Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปฎิสมฺภิทามคฺค-อฎฺฐกถา • Paṭisambhidāmagga-aṭṭhakathā

    ปริเญฺญยฺยนิเทฺทสวณฺณนา

    Pariññeyyaniddesavaṇṇanā

    ๒๑. ปริเญฺญยฺยนิเทฺทเส กิญฺจาปิ ปริญฺญาสเทฺทน ญาตปริญฺญา, ตีรณปริญฺญา, ปหานปริญฺญาติ ติโสฺส ปริญฺญา สงฺคหิตาฯ เหฎฺฐา ‘‘อภิเญฺญยฺยา’’ติ ญาตปริญฺญาย วุตฺตตฺตา อุปริ ‘‘ปหาตพฺพา’’ติ ปหานปริญฺญาย วุตฺตตฺตา ตีรณปริญฺญาว อิธ อธิเปฺปตาฯ ผโสฺส สาสโว อุปาทานิโยติ อาสวานเญฺจว อุปาทานานญฺจ ปจฺจยภูโต เตภูมกผโสฺสฯ โสปิ หิ อตฺตานํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตมาเนหิ สห อาสเวหีติ สาสโว, อารมฺมณภาวํ อุปคนฺตฺวา อุปาทานสมฺพนฺธเนน อุปาทานานํ หิโตติ อุปาทานิโยฯ ยสฺมา ผเสฺส ตีรณปริญฺญาย ปริญฺญาเต ผสฺสมุเขน เสสาปิ อรูปธมฺมา ตทนุสาเรน จ รูปธมฺมา ปริญฺญายนฺติ, ตสฺมา เอโกว ผโสฺส วุโตฺตฯ เอวํ เสเสสุปิ ยถาโยคํ โยเชตพฺพํฯ

    21. Pariññeyyaniddese kiñcāpi pariññāsaddena ñātapariññā, tīraṇapariññā, pahānapariññāti tisso pariññā saṅgahitā. Heṭṭhā ‘‘abhiññeyyā’’ti ñātapariññāya vuttattā upari ‘‘pahātabbā’’ti pahānapariññāya vuttattā tīraṇapariññāva idha adhippetā. Phasso sāsavo upādāniyoti āsavānañceva upādānānañca paccayabhūto tebhūmakaphasso. Sopi hi attānaṃ ārammaṇaṃ katvā pavattamānehi saha āsavehīti sāsavo, ārammaṇabhāvaṃ upagantvā upādānasambandhanena upādānānaṃ hitoti upādāniyo. Yasmā phasse tīraṇapariññāya pariññāte phassamukhena sesāpi arūpadhammā tadanusārena ca rūpadhammā pariññāyanti, tasmā ekova phasso vutto. Evaṃ sesesupi yathāyogaṃ yojetabbaṃ.

    นามนฺติ จตฺตาโร ขนฺธา อรูปิโน นิพฺพานญฺจฯ รูปนฺติ จตฺตาริ จ มหาภูตานิ จตุนฺนญฺจ มหาภูตานํ อุปาทายรูปานิ จตุวีสติฯ จตฺตาโร ขนฺธา นมนเฎฺฐน นามํฯ เต หิ อารมฺมณาภิมุขา นมนฺติฯ สพฺพมฺปิ นามนเฎฺฐน นามํฯ จตฺตาโร หิ ขนฺธา อารมฺมเณ อญฺญมญฺญํ นาเมนฺติ, นิพฺพานํ อารมฺมณาธิปติปจฺจยตาย อตฺตนิ อนวชฺชธเมฺม นาเมติฯ สนฺตติวเสน สีตาทีหิ รุปฺปนเฎฺฐน รูปํฯ รุปฺปนเฎฺฐนาติ กุปฺปนเฎฺฐนฯ สนฺตติวิปริณามวเสน หิ สีตาทีหิ ฆฎฺฎนียํ ธมฺมชาตํ รูปนฺติ วุจฺจติฯ อิธ ปน นามนฺติ โลกิกเมว อธิเปฺปตํ, รูปํ ปน เอกเนฺตน โลกิกเมวฯ

    Nāmanti cattāro khandhā arūpino nibbānañca. Rūpanti cattāri ca mahābhūtāni catunnañca mahābhūtānaṃ upādāyarūpāni catuvīsati. Cattāro khandhā namanaṭṭhena nāmaṃ. Te hi ārammaṇābhimukhā namanti. Sabbampi nāmanaṭṭhena nāmaṃ. Cattāro hi khandhā ārammaṇe aññamaññaṃ nāmenti, nibbānaṃ ārammaṇādhipatipaccayatāya attani anavajjadhamme nāmeti. Santativasena sītādīhi ruppanaṭṭhena rūpaṃ. Ruppanaṭṭhenāti kuppanaṭṭhena. Santativipariṇāmavasena hi sītādīhi ghaṭṭanīyaṃ dhammajātaṃ rūpanti vuccati. Idha pana nāmanti lokikameva adhippetaṃ, rūpaṃ pana ekantena lokikameva.

    ติโสฺส เวทนาติ สุขา เวทนา, ทุกฺขา เวทนา, อทุกฺขมสุขา เวทนาฯ ตา โลกิกา เอวฯ อาหาราติ ปจฺจยาฯ ปจฺจยา หิ อตฺตโน ผลํ อาหรนฺตีติ อาหาราฯ กพฬีกาโร อาหาโร ผสฺสาหาโร มโนสเญฺจตนาหาโร วิญฺญาณาหาโรติ จตฺตาโรฯ วตฺถุวเสน กพฬีกาตพฺพตฺตา กพฬีกาโร , อโชฺฌหริตพฺพตฺตา อาหาโรฯ โอทนกุมฺมาสาทิวตฺถุกาย โอชาเยตํ นามํฯ สา หิ โอชฎฺฐมกรูปานิ อาหรตีติ อาหาโรฯ จกฺขุสมฺผสฺสาทิโก ฉพฺพิโธ ผโสฺส ติโสฺส เวทนา อาหรตีติ อาหาโรฯ มนโส สเญฺจตนา, น สตฺตสฺสาติ มโนสเญฺจตนา ยถา จิเตฺตกคฺคตาฯ มนสา วา สมฺปยุตฺตา สเญฺจตนา มโนสเญฺจตนา ยถา อาชญฺญรโถฯ เตภูมกกุสลากุสลเจตนาฯ สา หิ ตโย ภเว อาหรตีติ อาหาโรฯ วิญฺญาณนฺติ เอกูนวีสติเภทํ ปฎิสนฺธิวิญฺญาณํฯ ตญฺหิ ปฎิสนฺธินามรูปํ อาหรตีติ อาหาโรฯ อุปาทานกฺขนฺธาติ อุปาทานโคจรา ขนฺธา, มชฺฌปทโลโป ทฎฺฐโพฺพฯ อุปาทานสมฺภูตา วา ขนฺธา อุปาทานกฺขนฺธา ยถา ติณคฺคิ ถุสคฺคิฯ อุปาทานวิเธยฺยา วา ขนฺธา อุปาทานกฺขนฺธา ยถา ราชปุริโสฯ อุปาทานปฺปภวา วา ขนฺธา อุปาทานกฺขนฺธา ยถา ปุปฺผรุโกฺข ผลรุโกฺขฯ อุปาทานานิ ปน กามุปาทานํ ทิฎฺฐุปาทานํ สีลพฺพตุปาทานํ อตฺตวาทุปาทานนฺติ จตฺตาริฯ อตฺถโต ปน ภุสํ อาทานนฺติ อุปาทานํฯ รูปุปาทานกฺขโนฺธ, เวทนุปาทานกฺขโนฺธ, สญฺญุปาทานกฺขโนฺธ, สงฺขารุปาทานกฺขโนฺธ, วิญฺญาณุปาทานกฺขโนฺธติ ปญฺจฯ

    Tisso vedanāti sukhā vedanā, dukkhā vedanā, adukkhamasukhā vedanā. Tā lokikā eva. Āhārāti paccayā. Paccayā hi attano phalaṃ āharantīti āhārā. Kabaḷīkāro āhāro phassāhāro manosañcetanāhāro viññāṇāhāroti cattāro. Vatthuvasena kabaḷīkātabbattā kabaḷīkāro , ajjhoharitabbattā āhāro. Odanakummāsādivatthukāya ojāyetaṃ nāmaṃ. Sā hi ojaṭṭhamakarūpāni āharatīti āhāro. Cakkhusamphassādiko chabbidho phasso tisso vedanā āharatīti āhāro. Manaso sañcetanā, na sattassāti manosañcetanā yathā cittekaggatā. Manasā vā sampayuttā sañcetanā manosañcetanā yathā ājaññaratho. Tebhūmakakusalākusalacetanā. Sā hi tayo bhave āharatīti āhāro. Viññāṇanti ekūnavīsatibhedaṃ paṭisandhiviññāṇaṃ. Tañhi paṭisandhināmarūpaṃ āharatīti āhāro. Upādānakkhandhāti upādānagocarā khandhā, majjhapadalopo daṭṭhabbo. Upādānasambhūtā vā khandhā upādānakkhandhā yathā tiṇaggi thusaggi. Upādānavidheyyā vā khandhā upādānakkhandhā yathā rājapuriso. Upādānappabhavā vā khandhā upādānakkhandhā yathā puppharukkho phalarukkho. Upādānāni pana kāmupādānaṃ diṭṭhupādānaṃ sīlabbatupādānaṃ attavādupādānanti cattāri. Atthato pana bhusaṃ ādānanti upādānaṃ. Rūpupādānakkhandho, vedanupādānakkhandho, saññupādānakkhandho, saṅkhārupādānakkhandho, viññāṇupādānakkhandhoti pañca.

    ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานีติ จกฺขายตนํ, โสตายตนํ, ฆานายตนํ, ชิวฺหายตนํ, กายายตนํ, มนายตนํฯ

    Cha ajjhattikāni āyatanānīti cakkhāyatanaṃ, sotāyatanaṃ, ghānāyatanaṃ, jivhāyatanaṃ, kāyāyatanaṃ, manāyatanaṃ.

    สตฺต วิญฺญาณฎฺฐิติโยติ กตมา สตฺต? วุตฺตเญฺหตํ ภควตา –

    Satta viññāṇaṭṭhitiyoti katamā satta? Vuttañhetaṃ bhagavatā –

    ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว (อ. นิ. ๗.๔๔; ที. นิ. ๓.๓๓๒), สตฺตา นานตฺตกายา นานตฺตสญฺญิโนฯ เสยฺยถาปิ มนุสฺสา เอกเจฺจ จ เทวา เอกเจฺจ จ วินิปาติกาฯ อยํ ปฐมา วิญฺญาณฎฺฐิติฯ

    ‘‘Santi, bhikkhave (a. ni. 7.44; dī. ni. 3.332), sattā nānattakāyā nānattasaññino. Seyyathāpi manussā ekacce ca devā ekacce ca vinipātikā. Ayaṃ paṭhamā viññāṇaṭṭhiti.

    ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, สตฺตา นานตฺตกายา เอกตฺตสญฺญิโนฯ เสยฺยถาปิ เทวา พฺรหฺมกายิกา ปฐมาภินิพฺพตฺตาฯ อยํ ทุติยา วิญฺญาณฎฺฐิติฯ

    ‘‘Santi, bhikkhave, sattā nānattakāyā ekattasaññino. Seyyathāpi devā brahmakāyikā paṭhamābhinibbattā. Ayaṃ dutiyā viññāṇaṭṭhiti.

    ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, สตฺตา เอกตฺตกายา นานตฺตสญฺญิโนฯ เสยฺยถาปิ เทวา อาภสฺสราฯ อยํ ตติยา วิญฺญาณฎฺฐิติฯ

    ‘‘Santi, bhikkhave, sattā ekattakāyā nānattasaññino. Seyyathāpi devā ābhassarā. Ayaṃ tatiyā viññāṇaṭṭhiti.

    ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, สตฺตา เอกตฺตกายา เอกตฺตสญฺญิโนฯ เสยฺยถาปิ เทวา สุภกิณฺหาฯ อยํ จตุตฺถา วิญฺญาณฎฺฐิติฯ

    ‘‘Santi, bhikkhave, sattā ekattakāyā ekattasaññino. Seyyathāpi devā subhakiṇhā. Ayaṃ catutthā viññāṇaṭṭhiti.

    ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, สตฺตา สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา ปฎิฆสญฺญานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา ‘อนโนฺต อากาโส’ติ อากาสานญฺจายตนูปคาฯ อยํ ปญฺจมี วิญฺญาณฎฺฐิติฯ

    ‘‘Santi, bhikkhave, sattā sabbaso rūpasaññānaṃ samatikkamā paṭighasaññānaṃ atthaṅgamā nānattasaññānaṃ amanasikārā ‘ananto ākāso’ti ākāsānañcāyatanūpagā. Ayaṃ pañcamī viññāṇaṭṭhiti.

    ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, สตฺตา สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิญฺญาณ’นฺติ วิญฺญาณญฺจายตนูปคาฯ อยํ ฉฎฺฐา วิญฺญาณฎฺฐิติฯ

    ‘‘Santi, bhikkhave, sattā sabbaso ākāsānañcāyatanaṃ samatikkamma ‘anantaṃ viññāṇa’nti viññāṇañcāyatanūpagā. Ayaṃ chaṭṭhā viññāṇaṭṭhiti.

    ‘‘สนฺติ , ภิกฺขเว, สตฺตา สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิญฺจี’ติ อากิญฺจญฺญายตนูปคาฯ อยํ สตฺตมี วิญฺญาณฎฺฐิติฯ อิมา โข, ภิกฺขเว, สตฺต วิญฺญาณฎฺฐิติโย’’ติ (อ. นิ. ๗.๔๔; ที. นิ. ๓.๓๓๒)ฯ

    ‘‘Santi , bhikkhave, sattā sabbaso viññāṇañcāyatanaṃ samatikkamma ‘natthi kiñcī’ti ākiñcaññāyatanūpagā. Ayaṃ sattamī viññāṇaṭṭhiti. Imā kho, bhikkhave, satta viññāṇaṭṭhitiyo’’ti (a. ni. 7.44; dī. ni. 3.332).

    วิญฺญาณฎฺฐิติโยติ ปฎิสนฺธิวิญฺญาณสฺส ฐานานิ สวิญฺญาณกา ขนฺธา เอวฯ ตตฺถ เสยฺยถาปีติ นิทสฺสนเตฺถ นิปาโตฯ มนุสฺสาติ อปริมาเณสุปิ จกฺกวาเฬสุ อปริมาณานํ มนุสฺสานํ วณฺณสณฺฐานาทิวเสน เทฺวปิ เอกสทิสา นตฺถิฯ เยปิ วเณฺณน วา สณฺฐาเนน วา สทิสา โหนฺติ, เตปิ อาโลกิตวิโลกิตาทีหิ วิสทิสาว โหนฺติ, ตสฺมา นานตฺตกายาติ วุตฺตาฯ ปฎิสนฺธิสญฺญา ปน เนสํ ติเหตุกาปิ ทุเหตุกาปิ อเหตุกาปิ โหติ, ตสฺมา นานตฺตสญฺญิโนติ วุตฺตาฯ เอกเจฺจ จ เทวาติ ฉ กามาวจรเทวาฯ เตสุ หิ เกสญฺจิ กาโย นีโล โหติ, เกสญฺจิ ปีตกาทิวโณฺณ, สญฺญา ปน เนสํ ติเหตุกาปิ ทุเหตุกาปิ โหติ, อเหตุกา น โหติฯ เอกเจฺจ จ วินิปาติกาติ จตุอปายวินิมุตฺตา ปุนพฺพสุมาตา ยกฺขินี, ปิยงฺกรมาตา, ผุสฺสมิตฺตา, ธมฺมคุตฺตาติ เอวมาทโย อเญฺญ จ เวมานิกา เปตาฯ เอเตสญฺหิ โอทาตกาฬมงฺคุรจฺฉวิสามวณฺณาทิวเสน เจว กิสถูลรสฺสทีฆวเสน จ กาโย นานา โหติ, มนุสฺสานํ วิย ติเหตุกทฺวิเหตุกาเหตุกวเสน สญฺญาปิฯ เต ปน เทวา วิย น มเหสกฺขา, กปณมนุสฺสา วิย อเปฺปสกฺขา ทุลฺลภฆาสจฺฉาทนา ทุกฺขปีฬิตา วิหรนฺติฯ เอกเจฺจ กาฬปเกฺข ทุกฺขิตา ชุณฺหปเกฺข สุขิตา โหนฺติ, ตสฺมา สุขสมุสฺสยโต วินิปติตตฺตา วินิปาติกาติ วุตฺตาฯ เย ปเนตฺถ ติเหตุกา, เตสํ ธมฺมาภิสมโยปิ โหติ ปิยงฺกรมาตาทีนํ วิยฯ

    Viññāṇaṭṭhitiyoti paṭisandhiviññāṇassa ṭhānāni saviññāṇakā khandhā eva. Tattha seyyathāpīti nidassanatthe nipāto. Manussāti aparimāṇesupi cakkavāḷesu aparimāṇānaṃ manussānaṃ vaṇṇasaṇṭhānādivasena dvepi ekasadisā natthi. Yepi vaṇṇena vā saṇṭhānena vā sadisā honti, tepi ālokitavilokitādīhi visadisāva honti, tasmā nānattakāyāti vuttā. Paṭisandhisaññā pana nesaṃ tihetukāpi duhetukāpi ahetukāpi hoti, tasmā nānattasaññinoti vuttā. Ekacce ca devāti cha kāmāvacaradevā. Tesu hi kesañci kāyo nīlo hoti, kesañci pītakādivaṇṇo, saññā pana nesaṃ tihetukāpi duhetukāpi hoti, ahetukā na hoti. Ekacce ca vinipātikāti catuapāyavinimuttā punabbasumātā yakkhinī, piyaṅkaramātā, phussamittā, dhammaguttāti evamādayo aññe ca vemānikā petā. Etesañhi odātakāḷamaṅguracchavisāmavaṇṇādivasena ceva kisathūlarassadīghavasena ca kāyo nānā hoti, manussānaṃ viya tihetukadvihetukāhetukavasena saññāpi. Te pana devā viya na mahesakkhā, kapaṇamanussā viya appesakkhā dullabhaghāsacchādanā dukkhapīḷitā viharanti. Ekacce kāḷapakkhe dukkhitā juṇhapakkhe sukhitā honti, tasmā sukhasamussayato vinipatitattā vinipātikāti vuttā. Ye panettha tihetukā, tesaṃ dhammābhisamayopi hoti piyaṅkaramātādīnaṃ viya.

    พฺรหฺมกายิกาติ พฺรหฺมปาริสชฺชพฺรหฺมปุโรหิตมหาพฺรหฺมาโนฯ ปฐมาภินิพฺพตฺตาติ เต สเพฺพปิ ปฐมชฺฌาเนน นิพฺพตฺตาฯ พฺรหฺมปาริสชฺชา ปน ปริเตฺตน, พฺรหฺมปุโรหิตา มชฺฌิเมน, กาโย จ เตสํ วิปฺผาริกตโร โหติฯ มหาพฺรหฺมาโน ปณีเตน, กาโย ปน เนสํ อติวิปฺผาริกตโร โหติฯ อิติ เต กายสฺส นานตฺตา, ปฐมชฺฌานวเสน สญฺญาย เอกตฺตา นานตฺตกายา เอกตฺตสญฺญิโนติ วุตฺตาฯ ยถา จ เต, เอวํ จตูสุ อปาเยสุ สตฺตาฯ นิรเยสุ หิ เกสญฺจิ คาวุตํ, เกสญฺจิ อฑฺฒโยชนํ , เกสญฺจิ ติคาวุตํ อตฺตภาโว โหติ, เทวทตฺตสฺส ปน โยชนสติโก ชาโตฯ ติรจฺฉาเนสุปิ เกจิ ขุทฺทกา โหนฺติ, เกจิ มหนฺตาฯ เปตฺติวิสเยสุปิ เกจิ สฎฺฐิหตฺถา เกจิ อสีติหตฺถา โหนฺติ เกจิ สุวณฺณา เกจิ ทุพฺพณฺณาฯ ตถา กาลกญฺจิกา อสุราฯ อปิเจตฺถ ทีฆปิฎฺฐิกา เปตา นาม สฎฺฐิโยชนิกาปิ โหนฺติ, สญฺญา ปน สเพฺพสมฺปิ อกุสลวิปากาเหตุกาว โหติฯ อิติ อปายิกาปิ ‘‘นานตฺตกายา เอกตฺตสญฺญิโน’’ติ สงฺขํ คจฺฉนฺติฯ

    Brahmakāyikāti brahmapārisajjabrahmapurohitamahābrahmāno. Paṭhamābhinibbattāti te sabbepi paṭhamajjhānena nibbattā. Brahmapārisajjā pana parittena, brahmapurohitā majjhimena, kāyo ca tesaṃ vipphārikataro hoti. Mahābrahmāno paṇītena, kāyo pana nesaṃ ativipphārikataro hoti. Iti te kāyassa nānattā, paṭhamajjhānavasena saññāya ekattā nānattakāyā ekattasaññinoti vuttā. Yathā ca te, evaṃ catūsu apāyesu sattā. Nirayesu hi kesañci gāvutaṃ, kesañci aḍḍhayojanaṃ , kesañci tigāvutaṃ attabhāvo hoti, devadattassa pana yojanasatiko jāto. Tiracchānesupi keci khuddakā honti, keci mahantā. Pettivisayesupi keci saṭṭhihatthā keci asītihatthā honti keci suvaṇṇā keci dubbaṇṇā. Tathā kālakañcikā asurā. Apicettha dīghapiṭṭhikā petā nāma saṭṭhiyojanikāpi honti, saññā pana sabbesampi akusalavipākāhetukāva hoti. Iti apāyikāpi ‘‘nānattakāyā ekattasaññino’’ti saṅkhaṃ gacchanti.

    อาภสฺสราติ ทณฺฑอุกฺกาย อจฺจิ วิย เอเตสํ สรีรโต อาภา ฉิชฺชิตฺวา ฉิชฺชิตฺวา ปตนฺตี วิย สรติ วิสรตีติ อาภสฺสราฯ เตสุ ปญฺจกนเย ทุติยตติยชฺฌานทฺวยํ ปริตฺตํ ภาเวตฺวา อุปฺปนฺนา ปริตฺตาภา นาม โหนฺติ, มชฺฌิมํ ภาเวตฺวา อุปฺปนฺนา อปฺปมาณาภา นาม โหนฺติ, ปณีตํ ภาเวตฺวา อุปฺปนฺนา อาภสฺสรา นาม โหนฺติฯ อิธ ปน อุกฺกฎฺฐปริเจฺฉทวเสน สเพฺพว เต คหิตาฯ สเพฺพสญฺหิ เตสํ กาโย เอกวิปฺผาโรว โหติ, สญฺญา ปน อวิตกฺกวิจารมตฺตา จ อวิตกฺกอวิจารา จาติ นานาฯ

    Ābhassarāti daṇḍaukkāya acci viya etesaṃ sarīrato ābhā chijjitvā chijjitvā patantī viya sarati visaratīti ābhassarā. Tesu pañcakanaye dutiyatatiyajjhānadvayaṃ parittaṃ bhāvetvā uppannā parittābhā nāma honti, majjhimaṃ bhāvetvā uppannā appamāṇābhā nāma honti, paṇītaṃ bhāvetvā uppannā ābhassarā nāma honti. Idha pana ukkaṭṭhaparicchedavasena sabbeva te gahitā. Sabbesañhi tesaṃ kāyo ekavipphārova hoti, saññā pana avitakkavicāramattā ca avitakkaavicārā cāti nānā.

    สุภกิณฺหาติ สุเภน โวกิณฺณา วิกิณฺณา, สุเภน สรีรปฺปภาวเณฺณน เอกคฺฆนาติ อโตฺถฯ เอเตสญฺหิ น อาภสฺสรานํ วิย ฉิชฺชิตฺวา ฉิชฺชิตฺวา ปภา คจฺฉตีติฯ จตุกฺกนเย ตติยสฺส, ปญฺจกนเย จตุตฺถสฺส ปริตฺตมชฺฌิมปณีตสฺส ฌานสฺสวเสน ปริตฺตสุภอปฺปมาณสุภสุภกิณฺหา นาม หุตฺวา นิพฺพตฺตนฺติฯ อิติ สเพฺพปิ เต เอกตฺตกายา เจว จตุตฺถชฺฌานสญฺญาย เอกตฺตสญฺญิโน จาติ เวทิตพฺพาฯ เวหปฺผลาปิ จตุตฺถวิญฺญาณฎฺฐิติเมว ภชนฺติฯ อสญฺญสตฺตา วิญฺญาณาภาวา เอตฺถ สงฺคหํ น คจฺฉนฺติ, สตฺตาวาเสสุ คจฺฉนฺติฯ

    Subhakiṇhāti subhena vokiṇṇā vikiṇṇā, subhena sarīrappabhāvaṇṇena ekagghanāti attho. Etesañhi na ābhassarānaṃ viya chijjitvā chijjitvā pabhā gacchatīti. Catukkanaye tatiyassa, pañcakanaye catutthassa parittamajjhimapaṇītassa jhānassavasena parittasubhaappamāṇasubhasubhakiṇhā nāma hutvā nibbattanti. Iti sabbepi te ekattakāyā ceva catutthajjhānasaññāya ekattasaññino cāti veditabbā. Vehapphalāpi catutthaviññāṇaṭṭhitimeva bhajanti. Asaññasattā viññāṇābhāvā ettha saṅgahaṃ na gacchanti, sattāvāsesu gacchanti.

    สุทฺธาวาสา วิวฎฺฎปเกฺข ฐิตา น สพฺพกาลิกา, กปฺปสตสหสฺสมฺปิ อสเงฺขฺยยมฺปิ พุทฺธสุเญฺญ โลเก น อุปฺปชฺชนฺติ, โสฬสกปฺปสหสฺสพฺภนฺตเร พุเทฺธสุ อุปฺปเนฺนสุเยว อุปฺปชฺชนฺติ, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตสฺส ภควโต ขนฺธาวารสทิสา โหนฺติ, ตสฺมา เนว วิญฺญาณฎฺฐิติํ, น จ สตฺตาวาสํ ภชนฺติฯ มหาสีวเตฺถโร ปน – ‘‘น โข ปน โส, สาริปุตฺต, สตฺตาวาโส สุลภรูโป, โย มยา อนาวุตฺถปุโพฺพ อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา อญฺญตฺร สุทฺธาวาเสหิ เทเวหี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๖๐) อิมินา สุเตฺตน สุทฺธาวาสาปิ จตุตฺถํ วิญฺญาณฎฺฐิติํ จตุตฺถํ สตฺตาวาสญฺจ ภชนฺตีติ วทติ, ตํ อปฺปฎิพาหิตตฺตา สุตฺตสฺส อนุญฺญาตํฯ

    Suddhāvāsā vivaṭṭapakkhe ṭhitā na sabbakālikā, kappasatasahassampi asaṅkhyeyampi buddhasuññe loke na uppajjanti, soḷasakappasahassabbhantare buddhesu uppannesuyeva uppajjanti, dhammacakkappavattassa bhagavato khandhāvārasadisā honti, tasmā neva viññāṇaṭṭhitiṃ, na ca sattāvāsaṃ bhajanti. Mahāsīvatthero pana – ‘‘na kho pana so, sāriputta, sattāvāso sulabharūpo, yo mayā anāvutthapubbo iminā dīghena addhunā aññatra suddhāvāsehi devehī’’ti (ma. ni. 1.160) iminā suttena suddhāvāsāpi catutthaṃ viññāṇaṭṭhitiṃ catutthaṃ sattāvāsañca bhajantīti vadati, taṃ appaṭibāhitattā suttassa anuññātaṃ.

    เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ ยเถว สญฺญาย, เอวํ วิญฺญาณสฺสาปิ สุขุมตฺตา เนววิญฺญาณํ นาวิญฺญาณํ, ตสฺมา วิญฺญาณฎฺฐิตีสุ น วุตฺตํฯ

    Nevasaññānāsaññāyatanaṃ yatheva saññāya, evaṃ viññāṇassāpi sukhumattā nevaviññāṇaṃ nāviññāṇaṃ, tasmā viññāṇaṭṭhitīsu na vuttaṃ.

    อฎฺฐ โลกธมฺมาติ ลาโภ, อลาโภ, ยโส, อยโส, นินฺทา, ปสํสา, สุขํ, ทุกฺขนฺติ อิเม อฎฺฐ โลกปฺปวตฺติยา สติ อนุปรมธมฺมกตฺตา โลกสฺส ธมฺมาติ โลกธมฺมาฯ เอเตหิ มุโตฺต สโตฺต นาม นตฺถิ, พุทฺธานมฺปิ โหนฺติเยวฯ ยถาห –

    Aṭṭha lokadhammāti lābho, alābho, yaso, ayaso, nindā, pasaṃsā, sukhaṃ, dukkhanti ime aṭṭha lokappavattiyā sati anuparamadhammakattā lokassa dhammāti lokadhammā. Etehi mutto satto nāma natthi, buddhānampi hontiyeva. Yathāha –

    ‘‘อฎฺฐิเม, ภิกฺขเว, โลกธมฺมา โลกํ อนุปริวตฺตนฺติ, โลโก จ อฎฺฐ โลกธเมฺม อนุปริวตฺตติฯ กตเม อฎฺฐ? ลาโภ จ อลาโภ จ ยโส จ อยโส จ นินฺทา จ ปสํสา จ สุขญฺจ ทุกฺขญฺจฯ อิเม โข, ภิกฺขเว, อฎฺฐ โลกธมฺมา โลกํ อนุปริวตฺตนฺติ, โลโก จ อิเม อฎฺฐ โลกธเมฺม อนุปริวตฺตตี’’ติ (อ. นิ. ๘.๖)ฯ

    ‘‘Aṭṭhime, bhikkhave, lokadhammā lokaṃ anuparivattanti, loko ca aṭṭha lokadhamme anuparivattati. Katame aṭṭha? Lābho ca alābho ca yaso ca ayaso ca nindā ca pasaṃsā ca sukhañca dukkhañca. Ime kho, bhikkhave, aṭṭha lokadhammā lokaṃ anuparivattanti, loko ca ime aṭṭha lokadhamme anuparivattatī’’ti (a. ni. 8.6).

    ตตฺถ อนุปริวตฺตนฺตีติ อนุพนฺธนฺติ นปฺปชหนฺติ, โลกโต น นิวตฺตนฺตีติ อโตฺถฯ ลาโภติ ปพฺพชิตสฺส จีวราทิ, คหฎฺฐสฺส ธนธญฺญาทิ ลาโภฯ โสเยว อลพฺภมาโน ลาโภ อลาโภฯ น ลาโภ อลาโภติ วุจฺจมาเน อตฺถาภาวาปตฺติโต ปริเญฺญโยฺย น สิยาฯ ยโสติ ปริวาโรฯ โสเยว อลพฺภมานา ยโส อยโสฯ นินฺทาติ อวณฺณภณนํฯ ปสํสาติ วณฺณภณนํฯ สุขนฺติ กามาวจรานํ กายิกเจตสิกํฯ ทุกฺขนฺติ ปุถุชฺชนโสตาปนฺนสกทาคามีนํ กายิกเจตสิกํ, อนาคามิอรหนฺตานํ กายิกเมวฯ

    Tattha anuparivattantīti anubandhanti nappajahanti, lokato na nivattantīti attho. Lābhoti pabbajitassa cīvarādi, gahaṭṭhassa dhanadhaññādi lābho. Soyeva alabbhamāno lābho alābho. Na lābho alābhoti vuccamāne atthābhāvāpattito pariññeyyo na siyā. Yasoti parivāro. Soyeva alabbhamānā yaso ayaso. Nindāti avaṇṇabhaṇanaṃ. Pasaṃsāti vaṇṇabhaṇanaṃ. Sukhanti kāmāvacarānaṃ kāyikacetasikaṃ. Dukkhanti puthujjanasotāpannasakadāgāmīnaṃ kāyikacetasikaṃ, anāgāmiarahantānaṃ kāyikameva.

    นว สตฺตาวาสาติ สตฺตานํ อาวาสา, วสนฎฺฐานานีติ อโตฺถฯ ตานิ ปน ตถาปกาสิตา ขนฺธา เอวฯ กตเม นว? วุตฺตเญฺหตํ ภควตา –

    Navasattāvāsāti sattānaṃ āvāsā, vasanaṭṭhānānīti attho. Tāni pana tathāpakāsitā khandhā eva. Katame nava? Vuttañhetaṃ bhagavatā –

    ‘‘นวยิเม, ภิกฺขเว (อ. นิ. ๙.๒๔; ที. นิ. ๓.๓๔๑), สตฺตาวาสาฯ กตเม นว? สนฺติ, ภิกฺขเว, สตฺตา นานตฺตกายา นานตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ มนุสฺสา เอกเจฺจ จ เทวา เอกเจฺจ จ วินิปาติกาฯ อยํ ปฐโม สตฺตาวาโสฯ

    ‘‘Navayime, bhikkhave (a. ni. 9.24; dī. ni. 3.341), sattāvāsā. Katame nava? Santi, bhikkhave, sattā nānattakāyā nānattasaññino, seyyathāpi manussā ekacce ca devā ekacce ca vinipātikā. Ayaṃ paṭhamo sattāvāso.

    ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, สตฺตา นานตฺตกายา เอกตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ เทวา พฺรหฺมกายิกา ปฐมาภินิพฺพตฺตาฯ อยํ ทุติโย สตฺตาวาโสฯ

    ‘‘Santi, bhikkhave, sattā nānattakāyā ekattasaññino, seyyathāpi devā brahmakāyikā paṭhamābhinibbattā. Ayaṃ dutiyo sattāvāso.

    ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, สตฺตา เอกตฺตกายา นานตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ เทวา อาภสฺสราฯ อยํ ตติโย สตฺตาวาโสฯ

    ‘‘Santi, bhikkhave, sattā ekattakāyā nānattasaññino, seyyathāpi devā ābhassarā. Ayaṃ tatiyo sattāvāso.

    ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, สตฺตา เอกตฺตกายา เอกตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ เทวา สุภกิณฺหาฯ อยํ จตุโตฺถ สตฺตาวาโสฯ

    ‘‘Santi, bhikkhave, sattā ekattakāyā ekattasaññino, seyyathāpi devā subhakiṇhā. Ayaṃ catuttho sattāvāso.

    ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, สตฺตา อสญฺญิโน อปฺปฎิสํเวทิโน, เสยฺยถาปิ เทวา อสญฺญสตฺตาฯ อยํ ปญฺจโม สตฺตาวาโสฯ

    ‘‘Santi, bhikkhave, sattā asaññino appaṭisaṃvedino, seyyathāpi devā asaññasattā. Ayaṃ pañcamo sattāvāso.

    ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, สตฺตา สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา ปฎิฆสญฺญานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา ‘อนโนฺต อากาโส’ติ อากาสานญฺจายตนูปคาฯ อยํ ฉโฎฺฐ สตฺตาวาโสฯ

    ‘‘Santi, bhikkhave, sattā sabbaso rūpasaññānaṃ samatikkamā paṭighasaññānaṃ atthaṅgamā nānattasaññānaṃ amanasikārā ‘ananto ākāso’ti ākāsānañcāyatanūpagā. Ayaṃ chaṭṭho sattāvāso.

    ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, สตฺตา สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิญฺญาณ’นฺติ วิญฺญาณญฺจายตนูปคาฯ อยํ สตฺตโม สตฺตาวาโสฯ

    ‘‘Santi, bhikkhave, sattā sabbaso ākāsānañcāyatanaṃ samatikkamma ‘anantaṃ viññāṇa’nti viññāṇañcāyatanūpagā. Ayaṃ sattamo sattāvāso.

    ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, สตฺตา สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิญฺจี’ติ อากิญฺจญฺญายตนูปคาฯ อยํ อฎฺฐโม สตฺตาวาโสฯ

    ‘‘Santi, bhikkhave, sattā sabbaso viññāṇañcāyatanaṃ samatikkamma ‘natthi kiñcī’ti ākiñcaññāyatanūpagā. Ayaṃ aṭṭhamo sattāvāso.

    ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, สตฺตา สพฺพโส อากิญฺจญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสญฺญานาสญฺญายตนูปคา ฯ อยํ นวโม สตฺตาวาโสฯ อิเม โข, ภิกฺขเว, นว สตฺตาวาสา’’ติ (อ. นิ. ๙.๒๔; ที. นิ. ๓.๓๔๑)ฯ

    ‘‘Santi, bhikkhave, sattā sabbaso ākiñcaññāyatanaṃ samatikkamma nevasaññānāsaññāyatanūpagā . Ayaṃ navamo sattāvāso. Ime kho, bhikkhave, nava sattāvāsā’’ti (a. ni. 9.24; dī. ni. 3.341).

    ทสายตนานีติ จกฺขายตนํ รูปายตนํ โสตายตนํ สทฺทายตนํ ฆานายตนํ คนฺธายตนํ ชิวฺหายตนํ รสายตนํ กายายตนํ โผฎฺฐพฺพายตนนฺติ เอวํ ทสฯ มนายตนธมฺมายตนานิ ปน โลกุตฺตรมิสฺสกตฺตา น คหิตานิฯ อิเมสุ ทสสุ วิสฺสชฺชเนสุ วิปสฺสนาวเสน ตีรณปริญฺญา วุตฺตา, ‘‘สพฺพํ, ภิกฺขเว, ปริเญฺญยฺย’’นฺติอาทีสุ ปน อนญฺญาตญฺญสฺสามีตินฺทฺริยาทีนํ ติณฺณํ, นิโรธปฎิปทานํ สจฺฉิกิริยาภาวนฎฺฐานํ เตสํเยว ปฎิเวธฎฺฐานํ ทุกฺขาทีนํ นิสฺสรณสฺส อนุปฺปาทาทีนํ ปญฺจทสนฺนํ, ปริคฺคหฎฺฐาทีนํ เอกติํสาย, อุตฺตริปฎิเวธฎฺฐาทีนํ ติณฺณํ, มคฺคงฺคานํ อฎฺฐนฺนํ, ‘‘ปโยคานํ ปฎิปฺปสฺสทฺธโฎฺฐ’’ติอาทีนํ ทฺวินฺนํ, อสงฺขตฎฺฐสฺส วุฎฺฐานฎฺฐาทีนํ ทฺวินฺนํ, นิยฺยานฎฺฐสฺส อนุพุชฺฌนฎฺฐาทีนํ ติณฺณํ, อนุโพธนฎฺฐาทีนํ ติณฺณํ, อนุโพธปกฺขิยาทีนํ ติณฺณํ, อุโชฺชตนฎฺฐาทีนํ จตุนฺนํ, ปตาปนฎฺฐาทีนํ อฎฺฐารสนฺนํ, วิวฎฺฎนานุปสฺสนาทีนํ นวนฺนํ, ขเยญาณอนุปฺปาเทญาณานํ ปญฺญาวิมุตฺตินิพฺพานานนฺติ อิเมสํ ธมฺมานํ ปฎิลาภวเสน ตีรณปริญฺญา วุตฺตา, เสสานํ ยถาโยคํ วิปสฺสนาวเสน จ ปฎิลาภวเสน จ ตีรณปริญฺญา วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ

    Dasāyatanānīti cakkhāyatanaṃ rūpāyatanaṃ sotāyatanaṃ saddāyatanaṃ ghānāyatanaṃ gandhāyatanaṃ jivhāyatanaṃ rasāyatanaṃ kāyāyatanaṃ phoṭṭhabbāyatananti evaṃ dasa. Manāyatanadhammāyatanāni pana lokuttaramissakattā na gahitāni. Imesu dasasu vissajjanesu vipassanāvasena tīraṇapariññā vuttā, ‘‘sabbaṃ, bhikkhave, pariññeyya’’ntiādīsu pana anaññātaññassāmītindriyādīnaṃ tiṇṇaṃ, nirodhapaṭipadānaṃ sacchikiriyābhāvanaṭṭhānaṃ tesaṃyeva paṭivedhaṭṭhānaṃ dukkhādīnaṃ nissaraṇassa anuppādādīnaṃ pañcadasannaṃ, pariggahaṭṭhādīnaṃ ekatiṃsāya, uttaripaṭivedhaṭṭhādīnaṃ tiṇṇaṃ, maggaṅgānaṃ aṭṭhannaṃ, ‘‘payogānaṃ paṭippassaddhaṭṭho’’tiādīnaṃ dvinnaṃ, asaṅkhataṭṭhassa vuṭṭhānaṭṭhādīnaṃ dvinnaṃ, niyyānaṭṭhassa anubujjhanaṭṭhādīnaṃ tiṇṇaṃ, anubodhanaṭṭhādīnaṃ tiṇṇaṃ, anubodhapakkhiyādīnaṃ tiṇṇaṃ, ujjotanaṭṭhādīnaṃ catunnaṃ, patāpanaṭṭhādīnaṃ aṭṭhārasannaṃ, vivaṭṭanānupassanādīnaṃ navannaṃ, khayeñāṇaanuppādeñāṇānaṃ paññāvimuttinibbānānanti imesaṃ dhammānaṃ paṭilābhavasena tīraṇapariññā vuttā, sesānaṃ yathāyogaṃ vipassanāvasena ca paṭilābhavasena ca tīraṇapariññā vuttāti veditabbā.

    เยสํ เยสํ ธมฺมานํ ปฎิลาภตฺถาย วายมนฺตสฺส, เต เต ธมฺมา ปฎิลทฺธา โหนฺติฯ เอวํ เต ธมฺมา ปริญฺญาตา เจว โหนฺติ ตีริตา จาติ หิ กิจฺจสมาปนเฎฺฐน ตีรณปริญฺญา วุตฺตาฯ กิเจฺจ หิ สมาปิเต เต ธมฺมา ปฎิลทฺธา โหนฺตีติฯ เกจิ ปน ‘‘อวิปสฺสนูปคานํ ญาตปริญฺญา’’ติ วทนฺติฯ อภิเญฺญเยฺยน ญาตปริญฺญาย วุตฺตตฺตา ตํ น สุนฺทรํฯ ปริญฺญาตา เจว โหนฺติ ตีริตา จาติ เต ปฎิลทฺธา เอว ธมฺมา ปริญฺญาตา จ นาม โหนฺติ, ตีริตา จ นามาติ อโตฺถฯ เอวํ กิจฺจสมาปนตฺถวเสน ปริญฺญาตโตฺถ วุโตฺต โหติฯ

    Yesaṃ yesaṃ dhammānaṃ paṭilābhatthāya vāyamantassa, te te dhammā paṭiladdhā honti. Evaṃ te dhammā pariññātā ceva honti tīritā cāti hi kiccasamāpanaṭṭhena tīraṇapariññā vuttā. Kicce hi samāpite te dhammā paṭiladdhā hontīti. Keci pana ‘‘avipassanūpagānaṃ ñātapariññā’’ti vadanti. Abhiññeyyena ñātapariññāya vuttattā taṃ na sundaraṃ. Pariññātā ceva honti tīritā cāti te paṭiladdhā eva dhammā pariññātā ca nāma honti, tīritā ca nāmāti attho. Evaṃ kiccasamāpanatthavasena pariññātattho vutto hoti.

    ๒๒. อิทานิ ตเมวตฺถํ เอเกกธเมฺม ปฎิลาภวเสน โยเชตฺวา อเนฺต จ นิคเมตฺวา ทเสฺสตุํ เนกฺขมฺมนฺติอาทิมาหฯ ตํ สพฺพํ ปุเพฺพ วุตฺตานุสาเรเนว เวทิตพฺพนฺติฯ

    22. Idāni tamevatthaṃ ekekadhamme paṭilābhavasena yojetvā ante ca nigametvā dassetuṃ nekkhammantiādimāha. Taṃ sabbaṃ pubbe vuttānusāreneva veditabbanti.

    ปริเญฺญยฺยนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pariññeyyaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิ • Paṭisambhidāmaggapāḷi / ๑. สุตมยญาณนิเทฺทโส • 1. Sutamayañāṇaniddeso


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact