Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทสิกฺขา-มูลสิกฺขา • Khuddasikkhā-mūlasikkhā |
๓๕. ปริกฺขารนิเทฺทสวณฺณนา
35. Parikkhāraniddesavaṇṇanā
๒๕๙-๖๐. ฉเตฺต อโนฺต พหิ จ ปญฺจวเณฺณหิ สุเตฺตหิ สิพฺพิตุญฺจ ปเณฺณ คิริกูฎอฑฺฒจนฺทาทิํ ฉินฺทิตุญฺจ น วฎฺฎตีติ สมฺพโนฺธฯ ฉเตฺตติ ตาลปเณฺณ ฉเตฺตฯ คิริกูฎํ นาม มกรทนฺตกํ, อาทิ-สเทฺทน ตาทิสํ อญฺญํ วิการรูปํ สงฺคหิตํฯ ฆฎกนฺติ เคหตฺถเมฺภสุ วิย กยิรมานํ ฆฎกํฯ ทเณฺฑติ ฉตฺตทเณฺฑฯ เลขาติ ตหิํ ตหิํ ทินฺนา เลขาฯ สาทิสนฺติ ทีเฆน นิทฺทิฎฺฐํฯ พุนฺทมฺหิ มูเลฯ
259-60. Chatte anto bahi ca pañcavaṇṇehi suttehi sibbituñca paṇṇe girikūṭaaḍḍhacandādiṃ chindituñca na vaṭṭatīti sambandho. Chatteti tālapaṇṇe chatte. Girikūṭaṃ nāma makaradantakaṃ, ādi-saddena tādisaṃ aññaṃ vikārarūpaṃ saṅgahitaṃ. Ghaṭakanti gehatthambhesu viya kayiramānaṃ ghaṭakaṃ. Daṇḍeti chattadaṇḍe. Lekhāti tahiṃ tahiṃ dinnā lekhā. Sādisanti dīghena niddiṭṭhaṃ. Bundamhi mūle.
๒๖๑. ถิรตฺถํ ฉเตฺต เอกวเณฺณน สิพฺพิตุํ วา ปญฺชรํ วินนฺธิตุํ วา วฎฺฎตีติ สมฺพโนฺธฯ สิพฺพิตุนฺติ อโนฺต พหิ จ สิพฺพิตุํฯ เอกวเณฺณนาติ นีลาทินา เอกวเณฺณนฯ ปญฺชรนฺติ ฉตฺตทณฺฑคาหกสลากปญฺชรํฯ ถิรตฺถนฺติ อิมินา น วณฺณมฎฺฐตฺถายาติ ทเสฺสติฯ พนฺธิตุํ ทเณฺฑ เลขา วฎฺฎตีติ สมฺพโนฺธฯ พนฺธิตุนฺติ วาตปฺปหาเรน อจลนตฺถํ ฉตฺตมณฺฑลิกํ รชฺชุเกหิ คเหตฺวา พนฺธนตฺถายฯ เลขาวาติ วลยมิว อุกฺกิริตฺวา กตา เลขา เอวฯ วฎฺฎตีติ ยทิปิ น พนฺธติ, รชฺชุเกหิ พนฺธิตุํ ยุตฺตฎฺฐานตฺตา วฎฺฎติฯ
261. Thiratthaṃ chatte ekavaṇṇena sibbituṃ vā pañjaraṃ vinandhituṃ vā vaṭṭatīti sambandho. Sibbitunti anto bahi ca sibbituṃ. Ekavaṇṇenāti nīlādinā ekavaṇṇena. Pañjaranti chattadaṇḍagāhakasalākapañjaraṃ. Thiratthanti iminā na vaṇṇamaṭṭhatthāyāti dasseti. Bandhituṃ daṇḍe lekhā vaṭṭatīti sambandho. Bandhitunti vātappahārena acalanatthaṃ chattamaṇḍalikaṃ rajjukehi gahetvā bandhanatthāya. Lekhāvāti valayamiva ukkiritvā katā lekhā eva. Vaṭṭatīti yadipi na bandhati, rajjukehi bandhituṃ yuttaṭṭhānattā vaṭṭati.
๒๖๒. จีวเร อเนฺต วาปิ ปฎฺฎมุเข วาปิ เวณิปิ วา สงฺขลิกาปิ วา อญฺญํ สูจิวิการํ วา ปาฬิกณฺณิกอาทิกํ กปฺปพินฺทุวิการมฺปิ วา น จ กปฺปตีติ สมฺพโนฺธฯ อเนฺตติ จีวรปริยเนฺต, อนุวาเตติ วุตฺตํ โหติฯ ปฎฺฎมุเขติ ปฎฺฎโกฎิยํ, ทฺวินฺนํ ปฎฺฎานํ สงฺฆฎิตฎฺฐานํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ เวณีติ วรกสีสากาเรน สิพฺพนํฯ สงฺขลิกาติ พิฬาลพนฺธนากาเรน สิพฺพนํฯ อญฺญํ สูจิวิการํ วาติ จีวรมณฺฑนตฺถาย กยิรมานํ อญฺญํ ยํ กิญฺจิ สูจิกมฺมวิการํ วาฯ ฎีกายํ ปน ‘‘สตปทิสทิสํ อญฺญํ วา สูจิวิการํ น กปฺปตี’’ติ สามเญฺญน วุตฺตํฯ ‘‘จีวรมณฺฑนตฺถาย นานาสุตฺตเกหิ สตปทิสทิสํ สิพฺพนฺตา อาคนฺตุกปฎฺฎํ ฐเปนฺติ, อญฺญมฺปิ ยํ กิญฺจิ สูจิกมฺมวิการํ กโรนฺติ, สพฺพํ น วฎฺฎตี’’ติ อฎฺฐกถายํ วุตฺตตฺตา ปน นานาวเณฺณหิ วา โหตุ, เอกวเณฺณน วา โหตุ, จีวรมณฺฑนตฺถาย สํสิพฺพนฺตานํ สูจิกมฺมวิการํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ จีวเรสุ ผาลิตฎฺฐานสฺส ถิรภาวตฺถํ สตปทิสทิสมฺปิ สิพฺพิตุํ วฎฺฎตีติ อมฺหากํ ขนฺติฯ ปาฬิ-สเทฺทน, กณฺณิก-สเทฺทน จ กปฺป-สทฺทโลเปน วา อุปจาเรน วา ปาฬิกปฺปาทโยว คหิตาฯ ปาฬิ จ กณฺณิกา จ ปาฬิกณฺณิกาโย, ตา อาทิ ยสฺส อญฺญสฺส ตาทิสสฺสาติ วิคฺคโหฯ ตตฺถ นีลาวฬิอาทิสณฺฐานาย พินฺทุปนฺติยา ยถา โสภติ, ตถา กยิรมาโน ปาฬิกโปฺปฯ ตเถว พินฺทุสมูเห กตฺถจิ ทเสฺสตฺวา กยิรมาโน กณฺณิกกโปฺปฯ
262. Cīvare ante vāpi paṭṭamukhe vāpi veṇipi vā saṅkhalikāpi vā aññaṃ sūcivikāraṃ vā pāḷikaṇṇikaādikaṃ kappabinduvikārampi vā na ca kappatīti sambandho. Anteti cīvarapariyante, anuvāteti vuttaṃ hoti. Paṭṭamukheti paṭṭakoṭiyaṃ, dvinnaṃ paṭṭānaṃ saṅghaṭitaṭṭhānaṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Veṇīti varakasīsākārena sibbanaṃ. Saṅkhalikāti biḷālabandhanākārena sibbanaṃ. Aññaṃ sūcivikāraṃ vāti cīvaramaṇḍanatthāya kayiramānaṃ aññaṃ yaṃ kiñci sūcikammavikāraṃ vā. Ṭīkāyaṃ pana ‘‘satapadisadisaṃ aññaṃ vā sūcivikāraṃ na kappatī’’ti sāmaññena vuttaṃ. ‘‘Cīvaramaṇḍanatthāya nānāsuttakehi satapadisadisaṃ sibbantā āgantukapaṭṭaṃ ṭhapenti, aññampi yaṃ kiñci sūcikammavikāraṃ karonti, sabbaṃ na vaṭṭatī’’ti aṭṭhakathāyaṃ vuttattā pana nānāvaṇṇehi vā hotu, ekavaṇṇena vā hotu, cīvaramaṇḍanatthāya saṃsibbantānaṃ sūcikammavikāraṃ sandhāya vuttanti cīvaresu phālitaṭṭhānassa thirabhāvatthaṃ satapadisadisampi sibbituṃ vaṭṭatīti amhākaṃ khanti. Pāḷi-saddena, kaṇṇika-saddena ca kappa-saddalopena vā upacārena vā pāḷikappādayova gahitā. Pāḷi ca kaṇṇikā ca pāḷikaṇṇikāyo, tā ādi yassa aññassa tādisassāti viggaho. Tattha nīlāvaḷiādisaṇṭhānāya bindupantiyā yathā sobhati, tathā kayiramāno pāḷikappo. Tatheva bindusamūhe katthaci dassetvā kayiramāno kaṇṇikakappo.
๒๖๓. คณฺฐิปาสกปฎฺฎาติ คณฺฐิโน จ ปาสกสฺส จ ปติฎฺฐานฎฺฐาเน ฐเปตพฺพา ปฎฺฎาฯ วฎฺฎตีติ เอตฺถ ‘‘คณฺฐิปาสกา’’ติ กตฺวา ‘‘จตุโกณาว วฎฺฎนฺตี’’ติ อตฺถโต วจนํ วิปลฺลาเสตฺวา โยเชตพฺพํฯ อคฺฆิยนฺติ เจติยสณฺฐาเนน สิพฺพนํฯ มูเล จ อเคฺค จ เอกสทิสํ กตฺวา มุคฺครากาเรน สิพฺพนํ มุคฺคโรฯ วิการนฺติ วิกาโร, ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํฯ เอตฺถาติ คณฺฐิปาสกปเฎฺฎสุฯ
263.Gaṇṭhipāsakapaṭṭāti gaṇṭhino ca pāsakassa ca patiṭṭhānaṭṭhāne ṭhapetabbā paṭṭā. Vaṭṭatīti ettha ‘‘gaṇṭhipāsakā’’ti katvā ‘‘catukoṇāva vaṭṭantī’’ti atthato vacanaṃ vipallāsetvā yojetabbaṃ. Agghiyanti cetiyasaṇṭhānena sibbanaṃ. Mūle ca agge ca ekasadisaṃ katvā muggarākārena sibbanaṃ muggaro. Vikāranti vikāro, liṅgavipallāsena vuttaṃ. Etthāti gaṇṭhipāsakapaṭṭesu.
๒๖๔. โกณสุตฺตาติ นปุํสกนิเทฺทโส, คณฺฐิปาสกปฎฺฎานํ โกเณหิ นีหฎสุตฺตโกฎิโยฯ ปีฬกาติ ตานิเยว นิวเตฺตตฺวา ปีฬกากาเรน กตานิฯ ทุวิเญฺญยฺยาวาติ เตสํ อเนฺตสุ เอกวารํ คณฺฐิกรเณน วา ปุน นิวเตฺตตฺวา สิพฺพเนน วา ทุวิเญฺญยฺยา เอวฯ คนฺธํ เตลํ วาติ คนฺธํ วา เตลํ วาฯ กญฺจิกปิฎฺฐขลิกอาทีนิปิ วฎฺฎนฺติฯ
264.Koṇasuttāti napuṃsakaniddeso, gaṇṭhipāsakapaṭṭānaṃ koṇehi nīhaṭasuttakoṭiyo. Pīḷakāti tāniyeva nivattetvā pīḷakākārena katāni. Duviññeyyāvāti tesaṃ antesu ekavāraṃ gaṇṭhikaraṇena vā puna nivattetvā sibbanena vā duviññeyyā eva. Gandhaṃ telaṃ vāti gandhaṃ vā telaṃ vā. Kañcikapiṭṭhakhalikaādīnipi vaṭṭanti.
๒๖๕. มณินาติ มสารคลฺลาทิปาสาเณนฯ น จ ฆเฎฺฎยฺยาติ เนว ฆเฎฺฎยฺยฯ อเญฺญน วาติ มุคฺครมุสลาทินาฯ อํสพทฺธกกายพนฺธนานิ ปน ตถา กาตุํ วฎฺฎติฯ โทณิยํ กตฺวา น จ ฆํเสยฺยาติ ปกฺกรชนากิรณโทณิยํ ฐเปตฺวา ภูมิยํ ชณฺณุกานิ นิหนฺตฺวา อิโต จิโต จ อาวิชฺฌิตฺวา เนว ฆํเสยฺยาติ อโตฺถฯ
265.Maṇināti masāragallādipāsāṇena. Na ca ghaṭṭeyyāti neva ghaṭṭeyya. Aññena vāti muggaramusalādinā. Aṃsabaddhakakāyabandhanāni pana tathā kātuṃ vaṭṭati. Doṇiyaṃ katvā na ca ghaṃseyyāti pakkarajanākiraṇadoṇiyaṃ ṭhapetvā bhūmiyaṃ jaṇṇukāni nihantvā ito cito ca āvijjhitvā neva ghaṃseyyāti attho.
๒๖๖-๗. กณฺณโกณกสุตฺตานีติ จีวรรชนกาเล ลคฺคนตฺถาย อนุวาเต จตูสุ โกเณสุ จ ปาสกํ กตฺวา พนฺธิตานิ สุตฺตานิ, ยานิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กณฺณสุตฺตก’’นฺติ (มหาว. ๓๔๔) เอวํ อนุญฺญาตานิฯ กณฺณสงฺขาตา โกณา กณฺณโกณกา, เตสุ สุตฺตานิฯ คณฺฐิกปาสกปเฎฺฎสุ ปน กณฺณโกณกสุตฺตานํ ทุวิเญฺญยฺยานเมว กปฺปิยตา เหฎฺฐา วุตฺตาติ จีวเร รเตฺตเยว เตสํ ฉินฺทิตพฺพตา นตฺถิ, กณฺณโกณกสุตฺตานํ ฉินฺทิตพฺพตาย วุตฺตตฺตา อนุวาเตหิ นิกฺขมิตสุตฺตานิปิ ฉินฺทิตพฺพานีติ เวทิตพฺพํฯ ธมฺมกรเณ ฉตฺตวฎฺฎิยํ เลขํ ฐเปตฺวา เลขา น วฎฺฎตีติ โยชนาฯ ฉตฺตวฎฺฎิยนฺติ ฉตฺตสฺส มุขวฎฺฎิยํฯ เลขาติ อุปริ วา เหฎฺฐา วา กุจฺฉิยํ วา อญฺญา เลขาฯ กุญฺจิกาย จ ปิปฺผเล จ มณิกา จ ปีฬกา จ น วฎฺฎนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ มณิกาติ เอกา วฎฺฎมณิฯ ปีฬกาติ สาสปมตฺติกา มุตฺตราชิสทิสา พหุวฎฺฎเลขาฯ ทณฺฑมฺหีติ ปิปฺผลทณฺฑเกฯ
266-7.Kaṇṇakoṇakasuttānīti cīvararajanakāle lagganatthāya anuvāte catūsu koṇesu ca pāsakaṃ katvā bandhitāni suttāni, yāni ‘‘anujānāmi, bhikkhave, kaṇṇasuttaka’’nti (mahāva. 344) evaṃ anuññātāni. Kaṇṇasaṅkhātā koṇā kaṇṇakoṇakā, tesu suttāni. Gaṇṭhikapāsakapaṭṭesu pana kaṇṇakoṇakasuttānaṃ duviññeyyānameva kappiyatā heṭṭhā vuttāti cīvare ratteyeva tesaṃ chinditabbatā natthi, kaṇṇakoṇakasuttānaṃ chinditabbatāya vuttattā anuvātehi nikkhamitasuttānipi chinditabbānīti veditabbaṃ. Dhammakaraṇe chattavaṭṭiyaṃ lekhaṃ ṭhapetvā lekhā na vaṭṭatīti yojanā. Chattavaṭṭiyanti chattassa mukhavaṭṭiyaṃ. Lekhāti upari vā heṭṭhā vā kucchiyaṃ vā aññā lekhā. Kuñcikāya ca pipphale ca maṇikā ca pīḷakā ca na vaṭṭantīti sambandho. Maṇikāti ekā vaṭṭamaṇi. Pīḷakāti sāsapamattikā muttarājisadisā bahuvaṭṭalekhā. Daṇḍamhīti pipphaladaṇḍake.
๒๖๘-๙. อรณิยํ มาลาทิ จ ปตฺตมณฺฑเล ภิตฺติกมฺมญฺจ น วฎฺฎตีติ สมฺพนฺธิตพฺพํฯ อรณิยนฺติ อุตฺตรารณิ อธรารณิ อรณิธนุกญฺจ สามเญฺญน คหิตํฯ ปตฺตมณฺฑเลติ ติปุสีสาทิมเย ปตฺตมณฺฑเลฯ เอตฺถ ปน มกรทณฺฑกํ วฎฺฎติฯ เหฎฺฐาติ กตฺตรยฎฺฐิยา เหฎฺฐาฯ อุทฺธนฺติ ตสฺสาเยว อุปริฯ
268-9. Araṇiyaṃ mālādi ca pattamaṇḍale bhittikammañca na vaṭṭatīti sambandhitabbaṃ. Araṇiyanti uttarāraṇi adharāraṇi araṇidhanukañca sāmaññena gahitaṃ. Pattamaṇḍaleti tipusīsādimaye pattamaṇḍale. Ettha pana makaradaṇḍakaṃ vaṭṭati. Heṭṭhāti kattarayaṭṭhiyā heṭṭhā. Uddhanti tassāyeva upari.
๒๗๐-๓. สมฺมุญฺชนิมฺหีติ สมฺมุญฺชนิยา ลิงฺควิปลฺลาโสฯ อวาริตนฺติ อิตฺถิรูปํ ปน วาริตํฯ โสวณฺณมยมฺปีติ สุวณฺณมยมฺปิฯ วิสาณนาฬิ นาม วิสาณมยา นาฬิฯ เอตฺถ ปน อวุตฺตานิปิ ยานิ กานิจิ อารกณฺฑกทนฺตกฎฺฐเฉทนปานียฆฎปานียอุฬุงฺกจุณฺณภาชนาทีนิ วุตฺตานํ อนุโลมานีติ เวทิตพฺพานิฯ โย ปเนตฺถ วินยญฺญู ตาทิสํ ปริกฺขารํ ทิสฺวา ฉิเนฺทยฺย วา ฉินฺทาเปยฺย วา, อนุปวโชฺช โสติ เวทิตพฺพนฺติฯ
270-3.Sammuñjanimhīti sammuñjaniyā liṅgavipallāso. Avāritanti itthirūpaṃ pana vāritaṃ. Sovaṇṇamayampīti suvaṇṇamayampi. Visāṇanāḷi nāma visāṇamayā nāḷi. Ettha pana avuttānipi yāni kānici ārakaṇḍakadantakaṭṭhachedanapānīyaghaṭapānīyauḷuṅkacuṇṇabhājanādīni vuttānaṃ anulomānīti veditabbāni. Yo panettha vinayaññū tādisaṃ parikkhāraṃ disvā chindeyya vā chindāpeyya vā, anupavajjo soti veditabbanti.
ปริกฺขารนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Parikkhāraniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.