Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) |
๙. ปริสาสุตฺตวณฺณนา
9. Parisāsuttavaṇṇanā
๖๙. นวเม ขตฺติยปริสาติ ขตฺติยานํ ปริสานํ สนฺนิปาโต สมาคโมฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ อเนกสตํ ขตฺติยปริสนฺติ พิมฺพิสารสมาคม-ญาติสมาคม-ลิจฺฉวิสมาคมาทิสทิสํ, อเญฺญสุ จกฺกวาเฬสุปิ ลพฺภเตวฯ สลฺลปิตปุพฺพนฺติ อาลาปสลฺลาโป กตปุโพฺพฯ สากจฺฉาติ ธมฺมสากจฺฉาปิ สมาปชฺชิตปุพฺพาฯ ยาทิสโก เตสํ วโณฺณติ เต โอทาตาปิ โหนฺติ กาฬาปิ มงฺคุรจฺฉวีปิ, สตฺถา สุวณฺณวโณฺณฯ อิทํ ปน สณฺฐานํ ปฎิจฺจ กถิตํฯ สณฺฐานมฺปิ จ เกวลํ เตสํ ปญฺญายติเยวฯ น ปน ภควา มิลกฺขสทิโส โหติ, นาปิ อามุตฺตมณิกุณฺฑโล, พุทฺธเวเสเนว นิสีทติฯ เตปิ อตฺตโน สมานสณฺฐานเมว ปสฺสนฺติฯ ยาทิสโก เตสํ สโรติ เต ฉินฺนสฺสราปิ โหนฺติ คคฺคสฺสราปิ กากสฺสราปิ, สตฺถา พฺรหฺมสฺสโรวฯ อิทํ ปน ภาสนฺตรํ สนฺธาย กถิตํฯ สเจปิ หิ สตฺถา ราชาสเน นิสิโนฺน กเถติ, ‘‘อชฺช ราชา มธุเรน กเถตี’’ติ เนสํ โหติฯ กเถตฺวา ปกฺกเนฺต ปน ภควติ ปุน ราชานํ อาคตํ ทิสฺวา ‘‘โก นุ โข อย’’นฺติ วีมํสา อุปฺปชฺชติฯ ตตฺถ โก นุ โข อยนฺติ ‘‘อิมสฺมิํ ฐาเน อิทาเนว มาคธภาสาย สีหฬภาสาย มธุเรน อากาเรน กเถโนฺต โก นุ โข อยํ อนฺตรหิโต, กิํ เทโว อุทาหุ มนุโสฺส’’ติ เอวํ วีมํสนฺตาปิ น ชานนฺตีติ อโตฺถฯ กิมตฺถํ ปเนวํ อชานนฺตานํ ธมฺมํ เทเสตีติ? วาสนตฺถายฯ เอวํ สุโตปิ หิ ธโมฺม อนาคเต ปจฺจโย โหตีติ อนาคตํ ปฎิจฺจ เทเสติฯ อเนกสตํ พฺราหฺมณปริสนฺติอาทินํ โสณทณฺฑสมาคมาทิวเสน เจว อญฺญจกฺกวาฬวเสน จ สมฺภโว เวทิตโพฺพฯ
69. Navame khattiyaparisāti khattiyānaṃ parisānaṃ sannipāto samāgamo. Esa nayo sabbattha. Anekasataṃ khattiyaparisanti bimbisārasamāgama-ñātisamāgama-licchavisamāgamādisadisaṃ, aññesu cakkavāḷesupi labbhateva. Sallapitapubbanti ālāpasallāpo katapubbo. Sākacchāti dhammasākacchāpi samāpajjitapubbā. Yādisako tesaṃ vaṇṇoti te odātāpi honti kāḷāpi maṅguracchavīpi, satthā suvaṇṇavaṇṇo. Idaṃ pana saṇṭhānaṃ paṭicca kathitaṃ. Saṇṭhānampi ca kevalaṃ tesaṃ paññāyatiyeva. Na pana bhagavā milakkhasadiso hoti, nāpi āmuttamaṇikuṇḍalo, buddhaveseneva nisīdati. Tepi attano samānasaṇṭhānameva passanti. Yādisako tesaṃ saroti te chinnassarāpi honti gaggassarāpi kākassarāpi, satthā brahmassarova. Idaṃ pana bhāsantaraṃ sandhāya kathitaṃ. Sacepi hi satthā rājāsane nisinno katheti, ‘‘ajja rājā madhurena kathetī’’ti nesaṃ hoti. Kathetvā pakkante pana bhagavati puna rājānaṃ āgataṃ disvā ‘‘ko nu kho aya’’nti vīmaṃsā uppajjati. Tattha ko nu kho ayanti ‘‘imasmiṃ ṭhāne idāneva māgadhabhāsāya sīhaḷabhāsāya madhurena ākārena kathento ko nu kho ayaṃ antarahito, kiṃ devo udāhu manusso’’ti evaṃ vīmaṃsantāpi na jānantīti attho. Kimatthaṃ panevaṃ ajānantānaṃ dhammaṃ desetīti? Vāsanatthāya. Evaṃ sutopi hi dhammo anāgate paccayo hotīti anāgataṃ paṭicca deseti. Anekasataṃ brāhmaṇaparisantiādinaṃ soṇadaṇḍasamāgamādivasena ceva aññacakkavāḷavasena ca sambhavo veditabbo.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๙. ปริสาสุตฺตํ • 9. Parisāsuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๙. ปริสาสุตฺตวณฺณนา • 9. Parisāsuttavaṇṇanā