Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วินยสงฺคห-อฎฺฐกถา • Vinayasaṅgaha-aṭṭhakathā |
๒. ปริกฺขารวินิจฺฉยกถา
2. Parikkhāravinicchayakathā
๖. ปริกฺขาโรติ สมณปริกฺขาโรฯ ตตฺรายํ กปฺปิยากปฺปิยปริกฺขารวินิจฺฉโย (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๘๕) – เกจิ ตาลปณฺณจฺฉตฺตํ อโนฺต วา พหิ วา ปญฺจวเณฺณน สุเตฺตน สิพฺพิตฺวา วณฺณมฎฺฐํ กโรนฺติ, ตํ น วฎฺฎติฯ เอกวเณฺณน ปน นีเลน วา ปีตเกน วา เยน เกนจิ สุเตฺตน อโนฺต วา พหิ วา สิพฺพิตุํ , ฉตฺตทณฺฑคฺคาหกํ สลากปญฺชรํ วา วินนฺธิตุํ วฎฺฎติ, ตญฺจ โข ถิรกรณตฺถํ วฎฺฎติ, น วณฺณมฎฺฐตฺถายฯ ฉตฺตปเณฺณสุ มกรทนฺตกํ วา อฑฺฒจนฺทกํ วา ฉินฺทิตุํ น วฎฺฎติฯ ฉตฺตทเณฺฑ เคหตฺถเมฺภสุ วิย ฆฎโก วา วาฬรูปกํ วา น วฎฺฎติฯ สเจปิ สพฺพตฺถ อารเคฺคน เลขา ทินฺนา โหติ, สาปิ น วฎฺฎติฯ ฆฎกํ วา วาฬรูปกํ วา ภินฺทิตฺวา ธาเรตพฺพํ, เลขาปิ ฆํสิตฺวา วา อปเนตพฺพา, สุตฺตเกน วา ทโณฺฑ เวเฐตโพฺพฯ ทณฺฑพุเนฺท ปน อหิจฺฉตฺตกสณฺฐานํ วฎฺฎติฯ วาตปฺปหาเรน อจลนตฺถํ ฉตฺตมณฺฑลิกํ รชฺชุเกหิ คาเหตฺวา ทเณฺฑ พนฺธนฺติ, ตสฺมิํ พนฺธนฎฺฐาเน วลยมิว อุกฺกิริตฺวา เลขํ ฐเปนฺติ, สา วฎฺฎติฯ
6.Parikkhāroti samaṇaparikkhāro. Tatrāyaṃ kappiyākappiyaparikkhāravinicchayo (pārā. aṭṭha. 1.85) – keci tālapaṇṇacchattaṃ anto vā bahi vā pañcavaṇṇena suttena sibbitvā vaṇṇamaṭṭhaṃ karonti, taṃ na vaṭṭati. Ekavaṇṇena pana nīlena vā pītakena vā yena kenaci suttena anto vā bahi vā sibbituṃ , chattadaṇḍaggāhakaṃ salākapañjaraṃ vā vinandhituṃ vaṭṭati, tañca kho thirakaraṇatthaṃ vaṭṭati, na vaṇṇamaṭṭhatthāya. Chattapaṇṇesu makaradantakaṃ vā aḍḍhacandakaṃ vā chindituṃ na vaṭṭati. Chattadaṇḍe gehatthambhesu viya ghaṭako vā vāḷarūpakaṃ vā na vaṭṭati. Sacepi sabbattha āraggena lekhā dinnā hoti, sāpi na vaṭṭati. Ghaṭakaṃ vā vāḷarūpakaṃ vā bhinditvā dhāretabbaṃ, lekhāpi ghaṃsitvā vā apanetabbā, suttakena vā daṇḍo veṭhetabbo. Daṇḍabunde pana ahicchattakasaṇṭhānaṃ vaṭṭati. Vātappahārena acalanatthaṃ chattamaṇḍalikaṃ rajjukehi gāhetvā daṇḍe bandhanti, tasmiṃ bandhanaṭṭhāne valayamiva ukkiritvā lekhaṃ ṭhapenti, sā vaṭṭati.
๗. จีวรมณฺฑนตฺถาย นานาสุตฺตเกหิ สตปทิสทิสํ สิพฺพนฺตา อาคนฺตุกปฎฺฎํ ฐเปนฺติ, อญฺญมฺปิ ยํ กิญฺจิ สูจิกมฺมวิการํ กโรนฺติ, ปฎฺฎมุเข วา ปริยเนฺต วา เวณิํ วา สงฺขลิกํ วา มุคฺครํ วา เอวมาทิ สพฺพํ น วฎฺฎติ, ปกติสูจิกมฺมเมว วฎฺฎติฯ คณฺฐิกปฎฺฎกญฺจ ปาสกปฎฺฎกญฺจ อฎฺฐโกณมฺปิ โสฬสโกณมฺปิ กโรนฺติ, ตตฺถ อคฺฆิยคยมุคฺคราทีนิ ทเสฺสนฺติ, กกฺกฎกฺขีนิ อุกฺกิรนฺติ, สพฺพํ น วฎฺฎติ, จตุโกณเมว วฎฺฎติ, โกณสุตฺตปีฬกา จ จีวเร รเตฺต ทุวิเญฺญยฺยรูปา วฎฺฎนฺติฯ กญฺชิกปิฎฺฐขลิออลกาทีสุ จีวรํ ปกฺขิปิตุํ น วฎฺฎติ, จีวรกมฺมกาเล ปน หตฺถมลสูจิมลาทีนํ โธวนตฺถํ กิลิฎฺฐกาเล จ โธวนตฺถํ วฎฺฎติ, คนฺธํ วา ลาขํ วา เตลํ วา รชเน ปกฺขิปิตุํ น วฎฺฎติฯ
7. Cīvaramaṇḍanatthāya nānāsuttakehi satapadisadisaṃ sibbantā āgantukapaṭṭaṃ ṭhapenti, aññampi yaṃ kiñci sūcikammavikāraṃ karonti, paṭṭamukhe vā pariyante vā veṇiṃ vā saṅkhalikaṃ vā muggaraṃ vā evamādi sabbaṃ na vaṭṭati, pakatisūcikammameva vaṭṭati. Gaṇṭhikapaṭṭakañca pāsakapaṭṭakañca aṭṭhakoṇampi soḷasakoṇampi karonti, tattha agghiyagayamuggarādīni dassenti, kakkaṭakkhīni ukkiranti, sabbaṃ na vaṭṭati, catukoṇameva vaṭṭati, koṇasuttapīḷakā ca cīvare ratte duviññeyyarūpā vaṭṭanti. Kañjikapiṭṭhakhaliaalakādīsu cīvaraṃ pakkhipituṃ na vaṭṭati, cīvarakammakāle pana hatthamalasūcimalādīnaṃ dhovanatthaṃ kiliṭṭhakāle ca dhovanatthaṃ vaṭṭati, gandhaṃ vā lākhaṃ vā telaṃ vā rajane pakkhipituṃ na vaṭṭati.
รชเนสุ จ หลิทฺทิํ ฐเปตฺวา สพฺพํ มูลรชนํ วฎฺฎติ, มญฺชิฎฺฐิญฺจ ตุงฺคหารญฺจ ฐเปตฺวา สพฺพํ ขนฺธรชนํ วฎฺฎติฯ ตุงฺคหาโร นาม เอโก สกณฺฎกรุโกฺข, ตสฺส หริตาลวณฺณํ ขนฺธรชนํ โหติฯ โลทฺทญฺจ กณฺฑุลญฺจ ฐเปตฺวา สพฺพํ ตจรชนํ วฎฺฎติฯ อลฺลิปตฺตญฺจ นีลิปตฺตญฺจ ฐเปตฺวา สพฺพํ ปตฺตรชนํ วฎฺฎติฯ คิหิปริภุตฺตกํ ปน อลฺลิปเตฺตน เอกวารํ รชิตุํ วฎฺฎติฯ กิํสุกปุปฺผญฺจ กุสุมฺภปุปฺผญฺจ ฐเปตฺวา สพฺพํ ปุปฺผรชนํ วฎฺฎติฯ ผลรชเน ปน น กิญฺจิ น วฎฺฎติ (มหาว. อฎฺฐ. ๓๔๔)ฯ
Rajanesu ca haliddiṃ ṭhapetvā sabbaṃ mūlarajanaṃ vaṭṭati, mañjiṭṭhiñca tuṅgahārañca ṭhapetvā sabbaṃ khandharajanaṃ vaṭṭati. Tuṅgahāro nāma eko sakaṇṭakarukkho, tassa haritālavaṇṇaṃ khandharajanaṃ hoti. Loddañca kaṇḍulañca ṭhapetvā sabbaṃ tacarajanaṃ vaṭṭati. Allipattañca nīlipattañca ṭhapetvā sabbaṃ pattarajanaṃ vaṭṭati. Gihiparibhuttakaṃ pana allipattena ekavāraṃ rajituṃ vaṭṭati. Kiṃsukapupphañca kusumbhapupphañca ṭhapetvā sabbaṃ puppharajanaṃ vaṭṭati. Phalarajane pana na kiñci na vaṭṭati (mahāva. aṭṭha. 344).
๘. จีวรํ รชิตฺวา สเงฺขน วา มณินา วา เยน เกนจิ น ฆเฎฺฎตพฺพํ, ภูมิยํ ชาณุกานิ นิหนฺตฺวา หเตฺถหิ คเหตฺวา โทณิยมฺปิ น ฆํสิตพฺพํฯ โทณิยํ วา ผลเก วา ฐเปตฺวา อเนฺต คาหาเปตฺวา หเตฺถน ปหริตุํ ปน วฎฺฎติ, ตมฺปิ มุฎฺฐินา น กาตพฺพํฯ โปราณกเตฺถรา ปน โทณิยมฺปิ น ฐเปสุํฯ เอโก จีวรํ คเหตฺวา ติฎฺฐติ, อปโร หเตฺถ กตฺวา หเตฺถน ปหรติฯ จีวรสฺส กณฺณสุตฺตกํ น วฎฺฎติ, รชิตกาเล ฉินฺทิตพฺพํฯ ยํ ปน ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กณฺณสุตฺตก’’นฺติ (มหาว. ๓๔๔) เอวํ อนุญฺญาตํ, ตํ อนุวาเต ปาสกํ กตฺวา พนฺธิตพฺพํ รชนกาเล ลคฺคนตฺถายฯ คณฺฐิเกปิ โสภากรณตฺถํ เลขา วา ปีฬกา วา น วฎฺฎติ, นาเสตฺวา ปริภุญฺชิตพฺพํฯ
8. Cīvaraṃ rajitvā saṅkhena vā maṇinā vā yena kenaci na ghaṭṭetabbaṃ, bhūmiyaṃ jāṇukāni nihantvā hatthehi gahetvā doṇiyampi na ghaṃsitabbaṃ. Doṇiyaṃ vā phalake vā ṭhapetvā ante gāhāpetvā hatthena paharituṃ pana vaṭṭati, tampi muṭṭhinā na kātabbaṃ. Porāṇakattherā pana doṇiyampi na ṭhapesuṃ. Eko cīvaraṃ gahetvā tiṭṭhati, aparo hatthe katvā hatthena paharati. Cīvarassa kaṇṇasuttakaṃ na vaṭṭati, rajitakāle chinditabbaṃ. Yaṃ pana ‘‘anujānāmi, bhikkhave, kaṇṇasuttaka’’nti (mahāva. 344) evaṃ anuññātaṃ, taṃ anuvāte pāsakaṃ katvā bandhitabbaṃ rajanakāle lagganatthāya. Gaṇṭhikepi sobhākaraṇatthaṃ lekhā vā pīḷakā vā na vaṭṭati, nāsetvā paribhuñjitabbaṃ.
๙. ปเตฺต วา ถาลเก วา อารเคฺคน เลขํ กโรนฺติ อโนฺต วา พหิ วา, น วฎฺฎติฯ ปตฺตํ ภมํ อาโรเปตฺวา มชฺชิตฺวา ปจนฺติ ‘‘มณิวณฺณํ กริสฺสามา’’ติ, น วฎฺฎติ, เตลวโณฺณ ปน วฎฺฎติฯ ปตฺตมณฺฑเล ภิตฺติกมฺมํ น วฎฺฎติ, มกรทนฺตกํ ปน วฎฺฎติฯ
9. Patte vā thālake vā āraggena lekhaṃ karonti anto vā bahi vā, na vaṭṭati. Pattaṃ bhamaṃ āropetvā majjitvā pacanti ‘‘maṇivaṇṇaṃ karissāmā’’ti, na vaṭṭati, telavaṇṇo pana vaṭṭati. Pattamaṇḍale bhittikammaṃ na vaṭṭati, makaradantakaṃ pana vaṭṭati.
ธมกรณฉตฺตกสฺส อุปริ วา เหฎฺฐา วา ธมกรณกุจฺฉิยํ วา เลขา น วฎฺฎติ, ฉตฺตมุขวฎฺฎิยํ ปนสฺส เลขา วฎฺฎติฯ
Dhamakaraṇachattakassa upari vā heṭṭhā vā dhamakaraṇakucchiyaṃ vā lekhā na vaṭṭati, chattamukhavaṭṭiyaṃ panassa lekhā vaṭṭati.
๑๐. กายพนฺธนสฺส โสภนตฺถํ ตหิํ ตหิํ ทิคุณํ สุตฺตํ โกเฎฺฎนฺติ, กกฺกฎกฺขีนิ อุฎฺฐาเปนฺติ, น วฎฺฎติ, อุโภสุ ปน อเนฺตสุ ทสามุขสฺส ถิรภาวาย ทิคุณํ โกเฎฺฎตุํ วฎฺฎติฯ ทสามุเข ปน ฆฎกํ วา มกรมุขํ วา เทฑฺฑุภสีสํ วา ยํ กิญฺจิ วิการรูปํ กาตุํ น วฎฺฎติ, ตตฺถ ตตฺถ อจฺฉีนิ ทเสฺสตฺวา มาลากมฺมาทีนิ วา กตฺวา โกฎฺฎิตกายพนฺธนมฺปิ น วฎฺฎติ, อุชุกเมว ปน มจฺฉกณฺฎกํ วา ขชฺชูริปตฺตกํ วา มฎฺฐกปฎฺฎิกํ วา กตฺวา โกเฎฺฎตุํ วฎฺฎติฯ กายพนฺธนสฺส ทสา เอกา วฎฺฎติ, เทฺว ตีณิ จตฺตาริปิ วฎฺฎนฺติ, ตโต ปรํ น วฎฺฎนฺติฯ รชฺชุกกายพนฺธนํ เอกเมว วฎฺฎติ, ปามงฺคสณฺฐานํ ปน เอกมฺปิ น วฎฺฎติ, ทสา ปน ปามงฺคสณฺฐานาปิ วฎฺฎติ, พหุรชฺชุเก เอกโต กตฺวา เอเกน นิรนฺตรํ เวเฐตฺวา กตํ พหุรชฺชุกนฺติ น วตฺตพฺพํ, ตํ วฎฺฎติฯ
10. Kāyabandhanassa sobhanatthaṃ tahiṃ tahiṃ diguṇaṃ suttaṃ koṭṭenti, kakkaṭakkhīni uṭṭhāpenti, na vaṭṭati, ubhosu pana antesu dasāmukhassa thirabhāvāya diguṇaṃ koṭṭetuṃ vaṭṭati. Dasāmukhe pana ghaṭakaṃ vā makaramukhaṃ vā deḍḍubhasīsaṃ vā yaṃ kiñci vikārarūpaṃ kātuṃ na vaṭṭati, tattha tattha acchīni dassetvā mālākammādīni vā katvā koṭṭitakāyabandhanampi na vaṭṭati, ujukameva pana macchakaṇṭakaṃ vā khajjūripattakaṃ vā maṭṭhakapaṭṭikaṃ vā katvā koṭṭetuṃ vaṭṭati. Kāyabandhanassa dasā ekā vaṭṭati, dve tīṇi cattāripi vaṭṭanti, tato paraṃ na vaṭṭanti. Rajjukakāyabandhanaṃ ekameva vaṭṭati, pāmaṅgasaṇṭhānaṃ pana ekampi na vaṭṭati, dasā pana pāmaṅgasaṇṭhānāpi vaṭṭati, bahurajjuke ekato katvā ekena nirantaraṃ veṭhetvā kataṃ bahurajjukanti na vattabbaṃ, taṃ vaṭṭati.
กายพนฺธนวิเธ อฎฺฐมงฺคลาทิกํ ยํ กิญฺจิ วิการรูปํ น วฎฺฎติ, ปริเจฺฉทเลขามตฺตํ วฎฺฎติฯ วิธกสฺส อุโภสุ อเนฺตสุ ถิรกรณตฺถาย ฆฎกํ กโรนฺติ, อยมฺปิ วฎฺฎติฯ
Kāyabandhanavidhe aṭṭhamaṅgalādikaṃ yaṃ kiñci vikārarūpaṃ na vaṭṭati, paricchedalekhāmattaṃ vaṭṭati. Vidhakassa ubhosu antesu thirakaraṇatthāya ghaṭakaṃ karonti, ayampi vaṭṭati.
๑๑. อญฺชนิยํ อิตฺถิปุริสจตุปฺปทสกุณรูปํ วา มาลากมฺมลตากมฺมมกรทนฺตกโคมุตฺตกอฑฺฒจนฺทกาทิเภทํ วา วิการรูปํ น วฎฺฎติ, ฆํสิตฺวา วา ภินฺทิตฺวา วา ยถา วา น ปญฺญายติ, ตถา สุตฺตเกน เวเฐตฺวา วฬเญฺชตพฺพาฯ อุชุกเมว ปน จตุรํสา วา อฎฺฐํสา วา โสฬสํสา วา อญฺชนี วฎฺฎติฯ เหฎฺฐโตปิสฺสา เทฺว วา ติโสฺส วา วฎฺฎเลขาโย วฎฺฎนฺติ, คีวายมฺปิสฺสา ปิธานกพนฺธนตฺถํ เอกา วฎฺฎเลขา วฎฺฎติฯ
11. Añjaniyaṃ itthipurisacatuppadasakuṇarūpaṃ vā mālākammalatākammamakaradantakagomuttakaaḍḍhacandakādibhedaṃ vā vikārarūpaṃ na vaṭṭati, ghaṃsitvā vā bhinditvā vā yathā vā na paññāyati, tathā suttakena veṭhetvā vaḷañjetabbā. Ujukameva pana caturaṃsā vā aṭṭhaṃsā vā soḷasaṃsā vā añjanī vaṭṭati. Heṭṭhatopissā dve vā tisso vā vaṭṭalekhāyo vaṭṭanti, gīvāyampissā pidhānakabandhanatthaṃ ekā vaṭṭalekhā vaṭṭati.
อญฺชนีสลากายปิ วณฺณมฎฺฐกมฺมํ น วฎฺฎติ, อญฺชนีถวิกายปิ ยํ กิญฺจิ นานาวเณฺณน สุเตฺตน วณฺณมฎฺฐกมฺมํ น วฎฺฎติฯ เอเสว นโย กุญฺจิกโกสเกปิฯ กุญฺจิกาย วณฺณมฎฺฐกมฺมํ น วฎฺฎติ, ตถา สิปาฎิกายฯ เอกวณฺณสุเตฺตน ปน เยน เกนจิ ยํ กิญฺจิ สิพฺพิตุํ วฎฺฎติฯ
Añjanīsalākāyapi vaṇṇamaṭṭhakammaṃ na vaṭṭati, añjanīthavikāyapi yaṃ kiñci nānāvaṇṇena suttena vaṇṇamaṭṭhakammaṃ na vaṭṭati. Eseva nayo kuñcikakosakepi. Kuñcikāya vaṇṇamaṭṭhakammaṃ na vaṭṭati, tathā sipāṭikāya. Ekavaṇṇasuttena pana yena kenaci yaṃ kiñci sibbituṃ vaṭṭati.
๑๒. อารกณฺฎเกปิ วฎฺฎมณิกํ วา อญฺญํ วา วณฺณมฎฺฐํ น วฎฺฎติ, คีวายํ ปน ปริเจฺฉทเลขา วฎฺฎติฯ ปิปฺผลิเกปิ มณิกํ วา ปีฬกํ วา ยํ กิญฺจิ อุฎฺฐาเปตุํ น วฎฺฎติ, ทณฺฑเก ปน ปริเจฺฉทเลขา วฎฺฎติฯ นขเจฺฉทนํ วลิตกํเยว กโรนฺติ, ตสฺมา ตํ วฎฺฎติฯ อุตฺตรารณิยํ วาปิ อรณิธนุเก วา อุปริเปลฺลนทณฺฑเก วา มาลากมฺมาทิ ยํ กิญฺจิ วณฺณมฎฺฐํ น วฎฺฎติฯ เปลฺลนทณฺฑกสฺส ปน เวมเชฺฌ มณฺฑลํ โหติ, ตตฺถ ปริเจฺฉทเลขามตฺตํ วฎฺฎติฯ สูจิสณฺฑาสํ กโรนฺติ, เยน สูจิํ ฑํสาเปตฺวา ฆํสนฺติ, ตตฺถ มกรมุขาทิกํ ยํ กิญฺจิ วณฺณมฎฺฐํ น วฎฺฎติ, สูจิฑํสนตฺถํ ปน มุขมตฺตํ โหติ, ตํ วฎฺฎติฯ
12. Ārakaṇṭakepi vaṭṭamaṇikaṃ vā aññaṃ vā vaṇṇamaṭṭhaṃ na vaṭṭati, gīvāyaṃ pana paricchedalekhā vaṭṭati. Pipphalikepi maṇikaṃ vā pīḷakaṃ vā yaṃ kiñci uṭṭhāpetuṃ na vaṭṭati, daṇḍake pana paricchedalekhā vaṭṭati. Nakhacchedanaṃ valitakaṃyeva karonti, tasmā taṃ vaṭṭati. Uttarāraṇiyaṃ vāpi araṇidhanuke vā uparipellanadaṇḍake vā mālākammādi yaṃ kiñci vaṇṇamaṭṭhaṃ na vaṭṭati. Pellanadaṇḍakassa pana vemajjhe maṇḍalaṃ hoti, tattha paricchedalekhāmattaṃ vaṭṭati. Sūcisaṇḍāsaṃ karonti, yena sūciṃ ḍaṃsāpetvā ghaṃsanti, tattha makaramukhādikaṃ yaṃ kiñci vaṇṇamaṭṭhaṃ na vaṭṭati, sūciḍaṃsanatthaṃ pana mukhamattaṃ hoti, taṃ vaṭṭati.
ทนฺตกฎฺฐเจฺฉทนวาสิยมฺปิ ยํ กิญฺจิ วณฺณมฎฺฐํ น วฎฺฎติ, อุชุกเมว กปฺปิยโลเหน อุโภสุ วา ปเสฺสสุ จตุรํสํ วา อฎฺฐํสํ วา พนฺธิตุํ วฎฺฎติฯ กตฺตรทเณฺฑปิ ยํ กิญฺจิ วณฺณมฎฺฐํ น วฎฺฎติ, เหฎฺฐา เอกา วา เทฺว วา วฎฺฎเลขา อุปริ อหิจฺฉตฺตกมกุฬมตฺตญฺจ วฎฺฎติฯ
Dantakaṭṭhacchedanavāsiyampi yaṃ kiñci vaṇṇamaṭṭhaṃ na vaṭṭati, ujukameva kappiyalohena ubhosu vā passesu caturaṃsaṃ vā aṭṭhaṃsaṃ vā bandhituṃ vaṭṭati. Kattaradaṇḍepi yaṃ kiñci vaṇṇamaṭṭhaṃ na vaṭṭati, heṭṭhā ekā vā dve vā vaṭṭalekhā upari ahicchattakamakuḷamattañca vaṭṭati.
๑๓. เตลภาชเนสุ วิสาเณ วา นาฬิยํ วา อลาพุเก วา อามณฺฑสารเก วา ฐเปตฺวา อิตฺถิรูปํ ปุริสรูปญฺจ อวเสสํ สพฺพมฺปิ วณฺณมฎฺฐกมฺมํ วฎฺฎติฯ มญฺจปีเฐ ภิสิพิโมฺพหเน ภูมตฺถรเณ ปาทปุญฺฉเน จงฺกมนภิสิยา สมฺมุญฺชนิยํ กจวรฉฑฺฑนเก รชนโทณิกาย ปานียอุฬุเงฺก ปานียฆเฎ ปาทกถลิกาย ผลกปีฐเก วลยาธารเก ทณฺฑาธารเก ปตฺตปิธาเน ตาลวเณฺฎ พีชเนติ เอเตสุ สพฺพํ มาลากมฺมาทิ วณฺณมฎฺฐกมฺมํ วฎฺฎติฯ
13. Telabhājanesu visāṇe vā nāḷiyaṃ vā alābuke vā āmaṇḍasārake vā ṭhapetvā itthirūpaṃ purisarūpañca avasesaṃ sabbampi vaṇṇamaṭṭhakammaṃ vaṭṭati. Mañcapīṭhe bhisibimbohane bhūmattharaṇe pādapuñchane caṅkamanabhisiyā sammuñjaniyaṃ kacavarachaḍḍanake rajanadoṇikāya pānīyauḷuṅke pānīyaghaṭe pādakathalikāya phalakapīṭhake valayādhārake daṇḍādhārake pattapidhāne tālavaṇṭe bījaneti etesu sabbaṃ mālākammādi vaṇṇamaṭṭhakammaṃ vaṭṭati.
๑๔. เสนาสเน ปน ทฺวารกวาฎวาตปานกวาฎาทีสุ สพฺพรตนมยมฺปิ วณฺณมฎฺฐกมฺมํ วฎฺฎติฯ เสนาสเน กิญฺจิ ปฎิเสเธตพฺพํ นตฺถิ อญฺญตฺร วิรุทฺธเสนาสนา ฯ วิรุทฺธเสนาสนํ นาม อเญฺญสํ สีมาย ราชวลฺลเภหิ กตเสนาสนํ วุจฺจติฯ ตสฺมา เย ตาทิสํ เสนาสนํ กโรนฺติ, เต วตฺตพฺพา ‘‘มา อมฺหากํ สีมาย เสนาสนํ กโรถา’’ติฯ อนาทิยิตฺวา กโรนฺติเยว, ปุนปิ วตฺตพฺพา ‘‘มา เอวํ อกตฺถ, มา อมฺหากํ อุโปสถปวารณานํ อนฺตรายมกตฺถ, มา สามคฺคิํ ภินฺทิตฺถ, ตุมฺหากํ เสนาสนํ กตมฺปิ กตฎฺฐาเน น ฐสฺสตี’’ติฯ สเจ พลกฺกาเรน กโรนฺติเยว, ยทา เตสํ ลชฺชิปริสา อุสฺสนฺนา โหติ, สกฺกา จ โหติ ลทฺธุํ ธมฺมิโก วินิจฺฉโย, ตทา เตสํ เปเสตพฺพํ ‘‘ตุมฺหากํ อาวาสํ หรถา’’ติฯ สเจ ยาวตติยํ เปสิเต หรนฺติ, สาธุฯ โน เจ หรนฺติ, ฐเปตฺวา โพธิญฺจ เจติยญฺจ อวเสสเสนาสนานิ ภินฺทิตพฺพานิ, โน จ โข อปริโภคํ กโรเนฺตหิ, ปฎิปาฎิยา ปน ฉทนโคปานสีอิฎฺฐกาทีนิ อปเนตฺวา เตสํ เปเสตพฺพํ ‘‘ตุมฺหากํ ทพฺพสมฺภาเร หรถา’’ติฯ สเจ หรนฺติ, สาธุฯ โน เจ หรนฺติ, อถ เตสุ ทพฺพสมฺภาเรสุ หิมวสฺสวาตาตปาทีหิ ปูติภูเตสุ วา โจเรหิ วา หเฎสุ อคฺคินา วา ทเฑฺฒสุ สีมสามิกา ภิกฺขู อนุปวชฺชา, น ลพฺภา โจเทตุํ ‘‘ตุเมฺหหิ อมฺหากํ ทพฺพสมฺภารา นาสิตา’’ติ วา ‘‘ตุมฺหากํ คีวา’’ติ วาฯ ยํ ปน สีมสามิเกหิ ภิกฺขูหิ กตํ, ตํ สุกตเมว โหติฯ โยปิ ภิกฺขุ พหุสฺสุโต วินยญฺญู อญฺญํ ภิกฺขุํ อกปฺปิยปริกฺขารํ คเหตฺวา วิจรนฺตํ ทิสฺวา ฉินฺทาเปยฺย วา ภินฺทาเปยฺย วา, อนุปวโชฺช, โส เนว โจเทตโพฺพ น สาเรตโพฺพ, น ตํ ลพฺภา วตฺตุํ ‘‘อยํ นาม มม ปริกฺขาโร ตยา นาสิโต, ตํ เม เทหี’’ติฯ
14. Senāsane pana dvārakavāṭavātapānakavāṭādīsu sabbaratanamayampi vaṇṇamaṭṭhakammaṃ vaṭṭati. Senāsane kiñci paṭisedhetabbaṃ natthi aññatra viruddhasenāsanā . Viruddhasenāsanaṃ nāma aññesaṃ sīmāya rājavallabhehi katasenāsanaṃ vuccati. Tasmā ye tādisaṃ senāsanaṃ karonti, te vattabbā ‘‘mā amhākaṃ sīmāya senāsanaṃ karothā’’ti. Anādiyitvā karontiyeva, punapi vattabbā ‘‘mā evaṃ akattha, mā amhākaṃ uposathapavāraṇānaṃ antarāyamakattha, mā sāmaggiṃ bhindittha, tumhākaṃ senāsanaṃ katampi kataṭṭhāne na ṭhassatī’’ti. Sace balakkārena karontiyeva, yadā tesaṃ lajjiparisā ussannā hoti, sakkā ca hoti laddhuṃ dhammiko vinicchayo, tadā tesaṃ pesetabbaṃ ‘‘tumhākaṃ āvāsaṃ harathā’’ti. Sace yāvatatiyaṃ pesite haranti, sādhu. No ce haranti, ṭhapetvā bodhiñca cetiyañca avasesasenāsanāni bhinditabbāni, no ca kho aparibhogaṃ karontehi, paṭipāṭiyā pana chadanagopānasīiṭṭhakādīni apanetvā tesaṃ pesetabbaṃ ‘‘tumhākaṃ dabbasambhāre harathā’’ti. Sace haranti, sādhu. No ce haranti, atha tesu dabbasambhāresu himavassavātātapādīhi pūtibhūtesu vā corehi vā haṭesu agginā vā daḍḍhesu sīmasāmikā bhikkhū anupavajjā, na labbhā codetuṃ ‘‘tumhehi amhākaṃ dabbasambhārā nāsitā’’ti vā ‘‘tumhākaṃ gīvā’’ti vā. Yaṃ pana sīmasāmikehi bhikkhūhi kataṃ, taṃ sukatameva hoti. Yopi bhikkhu bahussuto vinayaññū aññaṃ bhikkhuṃ akappiyaparikkhāraṃ gahetvā vicarantaṃ disvā chindāpeyya vā bhindāpeyya vā, anupavajjo, so neva codetabbo na sāretabbo, na taṃ labbhā vattuṃ ‘‘ayaṃ nāma mama parikkhāro tayā nāsito, taṃ me dehī’’ti.
อิติ ปาฬิมุตฺตกวินยวินิจฺฉยสงฺคเห
Iti pāḷimuttakavinayavinicchayasaṅgahe
ปริกฺขารวินิจฺฉยกถา สมตฺตาฯ
Parikkhāravinicchayakathā samattā.