณ วณฺณยโนฺต นิสิโนฺน เอว ตํ โอภาสํ ทิสฺวา ‘‘กิํ อิท’’นฺติ วิโลเกโนฺต ภควนฺตํ อตฺตโน ปุรโต ฐิตํ วิย ทิสฺวา พาวริพฺราหฺมณสฺส ‘‘พุโทฺธ อาคโต’’ติ อาโรเจสิ, พฺราหฺมโณ อุฎฺฐายาสนา อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา อฎฺฐาสิฯ ภควาปิ โอภาสํ ผริตฺวา พฺราหฺมณสฺส อตฺตานํ ทเสฺสโนฺต อุภินฺนมฺปิ สปฺปายํ วิทิตฺวา ปิงฺคิยเมว อาลปมาโน ‘‘ยถา อหู วกฺกลี’’ติ อิมํ คาถมภาสิฯ
1153. Imissā gāthāya avasāne piṅgiyassa ca bāvarissa ca indriyaparipākaṃ viditvā bhagavā sāvatthiyaṃ ṭhitoyeva suvaṇṇobhāsaṃ muñci. Piṅgiyo bāvarissa buddhaguṇe vaṇṇayanto nisinno eva taṃ obhāsaṃ disvā ‘‘kiṃ ida’’nti vilokento bhagavantaṃ attano purato ṭhitaṃ viya disvā bāvaribrāhmaṇassa ‘‘buddho āgato’’ti ārocesi, brāhmaṇo uṭṭhāyāsanā añjaliṃ paggahetvā aṭṭhāsi. Bhagavāpi obhāsaṃ pharitvā brāhmaṇassa attānaṃ dassento ubhinnampi sappāyaṃ viditvā piṅgiyameva ālapamāno ‘‘yathā ahū vakkalī’’ti imaṃ gāthamabhāsi.
ตสฺสโตฺถ – ยถา วกฺกลิเตฺถโร สทฺธาธิมุโตฺต อโหสิ, สทฺธาธุเรน จ อรหตฺตํ ปาปุณิฯ ยถา จ โสฬสนฺนํ เอโก ภทฺราวุโธ นาม ยถา จ อาฬวิ โคตโม, เอวเมว ตฺวมฺปิ ปมุญฺจสฺสุ สทฺธํฯ ตโต สทฺธาย อธิมุจฺจโนฺต ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติอาทินา นเยน วิปสฺสนํ อารภิตฺวา มจฺจุเธยฺยสฺส ปารํ นิพฺพานํ คมิสฺสสีติ อรหตฺตนิกูเฎเนว เทสนํ นิฎฺฐาเปสิฯ เทสนาปริโยสาเน ปิงฺคิโย อรหเตฺต พาวรี อนาคามิผเล ปติฎฺฐหิฯ พาวริพฺราหฺมณสฺส สิสฺสา ปน ปญฺจสตา โสตาปนฺนา อเหสุํฯ
Tassattho – yathā vakkalitthero saddhādhimutto ahosi, saddhādhurena ca arahattaṃ pāpuṇi. Yathā ca soḷasannaṃ eko bhadrāvudho nāma yathā ca āḷavi gotamo, evameva tvampi pamuñcassu saddhaṃ. Tato saddhāya adhimuccanto ‘‘sabbe saṅkhārā aniccā’’tiādinā nayena vipassanaṃ ārabhitvā maccudheyyassa pāraṃ nibbānaṃ gamissasīti arahattanikūṭeneva desanaṃ niṭṭhāpesi. Desanāpariyosāne piṅgiyo arahatte bāvarī anāgāmiphale patiṭṭhahi. Bāvaribrāhmaṇassa sissā pana pañcasatā sotāpannā ahesuṃ.
๑๑๕๔-๕. อิทานิ ปิงฺคิโย อตฺตโน ปสาทํ ปเวเทโนฺต ‘‘เอส ภิโยฺย’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปฎิภานวาติ ปฎิภานปฎิสมฺภิทาย อุเปโตฯ อธิเทเว อภิญฺญายาติ อธิเทวกเร ธเมฺม ญตฺวาฯ ปโรวรนฺติ หีนปณีตํ, อตฺตโน จ ปรสฺส จ อธิเทวตฺตกรํ สพฺพํ ธมฺมชาตํ เวทีติ วุตฺตํ โหติฯ กงฺขีนํ ปฎิชานตนฺติ กงฺขีนํเยว สตํ ‘‘นิกฺกงฺขมฺหา’’ติ ปฎิชานนฺตานํฯ
1154-5. Idāni piṅgiyo attano pasādaṃ pavedento ‘‘esa bhiyyo’’tiādimāha. Tattha paṭibhānavāti paṭibhānapaṭisambhidāya upeto. Adhideve abhiññāyāti adhidevakare dhamme ñatvā. Parovaranti hīnapaṇītaṃ, attano ca parassa ca adhidevattakaraṃ sabbaṃ dhammajātaṃ vedīti vuttaṃ hoti. Kaṅkhīnaṃ paṭijānatanti kaṅkhīnaṃyeva sataṃ ‘‘nikkaṅkhamhā’’ti paṭijānantānaṃ.
๑๑๕๖. อสํหีรนฺติ ราคาทีหิ อสํหาริยํฯ อสํกุปฺปนฺติ อกุปฺปํ อวิปริณามธมฺมํฯ ทฺวีหิปิ ปเทหิ นิพฺพานํ ภณติฯ อทฺธา คมิสฺสามีติ เอกํเสเนว ตํ อนุปาทิเสสํ นิพฺพานธาตุํ คมิสฺสามิฯ น เมตฺถ กงฺขาติ นตฺถิ เม เอตฺถ นิพฺพาเน กงฺขาฯ เอวํ มํ ธาเรหิ อธิมุตฺตจิตฺตนฺติ ปิงฺคิโย ‘‘เอวเมว ตฺวมฺปิ ปมุญฺจสฺสุ สทฺธ’’นฺติฯ อิมินา ภควโต โอวาเทน อตฺตนิ สทฺธํ อุปฺปาเทตฺวา สทฺธาธุเรเนว จ วิมุญฺจิตฺวา ตํ สทฺธาธิมุตฺตตํ ปกาเสโนฺต ภควนฺตํ อาห – ‘‘เอวํ มํ ธาเรหิ อธิมุตฺตจิตฺต’’นฺติฯ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย ‘‘ยถา มํ ตฺวํ อวจ, เอวเมว อธิมุตฺตํ ธาเรหี’’ติฯ
1156.Asaṃhīranti rāgādīhi asaṃhāriyaṃ. Asaṃkuppanti akuppaṃ avipariṇāmadhammaṃ. Dvīhipi padehi nibbānaṃ bhaṇati. Addhā gamissāmīti ekaṃseneva taṃ anupādisesaṃ nibbānadhātuṃ gamissāmi. Na mettha kaṅkhāti natthi me ettha nibbāne kaṅkhā. Evaṃ maṃ dhārehi adhimuttacittanti piṅgiyo ‘‘evameva tvampi pamuñcassu saddha’’nti. Iminā bhagavato ovādena attani saddhaṃ uppādetvā saddhādhureneva ca vimuñcitvā taṃ saddhādhimuttataṃ pakāsento bhagavantaṃ āha – ‘‘evaṃ maṃ dhārehi adhimuttacitta’’nti. Ayamettha adhippāyo ‘‘yathā maṃ tvaṃ avaca, evameva adhimuttaṃ dhārehī’’ti.
อิติ ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฎฺฐกถาย
Iti paramatthajotikāya khuddaka-aṭṭhakathāya
สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถาย โสฬสพฺราหฺมณสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Suttanipāta-aṭṭhakathāya soḷasabrāhmaṇasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
นิฎฺฐิโต จ ปญฺจโม วโคฺค อตฺถวณฺณนานยโต, นาเมน
Niṭṭhito ca pañcamo vaggo atthavaṇṇanānayato, nāmena
ปารายนวโคฺคติฯ
Pārāyanavaggoti.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / สุตฺตนิปาตปาฬิ • Suttanipātapāḷi / ปารายนานุคีติคาถา • Pārāyanānugītigāthā