Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā

    ปริวาสกถา

    Parivāsakathā

    ๑๐๒. ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, สโงฺฆ อุทายิสฺส ภิกฺขุโน เอกิสฺสา อาปตฺติยา สเญฺจตนิกาย สุกฺกวิสฺสฎฺฐิยา เอกาหปฎิจฺฉนฺนาย เอกาหปริวาสํ เทตู’’ติอาทินา นเยน ปาฬิยํ อเนเกหิ อากาเรหิ ปริวาโส จ มานตฺตญฺจ วุตฺตํฯ ตสฺส ยสฺมา อาคตาคตฎฺฐาเน วินิจฺฉโย วุจฺจมาโน ปาฬิ วิย อติวิตฺถารํ อาปชฺชติ, น จ สกฺกา โหติ สุเขน ปริคฺคเหตุํ, ตสฺมา นํ สโมธาเนตฺวา อิเธว ทสฺสยิสฺสามฯ

    102. ‘‘Tena hi, bhikkhave, saṅgho udāyissa bhikkhuno ekissā āpattiyā sañcetanikāya sukkavissaṭṭhiyā ekāhapaṭicchannāya ekāhaparivāsaṃ detū’’tiādinā nayena pāḷiyaṃ anekehi ākārehi parivāso ca mānattañca vuttaṃ. Tassa yasmā āgatāgataṭṭhāne vinicchayo vuccamāno pāḷi viya ativitthāraṃ āpajjati, na ca sakkā hoti sukhena pariggahetuṃ, tasmā naṃ samodhānetvā idheva dassayissāma.

    อยญฺหิ อิธ อธิเปฺปโต ปริวาโส นาม – ปฎิจฺฉนฺนปริวาโส, สุทฺธนฺตปริวาโส, สโมธานปริวาโสติ ติวิโธ โหติฯ ตตฺถ ปฎิจฺฉนฺนปริวาโส ตาว ยถาปฎิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยา ทาตโพฺพ ฯ กสฺสจิ หิ เอกาหปฎิจฺฉนฺนา อาปตฺติ โหติ ยถา อยํ อุทายิเตฺถรสฺส, กสฺสจิ ทฺวีหาทิปฎิจฺฉนฺนา ยถา ปรโต อาคตา อุทายิเตฺถรเสฺสว, กสฺสจิ เอกา อาปตฺติ โหติ ยถา อยํ, กสฺสจิ เทฺว ติโสฺส ตตุตฺตริ วา ยถา ปรโต อาคตา, ตสฺมา ปฎิจฺฉนฺนปริวาสํ เทเนฺตน ปฐมํ ตาว ปฎิจฺฉนฺนภาโว ชานิตโพฺพฯ

    Ayañhi idha adhippeto parivāso nāma – paṭicchannaparivāso, suddhantaparivāso, samodhānaparivāsoti tividho hoti. Tattha paṭicchannaparivāso tāva yathāpaṭicchannāya āpattiyā dātabbo . Kassaci hi ekāhapaṭicchannā āpatti hoti yathā ayaṃ udāyittherassa, kassaci dvīhādipaṭicchannā yathā parato āgatā udāyittherasseva, kassaci ekā āpatti hoti yathā ayaṃ, kassaci dve tisso tatuttari vā yathā parato āgatā, tasmā paṭicchannaparivāsaṃ dentena paṭhamaṃ tāva paṭicchannabhāvo jānitabbo.

    อยญฺหิ อาปตฺติ นาม ทสหากาเรหิ ปฎิจฺฉนฺนา โหติฯ ตตฺถายํ มาติกา – อาปตฺติ จ โหติ อาปตฺติสญฺญี จ, ปกตโตฺต จ โหติ ปกตตฺตสญฺญี จ, อนนฺตรายิโก จ โหติ อนนฺตรายิกสญฺญี จ, ปหุ จ โหติ ปหุสญฺญี จ, ฉาเทตุกาโม จ โหติ ฉาเทติ จาติฯ

    Ayañhi āpatti nāma dasahākārehi paṭicchannā hoti. Tatthāyaṃ mātikā – āpatti ca hoti āpattisaññī ca, pakatatto ca hoti pakatattasaññī ca, anantarāyiko ca hoti anantarāyikasaññī ca, pahu ca hoti pahusaññī ca, chādetukāmo ca hoti chādeti cāti.

    ตตฺถ อาปตฺติ จ โหติ อาปตฺติสญฺญี จาติ ยํ อาปโนฺน, สา อาปตฺติเยว โหติฯ โสปิ จ ตตฺถ อาปตฺติสญฺญีเยวฯ อิติ ชานโนฺต ฉาเทติ, ฉนฺนาว โหติฯ อถ ปนายํ ตตฺถ อนาปตฺติสญฺญี, อจฺฉนฺนา โหติ, อนาปตฺติ ปน อาปตฺติสญฺญายปิ อนาปตฺติสญฺญายปิ ฉาเทเนฺตนาปิ อจฺฉาทิตาว โหติฯ ลหุกํ วา ครุกาติ ครุกํ วา ลหุกาติ ฉาเทติ, อลชฺชิปเกฺข ติฎฺฐติ, อาปตฺติ ปน อจฺฉนฺนา โหติฯ ครุกํ ลหุกาติ มญฺญมาโน เทเสติ, เนว เทสิตา โหติ, น ฉนฺนาฯ ครุกํ ครุกาติ ญตฺวา ฉาเทติ, ฉนฺนา โหติฯ ครุกลหุกภาวํ น ชานาติ, อาปตฺติํ ฉาเทมีติ ฉาเทติ, ฉนฺนาว โหติฯ

    Tattha āpatti ca hoti āpattisaññī cāti yaṃ āpanno, sā āpattiyeva hoti. Sopi ca tattha āpattisaññīyeva. Iti jānanto chādeti, channāva hoti. Atha panāyaṃ tattha anāpattisaññī, acchannā hoti, anāpatti pana āpattisaññāyapi anāpattisaññāyapi chādentenāpi acchāditāva hoti. Lahukaṃ vā garukāti garukaṃ vā lahukāti chādeti, alajjipakkhe tiṭṭhati, āpatti pana acchannā hoti. Garukaṃ lahukāti maññamāno deseti, neva desitā hoti, na channā. Garukaṃ garukāti ñatvā chādeti, channā hoti. Garukalahukabhāvaṃ na jānāti, āpattiṃ chādemīti chādeti, channāva hoti.

    ปกตโตฺตติ ติวิธํ อุเกฺขปนียกมฺมํ อกโต – โส เจ ปกตตฺตสญฺญี หุตฺวา ฉาเทติ, ฉนฺนา โหติฯ อถ ‘‘มยฺหํ สเงฺฆน กมฺมํ กต’’นฺติ อปกตตฺตสญฺญี หุตฺวา ฉาเทติ, อจฺฉนฺนา โหติฯ อปกตเตฺตน ปกตตฺตสญฺญินา วา อปกตตฺตสญฺญินา วา ฉาทิตาปิ อจฺฉนฺนาว โหติฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –

    Pakatattoti tividhaṃ ukkhepanīyakammaṃ akato – so ce pakatattasaññī hutvā chādeti, channā hoti. Atha ‘‘mayhaṃ saṅghena kammaṃ kata’’nti apakatattasaññī hutvā chādeti, acchannā hoti. Apakatattena pakatattasaññinā vā apakatattasaññinā vā chāditāpi acchannāva hoti. Vuttampi cetaṃ –

    ‘‘อาปชฺชติ ครุกํ สาวเสสํ,

    ‘‘Āpajjati garukaṃ sāvasesaṃ,

    ฉาเทติ อนาทริยํ ปฎิจฺจ;

    Chādeti anādariyaṃ paṭicca;

    น ภิกฺขุนี โน จ ผุเสยฺย วชฺชํ,

    Na bhikkhunī no ca phuseyya vajjaṃ,

    ปญฺหา เมสา กุสเลหิ จินฺติตา’’ติฯ (ปริ. ๔๘๑);

    Pañhā mesā kusalehi cintitā’’ti. (pari. 481);

    อยญฺหิ ปโญฺห อุกฺขิตฺตเกน กถิโตฯ

    Ayañhi pañho ukkhittakena kathito.

    อนนฺตรายิโกติ ยสฺส ทสสุ อนฺตราเยสุ เอโกปิ นตฺถิ, โส เจ อนนฺตรายิกสญฺญี หุตฺวา ฉาเทติ, ฉนฺนา โหติฯ สเจปิ โส ภีรุกชาติกตาย อนฺธกาเร อมนุสฺสจณฺฑมิคภเยน อนฺตรายิกสญฺญี หุตฺวา ฉาเทติ, อจฺฉนฺนาว โหติฯ ยสฺส หิ ปพฺพตวิหาเร วสนฺตสฺส กนฺทรํ วา นทิํ วา อติกฺกมิตฺวา อาโรเจตพฺพํ โหติ, อนฺตรามเคฺค จ จณฺฑวาฬอมนุสฺสาทิภยํ อตฺถิ, มเคฺค อชครา นิปชฺชนฺติ, นที ปูรา โหติ, เอกสฺมิํ ปน สติเยว อนฺตราเย อนฺตรายิกสญฺญี หุตฺวา ฉาเทติ, อจฺฉนฺนาว โหติฯ อนฺตรายิกสฺส ปน อนฺตรายิกสญฺญาย วา อนนฺตรายิกสญฺญาย วา ฉาทยโต อจฺฉนฺนาว โหติฯ

    Anantarāyikoti yassa dasasu antarāyesu ekopi natthi, so ce anantarāyikasaññī hutvā chādeti, channā hoti. Sacepi so bhīrukajātikatāya andhakāre amanussacaṇḍamigabhayena antarāyikasaññī hutvā chādeti, acchannāva hoti. Yassa hi pabbatavihāre vasantassa kandaraṃ vā nadiṃ vā atikkamitvā ārocetabbaṃ hoti, antarāmagge ca caṇḍavāḷaamanussādibhayaṃ atthi, magge ajagarā nipajjanti, nadī pūrā hoti, ekasmiṃ pana satiyeva antarāye antarāyikasaññī hutvā chādeti, acchannāva hoti. Antarāyikassa pana antarāyikasaññāya vā anantarāyikasaññāya vā chādayato acchannāva hoti.

    ปหูติ โย สโกฺกติ ภิกฺขุโน สนฺติกํ คนฺตุเญฺจว อาโรเจตุญฺจ; โส เจ ปหุสญฺญี หุตฺวา ฉาเทติ, ฉนฺนา โหติฯ สจสฺส มุเข อปฺปมตฺตโก คโณฺฑ วา โหติ, หนุกวาโต วา วิชฺฌติ, ทโนฺต วา รุชฺชติ, ภิกฺขา วา มนฺทา ลทฺธา โหติ, ตาวตเกน ปน เนว วตฺตุํ น สโกฺกติ น คนฺตุํ; อปิจ โข น สโกฺกมีติ สญฺญี โหติ, อยํ ปหุ หุตฺวา อปฺปหุสญฺญี นามฯ อิมินา ฉาทิตาปิ อจฺฉาทิตาฯ อปฺปหุนา ปน วตฺตุํ วา คนฺตุํ วา อสมเตฺถน ปหุสญฺญินา วา อปฺปหุสญฺญินา วา ฉาทิตา โหตุ, อจฺฉาทิตาวฯ

    Pahūti yo sakkoti bhikkhuno santikaṃ gantuñceva ārocetuñca; so ce pahusaññī hutvā chādeti, channā hoti. Sacassa mukhe appamattako gaṇḍo vā hoti, hanukavāto vā vijjhati, danto vā rujjati, bhikkhā vā mandā laddhā hoti, tāvatakena pana neva vattuṃ na sakkoti na gantuṃ; apica kho na sakkomīti saññī hoti, ayaṃ pahu hutvā appahusaññī nāma. Iminā chāditāpi acchāditā. Appahunā pana vattuṃ vā gantuṃ vā asamatthena pahusaññinā vā appahusaññinā vā chāditā hotu, acchāditāva.

    ฉาเทตุกาโม จ โหติ ฉาเทติ จาติ อิทํ อุตฺตานตฺถเมวฯ สเจ ปน ฉาเทสฺสามีติ ธุรนิเกฺขปํ กตฺวา ปุเรภเตฺต วา ปจฺฉาภเตฺต วา ปฐมยามาทีสุ วา ลชฺชิธมฺมํ โอกฺกมิตฺวา อโนฺตอรุเณเยว อาโรเจติ, อยํ ฉาเทตุกาโม น ฉาเทติ นามฯ

    Chādetukāmo ca hoti chādeti cāti idaṃ uttānatthameva. Sace pana chādessāmīti dhuranikkhepaṃ katvā purebhatte vā pacchābhatte vā paṭhamayāmādīsu vā lajjidhammaṃ okkamitvā antoaruṇeyeva āroceti, ayaṃ chādetukāmo na chādeti nāma.

    ยสฺส ปน อภิกฺขุเก ฐาเน วสนฺตสฺส อาปตฺติํ อาปชฺชิตฺวา สภาคสฺส ภิกฺขุโน อาคมนํ อาคเมนฺตสฺส สภาคสนฺติกํ วา คจฺฉนฺตสฺส อทฺธมาโสปิ มาโสปิ อติกฺกมติ, อยํ น ฉาเทตุกาโม ฉาเทติ นาม, อยมฺปิ อจฺฉนฺนาว โหติฯ

    Yassa pana abhikkhuke ṭhāne vasantassa āpattiṃ āpajjitvā sabhāgassa bhikkhuno āgamanaṃ āgamentassa sabhāgasantikaṃ vā gacchantassa addhamāsopi māsopi atikkamati, ayaṃ na chādetukāmo chādeti nāma, ayampi acchannāva hoti.

    โย ปน อาปนฺนมโตฺตว อคฺคิํ อกฺกนฺตปุริโส วิย สหสา อปกฺกมิตฺวา สภาคฎฺฐานํ คนฺตฺวา อาวิ กโรติ, อยํ น ฉาเทตุกาโมว น ฉาเทติ นามฯ สเจ ปน สภาคํ ทิสฺวาปิ ‘‘อยํ เม อุปชฺฌาโย วา อาจริโย วา’’ติ ลชฺชาย นาโรเจติ, ฉนฺนาว โหติ อาปตฺติฯ อุปชฺฌายาทิภาโว หิ อิธ อปฺปมาณํ อเวริสภาคมตฺตเมว ปมาณํ, ตสฺมา อเวริสภาคสฺส สนฺติเก อาโรเจตพฺพาฯ

    Yo pana āpannamattova aggiṃ akkantapuriso viya sahasā apakkamitvā sabhāgaṭṭhānaṃ gantvā āvi karoti, ayaṃ na chādetukāmova na chādeti nāma. Sace pana sabhāgaṃ disvāpi ‘‘ayaṃ me upajjhāyo vā ācariyo vā’’ti lajjāya nāroceti, channāva hoti āpatti. Upajjhāyādibhāvo hi idha appamāṇaṃ averisabhāgamattameva pamāṇaṃ, tasmā averisabhāgassa santike ārocetabbā.

    โย ปน วิสภาโค โหติ สุตฺวา ปกาเสตุกาโม, เอวรูปสฺส อุปชฺฌายสฺสาปิ สนฺติเก น อาโรเจตพฺพาฯ ตตฺถ ปุเรภตฺตํ วา อาปตฺติํ อาปโนฺน โหตุ ปจฺฉาภตฺตํ วา, ทิวา วา รตฺติํ วา ยาว อรุณํ น อุคฺคจฺฉติ ตาว อาโรเจตพฺพํฯ อุทฺธเสฺต อรุเณ ปฎิจฺฉนฺนา โหติ, ปฎิจฺฉาทนปจฺจยา จ ทุกฺกฎํ อาปชฺชติฯ สภาคสงฺฆาทิเสสํ อาปนฺนสฺส ปน สนฺติเก อาวิ กาตุํ น วฎฺฎติฯ สเจ อาวิ กโรติ, อาปตฺติ อาวิกตา โหติ, ทุกฺกฎา ปน น มุจฺจติ, ตสฺมา สุทฺธสฺส สนฺติเก อาวิกาตพฺพาฯ อาวิกโรโนฺต จ ‘‘ตุยฺหํ สนฺติเก เอกํ อาปตฺติํ อาวิกโรมี’’ติ วา ‘‘อาจิกฺขามี’’ติ วา ‘‘อาโรเจมี’’ติ วา ‘‘มม เอกํ อาปตฺติํ อาปนฺนภาวํ ชานาหี’’ติ วา วทตุ, ‘‘เอกํ ครุกาปตฺติํ อาวิกโรมี’’ติอาทินา วา นเยน วทตุ, สเพฺพหิปิ อากาเรหิ อปฺปฎิจฺฉนฺนาว โหตีติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํฯ สเจ ปน ลหุกาปตฺติํ อาวิกโรมีติอาทินา นเยน วทติ, ปฎิจฺฉนฺนา โหติ, วตฺถุํ อาโรเจติ, อาปตฺติํ อาโรเจติ, อุภยํ อาโรเจติ, ติวิเธนาปิ อาโรจิตาว โหติฯ อิติ อิมานิ ทส การณานิ อุปลเกฺขตฺวา ปฎิจฺฉนฺนปริวาสํ เทเนฺตน ปฐมเมว ปฎิจฺฉนฺนภาโว ชานิตโพฺพฯ

    Yo pana visabhāgo hoti sutvā pakāsetukāmo, evarūpassa upajjhāyassāpi santike na ārocetabbā. Tattha purebhattaṃ vā āpattiṃ āpanno hotu pacchābhattaṃ vā, divā vā rattiṃ vā yāva aruṇaṃ na uggacchati tāva ārocetabbaṃ. Uddhaste aruṇe paṭicchannā hoti, paṭicchādanapaccayā ca dukkaṭaṃ āpajjati. Sabhāgasaṅghādisesaṃ āpannassa pana santike āvi kātuṃ na vaṭṭati. Sace āvi karoti, āpatti āvikatā hoti, dukkaṭā pana na muccati, tasmā suddhassa santike āvikātabbā. Āvikaronto ca ‘‘tuyhaṃ santike ekaṃ āpattiṃ āvikaromī’’ti vā ‘‘ācikkhāmī’’ti vā ‘‘ārocemī’’ti vā ‘‘mama ekaṃ āpattiṃ āpannabhāvaṃ jānāhī’’ti vā vadatu, ‘‘ekaṃ garukāpattiṃ āvikaromī’’tiādinā vā nayena vadatu, sabbehipi ākārehi appaṭicchannāva hotīti kurundiyaṃ vuttaṃ. Sace pana lahukāpattiṃ āvikaromītiādinā nayena vadati, paṭicchannā hoti, vatthuṃ āroceti, āpattiṃ āroceti, ubhayaṃ āroceti, tividhenāpi ārocitāva hoti. Iti imāni dasa kāraṇāni upalakkhetvā paṭicchannaparivāsaṃ dentena paṭhamameva paṭicchannabhāvo jānitabbo.

    ตโต ปฎิจฺฉนฺนทิวเส จ อาปตฺติโย จ สลฺลเกฺขตฺวา สเจ เอกาหปฎิจฺฉนฺนา โหติ – ‘‘อหํ, ภเนฺต, เอกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิํ สเญฺจตนิกํ สุกฺกวิสฺสฎฺฐิํ เอกาหปฎิจฺฉนฺน’’นฺติ เอวํ ยาจาเปตฺวา อิธ วุตฺตนเยเนว กมฺมวาจํ วตฺวา ปริวาโส ทาตโพฺพฯ อถ ทฺวีหตีหาทิปฎิจฺฉนฺนา โหติ, ทฺวีหปฎิจฺฉนฺนํ ตีหปฎิจฺฉนฺนํ จตูหปฎิจฺฉนฺนํ ปญฺจาหปฎิจฺฉนฺนํ ฉาหปฎิจฺฉนฺนํ สตฺตาหปฎิจฺฉนฺนํ อฎฺฐาหปฎิจฺฉนฺนํ นวาหปฎิจฺฉนฺนํ ทสาหปฎิจฺฉนฺนํ เอกาทสาหปฎิจฺฉนฺนํ ทฺวาทสาหปอจฺฉนฺนํ เตรสาหปฎิจฺฉนฺนํ จุทฺทสาหปฎิจฺฉนฺนนฺติ เอวํ ยาว จุทฺทส ทิวสานิ ทิวสวเสน โยชนา กาตพฺพาฯ ปญฺจทส ทิวสานิ ปฎิจฺฉนฺนาย ปกฺขปฎิจฺฉนฺนนฺติ วตฺวา โยชนา กาตพฺพาฯ ตโต ยาว เอกูนติํสติโม ทิวโส, ตาว อติเรกปกฺขปฎิจฺฉนฺนนฺติฯ

    Tato paṭicchannadivase ca āpattiyo ca sallakkhetvā sace ekāhapaṭicchannā hoti – ‘‘ahaṃ, bhante, ekaṃ āpattiṃ āpajjiṃ sañcetanikaṃ sukkavissaṭṭhiṃ ekāhapaṭicchanna’’nti evaṃ yācāpetvā idha vuttanayeneva kammavācaṃ vatvā parivāso dātabbo. Atha dvīhatīhādipaṭicchannā hoti, dvīhapaṭicchannaṃ tīhapaṭicchannaṃ catūhapaṭicchannaṃ pañcāhapaṭicchannaṃ chāhapaṭicchannaṃ sattāhapaṭicchannaṃ aṭṭhāhapaṭicchannaṃ navāhapaṭicchannaṃ dasāhapaṭicchannaṃ ekādasāhapaṭicchannaṃ dvādasāhapaacchannaṃ terasāhapaṭicchannaṃ cuddasāhapaṭicchannanti evaṃ yāva cuddasa divasāni divasavasena yojanā kātabbā. Pañcadasa divasāni paṭicchannāya pakkhapaṭicchannanti vatvā yojanā kātabbā. Tato yāva ekūnatiṃsatimo divaso, tāva atirekapakkhapaṭicchannanti.

    ตโต มาสปฎิจฺฉนฺนํ อติเรกมาสปฎิจฺฉนฺนํ เทฺวมาสปฎิจฺฉนฺนํ อติเรกเทฺวมาสปฎิจฺฉนฺนํ เตมาสปฎิจฺฉนฺนํ อติเรกเตมาสปฎิจฺฉนฺนํ จตุมาสปฎิจฺฉนฺนํ อติเรกจตุมาสปฎิจฺฉนฺนํ ปญฺจมาสปฎิจฺฉนฺนํ อติเรกปญฺจมาสปฎิจฺฉนฺนํ ฉมาสปฎิจฺฉนฺนํ อติเรกฉมาสปฎิจฺฉนฺนํ สตฺตมาสปฎิจฺฉนฺนํ อติเรกสตฺตมาสปฎิจฺฉนฺนํ อฎฺฐมาสปฎิจฺฉนฺนํ อติเรกอฎฺฐมาสปฎิจฺฉนฺนํ นวมาสปฎิจฺฉนฺนํ อติเรกนวมาสปฎิจฺฉนฺนํ ทสมาสปฎิจฺฉนฺนํ อติเรกทสมาสปฎิจฺฉนฺนํ เอกาทสมาสปฎิจฺฉนฺนํ อติเรกเอกาทสมาสปฎิจฺฉนฺนนฺติ เอวํ โยชนา กาตพฺพาฯ สํวจฺฉเร ปริปุเณฺณ เอกสํวจฺฉรปฎิจฺฉนฺนนฺติฯ ตโต ปรํ อติเรกเอกสํวจฺฉร… เทฺวสํวจฺฉร… อติเรกเทฺวสํวจฺฉร… ติสํวจฺฉร… อติรเกติสํวจฺฉร… จตุสํวจฺฉร… อติเรกจตุสํวจฺฉร… ปญฺจสํวจฺฉร… อติเรกปญฺจสํวจฺฉรปฎิจฺฉนฺนนฺติ เอวํ ยาว สฎฺฐิสํวจฺฉร… อติเรกสฎฺฐิสํวจฺฉรปฎิจฺฉนฺนนฺติ วา ตโต วา ภิโยฺยปิ วตฺวา โยชนา กาตพฺพาฯ

    Tato māsapaṭicchannaṃ atirekamāsapaṭicchannaṃ dvemāsapaṭicchannaṃ atirekadvemāsapaṭicchannaṃ temāsapaṭicchannaṃ atirekatemāsapaṭicchannaṃ catumāsapaṭicchannaṃ atirekacatumāsapaṭicchannaṃ pañcamāsapaṭicchannaṃ atirekapañcamāsapaṭicchannaṃ chamāsapaṭicchannaṃ atirekachamāsapaṭicchannaṃ sattamāsapaṭicchannaṃ atirekasattamāsapaṭicchannaṃ aṭṭhamāsapaṭicchannaṃ atirekaaṭṭhamāsapaṭicchannaṃ navamāsapaṭicchannaṃ atirekanavamāsapaṭicchannaṃ dasamāsapaṭicchannaṃ atirekadasamāsapaṭicchannaṃ ekādasamāsapaṭicchannaṃ atirekaekādasamāsapaṭicchannanti evaṃ yojanā kātabbā. Saṃvacchare paripuṇṇe ekasaṃvaccharapaṭicchannanti. Tato paraṃ atirekaekasaṃvacchara… dvesaṃvacchara… atirekadvesaṃvacchara… tisaṃvacchara… atiraketisaṃvacchara… catusaṃvacchara… atirekacatusaṃvacchara… pañcasaṃvacchara… atirekapañcasaṃvaccharapaṭicchannanti evaṃ yāva saṭṭhisaṃvacchara… atirekasaṭṭhisaṃvaccharapaṭicchannanti vā tato vā bhiyyopi vatvā yojanā kātabbā.

    สเจ ปน เทฺว ติโสฺส ตตุตฺตริ วา อาปตฺติโย โหนฺติ, ยถา อิธ เอกํ อาปตฺตินฺติ วุตฺตํ; เอวํ เทฺว อาปตฺติโย ติโสฺส อาปตฺติโยติ วตฺตพฺพํฯ ตโต ปรํ ปน สตํ วา โหตุ สหสฺสํ วา, สมฺพหุลาติ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ นานาวตฺถุกาสุปิ ‘‘อหํ, ภเนฺต, สมฺพหุลา สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชิํ – เอกํ สุกฺกวิสฺสฎฺฐิํ, เอกํ กายสํสคฺคํ, เอกํ ทุฎฺฐุลฺลวาจํ, เอกํ อตฺตกามํ, เอกํ สญฺจริตฺตํ, เอกาหปฎิจฺฉนฺนาโย’’ติ เอวํ คณนวเสน วา ‘‘อหํ, ภเนฺต, สมฺพหุลา สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชิํ นานาวตฺถุกาโย เอกาหปฎิจฺฉนฺนาโย’’ติ เอวํ วตฺถุกิตฺตนวเสน วา, ‘‘อหํ, ภเนฺต, สมฺพหุลา สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชิํ เอกาหปฎิจฺฉนฺนาโย’’ติ เอวํ นามมตฺตวเสน วา โยชนา กาตพฺพาฯ

    Sace pana dve tisso tatuttari vā āpattiyo honti, yathā idha ekaṃ āpattinti vuttaṃ; evaṃ dve āpattiyo tisso āpattiyoti vattabbaṃ. Tato paraṃ pana sataṃ vā hotu sahassaṃ vā, sambahulāti vattuṃ vaṭṭati. Nānāvatthukāsupi ‘‘ahaṃ, bhante, sambahulā saṅghādisesā āpattiyo āpajjiṃ – ekaṃ sukkavissaṭṭhiṃ, ekaṃ kāyasaṃsaggaṃ, ekaṃ duṭṭhullavācaṃ, ekaṃ attakāmaṃ, ekaṃ sañcarittaṃ, ekāhapaṭicchannāyo’’ti evaṃ gaṇanavasena vā ‘‘ahaṃ, bhante, sambahulā saṅghādisesā āpattiyo āpajjiṃ nānāvatthukāyo ekāhapaṭicchannāyo’’ti evaṃ vatthukittanavasena vā, ‘‘ahaṃ, bhante, sambahulā saṅghādisesā āpattiyo āpajjiṃ ekāhapaṭicchannāyo’’ti evaṃ nāmamattavasena vā yojanā kātabbā.

    ตตฺถ นามํ ทุวิธํ – สชาติสาธารณญฺจ สพฺพสาธารณญฺจฯ ตตฺถ สงฺฆาทิเสโสติ สชาติสาธารณํ, อาปตฺตีติ สพฺพสาธารณํ; ตสฺมา ‘‘สมฺพหุลา อาปตฺติโย อาปชฺชิํ เอกาหปฎิจฺฉนฺนาโย’’ติ เอวํ สพฺพสาธารณนามวเสนปิ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ อิทญฺหิ สพฺพมฺปิ ปริวาสาทิกํ วินยกมฺมํ วตฺถุวเสน โคตฺตวเสน นามวเสน อาปตฺติวเสน จ กาตุํ วฎฺฎติเยวฯ

    Tattha nāmaṃ duvidhaṃ – sajātisādhāraṇañca sabbasādhāraṇañca. Tattha saṅghādisesoti sajātisādhāraṇaṃ, āpattīti sabbasādhāraṇaṃ; tasmā ‘‘sambahulā āpattiyo āpajjiṃ ekāhapaṭicchannāyo’’ti evaṃ sabbasādhāraṇanāmavasenapi vattuṃ vaṭṭati. Idañhi sabbampi parivāsādikaṃ vinayakammaṃ vatthuvasena gottavasena nāmavasena āpattivasena ca kātuṃ vaṭṭatiyeva.

    ตตฺถ ‘‘สุกฺกวิสฺสฎฺฐี’’ติ วตฺถุ เจว โคตฺตญฺจฯ ‘‘สงฺฆาทิเสโส’’ติ นามเญฺจว อาปตฺติ จฯ ‘‘กายสํสโคฺค’’ติ วตฺถุ เจว โคตฺตญฺจฯ ‘‘สงฺฆาทิเสโส’’ติ นามเญฺจว อาปตฺติ จ, ตตฺถ ‘‘สุกฺกวิสฺสฎฺฐิํ กายสํสคฺค’’นฺติอาทินา วจเนนาปิ ‘‘นานาวตฺถุกาโย’’ติ วจเนนาปิ วตฺถุ เจว โคตฺตญฺจ คหิตํ โหติฯ ‘‘สงฺฆาทิเสโส’’ติ วจเนนาปิ ‘‘อาปตฺติโย’’ติ วจเนนาปิ นามเญฺจว อาปตฺติ จ คหิตา โหติฯ อิธ ปน เอกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิํ สเญฺจตนิกํ ‘‘สุกฺกวิสฺสฎฺฐิ’’นฺติ นามมฺปิ วตฺถุโคตฺตานิปิ คหิตาเนวฯ ยถา จ อิธ ‘‘อยํ อุทายิ ภิกฺขู’’ติ วุตฺตํ; เอวํ โย โย อาปโนฺน โหติ, ตสฺส ตสฺส นามํ คเหตฺวา ‘‘อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขู’’ติ กมฺมวาจา กาตพฺพาฯ

    Tattha ‘‘sukkavissaṭṭhī’’ti vatthu ceva gottañca. ‘‘Saṅghādiseso’’ti nāmañceva āpatti ca. ‘‘Kāyasaṃsaggo’’ti vatthu ceva gottañca. ‘‘Saṅghādiseso’’ti nāmañceva āpatti ca, tattha ‘‘sukkavissaṭṭhiṃ kāyasaṃsagga’’ntiādinā vacanenāpi ‘‘nānāvatthukāyo’’ti vacanenāpi vatthu ceva gottañca gahitaṃ hoti. ‘‘Saṅghādiseso’’ti vacanenāpi ‘‘āpattiyo’’ti vacanenāpi nāmañceva āpatti ca gahitā hoti. Idha pana ekaṃ āpattiṃ āpajjiṃ sañcetanikaṃ ‘‘sukkavissaṭṭhi’’nti nāmampi vatthugottānipi gahitāneva. Yathā ca idha ‘‘ayaṃ udāyi bhikkhū’’ti vuttaṃ; evaṃ yo yo āpanno hoti, tassa tassa nāmaṃ gahetvā ‘‘ayaṃ itthannāmo bhikkhū’’ti kammavācā kātabbā.

    กมฺมวาจาปริโยสาเน จ เตน ภิกฺขุนา มาฬกสีมายเมว ‘‘ปริวาสํ สมาทิยามิ, วตฺตํ สมาทิยามี’’ติ วุตฺตนเยเนว วตฺตํ สมาทาตพฺพํ ฯ สมาทิยิตฺวา ตเตฺถว สงฺฆสฺส อาโรเจตพฺพํ, อาโรเจเนฺตน จ เอวํ อาโรเจตพฺพํ –

    Kammavācāpariyosāne ca tena bhikkhunā māḷakasīmāyameva ‘‘parivāsaṃ samādiyāmi, vattaṃ samādiyāmī’’ti vuttanayeneva vattaṃ samādātabbaṃ . Samādiyitvā tattheva saṅghassa ārocetabbaṃ, ārocentena ca evaṃ ārocetabbaṃ –

    ‘‘อหํ, ภเนฺต, เอกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิํ สเญฺจตนิกํ สุกฺกวิสฺสฎฺฐิํ เอกาหปฎิจฺฉนฺนํ, โสหํ สงฺฆํ เอกิสฺสา อาปตฺติยา สเญฺจตนิกาย สุกฺกวิสฺสฎฺฐิยา เอกาหปฎิจฺฉนฺนาย เอกาหปริวาสํ ยาจิํ, ตสฺส เม สโงฺฆ เอกิสฺสา อาปตฺติยา สเญฺจตนิกาย สุกฺกวิสฺสฎฺฐิยา เอกาหปฎิจฺฉนฺนาย เอกาหปริวาสํ อทาสิ, โสหํ ปริวสามิ – ‘เวทยามหํ, ภเนฺต, เวทยตี’ติ มํ สโงฺฆ ธาเรตู’’ติฯ

    ‘‘Ahaṃ, bhante, ekaṃ āpattiṃ āpajjiṃ sañcetanikaṃ sukkavissaṭṭhiṃ ekāhapaṭicchannaṃ, sohaṃ saṅghaṃ ekissā āpattiyā sañcetanikāya sukkavissaṭṭhiyā ekāhapaṭicchannāya ekāhaparivāsaṃ yāciṃ, tassa me saṅgho ekissā āpattiyā sañcetanikāya sukkavissaṭṭhiyā ekāhapaṭicchannāya ekāhaparivāsaṃ adāsi, sohaṃ parivasāmi – ‘vedayāmahaṃ, bhante, vedayatī’ti maṃ saṅgho dhāretū’’ti.

    อิมญฺจ ปนตฺถํ คเหตฺวา ยาย กายจิ ภาสาย อาโรเจตุํ วฎฺฎติเยวฯ อาโรเจตฺวา สเจ นิกฺขิปิตุกาโม, วุตฺตนเยเนว สงฺฆมเชฺฌ นิกฺขิปิตพฺพํฯ มาฬกโต ภิกฺขูสุ นิกฺขเนฺตสุ เอกสฺสาปิ สนฺติเก นิกฺขิปิตุํ วฎฺฎติฯ มาฬกโต นิกฺขมิตฺวา สติํ ปฎิลภเนฺตน สหคจฺฉนฺตสฺส สนฺติเก นิกฺขิปิตพฺพํฯ สเจ โสปิ ปกฺกโนฺต, อญฺญสฺส ยสฺส มาฬเก นาโรจิตํ, ตสฺส อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพํฯ อาโรเจเนฺตน จ อวสาเน ‘‘เวทยตีติ มํ อายสฺมา ธาเรตู’’ติ วตฺตพฺพํฯ ทฺวินฺนํ อาโรเจเนฺตน ‘‘อายสฺมนฺตา ธาเรนฺตู’’ติ, ติณฺณํ อาโรเจเนฺตน ‘‘อายสฺมโนฺต ธาเรนฺตู’’ติ วตฺตพฺพํฯ นิกฺขิตฺตกาลโต ปฎฺฐาย ปกตตฺตฎฺฐาเน ติฎฺฐติฯ

    Imañca panatthaṃ gahetvā yāya kāyaci bhāsāya ārocetuṃ vaṭṭatiyeva. Ārocetvā sace nikkhipitukāmo, vuttanayeneva saṅghamajjhe nikkhipitabbaṃ. Māḷakato bhikkhūsu nikkhantesu ekassāpi santike nikkhipituṃ vaṭṭati. Māḷakato nikkhamitvā satiṃ paṭilabhantena sahagacchantassa santike nikkhipitabbaṃ. Sace sopi pakkanto, aññassa yassa māḷake nārocitaṃ, tassa ārocetvā nikkhipitabbaṃ. Ārocentena ca avasāne ‘‘vedayatīti maṃ āyasmā dhāretū’’ti vattabbaṃ. Dvinnaṃ ārocentena ‘‘āyasmantā dhārentū’’ti, tiṇṇaṃ ārocentena ‘‘āyasmanto dhārentū’’ti vattabbaṃ. Nikkhittakālato paṭṭhāya pakatattaṭṭhāne tiṭṭhati.

    สเจ อปฺปภิกฺขุโก วิหาโร โหติ, สภาคา ภิกฺขู วสนฺติ, วตฺตํ อนิกฺขิปิตฺวา วิหาเรเยว รตฺติปริคฺคโห กาตโพฺพฯ อถ น สกฺกา โสเธตุํ, วุตฺตนเยเนว วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา ปจฺจูสสมเย เอเกน ภิกฺขุนา สทฺธิํ มานตฺตวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว อุปจารสีมํ อติกฺกมิตฺวา มหามคฺคา โอกฺกมฺม ปฎิจฺฉเนฺน ฐาเน นิสีทิตฺวา อโนฺตอรุเณเยว วุตฺตนเยเนว วตฺตํ สมาทิยิตฺวา ตสฺส ภิกฺขุโน ปริวาโส อาโรเจตโพฺพฯ อาโรเจเนฺตน สเจ นวกตโร โหติ, ‘‘อาวุโส’’ติ วตฺตพฺพํฯ สเจ วุฑฺฒตโร, ‘‘ภเนฺต’’ติ วตฺตพฺพํฯ สเจ อโญฺญ โกจิ ภิกฺขุ เกนจิเทว กรณีเยน ตํ ฐานํ อาคจฺฉติ, สเจ เอส ตํ ปสฺสติ, สทฺทํ วาสฺส สุณาติ, อาโรเจตพฺพํ; อนาโรเจนฺตสฺส รตฺติเจฺฉโท เจว วตฺตเภโท จฯ อถ ทฺวาทสหตฺถํ อุปจารํ โอกฺกมิตฺวา อชานนฺตเสฺสว คจฺฉติ, รตฺติเจฺฉโทเยว โหติ, วตฺตเภโท ปน นตฺถิฯ

    Sace appabhikkhuko vihāro hoti, sabhāgā bhikkhū vasanti, vattaṃ anikkhipitvā vihāreyeva rattipariggaho kātabbo. Atha na sakkā sodhetuṃ, vuttanayeneva vattaṃ nikkhipitvā paccūsasamaye ekena bhikkhunā saddhiṃ mānattavaṇṇanāyaṃ vuttanayeneva upacārasīmaṃ atikkamitvā mahāmaggā okkamma paṭicchanne ṭhāne nisīditvā antoaruṇeyeva vuttanayeneva vattaṃ samādiyitvā tassa bhikkhuno parivāso ārocetabbo. Ārocentena sace navakataro hoti, ‘‘āvuso’’ti vattabbaṃ. Sace vuḍḍhataro, ‘‘bhante’’ti vattabbaṃ. Sace añño koci bhikkhu kenacideva karaṇīyena taṃ ṭhānaṃ āgacchati, sace esa taṃ passati, saddaṃ vāssa suṇāti, ārocetabbaṃ; anārocentassa ratticchedo ceva vattabhedo ca. Atha dvādasahatthaṃ upacāraṃ okkamitvā ajānantasseva gacchati, ratticchedoyeva hoti, vattabhedo pana natthi.

    อุคฺคเต อรุเณ วตฺตํ นิกฺขิปิตพฺพํฯ สเจ โส ภิกฺขุ เกนจิเทว กรณีเยน ปกฺกโนฺต โหติ, ยํ อญฺญํ สพฺพปฐมํ ปสฺสติ, ตสฺส อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพํฯ สเจ ปน กญฺจิ น ปสฺสติ, วิหารํ คนฺตฺวา อตฺตนา สทฺธิํ คตภิกฺขุสฺส สนฺติเก นิกฺขิปิตพฺพนฺติ มหาสุมเตฺถโร อาหฯ มหาปทุมเตฺถโร ปน ‘‘ยํ ปฐมํ ปสฺสติ, ตสฺส อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพํ, อยํ นิกฺขิตฺตวตฺตสฺส ปริหาโร’’ติ อาหฯ

    Uggate aruṇe vattaṃ nikkhipitabbaṃ. Sace so bhikkhu kenacideva karaṇīyena pakkanto hoti, yaṃ aññaṃ sabbapaṭhamaṃ passati, tassa ārocetvā nikkhipitabbaṃ. Sace pana kañci na passati, vihāraṃ gantvā attanā saddhiṃ gatabhikkhussa santike nikkhipitabbanti mahāsumatthero āha. Mahāpadumatthero pana ‘‘yaṃ paṭhamaṃ passati, tassa ārocetvā nikkhipitabbaṃ, ayaṃ nikkhittavattassa parihāro’’ti āha.

    เอวํ ยตฺตกานิ ทิวสานิ อาปตฺติ ปฎิจฺฉนฺนา โหติ, ตตฺตกานิ ตโต อธิกตรานิ วา กุกฺกุจฺจวิโนทนตฺถาย ปริวสิตฺวา สงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา วตฺตํ สมาทิยิตฺวา มานตฺตํ ยาจิตพฺพํฯ อยญฺหิ วเตฺต สมาทิเนฺน เอว มานตฺตารโห โหติ นิกฺขิตฺตวเตฺตน ปริวุตฺถตฺตาฯ อนิกฺขิตฺตวตฺตสฺส ปน ปุน สมาทานกิจฺจํ นตฺถิ, โส หิ ปฎิจฺฉนฺนทิวสาติกฺกเมเนว มานตฺตารโห โหติ, ตสฺมา ตสฺส มานตฺตํ ทาตพฺพเมวฯ อิทํ ปฎิจฺฉนฺนมานตฺตํ นามฯ ตํ เทเนฺตน สเจ เอกาปตฺติ โหติ , ปาฬิยํ วุตฺตนเยเนว ทาตพฺพํฯ อถ เทฺว วา ติโสฺส วา ‘‘โสหํ ปริวุตฺถปริวาโส สงฺฆํ ทฺวินฺนํ อาปตฺตีนํ ติสฺสนฺนํ อาปตฺตีนํ เอกาหปฎิจฺฉนฺนานํ ฉารตฺตํ มานตฺตํ ยาจามี’’ติ ปริวาเส วุตฺตนเยเนว อาปตฺติโย จ ทิวเส จ สลฺลเกฺขตฺวา โยชนา กาตพฺพาฯ

    Evaṃ yattakāni divasāni āpatti paṭicchannā hoti, tattakāni tato adhikatarāni vā kukkuccavinodanatthāya parivasitvā saṅghaṃ upasaṅkamitvā vattaṃ samādiyitvā mānattaṃ yācitabbaṃ. Ayañhi vatte samādinne eva mānattāraho hoti nikkhittavattena parivutthattā. Anikkhittavattassa pana puna samādānakiccaṃ natthi, so hi paṭicchannadivasātikkameneva mānattāraho hoti, tasmā tassa mānattaṃ dātabbameva. Idaṃ paṭicchannamānattaṃ nāma. Taṃ dentena sace ekāpatti hoti , pāḷiyaṃ vuttanayeneva dātabbaṃ. Atha dve vā tisso vā ‘‘sohaṃ parivutthaparivāso saṅghaṃ dvinnaṃ āpattīnaṃ tissannaṃ āpattīnaṃ ekāhapaṭicchannānaṃ chārattaṃ mānattaṃ yācāmī’’ti parivāse vuttanayeneva āpattiyo ca divase ca sallakkhetvā yojanā kātabbā.

    อปฺปฎิจฺฉนฺนาปตฺติํ ปฎิจฺฉนฺนาปตฺติยา สโมธาเนตฺวาปิ ทาตุํ วฎฺฎติฯ กถํ? ปฎิจฺฉนฺนาย เอกาหปริวาสํ วสิตฺวา –

    Appaṭicchannāpattiṃ paṭicchannāpattiyā samodhānetvāpi dātuṃ vaṭṭati. Kathaṃ? Paṭicchannāya ekāhaparivāsaṃ vasitvā –

    ‘‘อหํ, ภเนฺต, เอกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิํ สเญฺจตนิกํ สุกฺกวิสฺสฎฺฐิํ เอกาหปฎิจฺฉนฺนํ, โสหํ สงฺฆํ เอกิสฺสา อาปตฺติยา สเญฺจตนิกาย สุกฺกวิสฺสฎฺฐิยา เอกาหปฎิจฺฉนฺนาย เอกาหปริวาสํ ยาจิํ, ตสฺส เม สโงฺฆ เอกิสฺสา อาปตฺติยา สเญฺจตนิกาย สุกฺกวิสฺสฎฺฐิยา เอกาหปฎิจฺฉนฺนาย เอกาหปริวาสํ อทาสิ, โสหํ ปริวุตฺถปริวาโส ฯ อหํ, ภเนฺต, เอกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิํ สเญฺจตนิกํ สุกฺกวิสฺสฎฺฐิํ อปฺปฎิจฺฉนฺนํฯ โสหํ, ภเนฺต, สงฺฆํ ตาสํ อาปตฺตีนํ สเญฺจตนิกานํ สุกฺกวิสฺสฎฺฐีนํ ปฎิจฺฉนฺนาย จ อปฺปฎิจฺฉนฺนาย จ ฉารตฺตํ มานตฺตํ ยาจามี’’ติฯ

    ‘‘Ahaṃ, bhante, ekaṃ āpattiṃ āpajjiṃ sañcetanikaṃ sukkavissaṭṭhiṃ ekāhapaṭicchannaṃ, sohaṃ saṅghaṃ ekissā āpattiyā sañcetanikāya sukkavissaṭṭhiyā ekāhapaṭicchannāya ekāhaparivāsaṃ yāciṃ, tassa me saṅgho ekissā āpattiyā sañcetanikāya sukkavissaṭṭhiyā ekāhapaṭicchannāya ekāhaparivāsaṃ adāsi, sohaṃ parivutthaparivāso . Ahaṃ, bhante, ekaṃ āpattiṃ āpajjiṃ sañcetanikaṃ sukkavissaṭṭhiṃ appaṭicchannaṃ. Sohaṃ, bhante, saṅghaṃ tāsaṃ āpattīnaṃ sañcetanikānaṃ sukkavissaṭṭhīnaṃ paṭicchannāya ca appaṭicchannāya ca chārattaṃ mānattaṃ yācāmī’’ti.

    อถสฺส ตทนุรูปํ กมฺมวาจํ กตฺวา มานตฺตํ ทาตพฺพํฯ สเจ ปฎิจฺฉนฺนา เทฺว, อปฺปฎิจฺฉนฺนา เอกา ‘‘ปฎิจฺฉนฺนานญฺจ อปฺปฎิจฺฉนฺนาย จา’’ติ วตฺตพฺพํฯ อถ ปฎิจฺฉนฺนา เอกา, อปฺปฎิจฺฉนฺนา เทฺว, ‘‘ปฎิจฺฉนฺนาย จ อปฺปฎิจฺฉนฺนานญฺจา’’ติ วตฺตพฺพํฯ สเจ ปฎิจฺฉนฺนาปิ เทฺว, อปฺปฎิจฺฉนฺนาปิ เทฺว, ‘‘ปฎิจฺฉนฺนานญฺจ อปฺปฎิจฺฉนฺนานญฺจา’’ติ วตฺตพฺพํฯ สพฺพตฺถ อนุรูปํ กมฺมวาจํ กตฺวา มานตฺตํ ทาตพฺพํฯ จิณฺณมานตฺตสฺส จ ตทนุรูปเมว กมฺมวาจํ กตฺวา อพฺภานํ กาตพฺพํฯ อิธ ปน เอกาปตฺติวเสน วุตฺตํฯ อิติ ยํ ปฎิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยา ปริวาสาวสาเน มานตฺตํ ทิยฺยติ, อิทํ ปฎิจฺฉนฺนมานตฺตํ นามฯ เอวเมตฺถ เอเกเนว โยชนามุเขน ปฎิจฺฉนฺนปริวาโส จ ปฎิจฺฉนฺนมานตฺตญฺจ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ปกฺขมานตฺตํ สโมธานมานตฺตญฺจ อวเสสปริวาสกถาวสาเน กถยิสฺสามฯ

    Athassa tadanurūpaṃ kammavācaṃ katvā mānattaṃ dātabbaṃ. Sace paṭicchannā dve, appaṭicchannā ekā ‘‘paṭicchannānañca appaṭicchannāya cā’’ti vattabbaṃ. Atha paṭicchannā ekā, appaṭicchannā dve, ‘‘paṭicchannāya ca appaṭicchannānañcā’’ti vattabbaṃ. Sace paṭicchannāpi dve, appaṭicchannāpi dve, ‘‘paṭicchannānañca appaṭicchannānañcā’’ti vattabbaṃ. Sabbattha anurūpaṃ kammavācaṃ katvā mānattaṃ dātabbaṃ. Ciṇṇamānattassa ca tadanurūpameva kammavācaṃ katvā abbhānaṃ kātabbaṃ. Idha pana ekāpattivasena vuttaṃ. Iti yaṃ paṭicchannāya āpattiyā parivāsāvasāne mānattaṃ diyyati, idaṃ paṭicchannamānattaṃ nāma. Evamettha ekeneva yojanāmukhena paṭicchannaparivāso ca paṭicchannamānattañca vuttanti veditabbaṃ. Pakkhamānattaṃ samodhānamānattañca avasesaparivāsakathāvasāne kathayissāma.

    สุทฺธนฺตปริวาโส สโมธานปริวาโสติ หิ เทฺว ปริวาสา อวเสสาฯ ตตฺถ ‘‘สุทฺธนฺตปริวาโส’’ นาม ปรโต อธมฺมิกมานตฺตจาราวสาเน ‘‘เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ สมฺพหุลา สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปโนฺน โหติ, อาปตฺติปริยนฺตํ น ชานาติ, รตฺติปริยนฺตํ น ชานาตี’’ติ อิมสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ อนุญฺญาตปริวาโสฯ โส ทุวิโธ – จูฬสุทฺธโนฺต, มหาสุทฺธโนฺตติฯ ทุวิโธปิ เจส รตฺติปริเจฺฉทํ สกลํ วา เอกจฺจํ วา อชานนฺตสฺส จ อสฺสรนฺตสฺส จ ตตฺถ เวมติกสฺส จ ทาตโพฺพฯ อาปตฺติปริยนฺตํ ปน เอตฺตกา อหํ อาปตฺติโย อาปโนฺนติ ชานาตุ วา มา วา, อการณเมตํฯ

    Suddhantaparivāso samodhānaparivāsoti hi dve parivāsā avasesā. Tattha ‘‘suddhantaparivāso’’ nāma parato adhammikamānattacārāvasāne ‘‘tena kho pana samayena aññataro bhikkhu sambahulā saṅghādisesā āpattiyo āpanno hoti, āpattipariyantaṃ na jānāti, rattipariyantaṃ na jānātī’’ti imasmiṃ vatthusmiṃ anuññātaparivāso. So duvidho – cūḷasuddhanto, mahāsuddhantoti. Duvidhopi cesa rattiparicchedaṃ sakalaṃ vā ekaccaṃ vā ajānantassa ca assarantassa ca tattha vematikassa ca dātabbo. Āpattipariyantaṃ pana ettakā ahaṃ āpattiyo āpannoti jānātu vā mā vā, akāraṇametaṃ.

    ตตฺถ โย อุปสมฺปทโต ปฎฺฐาย อนุโลมกฺกเมน วา อาโรจิตทิวสโต ปฎฺฐาย ปฎิโลมกฺกเมน วา ‘‘อสุกญฺจ อสุกญฺจ ทิวสํ วา ปกฺขํ วา มาสํ วา สํวจฺฉรํ วา ตว สุทฺธภาวํ ชานาสี’’ติ ปุจฺฉิยมาโน ‘‘อาม, ภเนฺต, ชานามิ, เอตฺตกํ นาม กาลํ อหํ สุโทฺธ’’ติ วทติ, ตสฺส ทิโนฺน สุทฺธนฺตปริวาโส ‘‘จูฬสุทฺธโนฺต’’ติ วุจฺจติฯ

    Tattha yo upasampadato paṭṭhāya anulomakkamena vā ārocitadivasato paṭṭhāya paṭilomakkamena vā ‘‘asukañca asukañca divasaṃ vā pakkhaṃ vā māsaṃ vā saṃvaccharaṃ vā tava suddhabhāvaṃ jānāsī’’ti pucchiyamāno ‘‘āma, bhante, jānāmi, ettakaṃ nāma kālaṃ ahaṃ suddho’’ti vadati, tassa dinno suddhantaparivāso ‘‘cūḷasuddhanto’’ti vuccati.

    ตํ คเหตฺวา ปริวสเนฺตน ยตฺตกํ กาลํ อตฺตโน สุทฺธิํ ชานาติ, ตตฺตกํ อปเนตฺวา อวเสสํ มาสํ วา เทฺวมาสํ วา ปริวสิตพฺพํฯ สเจ มาสมตฺตํ อสุโทฺธมฺหีติ สลฺลเกฺขตฺวา อคฺคเหสิ ปริวสโนฺต จ ปุน อญฺญํ มาสํ สรติ, ตมฺปิ มาสํ ปริวสิตพฺพเมวฯ ปุน ปริวาสทานกิจฺจํ นตฺถิฯ อถ เทฺวมาสํ อสุโทฺธมฺหีติ สลฺลเกฺขตฺวา อคฺคเหสิ, ปริวสโนฺต จ มาสมตฺตเมวาหํ อสุโทฺธมฺหีติ สนฺนิฎฺฐานํ กโรติ, มาสเมว ปริวสิตพฺพํฯ ปุน ปริวาสทานกิจฺจํ นตฺถิฯ อยญฺหิ สุทฺธนฺตปริวาโส นาม อุทฺธมฺปิ อาโรหติ, เหฎฺฐาปิ โอโรหติ, อิทมสฺส ลกฺขณํฯ อญฺญสฺมิํ ปน อาปตฺติวุฎฺฐาเน อิทํ ลกฺขณํ – โย อปฺปฎิจฺฉนฺนํ อาปตฺติํ ปฎิจฺฉนฺนาติ วินยกมฺมํ กโรติ, ตสฺส อาปตฺติ วุฎฺฐาติฯ โย ปฎิจฺฉนฺนํ อปฺปฎิจฺฉนฺนาติ วินยกมฺมํ กโรติ, ตสฺส น วุฎฺฐาติฯ อจิรปฎิจฺฉนฺนํ จิรปฎิจฺฉนฺนาติ กโรนฺตสฺสาปิ วุฎฺฐาติฯ จิรปฎิจฺฉนฺนํ อจิรปฎิจฺฉนฺนาติ กโรนฺตสฺส น วุฎฺฐาติฯ เอกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตฺวา สมฺพหุลาติ กโรนฺตสฺสาปิ วุฎฺฐาติ, เอกํ วินา สมฺพหุลานํ อภาวโตฯ สมฺพหุลา ปน อาปชฺชิตฺวา เอกํ อาปชฺชินฺติ กโรนฺตสฺส น วุฎฺฐาติฯ

    Taṃ gahetvā parivasantena yattakaṃ kālaṃ attano suddhiṃ jānāti, tattakaṃ apanetvā avasesaṃ māsaṃ vā dvemāsaṃ vā parivasitabbaṃ. Sace māsamattaṃ asuddhomhīti sallakkhetvā aggahesi parivasanto ca puna aññaṃ māsaṃ sarati, tampi māsaṃ parivasitabbameva. Puna parivāsadānakiccaṃ natthi. Atha dvemāsaṃ asuddhomhīti sallakkhetvā aggahesi, parivasanto ca māsamattamevāhaṃ asuddhomhīti sanniṭṭhānaṃ karoti, māsameva parivasitabbaṃ. Puna parivāsadānakiccaṃ natthi. Ayañhi suddhantaparivāso nāma uddhampi ārohati, heṭṭhāpi orohati, idamassa lakkhaṇaṃ. Aññasmiṃ pana āpattivuṭṭhāne idaṃ lakkhaṇaṃ – yo appaṭicchannaṃ āpattiṃ paṭicchannāti vinayakammaṃ karoti, tassa āpatti vuṭṭhāti. Yo paṭicchannaṃ appaṭicchannāti vinayakammaṃ karoti, tassa na vuṭṭhāti. Acirapaṭicchannaṃ cirapaṭicchannāti karontassāpi vuṭṭhāti. Cirapaṭicchannaṃ acirapaṭicchannāti karontassa na vuṭṭhāti. Ekaṃ āpattiṃ āpajjitvā sambahulāti karontassāpi vuṭṭhāti, ekaṃ vinā sambahulānaṃ abhāvato. Sambahulā pana āpajjitvā ekaṃ āpajjinti karontassa na vuṭṭhāti.

    โย ปน ยถาวุเตฺตน อนุโลมปฎิโลมนเยน ปุจฺฉิยมาโนปิ รตฺติปริยนฺตํ น ชานาติ เนว สรติ เวมติโก วา โหติ, ตสฺส ทิโนฺน สุทฺธนฺตปริวาโส ‘‘มหาสุทฺธโนฺต’’ติ วุจฺจติฯ ตํ คเหตฺวา คหิตทิวสโต ปฎฺฐาย ยาว อุปสมฺปททิวโส, ตาว รตฺติโย คเณตฺวา ปริวสิตพฺพํฯ อยํ อุทฺธํ นาโรหติ, เหฎฺฐา ปน โอโรหติฯ ตสฺมา สเจ ปริวสโนฺต รตฺติปริเจฺฉเท สนฺนิฎฺฐานํ กโรติ, มาโส วา สํวจฺฉโร วา มยฺหํ อาปนฺนสฺสาติ มาสํ วา สํวจฺฉรํ วา ปริวสิตพฺพํฯ ปริวาสยาจนทานลกฺขณํ ปเนตฺถ ปรโต ปาฬิยํ อาคตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ กมฺมวาจาปริโยสาเน วตฺตสมาทานมานตฺตอพฺภานานิ วุตฺตนยาเนวฯ อยํ สุทฺธนฺตปริวาโส นามฯ

    Yo pana yathāvuttena anulomapaṭilomanayena pucchiyamānopi rattipariyantaṃ na jānāti neva sarati vematiko vā hoti, tassa dinno suddhantaparivāso ‘‘mahāsuddhanto’’ti vuccati. Taṃ gahetvā gahitadivasato paṭṭhāya yāva upasampadadivaso, tāva rattiyo gaṇetvā parivasitabbaṃ. Ayaṃ uddhaṃ nārohati, heṭṭhā pana orohati. Tasmā sace parivasanto rattiparicchede sanniṭṭhānaṃ karoti, māso vā saṃvaccharo vā mayhaṃ āpannassāti māsaṃ vā saṃvaccharaṃ vā parivasitabbaṃ. Parivāsayācanadānalakkhaṇaṃ panettha parato pāḷiyaṃ āgatanayeneva veditabbaṃ. Kammavācāpariyosāne vattasamādānamānattaabbhānāni vuttanayāneva. Ayaṃ suddhantaparivāso nāma.

    ‘‘สโมธานปริวาโส’’ นาม ติวิโธ โหติ – โอธานสโมธาโน, อคฺฆสโมธาโน, มิสฺสกสโมธาโนติฯ ตตฺถ ‘‘โอธานสโมธาโน’’ นาม – อนฺตราปตฺติํ อาปชฺชิตฺวา ปฎิจฺฉาเทนฺตสฺส ปริวุตฺถทิวเส โอธุนิตฺวา มเกฺขตฺวา ปุริมาย อาปตฺติยา มูลทิวสปริเจฺฉเท ปจฺฉา อาปนฺนํ อาปตฺติํ สโมทหิตฺวา ทาตพฺพปริวาโส วุจฺจติฯ โส ปรโต ‘‘เตน หิ ภิกฺขเว สโงฺฆ อุทายิํ ภิกฺขุํ อนฺตรา เอกิสฺสา อาปตฺติยา สเญฺจตนิกาย สุกฺกวิสฺสฎฺฐิยา ปญฺจาหปฎิจฺฉนฺนาย มูลาย ปฎิกสฺสิตฺวา ปุริมาย อาปตฺติยา สโมธานปริวาสํ เทตู’’ติ อิโต ปฎฺฐาย วิตฺถารโต ปาฬิยํเยว อาคโตฯ

    ‘‘Samodhānaparivāso’’ nāma tividho hoti – odhānasamodhāno, agghasamodhāno, missakasamodhānoti. Tattha ‘‘odhānasamodhāno’’ nāma – antarāpattiṃ āpajjitvā paṭicchādentassa parivutthadivase odhunitvā makkhetvā purimāya āpattiyā mūladivasaparicchede pacchā āpannaṃ āpattiṃ samodahitvā dātabbaparivāso vuccati. So parato ‘‘tena hi bhikkhave saṅgho udāyiṃ bhikkhuṃ antarā ekissā āpattiyā sañcetanikāya sukkavissaṭṭhiyā pañcāhapaṭicchannāya mūlāya paṭikassitvā purimāya āpattiyā samodhānaparivāsaṃ detū’’ti ito paṭṭhāya vitthārato pāḷiyaṃyeva āgato.

    อยํ ปเนตฺถ วินิจฺฉโย – โย ปฎิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยา ปริวาสํ คเหตฺวา ปริวสโนฺต วา มานตฺตารโห วา มานตฺตํ จรโนฺต วา อพฺภานารโห วา อญฺญํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตฺวา ปุริมาย อาปตฺติยา สมา วา อูนตรา วา รตฺติโย ปฎิจฺฉาเทติ, ตสฺส มูลายปฎิกสฺสเนน เต ปริวุตฺถทิวเส จ มานตฺตจิณฺณทิวเส จ สเพฺพ โอธุนิตฺวา อทิวเส กตฺวา ปจฺฉา อาปนฺนาปตฺติํ มูลาปตฺติยํ สโมธาย ปริวาโส ทาตโพฺพฯ เตน สเจ มูลาปตฺติ ปกฺขปฎิจฺฉนฺนา, อนฺตราปตฺติ อูนกปกฺขปฎิจฺฉนฺนา, ปุน ปกฺขเมว ปริวาโส ปริวสิตโพฺพฯ อถาปิ อนฺตราปตฺติ ปกฺขปฎิจฺฉนฺนาว ปกฺขเมว ปริวสิตพฺพํฯ เอเตนุปาเยน ยาว สฎฺฐิวสฺสปฎิจฺฉนฺนา มูลาปตฺติ, ตาว วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ สฎฺฐิวสฺสานิ ปริวสิตฺวา มานตฺตารโห หุตฺวาปิ หิ เอกทิวสํ อนฺตราปตฺติํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา ปุนปิ สฎฺฐิวสฺสานิ ปริวาสารโห โหติฯ

    Ayaṃ panettha vinicchayo – yo paṭicchannāya āpattiyā parivāsaṃ gahetvā parivasanto vā mānattāraho vā mānattaṃ caranto vā abbhānāraho vā aññaṃ āpattiṃ āpajjitvā purimāya āpattiyā samā vā ūnatarā vā rattiyo paṭicchādeti, tassa mūlāyapaṭikassanena te parivutthadivase ca mānattaciṇṇadivase ca sabbe odhunitvā adivase katvā pacchā āpannāpattiṃ mūlāpattiyaṃ samodhāya parivāso dātabbo. Tena sace mūlāpatti pakkhapaṭicchannā, antarāpatti ūnakapakkhapaṭicchannā, puna pakkhameva parivāso parivasitabbo. Athāpi antarāpatti pakkhapaṭicchannāva pakkhameva parivasitabbaṃ. Etenupāyena yāva saṭṭhivassapaṭicchannā mūlāpatti, tāva vinicchayo veditabbo. Saṭṭhivassāni parivasitvā mānattāraho hutvāpi hi ekadivasaṃ antarāpattiṃ paṭicchādetvā punapi saṭṭhivassāni parivāsāraho hoti.

    สเจ ปน อนฺตราปตฺติ มูลาปตฺติโต อติเรกปฎิจฺฉนฺนา โหติ, ตตฺถ ‘‘กิํ กาตพฺพ’’นฺติ วุเตฺต มหาสุมเตฺถโร อาห – ‘‘อเตกิโจฺฉ อยํ ปุคฺคโล, อเตกิโจฺฉ นาม อาวิการาเปตฺวา วิสฺสเชฺชตโพฺพ’’ติฯ มหาปทุมเตฺถโร ปนาห – ‘‘กสฺมา อเตกิโจฺฉ นาม, นนุ อยํ สมุจฺจยกฺขนฺธโก นาม พุทฺธานํ ฐิตกาลสทิโส, อาปตฺติ นาม ปฎิจฺฉนฺนา วา โหตุ อปฺปฎิจฺฉนฺนา วา สมกอูนตรอติเรกปฎิจฺฉนฺนา วา วินยธรสฺส กมฺมวาจํ โยเชตุํ สมตฺถภาโวเยเวตฺถ ปมาณํ, ตสฺมา ยา อติเรกปฎิจฺฉนฺนา โหติ, ตํ มูลาปตฺติํ กตฺวา ตตฺถ อิตรํ สโมธาย ปริวาโส ทาตโพฺพ’’ติฯ อยํ ‘‘โอธานสโมธาโน’’ นามฯ

    Sace pana antarāpatti mūlāpattito atirekapaṭicchannā hoti, tattha ‘‘kiṃ kātabba’’nti vutte mahāsumatthero āha – ‘‘atekiccho ayaṃ puggalo, atekiccho nāma āvikārāpetvā vissajjetabbo’’ti. Mahāpadumatthero panāha – ‘‘kasmā atekiccho nāma, nanu ayaṃ samuccayakkhandhako nāma buddhānaṃ ṭhitakālasadiso, āpatti nāma paṭicchannā vā hotu appaṭicchannā vā samakaūnataraatirekapaṭicchannā vā vinayadharassa kammavācaṃ yojetuṃ samatthabhāvoyevettha pamāṇaṃ, tasmā yā atirekapaṭicchannā hoti, taṃ mūlāpattiṃ katvā tattha itaraṃ samodhāya parivāso dātabbo’’ti. Ayaṃ ‘‘odhānasamodhāno’’ nāma.

    ‘‘อคฺฆสโมธาโน’’ นาม สมฺพหุลาสุ อาปตฺตีสุ ยา เอกา วา เทฺว วา ติโสฺส วา สมฺพหุลา วา อาปตฺติโย สพฺพจิรปฎิจฺฉนฺนาโย, ตาสํ อเคฺฆน สโมธาย ตาสํ รตฺติปริเจฺฉทวเสน อวเสสานํ อูนตรปฎิจฺฉนฺนานํ อาปตฺตีนํ ปริวาโส ทิยฺยติฯ อยํ วุจฺจติ อคฺฆสโมธาโนฯ โสปิ ปรโต ‘‘เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ สมฺพหุลา สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปโนฺน โหติ, เอกา อาปตฺติ เอกาหปฎิจฺฉนฺนา เอกา อาปตฺติ ทฺวีหปฎิจฺฉนฺนา’’ติอาทินา นเยน ปาฬิยํ อาคโตเยวฯ

    ‘‘Agghasamodhāno’’ nāma sambahulāsu āpattīsu yā ekā vā dve vā tisso vā sambahulā vā āpattiyo sabbacirapaṭicchannāyo, tāsaṃ agghena samodhāya tāsaṃ rattiparicchedavasena avasesānaṃ ūnatarapaṭicchannānaṃ āpattīnaṃ parivāso diyyati. Ayaṃ vuccati agghasamodhāno. Sopi parato ‘‘tena kho pana samayena aññataro bhikkhu sambahulā saṅghādisesā āpattiyo āpanno hoti, ekā āpatti ekāhapaṭicchannā ekā āpatti dvīhapaṭicchannā’’tiādinā nayena pāḷiyaṃ āgatoyeva.

    ยสฺส ปน สตํ อาปตฺติโย ทสาหปฎิจฺฉนฺนา, อปรมฺปิ สตํ อาปตฺติโย ทสาหปฎิจฺฉนฺนาติ เอวํ ทสกฺขตฺตุํ กตฺวา อาปตฺติสหสฺสํ ทิวสสตปฎิจฺฉนฺนํ โหติ, เตน กิํ กาตพฺพนฺติ? สพฺพํ สโมทหิตฺวา ทส ทิวเส ปริวสิตพฺพํฯ เอวํ เอเกเนว ทสาเหน ทิวสสตมฺปิ ปริวสิตเมว โหติฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –

    Yassa pana sataṃ āpattiyo dasāhapaṭicchannā, aparampi sataṃ āpattiyo dasāhapaṭicchannāti evaṃ dasakkhattuṃ katvā āpattisahassaṃ divasasatapaṭicchannaṃ hoti, tena kiṃ kātabbanti? Sabbaṃ samodahitvā dasa divase parivasitabbaṃ. Evaṃ ekeneva dasāhena divasasatampi parivasitameva hoti. Vuttampi cetaṃ –

    ‘‘ทสสตํ รตฺติสตํ, อาปตฺติโย ฉาทยิตฺวาน;

    ‘‘Dasasataṃ rattisataṃ, āpattiyo chādayitvāna;

    ทส รตฺติโย วสิตฺวาน, มุเจฺจยฺย ปาริวาสิโก’’ติฯ (ปริ. ๔๗๗);

    Dasa rattiyo vasitvāna, mucceyya pārivāsiko’’ti. (pari. 477);

    อยํ อคฺฆสโมธาโน นามฯ

    Ayaṃ agghasamodhāno nāma.

    ‘‘มิสฺสกสโมธาโน’’ นาม – โย นานาวตฺถุกา อาปตฺติโย เอกโต กตฺวา ทิยฺยติฯ ตตฺรายํ นโย –

    ‘‘Missakasamodhāno’’ nāma – yo nānāvatthukā āpattiyo ekato katvā diyyati. Tatrāyaṃ nayo –

    ‘‘อหํ, ภเนฺต, สมฺพหุลา สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชิํ เอกํ สุกฺกวิสฺสฎฺฐิํ, เอกํ กายสํสคฺคํ, เอกํ ทุฎฺฐุลฺลวาจํ, เอกํ อตฺตกามํ, เอกํ สญฺจริตฺตํ, เอกํ กุฎิการํ, เอกํ วิหารการํ, เอกํ ทุฎฺฐโทสํ, เอกํ อญฺญภาคิยํ, เอกํ สงฺฆเภทํ, เอกํ เภทานุวตฺตกํ, เอกํ ทุพฺพจํ, เอกํ กุลทูสกํ, โสหํ, ภเนฺต, สงฺฆํ ตาสํ อาปตฺตีนํ สโมธานปริวาสํ ยาจามี’’ติ –

    ‘‘Ahaṃ, bhante, sambahulā saṅghādisesā āpattiyo āpajjiṃ ekaṃ sukkavissaṭṭhiṃ, ekaṃ kāyasaṃsaggaṃ, ekaṃ duṭṭhullavācaṃ, ekaṃ attakāmaṃ, ekaṃ sañcarittaṃ, ekaṃ kuṭikāraṃ, ekaṃ vihārakāraṃ, ekaṃ duṭṭhadosaṃ, ekaṃ aññabhāgiyaṃ, ekaṃ saṅghabhedaṃ, ekaṃ bhedānuvattakaṃ, ekaṃ dubbacaṃ, ekaṃ kuladūsakaṃ, sohaṃ, bhante, saṅghaṃ tāsaṃ āpattīnaṃ samodhānaparivāsaṃ yācāmī’’ti –

    ติกฺขตฺตุํ ยาจาเปตฺวา ตทนุรูปาย กมฺมวาจาย ปริวาโส ทาตโพฺพฯ

    Tikkhattuṃ yācāpetvā tadanurūpāya kammavācāya parivāso dātabbo.

    เอตฺถ จ สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชิํ นานาวตฺถุกาโยติปิ สงฺฆาทิเสสา อาปตฺติโย อาปชฺชินฺติปิ เอวํ ปุเพฺพ วุตฺตนเยน วตฺถุวเสนปิ โคตฺตวเสนปิ นามวเสนปิ อาปตฺติวเสนปิ โยเชตฺวา กมฺมวาจํ กาตุํ วฎฺฎติเยวาติ อยํ มิสฺสกสโมธาโนฯ สพฺพปริวาสกมฺมวาจาวสาเน ปน นิกฺขิตฺตานิกฺขิตฺตวตฺตาทิกถา ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพาติฯ

    Ettha ca saṅghādisesā āpattiyo āpajjiṃ nānāvatthukāyotipi saṅghādisesā āpattiyo āpajjintipi evaṃ pubbe vuttanayena vatthuvasenapi gottavasenapi nāmavasenapi āpattivasenapi yojetvā kammavācaṃ kātuṃ vaṭṭatiyevāti ayaṃ missakasamodhāno. Sabbaparivāsakammavācāvasāne pana nikkhittānikkhittavattādikathā purimanayeneva veditabbāti.

    ปริวาสกถา นิฎฺฐิตาฯ

    Parivāsakathā niṭṭhitā.

    อิทานิ ยํ วุตฺตํ ‘‘ปกฺขมานตฺตญฺจ สโมธานมานตฺตญฺจ อวเสสปริวาสกถาวสาเน กถยิสฺสามา’’ติ, ตโสฺสกาโส สมฺปโตฺต, ตสฺมา วุจฺจติ – ‘‘ปกฺขมานตฺต’’นฺติ ภิกฺขุนิยา ทาตพฺพมานตฺตํฯ ตํ ปน ปฎิจฺฉนฺนายปิ อปฺปฎิจฺฉนฺนายปิ อาปตฺติยา อฑฺฒมาสเมว ทาตพฺพํฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘ครุธมฺมํ อชฺฌาปนฺนาย ภิกฺขุนิยา อุภโตสเงฺฆ ปกฺขมานตฺตํ จริตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. ๔๐๓)ฯ ตํ ปน ภิกฺขุนีหิ อตฺตโน สีมํ โสเธตฺวา วิหารสีมาย วา วิหารสีมํ โสเธตุํ อสโกฺกนฺตีหิ ขณฺฑสีมาย วา สพฺพนฺติเมน ปริเจฺฉเทน จตุวคฺคคณํ สนฺนิปาตาเปตฺวา ทาตพฺพํฯ สเจ เอกา อาปตฺติ โหติ เอกิสฺสา วเสน, สเจ เทฺว วา ติโสฺส วา สมฺพหุลา วา เอกวตฺถุกา วา นานาวตฺถุกา วา ตาสํ ตาสํ วเสน วตฺถุโคตฺตนามอาปตฺตีสุ ยํ ยํ อิจฺฉติ ตํ ตํ อาทาย โยชนา กาตพฺพาฯ

    Idāni yaṃ vuttaṃ ‘‘pakkhamānattañca samodhānamānattañca avasesaparivāsakathāvasāne kathayissāmā’’ti, tassokāso sampatto, tasmā vuccati – ‘‘pakkhamānatta’’nti bhikkhuniyā dātabbamānattaṃ. Taṃ pana paṭicchannāyapi appaṭicchannāyapi āpattiyā aḍḍhamāsameva dātabbaṃ. Vuttañhetaṃ – ‘‘garudhammaṃ ajjhāpannāya bhikkhuniyā ubhatosaṅghe pakkhamānattaṃ caritabba’’nti (cūḷava. 403). Taṃ pana bhikkhunīhi attano sīmaṃ sodhetvā vihārasīmāya vā vihārasīmaṃ sodhetuṃ asakkontīhi khaṇḍasīmāya vā sabbantimena paricchedena catuvaggagaṇaṃ sannipātāpetvā dātabbaṃ. Sace ekā āpatti hoti ekissā vasena, sace dve vā tisso vā sambahulā vā ekavatthukā vā nānāvatthukā vā tāsaṃ tāsaṃ vasena vatthugottanāmaāpattīsu yaṃ yaṃ icchati taṃ taṃ ādāya yojanā kātabbā.

    ตตฺริทํ เอกาปตฺติวเสน มุขมตฺตทสฺสนํ, ตาย อาปนฺนาย ภิกฺขุนิยา ภิกฺขุนิสงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา วุฑฺฒานํ ภิกฺขุนีนํ ปาเท วนฺทิตฺวา อุกฺกุฎิกํ นิสีทิตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – ‘‘อหํ, อเยฺย, เอกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิํ คามนฺตรํ, สาหํ, อเยฺย, เอกิสฺสา อาปตฺติยา คามนฺตราย ปกฺขมานตฺตํ ยาจามี’’ติฯ

    Tatridaṃ ekāpattivasena mukhamattadassanaṃ, tāya āpannāya bhikkhuniyā bhikkhunisaṅghaṃ upasaṅkamitvā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā vuḍḍhānaṃ bhikkhunīnaṃ pāde vanditvā ukkuṭikaṃ nisīditvā añjaliṃ paggahetvā evamassa vacanīyo – ‘‘ahaṃ, ayye, ekaṃ āpattiṃ āpajjiṃ gāmantaraṃ, sāhaṃ, ayye, ekissā āpattiyā gāmantarāya pakkhamānattaṃ yācāmī’’ti.

    เอวํ ติกฺขตฺตุํ ยาจาเปตฺวา พฺยตฺตาย ภิกฺขุนิยา ปฎิพลาย สโงฺฆ ญาเปตโพฺพ –

    Evaṃ tikkhattuṃ yācāpetvā byattāya bhikkhuniyā paṭibalāya saṅgho ñāpetabbo –

    ‘‘สุณาตุ เม อเยฺย สโงฺฆ, อยํ อิตฺถนฺนามา ภิกฺขุนี เอกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิ คามนฺตรํ, สา สงฺฆํ เอกิสฺสา อาปตฺติยา คามนฺตราย ปกฺขมานตฺตํ ยาจติ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สโงฺฆ อิตฺถนฺนามาย ภิกฺขุนิยา เอกิสฺสา อาปตฺติยา คามนฺตราย ปกฺขมานตฺตํ ทเทยฺย, เอสา ญตฺติฯ

    ‘‘Suṇātu me ayye saṅgho, ayaṃ itthannāmā bhikkhunī ekaṃ āpattiṃ āpajji gāmantaraṃ, sā saṅghaṃ ekissā āpattiyā gāmantarāya pakkhamānattaṃ yācati, yadi saṅghassa pattakallaṃ, saṅgho itthannāmāya bhikkhuniyā ekissā āpattiyā gāmantarāya pakkhamānattaṃ dadeyya, esā ñatti.

    ‘‘สุณาตุ เม อเยฺย สโงฺฆ, อยํ…เป.… ทุติยมฺปิ… ตติยมฺปิ เอตมตฺถํ วทามิฯ สุณาตุ เม อเยฺย สโงฺฆ…เป.… เทติ… ทินฺนํ สเงฺฆน อิตฺถนฺนามาย ภิกฺขุนิยา เอกิสฺสา อาปตฺติยา คามนฺตราย ปกฺขมานตฺตํ, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี; เอวเมตํ ธารยามี’’ติฯ

    ‘‘Suṇātu me ayye saṅgho, ayaṃ…pe… dutiyampi… tatiyampi etamatthaṃ vadāmi. Suṇātu me ayye saṅgho…pe… deti… dinnaṃ saṅghena itthannāmāya bhikkhuniyā ekissā āpattiyā gāmantarāya pakkhamānattaṃ, khamati saṅghassa, tasmā tuṇhī; evametaṃ dhārayāmī’’ti.

    กมฺมวาจาปริโยสาเน วตฺตํ สมาทิยิตฺวา ภิกฺขุมานตฺตกถาย วุตฺตนเยเนว สงฺฆสฺส อาโรเจตฺวา นิกฺขิตฺตวตฺตํ วสิตุกามาย ตเตฺถว สงฺฆมเชฺฌ วา ปกฺกนฺตาสุ ภิกฺขุนีสุ เอกภิกฺขุนิยา วา ทุติยิกาย วา สนฺติเก วุตฺตนเยเนว นิกฺขิปิตพฺพํฯ อญฺญิสฺสา ปน อาคนฺตุกาย สนฺติเก อาโรเจตฺวา นิกฺขิปิตพฺพํฯ นิกฺขิตฺตกาลโต ปฎฺฐาย ปกตตฺตฎฺฐาเน ติฎฺฐติฯ ปุน สมาทิยิตฺวา อรุณํ อุฎฺฐาเปนฺติยา ปน ภิกฺขุนีนํเยว สนฺติเก วสิตุํ น ลภติฯ ‘‘อุภโตสเงฺฆ ปกฺขมานตฺตํ จริตพฺพ’’นฺติ หิ วุตฺตํฯ ตสฺมา อสฺสา อาจริยุปชฺฌายาหิ วิหารํ คนฺตฺวา สงฺคาหกปเกฺข ฐิโต เอโก มหาเถโร วา ธมฺมกถิโก วา ภิกฺขุ วตฺตโพฺพ – ‘‘เอกิสฺสา ภิกฺขุนิยา วินยกมฺมํ กตฺตพฺพมตฺถิ, ตตฺร โน อยฺยา, จตฺตาโร ภิกฺขู เปเสถา’’ติฯ สงฺคหํ อกาตุํ น ลพฺภติ, เปเสสฺสามีติ วตฺตพฺพํฯ จตูหิ ปกตตฺตภิกฺขุนีหิ มานตฺตจารินิํ ภิกฺขุนิํ คเหตฺวา อโนฺตอรุเณเยว นิกฺขมิตฺวา คามูปจารโต เทฺว เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมิตฺวา มคฺคา โอกฺกมฺม คุมฺพวติอาทีหิ ปฎิจฺฉนฺนฎฺฐาเน นิสีทิตพฺพํฯ วิหารูปจารโตปิ เทฺว เลฑฺฑุปาตา อติกฺกมิตพฺพา จตูหิ ปกตตฺตภิกฺขูหิปิ ตตฺถ คนฺตพฺพํฯ คนฺตฺวา ปน ภิกฺขุนีหิ สทฺธิํ น เอกฎฺฐาเน นิสีทิตพฺพํ, ปฎิกฺกมิตฺวา อวิทูรฎฺฐาเน นิสีทิตพฺพํฯ กุรุนฺทิมหาปจฺจรีสุ ปน ‘‘ภิกฺขุนีหิปิ พฺยตฺตํ เอกํ วา เทฺว วา อุปาสิกาโย ภิกฺขูหิปิ เอกํ วา เทฺว วา อุปาสเก อตฺตรกฺขณตฺถาย คเหตฺวา คนฺตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํฯ กุรุนฺทิยํเยว จ ภิกฺขุนุปสฺสยสฺส จ วิหารสฺส จ อุปจารํ มุญฺจิตุํ วฎฺฎตี’’ติ วุตฺตํ, คามสฺสาติ น วุตฺตํฯ

    Kammavācāpariyosāne vattaṃ samādiyitvā bhikkhumānattakathāya vuttanayeneva saṅghassa ārocetvā nikkhittavattaṃ vasitukāmāya tattheva saṅghamajjhe vā pakkantāsu bhikkhunīsu ekabhikkhuniyā vā dutiyikāya vā santike vuttanayeneva nikkhipitabbaṃ. Aññissā pana āgantukāya santike ārocetvā nikkhipitabbaṃ. Nikkhittakālato paṭṭhāya pakatattaṭṭhāne tiṭṭhati. Puna samādiyitvā aruṇaṃ uṭṭhāpentiyā pana bhikkhunīnaṃyeva santike vasituṃ na labhati. ‘‘Ubhatosaṅghe pakkhamānattaṃ caritabba’’nti hi vuttaṃ. Tasmā assā ācariyupajjhāyāhi vihāraṃ gantvā saṅgāhakapakkhe ṭhito eko mahāthero vā dhammakathiko vā bhikkhu vattabbo – ‘‘ekissā bhikkhuniyā vinayakammaṃ kattabbamatthi, tatra no ayyā, cattāro bhikkhū pesethā’’ti. Saṅgahaṃ akātuṃ na labbhati, pesessāmīti vattabbaṃ. Catūhi pakatattabhikkhunīhi mānattacāriniṃ bhikkhuniṃ gahetvā antoaruṇeyeva nikkhamitvā gāmūpacārato dve leḍḍupāte atikkamitvā maggā okkamma gumbavatiādīhi paṭicchannaṭṭhāne nisīditabbaṃ. Vihārūpacāratopi dve leḍḍupātā atikkamitabbā catūhi pakatattabhikkhūhipi tattha gantabbaṃ. Gantvā pana bhikkhunīhi saddhiṃ na ekaṭṭhāne nisīditabbaṃ, paṭikkamitvā avidūraṭṭhāne nisīditabbaṃ. Kurundimahāpaccarīsu pana ‘‘bhikkhunīhipi byattaṃ ekaṃ vā dve vā upāsikāyo bhikkhūhipi ekaṃ vā dve vā upāsake attarakkhaṇatthāya gahetvā gantabba’’nti vuttaṃ. Kurundiyaṃyeva ca bhikkhunupassayassa ca vihārassa ca upacāraṃ muñcituṃ vaṭṭatī’’ti vuttaṃ, gāmassāti na vuttaṃ.

    เอวํ นิสิเนฺนสุ ปน ภิกฺขูสุ จ ภิกฺขุนีสุ จ ตาย ภิกฺขุนิยา ‘‘มานตฺตํ สมาทิยามิ, วตฺตํ สมาทิยามี’’ติ วตฺตํ สมาทิยิตฺวา ภิกฺขุนีสงฺฆสฺส ตาว เอวํ อาโรเจตพฺพํ –

    Evaṃ nisinnesu pana bhikkhūsu ca bhikkhunīsu ca tāya bhikkhuniyā ‘‘mānattaṃ samādiyāmi, vattaṃ samādiyāmī’’ti vattaṃ samādiyitvā bhikkhunīsaṅghassa tāva evaṃ ārocetabbaṃ –

    ‘‘อหํ, อเยฺย, เอกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิํ คามนฺตรํ, สาหํ สงฺฆํ เอกิสฺสา อาปตฺติยา คามนฺตราย ปกฺขมานตฺตํ ยาจิํ, ตสฺส เม สโงฺฆ เอกิสฺสา อาปตฺติยา คามนฺตราย ปกฺขมานตฺตํ อทาสิ, สาหํ ปกฺขมานตฺตํ จรามิ, ‘เวทยามหํ, อเยฺย, เวทยตี’ติ มํ สโงฺฆ ธาเรตู’’ติฯ

    ‘‘Ahaṃ, ayye, ekaṃ āpattiṃ āpajjiṃ gāmantaraṃ, sāhaṃ saṅghaṃ ekissā āpattiyā gāmantarāya pakkhamānattaṃ yāciṃ, tassa me saṅgho ekissā āpattiyā gāmantarāya pakkhamānattaṃ adāsi, sāhaṃ pakkhamānattaṃ carāmi, ‘vedayāmahaṃ, ayye, vedayatī’ti maṃ saṅgho dhāretū’’ti.

    ตโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เอวํ อาโรเจตพฺพํ – ‘‘อหํ, อยฺยา, เอกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิํ …เป.… เวทยามหํ, อยฺยา, เวทยตีติ มํ สโงฺฆ ธาเรตู’’ติฯ อิธาปิ ยาย กายจิ ภาสาย อาโรเจตุํ วฎฺฎติฯ

    Tato bhikkhusaṅghassa santikaṃ gantvā evaṃ ārocetabbaṃ – ‘‘ahaṃ, ayyā, ekaṃ āpattiṃ āpajjiṃ …pe… vedayāmahaṃ, ayyā, vedayatīti maṃ saṅgho dhāretū’’ti. Idhāpi yāya kāyaci bhāsāya ārocetuṃ vaṭṭati.

    อาโรเจตฺวา จ ภิกฺขุนิสงฺฆเสฺสว สนฺติเก นิสีทิตพฺพํ, อาโรจิตกาลโต ปฎฺฐาย ภิกฺขูนํ คนฺตุํ วฎฺฎติฯ สเจ สาสงฺกํ โหติ, ภิกฺขุนิโย ตเตฺถว ฐานํ ปจฺจาสีสนฺติ, ฐาตพฺพํฯ สเจ อโญฺญ ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา ตํ ฐานํ เอติ, ปสฺสนฺติยา อาโรเจตพฺพํฯ โน เจ อาโรเจติ, รตฺติเจฺฉโท เจว วตฺตเภททุกฺกฎญฺจฯ สเจ อชานนฺติยา เอว อุปจารํ โอกฺกมิตฺวา คจฺฉติ, รตฺติเจฺฉโทว โหติ, น วตฺตเภททุกฺกฎํฯ สเจ ภิกฺขุนิโย อุปชฺฌายาทีนํ วตฺตกรณตฺถํ ปเคว คนฺตุกามา โหนฺติ, รตฺติวิปฺปวาสคณโอหียนคามนฺตราปตฺติรกฺขณตฺถํ เอกํ ภิกฺขุนิํ ฐเปตฺวา คนฺตพฺพํฯ ตาย อรุเณ อุฎฺฐิเต ตสฺสา สนฺติเก วตฺตํ นิกฺขิปิตพฺพํฯ เอเตนุปาเยน อขณฺฑา ปญฺจทส รตฺติโย มานตฺตํ จริตพฺพํฯ

    Ārocetvā ca bhikkhunisaṅghasseva santike nisīditabbaṃ, ārocitakālato paṭṭhāya bhikkhūnaṃ gantuṃ vaṭṭati. Sace sāsaṅkaṃ hoti, bhikkhuniyo tattheva ṭhānaṃ paccāsīsanti, ṭhātabbaṃ. Sace añño bhikkhu vā bhikkhunī vā taṃ ṭhānaṃ eti, passantiyā ārocetabbaṃ. No ce āroceti, ratticchedo ceva vattabhedadukkaṭañca. Sace ajānantiyā eva upacāraṃ okkamitvā gacchati, ratticchedova hoti, na vattabhedadukkaṭaṃ. Sace bhikkhuniyo upajjhāyādīnaṃ vattakaraṇatthaṃ pageva gantukāmā honti, rattivippavāsagaṇaohīyanagāmantarāpattirakkhaṇatthaṃ ekaṃ bhikkhuniṃ ṭhapetvā gantabbaṃ. Tāya aruṇe uṭṭhite tassā santike vattaṃ nikkhipitabbaṃ. Etenupāyena akhaṇḍā pañcadasa rattiyo mānattaṃ caritabbaṃ.

    อนิกฺขิตฺตวตฺตาย ปน ปาริวาสิกกฺขนฺธเก วุตฺตนเยเนว สมฺมา วตฺติตพฺพํฯ อยํ ปน วิเสโส – ‘‘อาคนฺตุกสฺส อาโรเจตพฺพ’’นฺติ เอตฺถ ยตฺตกา ปุเรภตฺตํ วา ปจฺฉาภตฺตํ วา ตํ คามํ ภิกฺขู วา ภิกฺขุนิโย วา อาคจฺฉนฺติ, สเพฺพสํ อาโรเจตพฺพํฯ อนาโรเจนฺติยา รตฺติเจฺฉโท จ วตฺตเภททุกฺกฎญฺจฯ สเจปิ รตฺติํ โกจิ ภิกฺขุ ตํ คามูปจารํ โอกฺกมิตฺวา คจฺฉติ, รตฺติเจฺฉโท โหติเยว, อชานนปจฺจยา ปน วตฺตเภทโต มุจฺจติฯ กุรุนฺทิอาทีสุ ปน อนิกฺขิตฺตวตฺตภิกฺขูนํ วุตฺตนเยเนว กเถตพฺพนฺติ วุตฺตํฯ ตํ ปาริวาสิกวตฺตาทีนํ อุปจารสีมาย ปริจฺฉินฺนตฺตา ยุตฺตตรํ ทิสฺสติฯ อุโปสเถ อาโรเจตพฺพํ, ปวารณาย อาโรเจตพฺพํ, จตุนฺนํ ภิกฺขูนญฺจ ภิกฺขุนีนญฺจ เทวสิกํ อาโรเจตพฺพํฯ สเจ ภิกฺขูนํ ตสฺมิํ คาเม ภิกฺขาจาโร สมฺปชฺชติ, ตเตฺถว คนฺตพฺพํฯ โน เจ สมฺปชฺชติ, อญฺญตฺร จริตฺวาปิ ตตฺร อาคนฺตฺวา อตฺตานํ ทเสฺสตฺวา คนฺตพฺพํฯ พหิคาเม วา สเงฺกตฎฺฐานํ กาตพฺพํ – ‘‘อสุกสฺมิํ นาม ฐาเน อเมฺห ปสฺสิสฺสสี’’ติฯ ตาย สเงฺกตฎฺฐานํ คนฺตฺวา อาโรเจตพฺพํฯ สเงฺกตฎฺฐาเน อทิสฺวา วิหารํ คนฺตฺวา อาโรเจตพฺพํฯ วิหาเร สพฺพภิกฺขูนํ อาโรเจตพฺพํฯ สเจ สเพฺพสํ สกฺกา น โหติ อาโรเจตุํ, พหิอุปจารสีมาย ฐตฺวา ภิกฺขุนิโย เปเสตพฺพาฯ ตาหิ อานีตานํ จตุนฺนํ ภิกฺขูนํ อาโรเจตพฺพํฯ สเจ วิหาโร ทูโร โหติ สาสโงฺก, อุปาสเก จ อุปาสิกาโย จ คเหตฺวา คนฺตพฺพํฯ สเจ ปน อยํ เอกา วสติ, รตฺติวิปฺปวาสํ อาปชฺชติ, ตสฺมาสฺสา เอกา ปกตตฺตา ภิกฺขุนี สมฺมนฺนิตฺวา ทาตพฺพา เอกจฺฉเนฺน วสนตฺถายฯ

    Anikkhittavattāya pana pārivāsikakkhandhake vuttanayeneva sammā vattitabbaṃ. Ayaṃ pana viseso – ‘‘āgantukassa ārocetabba’’nti ettha yattakā purebhattaṃ vā pacchābhattaṃ vā taṃ gāmaṃ bhikkhū vā bhikkhuniyo vā āgacchanti, sabbesaṃ ārocetabbaṃ. Anārocentiyā ratticchedo ca vattabhedadukkaṭañca. Sacepi rattiṃ koci bhikkhu taṃ gāmūpacāraṃ okkamitvā gacchati, ratticchedo hotiyeva, ajānanapaccayā pana vattabhedato muccati. Kurundiādīsu pana anikkhittavattabhikkhūnaṃ vuttanayeneva kathetabbanti vuttaṃ. Taṃ pārivāsikavattādīnaṃ upacārasīmāya paricchinnattā yuttataraṃ dissati. Uposathe ārocetabbaṃ, pavāraṇāya ārocetabbaṃ, catunnaṃ bhikkhūnañca bhikkhunīnañca devasikaṃ ārocetabbaṃ. Sace bhikkhūnaṃ tasmiṃ gāme bhikkhācāro sampajjati, tattheva gantabbaṃ. No ce sampajjati, aññatra caritvāpi tatra āgantvā attānaṃ dassetvā gantabbaṃ. Bahigāme vā saṅketaṭṭhānaṃ kātabbaṃ – ‘‘asukasmiṃ nāma ṭhāne amhe passissasī’’ti. Tāya saṅketaṭṭhānaṃ gantvā ārocetabbaṃ. Saṅketaṭṭhāne adisvā vihāraṃ gantvā ārocetabbaṃ. Vihāre sabbabhikkhūnaṃ ārocetabbaṃ. Sace sabbesaṃ sakkā na hoti ārocetuṃ, bahiupacārasīmāya ṭhatvā bhikkhuniyo pesetabbā. Tāhi ānītānaṃ catunnaṃ bhikkhūnaṃ ārocetabbaṃ. Sace vihāro dūro hoti sāsaṅko, upāsake ca upāsikāyo ca gahetvā gantabbaṃ. Sace pana ayaṃ ekā vasati, rattivippavāsaṃ āpajjati, tasmāssā ekā pakatattā bhikkhunī sammannitvā dātabbā ekacchanne vasanatthāya.

    เอวํ อขณฺฑํ มานตฺตํ จริตฺวา วีสติคเณ ภิกฺขุนิสเงฺฆ วุตฺตนเยเนว อพฺภานํ กาตพฺพํฯ สเจ มานตฺตํ จรมานา อนฺตราปตฺติํ อาปชฺชติ, มูลาย ปฎิกสฺสิตฺวา ตสฺสา อาปตฺติยา มานตฺตํ ทาตพฺพนฺติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํฯ อิทํ ‘‘ปกฺขมานตฺตํ’’ นามฯ

    Evaṃ akhaṇḍaṃ mānattaṃ caritvā vīsatigaṇe bhikkhunisaṅghe vuttanayeneva abbhānaṃ kātabbaṃ. Sace mānattaṃ caramānā antarāpattiṃ āpajjati, mūlāya paṭikassitvā tassā āpattiyā mānattaṃ dātabbanti kurundiyaṃ vuttaṃ. Idaṃ ‘‘pakkhamānattaṃ’’ nāma.

    ‘‘สโมธานมานตฺตํ’’ ปน ติวิธํ โหติ – โอธานสโมธานํ, อคฺฆสโมธานํ, มิสฺสกสโมธานนฺติฯ ตตฺถ ยเทตํ ปรโต อุทายิเตฺถรสฺส ปญฺจาหปฎิจฺฉนฺนาย อาปตฺติยา ปริวาสํ ปริวสนฺตสฺส ปริวาเส จ มานตฺตารหฎฺฐาเน จ อนฺตราปตฺติํ อาปชฺชิตฺวา มูลายปฎิกสฺสิตสฺส ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, สโงฺฆ อุทายิสฺส ภิกฺขุโน ติสฺสนฺนํ อาปตฺตีนํ ฉารตฺตํ มานตฺตํ เทตู’’ติ มานตฺตํ อนุญฺญาตํ, อิทํ ‘‘โอธานสโมธานํ’’ นามฯ อิทญฺหิ ปุนปฺปุนํ มูลายปฎิกสฺสเนน ปริวุตฺถทิวเส โอธุนิตฺวา ปุริมาปตฺตีหิ สทฺธิํ สโมธาย ทินฺนํ, ตสฺมา โอธานสโมธานนฺติ วุจฺจติฯ กุรุนฺทิยํ ปน ‘‘สโมธานปริวาสํ วุตฺถสฺส ทาตพฺพํ มานตฺตํ สโมธานมานตฺต’’นฺติ วุตฺตํฯ ตมฺปิ เตน ปริยาเยน ยุชฺชติฯ

    ‘‘Samodhānamānattaṃ’’ pana tividhaṃ hoti – odhānasamodhānaṃ, agghasamodhānaṃ, missakasamodhānanti. Tattha yadetaṃ parato udāyittherassa pañcāhapaṭicchannāya āpattiyā parivāsaṃ parivasantassa parivāse ca mānattārahaṭṭhāne ca antarāpattiṃ āpajjitvā mūlāyapaṭikassitassa ‘‘tena hi, bhikkhave, saṅgho udāyissa bhikkhuno tissannaṃ āpattīnaṃ chārattaṃ mānattaṃ detū’’ti mānattaṃ anuññātaṃ, idaṃ ‘‘odhānasamodhānaṃ’’ nāma. Idañhi punappunaṃ mūlāyapaṭikassanena parivutthadivase odhunitvā purimāpattīhi saddhiṃ samodhāya dinnaṃ, tasmā odhānasamodhānanti vuccati. Kurundiyaṃ pana ‘‘samodhānaparivāsaṃ vutthassa dātabbaṃ mānattaṃ samodhānamānatta’’nti vuttaṃ. Tampi tena pariyāyena yujjati.

    อคฺฆสโมธานํ ปน มิสฺสกสโมธานญฺจ อคฺฆสโมธานมิสฺสกสโมธานปริวาสาวสาเน ทาตพฺพมานตฺตเมว วุจฺจติ, ตํ ปริวาสกมฺมวาจานุสาเรน โยเชตฺวา ทาตพฺพํฯ เอตฺตาวตา ยํ วุตฺตํ ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, สโงฺฆ อุทายิสฺส ภิกฺขุโน เอกิสฺสา อาปตฺติยา สเญฺจตนิกาย สุกฺกวิสฺสฎฺฐิยา เอกาหปฎิจฺฉนฺนาย เอกาหปริวาสํ เทตูติอาทินา นเยน ปาฬิยํ อเนเกหิ อากาเรหิ ปริวาโส จ มานตฺตญฺจ วุตฺตํ, ตสฺส ยสฺมา อาคตาคตฐาเน วินิจฺฉโย วุจฺจมาโน ปาฬิ วิย อติวิตฺถารํ อาปชฺชติ, น จ สกฺกา โหติ สุเขน ปริคฺคเหตุํ, ตสฺมา นํ สโมธาเนตฺวา อิเธว ทเสฺสสฺสามา’’ติ, ตทิทํ อตฺถโต สมฺปาทิตํ โหติฯ

    Agghasamodhānaṃ pana missakasamodhānañca agghasamodhānamissakasamodhānaparivāsāvasāne dātabbamānattameva vuccati, taṃ parivāsakammavācānusārena yojetvā dātabbaṃ. Ettāvatā yaṃ vuttaṃ ‘‘tena hi, bhikkhave, saṅgho udāyissa bhikkhuno ekissā āpattiyā sañcetanikāya sukkavissaṭṭhiyā ekāhapaṭicchannāya ekāhaparivāsaṃ detūtiādinā nayena pāḷiyaṃ anekehi ākārehi parivāso ca mānattañca vuttaṃ, tassa yasmā āgatāgataṭhāne vinicchayo vuccamāno pāḷi viya ativitthāraṃ āpajjati, na ca sakkā hoti sukhena pariggahetuṃ, tasmā naṃ samodhānetvā idheva dassessāmā’’ti, tadidaṃ atthato sampāditaṃ hoti.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi / เอกาหปฺปฎิจฺฉนฺนปริวาสํ • Ekāhappaṭicchannaparivāsaṃ

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ปริวาสกถาวณฺณนา • Parivāsakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ปริวาสกถาวณฺณนา • Parivāsakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ปฎิจฺฉนฺนปริวาสกถาวณฺณนา • Paṭicchannaparivāsakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ปฎิจฺฉนฺนปริวาสกถา • Paṭicchannaparivāsakathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact