Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā)

    ๖. ทุกฺขวโคฺค

    6. Dukkhavaggo

    ๑. ปริวีมํสนสุตฺตวณฺณนา

    1. Parivīmaṃsanasuttavaṇṇanā

    ๕๑. อุปปริกฺขมาโนติ ปวตฺติปวตฺติเหตุํ, นิวตฺตินิวตฺติเหตุญฺจ ปริตุเลโนฺตฯ กุโต ปเนตนฺติ? ‘‘สมฺมา ทุกฺขกฺขยา’’ติ วจนโตฯ น หิ สพฺพทุกฺขปริวีมํสํ วินา สมฺมา ทุกฺขกฺขโย สมฺภวติฯ กสฺมาติอาทินา ชรามรณเสฺสว คหเณ การณํ ปุจฺฉติฯ ชาติอาทีนมฺปิ ปวตฺติ ทุกฺขภาวินีติ อธิปฺปาโยฯ ยสฺมา ชรามรเณ คหิเต สติ ชาติปิ คหิตา โหติ, ตสฺสา อภาเว ชรามรณเสฺสว อภาวโตฯ เอส นโย ภวาทีสุปิฯ เอวํ ยาว ชาติธโมฺม ชรามรเณ คหิเต คหิโตว โหติ, ชรามรณปเทเสน ตพฺพิการวโนฺต สเพฺพ เตภูมกา สงฺขารา คหิตาติ เอวมฺปิ ชรามรณคฺคหเณน สพฺพมฺปิ วฎฺฎทุกฺขํ คหิตเมว โหติฯ เตนาห ‘‘ตสฺมิํ คหิเต สพฺพทุกฺขสฺส คหิตตฺตา’’ติฯ อเนกวิธนฺติ พหุวิธํ พหุโกฎฺฐาสํฯ ‘‘อเนก’’นฺติ วา ปาโฐ ฯ อเนกนฺติ พหุลวจนํฯ วิธนฺติ ขณฺฑิจฺจปาลิจฺจาทิวเสน วิปรีตโกฎฺฐาสํฯ นานปฺปการกนฺติ ตโต เอว นานปฺปการํฯ นฺหตฺวา ฐิตํ ปุริสํ วิยาติ พาลานํ อตฺตภาวสฺส สุภากาเรน อุปฎฺฐานํ สนฺธายาหฯ

    51.Upaparikkhamānoti pavattipavattihetuṃ, nivattinivattihetuñca paritulento. Kuto panetanti? ‘‘Sammā dukkhakkhayā’’ti vacanato. Na hi sabbadukkhaparivīmaṃsaṃ vinā sammā dukkhakkhayo sambhavati. Kasmātiādinā jarāmaraṇasseva gahaṇe kāraṇaṃ pucchati. Jātiādīnampi pavatti dukkhabhāvinīti adhippāyo. Yasmā jarāmaraṇe gahite sati jātipi gahitā hoti, tassā abhāve jarāmaraṇasseva abhāvato. Esa nayo bhavādīsupi. Evaṃ yāva jātidhammo jarāmaraṇe gahite gahitova hoti, jarāmaraṇapadesena tabbikāravanto sabbe tebhūmakā saṅkhārā gahitāti evampi jarāmaraṇaggahaṇena sabbampi vaṭṭadukkhaṃ gahitameva hoti. Tenāha ‘‘tasmiṃ gahite sabbadukkhassa gahitattā’’ti. Anekavidhanti bahuvidhaṃ bahukoṭṭhāsaṃ. ‘‘Aneka’’nti vā pāṭho . Anekanti bahulavacanaṃ. Vidhanti khaṇḍiccapāliccādivasena viparītakoṭṭhāsaṃ. Nānappakārakanti tato eva nānappakāraṃ. Nhatvā ṭhitaṃ purisaṃ viyāti bālānaṃ attabhāvassa subhākārena upaṭṭhānaṃ sandhāyāha.

    ‘‘สารุปฺปภาเวนา’’ติ วุตฺตํ, กิํ สพฺพถา สารุปฺปภาเวนาติ อาห ‘‘นิกฺกิเลสตาย ปริสุทฺธตายา’’ติฯ น หิ ตเสฺสสา อสงฺขตตาทิภาเวน สทิสาฯ ปฎิปโนฺนติ ปฎิมุโข อภิสงฺขารมุโข หุตฺวา ปโนฺน อธิคโตฯ อนุคตนฺติ อนุจฺฉวิกภาเวน คตํ, ยถา จ นิพฺพานสฺส อธิคโม โหติ, เอวํ ตทนุรูปภาเวน คตํฯ เอตฺถ จ ปาฬิยํ ‘‘ปชานาตี’’ติ ปุพฺพภาควเสน ปชานนา วุตฺตา, ‘‘ตถา ปฎิปโนฺน จ โหตี’’ติ นิยตวเสนฯ ‘‘อปรภาควเสนา’’ติ อปเรฯ เกจิ ปน ‘‘ยถา ปฎิปนฺนสฺส ชรามรณํ นิรุชฺฌติ, ตถา ปฎิปโนฺน’’ติ วทนฺติฯ ปทวีมํสนา ปุพฺพภาควเสน เวทิตพฺพา, น มคฺคกฺขณวเสนฯ สงฺขารนิโรธายาติ เอตฺถ นยิทํ อวิชฺชาปจฺจยสงฺขารคฺคหณํ, อถ โข สงฺขตสงฺขารคฺคหณนฺติ อาห ‘‘สงฺขารทุกฺขสฺส นิโรธตฺถายา’’ติฯ เตนาห ‘‘เอตฺตาวตา ยาว อรหตฺตา เทสนา กถิตา’’ติฯ

    ‘‘Sāruppabhāvenā’’ti vuttaṃ, kiṃ sabbathā sāruppabhāvenāti āha ‘‘nikkilesatāya parisuddhatāyā’’ti. Na hi tassesā asaṅkhatatādibhāvena sadisā. Paṭipannoti paṭimukho abhisaṅkhāramukho hutvā panno adhigato. Anugatanti anucchavikabhāvena gataṃ, yathā ca nibbānassa adhigamo hoti, evaṃ tadanurūpabhāvena gataṃ. Ettha ca pāḷiyaṃ ‘‘pajānātī’’ti pubbabhāgavasena pajānanā vuttā, ‘‘tathā paṭipanno ca hotī’’ti niyatavasena. ‘‘Aparabhāgavasenā’’ti apare. Keci pana ‘‘yathā paṭipannassa jarāmaraṇaṃ nirujjhati, tathā paṭipanno’’ti vadanti. Padavīmaṃsanā pubbabhāgavasena veditabbā, na maggakkhaṇavasena. Saṅkhāranirodhāyāti ettha nayidaṃ avijjāpaccayasaṅkhāraggahaṇaṃ, atha kho saṅkhatasaṅkhāraggahaṇanti āha ‘‘saṅkhāradukkhassa nirodhatthāyā’’ti. Tenāha ‘‘ettāvatā yāva arahattā desanā kathitā’’ti.

    ‘‘ปจฺจตฺตํเยว ปรินิพฺพายตี’’ติอาทินา อรหตฺตผลปจฺจเวกฺขณํ, ‘‘โส สุขญฺจ เวทนํ เวทยตี’’ติอาทินา สตตวิหารญฺจ ทเสฺสตฺวา เทสนา สพฺพถาว วฎฺฎเทสนาโต นิวเตฺตตพฺพา สิยาฯ อวิชฺชาคโตติ เอตฺถ อิติ-สโทฺท อาทิอโตฺถ, เตน เอวมาทิกํ อิทํ วฎฺฎวิวฎฺฎกถนํ ปุน คณฺหาติฯ ปุคฺคลสโทฺท อิตราสํ ทฺวินฺนํ ปกตีนํ วาจโกติ ตโต วิเสเสตฺวา คหเณ ปฐมปกติเมว ทเสฺสโนฺต ‘‘ปุริสปุคฺคโล’’ติ อโวจาติ อาห ‘‘ปุริโสเยว ปุคฺคโล’’ติฯ อุภเยนาติ ปุริสปุคฺคลคฺคหเณนฯ สมฺมุติยา อวิชฺชมานาย กถา เทสนา สมฺมุติกถาฯ ปรมตฺถสฺส กถา เทสนา ปรมตฺถกถาฯ ตตฺถาติ สมฺมุติปรมตฺถกถาสุ, น สมฺมุติปรมเตฺถสุฯ เตนาห ‘‘เอวํ ปวตฺตา สมฺมุติกถา นามา’’ติอาทิฯ ตตฺริทํ สมฺมุติปรมตฺถานํ ลกฺขณํ – ยสฺมิํ ภิเนฺน พุทฺธิยา วา อวยววินิโพฺภเค กเต น ตํสมญฺญา, สา ฆฎปฎาทิปฺปเภทา สมฺมุติ, ตพฺพิปริยายโต ปรมโตฺถฯ น หิ กกฺขฬผุสนาทิสภาเว อยํ นโย ลพฺภติฯ ตตฺถ รูปาทิธมฺมํ สมูหสนฺตานวเสน ปวตฺตมานํ อุปาทาย ‘‘สโตฺต’’ติอาทิ โวหาโรติ อาห ‘‘สโตฺต นโร…เป.… สมฺมุติกถา นามา’’ติ ฯ ยสฺมา รูปาทโย ปรมตฺถธมฺมา ‘‘ขนฺธา ธาตุโย’’ติอาทินา วุจฺจนฺติ, น โวหารมตฺตํ, ตสฺมา ‘‘ขนฺธา…เป.… ปรมตฺถกถา นามา’’ติ วุตฺตํฯ นนุ ขนฺธกถาปิ สมฺมุติกถาว, สมฺมุติ หิ สเงฺกโต ขนฺธโฎฺฐ ราสโฎฺฐ วา โกฎฺฐาสโฎฺฐ วาติ? สจฺจเมตํ, อยํ ปน ขนฺธสมญฺญา ผสฺสาทีสุ ตชฺชาปญฺญตฺติ วิย ปรมตฺถสนฺนิสฺสยา ตสฺส อาสนฺนตรา ปุคฺคลสมญฺญาทโย วิย น ทูเรติ ปรมตฺถสงฺคหตา วุตฺตาฯ ขนฺธสีเสน วา ตทุปาทานา สภาวธมฺมา เอว คหิตาฯ นนุ จ สเพฺพปิ สภาวธมฺมา สมฺมุติมุเขเนว เทสนํ อาโรหนฺติ, น สมฺมุเขนาติ สพฺพาปิ เทสนา สมฺมุติเทสนาว สิยาติ? นยิทเมวํ เทเสตพฺพธมฺมวิภาเคน เทสนาวิภาคสฺส อธิเปฺปตตฺตา, น จ สโทฺท เกนจิ ปวตฺตินิมิเตฺตน วินา อตฺถํ ปกาเสตีติฯ เตนาห ‘‘ปรมตฺถํ กเถนฺตาปิ สมฺมุติํ อมุญฺจิตฺวาว กเถนฺตี’’ติฯ สจฺจเมว อวิปรีตเมว กเถนฺติ

    ‘‘Paccattaṃyeva parinibbāyatī’’tiādinā arahattaphalapaccavekkhaṇaṃ, ‘‘so sukhañca vedanaṃ vedayatī’’tiādinā satatavihārañca dassetvā desanā sabbathāva vaṭṭadesanāto nivattetabbā siyā. Avijjāgatoti ettha iti-saddo ādiattho, tena evamādikaṃ idaṃ vaṭṭavivaṭṭakathanaṃ puna gaṇhāti. Puggalasaddo itarāsaṃ dvinnaṃ pakatīnaṃ vācakoti tato visesetvā gahaṇe paṭhamapakatimeva dassento ‘‘purisapuggalo’’ti avocāti āha ‘‘purisoyeva puggalo’’ti. Ubhayenāti purisapuggalaggahaṇena. Sammutiyā avijjamānāya kathā desanā sammutikathā. Paramatthassa kathā desanā paramatthakathā. Tatthāti sammutiparamatthakathāsu, na sammutiparamatthesu. Tenāha ‘‘evaṃ pavattā sammutikathā nāmā’’tiādi. Tatridaṃ sammutiparamatthānaṃ lakkhaṇaṃ – yasmiṃ bhinne buddhiyā vā avayavavinibbhoge kate na taṃsamaññā, sā ghaṭapaṭādippabhedā sammuti, tabbipariyāyato paramattho. Na hi kakkhaḷaphusanādisabhāve ayaṃ nayo labbhati. Tattha rūpādidhammaṃ samūhasantānavasena pavattamānaṃ upādāya ‘‘satto’’tiādi vohāroti āha ‘‘satto naro…pe… sammutikathā nāmā’’ti . Yasmā rūpādayo paramatthadhammā ‘‘khandhā dhātuyo’’tiādinā vuccanti, na vohāramattaṃ, tasmā ‘‘khandhā…pe… paramatthakathā nāmā’’ti vuttaṃ. Nanu khandhakathāpi sammutikathāva, sammuti hi saṅketo khandhaṭṭho rāsaṭṭho vā koṭṭhāsaṭṭho vāti? Saccametaṃ, ayaṃ pana khandhasamaññā phassādīsu tajjāpaññatti viya paramatthasannissayā tassa āsannatarā puggalasamaññādayo viya na dūreti paramatthasaṅgahatā vuttā. Khandhasīsena vā tadupādānā sabhāvadhammā eva gahitā. Nanu ca sabbepi sabhāvadhammā sammutimukheneva desanaṃ ārohanti, na sammukhenāti sabbāpi desanā sammutidesanāva siyāti? Nayidamevaṃ desetabbadhammavibhāgena desanāvibhāgassa adhippetattā, na ca saddo kenaci pavattinimittena vinā atthaṃ pakāsetīti. Tenāha ‘‘paramatthaṃ kathentāpi sammutiṃ amuñcitvāva kathentī’’ti. Saccameva aviparītameva kathenti.

    สมฺมุตีติ สมญฺญาฯ ปรโม อุตฺตโม อโตฺถติ ปรมโตฺถ, ธมฺมานํ ยถาภูตสภาโวฯ ตํ ปรมตฺถํ, สมฺมุติ ปน โลกสฺส สเงฺกตมตฺตสิทฺธาฯ ยทิ เอวํ กถํ สมฺมุติกถาย สจฺจตาติ อาห ‘‘โลกสมฺมุติการณ’’นฺติ โลกสมญฺญํ นิสฺสาย ปวตฺตนโตฯ โลกสมญฺญาย หิ อภินิเวสนํ วินา ปญฺญาปนา เอกจฺจสฺส สุตสฺส สาวนา วิย, น มุสา อนติกฺกมิตพฺพโต ตสฺสาฯ เตนาห ภควา ‘‘ชนปทนิรุตฺติํ นาภินิเวเสยฺย, สมญฺญํ นาติธาเวยฺยา’’ติฯ ธมฺมานํ สภาวธมฺมานํฯ ภูตลกฺขณํ ภาวสฺส ลกฺขณํ ทีเปนฺตีติ กตฺวาฯ

    Sammutīti samaññā. Paramo uttamo atthoti paramattho, dhammānaṃ yathābhūtasabhāvo. Taṃ paramatthaṃ, sammuti pana lokassa saṅketamattasiddhā. Yadi evaṃ kathaṃ sammutikathāya saccatāti āha ‘‘lokasammutikāraṇa’’nti lokasamaññaṃ nissāya pavattanato. Lokasamaññāya hi abhinivesanaṃ vinā paññāpanā ekaccassa sutassa sāvanā viya, na musā anatikkamitabbato tassā. Tenāha bhagavā ‘‘janapadaniruttiṃ nābhiniveseyya, samaññaṃ nātidhāveyyā’’ti. Dhammānaṃ sabhāvadhammānaṃ. Bhūtalakkhaṇaṃ bhāvassa lakkhaṇaṃ dīpentīti katvā.

    เตรสเจตนาเภทนฺติ อฎฺฐกามาวจรกุสลเจตนาปญฺจรูปาวจรกุสลเจตนาเภทํฯ อตฺตโน สนฺตานสฺส ปุนนโต ปุชฺชภวผลสฺส อภิสงฺขรณโต ปุญฺญาภิสงฺขารํฯ กมฺมปุเญฺญนาติ กมฺมภูเตนฯ วิปากปุเญฺญนาติ วิปากสงฺขาเตนฯ ปุญฺญผลมฺปิ หิ อุตฺตรปทโลเปน ‘‘ปุญฺญ’’นฺติ วุจฺจติ ‘‘เอวมิทํ ปุญฺญํ ปวฑฺฒตี’’ติอาทีสุ วิยฯ ‘‘อปุญฺญูปคํ โหติ วิญฺญาณ’’นฺติ อิทํ ‘‘ปุญฺญูปคํ โหติ วิญฺญาณ’’นฺติ เอตฺถ วุตฺตนยเมวาติ น อุทฺธตํฯ อปุญฺญผลํ อุตฺตรปทโลเปน ‘‘อปุญฺญ’’นฺติ วุจฺจติฯ สงฺขารนฺติ สงฺขารสฺส คหิตตฺตา ‘‘อวิชฺชาคโตย’’นฺติ อิมินา สงฺขารสฺส ปจฺจโย คหิโต, ‘‘ปุญฺญูปคํ โหติ วิญฺญาณ’’นฺติอาทินา ปจฺจยุปฺปนฺนํ วิญฺญาณํฯ ตสฺมิญฺจ คหิเต นามรูปาทิ สพฺพํ คหิตเมว โหติฯ เตนาห ‘‘ทฺวาทสปทิโก ปจฺจยากาโร คหิโตว โหตี’’ติฯ

    Terasacetanābhedanti aṭṭhakāmāvacarakusalacetanāpañcarūpāvacarakusalacetanābhedaṃ. Attano santānassa punanato pujjabhavaphalassa abhisaṅkharaṇato puññābhisaṅkhāraṃ. Kammapuññenāti kammabhūtena. Vipākapuññenāti vipākasaṅkhātena. Puññaphalampi hi uttarapadalopena ‘‘puñña’’nti vuccati ‘‘evamidaṃ puññaṃ pavaḍḍhatī’’tiādīsu viya. ‘‘Apuññūpagaṃ hoti viññāṇa’’nti idaṃ ‘‘puññūpagaṃ hoti viññāṇa’’nti ettha vuttanayamevāti na uddhataṃ. Apuññaphalaṃ uttarapadalopena ‘‘apuñña’’nti vuccati. Saṅkhāranti saṅkhārassa gahitattā ‘‘avijjāgatoya’’nti iminā saṅkhārassa paccayo gahito, ‘‘puññūpagaṃ hoti viññāṇa’’ntiādinā paccayuppannaṃ viññāṇaṃ. Tasmiñca gahite nāmarūpādi sabbaṃ gahitameva hoti. Tenāha ‘‘dvādasapadiko paccayākāro gahitova hotī’’ti.

    วิชฺชาติ อรหตฺตมคฺคญาณํ อุกฺกฎฺฐนิเทฺทเสนฯ ตสฺสา หิ อุปฺปาทา สพฺพโส อวิชฺชา ปหีนา โหติฯ ปฐมเมวาติ อิทํ อวิชฺชาปหานวิชฺชุปฺปาทานํ สมานกาลตาทสฺสนํฯ เตนาห ‘‘ยถา ปนา’’ติอาทิฯ ปทีปุชฺชเลนาติ ปทีปุชฺชลนเหตุนา สเหวฯ วิชฺชุปฺปาทาติ วิชฺชุปฺปาทเหตุ, เอวํ สตีปิ สมกาลเตฺตติ อธิปฺปาโยฯ น คณฺหาตีติ ‘‘เอตํ มมา’’ติอาทินา น คณฺหาติฯ น ตณฺหายติ น ภายติ ตณฺหาวุตฺติโน อภาวา, ตโต เอว ภยวตฺถุโน จ อภาวาฯ

    Vijjāti arahattamaggañāṇaṃ ukkaṭṭhaniddesena. Tassā hi uppādā sabbaso avijjā pahīnā hoti. Paṭhamamevāti idaṃ avijjāpahānavijjuppādānaṃ samānakālatādassanaṃ. Tenāha ‘‘yathā panā’’tiādi. Padīpujjalenāti padīpujjalanahetunā saheva. Vijjuppādāti vijjuppādahetu, evaṃ satīpi samakālatteti adhippāyo. Na gaṇhātīti ‘‘etaṃ mamā’’tiādinā na gaṇhāti. Na taṇhāyati na bhāyati taṇhāvuttino abhāvā, tato eva bhayavatthuno ca abhāvā.

    คิลิตฺวา ปรินิฎฺฐาเปตฺวาติ คิลิตฺวา วิย อญฺญสฺส อวิสยํ วิย กรเณน ปรินิฎฺฐาเปตฺวาฯ สามิสสุขสฺส อเนกทุกฺขานุพนฺธภาวโต, สุขาภินนฺทสฺส ทุกฺขเหตุภาวโต จ สุขํ อภินนฺทโนฺตเยว ทุกฺขํ อภินนฺทติ นาม อคฺคิสนฺตาปสุขํ อิจฺฉโนฺต ธูมทุกฺขานุญฺญาโต วิยฯ ทุกฺขํ ปตฺวา สุขํ ปตฺถนโตติ เอตฺถ ทุพฺพลคหณิกาทโย นิทสฺสนภาเวน เวทิตพฺพาฯ เต หิ ยาว สายนฺหสมยาปิ อภุตฺวา สายมาสาทีนิ กโรโนฺต ชิฆจฺฉาทิํ อุปฺปาเทตฺวา ภุญฺชนาทีนิ กโรนฺติฯ สุขสฺส วิปริณามทุกฺขโต สุขํ อภินนฺทโนฺต ทุกฺขํ อภินนฺทติ นามาติ โยชนาฯ เกจิ ปน ทุกฺขสฺส อภาวโต วิปริณามสุขโต ตํ สุขํ อภินนฺทโนฺต ทุกฺขํ อภินนฺทตีติ วทนฺติฯ ตํ น, น หิ ตาทิสํ สุขนิมิตฺตํ โกจิ ทุกฺขํ อภินนฺทโนฺต ทิโฎฺฐ, ทุกฺขเหตุํ ปน สามิสํ สุขํ อภินนฺทโนฺต ทิโฎฺฐฯ ทุกฺขเหตุํ สามิสํ สุขํ อภินนฺทโนฺต อตฺถโต ทุกฺขํ อภินนฺทติ นามาติ วุโตฺตวายมโตฺถฯ กาโยติ ปญฺจทฺวารกาโย, โส ปริยโนฺต อวสานํ เอตสฺสาติ กายปริยนฺติกํฯ เตนาห ‘‘ยาว ปญฺจทฺวารกาโย ปวตฺตติ, ตาว ปวตฺต’’นฺติฯ ชีวิตปริยนฺติกนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ

    Gilitvā pariniṭṭhāpetvāti gilitvā viya aññassa avisayaṃ viya karaṇena pariniṭṭhāpetvā. Sāmisasukhassa anekadukkhānubandhabhāvato, sukhābhinandassa dukkhahetubhāvato ca sukhaṃ abhinandantoyeva dukkhaṃ abhinandati nāma aggisantāpasukhaṃ icchanto dhūmadukkhānuññāto viya. Dukkhaṃ patvā sukhaṃ patthanatoti ettha dubbalagahaṇikādayo nidassanabhāvena veditabbā. Te hi yāva sāyanhasamayāpi abhutvā sāyamāsādīni karonto jighacchādiṃ uppādetvā bhuñjanādīni karonti. Sukhassa vipariṇāmadukkhato sukhaṃ abhinandanto dukkhaṃ abhinandati nāmāti yojanā. Keci pana dukkhassa abhāvato vipariṇāmasukhato taṃ sukhaṃ abhinandanto dukkhaṃ abhinandatīti vadanti. Taṃ na, na hi tādisaṃ sukhanimittaṃ koci dukkhaṃ abhinandanto diṭṭho, dukkhahetuṃ pana sāmisaṃ sukhaṃ abhinandanto diṭṭho. Dukkhahetuṃ sāmisaṃ sukhaṃ abhinandanto atthato dukkhaṃ abhinandati nāmāti vuttovāyamattho. Kāyoti pañcadvārakāyo, so pariyanto avasānaṃ etassāti kāyapariyantikaṃ. Tenāha ‘‘yāva pañcadvārakāyo pavattati, tāva pavatta’’nti. Jīvitapariyantikanti etthāpi eseva nayo.

    ปจฺฉา อุปฺปชฺชิตฺวา ปฐมํ นิรุชฺฌตีติ เอกสฺมิํ อตฺตภาเว มโนทฺวาริกเวทนาโต ปจฺฉา อุปฺปชฺชิตฺวา ตโต ปฐมํ นิรุชฺฌติ, ตโต เอว สิทฺธมตฺถํ สรูเปเนว ทเสฺสตุํ ‘‘มโนทฺวาริกเวทนา ปฐมํ อุปฺปชฺชิตฺวา ปจฺฉา นิรุชฺฌตี’’ติ วุตฺตํฯ อิทานิ ตเมว สเงฺขเปน วุตฺตํ วิวริตุํ ‘‘สา หี’’ติอาทิมาหฯ ยาว เตตฺติํสวสฺสาปิ ปฐมวโยฯ ปณฺณาสวสฺสกาเลติ ปฐมวยโต ยาว ปญฺญาสวสฺสกาลา, ตาว ฐิตา โหตีติ วุฑฺฒิหานิโย อนุปคนฺตฺวา สรูเปเนว ฐิตา โหติฯ มนฺทาติ มุทุกา อติขิณาฯ ตทาติ อสีตินวุติวสฺสกาเลฯ ตถา จิรปริวิตเกฺกปิฯ ภคฺคา นิเตฺตชา ภคฺควิภคฺคา ทุพฺพลาฯ หทยโกฎิํเยวาติ จกฺขาทิวตฺถูสุ อวเตฺตตฺวา เตสํ ขีณตฺตา โกฎิภูตํ หทยวตฺถุํเยวฯ ยาว เอสา เวทนา วตฺตติฯ

    Pacchā uppajjitvā paṭhamaṃ nirujjhatīti ekasmiṃ attabhāve manodvārikavedanāto pacchā uppajjitvā tato paṭhamaṃ nirujjhati, tato eva siddhamatthaṃ sarūpeneva dassetuṃ ‘‘manodvārikavedanā paṭhamaṃ uppajjitvā pacchā nirujjhatī’’ti vuttaṃ. Idāni tameva saṅkhepena vuttaṃ vivarituṃ ‘‘sā hī’’tiādimāha. Yāva tettiṃsavassāpi paṭhamavayo. Paṇṇāsavassakāleti paṭhamavayato yāva paññāsavassakālā, tāva ṭhitā hotīti vuḍḍhihāniyo anupagantvā sarūpeneva ṭhitā hoti. Mandāti mudukā atikhiṇā. Tadāti asītinavutivassakāle. Tathā ciraparivitakkepi. Bhaggā nittejā bhaggavibhaggā dubbalā. Hadayakoṭiṃyevāti cakkhādivatthūsu avattetvā tesaṃ khīṇattā koṭibhūtaṃ hadayavatthuṃyeva. Yāva esā vedanā vattati.

    วาปิยาติ มหาตฬาเกนฯ ปญฺจอุทกมคฺคสมฺปนฺนนฺติ ปญฺจหิ อุทกสฺส ปวิสนนิกฺขมนมเคฺคหิ ยุตฺตํฯ ตโต ตโต วิสฺสนฺทมานํ สพฺพโส ปุณฺณตฺตาฯ

    Vāpiyāti mahātaḷākena. Pañcaudakamaggasampannanti pañcahi udakassa pavisananikkhamanamaggehi yuttaṃ. Tato tato vissandamānaṃ sabbaso puṇṇattā.

    ปฐมํ เทเว วสฺสเนฺตติอาทิ อุปมาสํสนฺทนํฯ อิมํ เวทนํ สนฺธายาติ อิมํ ยถาวุตฺตํ ปริโยสานปฺปตฺตํ มโนทฺวาริกเวทนํ สนฺธายฯ

    Paṭhamaṃdeve vassantetiādi upamāsaṃsandanaṃ. Imaṃ vedanaṃ sandhāyāti imaṃ yathāvuttaṃ pariyosānappattaṃ manodvārikavedanaṃ sandhāya.

    กายสฺส เภทาติ อตฺตภาวสฺส วินาสโตฯ ‘‘อุทฺธํ ชีวิตปริยาทานา’’ติ ปาฬิ, อฎฺฐกถายํ ปน ชีวิตปริยาทานา อุทฺธนฺติ ปทุทฺธาโร กโตฯ ปรโลกวเสน อคนฺตฺวาฯ เวทนานํ สีติภาโว นาม สงฺขารทรถปริฬาหภาโว, โส ปนายํ อปฺปวตฺติวเสนาติ อาห ‘‘ปวตฺติ…เป.… ภวิสฺสนฺตี’’ติฯ ธาตุสรีรานีติ อฎฺฐิกงฺกลสงฺขาตธาตุสรีรานิฯ สรีเรกเทเส หิ สรีรสมญฺญาฯ

    Kāyassa bhedāti attabhāvassa vināsato. ‘‘Uddhaṃ jīvitapariyādānā’’ti pāḷi, aṭṭhakathāyaṃ pana jīvitapariyādānā uddhanti paduddhāro kato. Paralokavasena agantvā. Vedanānaṃ sītibhāvo nāma saṅkhāradarathapariḷāhabhāvo, so panāyaṃ appavattivasenāti āha ‘‘pavatti…pe… bhavissantī’’ti. Dhātusarīrānīti aṭṭhikaṅkalasaṅkhātadhātusarīrāni. Sarīrekadese hi sarīrasamaññā.

    กุมฺภการปากาติ กุมฺภการปากโตฯ เอตฺถ ปจฺจตีติ ปาโก, ปจนฎฺฐานํฯ ตเทว ปาจนวเสน อาวสนฺติ เอตฺถาติ อาวาโส, ตสฺมา กุมฺภการาวาสโตฯ อวิคตวูปสมํ สงฺขริตํ กุมฺภํ อุทฺธริตฺวา ฐเปโนฺต ฉาริกาย สติ ปิธานวเสน ฐเปติฯ ตถา ฐปนํ ปน สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ปฎิสิเสฺสยฺยา’’ติฯ กุมฺภสฺส ปเทสภูตตาย อาพทฺธา อวยวา ‘‘กุมฺภกปาลานี’’ติ อธิเปฺปตานิ, น ฉินฺนภินฺนานิฯ อวยวมุเขน หิ สมุทาโย วุโตฺตฯ ตตฺถ กปาลสมุทาโย หิ ฆโฎฯ เตนาห ‘‘มุขวฎฺฎิยา เอกพทฺธานี’’ติฯ อวสิเสฺสยฺยุนฺติ วณฺณวิเสสอุณฺหภาวาปคตา ฆฎการาเนว ติเฎฺฐยฺยุนฺติฯ อาทิตฺต…เป.… ตโย ภวา ทฎฺฐพฺพา เอกาทสหิ อคฺคีหิ อาทิตฺตภาวโตฯ ยถา กุมฺภกาโร กุมฺภการาวาสํ อาทิตฺตํ ปจฺจเวกฺขติ, เอวํ อารทฺธวิปสฺสโกเปส ภวตฺตยํ ราคาทีหิ อาทิตฺตนฺติ อาห ‘‘กุมฺภกาโร วิย โยคาวจโร’’ติฯ นีหรณทณฺฑโก วิย อรหตฺตมคฺคญาณํ ภวตฺตยปากโต นีหรณโตฯ สโม ภูมิภาโค วิย นิพฺพานตลํ สพฺพวิสมา นิวตฺตนโตฯ

    Kumbhakārapākāti kumbhakārapākato. Ettha paccatīti pāko, pacanaṭṭhānaṃ. Tadeva pācanavasena āvasanti etthāti āvāso, tasmā kumbhakārāvāsato. Avigatavūpasamaṃ saṅkharitaṃ kumbhaṃ uddharitvā ṭhapento chārikāya sati pidhānavasena ṭhapeti. Tathā ṭhapanaṃ pana sandhāya vuttaṃ ‘‘paṭisisseyyā’’ti. Kumbhassa padesabhūtatāya ābaddhā avayavā ‘‘kumbhakapālānī’’ti adhippetāni, na chinnabhinnāni. Avayavamukhena hi samudāyo vutto. Tattha kapālasamudāyo hi ghaṭo. Tenāha ‘‘mukhavaṭṭiyā ekabaddhānī’’ti. Avasisseyyunti vaṇṇavisesauṇhabhāvāpagatā ghaṭakārāneva tiṭṭheyyunti. Āditta…pe… tayo bhavā daṭṭhabbā ekādasahi aggīhi ādittabhāvato. Yathā kumbhakāro kumbhakārāvāsaṃ ādittaṃ paccavekkhati, evaṃ āraddhavipassakopesa bhavattayaṃ rāgādīhi ādittanti āha ‘‘kumbhakāro viya yogāvacaro’’ti. Nīharaṇadaṇḍakoviya arahattamaggañāṇaṃ bhavattayapākato nīharaṇato. Samo bhūmibhāgo viya nibbānatalaṃ sabbavisamā nivattanato.

    ‘‘อาทานนิเกฺขปนโต, วโยวุทฺธตฺถงฺคมโต, อาหารมยโต, อุตุมยโต, จิตฺตสมุฎฺฐานโต, กมฺมชโต, ธมฺมตารูปโต’’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๗๐๖) อิเมหิ สตฺตหิ อากาเรหิ สมฺมสโนฺต รูปสตฺตกํ วิปสฺสติ นามฯ ‘‘กลาปโต, ยมกโต, ขณิกโต, ปฎิปาฎิโต, ทิฎฺฐิอุคฺฆาฎนโต, มานสมุคฺฆาฎโต, นิกนฺติปริยาทานโต’’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๗๑๗) อิเมหิ สตฺตหิ อากาเรหิ สมฺมสโนฺต อรูปสตฺตกํ วิปสฺสติ นาม, ตสฺมา ยถาวุตฺตํ อิมํ รูปสตฺตกํ อรูปสตฺตกญฺจ นีหริตฺวา วิปสฺสนฺตสฺสฯ ยทิปิ อรหโต อตฺตภาโว สพฺพภเวหิปิ อุทฺธโฎ, ยาว ปน อนุปาทิเสสปรินิพฺพานํ น ปาปุณาติ, ตาว ตสฺมิมฺปิ สุคติภเว ฐิโตเยวาติ วตฺตพฺพตํ ลพฺภตีติ ‘‘จตูหิ อปาเยหิ อตฺตภาวํ อุทฺธริตฺวา’’อิเจฺจว วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘ขีณาสโว ปนา’’ติอาทิฯ ตถา จ วกฺขติ ‘‘อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุตสฺส วฎฺฎวูปสโม เวทิตโพฺพ’’ติฯ น ปรินิพฺพาติ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยาติ อธิปฺปาโย, สอุปาทิเสสาย ปน นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพานํ อรหตฺตปฺปตฺติเยวฯ อภิสงฺขารเหตุโต เหตฺถ ปริฬาหวูปสมสฺส อุปสมภาเวน อธิเปฺปตตฺตา อุณฺหกุมฺภนิพฺพานนิทสฺสนมฺปิ น วิรุชฺฌติฯ อนุปาทินฺนกสรีรานีติ อุตุสมุฎฺฐานิกรูปกลาเป วทนฺติฯ ภิกฺขเวติ เอตฺถ อิติ-สโทฺท อาทิอโตฺถฯ อิทํ ปน วจนํฯ อนุโยคาโรปนตฺถนฺติ กายปริยนฺติกํ เวทนํ เวทยมาโน ขีณาสโว อปิ นุ ปุญฺญาภิสงฺขาราทิกมฺมํ กเรยฺยาติ ปญฺหํ กาตุํฯ อถ วา อนุโยคาโรปนตฺถนฺติ ‘‘อปิ นุ โข ขีณาสโว ภิกฺขุ ปุญฺญาภิสงฺขารํ วา อภิสงฺขเรยฺยา’’ติอาทินา อนุโยคํ อาโรเปตุํ วุตฺตํ, น ตาว ยถารทฺธเทสนํ นิฎฺฐาเปตุนฺติ อโตฺถฯ

    ‘‘Ādānanikkhepanato, vayovuddhatthaṅgamato, āhāramayato, utumayato, cittasamuṭṭhānato, kammajato, dhammatārūpato’’ti (visuddhi. 2.706) imehi sattahi ākārehi sammasanto rūpasattakaṃ vipassati nāma. ‘‘Kalāpato, yamakato, khaṇikato, paṭipāṭito, diṭṭhiugghāṭanato, mānasamugghāṭato, nikantipariyādānato’’ti (visuddhi. 2.717) imehi sattahi ākārehi sammasanto arūpasattakaṃ vipassati nāma, tasmā yathāvuttaṃ imaṃ rūpasattakaṃ arūpasattakañca nīharitvā vipassantassa. Yadipi arahato attabhāvo sabbabhavehipi uddhaṭo, yāva pana anupādisesaparinibbānaṃ na pāpuṇāti, tāva tasmimpi sugatibhave ṭhitoyevāti vattabbataṃ labbhatīti ‘‘catūhi apāyehi attabhāvaṃ uddharitvā’’icceva vuttaṃ. Tenāha ‘‘khīṇāsavo panā’’tiādi. Tathā ca vakkhati ‘‘anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbutassa vaṭṭavūpasamo veditabbo’’ti. Na parinibbāti anupādisesāya nibbānadhātuyāti adhippāyo, saupādisesāya pana nibbānadhātuyā parinibbānaṃ arahattappattiyeva. Abhisaṅkhārahetuto hettha pariḷāhavūpasamassa upasamabhāvena adhippetattā uṇhakumbhanibbānanidassanampi na virujjhati. Anupādinnakasarīrānīti utusamuṭṭhānikarūpakalāpe vadanti. Bhikkhaveti ettha iti-saddo ādiattho. Idaṃ pana vacanaṃ. Anuyogāropanatthanti kāyapariyantikaṃ vedanaṃ vedayamāno khīṇāsavo api nu puññābhisaṅkhārādikammaṃ kareyyāti pañhaṃ kātuṃ. Atha vā anuyogāropanatthanti ‘‘api nu kho khīṇāsavo bhikkhu puññābhisaṅkhāraṃ vā abhisaṅkhareyyā’’tiādinā anuyogaṃ āropetuṃ vuttaṃ, na tāva yathāraddhadesanaṃ niṭṭhāpetunti attho.

    ปฎิสนฺธิวิญฺญาเณ สิเทฺธ ตสฺมิํ ภเว อุปฺปชฺชนารหานํ วิญฺญาณานํ สิยา สมฺภโว, นาสตีติ วุตฺตํ ‘‘วิญฺญาณํ ปญฺญาเยถาติ ปฎิสนฺธิวิญฺญาณํ ปญฺญาเยถา’’ติฯ สพฺพโส สงฺขาเรสุ อสเนฺตสุ ปฎิสนฺธิวิญฺญาณํ อปิ นุ โข ปญฺญาเยยฺยฯ ตสฺมิญฺหิ อปญฺญายมาเน สพฺพํ วิญฺญาณํ น ปญฺญาเยยฺยฯ เถรานนฺติ ‘‘ภิกฺขเว’’ติ อาลปิตเตฺถรานํ ฯ ปญฺหพฺยากรณํ สมฺปหํสติ ตสฺส สพฺพญฺญุตญฺญาเณน สํสนฺทนโตฯ อปฺปญฺญาณนฺติ อปฺปญฺญายนํฯ อาทิ-สเทฺทน วิญฺญาเณ อสติ นามรูปสฺส อปฺปญฺญาณนฺติ เอวมาทิํ สงฺคณฺหาติฯ สนฺนิฎฺฐานสงฺขาตนฺติ สทฺทหนากาเรน ปวตฺตสนฺนิฎฺฐานสงฺขาตํฯ อธิโมกฺขนฺติ นิจฺฉยาการวิโมกฺขํ สทฺธาวิโมกฺขญฺจฯ เตนาห ปาฬิยํ ‘‘สทฺทหถ เมตํ, ภิกฺขเว’’ติฯ สทฺธาสหิตญฺหิ นิจฺฉยาการวิโมกฺขํ สนฺธายาห ‘‘สนฺนิฎฺฐานสงฺขาตํ อธิโมกฺข’’นฺติฯ อโนฺตติ ปริยโนฺตฯ ปริโต ฉิชฺชติ เอตฺถาติ ปริเจฺฉโท

    Paṭisandhiviññāṇe siddhe tasmiṃ bhave uppajjanārahānaṃ viññāṇānaṃ siyā sambhavo, nāsatīti vuttaṃ ‘‘viññāṇaṃ paññāyethāti paṭisandhiviññāṇaṃ paññāyethā’’ti. Sabbaso saṅkhāresu asantesu paṭisandhiviññāṇaṃ api nu kho paññāyeyya. Tasmiñhi apaññāyamāne sabbaṃ viññāṇaṃ na paññāyeyya. Therānanti ‘‘bhikkhave’’ti ālapitattherānaṃ . Pañhabyākaraṇaṃ sampahaṃsati tassa sabbaññutaññāṇena saṃsandanato. Appaññāṇanti appaññāyanaṃ. Ādi-saddena viññāṇe asati nāmarūpassa appaññāṇanti evamādiṃ saṅgaṇhāti. Sanniṭṭhānasaṅkhātanti saddahanākārena pavattasanniṭṭhānasaṅkhātaṃ. Adhimokkhanti nicchayākāravimokkhaṃ saddhāvimokkhañca. Tenāha pāḷiyaṃ ‘‘saddahatha metaṃ, bhikkhave’’ti. Saddhāsahitañhi nicchayākāravimokkhaṃ sandhāyāha ‘‘sanniṭṭhānasaṅkhātaṃ adhimokkha’’nti. Antoti pariyanto. Parito chijjati etthāti paricchedo.

    ปริวีมํสนสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Parivīmaṃsanasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑. ปริวีมํสนสุตฺตํ • 1. Parivīmaṃsanasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑. ปริวีมํสนสุตฺตวณฺณนา • 1. Parivīmaṃsanasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact