Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā |
๑๐. ปาริจฺฉตฺตกวิมานวณฺณนา
10. Pāricchattakavimānavaṇṇanā
ปาริจฺฉตฺตเก โกวิฬาเรติ ปาริจฺฉตฺตกวิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเนฯ เตน สมเยน สาวตฺถิวาสี อญฺญตโร อุปาสโก ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา, สฺวาตนาย นิมเนฺตตฺวา, อตฺตโน เคหทฺวาเร มหนฺตํ มณฺฑปํ สเชฺชตฺวา สาณิปาการํ ปริกฺขิปิตฺวา อุปริ วิตานํ พนฺธิตฺวา ธชปฎากาทโย อุสฺสาเปตฺวา นานาวิราควณฺณานิ วตฺถานิ คนฺธทามมาลาทามานิ จ โอลเมฺพตฺวา สิตฺตสมฺมเฎฺฐ ปเทเส อาสนานิ ปญฺญาเปตฺวา ภควโต กาลํ อาโรเจสิฯ อถ ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เทววิมานํ วิย อลงฺกตปฎิยตฺตํ มณฺฑปํ ปวิสิตฺวา สหสฺสรํสี วิย อณฺณวกุจฺฉิํ โอภาสยมาโน ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ อุปาสโก คนฺธปุปฺผธูมทีเปหิ ภควนฺตํ ปูเชสิฯ
Pāricchattake koviḷāreti pāricchattakavimānaṃ. Tassa kā uppatti? Bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane. Tena samayena sāvatthivāsī aññataro upāsako bhagavantaṃ upasaṅkamitvā, svātanāya nimantetvā, attano gehadvāre mahantaṃ maṇḍapaṃ sajjetvā sāṇipākāraṃ parikkhipitvā upari vitānaṃ bandhitvā dhajapaṭākādayo ussāpetvā nānāvirāgavaṇṇāni vatthāni gandhadāmamālādāmāni ca olambetvā sittasammaṭṭhe padese āsanāni paññāpetvā bhagavato kālaṃ ārocesi. Atha bhagavā pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya devavimānaṃ viya alaṅkatapaṭiyattaṃ maṇḍapaṃ pavisitvā sahassaraṃsī viya aṇṇavakucchiṃ obhāsayamāno paññatte āsane nisīdi. Upāsako gandhapupphadhūmadīpehi bhagavantaṃ pūjesi.
เตน จ สมเยน อญฺญตรา กฎฺฐหาริกา อิตฺถี อนฺธวเน สุปุปฺผิตํ อโสกรุกฺขํ ทิสฺวา สปลฺลวงฺกุรานิ ปิณฺฑีกตานิ พหูนิ อโสกปุปฺผานิ คเหตฺวา อาคจฺฉนฺตี, ภควนฺตํ ตตฺถ นิสินฺนํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺตา อาสนสฺส สมนฺตโต เตหิ ปุเปฺผหิ ปุปฺผสนฺถรํ สนฺถรนฺตี, ภควโต ปูชํ กตฺวา วนฺทิตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา นมสฺสมานา อคมาสิฯ สา อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา ตาวติํเสสุ นิพฺพตฺติ, อจฺฉราสหสฺสปริวารา เยภุเยฺยน นนฺทนวเน นจฺจนฺตี คายนฺตี ปาริจฺฉตฺตกมาลา คเนฺถนฺตี ปโมทมานา กีฬนฺตี สุขํ อนุภวติฯ อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เหฎฺฐา วุตฺตนเยน เทวจาริกํ จรโนฺต ตาวติํสภวนํ คนฺตฺวา ตํ ทิสฺวา ตาย กตกมฺมํ อิมาหิ คาถาหิ ปุจฺฉิ –
Tena ca samayena aññatarā kaṭṭhahārikā itthī andhavane supupphitaṃ asokarukkhaṃ disvā sapallavaṅkurāni piṇḍīkatāni bahūni asokapupphāni gahetvā āgacchantī, bhagavantaṃ tattha nisinnaṃ disvā pasannacittā āsanassa samantato tehi pupphehi pupphasantharaṃ santharantī, bhagavato pūjaṃ katvā vanditvā tikkhattuṃ padakkhiṇaṃ katvā namassamānā agamāsi. Sā aparena samayena kālaṃ katvā tāvatiṃsesu nibbatti, accharāsahassaparivārā yebhuyyena nandanavane naccantī gāyantī pāricchattakamālā ganthentī pamodamānā kīḷantī sukhaṃ anubhavati. Athāyasmā mahāmoggallāno heṭṭhā vuttanayena devacārikaṃ caranto tāvatiṃsabhavanaṃ gantvā taṃ disvā tāya katakammaṃ imāhi gāthāhi pucchi –
๖๘๐.
680.
‘‘ปาริจฺฉตฺตเก โกวิฬาเร, รมณีเย มโนรเม;
‘‘Pāricchattake koviḷāre, ramaṇīye manorame;
ทิพฺพมาลํ คนฺถมานา, คายนฺตี สมฺปโมทสิฯ
Dibbamālaṃ ganthamānā, gāyantī sampamodasi.
๖๘๑.
681.
‘‘ตสฺสา เต นจฺจมานาย, องฺคมเงฺคหิ สพฺพโส;
‘‘Tassā te naccamānāya, aṅgamaṅgehi sabbaso;
ทิพฺพา สทฺทา นิจฺฉรนฺติ, สวนียา มโนรมาฯ
Dibbā saddā niccharanti, savanīyā manoramā.
๖๘๒.
682.
‘‘ตสฺสา เต นจฺจมานาย, องฺคมเงฺคหิ สพฺพโส;
‘‘Tassā te naccamānāya, aṅgamaṅgehi sabbaso;
ทิพฺพา คนฺธา ปวายนฺติ, สุจิคนฺธา มโนรมาฯ
Dibbā gandhā pavāyanti, sucigandhā manoramā.
๖๘๓.
683.
‘‘วิวตฺตมานา กาเยน, ยา เวณีสุ ปิฬนฺธนา;
‘‘Vivattamānā kāyena, yā veṇīsu piḷandhanā;
เตสํ สุยฺยติ นิโคฺฆโส, ตูริเย ปญฺจงฺคิเก ยถาฯ
Tesaṃ suyyati nigghoso, tūriye pañcaṅgike yathā.
๖๘๔.
684.
‘‘วฎํสกา วาตธุตา, วาเตน สมฺปกมฺปิตา;
‘‘Vaṭaṃsakā vātadhutā, vātena sampakampitā;
เตสํ สุยฺยติ นิโคฺฆโส, ตูริเย ปญฺจงฺคิเก ยถาฯ
Tesaṃ suyyati nigghoso, tūriye pañcaṅgike yathā.
๖๘๕.
685.
‘‘ยาปิ เต สิรสฺมิํ มาลา, สุจิคนฺธา มโนรมา;
‘‘Yāpi te sirasmiṃ mālā, sucigandhā manoramā;
วาติ คโนฺธ ทิสา สพฺพา, รุโกฺข มญฺชูสโก ยถาฯ
Vāti gandho disā sabbā, rukkho mañjūsako yathā.
๖๘๖.
686.
‘‘ฆายเส ตํ สุจิคนฺธํ, รูปํ ปสฺสสิ อมานุสํ;
‘‘Ghāyase taṃ sucigandhaṃ, rūpaṃ passasi amānusaṃ;
เทวเต ปุจฺฉิตาจิกฺข, กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติฯ
Devate pucchitācikkha, kissa kammassidaṃ phala’’nti.
๖๘๐. ตตฺถ ปาริจฺฉตฺตเก โกวิฬาเรติ ปาริจฺฉตฺตกนามเก โกวิฬารปุเปฺผ อาทาย ทิพฺพมาลํ คนฺถมานาติ โยชนาฯ ยญฺหิ โลกิยา ‘‘ปาริชาต’’นฺติ วทนฺติ, ตํ มาคธภาสาย ‘‘ปาริจฺฉตฺตก’’นฺติ วุจฺจติฯ โกวิฬาโรติ จ โกวิฬารชาติโก, โส จ มนุสฺสโลเกปิ เทวโลเกปิ โกวิฬาโร, ตสฺสาปิ ชาตีติ วทนฺติฯ
680. Tattha pāricchattake koviḷāreti pāricchattakanāmake koviḷārapupphe ādāya dibbamālaṃ ganthamānāti yojanā. Yañhi lokiyā ‘‘pārijāta’’nti vadanti, taṃ māgadhabhāsāya ‘‘pāricchattaka’’nti vuccati. Koviḷāroti ca koviḷārajātiko, so ca manussalokepi devalokepi koviḷāro, tassāpi jātīti vadanti.
๖๘๑. ตสฺสา ปน เทวตาย นจฺจนกาเล องฺคภารวเสน สรีรโต จ ปิฬนฺธนโต จ อติวิย มธุโร สโทฺท นิจฺฉรติ, คโนฺธ สทา สพฺพา ทิสาปิ ผริตฺวา ติฎฺฐติฯ เตนาห ‘‘ตสฺสา เต นจฺจมานายา’’ติอาทิฯ ตตฺถ สวนียาติ โสตุํ ยุตฺตา, สวนสฺส วา หิตา, กณฺณสุขาติ อโตฺถฯ
681. Tassā pana devatāya naccanakāle aṅgabhāravasena sarīrato ca piḷandhanato ca ativiya madhuro saddo niccharati, gandho sadā sabbā disāpi pharitvā tiṭṭhati. Tenāha ‘‘tassā te naccamānāyā’’tiādi. Tattha savanīyāti sotuṃ yuttā, savanassa vā hitā, kaṇṇasukhāti attho.
๖๘๓. วิวตฺตมานา กาเยนาติ ตว กาเยน สรีเรน ปริวตฺตมาเนน, อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ เจตํ กรณวจนํฯ ยา เวณีสุ ปิฬนฺธนาติ ยานิ เต เกสเวณีสุ ปิฬนฺธนานิ, วิภตฺติโลโป เจตฺถ ทฎฺฐโพฺพ, ลิงฺควิปลฺลาโส วาฯ
683.Vivattamānā kāyenāti tava kāyena sarīrena parivattamānena, itthambhūtalakkhaṇe cetaṃ karaṇavacanaṃ. Yā veṇīsu piḷandhanāti yāni te kesaveṇīsu piḷandhanāni, vibhattilopo cettha daṭṭhabbo, liṅgavipallāso vā.
๖๘๔. วฎํสกาติ รตนมยา กณฺณิกา วฎํสกาติ อโตฺถฯ วาตธุตาติ มเนฺทน มาลุเตน ธูปยมานาฯ วาเตน สมฺปกมฺปิตาติ วาเตน สมนฺตโต วิเสสโต กมฺปิตา จลิตาฯ อถ วา วฎํสกา วาตธุตา, วาเตน สมฺปกมฺปิตาติ อวาเตริตาปิ วาเตริตาปิ เย เต วฎํสกา กมฺปิตา, เตสํ สุยฺยติ นิโคฺฆโสติ อตฺถโยชนาฯ
684.Vaṭaṃsakāti ratanamayā kaṇṇikā vaṭaṃsakāti attho. Vātadhutāti mandena mālutena dhūpayamānā. Vātenasampakampitāti vātena samantato visesato kampitā calitā. Atha vā vaṭaṃsakā vātadhutā, vātena sampakampitāti avāteritāpi vāteritāpi ye te vaṭaṃsakā kampitā, tesaṃ suyyati nigghosoti atthayojanā.
๖๘๕. วาติ คโนฺธ ทิสา สพฺพาติ ตสฺสา เต สิรสฺมิํ ทิพฺพมาลาย คโนฺธ วายติ สพฺพา ทิสาฯ ยถา กิํ? รุโกฺข มญฺชูสโก ยถาติ, ยถา นาม มญฺชูสโก รุโกฺข สุปุปฺผิโต อตฺตโน คเนฺธน พหูนิ โยชนานิ ผรมาโน สพฺพา ทิสา วายติ, เอวํ ตว สิรสฺมิํ ปิฬนฺธนมาลาย คโนฺธติ อโตฺถฯ โส กิร รุโกฺข คนฺธมาทเน ปเจฺจกพุทฺธานํ อุโปสถกรณมณฺฑลมาฬกมเชฺฌ ติฎฺฐติฯ ยตฺตกานิ เทวโลเก จ มนุสฺสโลเก จ สุรภิกุสุมานิ, ตานิ ตสฺส สาขเคฺคสุ นิพฺพตฺตนฺติฯ เตน โส อติวิย สุคโนฺธ โหติฯ เอวํ ตาย เทวตาย ปิฬนฺธนมาลาย คโนฺธติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘รุโกฺข มญฺชูสโก ยถา’’ติฯ
685.Vāti gandho disā sabbāti tassā te sirasmiṃ dibbamālāya gandho vāyati sabbā disā. Yathā kiṃ? Rukkho mañjūsako yathāti, yathā nāma mañjūsako rukkho supupphito attano gandhena bahūni yojanāni pharamāno sabbā disā vāyati, evaṃ tava sirasmiṃ piḷandhanamālāya gandhoti attho. So kira rukkho gandhamādane paccekabuddhānaṃ uposathakaraṇamaṇḍalamāḷakamajjhe tiṭṭhati. Yattakāni devaloke ca manussaloke ca surabhikusumāni, tāni tassa sākhaggesu nibbattanti. Tena so ativiya sugandho hoti. Evaṃ tāya devatāya piḷandhanamālāya gandhoti. Tena vuttaṃ ‘‘rukkho mañjūsako yathā’’ti.
๖๘๖. ยทิปิ ตสฺส สคฺคสฺส ฉผสฺสายตนิกภาวโต สพฺพานิปิ ตตฺถ อารมฺมณานิ ปิยรูปานิเยว, คนฺธรูปานํ ปน สวิเสสานํ ตสฺสา เทวตาย ลาภิภาวโต ‘‘ฆายเส ตํ สุจิคนฺธํ, รูปํ ปสฺสสิ อมานุส’’นฺติ วุตฺตํฯ
686. Yadipi tassa saggassa chaphassāyatanikabhāvato sabbānipi tattha ārammaṇāni piyarūpāniyeva, gandharūpānaṃ pana savisesānaṃ tassā devatāya lābhibhāvato ‘‘ghāyase taṃ sucigandhaṃ, rūpaṃ passasi amānusa’’nti vuttaṃ.
อถ เทวตา ทฺวีหิ คาถาหิ พฺยากาสิ –
Atha devatā dvīhi gāthāhi byākāsi –
๖๘๗.
687.
‘‘ปภสฺสรํ อจฺจิมนฺตํ, วณฺณคเนฺธน สํยุตํ;
‘‘Pabhassaraṃ accimantaṃ, vaṇṇagandhena saṃyutaṃ;
อโสกปุปฺผมาลาหํ, พุทฺธสฺส อุปนามยิํฯ
Asokapupphamālāhaṃ, buddhassa upanāmayiṃ.
๖๘๘.
688.
‘‘ตาหํ กมฺมํ กริตฺวาน, กุสลํ พุทฺธวณฺณิตํ;
‘‘Tāhaṃ kammaṃ karitvāna, kusalaṃ buddhavaṇṇitaṃ;
อเปตโสกา สุขิตา, สมฺปโมทามนามยา’’ติฯ
Apetasokā sukhitā, sampamodāmanāmayā’’ti.
๖๘๗. ตตฺถ สุโธตปวาฬสงฺฆาตสนฺนิภสฺส กิญฺชกฺขเกสรสมุทาเยน ภาณุรํสิชาลสฺส วิย อโสกปุปฺผุตฺตมสฺส ตทา อุปฎฺฐิตตํ สนฺธายาห ‘‘ปภสฺสรํ อจฺจิมนฺต’’นฺติฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ
687. Tattha sudhotapavāḷasaṅghātasannibhassa kiñjakkhakesarasamudāyena bhāṇuraṃsijālassa viya asokapupphuttamassa tadā upaṭṭhitataṃ sandhāyāha ‘‘pabhassaraṃ accimanta’’nti. Sesaṃ vuttanayameva.
อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตาย เทวตาย อตฺตโน สุจริตกเมฺม กถิเต สปริวาราย ตสฺสา ธมฺมํ เทเสตฺวา ตโต มนุสฺสโลกํ อาคนฺตฺวา ภควโต ตํ ปวตฺติํ กเถสิฯ ภควา ตํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา สมฺปตฺตมหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสสิ, สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติฯ
Athāyasmā mahāmoggallāno tāya devatāya attano sucaritakamme kathite saparivārāya tassā dhammaṃ desetvā tato manussalokaṃ āgantvā bhagavato taṃ pavattiṃ kathesi. Bhagavā taṃ aṭṭhuppattiṃ katvā sampattamahājanassa dhammaṃ desesi, sā desanā mahājanassa sātthikā ahosīti.
ปาริจฺฉตฺตกวิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pāricchattakavimānavaṇṇanā niṭṭhitā.
อิติ ปรมตฺถทีปนิยา ขุทฺทก-อฎฺฐกถาย วิมานวตฺถุสฺมิํ
Iti paramatthadīpaniyā khuddaka-aṭṭhakathāya vimānavatthusmiṃ
ทสวตฺถุปฎิมณฺฑิตสฺส ตติยสฺส ปาริจฺฉตฺตกวคฺคสฺส
Dasavatthupaṭimaṇḍitassa tatiyassa pāricchattakavaggassa
อตฺถวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Atthavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๑๐. ปาริจฺฉตฺตกวิมานวตฺถุ • 10. Pāricchattakavimānavatthu