Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
๕. ปรินิพฺพานสุตฺตวณฺณนา
5. Parinibbānasuttavaṇṇanā
๑๘๖. เอวํ ตํ กุสินาราย โหตีติ ยถา อนุโรธปุรสฺส ถูปาราโม ทกฺขิณปจฺฉิมทิสายํ, เอวํ ตํ อุยฺยานํ กุสินาราย ทกฺขิณปจฺฉิมทิสายํ โหติฯ ตสฺมาติ ยสฺมา นครํ ปวิสิตุกามา อุยฺยานโต อุเปจฺจ วตฺตนฺติ คจฺฉนฺติ เอเตนาติ อุปวตฺตนนฺติ วุจฺจติ, ตสฺมาฯ ตนฺติ สาลปนฺติภาเวน ฐิตํ สาลวนํฯ อนฺตเรนาติ เวมเชฺฌฯ อปฺปมชฺชนํ อปฺปมาโท, โส ปน อตฺถโต ญาณูปสํหิตา สติฯ ยสฺมา ตตฺถ สติยา พฺยาปาโร สาติสโย, ตสฺมา ‘‘สติอวิปฺปวาเสนา’’ติ วุตฺตํฯ อปฺปมาทปเทเยว ปกฺขิปิตฺวา อภาสิ อตฺถโต ตสฺส สกลสฺส พุทฺธวจนสฺส สงฺคณฺหนโตฯ
186.Evaṃ taṃ kusinārāya hotīti yathā anurodhapurassa thūpārāmo dakkhiṇapacchimadisāyaṃ, evaṃ taṃ uyyānaṃ kusinārāya dakkhiṇapacchimadisāyaṃ hoti. Tasmāti yasmā nagaraṃ pavisitukāmā uyyānato upecca vattanti gacchanti etenāti upavattananti vuccati, tasmā. Tanti sālapantibhāvena ṭhitaṃ sālavanaṃ. Antarenāti vemajjhe. Appamajjanaṃ appamādo, so pana atthato ñāṇūpasaṃhitā sati. Yasmā tattha satiyā byāpāro sātisayo, tasmā ‘‘satiavippavāsenā’’ti vuttaṃ. Appamādapadeyeva pakkhipitvā abhāsi atthato tassa sakalassa buddhavacanassa saṅgaṇhanato.
ฌานาทีสุ จิเตฺต จ ปรมุกฺกํสคตวสีภาวตาย ‘‘เอตฺตเก กาเล เอตฺตกา สมาปตฺติโย สมาปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ กาลปริเจฺฉทํ กตฺวา สมาปตฺติสมาปชฺชนํ ปรินิพฺพานปริกมฺมนฺติ อธิเปฺปตํฯ เถโรติ อนุรุทฺธเตฺถโรฯ
Jhānādīsu citte ca paramukkaṃsagatavasībhāvatāya ‘‘ettake kāle ettakā samāpattiyo samāpajjitvā parinibbāyissāmī’’ti kālaparicchedaṃ katvā samāpattisamāpajjanaṃ parinibbānaparikammanti adhippetaṃ. Theroti anuruddhatthero.
อยมฺปิ จาติ ยถาวุตฺตปญฺจสฎฺฐิยา ฌานานํ สมาปนฺนกถาปิ สเงฺขปกถา เอวฯ กสฺมา? ยสฺมา ภควา ตทา เทวสิกํ วฬญฺชนสมาปตฺติโย สพฺพาปิ อปริหาเปตฺวา สมาปชฺชิ เอวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘นิพฺพานปุรํ ปวิสโนฺต’’ติอาทิมาหฯ จตุวีสติ…เป.… ปวิสิตฺวาติ เอตฺถ เกจิ ตาว อาหุ ‘‘ภควา เทวสิกํ ทฺวาทสโกฎิสตสหสฺสกฺขตฺตุํ มหากรุณาสมาปตฺติํ สมาปชฺชติ, ทฺวาทสโกฎิสตสหสฺสกฺขตฺตุเมว ผลสมาปตฺติํ สมาปชฺชติ, ตสฺมา ตทาปิ จตุวีสติโกฎิสตสหสฺสสงฺขา สมาปตฺติโย สมาปชฺชติฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา ‘ตถาคตํ, ภิกฺขเว, อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เทฺว วิตกฺกา พหุลํ สมุทาจรนฺติ เขโม จ วิตโกฺก ปวิเวโก จ วิตโกฺก’ติ (อิติวุ. ๓๘)ฯ เขโม หิ วิตโกฺก ภควโต มหากรุณาสมาปตฺติํ ปูเรตฺวา ฐิโต, ปวิเวกวิตโกฺก อรหตฺตผลสมาปตฺติํฯ พุทฺธานํ หิ ภวงฺคปริวาโส ลหุโก มตฺถกปฺปโตฺต สมาปตฺตีสุ วสีภาโว, ตสฺมา สมาปชฺชนวุฎฺฐานานิ กติปยจิตฺตกฺขเณเหว อิชฺฌนฺติฯ ปญฺจ รูปาวจรสมาปตฺติโย จตโสฺส อรูปสมาปตฺติโย อปฺปมญฺญาสมาปตฺติยา สทฺธิํ นิโรธสมาปตฺติ อรหตฺตผลสมาปตฺติ จาติ ทฺวาทเสตา สมาปตฺติโย ภควา ปเจฺจกํ ทิวเส ทิวเส โกฎิสตสหสฺสกฺขตฺตุํ ปุเรภตฺตํ สมาปชฺชติ, ตถา ปจฺฉาภตฺตนฺติ เอวํ จตุวีสติโกฎิสตสหสฺสสงฺขา เทวสิกํ วฬญฺชนกกสิณสมาปตฺติโย’’ติฯ
Ayampi cāti yathāvuttapañcasaṭṭhiyā jhānānaṃ samāpannakathāpi saṅkhepakathā eva. Kasmā? Yasmā bhagavā tadā devasikaṃ vaḷañjanasamāpattiyo sabbāpi aparihāpetvā samāpajji evāti dassento ‘‘nibbānapuraṃ pavisanto’’tiādimāha. Catuvīsati…pe… pavisitvāti ettha keci tāva āhu ‘‘bhagavā devasikaṃ dvādasakoṭisatasahassakkhattuṃ mahākaruṇāsamāpattiṃ samāpajjati, dvādasakoṭisatasahassakkhattumeva phalasamāpattiṃ samāpajjati, tasmā tadāpi catuvīsatikoṭisatasahassasaṅkhā samāpattiyo samāpajjati. Vuttañhetaṃ bhagavatā ‘tathāgataṃ, bhikkhave, arahantaṃ sammāsambuddhaṃ dve vitakkā bahulaṃ samudācaranti khemo ca vitakko paviveko ca vitakko’ti (itivu. 38). Khemo hi vitakko bhagavato mahākaruṇāsamāpattiṃ pūretvā ṭhito, pavivekavitakko arahattaphalasamāpattiṃ. Buddhānaṃ hi bhavaṅgaparivāso lahuko matthakappatto samāpattīsu vasībhāvo, tasmā samāpajjanavuṭṭhānāni katipayacittakkhaṇeheva ijjhanti. Pañca rūpāvacarasamāpattiyo catasso arūpasamāpattiyo appamaññāsamāpattiyā saddhiṃ nirodhasamāpatti arahattaphalasamāpatti cāti dvādasetā samāpattiyo bhagavā paccekaṃ divase divase koṭisatasahassakkhattuṃ purebhattaṃ samāpajjati, tathā pacchābhattanti evaṃ catuvīsatikoṭisatasahassasaṅkhā devasikaṃ vaḷañjanakakasiṇasamāpattiyo’’ti.
อปเร ปนาหุ ‘‘ยํ ตํ ภควตา อภิสโมฺพธิทิวเส ปจฺฉิมยาเม ปฎิจฺจสมุปฺปาทงฺคมุเขน ปฎิโลมนเยน ชรามรณโต ปฎฺฐาย ญาณํ โอตาเรตฺวา อนุปทธมฺมวิปสฺสนํ อารภเนฺตน ยถา นาม ปุริโส สุวิทุคฺคํ มหาคหนํ มหาวนํ ฉินฺทโนฺต อนฺตรนฺตรา นิสานสิลายํ ผรสุํ นิสิตํ กโรติ, เอวเมวํ นิสานสิลาสทิสิโย สมาปตฺติโย อนฺตรนฺตรา สมาปชฺชิตฺวา ญาณสฺส ติกฺขวิสทภาวํ สมฺปาเทตุํ อนุโลมปฎิโลมโต ปเจฺจกํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทเงฺคสุ ลกฺขโกฎิสมาปตฺติสมาปชฺชนวเสน สมฺมสนญาณํ ปวเตฺตติ, ตทนุสาเรน ภควา พุทฺธภูโตปิ อนุโลมปฎิโลมโต ปฎิจฺจสมุปฺปาทงฺคมุเขน วิปสฺสนาวเสน ทิวเส ทิวเส ลกฺขโกฎิผลสมาปตฺติโย สมาปชฺชติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ, ‘จตุวีสติโกฎิสตสหสฺสสงฺขา สมาปตฺติโย ปวิสิตฺวา’’’ติฯ
Apare panāhu ‘‘yaṃ taṃ bhagavatā abhisambodhidivase pacchimayāme paṭiccasamuppādaṅgamukhena paṭilomanayena jarāmaraṇato paṭṭhāya ñāṇaṃ otāretvā anupadadhammavipassanaṃ ārabhantena yathā nāma puriso suviduggaṃ mahāgahanaṃ mahāvanaṃ chindanto antarantarā nisānasilāyaṃ pharasuṃ nisitaṃ karoti, evamevaṃ nisānasilāsadisiyo samāpattiyo antarantarā samāpajjitvā ñāṇassa tikkhavisadabhāvaṃ sampādetuṃ anulomapaṭilomato paccekaṃ paṭiccasamuppādaṅgesu lakkhakoṭisamāpattisamāpajjanavasena sammasanañāṇaṃ pavatteti, tadanusārena bhagavā buddhabhūtopi anulomapaṭilomato paṭiccasamuppādaṅgamukhena vipassanāvasena divase divase lakkhakoṭiphalasamāpattiyo samāpajjati, taṃ sandhāya vuttaṃ, ‘catuvīsatikoṭisatasahassasaṅkhā samāpattiyo pavisitvā’’’ti.
อิมานิ เทฺวปิ สมนนฺตราเนว ปจฺจเวกฺขณายปิ เยภุเยฺยน นานนฺตริยกตาย ฌานปกฺขิกภาวโตฯ ยสฺมา สพฺพปจฺฉิมํ ภวงฺคจิตฺตํ ตโต ตโต จวนโต ‘‘จุตี’’ติ วุจฺจติ , ตสฺมา น เกวลํ อยเมว ภควา, อถ โข สเพฺพปิ สตฺตา ภวงฺคจิเตฺตเนว จวนฺตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘เย หิ เกจี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ทุกฺขสเจฺจนาติ ทุกฺขสจฺจปริยาปเนฺนน จุติจิเตฺตน กาลํ กาลกิริยํ กโรนฺติ ปาปุณนฺติ, กาลคมนโต วา กโรนฺติ เปจฺจาติฯ
Imāni dvepi samanantarāneva paccavekkhaṇāyapi yebhuyyena nānantariyakatāya jhānapakkhikabhāvato. Yasmā sabbapacchimaṃ bhavaṅgacittaṃ tato tato cavanato ‘‘cutī’’ti vuccati , tasmā na kevalaṃ ayameva bhagavā, atha kho sabbepi sattā bhavaṅgacitteneva cavantīti dassetuṃ ‘‘ye hi kecī’’tiādi vuttaṃ. Dukkhasaccenāti dukkhasaccapariyāpannena cuticittena kālaṃ kālakiriyaṃ karonti pāpuṇanti, kālagamanato vā karonti peccāti.
ปฎิภาคปุคฺคลวิรหิโต สีลาทิคุเณหิ อสทิสตาย สทิสปุคฺคลรหิโตฯ สงฺขารา วูปสมฺมนฺติ เอตฺถาติ วูปสโมติ เอวํ สงฺขาตํ ญาตํ กถิตํ นิพฺพานเมว สุขนฺติฯ โลมหํสนโกติ โลมานํ หฎฺฐภาวาปาทโนฯ ภิํสนโกติ อวีตราคานํ ภยชนโก อาสิ อโหสิฯ สพฺพาการวรคุณูเปเตติ สเพฺพหิ อาการวเรหิ อุตฺตมการเณหิ สีลาทิคุเณหิ สมนฺนาคเตฯ อสงฺกุฎิเตนาติ อกุฎิเตน วิปฺผาริกาภาวโตฯ สุวิกสิเตเนวาติ ปีติโสมนสฺสโยคโต สุฎฺฐุ วิกสิเตนฯ เวทนํ อธิวาเสสิ สภาวสมุทยาทิโต สุฎฺฐุ ปญฺญาตตฺตาฯ อนาวรณวิโมโกฺข สพฺพโส นิพฺพิทภาโวฯ เตนาห ‘‘อปญฺญตฺติภาวูปคโม’’ติฯ ปโชฺชตนิพฺพานสทิโสติ ปทีปสฺส นิพฺพานสทิโส ตตฺถ วิลียิตฺวา อวฎฺฐานาภาวโตฯ
Paṭibhāgapuggalavirahito sīlādiguṇehi asadisatāya sadisapuggalarahito. Saṅkhārā vūpasammanti etthāti vūpasamoti evaṃ saṅkhātaṃ ñātaṃ kathitaṃ nibbānameva sukhanti. Lomahaṃsanakoti lomānaṃ haṭṭhabhāvāpādano. Bhiṃsanakoti avītarāgānaṃ bhayajanako āsi ahosi. Sabbākāravaraguṇūpeteti sabbehi ākāravarehi uttamakāraṇehi sīlādiguṇehi samannāgate. Asaṅkuṭitenāti akuṭitena vipphārikābhāvato. Suvikasitenevāti pītisomanassayogato suṭṭhu vikasitena. Vedanaṃ adhivāsesi sabhāvasamudayādito suṭṭhu paññātattā. Anāvaraṇavimokkho sabbaso nibbidabhāvo. Tenāha ‘‘apaññattibhāvūpagamo’’ti. Pajjotanibbānasadisoti padīpassa nibbānasadiso tattha vilīyitvā avaṭṭhānābhāvato.
ปรินิพฺพานสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Parinibbānasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
ทุติยวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dutiyavaggavaṇṇanā niṭṭhitā.
สารตฺถปฺปกาสินิยา สํยุตฺตนิกาย-อฎฺฐกถาย
Sāratthappakāsiniyā saṃyuttanikāya-aṭṭhakathāya
พฺรหฺมสํยุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Brahmasaṃyuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๕. ปรินิพฺพานสุตฺตํ • 5. Parinibbānasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๕. ปรินิพฺพานสุตฺตวณฺณนา • 5. Parinibbānasuttavaṇṇanā