Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā

    ๒. ปริหานิกถา

    2. Parihānikathā

    ๑. วาทยุตฺติปริหานิวณฺณนา

    1. Vādayuttiparihānivaṇṇanā

    ๒๓๙. อิทานิ ปริหานิกถา โหติฯ ปริหานิธโมฺม อปริหานิธโมฺม, ‘‘เทฺวเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา เสกฺขสฺส, ภิกฺขุโน ปริหานาย สํวตฺตนฺติ’’ (อ. นิ. ๒.๑๘๕), ‘‘ปญฺจิเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา สมยวิมุตฺตสฺส ภิกฺขุโน ปริหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๔๙) เอวมาทีนิ หิ สุตฺตานิ นิสฺสาย สมฺมิติยา วชฺชิปุตฺตกา สพฺพตฺถิวาทิโน เอกเจฺจ จ มหาสงฺฆิกา อรหโตปิ ปริหานิํ อิจฺฉนฺติ, ตสฺมา เต วา โหนฺตุ อเญฺญเยว วา, เยสํ อยํ ลทฺธิ, เตสํ ลทฺธิภินฺทนตฺถํ ปริหายติ อรหา อรหตฺตาติ ปุจฺฉา สกวาทิสฺสฯ ตตฺร ปริหายตีติ เทฺว ปริหานิโย ปตฺตปริหานิ จ อปฺปตฺตปริหานิ จฯ ตตฺถ ‘‘ทุติยมฺปิ โข อายสฺมา โคธิโก ตมฺหา สามยิกาย เจโตวิมุตฺติยา ปริหายี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๕๙) อยํ ปตฺตปริหานิ นามฯ ‘‘มา โว สามญฺญตฺถิกานํ สตํ สามญฺญโตฺถ ปริหายี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๑๖-๔๑๘) อยํ อปฺปตฺตปริหานิฯ ตาสุ อิธ ปตฺตปริหานิ อธิเปฺปตาฯ ตญฺหิ สนฺธาย อามนฺตาติ ปฎิญฺญา ปรวาทิสฺสฯ สกสมเย ปน อิมํ ปตฺตปริหานิํ นาม โลกิยสมาปตฺติยาว อิจฺฉนฺติ, น อรหตฺตาทีหิ สามญฺญผเลหิฯ ปรสมเยปิ นํ สพฺพสามญฺญผเลสุ สพฺพภเวสุ สพฺพกาเลสุ สเพฺพสญฺจ ปุคฺคลานํ น อิจฺฉนฺติฯ ตํ ปน เตสํ ลทฺธิมตฺตเมวาติ สพฺพํ ลทฺธิชาลํ ภินฺทิตุํ ปุน สพฺพตฺถาติอาทินา นเยน เทสนา วฑฺฒิตาฯ

    239. Idāni parihānikathā hoti. Parihānidhammo aparihānidhammo, ‘‘dveme, bhikkhave, dhammā sekkhassa, bhikkhuno parihānāya saṃvattanti’’ (a. ni. 2.185), ‘‘pañcime, bhikkhave, dhammā samayavimuttassa bhikkhuno parihānāya saṃvattantī’’ti (a. ni. 5.149) evamādīni hi suttāni nissāya sammitiyā vajjiputtakā sabbatthivādino ekacce ca mahāsaṅghikā arahatopi parihāniṃ icchanti, tasmā te vā hontu aññeyeva vā, yesaṃ ayaṃ laddhi, tesaṃ laddhibhindanatthaṃ parihāyati arahā arahattāti pucchā sakavādissa. Tatra parihāyatīti dve parihāniyo pattaparihāni ca appattaparihāni ca. Tattha ‘‘dutiyampi kho āyasmā godhiko tamhā sāmayikāya cetovimuttiyā parihāyī’’ti (saṃ. ni. 1.159) ayaṃ pattaparihāni nāma. ‘‘Mā vo sāmaññatthikānaṃ sataṃ sāmaññattho parihāyī’’ti (ma. ni. 1.416-418) ayaṃ appattaparihāni. Tāsu idha pattaparihāni adhippetā. Tañhi sandhāya āmantāti paṭiññā paravādissa. Sakasamaye pana imaṃ pattaparihāniṃ nāma lokiyasamāpattiyāva icchanti, na arahattādīhi sāmaññaphalehi. Parasamayepi naṃ sabbasāmaññaphalesu sabbabhavesu sabbakālesu sabbesañca puggalānaṃ na icchanti. Taṃ pana tesaṃ laddhimattamevāti sabbaṃ laddhijālaṃ bhindituṃ puna sabbatthātiādinā nayena desanā vaḍḍhitā.

    ตตฺถ ยสฺมา ปรวาที กเมน ปริหายิตฺวา โสตาปตฺติผเล ฐิตสฺส อรหโต ปริหานิํ น อิจฺฉติ, อุปริผเลสุ ฐิตเสฺสว อิจฺฉติฯ ยสฺมา จ รูปารูปภเวสุ ฐิตสฺส น อิจฺฉติ, กมฺมารามตาทีนํ ปน ปริหานิยธมฺมานํ ภาวโต กามภเว ฐิตเสฺสว อิจฺฉติ, ตสฺมา ‘‘สพฺพตฺถา’’ติ ปุโฎฺฐ ปฎิกฺขิปติฯ ปุน ทฬฺหํ กตฺวา ปุโฎฺฐ กามภวํ สนฺธาย ปฎิชานาติฯ สพฺพสฺมิมฺปิ หิ กามภเว ปริหานิกรา กามคุณา อตฺถิ, ตสฺมา ตตฺถ ปริหายตีติ ตสฺส ลทฺธิฯ

    Tattha yasmā paravādī kamena parihāyitvā sotāpattiphale ṭhitassa arahato parihāniṃ na icchati, upariphalesu ṭhitasseva icchati. Yasmā ca rūpārūpabhavesu ṭhitassa na icchati, kammārāmatādīnaṃ pana parihāniyadhammānaṃ bhāvato kāmabhave ṭhitasseva icchati, tasmā ‘‘sabbatthā’’ti puṭṭho paṭikkhipati. Puna daḷhaṃ katvā puṭṭho kāmabhavaṃ sandhāya paṭijānāti. Sabbasmimpi hi kāmabhave parihānikarā kāmaguṇā atthi, tasmā tattha parihāyatīti tassa laddhi.

    ตติยปุจฺฉาย ปริหานีติ ปริหานิกเร ธเมฺม ปุจฺฉติฯ ตตฺถ ยสฺมา ปริหานิ นาม กมฺมารามตาทิธมฺมา, วิเสสโต วา กามราคพฺยาปาทา เอว, เต จ รูปารูปภเว นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘น เหว’’นฺติ ปฎิเกฺขโป ปรวาทิสฺสฯ

    Tatiyapucchāya parihānīti parihānikare dhamme pucchati. Tattha yasmā parihāni nāma kammārāmatādidhammā, visesato vā kāmarāgabyāpādā eva, te ca rūpārūpabhave natthi, tasmā ‘‘na heva’’nti paṭikkhepo paravādissa.

    สพฺพทาติ กาลปุจฺฉาฯ ตตฺถ ปฐมปเญฺห โยนิโสมนสิการกาเล อปริหายนโต ปฎิกฺขิปติฯ ทุติเย อโยนิโสมนสิกโรโต รตฺติภาเค วา ทิวสภาเค วา สพฺพทา ปริหายนโต ปฎิชานาติฯ ตติเย ปริหานิกรธมฺมสมาโยเค สติ มุหุตฺตเมว ปริหานิ นาม โหติ, ตโต ปุเพฺพ อปริหีนสฺส ปจฺฉา ปริหีนสฺส จ ปริหานิ นาม นตฺถีติ ปฎิกฺขิปติฯ

    Sabbadāti kālapucchā. Tattha paṭhamapañhe yonisomanasikārakāle aparihāyanato paṭikkhipati. Dutiye ayonisomanasikaroto rattibhāge vā divasabhāge vā sabbadā parihāyanato paṭijānāti. Tatiye parihānikaradhammasamāyoge sati muhuttameva parihāni nāma hoti, tato pubbe aparihīnassa pacchā parihīnassa ca parihāni nāma natthīti paṭikkhipati.

    สเพฺพว อรหโนฺตติ ปญฺหานํ ปฐมสฺมิํ ติกฺขินฺทฺริเย สนฺธาย ปฎิกฺขิปติฯ ทุติยสฺมิํ มุทินฺทฺริเย สนฺธาย ปฎิชานาติฯ ตติยสฺมิมฺปิ ติกฺขินฺทฺริยาว อธิเปฺปตาฯ เตสญฺหิ สเพฺพสมฺปิ ปริหานิ น โหตีติ ตสฺส ลทฺธิฯ

    Sabbeva arahantoti pañhānaṃ paṭhamasmiṃ tikkhindriye sandhāya paṭikkhipati. Dutiyasmiṃ mudindriye sandhāya paṭijānāti. Tatiyasmimpi tikkhindriyāva adhippetā. Tesañhi sabbesampi parihāni na hotīti tassa laddhi.

    เสฎฺฐิอุทาหรเณ ปฐมปุจฺฉา ปรวาทิสฺส, ทุติยา สกวาทิสฺสฯ ตตฺรายํ อธิปฺปาโย – ยํ มํ ตุเมฺห ปุจฺฉถ – ‘‘อรหา อรหตฺตา ปริหายโนฺต จตูหิ ผเลหิ ปริหายตี’’ติ, ตตฺร โว ปฎิปุจฺฉามิ – ‘‘จตูหิ สตสหเสฺสหิ เสฎฺฐี เสฎฺฐิตฺตํ กโรโนฺต สตสหเสฺสหิ ปริหีเน เสฎฺฐี เสฎฺฐิตฺตา ปริหีโน โหตี’’ติฯ ตโต สกวาทินา เอกเทเสน ปริหานิํ สนฺธาย ‘‘อามนฺตา’’ติ วุเตฺต สพฺพสาปเตยฺยา ปริหีโน โหตีติ ปุจฺฉติฯ ตถา อปริหีนตฺตา สกวาที น เหวาติ วตฺวา อถ นํ ‘‘เอวเมว อรหาปิ ปริหายติ จฯ น จ จตูหิ ผเลหี’’ติ อุปฺปนฺนลทฺธิกํ ทุติยํ ภพฺพปญฺหํ ปุจฺฉติฯ ปรวาที เสฎฺฐิโน อภพฺพตาย นิยมํ อปสฺสโนฺต ปฎิชานิตฺวา อรหโต จตูหิ ผเลหิ ปริหานิภพฺพตํ ปุโฎฺฐ ‘‘นิยโต สโมฺพธิปรายโณ’’ติ (อ. นิ. ๓.๘๗) วจนสฺส อโยนิโส อตฺถํ คเหตฺวา ลทฺธิยํ ฐิโต โสตาปตฺติผลโต ปริหายิตุํ อภพฺพตํ สนฺธาย ปฎิกฺขิปติฯ ตํ ปนสฺส ลทฺธิมตฺตเมวาติฯ

    Seṭṭhiudāharaṇe paṭhamapucchā paravādissa, dutiyā sakavādissa. Tatrāyaṃ adhippāyo – yaṃ maṃ tumhe pucchatha – ‘‘arahā arahattā parihāyanto catūhi phalehi parihāyatī’’ti, tatra vo paṭipucchāmi – ‘‘catūhi satasahassehi seṭṭhī seṭṭhittaṃ karonto satasahassehi parihīne seṭṭhī seṭṭhittā parihīno hotī’’ti. Tato sakavādinā ekadesena parihāniṃ sandhāya ‘‘āmantā’’ti vutte sabbasāpateyyā parihīno hotīti pucchati. Tathā aparihīnattā sakavādī na hevāti vatvā atha naṃ ‘‘evameva arahāpi parihāyati ca. Na ca catūhi phalehī’’ti uppannaladdhikaṃ dutiyaṃ bhabbapañhaṃ pucchati. Paravādī seṭṭhino abhabbatāya niyamaṃ apassanto paṭijānitvā arahato catūhi phalehi parihānibhabbataṃ puṭṭho ‘‘niyato sambodhiparāyaṇo’’ti (a. ni. 3.87) vacanassa ayoniso atthaṃ gahetvā laddhiyaṃ ṭhito sotāpattiphalato parihāyituṃ abhabbataṃ sandhāya paṭikkhipati. Taṃ panassa laddhimattamevāti.

    เอตฺตาวตา วาทยุตฺติ นาม นิฎฺฐิตา โหติฯ

    Ettāvatā vādayutti nāma niṭṭhitā hoti.

    ๒. อริยปุคฺคลสํสนฺทนปริหานิวณฺณนา

    2. Ariyapuggalasaṃsandanaparihānivaṇṇanā

    ๒๔๐. อิทานิ อริยปุคฺคลสํสนฺทนา อารทฺธาฯ ตตฺถ ยสฺมา เกจิ อรหโตว ปริหานิํ อิจฺฉนฺติ, เกจิ อนาคามิโนปิ, เกจิ สกทาคามิสฺสปิฯ โสตาปนฺนสฺส ปน สเพฺพปิ น อิจฺฉนฺติเยวฯ เย อรหตฺตา ปริหายิตฺวา อนาคามิสกทาคามิภาเว ฐิตา, เตสํ ปริหานิํ อิจฺฉนฺติ, น อิตเรสํ อนาคามิสกทาคามีนํฯ โสตาปนฺนสฺส ปน เตปิ สพฺพถาปิ น อิจฺฉนฺติเยว, ตสฺมา เปยฺยาลมุเขน ปุจฺฉา กตาฯ ตตฺถ เตสํ ลทฺธิวเสน ปฎิญฺญา จ ปฎิเกฺขโป จ เวทิตพฺพาฯ ‘‘ปริหายติ อนาคามี อนาคามิผลา’’ติ หิ ปญฺหสฺมิํ เย อนาคามิโน ปริหานิํ น อิจฺฉนฺติ, เตสํ วเสน ปฎิเกฺขโปฯ เย ปกติอนาคามิโน วา อรหตฺตา ปริหายิตฺวา ฐิตอนาคามิโน วา ปริหานิํ อิจฺฉนฺติ, เตสํ วเสน ปฎิญฺญาติ อิทเมตฺถ นยมุขํฯ ตสฺสานุสาเรน สพฺพเปยฺยาลา อตฺถโต เวทิตพฺพาฯ

    240. Idāni ariyapuggalasaṃsandanā āraddhā. Tattha yasmā keci arahatova parihāniṃ icchanti, keci anāgāminopi, keci sakadāgāmissapi. Sotāpannassa pana sabbepi na icchantiyeva. Ye arahattā parihāyitvā anāgāmisakadāgāmibhāve ṭhitā, tesaṃ parihāniṃ icchanti, na itaresaṃ anāgāmisakadāgāmīnaṃ. Sotāpannassa pana tepi sabbathāpi na icchantiyeva, tasmā peyyālamukhena pucchā katā. Tattha tesaṃ laddhivasena paṭiññā ca paṭikkhepo ca veditabbā. ‘‘Parihāyati anāgāmī anāgāmiphalā’’ti hi pañhasmiṃ ye anāgāmino parihāniṃ na icchanti, tesaṃ vasena paṭikkhepo. Ye pakatianāgāmino vā arahattā parihāyitvā ṭhitaanāgāmino vā parihāniṃ icchanti, tesaṃ vasena paṭiññāti idamettha nayamukhaṃ. Tassānusārena sabbapeyyālā atthato veditabbā.

    ๒๔๑. ยํ ปเนตฺถ ‘‘โสตาปตฺติผลสฺส อนนฺตรา อรหตฺตํเยว สจฺฉิกโรตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ ปริหีนสฺส ปุน วายมโต อรหตฺตปฺปตฺติํ สนฺธาย วุตฺตํฯ อิตโร โสตาปตฺติผลานนฺตรํ อรหตฺตสฺส อภาวา ปฎิกฺขิปติฯ

    241. Yaṃ panettha ‘‘sotāpattiphalassa anantarā arahattaṃyeva sacchikarotī’’ti vuttaṃ, taṃ parihīnassa puna vāyamato arahattappattiṃ sandhāya vuttaṃ. Itaro sotāpattiphalānantaraṃ arahattassa abhāvā paṭikkhipati.

    ๒๔๒. ตโต ปรํ ‘‘ปริหานิ นาเมสา กิเลสปฺปหานสฺส วา มนฺทตาย ภเวยฺย, มคฺคภาวนาทีนํ วา อนธิมตฺตตาย, สจฺจานํ วา อทสฺสเนนา’’ติ เอวมาทีนํ วเสน อนุยุญฺชิตุํ กสฺส พหุตรา กิเลสา ปหีนาติอาทิ วุตฺตํฯ ตํ สพฺพํ อุตฺตานาธิปฺปายเมว สุตฺตานํ ปนโตฺถ อาคมฎฺฐกถาสุ วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ

    242. Tato paraṃ ‘‘parihāni nāmesā kilesappahānassa vā mandatāya bhaveyya, maggabhāvanādīnaṃ vā anadhimattatāya, saccānaṃ vā adassanenā’’ti evamādīnaṃ vasena anuyuñjituṃ kassa bahutarā kilesā pahīnātiādi vuttaṃ. Taṃ sabbaṃ uttānādhippāyameva suttānaṃ panattho āgamaṭṭhakathāsu vuttanayeneva veditabbo.

    ๒๖๒. สมยวิมุโตฺต อรหา อรหตฺตา ปริหายตีติ เอตฺถ มุทินฺทฺริโย สมยวิมุโตฺต, ติกฺขินฺทฺริโย อสมยวิมุโตฺตติ เตสํ ลทฺธิฯ สกสมเย ปน อวสิปฺปโตฺต ฌานลาภี สมยวิมุโตฺต, วสิปฺปโตฺต ฌานลาภี เจว สเพฺพ จ อริยปุคฺคลา อริเย วิโมเกฺข อสมยวิมุตฺตาติ สนฺนิฎฺฐานํฯ โส ปน ตํ อตฺตโน ลทฺธิํ คเหตฺวา สมยวิมุโตฺต ปริหายติ, อิตโร น ปริหายตี’’ติ อาหฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมวฯ

    262. Samayavimutto arahā arahattā parihāyatīti ettha mudindriyo samayavimutto, tikkhindriyo asamayavimuttoti tesaṃ laddhi. Sakasamaye pana avasippatto jhānalābhī samayavimutto, vasippatto jhānalābhī ceva sabbe ca ariyapuggalā ariye vimokkhe asamayavimuttāti sanniṭṭhānaṃ. So pana taṃ attano laddhiṃ gahetvā samayavimutto parihāyati, itaro na parihāyatī’’ti āha. Sesamettha uttānatthameva.

    อริยปุคฺคลสํสนฺทนปริหานิวณฺณนาฯ

    Ariyapuggalasaṃsandanaparihānivaṇṇanā.

    ๓. สุตฺตสาธนปริหานิวณฺณนา

    3. Suttasādhanaparihānivaṇṇanā

    ๒๖๕. อิทานิ สุตฺตสาธนา โหติฯ ตตฺถ อุจฺจาวจาติ อุตฺตมหีนเภทโต อุจฺจา จ อวจา จฯ ปฎิปาทาติ ปฎิปทาฯ สมเณน ปกาสิตาติ พุทฺธสมเณน โชติตาฯ สุขาปฎิปทา หิ ขิปฺปาภิญฺญา อุจฺจาฯ ทุกฺขาปฎิปทา ทนฺธาภิญฺญา อวจาฯ อิตรา เทฺว เอเกนเงฺคน อุจฺจา, เอเกน อวจาฯ ปฐมํ วุตฺตา เอว วา อุจฺจา, อิตโร ติโสฺสปิ อวจาฯ ตาย เจตาย อุจฺจาวจาย ปฎิปทาย น ปารํ ทิคุณํ ยนฺติ, เอกมเคฺคน ทฺวิกฺขตฺตุํ นิพฺพานํ น คจฺฉนฺตีติ อโตฺถฯ กสฺมา? เยน มเคฺคน เย กิเลสา ปหีนา, เตน เตสํ ปุน อปฺปหาตพฺพโตฯ เอเตน ปริหานิธมฺมาภาวํ ทีเปติฯ นยิทํ เอกคุณํ มุตนฺติ ตญฺจ อิทํ ปารํ เอกวารํเยว ผุสนารหํ น โหติฯ กสฺมา? เอเกน มเคฺคน สพฺพกิเลสานํ อปฺปหานโตฯ เอเตน เอกมเคฺคเนว อรหตฺตาภาวํ ทีเปติฯ

    265. Idāni suttasādhanā hoti. Tattha uccāvacāti uttamahīnabhedato uccā ca avacā ca. Paṭipādāti paṭipadā. Samaṇena pakāsitāti buddhasamaṇena jotitā. Sukhāpaṭipadā hi khippābhiññā uccā. Dukkhāpaṭipadā dandhābhiññā avacā. Itarā dve ekenaṅgena uccā, ekena avacā. Paṭhamaṃ vuttā eva vā uccā, itaro tissopi avacā. Tāya cetāya uccāvacāya paṭipadāya na pāraṃ diguṇaṃ yanti, ekamaggena dvikkhattuṃ nibbānaṃ na gacchantīti attho. Kasmā? Yena maggena ye kilesā pahīnā, tena tesaṃ puna appahātabbato. Etena parihānidhammābhāvaṃ dīpeti. Nayidaṃ ekaguṇaṃ mutanti tañca idaṃ pāraṃ ekavāraṃyeva phusanārahaṃ na hoti. Kasmā? Ekena maggena sabbakilesānaṃ appahānato. Etena ekamaggeneva arahattābhāvaṃ dīpeti.

    อตฺถิ ฉินฺนสฺส เฉทิยนฺติ ฉินฺนสฺส กิเลสวฎฺฎสฺส ปุน ฉินฺทิตพฺพํ กิญฺจิ อตฺถีติ ปุจฺฉติฯ อิตโร ติกฺขินฺทฺริยํ สนฺธาย ปฎิกฺขิปิตฺวา ปุน ปุโฎฺฐ มุทินฺทฺริยํ สนฺธาย ปฎิชานาติฯ สกวาที สุตฺตํ อาหริตฺวา นตฺถิภาวํ ทเสฺสติฯ ตตฺถ โอฆปาโสติ กิเลโสโฆ เจว กิเลสปาโส จฯ

    Atthi chinnassa chediyanti chinnassa kilesavaṭṭassa puna chinditabbaṃ kiñci atthīti pucchati. Itaro tikkhindriyaṃ sandhāya paṭikkhipitvā puna puṭṭho mudindriyaṃ sandhāya paṭijānāti. Sakavādī suttaṃ āharitvā natthibhāvaṃ dasseti. Tattha oghapāsoti kilesogho ceva kilesapāso ca.

    ๒๖๖. กตสฺส ปฎิจโยติ ภาวิตสฺส มคฺคสฺส ปุน ภาวนาฯ อิธาปิ ปฎิเกฺขปปฎิชานนานิ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพานิฯ

    266. Katassa paṭicayoti bhāvitassa maggassa puna bhāvanā. Idhāpi paṭikkhepapaṭijānanāni purimanayeneva veditabbāni.

    ๒๖๗. ปริหานาย สํวตฺตนฺตีติ ปรวาทินา อาภเต สุเตฺต ปญฺจ ธมฺมา อปฺปตฺตปริหานาย เจว โลกิยสมาปตฺติปริหานาย จ สํวตฺตนฺติฯ โส ปน ปตฺตสฺส อรหตฺตผลสฺส ปริหานาย สลฺลเกฺขติฯ เตเนว อตฺถิ อรหโต กมฺมารามตาติ อาหฯ อิตโรปิ อสมยวิมุตฺตํ สนฺธาย ปฎิกฺขิปิตฺวา อิตรํ สนฺธาย ปฎิชานาติฯ กามราควเสน วา ปวตฺตมานํ ตํ ปฎิกฺขิปิตฺวา อิตรถา ปวตฺตมานํ ปฎิชานาติฯ ราคาทีนํ ปน อตฺถิตํ ปุโฎฺฐ ปฎิชานิตุํ น สโกฺกติฯ

    267. Parihānāya saṃvattantīti paravādinā ābhate sutte pañca dhammā appattaparihānāya ceva lokiyasamāpattiparihānāya ca saṃvattanti. So pana pattassa arahattaphalassa parihānāya sallakkheti. Teneva atthi arahato kammārāmatāti āha. Itaropi asamayavimuttaṃ sandhāya paṭikkhipitvā itaraṃ sandhāya paṭijānāti. Kāmarāgavasena vā pavattamānaṃ taṃ paṭikkhipitvā itarathā pavattamānaṃ paṭijānāti. Rāgādīnaṃ pana atthitaṃ puṭṭho paṭijānituṃ na sakkoti.

    ๒๖๘. กิํ ปริยุฎฺฐิโตติ เกน ปริยุฎฺฐิโต อนุพโทฺธ อโชฺฌตฺถโต วา หุตฺวาติ อโตฺถฯ อนุสยปุจฺฉายปิ ติกฺขินฺทฺริยมุทินฺทฺริยวเสเนว ปฎิเกฺขปปฎิชานนานิ เวทิตพฺพานิฯ กลฺยาณานุสโยติ วจนมตฺตสามเญฺญน วา ปฎิชานาติฯ ราโค อุปจยํ คจฺฉตีติ ภาวนาย ปหีนํ สนฺธายาหฯ ปรโต โทสโมเหสุปิ เอเสว นโยฯ สกฺกายทิฎฺฐิอาทีนํ ปน ทสฺสเนน ปหีนตฺตา อุปจยํ น อิจฺฉติฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ

    268. Kiṃ pariyuṭṭhitoti kena pariyuṭṭhito anubaddho ajjhotthato vā hutvāti attho. Anusayapucchāyapi tikkhindriyamudindriyavaseneva paṭikkhepapaṭijānanāni veditabbāni. Kalyāṇānusayoti vacanamattasāmaññena vā paṭijānāti. Rāgo upacayaṃ gacchatīti bhāvanāya pahīnaṃ sandhāyāha. Parato dosamohesupi eseva nayo. Sakkāyadiṭṭhiādīnaṃ pana dassanena pahīnattā upacayaṃ na icchati. Sesaṃ sabbattha uttānatthamevāti.

    สุตฺตสาธนาฯ

    Suttasādhanā.

    ปริหานิกถา นิฎฺฐิตาฯ

    Parihānikathā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / กถาวตฺถุปาฬิ • Kathāvatthupāḷi / ๒. ปริหานิกถา • 2. Parihānikathā

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā / ๒. ปริหานิกถา • 2. Parihānikathā

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā / ๒. ปริหานิกถา • 2. Parihānikathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact