Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya

    ๒. ปริยายสุตฺตํ

    2. Pariyāyasuttaṃ

    ๒๓๓. อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถิํ ปิณฺฑาย ปวิสิํสุฯ อถ โข เตสํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘อติปฺปโค โข ตาว สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตุํฯ ยํนูน มยํ เยน อญฺญติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ อาราโม เตนุปสงฺกเมยฺยามา’’ติฯ

    233. Atha kho sambahulā bhikkhū pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya sāvatthiṃ piṇḍāya pavisiṃsu. Atha kho tesaṃ bhikkhūnaṃ etadahosi – ‘‘atippago kho tāva sāvatthiyaṃ piṇḍāya carituṃ. Yaṃnūna mayaṃ yena aññatitthiyānaṃ paribbājakānaṃ ārāmo tenupasaṅkameyyāmā’’ti.

    อถ โข เต ภิกฺขู เยน อญฺญติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ อาราโม เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา เตหิ อญฺญติตฺถิเยหิ ปริพฺพาชเกหิ สทฺธิํ สโมฺมทิํสุฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสิเนฺน โข เต ภิกฺขู อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอตทโวจุํ –

    Atha kho te bhikkhū yena aññatitthiyānaṃ paribbājakānaṃ ārāmo tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā tehi aññatitthiyehi paribbājakehi saddhiṃ sammodiṃsu. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinne kho te bhikkhū aññatitthiyā paribbājakā etadavocuṃ –

    ‘‘สมโณ, อาวุโส, โคตโม สาวกานํ เอวํ ธมฺมํ เทเสติ – ‘เอถ ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ปญฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปญฺญาย ทุพฺพลีกรเณ สตฺต โพชฺฌเงฺค ยถาภูตํ ภาเวถา’ติฯ มยมฺปิ โข, อาวุโส, สาวกานํ เอวํ ธมฺมํ เทเสม – ‘เอถ ตุเมฺห, อาวุโส, ปญฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปญฺญาย ทุพฺพลีกรเณ สตฺต โพชฺฌเงฺค ยถาภูตํ ภาเวถา’ติฯ อิธ โน, อาวุโส, โก วิเสโส, โก อธิปฺปยาโส, กิํ นานากรณํ สมณสฺส วา โคตมสฺส อมฺหากํ วา, ยทิทํ – ธมฺมเทสนาย วา ธมฺมเทสนํ, อนุสาสนิยา วา อนุสาสนิ’’นฺติ?

    ‘‘Samaṇo, āvuso, gotamo sāvakānaṃ evaṃ dhammaṃ deseti – ‘etha tumhe, bhikkhave, pañca nīvaraṇe pahāya cetaso upakkilese paññāya dubbalīkaraṇe satta bojjhaṅge yathābhūtaṃ bhāvethā’ti. Mayampi kho, āvuso, sāvakānaṃ evaṃ dhammaṃ desema – ‘etha tumhe, āvuso, pañca nīvaraṇe pahāya cetaso upakkilese paññāya dubbalīkaraṇe satta bojjhaṅge yathābhūtaṃ bhāvethā’ti. Idha no, āvuso, ko viseso, ko adhippayāso, kiṃ nānākaraṇaṃ samaṇassa vā gotamassa amhākaṃ vā, yadidaṃ – dhammadesanāya vā dhammadesanaṃ, anusāsaniyā vā anusāsani’’nti?

    อถ โข เต ภิกฺขู เตสํ อญฺญติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ ภาสิตํ เนว อภินนฺทิํสุ นปฺปฎิโกฺกสิํสุ; อนภินนฺทิตฺวา อปฺปฎิโกฺกสิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกมิํสุ – ‘‘ภควโต สนฺติเก เอตสฺส ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานิสฺสามา’’ติฯ อถ โข เต ภิกฺขู สาวตฺถิํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกนฺตา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ –

    Atha kho te bhikkhū tesaṃ aññatitthiyānaṃ paribbājakānaṃ bhāsitaṃ neva abhinandiṃsu nappaṭikkosiṃsu; anabhinanditvā appaṭikkositvā uṭṭhāyāsanā pakkamiṃsu – ‘‘bhagavato santike etassa bhāsitassa atthaṃ ājānissāmā’’ti. Atha kho te bhikkhū sāvatthiṃ piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkantā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnā kho te bhikkhū bhagavantaṃ etadavocuṃ –

    ‘‘อิธ มยํ, ภเนฺต, ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถิํ ปิณฺฑาย ปวิสิมฺหฯ เตสํ โน, ภเนฺต, อมฺหากํ เอตทโหสิ – ‘อติปฺปโค โข ตาว สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตุํ, ยํนูน มยํ เยน อญฺญติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ อาราโม เตนุปสงฺกเมยฺยามา’ติฯ อถ โข มยํ, ภเนฺต, เยน อญฺญติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ อาราโม เตนุปสงฺกมิมฺห; อุปสงฺกมิตฺวา เตหิ อญฺญติตฺถิเยหิ ปริพฺพาชเกหิ สทฺธิํ สโมฺมทิมฺหฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิมฺหฯ เอกมนฺตํ นิสิเนฺน โข อเมฺห, ภเนฺต, อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอตทโวจุํ –

    ‘‘Idha mayaṃ, bhante, pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya sāvatthiṃ piṇḍāya pavisimha. Tesaṃ no, bhante, amhākaṃ etadahosi – ‘atippago kho tāva sāvatthiyaṃ piṇḍāya carituṃ, yaṃnūna mayaṃ yena aññatitthiyānaṃ paribbājakānaṃ ārāmo tenupasaṅkameyyāmā’ti. Atha kho mayaṃ, bhante, yena aññatitthiyānaṃ paribbājakānaṃ ārāmo tenupasaṅkamimha; upasaṅkamitvā tehi aññatitthiyehi paribbājakehi saddhiṃ sammodimha. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdimha. Ekamantaṃ nisinne kho amhe, bhante, aññatitthiyā paribbājakā etadavocuṃ –

    ‘‘สมโณ, อาวุโส, โคตโม สาวกานํ เอวํ ธมฺมํ เทเสติ ‘เอถ ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ปญฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปญฺญาย ทุพฺพลีกรเณ สตฺต โพชฺฌเงฺค ยถาภูตํ ภาเวถา’ติฯ มยมฺปิ โข, อาวุโส, สาวกานํ เอวํ ธมฺมํ เทเสม – ‘เอถ ตุเมฺห, อาวุโส, ปญฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปญฺญาย ทุพฺพลีกรเณ สตฺต โพชฺฌเงฺค ยถาภูตํ ภาเวถา’ติฯ อิธ โน, อาวุโส, โก วิเสโส, โก อธิปฺปยาโส, กิํ นานากรณํ สมณสฺส วา โคตมสฺส อมฺหากํ วา, ยทิทํ – ธมฺมเทสนาย วา ธมฺมเทสนํ, อนุสาสนิยา วา อนุสาสนิ’’นฺติ?

    ‘‘Samaṇo, āvuso, gotamo sāvakānaṃ evaṃ dhammaṃ deseti ‘etha tumhe, bhikkhave, pañca nīvaraṇe pahāya cetaso upakkilese paññāya dubbalīkaraṇe satta bojjhaṅge yathābhūtaṃ bhāvethā’ti. Mayampi kho, āvuso, sāvakānaṃ evaṃ dhammaṃ desema – ‘etha tumhe, āvuso, pañca nīvaraṇe pahāya cetaso upakkilese paññāya dubbalīkaraṇe satta bojjhaṅge yathābhūtaṃ bhāvethā’ti. Idha no, āvuso, ko viseso, ko adhippayāso, kiṃ nānākaraṇaṃ samaṇassa vā gotamassa amhākaṃ vā, yadidaṃ – dhammadesanāya vā dhammadesanaṃ, anusāsaniyā vā anusāsani’’nti?

    ‘‘อถ โข มยํ, ภเนฺต, เตสํ อญฺญติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ ภาสิตํ เนว อภินนฺทิมฺห นปฺปฎิโกฺกสิมฺห, อนภินนฺทิตฺวา อปฺปฎิโกฺกสิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกมิมฺห – ‘ภควโต สนฺติเก เอตสฺส ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานิสฺสามา’’’ติฯ

    ‘‘Atha kho mayaṃ, bhante, tesaṃ aññatitthiyānaṃ paribbājakānaṃ bhāsitaṃ neva abhinandimha nappaṭikkosimha, anabhinanditvā appaṭikkositvā uṭṭhāyāsanā pakkamimha – ‘bhagavato santike etassa bhāsitassa atthaṃ ājānissāmā’’’ti.

    ‘‘เอวํวาทิโน , ภิกฺขเว, อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวมสฺสุ วจนียา – ‘อตฺถิ ปนาวุโส, ปริยาโย, ยํ ปริยายํ อาคมฺม ปญฺจ นีวรณา ทส โหนฺติ, สตฺต โพชฺฌงฺคา จตุทฺทสา’ติฯ เอวํ ปุฎฺฐา, ภิกฺขเว, อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา น เจว สมฺปายิสฺสนฺติ, อุตฺตริญฺจ วิฆาตํ อาปชฺชิสฺสนฺติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ยถา ตํ, ภิกฺขเว, อวิสยสฺมิํฯ ‘‘นาหํ ตํ, ภิกฺขเว, ปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย, โย อิเมสํ ปญฺหานํ เวยฺยากรเณน จิตฺตํ อาราเธยฺย, อญฺญตฺร ตถาคเตน วา ตถาคตสาวเกน วา อิโต วา ปน สุตฺวา’’ฯ

    ‘‘Evaṃvādino , bhikkhave, aññatitthiyā paribbājakā evamassu vacanīyā – ‘atthi panāvuso, pariyāyo, yaṃ pariyāyaṃ āgamma pañca nīvaraṇā dasa honti, satta bojjhaṅgā catuddasā’ti. Evaṃ puṭṭhā, bhikkhave, aññatitthiyā paribbājakā na ceva sampāyissanti, uttariñca vighātaṃ āpajjissanti. Taṃ kissa hetu? Yathā taṃ, bhikkhave, avisayasmiṃ. ‘‘Nāhaṃ taṃ, bhikkhave, passāmi sadevake loke samārake sabrahmake sassamaṇabrāhmaṇiyā pajāya sadevamanussāya, yo imesaṃ pañhānaṃ veyyākaraṇena cittaṃ ārādheyya, aññatra tathāgatena vā tathāgatasāvakena vā ito vā pana sutvā’’.

    ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปริยาโย, ยํ ปริยายํ อาคมฺม ปญฺจ นีวรณา ทส โหนฺติ? ยทปิ, ภิกฺขเว, อชฺฌตฺตํ กามจฺฉโนฺท ตทปิ นีวรณํ, ยทปิ พหิทฺธา กามจฺฉโนฺท ตทปิ นีวรณํฯ ‘กามจฺฉนฺทนีวรณ’นฺติ อิติ หิทํ อุเทฺทสํ คจฺฉติฯ ตทมินาเปตํ ปริยาเยน ทฺวยํ โหติฯ ยทปิ, ภิกฺขเว, อชฺฌตฺตํ พฺยาปาโท ตทปิ นีวรณํ, ยทปิ พหิทฺธา พฺยาปาโท ตทปิ นีวรณํฯ ‘พฺยาปาทนีวรณ’นฺติ อิติ หิทํ อุเทฺทสํ คจฺฉติฯ ตทมินาเปตํ ปริยาเยน ทฺวยํ โหติฯ ยทปิ, ภิกฺขเว, ถินํ ตทปิ นีวรณํ, ยทปิ มิทฺธํ ตทปิ นีวรณํฯ ‘ถินมิทฺธนีวรณ’นฺติ อิติ หิทํ อุเทฺทสํ คจฺฉติฯ ตทมินาเปตํ ปริยาเยน ทฺวยํ โหติฯ ยทปิ, ภิกฺขเว, อุทฺธจฺจํ ตทปิ นีวรณํ, ยทปิ กุกฺกุจฺจํ ตทปิ นีวรณํฯ ‘อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจนีวรณ’นฺติ อิติ หิทํ อุเทฺทสํ คจฺฉติฯ ตทมินาเปตํ ปริยาเยน ทฺวยํ โหติฯ ยทปิ, ภิกฺขเว, อชฺฌตฺตํ ธเมฺมสุ วิจิกิจฺฉา ตทปิ นีวรณํ, ยทปิ พหิทฺธา ธเมฺมสุ วิจิกิจฺฉา ตทปิ นีวรณํฯ ‘วิจิกิจฺฉานีวรณ’นฺติ อิติ หิทํ อุเทฺทสํ คจฺฉติฯ ตทมินาเปตํ ปริยาเยน ทฺวยํ โหติฯ อยํ โข, ภิกฺขเว, ปริยาโย, ยํ ปริยายํ อาคมฺม ปญฺจ นีวรณา ทส โหนฺติฯ

    ‘‘Katamo ca, bhikkhave, pariyāyo, yaṃ pariyāyaṃ āgamma pañca nīvaraṇā dasa honti? Yadapi, bhikkhave, ajjhattaṃ kāmacchando tadapi nīvaraṇaṃ, yadapi bahiddhā kāmacchando tadapi nīvaraṇaṃ. ‘Kāmacchandanīvaraṇa’nti iti hidaṃ uddesaṃ gacchati. Tadamināpetaṃ pariyāyena dvayaṃ hoti. Yadapi, bhikkhave, ajjhattaṃ byāpādo tadapi nīvaraṇaṃ, yadapi bahiddhā byāpādo tadapi nīvaraṇaṃ. ‘Byāpādanīvaraṇa’nti iti hidaṃ uddesaṃ gacchati. Tadamināpetaṃ pariyāyena dvayaṃ hoti. Yadapi, bhikkhave, thinaṃ tadapi nīvaraṇaṃ, yadapi middhaṃ tadapi nīvaraṇaṃ. ‘Thinamiddhanīvaraṇa’nti iti hidaṃ uddesaṃ gacchati. Tadamināpetaṃ pariyāyena dvayaṃ hoti. Yadapi, bhikkhave, uddhaccaṃ tadapi nīvaraṇaṃ, yadapi kukkuccaṃ tadapi nīvaraṇaṃ. ‘Uddhaccakukkuccanīvaraṇa’nti iti hidaṃ uddesaṃ gacchati. Tadamināpetaṃ pariyāyena dvayaṃ hoti. Yadapi, bhikkhave, ajjhattaṃ dhammesu vicikicchā tadapi nīvaraṇaṃ, yadapi bahiddhā dhammesu vicikicchā tadapi nīvaraṇaṃ. ‘Vicikicchānīvaraṇa’nti iti hidaṃ uddesaṃ gacchati. Tadamināpetaṃ pariyāyena dvayaṃ hoti. Ayaṃ kho, bhikkhave, pariyāyo, yaṃ pariyāyaṃ āgamma pañca nīvaraṇā dasa honti.

    ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปริยาโย, ยํ ปริยายํ อาคมฺม สตฺต โพชฺฌงฺคา จตุทฺทส โหนฺติ? ยทปิ, ภิกฺขเว, อชฺฌตฺตํ ธเมฺมสุ สติ ตทปิ สติสโมฺพชฺฌโงฺค, ยทปิ พหิทฺธา ธเมฺมสุ สติ ตทปิ สติสโมฺพชฺฌโงฺคฯ ‘สติสโมฺพชฺฌโงฺค’ติ อิติ หิทํ อุเทฺทสํ คจฺฉติฯ ตทมินาเปตํ ปริยาเยน ทฺวยํ โหติฯ

    ‘‘Katamo ca, bhikkhave, pariyāyo, yaṃ pariyāyaṃ āgamma satta bojjhaṅgā catuddasa honti? Yadapi, bhikkhave, ajjhattaṃ dhammesu sati tadapi satisambojjhaṅgo, yadapi bahiddhā dhammesu sati tadapi satisambojjhaṅgo. ‘Satisambojjhaṅgo’ti iti hidaṃ uddesaṃ gacchati. Tadamināpetaṃ pariyāyena dvayaṃ hoti.

    ‘‘ยทปิ , ภิกฺขเว, อชฺฌตฺตํ ธเมฺมสุ ปญฺญาย ปวิจินติ 1 ปวิจรติ ปริวีมํสมาปชฺชติ ตทปิ ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌโงฺค, ยทปิ พหิทฺธา ธเมฺมสุ ปญฺญาย ปวิจินติ ปวิจรติ ปริวีมํสมาปชฺชติ ตทปิ ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌโงฺคฯ ‘ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌโงฺค’ติ อิติ หิทํ อุเทฺทสํ คจฺฉติฯ ตทมินาเปตํ ปริยาเยน ทฺวยํ โหติฯ

    ‘‘Yadapi , bhikkhave, ajjhattaṃ dhammesu paññāya pavicinati 2 pavicarati parivīmaṃsamāpajjati tadapi dhammavicayasambojjhaṅgo, yadapi bahiddhā dhammesu paññāya pavicinati pavicarati parivīmaṃsamāpajjati tadapi dhammavicayasambojjhaṅgo. ‘Dhammavicayasambojjhaṅgo’ti iti hidaṃ uddesaṃ gacchati. Tadamināpetaṃ pariyāyena dvayaṃ hoti.

    ‘‘ยทปิ, ภิกฺขเว, กายิกํ วีริยํ ตทปิ วีริยสโมฺพชฺฌโงฺค, ยทปิ เจตสิกํ วีริยํ ตทปิ วีริยสโมฺพชฺฌโงฺคฯ ‘วีริยสโมฺพชฺฌโงฺค’ติ อิติ หิทํ อุเทฺทสํ คจฺฉติฯ ตทมินาเปตํ ปริยาเยน ทฺวยํ โหติฯ

    ‘‘Yadapi, bhikkhave, kāyikaṃ vīriyaṃ tadapi vīriyasambojjhaṅgo, yadapi cetasikaṃ vīriyaṃ tadapi vīriyasambojjhaṅgo. ‘Vīriyasambojjhaṅgo’ti iti hidaṃ uddesaṃ gacchati. Tadamināpetaṃ pariyāyena dvayaṃ hoti.

    ‘‘ยทปิ , ภิกฺขเว, สวิตกฺกสวิจารา ปีติ ตทปิ ปีติสโมฺพชฺฌโงฺค, ยทปิ อวิตกฺกอวิจารา ปีติ ตทปิ ปีติสโมฺพชฺฌโงฺคฯ ‘ปีติสโมฺพชฺฌโงฺค’ติ อิติ หิทํ อุเทฺทสํ คจฺฉติฯ ตทมินาเปตํ ปริยาเยน ทฺวยํ โหติฯ

    ‘‘Yadapi , bhikkhave, savitakkasavicārā pīti tadapi pītisambojjhaṅgo, yadapi avitakkaavicārā pīti tadapi pītisambojjhaṅgo. ‘Pītisambojjhaṅgo’ti iti hidaṃ uddesaṃ gacchati. Tadamināpetaṃ pariyāyena dvayaṃ hoti.

    ‘‘ยทปิ, ภิกฺขเว, กายปฺปสฺสทฺธิ ตทปิ ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌโงฺค, ยทปิ จิตฺตปฺปสฺสทฺธิ ตทปิ ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌโงฺคฯ ‘ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌโงฺค’ติ อิติ หิทํ อุเทฺทสํ คจฺฉติฯ ตทมินาเปตํ ปริยาเยน ทฺวยํ โหติฯ

    ‘‘Yadapi, bhikkhave, kāyappassaddhi tadapi passaddhisambojjhaṅgo, yadapi cittappassaddhi tadapi passaddhisambojjhaṅgo. ‘Passaddhisambojjhaṅgo’ti iti hidaṃ uddesaṃ gacchati. Tadamināpetaṃ pariyāyena dvayaṃ hoti.

    ‘‘ยทปิ, ภิกฺขเว, สวิตโกฺก สวิจาโร สมาธิ ตทปิ สมาธิสโมฺพชฺฌโงฺค, ยทปิ อวิตกฺกอวิจาโร สมาธิ ตทปิ สมาธิสโมฺพชฺฌโงฺคฯ ‘สมาธิสโมฺพชฺฌโงฺค’ติ อิติ หิทํ อุเทฺทสํ คจฺฉติฯ ตทมินาเปตํ ปริยาเยน ทฺวยํ โหติฯ

    ‘‘Yadapi, bhikkhave, savitakko savicāro samādhi tadapi samādhisambojjhaṅgo, yadapi avitakkaavicāro samādhi tadapi samādhisambojjhaṅgo. ‘Samādhisambojjhaṅgo’ti iti hidaṃ uddesaṃ gacchati. Tadamināpetaṃ pariyāyena dvayaṃ hoti.

    ‘‘ยทปิ, ภิกฺขเว, อชฺฌตฺตํ ธเมฺมสุ อุเปกฺขา ตทปิ อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌโงฺค, ยทปิ พหิทฺธา ธเมฺมสุ อุเปกฺขา ตทปิ อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌโงฺคฯ ‘อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌโงฺค’ติ อิติ หิทํ อุเทฺทสํ คจฺฉติฯ ตทมินาเปตํ ปริยาเยน ทฺวยํ โหติฯ อยํ โข, ภิกฺขเว, ปริยาโย, ยํ ปริยายํ อาคมฺม สตฺต โพชฺฌงฺคา จตุทฺทสา’’ติฯ ทุติยํฯ

    ‘‘Yadapi, bhikkhave, ajjhattaṃ dhammesu upekkhā tadapi upekkhāsambojjhaṅgo, yadapi bahiddhā dhammesu upekkhā tadapi upekkhāsambojjhaṅgo. ‘Upekkhāsambojjhaṅgo’ti iti hidaṃ uddesaṃ gacchati. Tadamināpetaṃ pariyāyena dvayaṃ hoti. Ayaṃ kho, bhikkhave, pariyāyo, yaṃ pariyāyaṃ āgamma satta bojjhaṅgā catuddasā’’ti. Dutiyaṃ.







    Footnotes:
    1. ปวิจินาติ (ก.)
    2. pavicināti (ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๒. ปริยายสุตฺตวณฺณนา • 2. Pariyāyasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๒. ปริยายสุตฺตวณฺณนา • 2. Pariyāyasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact