Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๕. ปริหานสุตฺตํ
5. Parihānasuttaṃ
๕๕. ตตฺร โข อายสฺมา สาริปุโตฺต ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อาวุโส ภิกฺขเว’’ติ 1ฯ ‘‘อาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปจฺจโสฺสสุํฯ อายสฺมา สาริปุโตฺต เอตทโวจ –
55. Tatra kho āyasmā sāriputto bhikkhū āmantesi – ‘‘āvuso bhikkhave’’ti 2. ‘‘Āvuso’’ti kho te bhikkhū āyasmato sāriputtassa paccassosuṃ. Āyasmā sāriputto etadavoca –
‘‘‘ปริหานธโมฺม ปุคฺคโล, ปริหานธโมฺม ปุคฺคโล’ติ, อาวุโส, วุจฺจติฯ ‘อปริหานธโมฺม ปุคฺคโล, อปริหานธโมฺม ปุคฺคโล’ติ, อาวุโส, วุจฺจติฯ กิตฺตาวตา นุ โข, อาวุโส, ปริหานธโมฺม ปุคฺคโล วุโตฺต ภควตา, กิตฺตาวตา จ ปน อปริหานธโมฺม ปุคฺคโล วุโตฺต ภควตา’’ติ? ‘‘ทูรโตปิ โข มยํ, อาวุโส, อาคจฺฉาม อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส สนฺติเก เอตสฺส ภาสิตสฺส อตฺถมญฺญาตุํฯ สาธุ วตายสฺมนฺตํเยว สาริปุตฺตํ ปฎิภาตุ เอตสฺส ภาสิตสฺส อโตฺถ ฯ อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส สุตฺวา ภิกฺขู ธาเรสฺสนฺตี’’ติฯ
‘‘‘Parihānadhammo puggalo, parihānadhammo puggalo’ti, āvuso, vuccati. ‘Aparihānadhammo puggalo, aparihānadhammo puggalo’ti, āvuso, vuccati. Kittāvatā nu kho, āvuso, parihānadhammo puggalo vutto bhagavatā, kittāvatā ca pana aparihānadhammo puggalo vutto bhagavatā’’ti? ‘‘Dūratopi kho mayaṃ, āvuso, āgacchāma āyasmato sāriputtassa santike etassa bhāsitassa atthamaññātuṃ. Sādhu vatāyasmantaṃyeva sāriputtaṃ paṭibhātu etassa bhāsitassa attho . Āyasmato sāriputtassa sutvā bhikkhū dhāressantī’’ti.
‘‘เตนหาวุโส , สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ; ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปจฺจโสฺสสุํฯ อายสฺมา สาริปุโตฺต เอตทโวจ –
‘‘Tenahāvuso , suṇātha, sādhukaṃ manasi karotha; bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evamāvuso’’ti kho te bhikkhū āyasmato sāriputtassa paccassosuṃ. Āyasmā sāriputto etadavoca –
‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, อาวุโส, ปริหานธโมฺม ปุคฺคโล วุโตฺต ภควตา? อิธาวุโส, ภิกฺขุ อสฺสุตเญฺจว ธมฺมํ น สุณาติ, สุตา จสฺส ธมฺมา สโมฺมสํ คจฺฉนฺติ, เย จสฺส ธมฺมา ปุเพฺพ เจตโส อสมฺผุฎฺฐปุพฺพา เต จสฺส น สมุทาจรนฺติ, อวิญฺญาตเญฺจว น วิชานาติฯ เอตฺตาวตา โข, อาวุโส, ปริหานธโมฺม ปุคฺคโล วุโตฺต ภควตาฯ
‘‘Kittāvatā nu kho, āvuso, parihānadhammo puggalo vutto bhagavatā? Idhāvuso, bhikkhu assutañceva dhammaṃ na suṇāti, sutā cassa dhammā sammosaṃ gacchanti, ye cassa dhammā pubbe cetaso asamphuṭṭhapubbā te cassa na samudācaranti, aviññātañceva na vijānāti. Ettāvatā kho, āvuso, parihānadhammo puggalo vutto bhagavatā.
‘‘กิตฺตาวตา จ ปนาวุโส, อปริหานธโมฺม ปุคฺคโล วุโตฺต ภควตา? อิธาวุโส, ภิกฺขุ อสฺสุตเญฺจว ธมฺมํ สุณาติ, สุตา จสฺส ธมฺมา น สโมฺมสํ คจฺฉนฺติ, เย จสฺส ธมฺมา ปุเพฺพ เจตโส อสมฺผุฎฺฐปุพฺพา เต จสฺส สมุทาจรนฺติ, อวิญฺญาตเญฺจว วิชานาติฯ เอตฺตาวตา โข, อาวุโส, อปริหานธโมฺม ปุคฺคโล วุโตฺต ภควตาฯ
‘‘Kittāvatā ca panāvuso, aparihānadhammo puggalo vutto bhagavatā? Idhāvuso, bhikkhu assutañceva dhammaṃ suṇāti, sutā cassa dhammā na sammosaṃ gacchanti, ye cassa dhammā pubbe cetaso asamphuṭṭhapubbā te cassa samudācaranti, aviññātañceva vijānāti. Ettāvatā kho, āvuso, aparihānadhammo puggalo vutto bhagavatā.
‘‘โน เจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปรจิตฺตปริยายกุสโล โหติ, อถ ‘สจิตฺตปริยายกุสโล ภวิสฺสามี’ติ – เอวญฺหิ โว, อาวุโส, สิกฺขิตพฺพํฯ
‘‘No ce, āvuso, bhikkhu paracittapariyāyakusalo hoti, atha ‘sacittapariyāyakusalo bhavissāmī’ti – evañhi vo, āvuso, sikkhitabbaṃ.
‘‘กถญฺจาวุโส, ภิกฺขุ สจิตฺตปริยายกุสโล โหติ? เสยฺยถาปิ, อาวุโส, อิตฺถี วา ปุริโส วา ทหโร ยุวา มณฺฑนกชาติโก อาทาเส วา ปริสุเทฺธ ปริโยทาเต อเจฺฉ วา อุทปเตฺต สกํ มุขนิมิตฺตํ ปจฺจเวกฺขมาโน สเจ ตตฺถ ปสฺสติ รชํ วา องฺคณํ วา, ตเสฺสว รชสฺส วา องฺคณสฺส วา ปหานาย วายมติฯ โน เจ ตตฺถ ปสฺสติ รชํ วา องฺคณํ วา, เตเนวตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกโปฺป – ‘ลาภา วต เม, ปริสุทฺธํ วต เม’ติฯ เอวเมว โข, อาวุโส, ภิกฺขุโน ปจฺจเวกฺขณา พหุการา โหติ กุสเลสุ ธเมฺมสุ – ‘อนภิชฺฌาลุ นุ โข พหุลํ วิหรามิ, สํวิชฺชติ นุ โข เม เอโส ธโมฺม อุทาหุ โน, อพฺยาปนฺนจิโตฺต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, สํวิชฺชติ นุ โข เม เอโส ธโมฺม อุทาหุ โน, วิคตถินมิโทฺธ นุ โข พหุลํ วิหรามิ, สํวิชฺชติ นุ โข เม เอโส ธโมฺม อุทาหุ โน, อนุทฺธโต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, สํวิชฺชติ นุ โข เม เอโส ธโมฺม อุทาหุ โน, ติณฺณวิจิกิโจฺฉ นุ โข พหุลํ วิหรามิ, สํวิชฺชติ นุ โข เม เอโส ธโมฺม อุทาหุ โน, อโกฺกธโน นุ โข พหุลํ วิหรามิ, สํวิชฺชติ นุ โข เม เอโส ธโมฺม อุทาหุ โน, อสํกิลิฎฺฐจิโตฺต นุ โข พหุลํ วิหรามิ, สํวิชฺชติ นุ โข เม เอโส ธโมฺม อุทาหุ โน, ลาภี นุ โขมฺหิ อชฺฌตฺตํ ธมฺมปาโมชฺชสฺส, สํวิชฺชติ นุ โข เม เอโส ธโมฺม อุทาหุ โน, ลาภี นุ โขมฺหิ อชฺฌตฺตํ เจโตสมถสฺส, สํวิชฺชติ นุ โข เม เอโส ธโมฺม อุทาหุ โน, ลาภี นุ โขมฺหิ อธิปญฺญาธมฺมวิปสฺสนาย, สํวิชฺชติ นุ โข เม เอโส ธโมฺม อุทาหุ โน’ติฯ
‘‘Kathañcāvuso, bhikkhu sacittapariyāyakusalo hoti? Seyyathāpi, āvuso, itthī vā puriso vā daharo yuvā maṇḍanakajātiko ādāse vā parisuddhe pariyodāte acche vā udapatte sakaṃ mukhanimittaṃ paccavekkhamāno sace tattha passati rajaṃ vā aṅgaṇaṃ vā, tasseva rajassa vā aṅgaṇassa vā pahānāya vāyamati. No ce tattha passati rajaṃ vā aṅgaṇaṃ vā, tenevattamano hoti paripuṇṇasaṅkappo – ‘lābhā vata me, parisuddhaṃ vata me’ti. Evameva kho, āvuso, bhikkhuno paccavekkhaṇā bahukārā hoti kusalesu dhammesu – ‘anabhijjhālu nu kho bahulaṃ viharāmi, saṃvijjati nu kho me eso dhammo udāhu no, abyāpannacitto nu kho bahulaṃ viharāmi, saṃvijjati nu kho me eso dhammo udāhu no, vigatathinamiddho nu kho bahulaṃ viharāmi, saṃvijjati nu kho me eso dhammo udāhu no, anuddhato nu kho bahulaṃ viharāmi, saṃvijjati nu kho me eso dhammo udāhu no, tiṇṇavicikiccho nu kho bahulaṃ viharāmi, saṃvijjati nu kho me eso dhammo udāhu no, akkodhano nu kho bahulaṃ viharāmi, saṃvijjati nu kho me eso dhammo udāhu no, asaṃkiliṭṭhacitto nu kho bahulaṃ viharāmi, saṃvijjati nu kho me eso dhammo udāhu no, lābhī nu khomhi ajjhattaṃ dhammapāmojjassa, saṃvijjati nu kho me eso dhammo udāhu no, lābhī nu khomhi ajjhattaṃ cetosamathassa, saṃvijjati nu kho me eso dhammo udāhu no, lābhī nu khomhi adhipaññādhammavipassanāya, saṃvijjati nu kho me eso dhammo udāhu no’ti.
‘‘สเจ ปน, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน สเพฺพปิเม กุสเล ธเมฺม อตฺตนิ น สมนุปสฺสติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา สเพฺพสํเยว อิเมสํ กุสลานํ ธมฺมานํ ปฎิลาภาย อธิมโตฺต ฉโนฺท จ วายาโม จ อุสฺสาโห จ อุโสฺสฬฺหี จ อปฺปฎิวานี จ สติ จ สมฺปชญฺญญฺจ กรณียํฯ เสยฺยถาปิ, อาวุโส, อาทิตฺตเจโล วา อาทิตฺตสีโส วาฯ ตเสฺสว เจลสฺส วา สีสสฺส วา นิพฺพาปนาย อธิมตฺตํ ฉนฺทญฺจ วายามญฺจ อุสฺสาหญฺจ อุโสฺสฬฺหิญฺจ อปฺปฎิวานิญฺจ สติญฺจ สมฺปชญฺญญฺจ กเรยฺยฯ เอวเมวํ โข, อาวุโส, เตน ภิกฺขุนา สเพฺพสํเยว กุสลานํ ธมฺมานํ ปฎิลาภาย อธิมโตฺต ฉโนฺท จ วายาโม จ อุสฺสาโห จ อุโสฺสฬฺหี จ อปฺปฎิวานี จ สติ จ สมฺปชญฺญญฺจ กรณียํฯ
‘‘Sace pana, āvuso, bhikkhu paccavekkhamāno sabbepime kusale dhamme attani na samanupassati, tenāvuso, bhikkhunā sabbesaṃyeva imesaṃ kusalānaṃ dhammānaṃ paṭilābhāya adhimatto chando ca vāyāmo ca ussāho ca ussoḷhī ca appaṭivānī ca sati ca sampajaññañca karaṇīyaṃ. Seyyathāpi, āvuso, ādittacelo vā ādittasīso vā. Tasseva celassa vā sīsassa vā nibbāpanāya adhimattaṃ chandañca vāyāmañca ussāhañca ussoḷhiñca appaṭivāniñca satiñca sampajaññañca kareyya. Evamevaṃ kho, āvuso, tena bhikkhunā sabbesaṃyeva kusalānaṃ dhammānaṃ paṭilābhāya adhimatto chando ca vāyāmo ca ussāho ca ussoḷhī ca appaṭivānī ca sati ca sampajaññañca karaṇīyaṃ.
‘‘สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอกเจฺจ กุสเล ธเมฺม อตฺตนิ สมนุปสฺสติ, เอกเจฺจ กุสเล ธเมฺม อตฺตนิ น สมนุปสฺสติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เย กุสเล ธเมฺม อตฺตนิ สมนุปสฺสติ เตสุ กุสเลสุ ธเมฺมสุ ปติฎฺฐาย, เย กุสเล ธเมฺม อตฺตนิ น สมนุปสฺสติ เตสํ กุสลานํ ธมฺมานํ ปฎิลาภาย อธิมโตฺต ฉโนฺท จ วายาโม จ อุสฺสาโห จ อุโสฺสฬฺหี จ อปฺปฎิวานี จ สติ จ สมฺปชญฺญญฺจ กรณียํฯ เสยฺยถาปิ, อาวุโส, อาทิตฺตเจโล วา อาทิตฺตสีโส วาฯ ตเสฺสว เจลสฺส วา สีสสฺส วา นิพฺพาปนาย อธิมตฺตํ ฉนฺทญฺจ วายามญฺจ อุสฺสาหญฺจ อุโสฺสฬฺหิญฺจ อปฺปฎิวานิญฺจ สติญฺจ สมฺปชญฺญญฺจ กเรยฺยฯ เอวเมวํ โข, อาวุโส, เตน ภิกฺขุนา เย กุสเล ธเมฺม อตฺตนิ สมนุปสฺสติ เตสุ กุสเลสุ ธเมฺมสุ ปติฎฺฐาย, เย กุสเล ธเมฺม อตฺตนิ น สมนุปสฺสติ เตสํ กุสลานํ ธมฺมานํ ปฎิลาภาย อธิมโตฺต ฉโนฺท จ วายาโม จ อุสฺสาโห จ อุโสฺสฬฺหี จ อปฺปฎิวานี จ สติ จ สมฺปชญฺญญฺจ กรณียํฯ
‘‘Sace panāvuso, bhikkhu paccavekkhamāno ekacce kusale dhamme attani samanupassati, ekacce kusale dhamme attani na samanupassati, tenāvuso, bhikkhunā ye kusale dhamme attani samanupassati tesu kusalesu dhammesu patiṭṭhāya, ye kusale dhamme attani na samanupassati tesaṃ kusalānaṃ dhammānaṃ paṭilābhāya adhimatto chando ca vāyāmo ca ussāho ca ussoḷhī ca appaṭivānī ca sati ca sampajaññañca karaṇīyaṃ. Seyyathāpi, āvuso, ādittacelo vā ādittasīso vā. Tasseva celassa vā sīsassa vā nibbāpanāya adhimattaṃ chandañca vāyāmañca ussāhañca ussoḷhiñca appaṭivāniñca satiñca sampajaññañca kareyya. Evamevaṃ kho, āvuso, tena bhikkhunā ye kusale dhamme attani samanupassati tesu kusalesu dhammesu patiṭṭhāya, ye kusale dhamme attani na samanupassati tesaṃ kusalānaṃ dhammānaṃ paṭilābhāya adhimatto chando ca vāyāmo ca ussāho ca ussoḷhī ca appaṭivānī ca sati ca sampajaññañca karaṇīyaṃ.
‘‘สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน สเพฺพปิเม กุสเล ธเมฺม อตฺตนิ สมนุปสฺสติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา สเพฺพเสฺวว อิเมสุ กุสเลสุ ธเมฺมสุ ปติฎฺฐาย อุตฺตริ อาสวานํ ขยาย โยโค กรณีโย’’ติฯ ปญฺจมํฯ
‘‘Sace panāvuso, bhikkhu paccavekkhamāno sabbepime kusale dhamme attani samanupassati, tenāvuso, bhikkhunā sabbesveva imesu kusalesu dhammesu patiṭṭhāya uttari āsavānaṃ khayāya yogo karaṇīyo’’ti. Pañcamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑-๑๐. สจิตฺตสุตฺตาทิวณฺณนา • 1-10. Sacittasuttādivaṇṇanā