Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā

    ๑๐. ปริณตสิกฺขาปทวณฺณนา

    10. Pariṇatasikkhāpadavaṇṇanā

    ๖๕๗. เตน สมเยนาติ ปริณตสิกฺขาปทํฯ ตตฺถ ปูคสฺสาติ สมูหสฺส; ธมฺมคณสฺสาติ อโตฺถฯ ปฎิยตฺตนฺติ ปฎิยาทิตํฯ พหู สงฺฆสฺส ภตฺตาติ สงฺฆสฺส พหูนิ ภตฺตานิ อเนกานิ ลาภมุขานิ; น สงฺฆสฺส เกนจิ ปริหานีติ ทีเปนฺติฯ โอโณเชถาติ เทถฯ กิํ ปเนวํ วตฺตุํ วฎฺฎตีติ กสฺมา น วฎฺฎติ? อยญฺหิ อภิหฎภิกฺขา อภิหริตฺวา เอกสฺมิํ โอกาเส สงฺฆสฺสตฺถาย ปฎิยตฺตา อภิหฎปฎิยเตฺต จ อุทฺทิสฺส ฐปิตภาเค จ ปยุตฺตวาจา นาม นตฺถิฯ

    657.Tena samayenāti pariṇatasikkhāpadaṃ. Tattha pūgassāti samūhassa; dhammagaṇassāti attho. Paṭiyattanti paṭiyāditaṃ. Bahū saṅghassa bhattāti saṅghassa bahūni bhattāni anekāni lābhamukhāni; na saṅghassa kenaci parihānīti dīpenti. Oṇojethāti detha. Kiṃ panevaṃ vattuṃ vaṭṭatīti kasmā na vaṭṭati? Ayañhi abhihaṭabhikkhā abhiharitvā ekasmiṃ okāse saṅghassatthāya paṭiyattā abhihaṭapaṭiyatte ca uddissa ṭhapitabhāge ca payuttavācā nāma natthi.

    ๖๕๘. สงฺฆิกนฺติ สงฺฆสฺส สนฺตกํฯ โส หิ สงฺฆสฺส ปริณตตฺตา หตฺถํ อนารูโฬฺหปิ เอเกน ปริยาเยน สงฺฆสฺส สนฺตโก โหติ, ปทภาชเน ปน ‘‘สงฺฆิกํ นาม สงฺฆสฺส ทินฺนํ โหติ ปริจฺจตฺต’’นฺติ เอวํ อตฺถุทฺธารวเสน นิปฺปริยายโตว สงฺฆิกํ ทสฺสิตํฯ ลาภนฺติ ปฎิลภิตพฺพวตฺถุํ อาหฯ เตเนวสฺส นิเทฺทเส ‘‘จีวรมฺปี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปริณตนฺติ สงฺฆสฺส นินฺนํ สงฺฆสฺส โปณํ สงฺฆสฺส ปพฺภารํ หุตฺวา ฐิตํฯ เยน ปน การเณน โส ปริณโต โหติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ทสฺสาม กริสฺสามาติ วาจา ภินฺนา โหตี’’ติ ปทภาชนํ วุตฺตํฯ

    658.Saṅghikanti saṅghassa santakaṃ. So hi saṅghassa pariṇatattā hatthaṃ anārūḷhopi ekena pariyāyena saṅghassa santako hoti, padabhājane pana ‘‘saṅghikaṃ nāma saṅghassa dinnaṃ hoti pariccatta’’nti evaṃ atthuddhāravasena nippariyāyatova saṅghikaṃ dassitaṃ. Lābhanti paṭilabhitabbavatthuṃ āha. Tenevassa niddese ‘‘cīvarampī’’tiādi vuttaṃ. Pariṇatanti saṅghassa ninnaṃ saṅghassa poṇaṃ saṅghassa pabbhāraṃ hutvā ṭhitaṃ. Yena pana kāraṇena so pariṇato hoti, taṃ dassetuṃ ‘‘dassāma karissāmāti vācā bhinnā hotī’’ti padabhājanaṃ vuttaṃ.

    ๖๕๙. ปโยเค ทุกฺกฎนฺติ ปริณตลาภสฺส อตฺตโน ปริณามนปโยเค ทุกฺกฎํ, ปฎิลาเภน ตสฺมิํ หตฺถํ อารูเฬฺห นิสฺสคฺคิยํฯ สเจ ปน สงฺฆสฺส ทินฺนํ โหติ, ตํ คเหตุํ น วฎฺฎติ, สงฺฆเสฺสว ทาตพฺพํฯ โยปิ อารามิเกหิ สทฺธิํ เอกโต ขาทติ, ภณฺฑํ อคฺฆาเปตฺวา กาเรตโพฺพฯ ปริณตํ ปน สหธมฺมิกานํ วา คิหีนํ วา อนฺตมโส มาตุสนฺตกมฺปิ ‘‘อิทํ มยฺหํ เทหี’’ติ สงฺฆสฺส ปริณตภาวํ ญตฺวา อตฺตโน ปริณาเมตฺวา คณฺหนฺตสฺส นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ ‘‘อิมสฺส ภิกฺขุโน เทหี’’ติ เอวํ อญฺญสฺส ปริณาเมนฺตสฺส สุทฺธิกปาจิตฺติยํฯ เอกํ ปตฺตํ วา จีวรํ วา อตฺตโน, เอกํ อญฺญสฺส ปริณาเมติ, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยเญฺจว สุทฺธิกปาจิตฺติยญฺจฯ เอเสว นโย พหูสุฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –

    659.Payogedukkaṭanti pariṇatalābhassa attano pariṇāmanapayoge dukkaṭaṃ, paṭilābhena tasmiṃ hatthaṃ ārūḷhe nissaggiyaṃ. Sace pana saṅghassa dinnaṃ hoti, taṃ gahetuṃ na vaṭṭati, saṅghasseva dātabbaṃ. Yopi ārāmikehi saddhiṃ ekato khādati, bhaṇḍaṃ agghāpetvā kāretabbo. Pariṇataṃ pana sahadhammikānaṃ vā gihīnaṃ vā antamaso mātusantakampi ‘‘idaṃ mayhaṃ dehī’’ti saṅghassa pariṇatabhāvaṃ ñatvā attano pariṇāmetvā gaṇhantassa nissaggiyaṃ pācittiyaṃ. ‘‘Imassa bhikkhuno dehī’’ti evaṃ aññassa pariṇāmentassa suddhikapācittiyaṃ. Ekaṃ pattaṃ vā cīvaraṃ vā attano, ekaṃ aññassa pariṇāmeti, nissaggiyaṃ pācittiyañceva suddhikapācittiyañca. Eseva nayo bahūsu. Vuttampi cetaṃ –

    ‘‘นิสฺสคฺคิเยน อาปตฺติํ, สุทฺธิเกน ปาจิตฺติยํ;

    ‘‘Nissaggiyena āpattiṃ, suddhikena pācittiyaṃ;

    อาปเชฺชยฺย เอกโต;

    Āpajjeyya ekato;

    ปญฺหา เมสา กุสเลหิ จินฺติตา’’ติฯ (ปริ. ๔๘๐);

    Pañhā mesā kusalehi cintitā’’ti. (pari. 480);

    อยญฺหิ ปริณามนํ สนฺธาย วุโตฺตฯ โยปิ วสฺสิกสาฎิกสมเย มาตุฆเรปิ สงฺฆสฺส ปริณตํ วสฺสิกสาฎิกํ ญตฺวา อตฺตโน ปริณาเมติ, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ ปรสฺส ปริณาเมติ, สุทฺธิกปาจิตฺติยํฯ มนุสฺสา ‘‘สงฺฆภตฺตํ กริสฺสามา’’ติ สปฺปิเตลาทีนิ อาหรนฺติ, คิลาโน เจปิ ภิกฺขุ สงฺฆสฺส ปริณตภาวํ ญตฺวา กิญฺจิ ยาจติ, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยเมวฯ สเจ ปน โส ‘‘ตุมฺหากํ สปฺปิอาทีนิ อาภฎานิ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, อตฺถี’’ติ วุเตฺต ‘‘มยฺหมฺปิ เทถา’’ติ วทติ, วฎฺฎติฯ อถาปิ นํ กุกฺกุจฺจายนฺตํ อุปาสกา วทนฺติ – ‘‘สโงฺฆปิ อเมฺหหิ ทินฺนเมว ลภติ; คณฺหถ, ภเนฺต’’ติ เอวมฺปิ วฎฺฎติฯ

    Ayañhi pariṇāmanaṃ sandhāya vutto. Yopi vassikasāṭikasamaye mātugharepi saṅghassa pariṇataṃ vassikasāṭikaṃ ñatvā attano pariṇāmeti, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ. Parassa pariṇāmeti, suddhikapācittiyaṃ. Manussā ‘‘saṅghabhattaṃ karissāmā’’ti sappitelādīni āharanti, gilāno cepi bhikkhu saṅghassa pariṇatabhāvaṃ ñatvā kiñci yācati, nissaggiyaṃ pācittiyameva. Sace pana so ‘‘tumhākaṃ sappiādīni ābhaṭāni atthī’’ti pucchitvā ‘‘āma, atthī’’ti vutte ‘‘mayhampi dethā’’ti vadati, vaṭṭati. Athāpi naṃ kukkuccāyantaṃ upāsakā vadanti – ‘‘saṅghopi amhehi dinnameva labhati; gaṇhatha, bhante’’ti evampi vaṭṭati.

    ๖๖๐. สงฺฆสฺส ปริณตํ อญฺญสงฺฆสฺสาติ เอกสฺมิํ วิหาเร สงฺฆสฺส ปริณตํ อญฺญํ วิหารํ อุทฺทิสิตฺวา ‘‘อสุกสฺมิํ นาม มหาวิหาเร สงฺฆสฺส เทถา’’ติ ปริณาเมติ ฯ

    660.Saṅghassa pariṇataṃ aññasaṅghassāti ekasmiṃ vihāre saṅghassa pariṇataṃ aññaṃ vihāraṃ uddisitvā ‘‘asukasmiṃ nāma mahāvihāre saṅghassa dethā’’ti pariṇāmeti .

    เจติยสฺส วาติ ‘‘กิํ สงฺฆสฺส ทิเนฺนน, เจติยสฺสปูชํ กโรถา’’ติ เอวํ เจติยสฺส วา ปริณาเมติฯ

    Cetiyassa vāti ‘‘kiṃ saṅghassa dinnena, cetiyassapūjaṃ karothā’’ti evaṃ cetiyassa vā pariṇāmeti.

    เจติยสฺส ปริณตนฺติ เอตฺถ นิยเมตฺวา อญฺญเจติยสฺสตฺถาย โรปิตมาลาวจฺฉโต อญฺญเจติยมฺหิ ปุปฺผมฺปิ อาโรเปตุํ น วฎฺฎติฯ เอกสฺส เจติยสฺส ปน ฉตฺตํ วา ปฎากํ วา อาโรเปตฺวา ฐิตํ ทิสฺวา เสสํ อญฺญสฺส เจติยสฺส ทาเปตุํ วฎฺฎติฯ

    Cetiyassapariṇatanti ettha niyametvā aññacetiyassatthāya ropitamālāvacchato aññacetiyamhi pupphampi āropetuṃ na vaṭṭati. Ekassa cetiyassa pana chattaṃ vā paṭākaṃ vā āropetvā ṭhitaṃ disvā sesaṃ aññassa cetiyassa dāpetuṃ vaṭṭati.

    ปุคฺคลสฺส ปริณตนฺติ อนฺตมโส สุนขสฺสาปิ ปริณตํ ‘‘อิมสฺส สุนขสฺส มา เทหิ, เอตสฺส เทหี’’ติ เอวํ อญฺญปุคฺคลสฺส ปริณาเมติ, ทุกฺกฎํฯ สเจ ปน ทายกา ‘‘มยํ สงฺฆสฺส ภตฺตํ ทาตุกามา, เจติยสฺส ปูชํ กาตุกามา, เอกสฺส ภิกฺขุโน ปริกฺขารํ ทาตุกามา, ตุมฺหากํ รุจิยา ทสฺสาม; ภณถ, กตฺถ เทมา’’ติ วทนฺติฯ เอวํ วุเตฺต เตน ภิกฺขุนา ‘‘ยตฺถ อิจฺฉถ, ตตฺถ เทถา’’ติ วตฺตพฺพาฯ สเจ ปน เกวลํ ‘‘กตฺถ เทมา’’ติ ปุจฺฉนฺติ, ปาฬิยํ อาคตนเยเนว วตฺตพฺพํฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมวฯ

    Puggalassa pariṇatanti antamaso sunakhassāpi pariṇataṃ ‘‘imassa sunakhassa mā dehi, etassa dehī’’ti evaṃ aññapuggalassa pariṇāmeti, dukkaṭaṃ. Sace pana dāyakā ‘‘mayaṃ saṅghassa bhattaṃ dātukāmā, cetiyassa pūjaṃ kātukāmā, ekassa bhikkhuno parikkhāraṃ dātukāmā, tumhākaṃ ruciyā dassāma; bhaṇatha, kattha demā’’ti vadanti. Evaṃ vutte tena bhikkhunā ‘‘yattha icchatha, tattha dethā’’ti vattabbā. Sace pana kevalaṃ ‘‘kattha demā’’ti pucchanti, pāḷiyaṃ āgatanayeneva vattabbaṃ. Sesamettha uttānatthameva.

    ติสมุฎฺฐานํ – กายจิตฺตโต วาจาจิตฺตโต กายวาจาจิตฺตโต จ สมุฎฺฐาติ, กิริยํ, สญฺญาวิโมกฺขํ, สจิตฺตกํ, โลกวชฺชํ, กายกมฺมวจีกมฺมํ, อกุสลจิตฺตํ, ติเวทนนฺติฯ

    Tisamuṭṭhānaṃ – kāyacittato vācācittato kāyavācācittato ca samuṭṭhāti, kiriyaṃ, saññāvimokkhaṃ, sacittakaṃ, lokavajjaṃ, kāyakammavacīkammaṃ, akusalacittaṃ, tivedananti.

    สมนฺตปาสาทิกาย วินยสํวณฺณนาย

    Samantapāsādikāya vinayasaṃvaṇṇanāya

    ปริณตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pariṇatasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    นิฎฺฐิโต ปตฺตวโคฺค ตติโยฯ

    Niṭṭhito pattavaggo tatiyo.

    นิสฺสคฺคิยวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Nissaggiyavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ปาราชิกกณฺฑ-อฎฺฐกถา นิฎฺฐิตาฯ

    Pārājikakaṇḍa-aṭṭhakathā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๑๐. ปริณตสิกฺขาปทํ • 10. Pariṇatasikkhāpadaṃ

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๑๐. ปริณตสิกฺขาปทวณฺณนา • 10. Pariṇatasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๑๐. ปริณตสิกฺขาปทวณฺณนา • 10. Pariṇatasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๑๐. ปริณตสิกฺขาปทวณฺณนา • 10. Pariṇatasikkhāpadavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact