Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā

    ๒. ปาริวาสิกกฺขนฺธกํ

    2. Pārivāsikakkhandhakaṃ

    ปาริวาสิกวตฺตกถา

    Pārivāsikavattakathā

    ๗๕. ปาริวาสิกกฺขนฺธเก – ปาริวาสิกาติ ปริวาสํ ปริวสนฺตาฯ ตตฺถ จตุพฺพิโธ ปริวาโส – อปฺปฎิจฺฉนฺนปริวาโส, ปฎิจฺฉนฺนปริวาโส, สุทฺธนฺตปริวาโส, สโมธานปริวาโสติฯ เตสุ ‘‘โย, ภิกฺขเว, อโญฺญปิ อญฺญติตฺถิยปุโพฺพ อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อากงฺขติ ปพฺพชฺชํ, อากงฺขติ อุปสมฺปทํ, ตสฺส จตฺตาโร มาเส ปริวาโส ทาตโพฺพ’’ติ (มหาว. ๘๖) เอวํ มหาขนฺธเก วุโตฺต ติตฺถิยปริวาโส อปฺปฎิจฺฉนฺนปริวาโส นามฯ ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ ตํ วุตฺตเมวฯ อยํ ปน อิธ อนธิเปฺปโตฯ เสสา ตโย เยน สงฺฆาทิเสสาปตฺติ อาปนฺนา เจว โหติ ปฎิจฺฉาทิตา จ, ตสฺส ทาตพฺพาฯ เตสุ ยํ วตฺตพฺพํ ตํ สมุจฺจยกฺขนฺธเก วกฺขามฯ เอเต ปน อิธ อธิเปฺปตาฯ ตสฺมา เอเตสุ ยํกิญฺจิ ปริวาสํ ปริวสนฺตา ‘‘ปาริวาสิกา’’ติ เวทิตพฺพาฯ

    75. Pārivāsikakkhandhake – pārivāsikāti parivāsaṃ parivasantā. Tattha catubbidho parivāso – appaṭicchannaparivāso, paṭicchannaparivāso, suddhantaparivāso, samodhānaparivāsoti. Tesu ‘‘yo, bhikkhave, aññopi aññatitthiyapubbo imasmiṃ dhammavinaye ākaṅkhati pabbajjaṃ, ākaṅkhati upasampadaṃ, tassa cattāro māse parivāso dātabbo’’ti (mahāva. 86) evaṃ mahākhandhake vutto titthiyaparivāso appaṭicchannaparivāso nāma. Tattha yaṃ vattabbaṃ taṃ vuttameva. Ayaṃ pana idha anadhippeto. Sesā tayo yena saṅghādisesāpatti āpannā ceva hoti paṭicchāditā ca, tassa dātabbā. Tesu yaṃ vattabbaṃ taṃ samuccayakkhandhake vakkhāma. Ete pana idha adhippetā. Tasmā etesu yaṃkiñci parivāsaṃ parivasantā ‘‘pārivāsikā’’ti veditabbā.

    ปกตตฺตานํ ภิกฺขูนนฺติ ฐเปตฺวา นวกตรํ ปาริวาสิกํ อวเสสานํ อนฺตมโส มูลายปฎิกสฺสนารหาทีนมฺปิฯ อภิวาทนปจฺจุฎฺฐานนฺติ ยํ เต อภิวาทนาทิํ กโรนฺติ, ตํ สาทิยนฺติ, สมฺปฎิจฺฉนฺติ; น ปฎิกฺขิปนฺตีติ อโตฺถฯ ตตฺถ สามีจิกมฺมนฺติ ฐเปตฺวา อภิวาทนาทีนิ อญฺญสฺส อนุจฺฉวิกสฺส พีชนวาตทานาทิโน อาภิสมาจาริกเสฺสตํ อธิวจนํฯ อาสนาภิหารนฺติ อาสนสฺส อภิหรณํ, อาสนํ คเหตฺวา อภิคมนํ ปญฺญาปนเมว วาฯ เสยฺยาภิหาเรปิ เอเสว นโยฯ ปาโททกนฺติ ปาทโธวนอุทกํฯ ปาทปีฐนฺติ โธตปาทฎฺฐปนกํฯ ปาทกถลิกนฺติ อโธตปาทฎฺฐปนกํ ปาทฆํสนํ วาฯ อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสาติ สทฺธิวิหาริกานมฺปิ สาทิยนฺตสฺส ทุกฺกฎเมว, ตสฺมา เต วตฺตพฺพา – ‘‘อหํ วินยกมฺมํ กโรมิ, มยฺหํ วตฺตํ มา กโรถ, มา มํ คามปฺปเวสนํ อาปุจฺฉถา’’ติฯ สเจ สทฺธาปพฺพชิตา กุลปุตฺตา ‘‘ตุเมฺห, ภเนฺต, ตุมฺหากํ วินยกมฺมํ กโรถา’’ติ วตฺวา วตฺตํ กโรนฺติ, คามปฺปเวสนมฺปิ อาปุจฺฉนฺติเยว, วาริตกาลโต ปฎฺฐาย อนาปตฺติฯ มิถุ ยถาวุฑฺฒนฺติ ปาริวาสิกภิกฺขูนํ อญฺญมญฺญํ โย โย วุโฑฺฒ เตน เตน นวกตรสฺส สาทิตุํฯ

    Pakatattānaṃ bhikkhūnanti ṭhapetvā navakataraṃ pārivāsikaṃ avasesānaṃ antamaso mūlāyapaṭikassanārahādīnampi. Abhivādanapaccuṭṭhānanti yaṃ te abhivādanādiṃ karonti, taṃ sādiyanti, sampaṭicchanti; na paṭikkhipantīti attho. Tattha sāmīcikammanti ṭhapetvā abhivādanādīni aññassa anucchavikassa bījanavātadānādino ābhisamācārikassetaṃ adhivacanaṃ. Āsanābhihāranti āsanassa abhiharaṇaṃ, āsanaṃ gahetvā abhigamanaṃ paññāpanameva vā. Seyyābhihārepi eseva nayo. Pādodakanti pādadhovanaudakaṃ. Pādapīṭhanti dhotapādaṭṭhapanakaṃ. Pādakathalikanti adhotapādaṭṭhapanakaṃ pādaghaṃsanaṃ vā. Āpatti dukkaṭassāti saddhivihārikānampi sādiyantassa dukkaṭameva, tasmā te vattabbā – ‘‘ahaṃ vinayakammaṃ karomi, mayhaṃ vattaṃ mā karotha, mā maṃ gāmappavesanaṃ āpucchathā’’ti. Sace saddhāpabbajitā kulaputtā ‘‘tumhe, bhante, tumhākaṃ vinayakammaṃ karothā’’ti vatvā vattaṃ karonti, gāmappavesanampi āpucchantiyeva, vāritakālato paṭṭhāya anāpatti. Mithu yathāvuḍḍhanti pārivāsikabhikkhūnaṃ aññamaññaṃ yo yo vuḍḍho tena tena navakatarassa sādituṃ.

    ปญฺจ ยถาวุฑฺฒนฺติ ปกตเตฺตหิปิ สทฺธิํ วุฑฺฒปฎิปาฎิยา เอวฯ ตสฺมา ปาติโมเกฺข อุทฺทิสฺสมาเน หตฺถปาเส นิสีทิตุํ วฎฺฎติฯ มหาปจฺจริยํ ปน ‘‘ปาฬิยา อนิสีทิตฺวา ปาฬิํ วิหาย หตฺถปาสํ อมุญฺจเนฺตน นิสีทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํฯ ปาริสุทฺธิอุโปสเถ กรียมาเน สงฺฆนวกฎฺฐาเน นิสีทิตฺวา ตเตฺถว นิสิเนฺนน อตฺตโน ปาฬิยา ปาริสุทฺธิอุโปสโถ กาตโพฺพฯ ปวารณายปิ สงฺฆนวกฎฺฐาเน นิสีทิตฺวา ตเตฺถว นิสิเนฺนน อตฺตโน ปาฬิยา ปวาเรตพฺพํฯ สเงฺฆน ฆณฺฎิํ ปหริตฺวา ภาชียมานํ วสฺสิกสาฎิกมฺปิ อตฺตโน ปตฺตฎฺฐาเน คเหตุํ วฎฺฎติฯ

    Pañcayathāvuḍḍhanti pakatattehipi saddhiṃ vuḍḍhapaṭipāṭiyā eva. Tasmā pātimokkhe uddissamāne hatthapāse nisīdituṃ vaṭṭati. Mahāpaccariyaṃ pana ‘‘pāḷiyā anisīditvā pāḷiṃ vihāya hatthapāsaṃ amuñcantena nisīditabba’’nti vuttaṃ. Pārisuddhiuposathe karīyamāne saṅghanavakaṭṭhāne nisīditvā tattheva nisinnena attano pāḷiyā pārisuddhiuposatho kātabbo. Pavāraṇāyapi saṅghanavakaṭṭhāne nisīditvā tattheva nisinnena attano pāḷiyā pavāretabbaṃ. Saṅghena ghaṇṭiṃ paharitvā bhājīyamānaṃ vassikasāṭikampi attano pattaṭṭhāne gahetuṃ vaṭṭati.

    โอโณชนนฺติ วิสฺสชฺชนํ วุจฺจติฯ สเจ หิ ปาริวาสิกสฺส เทฺว ตีณิ อุเทฺทสภตฺตาทีนิ ปาปุณนฺติ, อญฺญา จสฺส ปุคฺคลิกภตฺตปจฺจาสา โหติ, ตานิ ปฎิปาฎิยา คเหตฺวา ‘‘ภเนฺต, เหฎฺฐา คาเหถ, อชฺช มยฺหํ ภตฺตปจฺจาสา อตฺถิ, เสฺว คณฺหิสฺสามี’’ติ วตฺวา วิสฺสเชฺชตพฺพานิฯ เอวํ ตานิ ปุนทิวเสสุ คณฺหิตุํ ลภติฯ ปุนทิวเส สพฺพปฐมํ เอตสฺส ทาตพฺพนฺติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํฯ ยทิ ปน น คณฺหาติ น วิสฺสเชฺชติ, ปุนทิวเส น ลภติ, อิทํ โอโณชนํ นาม ปาริวาสิกเสฺสว โอทิสฺส อนุญฺญาตํฯ กสฺมา? ตสฺส หิ สงฺฆนวกฎฺฐาเน นิสินฺนสฺส ภตฺตเคฺค ยาคุขชฺชกาทีนิ ปาปุณนฺติ วา น วา, ตสฺมา โส ‘‘ภิกฺขาหาเรน มา กิลมิตฺถา’’ติ อิทมสฺส สงฺคหกรณตฺถาย โอทิสฺส อนุญฺญาตํฯ

    Oṇojananti vissajjanaṃ vuccati. Sace hi pārivāsikassa dve tīṇi uddesabhattādīni pāpuṇanti, aññā cassa puggalikabhattapaccāsā hoti, tāni paṭipāṭiyā gahetvā ‘‘bhante, heṭṭhā gāhetha, ajja mayhaṃ bhattapaccāsā atthi, sve gaṇhissāmī’’ti vatvā vissajjetabbāni. Evaṃ tāni punadivasesu gaṇhituṃ labhati. Punadivase sabbapaṭhamaṃ etassa dātabbanti kurundiyaṃ vuttaṃ. Yadi pana na gaṇhāti na vissajjeti, punadivase na labhati, idaṃ oṇojanaṃ nāma pārivāsikasseva odissa anuññātaṃ. Kasmā? Tassa hi saṅghanavakaṭṭhāne nisinnassa bhattagge yāgukhajjakādīni pāpuṇanti vā na vā, tasmā so ‘‘bhikkhāhārena mā kilamitthā’’ti idamassa saṅgahakaraṇatthāya odissa anuññātaṃ.

    ภตฺตนฺติ อาคตาคเตหิ วุฑฺฒปฎิปาฎิยา คเหตฺวา คนฺตพฺพํ วิหาเร สงฺฆสฺส จตุสฺสาลภตฺตํ, เอตํ ยถาวุฑฺฒํ ลภติฯ ปาฬิยา ปน คนฺตุํ วา ฐาตุํ วา น ลภติ, ตสฺมา ปาฬิโต โอสกฺกิตฺวา หตฺถปาเส ฐิเตน หตฺถํ ปสาเรตฺวา ยถา เสโน นิปติตฺวา คณฺหาติ, เอวํ คณฺหิตพฺพํฯ อารามิกสมณุเทฺทเสหิ อาหราเปตุํ น ลภติฯ สเจ สยเมว อาหรนฺติ, วฎฺฎติฯ รโญฺญ มหาเปฬภเตฺตปิ เอเสว นโยฯ จตุสฺสาลภเตฺต ปน สเจ โอโณชนํ กตฺตุกาโม โหติ, อตฺตโน อตฺถาย อุกฺขิเตฺต ปิเณฺฑ ‘‘อชฺช เม ภตฺตํ อตฺถิ, เสฺว คณฺหิสฺสามี’’ติ วตฺตพฺพํฯ ปุนทิวเส เทฺว ปิเณฺฑ ลภตีติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํฯ อุเทฺทสภตฺตาทีนิปิ ปาฬิโต โอสกฺกิตฺวาว คเหตพฺพานิฯ ยตฺถ ปน นิสีทาเปตฺวา ปริวิสนฺติ, ตตฺถ สามเณรานํ เชฎฺฐเกน ภิกฺขูนํ สงฺฆนวเกน หุตฺวา นิสีทิตพฺพํฯ

    Bhattanti āgatāgatehi vuḍḍhapaṭipāṭiyā gahetvā gantabbaṃ vihāre saṅghassa catussālabhattaṃ, etaṃ yathāvuḍḍhaṃ labhati. Pāḷiyā pana gantuṃ vā ṭhātuṃ vā na labhati, tasmā pāḷito osakkitvā hatthapāse ṭhitena hatthaṃ pasāretvā yathā seno nipatitvā gaṇhāti, evaṃ gaṇhitabbaṃ. Ārāmikasamaṇuddesehi āharāpetuṃ na labhati. Sace sayameva āharanti, vaṭṭati. Rañño mahāpeḷabhattepi eseva nayo. Catussālabhatte pana sace oṇojanaṃ kattukāmo hoti, attano atthāya ukkhitte piṇḍe ‘‘ajja me bhattaṃ atthi, sve gaṇhissāmī’’ti vattabbaṃ. Punadivase dve piṇḍe labhatīti mahāpaccariyaṃ vuttaṃ. Uddesabhattādīnipi pāḷito osakkitvāva gahetabbāni. Yattha pana nisīdāpetvā parivisanti, tattha sāmaṇerānaṃ jeṭṭhakena bhikkhūnaṃ saṅghanavakena hutvā nisīditabbaṃ.

    ๗๖. อิทานิ ยา อยํ สมฺมาวตฺตนา วุตฺตา, ตตฺถ น อุปสมฺปาเทตพฺพนฺติ อุปชฺฌาเยน หุตฺวา น อุปสมฺปาเทตพฺพํ; วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา ปน อุปสมฺปาเทตุํ วฎฺฎติฯ อาจริเยน หุตฺวาปิ กมฺมวาจา น สาเวตพฺพา, อญฺญสฺมิํ อสติ วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา สาเวตุํ วฎฺฎติฯ น นิสฺสโยติ อาคนฺตุกานํ นิสฺสโย น ทาตโพฺพฯ เยหิปิ ปกติยาว นิสฺสโย คหิโต, เต วตฺตพฺพา – ‘‘อหํ วินยกมฺมํ กโรมิ, อสุกเตฺถรสฺส นาม สนฺติเก นิสฺสยํ คณฺหถ, มยฺหํ วตฺตํ มา กโรถ, มา มํ คามปฺปเวสนํ อาปุจฺฉถา’’ติฯ สเจ เอวํ วุเตฺตปิ กโรนฺติเยว, วาริตกาลโต ปฎฺฐาย กโรเนฺตสุปิ อนาปตฺติฯ

    76. Idāni yā ayaṃ sammāvattanā vuttā, tattha na upasampādetabbanti upajjhāyena hutvā na upasampādetabbaṃ; vattaṃ nikkhipitvā pana upasampādetuṃ vaṭṭati. Ācariyena hutvāpi kammavācā na sāvetabbā, aññasmiṃ asati vattaṃ nikkhipitvā sāvetuṃ vaṭṭati. Na nissayoti āgantukānaṃ nissayo na dātabbo. Yehipi pakatiyāva nissayo gahito, te vattabbā – ‘‘ahaṃ vinayakammaṃ karomi, asukattherassa nāma santike nissayaṃ gaṇhatha, mayhaṃ vattaṃ mā karotha, mā maṃ gāmappavesanaṃ āpucchathā’’ti. Sace evaṃ vuttepi karontiyeva, vāritakālato paṭṭhāya karontesupi anāpatti.

    น สามเณโรติ อโญฺญ สามเณโร น คเหตโพฺพฯ อุปชฺฌํ ทตฺวา คหิตสามเณราปิ วตฺตพฺพา – ‘‘อหํ วินยกมฺมํ กโรมิ, มยฺหํ วตฺตํ มา กโรถ, มา มํ คามปฺปเวสนํ อาปุจฺฉถา’’ติฯ สเจ เอวํ วุเตฺตปิ กโรนฺติเยว, วาริตกาลโต ปฎฺฐาย กโรเนฺตสุปิ อนาปตฺติฯ ภิกฺขุโนวาทกสมฺมุติ นาม อาธิปจฺจฎฺฐานภูตาติ ปฎิกฺขิตฺตา, ตสฺมา ภิกฺขุสงฺฆสฺส วตฺตพฺพํ – ‘‘ภเนฺต, อหํ วินยกมฺมํ กโรมิ, ภิกฺขุโนวาทกํ ชานาถา’’ติ, ปฎิพลสฺส วา ภิกฺขุสฺส ภาโร กาตโพฺพฯ อาคตา ภิกฺขุนิโย ‘‘สงฺฆสนฺติกํ คจฺฉถ, สโงฺฆ โว โอวาททายกํ ชานิสฺสตี’’ติ วา ‘‘อหํ วินยกมฺมํ กโรมิ, อสุกภิกฺขุสฺส นาม สนฺติกํ คจฺฉถ, โส โว โอวาทํ ทสฺสตี’’ติ วา วตฺตพฺพาฯ

    Na sāmaṇeroti añño sāmaṇero na gahetabbo. Upajjhaṃ datvā gahitasāmaṇerāpi vattabbā – ‘‘ahaṃ vinayakammaṃ karomi, mayhaṃ vattaṃ mā karotha, mā maṃ gāmappavesanaṃ āpucchathā’’ti. Sace evaṃ vuttepi karontiyeva, vāritakālato paṭṭhāya karontesupi anāpatti. Bhikkhunovādakasammuti nāma ādhipaccaṭṭhānabhūtāti paṭikkhittā, tasmā bhikkhusaṅghassa vattabbaṃ – ‘‘bhante, ahaṃ vinayakammaṃ karomi, bhikkhunovādakaṃ jānāthā’’ti, paṭibalassa vā bhikkhussa bhāro kātabbo. Āgatā bhikkhuniyo ‘‘saṅghasantikaṃ gacchatha, saṅgho vo ovādadāyakaṃ jānissatī’’ti vā ‘‘ahaṃ vinayakammaṃ karomi, asukabhikkhussa nāma santikaṃ gacchatha, so vo ovādaṃ dassatī’’ti vā vattabbā.

    สา อาปตฺตีติ สุกฺกวิสฺสฎฺฐิยา ปริวาเส ทิเนฺน สุกฺกวิสฺสฎฺฐิ นาปชฺชิตพฺพาฯ อญฺญา วา ตาทิสิกาติ กายสํสคฺคาทิครุกาปตฺติฯ ตโต วา ปาปิฎฺฐตราติ ปาราชิกาปตฺติ; สตฺตสุ หิ อาปตฺตีสุ ทุพฺภาสิตาปตฺติ ปาปิฎฺฐา; ทุกฺกฎาปตฺติ ปาปิฎฺฐตรา; ทุกฺกฎาปตฺติ ปาปิฎฺฐา, ปาฎิเทสนียาปตฺติ ปาปิฎฺฐตราติ เอวํ ปาจิตฺติยถุลฺลจฺจยสงฺฆาทิเสสปาราชิกาปตฺตีสุ นโย เนตโพฺพฯ ตาสํ วตฺถูสุปิ ทุพฺภาสิตวตฺถุ ปาปิฎฺฐํ, ทุกฺกฎวตฺถุ ปาปิฎฺฐตรนฺติ ปุริมนเยเนว เภโท เวทิตโพฺพฯ ปณฺณตฺติวชฺชสิกฺขาปเท ปน วตฺถุปิ อาปตฺติปิ ปาปิฎฺฐาฯ โลกวเชฺช อุภยมฺปิ ปาปิฎฺฐตรํฯ

    Sā āpattīti sukkavissaṭṭhiyā parivāse dinne sukkavissaṭṭhi nāpajjitabbā. Aññā vā tādisikāti kāyasaṃsaggādigarukāpatti. Tato vā pāpiṭṭhatarāti pārājikāpatti; sattasu hi āpattīsu dubbhāsitāpatti pāpiṭṭhā; dukkaṭāpatti pāpiṭṭhatarā; dukkaṭāpatti pāpiṭṭhā, pāṭidesanīyāpatti pāpiṭṭhatarāti evaṃ pācittiyathullaccayasaṅghādisesapārājikāpattīsu nayo netabbo. Tāsaṃ vatthūsupi dubbhāsitavatthu pāpiṭṭhaṃ, dukkaṭavatthu pāpiṭṭhataranti purimanayeneva bhedo veditabbo. Paṇṇattivajjasikkhāpade pana vatthupi āpattipi pāpiṭṭhā. Lokavajje ubhayampi pāpiṭṭhataraṃ.

    กมฺมนฺติ ปริวาสกมฺมวาจา วุจฺจติฯ ตํ กมฺมํ ‘‘อกตํ ทุกฺกฎ’’นฺติอาทีหิ วา ‘‘กิํ อิทํ กมฺมํ นาม กสิกมฺมํ โครกฺขกมฺม’’นฺติอาทีหิ วา วจเนหิ น ครหิตพฺพํฯ กมฺมิกาติ เยหิ ภิกฺขูหิ กมฺมํ กตํ, เต วุจฺจนฺติ, เต ‘‘พาลา อพฺยตฺตา’’ติอาทีหิ วจเนหิ น ครหิตพฺพาฯ สวจนียํ กาตพฺพนฺติ ปลิโพธตฺถาย วา ปโกฺกสนตฺถาย วา สวจนียํ น กาตพฺพํ, ปลิโพธตฺถาย หิ กโรโนฺต ‘‘อหํ อายสฺมนฺตํ อิมสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ สวจนียํ กโรมิ, อิมมฺหา อาวาสา เอกปทมฺปิ มา ปกฺกามิ, ยาว น ตํ อธิกรณํ วูปสนฺตํ โหตี’’ติ เอวํ กโรติฯ ปโกฺกสนตฺถาย กโรโนฺต ‘‘อหํ เต สวจนียํ กโรมิ, เอหิ มยา สทฺธิํ วินยธรานํ สมฺมุขีภาวํ คจฺฉามา’’ติ เอวํ กโรติ; ตทุภยมฺปิ น กาตพฺพํฯ

    Kammanti parivāsakammavācā vuccati. Taṃ kammaṃ ‘‘akataṃ dukkaṭa’’ntiādīhi vā ‘‘kiṃ idaṃ kammaṃ nāma kasikammaṃ gorakkhakamma’’ntiādīhi vā vacanehi na garahitabbaṃ. Kammikāti yehi bhikkhūhi kammaṃ kataṃ, te vuccanti, te ‘‘bālā abyattā’’tiādīhi vacanehi na garahitabbā. Nasavacanīyaṃ kātabbanti palibodhatthāya vā pakkosanatthāya vā savacanīyaṃ na kātabbaṃ, palibodhatthāya hi karonto ‘‘ahaṃ āyasmantaṃ imasmiṃ vatthusmiṃ savacanīyaṃ karomi, imamhā āvāsā ekapadampi mā pakkāmi, yāva na taṃ adhikaraṇaṃ vūpasantaṃ hotī’’ti evaṃ karoti. Pakkosanatthāya karonto ‘‘ahaṃ te savacanīyaṃ karomi, ehi mayā saddhiṃ vinayadharānaṃ sammukhībhāvaṃ gacchāmā’’ti evaṃ karoti; tadubhayampi na kātabbaṃ.

    น อนุวาโทติ วิหาเร เชฎฺฐกฎฺฐานํ น กาตพฺพํฯ ปาติโมกฺขุเทฺทสเกน วา ธมฺมเชฺฌสเกน วา น ภวิตพฺพํฯ นาปิ เตรสสุ สมฺมุตีสุ เอกสมฺมุติวเสนาปิ อิสฺสริยกมฺมํ กาตพฺพํฯ น โอกาโสติ ‘‘กโรตุ เม อายสฺมา โอกาสํ, อหํ ตํ วตฺตุกาโม’’ติ เอวํ ปกตตฺตสฺส โอกาโส น กาเรตโพฺพ, วตฺถุนา วา อาปตฺติยา วา น โจเทตโพฺพ, ‘‘อยํ ปุเพฺพ เต โทโส’’ติ น สาเรตโพฺพฯ น ภิกฺขูหิ สมฺปโยเชตพฺพนฺติ อญฺญมญฺญํ โยเชตฺวา กลโห น กาเรตโพฺพฯ

    Na anuvādoti vihāre jeṭṭhakaṭṭhānaṃ na kātabbaṃ. Pātimokkhuddesakena vā dhammajjhesakena vā na bhavitabbaṃ. Nāpi terasasu sammutīsu ekasammutivasenāpi issariyakammaṃ kātabbaṃ. Na okāsoti ‘‘karotu me āyasmā okāsaṃ, ahaṃ taṃ vattukāmo’’ti evaṃ pakatattassa okāso na kāretabbo, vatthunā vā āpattiyā vā na codetabbo, ‘‘ayaṃ pubbe te doso’’ti na sāretabbo. Na bhikkhūhi sampayojetabbanti aññamaññaṃ yojetvā kalaho na kāretabbo.

    ปุรโตติ สงฺฆเตฺถเรน หุตฺวา ปุรโต น คนฺตพฺพํ, ทฺวาทสหตฺถํ อุปจารํ มุญฺจิตฺวา เอกเกน คนฺตพฺพํฯ นิสีทเนปิ เอเสว นโยฯ อาสนปริยโนฺตติ ภตฺตคฺคาทีสุ สงฺฆนวกาสนํ วุจฺจติ; สฺวาสฺส ทาตโพฺพ, ตตฺถ นิสีทิตพฺพํฯ เสยฺยาปริยโนฺตติ เสยฺยานํ ปริยโนฺต, สพฺพลามกํ มญฺจปีฐํฯ อยญฺหิ วสฺสเคฺคน อตฺตโน ปตฺตฎฺฐาเน เสยฺยํ คเหตุํ น ลภติฯ สพฺพภิกฺขูหิ วิจินิตฺวา คหิตาวเสสา มงฺกุลคูถภริตา เวตฺตลตาทิวินทฺธา ลามกเสยฺยา อสฺส ทาตพฺพาฯ วิหารปริยโนฺตติ ยถา จ เสยฺยา, เอวํ วสนอาวาโสปิ วสฺสเคฺคน อตฺตโน ปตฺตฎฺฐาเน ตสฺส น วฎฺฎติฯ สพฺพภิกฺขูหิ วิจินิตฺวา คหิตาวเสสา ปน รโชหตภูมิ ชตุกมูสิกภริตา ปณฺณสาลา อสฺส ทาตพฺพาฯ สเจ ปกตตฺตา สเพฺพ รุกฺขมูลิกา อโพฺภกาสิกา จ โหนฺติ, ฉนฺนํ น อุเปนฺติ, สเพฺพปิ เอเตหิ วิสฺสฎฺฐาวาสา นาม โหนฺติฯ เตสุ ยํ อิจฺฉติ, ตํ ลภติฯ วสฺสูปนายิกทิวเส ปจฺจยํ เอกปเสฺส ฐตฺวา วสฺสเคฺคน คณฺหิตุํ ลภติฯ เสนาสนํ น ลภติ, นิพทฺธวสฺสาวาสิกํ เสนาสนํ คณฺหิตุกาเมน วตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา คเหตพฺพํฯ

    Puratoti saṅghattherena hutvā purato na gantabbaṃ, dvādasahatthaṃ upacāraṃ muñcitvā ekakena gantabbaṃ. Nisīdanepi eseva nayo. Āsanapariyantoti bhattaggādīsu saṅghanavakāsanaṃ vuccati; svāssa dātabbo, tattha nisīditabbaṃ. Seyyāpariyantoti seyyānaṃ pariyanto, sabbalāmakaṃ mañcapīṭhaṃ. Ayañhi vassaggena attano pattaṭṭhāne seyyaṃ gahetuṃ na labhati. Sabbabhikkhūhi vicinitvā gahitāvasesā maṅkulagūthabharitā vettalatādivinaddhā lāmakaseyyā assa dātabbā. Vihārapariyantoti yathā ca seyyā, evaṃ vasanaāvāsopi vassaggena attano pattaṭṭhāne tassa na vaṭṭati. Sabbabhikkhūhi vicinitvā gahitāvasesā pana rajohatabhūmi jatukamūsikabharitā paṇṇasālā assa dātabbā. Sace pakatattā sabbe rukkhamūlikā abbhokāsikā ca honti, channaṃ na upenti, sabbepi etehi vissaṭṭhāvāsā nāma honti. Tesu yaṃ icchati, taṃ labhati. Vassūpanāyikadivase paccayaṃ ekapasse ṭhatvā vassaggena gaṇhituṃ labhati. Senāsanaṃ na labhati, nibaddhavassāvāsikaṃ senāsanaṃ gaṇhitukāmena vattaṃ nikkhipitvā gahetabbaṃ.

    เตน จ โส สาทิตโพฺพติ ยํ อสฺส อาสนาทิปริยนฺตํ ภิกฺขู เทนฺติ, โส เอว สาทิตโพฺพฯ ปุเรสมเณน วา ปจฺฉาสมเณน วาติ ญาติปวาริตฎฺฐาเน ‘‘เอตฺตเก ภิกฺขู คเหตฺวา อาคจฺฉถา’’ติ นิมนฺติเตน ‘‘ภเนฺต, อสุกํ นาม กุลํ ภิกฺขู นิมเนฺตสิ, เอถ ตตฺถ คจฺฉามา’’ติ เอวํ สํวิธาย ภิกฺขู ปุเรสมเณ วา ปจฺฉาสมเณ วา กตฺวา น คนฺตพฺพํฯ ‘‘ภเนฺต, อสุกสฺมิํ นาม คาเม มนุสฺสา ภิกฺขูนํ อาคมนํ อิจฺฉนฺติ, สาธุ วตสฺส สเจ เตสํ สงฺคหํ กเรยฺยาถา’’ติ เอวํ ปน ปริยาเยน กเถตุํ วฎฺฎติฯ

    Tenaca so sāditabboti yaṃ assa āsanādipariyantaṃ bhikkhū denti, so eva sāditabbo. Puresamaṇena vā pacchāsamaṇena vāti ñātipavāritaṭṭhāne ‘‘ettake bhikkhū gahetvā āgacchathā’’ti nimantitena ‘‘bhante, asukaṃ nāma kulaṃ bhikkhū nimantesi, etha tattha gacchāmā’’ti evaṃ saṃvidhāya bhikkhū puresamaṇe vā pacchāsamaṇe vā katvā na gantabbaṃ. ‘‘Bhante, asukasmiṃ nāma gāme manussā bhikkhūnaṃ āgamanaṃ icchanti, sādhu vatassa sace tesaṃ saṅgahaṃ kareyyāthā’’ti evaṃ pana pariyāyena kathetuṃ vaṭṭati.

    น อารญฺญิกงฺคนฺติ อาคตาคตานํ อาโรเจตุํ หรายมาเนน อารญฺญิกธุตงฺคํ น สมาทาตพฺพํฯ เยนาปิ ปกติยา สมาทินฺนํ, เตน ทุติยํ ภิกฺขุํ คเหตฺวา อรเญฺญ อรุณํ อุฎฺฐาเปตพฺพํ, น จ เอกเกน วตฺถพฺพํฯ ตถา ภตฺตคฺคาทีสุ อาสนปริยเนฺต นิสชฺชาย หรายมาเนน ปิณฺฑปาติกธุตงฺคมฺปิ น สมาทาตพฺพํฯ โย ปน ปกติยาว ปิณฺฑปาติโก ตสฺส ปฎิเสโธ นตฺถิฯ

    Na āraññikaṅganti āgatāgatānaṃ ārocetuṃ harāyamānena āraññikadhutaṅgaṃ na samādātabbaṃ. Yenāpi pakatiyā samādinnaṃ, tena dutiyaṃ bhikkhuṃ gahetvā araññe aruṇaṃ uṭṭhāpetabbaṃ, na ca ekakena vatthabbaṃ. Tathā bhattaggādīsu āsanapariyante nisajjāya harāyamānena piṇḍapātikadhutaṅgampi na samādātabbaṃ. Yo pana pakatiyāva piṇḍapātiko tassa paṭisedho natthi.

    น จ ตปฺปจฺจยาติ ‘‘นีหฎภโตฺต หุตฺวา วิหาเรเยว นิสีทิตฺวา ภุญฺชโนฺต รตฺติโย คณยิสฺสามิ, คจฺฉโต เม ภิกฺขุํ ทิสฺวา อนาโรเจนฺตสฺส รตฺติเจฺฉโท สิยา’’ติ อิมินา การเณน ปิณฺฑปาโต น นีหราเปตโพฺพฯ มา มํ ชานิํสูติ ‘‘มา มํ เอกภิกฺขุปิ ชานาตู’’ติ จ อิมินา อชฺฌาสเยน วิหาเร สามเณเรหิ ปจาเปตฺวา ภุญฺชิตุมฺปิ น ลภติฯ คามํ ปิณฺฑาย ปวิสิตพฺพเมวฯ คิลานสฺส ปน นวกมฺมอาจริยุปชฺฌายกิจฺจาทิปสุตสฺส วา วิหาเรเยว อจฺฉิตุํ วฎฺฎติฯ สเจปิ คาเม อเนกสตา ภิกฺขู วิจรนฺติ, น สกฺกา โหติ อาโรเจตุํ, คามกาวาสํ คนฺตฺวา สภาคฎฺฐาเน วสิตุํ วฎฺฎติฯ

    Na ca tappaccayāti ‘‘nīhaṭabhatto hutvā vihāreyeva nisīditvā bhuñjanto rattiyo gaṇayissāmi, gacchato me bhikkhuṃ disvā anārocentassa ratticchedo siyā’’ti iminā kāraṇena piṇḍapāto na nīharāpetabbo. Mā maṃ jāniṃsūti ‘‘mā maṃ ekabhikkhupi jānātū’’ti ca iminā ajjhāsayena vihāre sāmaṇerehi pacāpetvā bhuñjitumpi na labhati. Gāmaṃ piṇḍāya pavisitabbameva. Gilānassa pana navakammaācariyupajjhāyakiccādipasutassa vā vihāreyeva acchituṃ vaṭṭati. Sacepi gāme anekasatā bhikkhū vicaranti, na sakkā hoti ārocetuṃ, gāmakāvāsaṃ gantvā sabhāgaṭṭhāne vasituṃ vaṭṭati.

    อาคนฺตุเกนาติ กญฺจิ วิหารํ คเตน ตตฺถ ภิกฺขูนํ อาโรเจตพฺพํฯ สเจ สเพฺพ เอกฎฺฐาเน ฐิเต ปสฺสติ, เอกฎฺฐาเน ฐิเตเนว อาโรเจตพฺพํฯ อถ รุกฺขมูลาทีสุ วิสุํ วิสุํ ฐิตา โหนฺติ, ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา อาโรเจตพฺพํฯ สญฺจิจฺจ อนาโรเจนฺตสฺส รตฺติเจฺฉโท จ โหติ, วตฺตเภเท จ ทุกฺกฎํฯ อถ วิจินโนฺต เอกเจฺจ น ปสฺสติ, รตฺติเจฺฉโทว โหติ, น วตฺตเภททุกฺกฎํฯ

    Āgantukenāti kañci vihāraṃ gatena tattha bhikkhūnaṃ ārocetabbaṃ. Sace sabbe ekaṭṭhāne ṭhite passati, ekaṭṭhāne ṭhiteneva ārocetabbaṃ. Atha rukkhamūlādīsu visuṃ visuṃ ṭhitā honti, tattha tattha gantvā ārocetabbaṃ. Sañcicca anārocentassa ratticchedo ca hoti, vattabhede ca dukkaṭaṃ. Atha vicinanto ekacce na passati, ratticchedova hoti, na vattabhedadukkaṭaṃ.

    อาคนฺตุกสฺสาติ อตฺตโน วสนวิหารํ อาคตสฺสาปิ เอกสฺส วา พหูนํ วา วุตฺตนเยเนว อาโรเจตพฺพํ ฯ รตฺติเจฺฉทวตฺตเภทาปิ เจตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ สเจ อาคนฺตุกา มุหุตฺตํ วิสฺสมิตฺวา วา อวิสฺสมิตฺวา เอว วา วิหารมเชฺฌน คจฺฉนฺติ, เตสมฺปิ อาโรเจตพฺพํฯ สเจ ตสฺส อชานนฺตเสฺสว คจฺฉนฺติ, อยญฺจ ปน คตกาเล ชานาติ, คนฺตฺวา อาโรเจตพฺพํฯ สมฺปาปุณิตุํ อสโกฺกนฺตสฺส รตฺติเจฺฉโทว โหติ, น วตฺตเภททุกฺกฎํฯ เยปิ อโนฺตวิหารํ อปฺปวิสิตฺวา อุปจารสีมํ โอกฺกมิตฺวา คจฺฉนฺติ, อยญฺจ เนสํ ฉตฺตสทฺทํ วา อุกฺกาสิตสทฺทํ วา ขิปิตสทฺทํ วา สุตฺวาว อาคนฺตุกภาวํ ชานาติ, คนฺตฺวา อาโรเจตพฺพํ ฯ คตกาเล ชานเนฺตนปิ อนุพนฺธิตฺวา อาโรเจตพฺพเมวฯ สมฺปาปุณิตุํ อสโกฺกนฺตสฺส รตฺติเจฺฉโทว โหติ, น วตฺตเภททุกฺกฎํฯ โยปิ รตฺติํเยว อาคนฺตฺวา รตฺติํเยว คจฺฉติ, โสปิสฺส รตฺติเจฺฉทํ กโรติ, อญฺญาตตฺตา ปน วตฺตเภททุกฺกฎํ นตฺถิฯ สเจ อชานิตฺวาว อพฺภานํ กโรติ, อกตเมว โหตีติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํฯ ตสฺมา อธิกา รตฺติโย คเหตฺวา กาตพฺพํ, อยํ อปณฺณกปฎิปทาฯ

    Āgantukassāti attano vasanavihāraṃ āgatassāpi ekassa vā bahūnaṃ vā vuttanayeneva ārocetabbaṃ . Ratticchedavattabhedāpi cettha vuttanayeneva veditabbā. Sace āgantukā muhuttaṃ vissamitvā vā avissamitvā eva vā vihāramajjhena gacchanti, tesampi ārocetabbaṃ. Sace tassa ajānantasseva gacchanti, ayañca pana gatakāle jānāti, gantvā ārocetabbaṃ. Sampāpuṇituṃ asakkontassa ratticchedova hoti, na vattabhedadukkaṭaṃ. Yepi antovihāraṃ appavisitvā upacārasīmaṃ okkamitvā gacchanti, ayañca nesaṃ chattasaddaṃ vā ukkāsitasaddaṃ vā khipitasaddaṃ vā sutvāva āgantukabhāvaṃ jānāti, gantvā ārocetabbaṃ . Gatakāle jānantenapi anubandhitvā ārocetabbameva. Sampāpuṇituṃ asakkontassa ratticchedova hoti, na vattabhedadukkaṭaṃ. Yopi rattiṃyeva āgantvā rattiṃyeva gacchati, sopissa ratticchedaṃ karoti, aññātattā pana vattabhedadukkaṭaṃ natthi. Sace ajānitvāva abbhānaṃ karoti, akatameva hotīti kurundiyaṃ vuttaṃ. Tasmā adhikā rattiyo gahetvā kātabbaṃ, ayaṃ apaṇṇakapaṭipadā.

    นทีอาทีสุ นาวาย คจฺฉนฺตมฺปิ ปรตีเร ฐิตมฺปิ อากาเสน คจฺฉนฺตมฺปิ ปพฺพตตลอรญฺญาทีสุ ทูเร ฐิตมฺปิ ภิกฺขุํ ทิสฺวา สเจ ‘‘ภิกฺขู’’ติ ววตฺถานํ อตฺถิ, นาวาทีหิ วา คนฺตฺวา มหาสทฺทํ กตฺวา วา เวเคน อนุพนฺธิตฺวา วา อาโรเจตพฺพํ, อนาโรเจนฺตสฺส รตฺติเจฺฉโท เจว วตฺตเภททุกฺกฎญฺจฯ สเจ วายมโนฺตปิ สมฺปาปุณิตุํ วา สาเวตุํ วา น สโกฺกติ, รตฺติเจฺฉโทว โหติ, น วตฺตเภททุกฺกฎํฯ สงฺฆเสนาภยเตฺถโร ปน วิสยาวิสเยน กเถติ – ‘‘วิสเย กิร อนาโรเจนฺตสฺส รตฺติเจฺฉโท เจว วตฺตเภททุกฺกฎญฺจ โหติ, อวิสเย ปน อุภยมฺปิ นตฺถี’’ติฯ กรวีกติสฺสเตฺถโร ‘‘สมโณ อยนฺติ ววตฺถานเมว ปมาณํ, สเจปิ อวิสโย โหติ, วตฺตเภททุกฺกฎเมว นตฺถิ, รตฺติเจฺฉโท ปน โหติเยวา’’ติ อาหฯ

    Nadīādīsu nāvāya gacchantampi paratīre ṭhitampi ākāsena gacchantampi pabbatatalaaraññādīsu dūre ṭhitampi bhikkhuṃ disvā sace ‘‘bhikkhū’’ti vavatthānaṃ atthi, nāvādīhi vā gantvā mahāsaddaṃ katvā vā vegena anubandhitvā vā ārocetabbaṃ, anārocentassa ratticchedo ceva vattabhedadukkaṭañca. Sace vāyamantopi sampāpuṇituṃ vā sāvetuṃ vā na sakkoti, ratticchedova hoti, na vattabhedadukkaṭaṃ. Saṅghasenābhayatthero pana visayāvisayena katheti – ‘‘visaye kira anārocentassa ratticchedo ceva vattabhedadukkaṭañca hoti, avisaye pana ubhayampi natthī’’ti. Karavīkatissatthero ‘‘samaṇo ayanti vavatthānameva pamāṇaṃ, sacepi avisayo hoti, vattabhedadukkaṭameva natthi, ratticchedo pana hotiyevā’’ti āha.

    อุโปสเถติ ‘‘อุโปสถํ สมฺปาปุณิสฺสามา’’ติ อาคนฺตุกา ภิกฺขู อาคจฺฉนฺติ, อิทฺธิยา คจฺฉนฺตาปิ อุโปสถภาวํ ญตฺวา โอตริตฺวา อุโปสถํ กโรนฺติ, ตสฺมา อาคนฺตุกโสธนตฺถํ อุโปสถทิวเส อาโรเจตพฺพํฯ ปวารณายปิ เอเสว นโยฯ คิลาโนติ คนฺตุํ อสมโตฺถฯ ทูเตนาติ เอตฺถ อนุปสมฺปนฺนํ เปเสตุํ น วฎฺฎติ, ภิกฺขุํ เปเสตฺวา อาโรจาเปตพฺพํฯ

    Uposatheti ‘‘uposathaṃ sampāpuṇissāmā’’ti āgantukā bhikkhū āgacchanti, iddhiyā gacchantāpi uposathabhāvaṃ ñatvā otaritvā uposathaṃ karonti, tasmā āgantukasodhanatthaṃ uposathadivase ārocetabbaṃ. Pavāraṇāyapi eseva nayo. Gilānoti gantuṃ asamattho. Dūtenāti ettha anupasampannaṃ pesetuṃ na vaṭṭati, bhikkhuṃ pesetvā ārocāpetabbaṃ.

    อภิกฺขุโก อาวาโสติ สุญฺญวิหาโร; ยตฺถ เอโกปิ ภิกฺขุ นตฺถิ, ตตฺถ วาสตฺถาย น คนฺตพฺพํฯ น หิ ตตฺถ วุตฺถรตฺติโย คณนูปิกา โหนฺติ, ปกตเตฺตน ปน สทฺธิํ วฎฺฎติฯ ทสวิธนฺตราเย ปน สเจปิ รตฺติโย คณนูปิกา น โหนฺติ, อนฺตรายโต ปริมุจฺจนตฺถาย คนฺตพฺพเมวฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อญฺญตฺร อนฺตรายา’’ติฯ นานาสํวาสเกหิ สทฺธิํ วินยกมฺมํ กาตุํ น วฎฺฎติฯ เตสํ อนาโรจเนปิ รตฺติเจฺฉโท นตฺถิ, อภิกฺขุกาวาสสทิสเมว โหติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ยตฺถสฺสุ ภิกฺขู นานาสํวาสกา’’ติฯ เสสํ อุโปสถกฺขนฺธเก วุตฺตนยเมวฯ

    Abhikkhukoāvāsoti suññavihāro; yattha ekopi bhikkhu natthi, tattha vāsatthāya na gantabbaṃ. Na hi tattha vuttharattiyo gaṇanūpikā honti, pakatattena pana saddhiṃ vaṭṭati. Dasavidhantarāye pana sacepi rattiyo gaṇanūpikā na honti, antarāyato parimuccanatthāya gantabbameva. Tena vuttaṃ – ‘‘aññatra antarāyā’’ti. Nānāsaṃvāsakehi saddhiṃ vinayakammaṃ kātuṃ na vaṭṭati. Tesaṃ anārocanepi ratticchedo natthi, abhikkhukāvāsasadisameva hoti. Tena vuttaṃ – ‘‘yatthassu bhikkhū nānāsaṃvāsakā’’ti. Sesaṃ uposathakkhandhake vuttanayameva.

    ๘๑. เอกจฺฉเนฺน อาวาเสติอาทีสุ อาวาโส นาม วสนตฺถาย กตเสนาสนํฯ อนาวาโส นาม เจติยฆรํ โพธิฆรํ สมฺมุญฺชนิอฎฺฎโก ทารุอฎฺฎโก ปานียมาโฬ วจฺจกุฎิ ทฺวารโกฎฺฐโกติ เอวมาทิฯ ตติยปเทน ตทุภยมฺปิ คหิตํฯ เอเตสุ ยตฺถ กตฺถจิ เอกจฺฉเนฺน ฉทนโต อุทกปตนฎฺฐานปริจฺฉิเนฺน โอกาเส อุกฺขิตฺตโก วสิตุํ น ลภติฯ ‘‘ปาริวาสิโก ปน อโนฺตอาวาเสเยว น ลภตี’’ติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํฯ มหาอฎฺฐกถายํ ปน ‘‘อวิเสเสน อุทกปาเตน วาริต’’นฺติ วุตฺตํฯ กุรุนฺทิยํ ‘‘เอเตสุ เอตฺตเกสุ ปญฺจวณฺณจฺฉทนพทฺธฎฺฐาเนสุ ปาริวาสิกสฺส จ อุกฺขิตฺตกสฺส จ ปกตเตฺตน สทฺธิํ อุทกปาเตน วาริต’’นฺติ วุตฺตํฯ ตสฺมา นานูปจาเรปิ เอกจฺฉเนฺน น วฎฺฎติฯ สเจ ปเนตฺถ ตทหุปสมฺปเนฺนปิ ปกตเตฺต ปฐมํ ปวิสิตฺวา นิปเนฺน สฎฺฐิวโสฺสปิ ปาริวาสิโก ปจฺฉา ปวิสิตฺวา ชานโนฺต นิปชฺชติ, รตฺติเจฺฉโท เจว วตฺตเภททุกฺกฎญฺจฯ อชานนฺตสฺส รตฺติเจฺฉโทว น วตฺตเภททุกฺกฎํฯ สเจ ปน ตสฺมิํ ปฐมํ นิปเนฺน ปจฺฉา ปกตโตฺต ปวิสิตฺวา นิปชฺชติ, ปาริวาสิโก จ ชานาติ, รตฺติเจฺฉโท เจว วตฺตเภททุกฺกฎญฺจฯ โน เจ ชานาติ, รตฺติเจฺฉโทว น วตฺตเภททุกฺกฎํฯ

    81.Ekacchanne āvāsetiādīsu āvāso nāma vasanatthāya katasenāsanaṃ. Anāvāso nāma cetiyagharaṃ bodhigharaṃ sammuñjaniaṭṭako dāruaṭṭako pānīyamāḷo vaccakuṭi dvārakoṭṭhakoti evamādi. Tatiyapadena tadubhayampi gahitaṃ. Etesu yattha katthaci ekacchanne chadanato udakapatanaṭṭhānaparicchinne okāse ukkhittako vasituṃ na labhati. ‘‘Pārivāsiko pana antoāvāseyeva na labhatī’’ti mahāpaccariyaṃ vuttaṃ. Mahāaṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘avisesena udakapātena vārita’’nti vuttaṃ. Kurundiyaṃ ‘‘etesu ettakesu pañcavaṇṇacchadanabaddhaṭṭhānesu pārivāsikassa ca ukkhittakassa ca pakatattena saddhiṃ udakapātena vārita’’nti vuttaṃ. Tasmā nānūpacārepi ekacchanne na vaṭṭati. Sace panettha tadahupasampannepi pakatatte paṭhamaṃ pavisitvā nipanne saṭṭhivassopi pārivāsiko pacchā pavisitvā jānanto nipajjati, ratticchedo ceva vattabhedadukkaṭañca. Ajānantassa ratticchedova na vattabhedadukkaṭaṃ. Sace pana tasmiṃ paṭhamaṃ nipanne pacchā pakatatto pavisitvā nipajjati, pārivāsiko ca jānāti, ratticchedo ceva vattabhedadukkaṭañca. No ce jānāti, ratticchedova na vattabhedadukkaṭaṃ.

    วุฎฺฐาตพฺพํ นิมเนฺตตโพฺพติ ตทหุปสมฺปนฺนมฺปิ ทิสฺวา วุฎฺฐาตพฺพเมว; วุฎฺฐาย จ ‘‘อหํ อิมินา สุขนิสิโนฺน วุฎฺฐาปิโต’’ติ ปรมฺมุเขน น คนฺตพฺพํ, ‘‘อิทํ อาจริย-อาสนํ, เอตฺถ นิสีทถา’’ติ เอวํ นิมเนฺตตโพฺพเยวฯ นวเกน ปน ‘‘มหาเถรํ โอพทฺธํ กโรมี’’ติ ปาริวาสิกเตฺถรสฺส สนฺติกํ น คนฺตพฺพํฯ เอกาสเนติ สมานวสฺสิกาสเน มเญฺจ วา ปีเฐ วา ฯ น ฉมายํ นิสิเนฺนติ ปกตเตฺต ภูมิยํ นิสิเนฺน อิตเรน อนฺตมโส ติณสนฺถาเรปิ อุจฺจตเร วาลิกาตเลปิ วา น นิสีทิตพฺพํ, ทฺวาทสหตฺถํ ปน อุปจารํ มุญฺจิตฺวา นิสีทิตุํ วฎฺฎติฯ เอกจงฺกเมติ สหาเยน วิย สทฺธิํ จงฺกมโนฺต เอกสฺมิํ จงฺกเมฯ

    Vuṭṭhātabbaṃ nimantetabboti tadahupasampannampi disvā vuṭṭhātabbameva; vuṭṭhāya ca ‘‘ahaṃ iminā sukhanisinno vuṭṭhāpito’’ti parammukhena na gantabbaṃ, ‘‘idaṃ ācariya-āsanaṃ, ettha nisīdathā’’ti evaṃ nimantetabboyeva. Navakena pana ‘‘mahātheraṃ obaddhaṃ karomī’’ti pārivāsikattherassa santikaṃ na gantabbaṃ. Ekāsaneti samānavassikāsane mañce vā pīṭhe vā . Na chamāyaṃ nisinneti pakatatte bhūmiyaṃ nisinne itarena antamaso tiṇasanthārepi uccatare vālikātalepi vā na nisīditabbaṃ, dvādasahatthaṃ pana upacāraṃ muñcitvā nisīdituṃ vaṭṭati. Ekacaṅkameti sahāyena viya saddhiṃ caṅkamanto ekasmiṃ caṅkame.

    ฉมายํ จงฺกมนฺตนฺติ ฉมายํ จงฺกมเนฺต, อยเมว วา ปาโฐฯ อยํ ปเนตฺถ อโตฺถ – อกตปริเจฺฉทาย ภูมิยา จงฺกมเนฺต ปริเจฺฉทํ กตฺวา วาลิกํ อากิริตฺวา อาลมฺพนํ โยเชตฺวา กตจงฺกเม นีเจปิ น จงฺกมิตพฺพํ, โก ปน วาโท อิฎฺฐกาจยสมฺปเนฺน เวทิกาปริกฺขิเตฺตติ! สเจ ปน ปาการปริกฺขิโตฺต โหติ ทฺวารโกฎฺฐกยุโตฺต ปพฺพตนฺตรวนนฺตรคุมฺพนฺตเรสุ วา สุปฺปฎิจฺฉโนฺน, ตาทิเส จงฺกเม จงฺกมิตุํ วฎฺฎติฯ อปฺปฎิจฺฉเนฺนปิ อุปจารํ มุญฺจิตฺวา วฎฺฎติฯ

    Chamāyaṃ caṅkamantanti chamāyaṃ caṅkamante, ayameva vā pāṭho. Ayaṃ panettha attho – akataparicchedāya bhūmiyā caṅkamante paricchedaṃ katvā vālikaṃ ākiritvā ālambanaṃ yojetvā katacaṅkame nīcepi na caṅkamitabbaṃ, ko pana vādo iṭṭhakācayasampanne vedikāparikkhitteti! Sace pana pākāraparikkhitto hoti dvārakoṭṭhakayutto pabbatantaravanantaragumbantaresu vā suppaṭicchanno, tādise caṅkame caṅkamituṃ vaṭṭati. Appaṭicchannepi upacāraṃ muñcitvā vaṭṭati.

    วุฑฺฒตเรนาติ เอตฺถ สเจ วุฑฺฒตเร ปาริวาสิเก ปฐมํ นิปเนฺน อิตโร ชานโนฺต ปจฺฉา นิปชฺชติ, รตฺติเจฺฉโท จสฺส โหติ วตฺตเภเท จ ทุกฺกฎํฯ วุฑฺฒตรสฺส ปน รตฺติเจฺฉโทว น วตฺตเภททุกฺกฎํฯ อชานิตฺวา นิปชฺชติ, ทฺวินฺนมฺปิ วตฺตเภโท นตฺถิ, รตฺติเจฺฉโท ปน โหติฯ อถ นวกปาริวาสิเก ปฐมํ นิปเนฺน วุฑฺฒตโร ปจฺฉา นิปชฺชติ, นวโก จ ชานาติ, รตฺติ จสฺส ฉิชฺชติ, วตฺตเภเท จ ทุกฺกฎํ โหติฯ วุฑฺฒตรสฺส รตฺติเจฺฉโทว น วตฺตเภโทฯ โน เจ ชานาติ, ทฺวินฺนมฺปิ วตฺตเภโท นตฺถิ, รตฺติเจฺฉโท ปน โหติฯ สเจ เทฺวปิ อปจฺฉาปุริมํ นิปชฺชนฺติ, วุฑฺฒตรสฺส รตฺติเจฺฉโทว อิตรสฺส วตฺตเภโทปีติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํฯ เทฺว ปาริวาสิกา สมวสฺสา, เอโก ปฐมํ นิปโนฺน, เอโก ชานโนฺตว ปจฺฉา นิปชฺชติ, รตฺติ จ ฉิชฺชติ, วตฺตเภเท จ ทุกฺกฎํฯ ปฐมํ นิปนฺนสฺส รตฺติเจฺฉโทว น วตฺตเภโทฯ สเจ ปจฺฉา นิปชฺชโนฺตปิ น ชานาติ, ทฺวินฺนมฺปิ วตฺตเภโท นตฺถิ, รตฺติเจฺฉโท ปน โหติฯ สเจ เทฺวปิ อปจฺฉาปุริมํ นิปชฺชนฺติ, ทฺวินฺนมฺปิ รตฺติเจฺฉโทเยว, น วตฺตเภโทฯ สเจ หิ เทฺว ปาริวาสิกา เอกโต วเสยฺยุํ, เต อญฺญมญฺญสฺส อชฺฌาจารํ ญตฺวา อคารวา วา วิปฺปฎิสาริโน วา หุตฺวา ปาปิฎฺฐตรํ วา อาปตฺติํ อาปเชฺชยฺยุํ วิพฺภเมยฺยุํ วา, ตสฺมา เนสํ สหเสยฺยา สพฺพปฺปกาเรน ปฎิกฺขิตฺตาฯ เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ มูลายปฎิกสฺสนารหาทโย เจตฺถ ปาริวาสิกานํ ปกตตฺตฎฺฐาเน ฐิตาติ เวทิตพฺพาฯ

    Vuḍḍhatarenāti ettha sace vuḍḍhatare pārivāsike paṭhamaṃ nipanne itaro jānanto pacchā nipajjati, ratticchedo cassa hoti vattabhede ca dukkaṭaṃ. Vuḍḍhatarassa pana ratticchedova na vattabhedadukkaṭaṃ. Ajānitvā nipajjati, dvinnampi vattabhedo natthi, ratticchedo pana hoti. Atha navakapārivāsike paṭhamaṃ nipanne vuḍḍhataro pacchā nipajjati, navako ca jānāti, ratti cassa chijjati, vattabhede ca dukkaṭaṃ hoti. Vuḍḍhatarassa ratticchedova na vattabhedo. No ce jānāti, dvinnampi vattabhedo natthi, ratticchedo pana hoti. Sace dvepi apacchāpurimaṃ nipajjanti, vuḍḍhatarassa ratticchedova itarassa vattabhedopīti kurundiyaṃ vuttaṃ. Dve pārivāsikā samavassā, eko paṭhamaṃ nipanno, eko jānantova pacchā nipajjati, ratti ca chijjati, vattabhede ca dukkaṭaṃ. Paṭhamaṃ nipannassa ratticchedova na vattabhedo. Sace pacchā nipajjantopi na jānāti, dvinnampi vattabhedo natthi, ratticchedo pana hoti. Sace dvepi apacchāpurimaṃ nipajjanti, dvinnampi ratticchedoyeva, na vattabhedo. Sace hi dve pārivāsikā ekato vaseyyuṃ, te aññamaññassa ajjhācāraṃ ñatvā agāravā vā vippaṭisārino vā hutvā pāpiṭṭhataraṃ vā āpattiṃ āpajjeyyuṃ vibbhameyyuṃ vā, tasmā nesaṃ sahaseyyā sabbappakārena paṭikkhittā. Sesaṃ vuttanayeneva veditabbaṃ. Mūlāyapaṭikassanārahādayo cettha pārivāsikānaṃ pakatattaṭṭhāne ṭhitāti veditabbā.

    ปาริวาสิกจตุโตฺถ เจ, ภิกฺขเว, ปริวาสนฺติ เอตฺถ ปาริวาสิกํ จตุตฺถํ กตฺวา อญฺญสฺส ปริวาสทานาทีนิ กาตุํ น วฎฺฎติฯ เอเตเสฺววายํ คณปูรโก น โหติ, เสสสงฺฆกเมฺมสุ โหติฯ คเณ ปน อปฺปโหเนฺต วตฺตํ นิกฺขิปาเปตฺวา คณปูรโก กาตโพฺพติฯ

    Pārivāsikacatuttho ce, bhikkhave, parivāsanti ettha pārivāsikaṃ catutthaṃ katvā aññassa parivāsadānādīni kātuṃ na vaṭṭati. Etesvevāyaṃ gaṇapūrako na hoti, sesasaṅghakammesu hoti. Gaṇe pana appahonte vattaṃ nikkhipāpetvā gaṇapūrako kātabboti.

    ๘๓. อิมํ ปน วตฺตกถํ สุตฺวา วินยธรอุปาลิเตฺถรสฺส รโหคตสฺส เอวํ ปริวิตโกฺก อุทปาทิ – ‘‘ภควตา พหุ ปาริวาสิกวตฺตํ ปญฺญตฺตํ, กติหิ นุ โข เอตฺถ การเณหิ รตฺติเจฺฉโท โหตี’’ติ! โส ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ตมตฺถํ ปุจฺฉิฯ ภควา จสฺส พฺยากาสิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อายสฺมา อุปาลิ…เป.… รตฺติเจฺฉทา’’ติฯ ตตฺถ สหวาโสติ ยฺวายํ ปกตเตฺตน ภิกฺขุนา สทฺธิํ เอกจฺฉเนฺนติอาทินา นเยน วุโตฺต เอกโต วาโสฯ วิปฺปวาโสติ เอกกเสฺสว วาโสฯ อนาโรจนาติ อาคนฺตุกาทีนํ อนาโรจนาฯ เอเตสุ ตีสุ เอเกเกน การเณน รตฺติเจฺฉโท โหติฯ

    83. Imaṃ pana vattakathaṃ sutvā vinayadharaupālittherassa rahogatassa evaṃ parivitakko udapādi – ‘‘bhagavatā bahu pārivāsikavattaṃ paññattaṃ, katihi nu kho ettha kāraṇehi ratticchedo hotī’’ti! So bhagavantaṃ upasaṅkamitvā tamatthaṃ pucchi. Bhagavā cassa byākāsi. Tena vuttaṃ – ‘‘atha kho āyasmā upāli…pe… ratticchedā’’ti. Tattha sahavāsoti yvāyaṃ pakatattena bhikkhunā saddhiṃ ekacchannetiādinā nayena vutto ekato vāso. Vippavāsoti ekakasseva vāso. Anārocanāti āgantukādīnaṃ anārocanā. Etesu tīsu ekekena kāraṇena ratticchedo hoti.

    ๘๔. น สโกฺกนฺตีติ สงฺฆสฺส มหนฺตตาย ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา สเพฺพสํ อาโรเจตุํ อสโกฺกนฺตา โสเธตุํ น สโกฺกนฺติฯ ปริวาสํ นิกฺขิปามิ, วตฺตํ นิกฺขิปามีติ อิเมสุ ทฺวีสุ ปเทสุ เอเกนาปิ นิกฺขิโตฺตว โหติ ปริวาโส; ทฺวีหิ สุนิกฺขิโตฺตเยวฯ สมาทาเนปิ เอเสว นโยฯ เอวํ วตฺตํ สมาทิยิตฺวา ปริวุตฺถปริวาสสฺส มานตฺตํ คณฺหโต ปุน วตฺตสมาทานกิจฺจํ นตฺถิ, สมาทินฺนวโตฺตเยว เหส ตสฺมาสฺส ฉารตฺตํ มานตฺตํ ทาตพฺพํ, จิณฺณมานโตฺต อเพฺภตโพฺพฯ เอวํ อนาปตฺติโก หุตฺวา สุทฺธเนฺต ปติฎฺฐิโต ติโสฺส สิกฺขา ปูเรตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตีติฯ

    84.Na sakkontīti saṅghassa mahantatāya tattha tattha gantvā sabbesaṃ ārocetuṃ asakkontā sodhetuṃ na sakkonti. Parivāsaṃ nikkhipāmi, vattaṃ nikkhipāmīti imesu dvīsu padesu ekenāpi nikkhittova hoti parivāso; dvīhi sunikkhittoyeva. Samādānepi eseva nayo. Evaṃ vattaṃ samādiyitvā parivutthaparivāsassa mānattaṃ gaṇhato puna vattasamādānakiccaṃ natthi, samādinnavattoyeva hesa tasmāssa chārattaṃ mānattaṃ dātabbaṃ, ciṇṇamānatto abbhetabbo. Evaṃ anāpattiko hutvā suddhante patiṭṭhito tisso sikkhā pūretvā dukkhassantaṃ karissatīti.

    ปาริวาสิกวตฺตกถา นิฎฺฐิตาฯ

    Pārivāsikavattakathā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi / ๑. ปาริวาสิกวตฺตํ • 1. Pārivāsikavattaṃ

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ปาริวาสิกวตฺตกถาวณฺณนา • Pārivāsikavattakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ปาริวาสิกวตฺตกถาวณฺณนา • Pārivāsikavattakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ปาริวาสิกวตฺตกถาวณฺณนา • Pārivāsikavattakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๑. ปาริวาสิกวตฺตกถา • 1. Pārivāsikavattakathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact