Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā |
๗. เสขิยกณฺฑํ
7. Sekhiyakaṇḍaṃ
๑. ปริมณฺฑลวคฺควณฺณนา
1. Parimaṇḍalavaggavaṇṇanā
๕๗๖. เสขิเยสุ ยสฺมา วตฺตกฺขนฺธเก (จูฬว. ๓๕๖ อาทโย) วุตฺตวตฺตานิปิ สิกฺขิตพฺพตฺตา เสขิยาเนว, ตสฺมา ปาราชิกาทีสุ วิเยตฺถ ปาฬิยํ ปริเจฺฉโท น กโตฯ จาริตฺตนยทสฺสนตฺถญฺจ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ โอลเมฺพโนฺต นิวาเสยฺย, ทุกฺกฎ’’นฺติ อวตฺวา ‘‘สิกฺขา กรณียา’’ติ สพฺพตฺถ ปาฬิ อาโรปิตาฯ ปทภาชเน ปน ‘‘อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา สพฺพตฺถ อนาทริยกรเณ ทุกฺกฎํ เวทิตพฺพํฯ
576. Sekhiyesu yasmā vattakkhandhake (cūḷava. 356 ādayo) vuttavattānipi sikkhitabbattā sekhiyāneva, tasmā pārājikādīsu viyettha pāḷiyaṃ paricchedo na kato. Cārittanayadassanatthañca ‘‘yo pana bhikkhu olambento nivāseyya, dukkaṭa’’nti avatvā ‘‘sikkhā karaṇīyā’’ti sabbattha pāḷi āropitā. Padabhājane pana ‘‘āpatti dukkaṭassā’’ti vuttattā sabbattha anādariyakaraṇe dukkaṭaṃ veditabbaṃ.
อฎฺฐงฺคุลมตฺตนฺติ มตฺต-สเทฺทน ตโต กิญฺจิ อธิกํ, อูนมฺปิ สงฺคณฺหาติฯ เตเนว นิสินฺนสฺส จตุรงฺคุลมตฺตมฺปิ วุตฺตํฯ น หิ นิสินฺนสฺส จตุรงฺคุลปฺปมาณํ, ฐิตสฺส อฎฺฐงฺคุลเมวาติ สกฺกา นิยเมตุํ อูนาธิกตฺตสมฺภวโตฯ ตสฺมา ยถา สารุปฺปํ โหติ เอวํ อฎฺฐงฺคุลานุสาเรน นิวาสนเญฺญว อธิเปฺปตนฺติ คเหตพฺพํฯ เตเนว วกฺขติ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ สุกฺขชโงฺฆ วา’’ติอาทิฯ กุรุนฺทิยํ ‘‘อชานนฺตสฺส อนาปตฺตี’’ติ อาทรํ กตฺวา อุคฺคณฺหนฺตสฺสาปิ อชานนํ สนฺธาย วุตฺตํฯ เตนาปิ นิรนฺตรํ นิวาสนปารุปนวตฺตํ สิกฺขิตพฺพํ, อสิกฺขิโต อนาทริยเมวฯ ปริมณฺฑลคฺคหเณน อุกฺขิปิตฺวา นิวาสนมฺปิ ปฎิกฺขิตฺตนฺติ อาห ‘‘อุกฺขิปิตฺวา วา โอตาเรตฺวา วา’’ติฯ
Aṭṭhaṅgulamattanti matta-saddena tato kiñci adhikaṃ, ūnampi saṅgaṇhāti. Teneva nisinnassa caturaṅgulamattampi vuttaṃ. Na hi nisinnassa caturaṅgulappamāṇaṃ, ṭhitassa aṭṭhaṅgulamevāti sakkā niyametuṃ ūnādhikattasambhavato. Tasmā yathā sāruppaṃ hoti evaṃ aṭṭhaṅgulānusārena nivāsanaññeva adhippetanti gahetabbaṃ. Teneva vakkhati ‘‘yo pana bhikkhu sukkhajaṅgho vā’’tiādi. Kurundiyaṃ ‘‘ajānantassa anāpattī’’ti ādaraṃ katvā uggaṇhantassāpi ajānanaṃ sandhāya vuttaṃ. Tenāpi nirantaraṃ nivāsanapārupanavattaṃ sikkhitabbaṃ, asikkhito anādariyameva. Parimaṇḍalaggahaṇena ukkhipitvā nivāsanampi paṭikkhittanti āha ‘‘ukkhipitvā vā otāretvā vā’’ti.
สจิตฺตกนฺติ วตฺถุวิชานนจิเตฺตน สจิตฺตกํฯ สารตฺถทีปนิยํ ปน อุปติสฺสเตฺถรวาทนเยน โลกวชฺชตฺตํ คเหตฺวา ‘‘วตฺถุวิชานนจิเตฺตน, ปณฺณตฺติวิชานนจิเตฺตน จ สจิตฺตก’’นฺติ (สารตฺถ. ฎี. เสขิยกณฺฑ ๓.๕๗๖) วุตฺตํฯ ตตฺถ จ วตฺถุวิชานนํ วิสุํ น วตฺตพฺพํฯ ปณฺณตฺติวิชานเนน ตสฺสาปิ อโนฺตคธภาวโต อิทํ วตฺถุํ เอวํ วีติกฺกมนฺตสฺส อาปตฺตีติ วิชานโนฺต หิ ปณฺณตฺติํ วิชานาตีติ วุจฺจติฯ อุปติสฺสเตฺถรวาเท เจตฺถ ปณฺณตฺติํ อชานิตฺวา อปริมณฺฑลนิวาสนาทิวตฺถุเมว ชานนฺตสฺส ปณฺณตฺติวีติกฺกมานาทริยาภาวา สพฺพเสขิเยสุ อนาปตฺติ เอว อภิมตา, ตญฺจ น ยุตฺตํ โกสมฺพกฺขนฺธเก (มหาว. ๔๕๑ อาทโย) วจฺจกุฎิยํ อุทกาวเสสํ ฐเปนฺตสฺส ปณฺณตฺติวิชานนาภาเวปิ อาปตฺติยา วุตฺตตฺตาฯ วุตฺตญฺหิ ตตฺถ ‘‘เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ อาปตฺติํ อาปโนฺน โหติ …เป.… โส อปเรน สมเยน ตสฺสา อาปตฺติยา อนาปตฺติทิฎฺฐิ โหตี’’ติอาทิ (มหาว. ๔๕๑)ฯ อฎฺฐกถายญฺจสฺส ‘‘ตฺวํ เอตฺถ อาปตฺติภาวํ น ชานาสีติ, อาม น ชานามีติฯ โหตุ อาวุโส, เอตฺถ อาปตฺตีติ, สเจ โหติ, เทเสสฺสามีติฯ สเจ ปน เต, อาวุโส, อสญฺจิจฺจ อสติยา กตํ, นตฺถิ อาปตฺตีติฯ โส ตสฺสา อาปตฺติยา อนาปตฺติทิฎฺฐิ อโหสี’’ติ (มหาว. อฎฺฐ. ๔๕๑) วุตฺตํ, ตถา ‘‘อธมฺมวาทีติ อุกฺขิตฺตานุวตฺตเกสุ อญฺญตโร’’ติ (มหาว. อฎฺฐ. ๔๕๗-๔๕๘) จ วุตฺตํฯ ขนฺธกวตฺตานญฺหิ เสขิยตฺตา ตตฺถ วุโตฺต นโย อิเมสํ, อิธ วุโตฺต จ เตสํ สาธารโณว โหตีติฯ เตเนว ‘‘อสญฺจิจฺจ อสติยา กตํ, นตฺถิ อาปตฺตี’’ติ เอวํ อิธ วุโตฺต อาปตฺตินโย ตตฺถาปิ ทสฺสิโตฯ ตสฺมา ผุสฺสเทวเตฺถรวาเท เอว ฐตฺวา วตฺถุวิชานนจิเตฺตเนว สพฺพเสขิยานิ สจิตฺตกานิ, น ปณฺณตฺติวิชานนจิเตฺตนฯ ภิโยฺยกมฺยตายสูปพฺยญฺชนปฎิจฺฉาทนอุชฺฌานสญฺญีติ เทฺว สิกฺขาปทานิ โลกวชฺชานิ อกุสลจิตฺตานิ, เสสานิ ปณฺณตฺติวชฺชานิ, ติจิตฺตานิ, ติเวทนานิ จาติ คหณเมว ยุตฺตตรํ ทิสฺสติฯ เตเนเวตฺถ ‘‘อสญฺจิจฺจาติ ปุรโต วา ปจฺฉโต วา โอลเมฺพตฺวา นิวาเสสฺสามีติ เอวํ อสญฺจิจฺจา’’ติอาทินา วตฺถุอชานนวเสเนว อนาปตฺติวณฺณนา กตา, น ปณฺณตฺติวิชานนจิตฺตวเสนฯ
Sacittakanti vatthuvijānanacittena sacittakaṃ. Sāratthadīpaniyaṃ pana upatissattheravādanayena lokavajjattaṃ gahetvā ‘‘vatthuvijānanacittena, paṇṇattivijānanacittena ca sacittaka’’nti (sārattha. ṭī. sekhiyakaṇḍa 3.576) vuttaṃ. Tattha ca vatthuvijānanaṃ visuṃ na vattabbaṃ. Paṇṇattivijānanena tassāpi antogadhabhāvato idaṃ vatthuṃ evaṃ vītikkamantassa āpattīti vijānanto hi paṇṇattiṃ vijānātīti vuccati. Upatissattheravāde cettha paṇṇattiṃ ajānitvā aparimaṇḍalanivāsanādivatthumeva jānantassa paṇṇattivītikkamānādariyābhāvā sabbasekhiyesu anāpatti eva abhimatā, tañca na yuttaṃ kosambakkhandhake (mahāva. 451 ādayo) vaccakuṭiyaṃ udakāvasesaṃ ṭhapentassa paṇṇattivijānanābhāvepi āpattiyā vuttattā. Vuttañhi tattha ‘‘tena kho pana samayena aññataro bhikkhu āpattiṃ āpanno hoti …pe… so aparena samayena tassā āpattiyā anāpattidiṭṭhi hotī’’tiādi (mahāva. 451). Aṭṭhakathāyañcassa ‘‘tvaṃ ettha āpattibhāvaṃ na jānāsīti, āma na jānāmīti. Hotu āvuso, ettha āpattīti, sace hoti, desessāmīti. Sace pana te, āvuso, asañcicca asatiyā kataṃ, natthi āpattīti. So tassā āpattiyā anāpattidiṭṭhi ahosī’’ti (mahāva. aṭṭha. 451) vuttaṃ, tathā ‘‘adhammavādīti ukkhittānuvattakesu aññataro’’ti (mahāva. aṭṭha. 457-458) ca vuttaṃ. Khandhakavattānañhi sekhiyattā tattha vutto nayo imesaṃ, idha vutto ca tesaṃ sādhāraṇova hotīti. Teneva ‘‘asañcicca asatiyā kataṃ, natthi āpattī’’ti evaṃ idha vutto āpattinayo tatthāpi dassito. Tasmā phussadevattheravāde eva ṭhatvā vatthuvijānanacitteneva sabbasekhiyāni sacittakāni, na paṇṇattivijānanacittena. Bhiyyokamyatāyasūpabyañjanapaṭicchādanaujjhānasaññīti dve sikkhāpadāni lokavajjāni akusalacittāni, sesāni paṇṇattivajjāni, ticittāni, tivedanāni cāti gahaṇameva yuttataraṃ dissati. Tenevettha ‘‘asañciccāti purato vā pacchato vā olambetvā nivāsessāmīti evaṃ asañciccā’’tiādinā vatthuajānanavaseneva anāpattivaṇṇanā katā, na paṇṇattivijānanacittavasena.
อปิจ ‘‘ยสฺส สจิตฺตกปเกฺข จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, ตํ โลกวชฺช’’นฺติ (กงฺขา. อฎฺฐ. ปฐมปาราชิกวณฺณนา) อิมินา ลกฺขณวจเนนาปิ เจตํ สิชฺฌติฯ วตฺถุวิชานนจิตฺตวเสเนว เหตฺถ ‘‘สจิตฺตกปเกฺข’’ติ วุตฺตํฯ อิตรถา ปณฺณตฺติวิชานนจิตฺตวเสน สพฺพสิกฺขาปทานมฺปิ สจิตฺตกปเกฺข จิตฺตสฺส อกุสลตฺตนิยเมน โลกวชฺชตฺตปฺปสงฺคโต ปณฺณตฺติวชฺชเมว น สิยา, อิทญฺจ วจนํ นิรตฺถกํ สิยา อิมินา วจเนน นิวเตฺตตพฺพสฺส สิกฺขาปทสฺส อภาวาฯ น จ เสขิเยสุ วตฺถุวิชานนจิเตฺตน สจิตฺตกปเกฺข จิตฺตํ ปาณาติปาตาทีสุ วิย อกุสลเมวาติ นิยโม อตฺถิ, เยเนตฺถ โลกวชฺชตา ปสเชฺชยฺย, ‘‘อนาทริยํ ปฎิจฺจา’’ติ เจตํ ปาฬิวจนํ วตฺถุํ ชานิตฺวา ตีหิ จิเตฺตหิ วีติกฺกมเมว อนาทริยํ กตฺวา วุตฺตํ, น ปณฺณตฺติํ ชานิตฺวา อกุสลจิเตฺตเนว วีติกฺกมนฺติ คเหตพฺพํฯ อญฺญถา ขนฺธกปาฬิยา, อฎฺฐกถายญฺจ ปุพฺพาปรญฺจ วิรุชฺฌนโตติ อมฺหากํ ขนฺติฯ ยถา วา น วิรุชฺฌติ, ตถา เอตฺถ อธิปฺปาโย คเวสิตโพฺพฯ อนาทริยํ, อนาปตฺติการณาภาโว , อปริมณฺฑลนิวาสนนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ ยถา เจตฺถ, เอวํ สพฺพตฺถฯ เกวลํ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตปฎิปกฺขกรณวเสน ตติยงฺคโยชนเมว วิเสโสฯ
Apica ‘‘yassa sacittakapakkhe cittaṃ akusalameva hoti, taṃ lokavajja’’nti (kaṅkhā. aṭṭha. paṭhamapārājikavaṇṇanā) iminā lakkhaṇavacanenāpi cetaṃ sijjhati. Vatthuvijānanacittavaseneva hettha ‘‘sacittakapakkhe’’ti vuttaṃ. Itarathā paṇṇattivijānanacittavasena sabbasikkhāpadānampi sacittakapakkhe cittassa akusalattaniyamena lokavajjattappasaṅgato paṇṇattivajjameva na siyā, idañca vacanaṃ niratthakaṃ siyā iminā vacanena nivattetabbassa sikkhāpadassa abhāvā. Na ca sekhiyesu vatthuvijānanacittena sacittakapakkhe cittaṃ pāṇātipātādīsu viya akusalamevāti niyamo atthi, yenettha lokavajjatā pasajjeyya, ‘‘anādariyaṃ paṭiccā’’ti cetaṃ pāḷivacanaṃ vatthuṃ jānitvā tīhi cittehi vītikkamameva anādariyaṃ katvā vuttaṃ, na paṇṇattiṃ jānitvā akusalacitteneva vītikkamanti gahetabbaṃ. Aññathā khandhakapāḷiyā, aṭṭhakathāyañca pubbāparañca virujjhanatoti amhākaṃ khanti. Yathā vā na virujjhati, tathā ettha adhippāyo gavesitabbo. Anādariyaṃ, anāpattikāraṇābhāvo , aparimaṇḍalanivāsananti imānettha tīṇi aṅgāni. Yathā cettha, evaṃ sabbattha. Kevalaṃ tattha tattha vuttapaṭipakkhakaraṇavasena tatiyaṅgayojanameva viseso.
๕๗๗. ทุติยาทีสุ คิหิปารุตนฺติ เสตปฎปารุตาทิฯ วิหาเรปีติ สงฺฆสนฺนิปาตพุทฺธุปฎฺฐานาทิกาลํ สนฺธาย วุตฺตํฯ
577. Dutiyādīsu gihipārutanti setapaṭapārutādi. Vihārepīti saṅghasannipātabuddhupaṭṭhānādikālaṃ sandhāya vuttaṃ.
๕๗๘. คณฺฐิกํ ปฎิมุญฺจิตฺวาติอาทิ ปฎิจฺฉาทนวิธิทสฺสนํฯ คีวํ ปฎิจฺฉาเทตฺวาติอาทินา วุตฺตตฺตา สญฺจิจฺจ คีวํ, มณิพนฺธนญฺจ อปฺปฎิจฺฉาเทนฺตสฺส อาปตฺติฯ เอตฺถาปิ ปริมณฺฑลสิกฺขาปทสฺส สาธารณตฺตา ชาณุมณฺฑลโต เหฎฺฐา จตุรงฺคุลมตฺตํ โอตาเรตฺวา อโนลเมฺพตฺวา ปริมณฺฑลเมว ปารุปิตพฺพํฯ
578.Gaṇṭhikaṃ paṭimuñcitvātiādi paṭicchādanavidhidassanaṃ. Gīvaṃ paṭicchādetvātiādinā vuttattā sañcicca gīvaṃ, maṇibandhanañca appaṭicchādentassa āpatti. Etthāpi parimaṇḍalasikkhāpadassa sādhāraṇattā jāṇumaṇḍalato heṭṭhā caturaṅgulamattaṃ otāretvā anolambetvā parimaṇḍalameva pārupitabbaṃ.
๕๗๙. วิวริตฺวา นิสีทโตติ วิหาเร วิย เอกํสปารุปนํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ‘‘วาสตฺถาย อุปคตสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา วาสาธิปฺปายํ วินา ธมฺมเทสนปริตฺตภณนาทิอตฺถาย สุจิรมฺปิ นิสีทเนฺตน สพฺพํ อนฺตรฆรวตฺตํ ปูเรเนฺตเนว นิสีทิตพฺพํฯ นิสีทนปฎิสํยุเตฺตสุ เอว จ สิกฺขาปเทสุ ‘‘วาสูปคตสฺสา’’ติ อนาปตฺติยา วุตฺตตฺตา วาสตฺถาย อนฺตรฆรํ อุปคจฺฉเนฺตนาปิ สุปฺปฎิจฺฉนฺนตาทิสพฺพํ อโกเปเนฺตเนว คนฺตพฺพํฯ ‘‘วาสูปคตสฺสา’’ติ หิ วุตฺตํ, น ปน อุปคจฺฉมานสฺสาติฯ เกจิ ปน ‘‘เอเกกสฺมิํ ปฐมํ คนฺตฺวา วาสปริคฺคเห กเต ตโต อเญฺญหิ ยถาสุขํ คนฺตุํ วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติฯ อปเร ปน ‘‘เคหสฺสามิเกหิ ‘ยาว ตุเมฺห นิวสิสฺสถ, ตาว ตุมฺหากํ อิมํ เคหํ เทมี’ติ ทิเนฺน อเญฺญหิ อวาสาธิปฺปาเยหิ อนฺตราราเม วิย ยถาสุขํ คนฺตุํ, นิสีทิตุญฺจ วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติ, ตํ สพฺพํ น คเหตพฺพํ ตถาวจนาภาวา, ทานลกฺขณาภาวา, ตาวตฺตเกน วิหารสงฺขฺยานุปคมนโต จฯ ‘‘ยาว นิสีทิสฺสถ, ตาว ตุมฺหากํ อิมํ เคหํ เทมี’’ติ เทโนฺตปิ หิ ตาวกาลิกเมว เทติ วตฺถุปริจฺจาคลกฺขณตฺตา ทานสฺสฯ
579.Vivaritvā nisīdatoti vihāre viya ekaṃsapārupanaṃ sandhāya vuttaṃ. ‘‘Vāsatthāya upagatassā’’ti vuttattā vāsādhippāyaṃ vinā dhammadesanaparittabhaṇanādiatthāya sucirampi nisīdantena sabbaṃ antaragharavattaṃ pūrenteneva nisīditabbaṃ. Nisīdanapaṭisaṃyuttesu eva ca sikkhāpadesu ‘‘vāsūpagatassā’’ti anāpattiyā vuttattā vāsatthāya antaragharaṃ upagacchantenāpi suppaṭicchannatādisabbaṃ akopenteneva gantabbaṃ. ‘‘Vāsūpagatassā’’ti hi vuttaṃ, na pana upagacchamānassāti. Keci pana ‘‘ekekasmiṃ paṭhamaṃ gantvā vāsapariggahe kate tato aññehi yathāsukhaṃ gantuṃ vaṭṭatī’’ti vadanti. Apare pana ‘‘gehassāmikehi ‘yāva tumhe nivasissatha, tāva tumhākaṃ imaṃ gehaṃ demī’ti dinne aññehi avāsādhippāyehi antarārāme viya yathāsukhaṃ gantuṃ, nisīdituñca vaṭṭatī’’ti vadanti, taṃ sabbaṃ na gahetabbaṃ tathāvacanābhāvā, dānalakkhaṇābhāvā, tāvattakena vihārasaṅkhyānupagamanato ca. ‘‘Yāva nisīdissatha, tāva tumhākaṃ imaṃ gehaṃ demī’’ti dentopi hi tāvakālikameva deti vatthupariccāgalakkhaṇattā dānassa.
๕๘๒. จตุหตฺถปฺปมาณนฺติ วฑฺฒกีหตฺถํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ วทนฺติฯ
582.Catuhatthappamāṇanti vaḍḍhakīhatthaṃ sandhāya vuttanti vadanti.
๕๘๔. อุกฺขิตฺตจีวโร หุตฺวาติ กฎิโต อุทฺธํ กายพนฺธนาทิทสฺสนวเสเนวุกฺขิปนํ สนฺธาย วุตฺตํ ปิณฺฑาย จรโต ปตฺตคฺคหณาทิมตฺตสฺส อนุญฺญาตตฺตาฯ เตเนว ‘‘นิสินฺนกาเล ปน ธมกรณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ นิสินฺนกาเล หิ ขเนฺธ ลคฺคปตฺตตฺถวิกาทิโต ธมกรณํ นีหรนฺตสฺส กฎิโต อุทฺธมฺปิ ทิสฺสติ, ตถา อทเสฺสตฺวา นีหริตพฺพนฺติ อธิปฺปาโยฯ อาสเน นิสีทนฺตสฺสาปิ จ ปารุปิตจีวรํ กิญฺจิ อุกฺขิปิตฺวา สงฺฆาฎิํ ชงฺฆปิเณฺฑหิ อนุกฺขิปิตฺวาว นิสีทิตพฺพํฯ อิมสฺมิเญฺญว ปน สิกฺขาปเท ‘‘วาสูปคตสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา นิสีทนปฎิสํยุเตฺตสุ ฉฎฺฐอฎฺฐเมสุ อวุตฺตตฺตา วาสูปคเตนาปิ สุสํวุเตน โอกฺขิตฺตจกฺขุนาว นิสีทิตพฺพํฯ เตเนว มาติกาฎฺฐกถายมฺปิ เตสํ วิเสสํ อวตฺวา อิเธว ‘‘วาสูปคตสฺส ปน อนาปตฺตี’’ติ (กงฺขา. อฎฺฐ. อุกฺขิตฺตกสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตาฯ
584.Ukkhittacīvarohutvāti kaṭito uddhaṃ kāyabandhanādidassanavasenevukkhipanaṃ sandhāya vuttaṃ piṇḍāya carato pattaggahaṇādimattassa anuññātattā. Teneva ‘‘nisinnakāle pana dhamakaraṇa’’ntiādi vuttaṃ. Nisinnakāle hi khandhe laggapattatthavikādito dhamakaraṇaṃ nīharantassa kaṭito uddhampi dissati, tathā adassetvā nīharitabbanti adhippāyo. Āsane nisīdantassāpi ca pārupitacīvaraṃ kiñci ukkhipitvā saṅghāṭiṃ jaṅghapiṇḍehi anukkhipitvāva nisīditabbaṃ. Imasmiññeva pana sikkhāpade ‘‘vāsūpagatassā’’ti vuttattā nisīdanapaṭisaṃyuttesu chaṭṭhaaṭṭhamesu avuttattā vāsūpagatenāpi susaṃvutena okkhittacakkhunāva nisīditabbaṃ. Teneva mātikāṭṭhakathāyampi tesaṃ visesaṃ avatvā idheva ‘‘vāsūpagatassa pana anāpattī’’ti (kaṅkhā. aṭṭha. ukkhittakasikkhāpadavaṇṇanā) vuttā.
ปริมณฺฑลวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Parimaṇḍalavaggavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๑. ปริมณฺฑลวโคฺค • 1. Parimaṇḍalavaggo
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๑. ปริมณฺฑลวคฺควณฺณนา • 1. Parimaṇḍalavaggavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๑. ปริมณฺฑลวคฺควณฺณนา • 1. Parimaṇḍalavaggavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๑. ปริมณฺฑลวคฺควณฺณนา • 1. Parimaṇḍalavaggavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๑. ปริมณฺฑลวคฺค-อตฺถโยชนา • 1. Parimaṇḍalavagga-atthayojanā