Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติวิภาวินี • Nettivibhāvinī |
๙. ปริวตฺตนหารวิภงฺควิภาวนา
9. Parivattanahāravibhaṅgavibhāvanā
๓๕. เยน เยน สํวณฺณาวิเสสภูเตน วิภตฺติหารวิภเงฺคน สุเตฺต วุตฺตา ธมฺมาทโย วิภตฺตา, โส สํวณฺณาวิเสสภูโต วิภโงฺค ปริปุโณฺณ, ‘‘กตโม ปริวตฺตนหารวิภโงฺค’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ กตโม ปริวตฺตโน หาโร’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ นิทฺทิเฎฺฐสุ โสฬสสุ เทสนาหาราทีสุ กตโม สํวณฺณนาวิเสโส ปริวตฺตโน หาโร ปริวตฺตนหารวิภโงฺค นามาติ ปุจฺฉติฯ ‘‘กุสลากุสเล ธเมฺม’’ติอาทินิเทฺทสสฺส อิทานิ มยา วุจฺจมาโน ‘‘สมฺมาทิฎฺฐิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺสา’’ติอาทิโก วิตฺถารสํวณฺณนาวิเสโส ปริวตฺตโน หาโร ปริวตฺตนหารวิภโงฺค นามาติ อโตฺถ คเหตโพฺพฯ
35. Yena yena saṃvaṇṇāvisesabhūtena vibhattihāravibhaṅgena sutte vuttā dhammādayo vibhattā, so saṃvaṇṇāvisesabhūto vibhaṅgo paripuṇṇo, ‘‘katamo parivattanahāravibhaṅgo’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha katamo parivattano hāro’’tiādi vuttaṃ. Tattha tatthāti tesu niddiṭṭhesu soḷasasu desanāhārādīsu katamo saṃvaṇṇanāviseso parivattano hāro parivattanahāravibhaṅgo nāmāti pucchati. ‘‘Kusalākusale dhamme’’tiādiniddesassa idāni mayā vuccamāno ‘‘sammādiṭṭhissa purisapuggalassā’’tiādiko vitthārasaṃvaṇṇanāviseso parivattano hāro parivattanahāravibhaṅgo nāmāti attho gahetabbo.
‘‘สํวณฺณิยมาเน สุเตฺต นิทฺทิฎฺฐสฺส กตมสฺส ภาวิตพฺพสฺส กุสลสฺส กตโม ปฎิปโกฺข, กถํ ปริวเตฺตตโพฺพ’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา อิมสฺส ภาวิตพฺพสฺส กุสลสฺส อยํ ปฎิปโกฺข, เอวํ ปหาตพฺพภาววเสน ปริวเตฺตตโพฺพติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สมฺมาทิฎฺฐิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺสา’’ติอาทิมาหฯ อฎฺฐกถายํ ปน –
‘‘Saṃvaṇṇiyamāne sutte niddiṭṭhassa katamassa bhāvitabbassa kusalassa katamo paṭipakkho, kathaṃ parivattetabbo’’ti pucchitabbattā imassa bhāvitabbassa kusalassa ayaṃ paṭipakkho, evaṃ pahātabbabhāvavasena parivattetabboti dassento ‘‘sammādiṭṭhissa purisapuggalassā’’tiādimāha. Aṭṭhakathāyaṃ pana –
‘‘ตตฺถ ยสฺมา สํวณฺณิยมาเน สุเตฺต ยถานิทฺทิฎฺฐานํ กุสลากุสลธมฺมานํ ปฎิปกฺขภูเต อกุสลกุสลธเมฺม ปหาตพฺพภาวาทิวเสน นิทฺธารณํ ปฎิปกฺขโต ปริวตฺตนํ, ตสฺมา ‘สมฺมาทิฎฺฐิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส มิจฺฉาทิฎฺฐิ นิชฺชิณฺณา ภวตี’ติอาทิ อารทฺธ’’นฺติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๓๕) –
‘‘Tattha yasmā saṃvaṇṇiyamāne sutte yathāniddiṭṭhānaṃ kusalākusaladhammānaṃ paṭipakkhabhūte akusalakusaladhamme pahātabbabhāvādivasena niddhāraṇaṃ paṭipakkhato parivattanaṃ, tasmā ‘sammādiṭṭhissa purisapuggalassa micchādiṭṭhi nijjiṇṇā bhavatī’tiādi āraddha’’nti (netti. aṭṭha. 35) –
วุตฺตํฯ ปหายกสฺส หิ ธมฺมสฺส ปหาตพฺพภาววเสน นิทฺธารณํ, ปหาตพฺพสฺส จ ธมฺมสฺส ปหายกภาววเสน นิทฺธารณํ ปฎิปกฺขโต ปริวตฺตนํ นาม โหติฯ ตตฺถ สมฺมาทิฎฺฐิสฺสาติ สมฺมา สุนฺทรา ปสตฺถา ทิฎฺฐิ ยสฺส ปุคฺคลสฺสาติ สมฺมาทิฎฺฐิฯ ปุคฺคลปทฎฺฐานา หิ อยํ เทสนาฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ปุริสปุคฺคลสฺสา’’ติฯ สา ปน สมฺมาทิฎฺฐิ กมฺมกมฺมผลาทิสทฺทหนวเสน วา อนิจฺจาทิวิปสฺสนาวเสน วา มคฺคสมฺมาทสฺสนวเสน วา ปวตฺตา นิรวเสสาว คหิตาฯ ‘‘ยาย ภาวิตาย สมฺมาทิฎฺฐิยา ปหาตพฺพา มิจฺฉาทิฎฺฐิ นิชฺชิณฺณา ภวติ, ยทิ เกวลา มิจฺฉาทิฎฺฐิเยว นิชฺชิณฺณา ภวติ, เอวํ สติ ตทวเสสา อกุสลา ธมฺมา อชิณฺณา
Vuttaṃ. Pahāyakassa hi dhammassa pahātabbabhāvavasena niddhāraṇaṃ, pahātabbassa ca dhammassa pahāyakabhāvavasena niddhāraṇaṃ paṭipakkhato parivattanaṃ nāma hoti. Tattha sammādiṭṭhissāti sammā sundarā pasatthā diṭṭhi yassa puggalassāti sammādiṭṭhi. Puggalapadaṭṭhānā hi ayaṃ desanā. Tena vuttaṃ ‘‘purisapuggalassā’’ti. Sā pana sammādiṭṭhi kammakammaphalādisaddahanavasena vā aniccādivipassanāvasena vā maggasammādassanavasena vā pavattā niravasesāva gahitā. ‘‘Yāya bhāvitāya sammādiṭṭhiyā pahātabbā micchādiṭṭhi nijjiṇṇā bhavati, yadi kevalā micchādiṭṭhiyeva nijjiṇṇā bhavati, evaṃ sati tadavasesā akusalā dhammā ajiṇṇā
ภเวยฺยุ’’นฺติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘เย จสฺส มิจฺฉาทิฎฺฐิปจฺจยา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ มิจฺฉาทิฎฺฐิปจฺจยา อเนเก ปาปกา อกุสลาเยว ธมฺมา จ อุปฺปเชฺชยฺยุํ อุปฺปชฺชนารหา ภเวยฺยุํ, เต จ อกุสลา ธมฺมา อสฺส สมฺมาทิฎฺฐิสมฺปนฺนสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส นิชฺชิณฺณา ปหาตพฺพารหา อนุปฺปชฺชนสภาวา โหนฺติฯ เตนาห ภควา – ‘‘อุปาทานนิโรธา ภวนิโรโธ’’ติ (อุทา. ๒; มหาว. ๑)ฯ
Bhaveyyu’’nti vattabbattā ‘‘ye cassa micchādiṭṭhipaccayā’’tiādi vuttaṃ. Micchādiṭṭhipaccayā aneke pāpakā akusalāyeva dhammā ca uppajjeyyuṃ uppajjanārahā bhaveyyuṃ, te ca akusalā dhammā assa sammādiṭṭhisampannassa purisapuggalassa nijjiṇṇā pahātabbārahā anuppajjanasabhāvā honti. Tenāha bhagavā – ‘‘upādānanirodhā bhavanirodho’’ti (udā. 2; mahāva. 1).
‘‘ยทิ สมฺมาทิฎฺฐิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส มิจฺฉาทิฎฺฐิ, ตปฺปจฺจยา อกุสลธมฺมาเยว นิชฺชิณฺณา ภวนฺติ, เอวํ สติ สมฺมาทิฎฺฐิปจฺจยา กุสลา ธมฺมา น สมฺภเวยฺยุ’’นฺติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘สมฺมาทิฎฺฐิปจฺจยา จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อสฺส สมฺมาทิฎฺฐิสมฺปนฺนสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อุปฺปชฺชนารหา สมฺมาทิฎฺฐิปจฺจยา อเนเก กุสลา สมถวิปสฺสนา วา โพธิปกฺขิยา วา ธมฺมา สมฺภวนฺติ, อุปฺปนฺนา จ เต ธมฺมา อสฺส สมฺมาทิฎฺฐิสมฺปนฺนสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส สนฺตาเน ปุนปฺปุนํ ปวตฺตนวเสน ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉนฺติฯ
‘‘Yadi sammādiṭṭhissa purisapuggalassa micchādiṭṭhi, tappaccayā akusaladhammāyeva nijjiṇṇā bhavanti, evaṃ sati sammādiṭṭhipaccayā kusalā dhammā na sambhaveyyu’’nti vattabbattā ‘‘sammādiṭṭhipaccayā cā’’tiādi vuttaṃ. Assa sammādiṭṭhisampannassa purisapuggalassa uppajjanārahā sammādiṭṭhipaccayā aneke kusalā samathavipassanā vā bodhipakkhiyā vā dhammā sambhavanti, uppannā ca te dhammā assa sammādiṭṭhisampannassa purisapuggalassa santāne punappunaṃ pavattanavasena bhāvanāpāripūriṃ gacchanti.
สมฺมาทิฎฺฐิยา ปฎิปกฺขานํ มิจฺฉาทิฎฺฐิยา, ตปฺปจฺจยานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปริวตฺตนภาโว อาจริเยน วิภโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘สมฺมาสงฺกปฺปสฺส ธมฺมสฺส ปฎิปโกฺข ธโมฺม กถํ ปริวเตฺตตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘สมฺมาสงฺกปฺปสฺส ปุริสปุคฺคลสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ โยชนตฺถ อาทโย วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพาฯ สมฺมา สุนฺทรา ปสตฺถา วาจา ยสฺส ปุคฺคลสฺสาติ สมฺมาวาโจ, ตสฺส สมฺมาวาจสฺสฯ ‘‘ปุริสปุคฺคลสฺสา’’ติอาทีนํ อโตฺถปิ วุตฺตนเยน เวทิตโพฺพฯ อยํ ปน วิเสสโตฺถสมฺมา อวิปรีตโต วิมุตฺติญาณทสฺสนํ ยสฺส ปุคฺคลสฺสาติ สมฺมาวิมุตฺติญาณทสฺสโน, ตสฺส สมฺมาวิมุตฺติญาณทสฺสนสฺส ปจฺจเวกฺขณญาณทสฺสนสมฺปนฺนสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส ‘‘อวิมุตฺตาว สมานา วิมุตฺตา มย’’นฺติ มิจฺฉาภินิเวสวเสน ปวตฺตํ มิจฺฉาวิมุตฺติญาณทสฺสนํ นิชฺชิณฺณํ วิคตํ ภวติฯ ‘‘เย จสฺสา’’ติอาทีนํ อนุสนฺธฺยาทิโก วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตโพฺพฯ
Sammādiṭṭhiyā paṭipakkhānaṃ micchādiṭṭhiyā, tappaccayānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ parivattanabhāvo ācariyena vibhatto, amhehi ca ñāto, ‘‘sammāsaṅkappassa dhammassa paṭipakkho dhammo kathaṃ parivattetabbo’’ti vattabbattā ‘‘sammāsaṅkappassa purisapuggalassā’’tiādi vuttaṃ. Yojanattha ādayo vuttanayānusārena veditabbā. Sammā sundarā pasatthā vācā yassa puggalassāti sammāvāco, tassa sammāvācassa. ‘‘Purisapuggalassā’’tiādīnaṃ atthopi vuttanayena veditabbo. Ayaṃ pana visesatthosammā aviparītato vimuttiñāṇadassanaṃ yassa puggalassāti sammāvimuttiñāṇadassano, tassa sammāvimuttiñāṇadassanassa paccavekkhaṇañāṇadassanasampannassa purisapuggalassa ‘‘avimuttāva samānā vimuttā maya’’nti micchābhinivesavasena pavattaṃ micchāvimuttiñāṇadassanaṃ nijjiṇṇaṃ vigataṃ bhavati. ‘‘Ye cassā’’tiādīnaṃ anusandhyādiko vuttanayānusārena veditabbo.
๓๖. ‘‘สมฺมาทิฎฺฐิสฺสาติอาทินา สมฺมาทิฎฺฐิอาทีนํ กุสลานํ ปฎิปกฺขา มิจฺฉาทิฎฺฐาทิกาเยว อกุสลา ปหาตพฺพภาเวน ปริวเตฺตตพฺพา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ปาณาติปาตาเวรมณิอาทีนํ กุสลานํ ปฎิปกฺขา ปาณาติปาตาทิกาปิ อกุสลา ปหาตพฺพภาเวน ปริวเตฺตตพฺพาติ ทเสฺสตุํ ‘‘ยสฺส วา ปาณาติปาตา ปฎิวิรตสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘เอวํ สมฺมาทิฎฺฐิอาทิมุเขน มิจฺฉาทิฎฺฐิอาทิํ ทเสฺสตฺวา ปุน ปาณาติปาตอทินฺนาทานกาเมสุมิจฺฉาจาราทิโต เวรมณิยาทีหิ ปาณาติปาตาทีนํ ปริวตฺตนํ ทเสฺสตุํ ‘ยสฺสา’ติอาทิ อารทฺธ’’นฺติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๓๖) วุตฺตํฯ ตทงฺคาทิวเสนปหีโน โหติฯ กาลวาทิสฺสาติ วทิตพฺพกาเล วทิตพฺพํ วทติ สีเลนาติ กาลวาที, ตสฺสฯ
36. ‘‘Sammādiṭṭhissātiādinā sammādiṭṭhiādīnaṃ kusalānaṃ paṭipakkhā micchādiṭṭhādikāyeva akusalā pahātabbabhāvena parivattetabbā’’ti pucchitabbattā pāṇātipātāveramaṇiādīnaṃ kusalānaṃ paṭipakkhā pāṇātipātādikāpi akusalā pahātabbabhāvena parivattetabbāti dassetuṃ ‘‘yassa vā pāṇātipātā paṭiviratassā’’tiādi vuttaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘evaṃ sammādiṭṭhiādimukhena micchādiṭṭhiādiṃ dassetvā puna pāṇātipātaadinnādānakāmesumicchācārādito veramaṇiyādīhi pāṇātipātādīnaṃ parivattanaṃ dassetuṃ ‘yassā’tiādi āraddha’’nti (netti. aṭṭha. 36) vuttaṃ. Tadaṅgādivasenapahīno hoti. Kālavādissāti vaditabbakāle vaditabbaṃ vadati sīlenāti kālavādī, tassa.
‘‘ยถาวุตฺตปฺปกาเรเนว ปริวเตฺตตพฺพา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา อเญฺญน ปกาเรนปิ ปริวเตฺตตพฺพาติ ทเสฺสตุํ ‘‘เย จ โข เกจี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘เย จ โข เกจีติอาทินา สมฺมาทิฎฺฐิอาทิมุเขเนว มิจฺฉาทิฎฺฐิอาทีหิ เอว ปริวตฺตนํ ปการนฺตเรน ทเสฺสตี’’ติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๓๖) วุตฺตํฯ ตตฺถ เกจิ มิจฺฉาทิฎฺฐิกมิจฺฉาสงฺกปฺปาทิกาเยว ปุคฺคลา ปเรสํ อริยานํ อริยํ อฎฺฐงฺคิกํ มคฺคํ ครหนฺติฯ สนฺทิฎฺฐิกา สนฺทิเฎฺฐ นิยุตฺตา, สหธมฺมิกา สห ธเมฺมน การเณน เย วตฺตนฺติ สหธมฺมิกาฯ คารยฺหา ครหิตพฺพากาเร ยุตฺตา ฯ วาทา จ อนุวาทา จ วาทานุวาทา, เต ภวโนฺต สมฺมาทิฎฺฐิญฺจ ธมฺมํ ครหนฺติฯ เตน ครหเณนฯ ปุชฺชา ปูชิตพฺพา จ น ภวนฺติ, ปาสํสา ปสํสิตพฺพา จ น ภวนฺติฯ เอวนฺติอาทีสุ สมฺมาสงฺกปฺปํ วา สมฺมาวาจาทิกํ วา วิสุํ วิสุํ สมฺมาสงฺกปฺปญฺจ เต ภวโนฺต ธมฺมํ ครหนฺติฯ เตน หิ เย มิจฺฉาสงฺกปฺปิกา, เต ภวโนฺต น ปุชฺชา จ ปาสํสา จ…เป.… สมฺมาวิมุตฺติญฺจ เต ภวโนฺต ธมฺมํ ครหนฺติฯ เตน หิ เย มิจฺฉาทิฎฺฐิวาจิกา, เต ภวโนฺต น ปุชฺชา จ ปาสํสา จฯ สมฺมาวิมุตฺติญาณทสฺสนญฺจ เต ภวโนฺต ธมฺมํ ครหนฺติฯ เตน หิ เย มิจฺฉาวิมุตฺติกา, เต ภวโนฺต น ปุชฺชา จ ปาสํสา จฯ สมฺมาวิมุตฺติญาณทสฺสนญฺจ เต ภวโนฺต ธมฺมํ ครหนฺติฯ เตน หิ เย มิจฺฉาวิมุตฺติญาณทสฺสนิกา, เต ภวโนฺต น ปุชฺชา จ ปาสํสา จาติ โยชนา กาตพฺพาฯ ‘‘มิจฺฉาวิมุตฺติญาณทสฺสนา’’ติปิ ปาโฐ อตฺถิฯ
‘‘Yathāvuttappakāreneva parivattetabbā’’ti pucchitabbattā aññena pakārenapi parivattetabbāti dassetuṃ ‘‘ye ca kho kecī’’tiādi vuttaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘ye ca kho kecītiādinā sammādiṭṭhiādimukheneva micchādiṭṭhiādīhi eva parivattanaṃ pakārantarena dassetī’’ti (netti. aṭṭha. 36) vuttaṃ. Tattha keci micchādiṭṭhikamicchāsaṅkappādikāyeva puggalā paresaṃ ariyānaṃ ariyaṃ aṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ garahanti. Sandiṭṭhikā sandiṭṭhe niyuttā, sahadhammikā saha dhammena kāraṇena ye vattanti sahadhammikā. Gārayhā garahitabbākāre yuttā . Vādā ca anuvādā ca vādānuvādā, te bhavanto sammādiṭṭhiñca dhammaṃ garahanti. Tena garahaṇena. Pujjā pūjitabbā ca na bhavanti, pāsaṃsā pasaṃsitabbā ca na bhavanti. Evantiādīsu sammāsaṅkappaṃ vā sammāvācādikaṃ vā visuṃ visuṃ sammāsaṅkappañca te bhavanto dhammaṃ garahanti. Tena hi ye micchāsaṅkappikā, te bhavanto na pujjā ca pāsaṃsā ca…pe… sammāvimuttiñca te bhavanto dhammaṃ garahanti. Tena hi ye micchādiṭṭhivācikā, te bhavanto na pujjā ca pāsaṃsā ca. Sammāvimuttiñāṇadassanañca te bhavanto dhammaṃ garahanti. Tena hi ye micchāvimuttikā, te bhavanto na pujjā ca pāsaṃsā ca. Sammāvimuttiñāṇadassanañca te bhavanto dhammaṃ garahanti. Tena hi ye micchāvimuttiñāṇadassanikā, te bhavanto na pujjā ca pāsaṃsā cāti yojanā kātabbā. ‘‘Micchāvimuttiñāṇadassanā’’tipi pāṭho atthi.
‘‘อริยมคฺคสมฺมาทิฎฺฐาทีนํ ครหวเสเนว มิจฺฉาทิฎฺฐาทโย จ ปริวเตฺตตพฺพา, นาวเสสานํ ปสํสาวเสนา’’ติ วตฺตพฺพตฺตา กามาทีนํ ปสํสาวเสนปิ กามานํ ปฎิปกฺขา เวรมณิยาทโยปิ ปริวเตฺตตพฺพาติ ทเสฺสตุํ ‘‘เย จ โข เกจิ เอวมาหํสู’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ภุญฺชิตพฺพา กามา, ปริภุญฺชิตพฺพา กามา, อาเสวิตพฺพา กามา, นิเสวิตพฺพา กามาติ เอตฺถ กามียเนฺตติ กามาติ กมฺมสาธนวเสน วตฺถุกามา คหิตา, นาติปณีตา กามา ภุญฺชิตพฺพา, อติปณีตา กามา ปริ สมนฺตโต ภุญฺชิตพฺพาฯ อติปณีตตรา กามา อา ภุโส เสวิตพฺพา, นิยตา เสวิตพฺพาฯ ภาวยิตพฺพา กามา, พหุลีกาตพฺพา กามาติ เอตฺถ ปน กาเมนฺตีติ กามาติ กตฺตุสาธนวเสน กิเลสกามา คหิตา, ปุนปฺปุนํ อุปฺปาทนวเสน ภาวยิตพฺพา วฑฺฒาเปตพฺพา ปวเตฺตตพฺพา กิเลสกามา, พหูนํ ปุนปฺปุนํ อุปฺปาทนวเสน กาตพฺพา วฑฺฒาเปตพฺพา กิเลสกามาติ เย จ กามวสิกา ปุถุชฺชนา เกจิ เอวมาหํสุ เตสํ กามวสิกานํ ปุถุชฺชนานํ เกสญฺจิ ตาทิเสหิ กาเมหิ เวรมณี กุสลเจตนา ปฎิปกฺขวเสน อธโมฺม อเสวิตโพฺพ นาม อาปเชฺชยฺยาติ อธิปฺปาโย คเหตโพฺพฯ
‘‘Ariyamaggasammādiṭṭhādīnaṃ garahavaseneva micchādiṭṭhādayo ca parivattetabbā, nāvasesānaṃ pasaṃsāvasenā’’ti vattabbattā kāmādīnaṃ pasaṃsāvasenapi kāmānaṃ paṭipakkhā veramaṇiyādayopi parivattetabbāti dassetuṃ ‘‘ye ca kho keci evamāhaṃsū’’tiādi vuttaṃ. Tattha bhuñjitabbā kāmā, paribhuñjitabbā kāmā, āsevitabbā kāmā, nisevitabbā kāmāti ettha kāmīyanteti kāmāti kammasādhanavasena vatthukāmā gahitā, nātipaṇītā kāmā bhuñjitabbā, atipaṇītā kāmā pari samantato bhuñjitabbā. Atipaṇītatarā kāmā ā bhuso sevitabbā, niyatā sevitabbā. Bhāvayitabbā kāmā, bahulīkātabbā kāmāti ettha pana kāmentīti kāmāti kattusādhanavasena kilesakāmā gahitā, punappunaṃ uppādanavasena bhāvayitabbā vaḍḍhāpetabbā pavattetabbā kilesakāmā, bahūnaṃ punappunaṃ uppādanavasena kātabbā vaḍḍhāpetabbā kilesakāmāti ye ca kāmavasikā puthujjanā keci evamāhaṃsu tesaṃ kāmavasikānaṃ puthujjanānaṃ kesañci tādisehi kāmehi veramaṇī kusalacetanā paṭipakkhavasena adhammo asevitabbo nāma āpajjeyyāti adhippāyo gahetabbo.
อนฺตทฺวยวเสน ปริวตฺตนํ ทเสฺสตุํ ‘‘เย วา ปน เกจี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อตฺตกิลมถานุโยโค ธโมฺมติ นิยฺยานิโกติ เย วา ปน ปญฺจาตปาทิปฎิปนฺนกา ตตฺถิยา เอวมาหํสุ, เตสํ ปญฺจาตปาทิปฎิปนฺนกานํ นิยฺยานิโก ธโมฺม มชฺฌิมาปฎิปทาสงฺขาโต วิปสฺสนาสหิโต อริยมโคฺค อธโมฺม อนิยฺยานิโก อภาเวตโพฺพ นาม อาปเชฺชยฺยาติฯ สุขทุกฺขวเสนปิ ปริวตฺตนํ ทเสฺสตุํ ‘‘เย จ โข’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘ปาปํ นิชฺชราเปสฺสามา’’ติ อตฺตหิํสนาทิวเสน ปฎิปนฺนกานํ ปวโตฺต สรีรตาปโน ทุโกฺข ธโมฺม นิยฺยานิโกติฯ
Antadvayavasena parivattanaṃ dassetuṃ ‘‘ye vā pana kecī’’tiādi vuttaṃ. Attakilamathānuyogo dhammoti niyyānikoti ye vā pana pañcātapādipaṭipannakā tatthiyā evamāhaṃsu, tesaṃ pañcātapādipaṭipannakānaṃ niyyāniko dhammo majjhimāpaṭipadāsaṅkhāto vipassanāsahito ariyamaggo adhammo aniyyāniko abhāvetabbo nāma āpajjeyyāti. Sukhadukkhavasenapi parivattanaṃ dassetuṃ ‘‘ye ca kho’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Pāpaṃ nijjarāpessāmā’’ti attahiṃsanādivasena paṭipannakānaṃ pavatto sarīratāpano dukkho dhammo niyyānikoti.
เย จ ตถาปฎิปนฺนกา เกจิ เอวมาหํสุ, เตสํ ตถาปฎิปนฺนกานํ อนวชฺชปจฺจยปริโภควเสน ปวโตฺต สรีรทุกฺขูปสโม สุโข ธโมฺม อธโมฺม อปฺปวเตฺตตโพฺพ อาปเชฺชยฺยาติฯ
Ye ca tathāpaṭipannakā keci evamāhaṃsu, tesaṃ tathāpaṭipannakānaṃ anavajjapaccayaparibhogavasena pavatto sarīradukkhūpasamo sukho dhammo adhammo appavattetabbo āpajjeyyāti.
อนฺตทฺวยาทิวเสน ปริวตฺตนํ อาจริเยน วิภตฺตํ, อเมฺหหิ จ ญาตํ, ‘‘กถํ อสุภสญฺญาทิวเสน ปริวเตฺตตโพฺพ’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา เอวํ อสุภสญฺญาทิวเสน สุภสญฺญาทิกา ปริวเตฺตตพฺพาติ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา วา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘อิทานิ อสุภสญฺญาทิมุเขน สุภสญฺญาทิปริวตฺตนํ ทเสฺสตุํ ‘ยถา วา ปนา’ติอาทิ วุตฺต’’นฺติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๓๖) วุตฺตํฯ สพฺพสงฺขาเรสูติ เตภูมกสงฺขาเรสุฯ อารทฺธวิปสฺสกสฺส หิ เตภูมกา ธมฺมา กิเลสาสุจิปคฺฆรณกตฺตา อสุภโต อุปฎฺฐหนฺติฯ
Antadvayādivasena parivattanaṃ ācariyena vibhattaṃ, amhehi ca ñātaṃ, ‘‘kathaṃ asubhasaññādivasena parivattetabbo’’ti pucchitabbattā evaṃ asubhasaññādivasena subhasaññādikā parivattetabbāti dassetuṃ ‘‘yathā vā panā’’tiādi vuttaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘idāni asubhasaññādimukhena subhasaññādiparivattanaṃ dassetuṃ ‘yathā vā panā’tiādi vutta’’nti (netti. aṭṭha. 36) vuttaṃ. Sabbasaṅkhāresūti tebhūmakasaṅkhāresu. Āraddhavipassakassa hi tebhūmakā dhammā kilesāsucipaggharaṇakattā asubhato upaṭṭhahanti.
‘‘ยทิ สรูปโตเยว อิเมสํ อิเม ปฎิปกฺขาติ อปริวเตฺตตพฺพา สิยุํ, เอวํ สติ นิรวเสสา จ ปฎิปกฺขา น สกฺกา ปริวเตฺตตุํ, กถํ สกฺกา ปริวเตฺตตุ’’นฺติ วตฺตพฺพตฺตา ปริวตฺตนลกฺขณํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยํ ยํ วา ปนา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ กุสลํ วา อกุสลํ วา ยํ ยํ ธมฺมํ ปริวเตฺตตุกาโม อาจริโย จิเตฺตน โรจยติ ทิฎฺฐิยา อุปคจฺฉติ, กุสลสฺส วา อกุสลสฺส วา ตสฺส ตสฺส รุจิกสฺส อุปคตสฺส ธมฺมสฺส โย ปฎิปโกฺข, โส ปฎิปกฺขธโมฺม อสทฺธโมฺม อสฺส ธมฺมสฺส อนิฎฺฐโต ปจฺจนีกโต อชฺฌาปโนฺน ปริญฺญาโตฯ อิฎฺฐํ วา อนิฎฺฐํ วา ยํ ยํ ธมฺมํ ปริวเตฺตตุกาโม อาจริโย จิเตฺตน โรจยติ ทิฎฺฐิยา อุปคจฺฉติ, อิฎฺฐสฺส วา อนิฎฺฐสฺส วา ตสฺส ตสฺส รุจิกสฺส ธมฺมสฺส โย ปฎิปโกฺข, โส ปฎิปกฺขธโมฺม อสฺส ธมฺมสฺส อนิฎฺฐโต ปจฺจนีกธมฺมโต อชฺฌาปโนฺน ปริญฺญาโต ภวตีติ ปริวเตฺตตุกาเมน อิจฺฉิตพฺพธมฺมานุรูปปฎิปกฺขวเสน ปริวตฺตนํ กาตพฺพนฺติ ปริวตฺตเน ปฎิปกฺขลกฺขณํ วุตฺตํฯ เตน อฎฺฐกถายํ วุตฺตํ – ‘‘ปฎิปกฺขสฺส ลกฺขณํ วิภาเวตี’’ติฯ
‘‘Yadi sarūpatoyeva imesaṃ ime paṭipakkhāti aparivattetabbā siyuṃ, evaṃ sati niravasesā ca paṭipakkhā na sakkā parivattetuṃ, kathaṃ sakkā parivattetu’’nti vattabbattā parivattanalakkhaṇaṃ dassento ‘‘yaṃ yaṃ vā panā’’tiādimāha. Tattha kusalaṃ vā akusalaṃ vā yaṃ yaṃ dhammaṃ parivattetukāmo ācariyo cittena rocayati diṭṭhiyā upagacchati, kusalassa vā akusalassa vā tassa tassa rucikassa upagatassa dhammassa yo paṭipakkho, so paṭipakkhadhammo asaddhammo assa dhammassa aniṭṭhato paccanīkato ajjhāpanno pariññāto. Iṭṭhaṃ vā aniṭṭhaṃ vā yaṃ yaṃ dhammaṃ parivattetukāmo ācariyo cittena rocayati diṭṭhiyā upagacchati, iṭṭhassa vā aniṭṭhassa vā tassa tassa rucikassa dhammassa yo paṭipakkho, so paṭipakkhadhammo assa dhammassa aniṭṭhato paccanīkadhammato ajjhāpanno pariññāto bhavatīti parivattetukāmena icchitabbadhammānurūpapaṭipakkhavasena parivattanaṃ kātabbanti parivattane paṭipakkhalakkhaṇaṃ vuttaṃ. Tena aṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ – ‘‘paṭipakkhassa lakkhaṇaṃ vibhāvetī’’ti.
‘‘เอวํ วุตฺตปฺปการํ ปริวตฺตนํ อเมฺหหิ กถํ สทฺทหิตพฺพ’’นฺติ วตฺตพฺพตา ‘‘เตนาหา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
‘‘Evaṃ vuttappakāraṃ parivattanaṃ amhehi kathaṃ saddahitabba’’nti vattabbatā ‘‘tenāhā’’tiādi vuttaṃ.
‘‘เอตฺตาวตา ปริวโตฺต หาโร ปริปุโณฺณ, อโญฺญ นิยุโตฺต นตฺถี’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘นิยุโตฺต ปริวตฺตโน หาโร’’ติ วุตฺตํฯ ยสฺมิํ สุเตฺต กุสลากุสเล นิทฺทิเฎฺฐ ปฎิปกฺขวเสน นีหริตฺวา ยถาสมฺภวํ โย โย ปริวตฺตโน หาโร นิยุโตฺต, ตสฺมิํ สุเตฺต นิทฺทิเฎฺฐ ปฎิปกฺขวเสน นีหริตฺวา โส โส ปริวตฺตโน หาโร นิยุโตฺต นิทฺธาเรตฺวา ยุโตฺต โยชิโตติ อโตฺถ คเหตโพฺพติฯ
‘‘Ettāvatā parivatto hāro paripuṇṇo, añño niyutto natthī’’ti vattabbattā ‘‘niyutto parivattano hāro’’ti vuttaṃ. Yasmiṃ sutte kusalākusale niddiṭṭhe paṭipakkhavasena nīharitvā yathāsambhavaṃ yo yo parivattano hāro niyutto, tasmiṃ sutte niddiṭṭhe paṭipakkhavasena nīharitvā so so parivattano hāro niyutto niddhāretvā yutto yojitoti attho gahetabboti.
อิติ ปริวตฺตนหารวิภเงฺค สตฺติพลานุรูปา รจิตา
Iti parivattanahāravibhaṅge sattibalānurūpā racitā
วิภาวนา นิฎฺฐิตาฯ
Vibhāvanā niṭṭhitā.
ปณฺฑิเตหิ ปน อฎฺฐกถาฎีกานุสาเรน คมฺภีรโตฺถ วิตฺถารโต วิภชิตฺวา คเหตโพฺพติฯ
Paṇḍitehi pana aṭṭhakathāṭīkānusārena gambhīrattho vitthārato vibhajitvā gahetabboti.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เนตฺติปฺปกรณปาฬิ • Nettippakaraṇapāḷi / ๙. ปริวตฺตนหารวิภโงฺค • 9. Parivattanahāravibhaṅgo
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / เนตฺติปฺปกรณ-อฎฺฐกถา • Nettippakaraṇa-aṭṭhakathā / ๙. ปริวตฺตนหารวิภงฺควณฺณนา • 9. Parivattanahāravibhaṅgavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā / ๙. ปริวตฺตนหารวิภงฺควณฺณนา • 9. Parivattanahāravibhaṅgavaṇṇanā