Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā |
๗. เสขิยกณฺฑํ
7. Sekhiyakaṇḍaṃ
๑. ปริมณฺฑลวคฺควณฺณนา
1. Parimaṇḍalavaggavaṇṇanā
เสขิเยสุ สิกฺขิตสิเกฺขนาติ จตูหิ มเคฺคหิ ติโสฺส สิกฺขา สิกฺขิตฺวา ฐิเตน, สพฺพโส ปรินิฎฺฐิตกิเจฺจนาติ วุตฺตํ โหติฯ ตาทินาติ อฎฺฐหิ โลกธเมฺมหิ อกมฺปิยเฎฺฐน ตาทินาฯ
Sekhiyesu sikkhitasikkhenāti catūhi maggehi tisso sikkhā sikkhitvā ṭhitena, sabbaso pariniṭṭhitakiccenāti vuttaṃ hoti. Tādināti aṭṭhahi lokadhammehi akampiyaṭṭhena tādinā.
๕๗๖. สิกฺขา กรณียาติ ‘‘เอวํ นิวาเสสฺสามี’’ติ อาราเมปิ อนฺตรฆเรปิ สพฺพตฺถ สิกฺขา กตฺตพฺพาฯ เอตฺถ จ ยสฺมา วตฺตกฺขนฺธเก วุตฺตวตฺตานิปิ สิกฺขิตพฺพตฺตา เสขิยาเนว โหนฺติ, ตสฺมา ปาราชิกาทีสุ วิย ปริเจฺฉโท น กโต, จาริตฺตนยทสฺสนตฺถญฺจ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ โอลเมฺพโนฺต นิวาเสยฺย, ทุกฺกฎ’’นฺติ เอวํ อาปตฺตินาเมน อวตฺวา ‘‘สิกฺขา กรณียา’’ติ เอวํ สพฺพสิกฺขาปเทสุ ปาฬิ อาโรปิตาฯ ปทภาชเน ปน ‘‘อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา สพฺพตฺถ อนาทริยกรเณ ทุกฺกฎํ เวทิตพฺพํฯ วุตฺตนฺติ มหาอฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ ยสฺมา อฎฺฐงฺคุลมตฺตํ โอตาเรตฺวา นิวตฺถเมว นิสินฺนสฺส จตุรงฺคุลมตฺตํ โหติ, ตสฺมา อุโภเปเต อฎฺฐกถาวาทา เอกปริเจฺฉทาฯ เต สเพฺพติ นิวาสนโทสาฯ
576.Sikkhā karaṇīyāti ‘‘evaṃ nivāsessāmī’’ti ārāmepi antaragharepi sabbattha sikkhā kattabbā. Ettha ca yasmā vattakkhandhake vuttavattānipi sikkhitabbattā sekhiyāneva honti, tasmā pārājikādīsu viya paricchedo na kato, cārittanayadassanatthañca ‘‘yo pana bhikkhu olambento nivāseyya, dukkaṭa’’nti evaṃ āpattināmena avatvā ‘‘sikkhā karaṇīyā’’ti evaṃ sabbasikkhāpadesu pāḷi āropitā. Padabhājane pana ‘‘āpatti dukkaṭassā’’ti vuttattā sabbattha anādariyakaraṇe dukkaṭaṃ veditabbaṃ. Vuttanti mahāaṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ. Yasmā aṭṭhaṅgulamattaṃ otāretvā nivatthameva nisinnassa caturaṅgulamattaṃ hoti, tasmā ubhopete aṭṭhakathāvādā ekaparicchedā. Te sabbeti nivāsanadosā.
ตํ ปนาติ ตํ อนาทริยํฯ กิญฺจาปิ กุรุนฺทิวาทํ ปจฺฉา วทเนฺตน ‘‘ปริมณฺฑลํ นิวาเสตุํ อชานนฺตสฺส อนาปตฺตี’’ติ อยมโตฺถ ปติฎฺฐาปิโต, ตถาปิ นิวาสนวตฺตํ สาธุกํ อุคฺคเหตพฺพเมวฯ สญฺจิจฺจ อนุคฺคณฺหนฺตสฺส อนาทริยํ สิยาฯ เตเนว มาติกาฎฺฐกถายํ (กงฺขา. อฎฺฐ. ปริมณฺฑลสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตํ ‘‘อชานนฺตสฺสาติ ปริมณฺฑลํ นิวาเสตุํ อชานนฺตสฺส อนาปตฺติ, อปิจ นิวาสนวตฺตํ อุคฺคเหตพฺพ’’นฺติฯ
Taṃ panāti taṃ anādariyaṃ. Kiñcāpi kurundivādaṃ pacchā vadantena ‘‘parimaṇḍalaṃ nivāsetuṃ ajānantassa anāpattī’’ti ayamattho patiṭṭhāpito, tathāpi nivāsanavattaṃ sādhukaṃ uggahetabbameva. Sañcicca anuggaṇhantassa anādariyaṃ siyā. Teneva mātikāṭṭhakathāyaṃ (kaṅkhā. aṭṭha. parimaṇḍalasikkhāpadavaṇṇanā) vuttaṃ ‘‘ajānantassāti parimaṇḍalaṃ nivāsetuṃ ajānantassa anāpatti, apica nivāsanavattaṃ uggahetabba’’nti.
สจิตฺตกนฺติ วตฺถุวิชานนจิเตฺตน ปณฺณตฺติวิชานนจิเตฺตน จ สจิตฺตกํ ‘‘อนาทริยํ ปฎิจฺจา’’ติ วุตฺตตฺตาฯ ‘‘ปาณาติปาตาทิ วิย นิวาสนโทโส โลกครหิโต น โหตีติ ปณฺณตฺติวชฺช’’นฺติ ผุสฺสเทวเตฺถโร อาหฯ อุปติสฺสเตฺถโร ปน ‘‘ยสฺมา อนาทริยวเสเนว อาปชฺชิตพฺพตฺตา เกวลํ อกุสลเมว, ตญฺจ ปกติยา วชฺชํ, สญฺจิจฺจ วีติกฺกมนญฺจ โทมนสฺสิตเสฺสว โหติ, ตสฺมา โลกวชฺชํ อกุสลจิตฺตํ ทุกฺขเวทน’’นฺติ อาหฯ อนาทริยํ, อนาปตฺติการณาภาโว, อปริมณฺฑลนิวาสนนฺติ อิมานิ ปเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ ยถา เจตฺถ, เอวํ สพฺพตฺถ ปุริมานิ เทฺว ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตปฎิปกฺขกรณญฺจาติ ตีณิเยว โหนฺติฯ
Sacittakanti vatthuvijānanacittena paṇṇattivijānanacittena ca sacittakaṃ ‘‘anādariyaṃ paṭiccā’’ti vuttattā. ‘‘Pāṇātipātādi viya nivāsanadoso lokagarahito na hotīti paṇṇattivajja’’nti phussadevatthero āha. Upatissatthero pana ‘‘yasmā anādariyavaseneva āpajjitabbattā kevalaṃ akusalameva, tañca pakatiyā vajjaṃ, sañcicca vītikkamanañca domanassitasseva hoti, tasmā lokavajjaṃ akusalacittaṃ dukkhavedana’’nti āha. Anādariyaṃ, anāpattikāraṇābhāvo, aparimaṇḍalanivāsananti imāni panettha tīṇi aṅgāni. Yathā cettha, evaṃ sabbattha purimāni dve tattha tattha vuttapaṭipakkhakaraṇañcāti tīṇiyeva honti.
๕๗๗. ทุติยาทีสุ อเนกปฺปการํ คิหิปารุตนฺติ เสตปฎปารุตํ ปริพฺพาชกปารุตํ เอกสาฎกปารุตนฺติอาทิ อเนกปฺปเภทํ คิหิปารุตํฯ ตสฺสโตฺถ ขนฺธเกเยว อาวิ ภวิสฺสติฯ วิหาเรปีติ พุทฺธุปฎฺฐานาทิกาลํ สนฺธาย วุตฺตํฯ
577. Dutiyādīsu anekappakāraṃ gihipārutanti setapaṭapārutaṃ paribbājakapārutaṃ ekasāṭakapārutantiādi anekappabhedaṃ gihipārutaṃ. Tassattho khandhakeyeva āvi bhavissati. Vihārepīti buddhupaṭṭhānādikālaṃ sandhāya vuttaṃ.
๕๗๘. ‘‘สุปฺปฎิจฺฉโนฺน’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘สสีสํ ปารุโต สพฺพถา สุปฺปฎิจฺฉนฺนตฺตา สุปฺปฎิจฺฉโนฺน นาม โหตี’’ติ ยสฺส สิยา, ตํ สนฺธายาห ‘‘น สสีสํ ปารุเตนา’’ติอาทิฯ
578. ‘‘Suppaṭicchanno’’ti vuttattā ‘‘sasīsaṃ pāruto sabbathā suppaṭicchannattā suppaṭicchanno nāma hotī’’ti yassa siyā, taṃ sandhāyāha ‘‘na sasīsaṃ pārutenā’’tiādi.
๕๘๒. เอกสฺมิํ ปน ฐาเน ฐตฺวาติ เอตฺถ ‘‘คจฺฉโนฺตปิ ปริสฺสยาภาวํ โอโลเกตุํ ลภติเยว, ตถา คาเม ปูช’’นฺติ ตีสุปิ คณฺฐิปเทสุ วุตฺตํฯ
582.Ekasmiṃ pana ṭhāne ṭhatvāti ettha ‘‘gacchantopi parissayābhāvaṃ oloketuṃ labhatiyeva, tathā gāme pūja’’nti tīsupi gaṇṭhipadesu vuttaṃ.
ปริมณฺฑลวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Parimaṇḍalavaggavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๑. ปริมณฺฑลวโคฺค • 1. Parimaṇḍalavaggo
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๑. ปริมณฺฑลวคฺควณฺณนา • 1. Parimaṇḍalavaggavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๑. ปริมณฺฑลวคฺควณฺณนา • 1. Parimaṇḍalavaggavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๑. ปริมณฺฑลวคฺควณฺณนา • 1. Parimaṇḍalavaggavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๑. ปริมณฺฑลวคฺค-อตฺถโยชนา • 1. Parimaṇḍalavagga-atthayojanā