Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā)

    ๒. ปริยายสุตฺตวณฺณนา

    2. Pariyāyasuttavaṇṇanā

    ๒๓๓. ทุติเย สมฺพหุลาติ วินยปริยาเยน ตโย ชนา สมฺพหุลาติ วุจฺจนฺติ, ตโต ปรํ สโงฺฆฯ สุตฺตนฺตปริยาเยน ตโย ตโย เอว, ตโต อุทฺธํ สมฺพหุลาฯ อิธ สุตฺตนฺตปริยาเยน สมฺพหุลาติ เวทิตพฺพาฯ ปิณฺฑาย ปวิสิํสูติ ปิณฺฑาย ปวิฎฺฐาฯ เต ปน น ตาว ปวิฎฺฐา, ‘‘ปวิสิสฺสามา’’ติ นิกฺขนฺตตฺตา ปน ปวิสิํสูติ วุตฺตาฯ ยถา กิํ? ยถา ‘‘คามํ คมิสฺสามี’’ติ นิกฺขนฺตปุริโส ตํ คามํ อปโตฺตปิ ‘‘กหํ อิตฺถนฺนาโม’’ติ วุเตฺต ‘‘คามํ คโต’’ติ วุจฺจติ, เอวํฯ ปริพฺพาชกานํ อาราโมติ เชตวนสฺส อวิทูเร อญฺญติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ อาราโม อตฺถิ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ สมโณ อาวุโสติ อาวุโส ตุมฺหากํ สตฺถา สมโณ โคตโมฯ

    233. Dutiye sambahulāti vinayapariyāyena tayo janā sambahulāti vuccanti, tato paraṃ saṅgho. Suttantapariyāyena tayo tayo eva, tato uddhaṃ sambahulā. Idha suttantapariyāyena sambahulāti veditabbā. Piṇḍāya pavisiṃsūti piṇḍāya paviṭṭhā. Te pana na tāva paviṭṭhā, ‘‘pavisissāmā’’ti nikkhantattā pana pavisiṃsūti vuttā. Yathā kiṃ? Yathā ‘‘gāmaṃ gamissāmī’’ti nikkhantapuriso taṃ gāmaṃ apattopi ‘‘kahaṃ itthannāmo’’ti vutte ‘‘gāmaṃ gato’’ti vuccati, evaṃ. Paribbājakānaṃ ārāmoti jetavanassa avidūre aññatitthiyānaṃ paribbājakānaṃ ārāmo atthi, taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Samaṇo āvusoti āvuso tumhākaṃ satthā samaṇo gotamo.

    มยมฺปิ โข อาวุโส สาวกานํ เอวํ ธมฺมํ เทเสมาติ ติตฺถิยานํ สมเย ‘‘ปญฺจ นีวรณา ปหาตพฺพา, สตฺต โพชฺฌงฺคา ภาเวตพฺพา’’ติ เอตํ นตฺถิ ฯ เต ปน อารามํ คนฺตฺวา ปริสปริยเนฺต ฐตฺวา อญฺญํ โอโลเกโนฺต วิย อญฺญวิหิตกา วิย หุตฺวา ภควโต ธมฺมเทสนํ สุณนฺติฯ ตโต ‘‘สมโณ โคตโม ‘อิทํ ปชหถ อิทํ ภาเวถา’ติ วทตี’’ติ สลฺลเกฺขตฺวา อตฺตโน อารามํ คนฺตฺวา อารามมเชฺฌ อาสนํ ปญฺญาเปตฺวา อุปฎฺฐายกอุปฎฺฐายิกาหิ ปริวุตา สีสํ อุกฺขิปิตฺวา กายํ อุนฺนาเมตฺวา อตฺตโน สยมฺภูญาเณน ปฎิวิทฺธาการํ ทเสฺสนฺตา – ‘‘ปญฺจ นีวรณา นาม ปหาตพฺพา, สตฺต โพชฺฌงฺคา นาม ภาเวตพฺพา’’ติ กเถนฺติฯ

    Mayampi kho āvuso sāvakānaṃ evaṃ dhammaṃ desemāti titthiyānaṃ samaye ‘‘pañca nīvaraṇā pahātabbā, satta bojjhaṅgā bhāvetabbā’’ti etaṃ natthi . Te pana ārāmaṃ gantvā parisapariyante ṭhatvā aññaṃ olokento viya aññavihitakā viya hutvā bhagavato dhammadesanaṃ suṇanti. Tato ‘‘samaṇo gotamo ‘idaṃ pajahatha idaṃ bhāvethā’ti vadatī’’ti sallakkhetvā attano ārāmaṃ gantvā ārāmamajjhe āsanaṃ paññāpetvā upaṭṭhāyakaupaṭṭhāyikāhi parivutā sīsaṃ ukkhipitvā kāyaṃ unnāmetvā attano sayambhūñāṇena paṭividdhākāraṃ dassentā – ‘‘pañca nīvaraṇā nāma pahātabbā, satta bojjhaṅgā nāma bhāvetabbā’’ti kathenti.

    อิธ โน อาวุโสติ เอตฺถ อิธาติ อิมสฺมิํ ปญฺญาปเนฯ โก วิเสโสติ กิํ อธิกํ? โก อธิปฺปยาโสติ โก อธิกปฺปโยโค? กิํ นานากรณนฺติ กิํ นานตฺตํ? ธมฺมเทสนาย วา ธมฺมเทสนนฺติ ยทิทํ สมณสฺส วา โคตมสฺส ธมฺมเทสนาย สทฺธิํ อมฺหากํ ธมฺมเทสนํ, อมฺหากํ วา ธมฺมเทสนาย สทฺธิํ สมณสฺส โคตมสฺส ธมฺมเทสนํ อารพฺภ นานากรณํ วุเจฺจยฺย, ตํ กินฺนามาติ วทนฺติฯ ทุติยปเทปิ เอเสว นโยฯ

    Idha no āvusoti ettha idhāti imasmiṃ paññāpane. Ko visesoti kiṃ adhikaṃ? Ko adhippayāsoti ko adhikappayogo? Kiṃ nānākaraṇanti kiṃ nānattaṃ? Dhammadesanāya vā dhammadesananti yadidaṃ samaṇassa vā gotamassa dhammadesanāya saddhiṃ amhākaṃ dhammadesanaṃ, amhākaṃ vā dhammadesanāya saddhiṃ samaṇassa gotamassa dhammadesanaṃ ārabbha nānākaraṇaṃ vucceyya, taṃ kinnāmāti vadanti. Dutiyapadepi eseva nayo.

    เนว อภินนฺทิํสูติ ‘‘เอวเมว’’นฺติ น สมฺปฎิจฺฉิํสุฯ นปฺปฎิโกฺกสิํสูติ ‘‘นยิทํ เอว’’นฺติ น ปฎิเสธิํสุฯ กิํ ปน เต ปโหนฺตา เอวํ อกํสุ, อุทาหุ อปฺปโหนฺตาติ? ปโหนฺตาฯ น หิ เต เอตฺตกํ กถํ กเถตุํ น สโกฺกนฺติ ‘‘อาวุโส ตุมฺหากํ สมเย ปญฺจ นีวรณา ปหาตพฺพา นาม นตฺถิ, สตฺต โพชฺฌงฺคา ภาเวตพฺพา นาม นตฺถี’’ติฯ เอวํ ปน เตสํ อโหสิ – ‘‘อตฺถิ โน เอตํ กถาปาภตํ, มยํ เอตํ สตฺถุ อาโรเจสฺสาม, อถ โน สตฺถา มธุรธมฺมเทสนํ เทเสสฺสตี’’ติฯ

    Neva abhinandiṃsūti ‘‘evameva’’nti na sampaṭicchiṃsu. Nappaṭikkosiṃsūti ‘‘nayidaṃ eva’’nti na paṭisedhiṃsu. Kiṃ pana te pahontā evaṃ akaṃsu, udāhu appahontāti? Pahontā. Na hi te ettakaṃ kathaṃ kathetuṃ na sakkonti ‘‘āvuso tumhākaṃ samaye pañca nīvaraṇā pahātabbā nāma natthi, satta bojjhaṅgā bhāvetabbā nāma natthī’’ti. Evaṃ pana tesaṃ ahosi – ‘‘atthi no etaṃ kathāpābhataṃ, mayaṃ etaṃ satthu ārocessāma, atha no satthā madhuradhammadesanaṃ desessatī’’ti.

    ปริยาโยติ การณํฯ น เจว สมฺปายิสฺสนฺตีติ สมฺปาเทตฺวา กเถตุํ น สกฺขิสฺสนฺติฯ อุตฺตริญฺจ วิฆาตนฺติ อสมฺปายนโต อุตฺตริมฺปิ ทุกฺขํ อาปชฺชิสฺสนฺติฯ สมฺปาเทตฺวา กเถตุํ อสโกฺกนฺตานญฺหิ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติฯ ยถา ตํ, ภิกฺขเว, อวิสยสฺมินฺติ เอตฺถ นฺติ นิปาตมตฺตํ, ยถาติ การณวจนํ, ยสฺมา อวิสเย ปโญฺห ปุจฺฉิโตติ อโตฺถฯ สเทวเกติ สห เทเวหิ สเทวเกฯ สมารกาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เอวํ ตีณิ ฐานานิ โลเก ปกฺขิปิตฺวา เทฺว ปชายาติ, ปญฺจหิปิ สตฺตโลกเมว ปริยาทิยิตฺวา เอตสฺมิํ สเทวกาทิเภเท โลเก เทวํ วา มนุสฺสํ วา น สมนุปสฺสามีติ ทีเปติฯ อิโต วา ปน สุตฺวาติ อิโต วา ปน มม สาสนโต สุตฺวาฯ อิโต สุตฺวา หิ ตถาคโต ตถาคตสาวโกปิ อาราเธยฺย, ปริโตเสยฺย, อญฺญถา อาราธนา นาม นตฺถีติ ทเสฺสติฯ

    Pariyāyoti kāraṇaṃ. Na ceva sampāyissantīti sampādetvā kathetuṃ na sakkhissanti. Uttariñca vighātanti asampāyanato uttarimpi dukkhaṃ āpajjissanti. Sampādetvā kathetuṃ asakkontānañhi dukkhaṃ uppajjati. Yathā taṃ, bhikkhave, avisayasminti ettha tanti nipātamattaṃ, yathāti kāraṇavacanaṃ, yasmā avisaye pañho pucchitoti attho. Sadevaketi saha devehi sadevake. Samārakādīsupi eseva nayo. Evaṃ tīṇi ṭhānāni loke pakkhipitvā dve pajāyāti, pañcahipi sattalokameva pariyādiyitvā etasmiṃ sadevakādibhede loke devaṃ vā manussaṃ vā na samanupassāmīti dīpeti. Ito vā pana sutvāti ito vā pana mama sāsanato sutvā. Ito sutvā hi tathāgato tathāgatasāvakopi ārādheyya, paritoseyya, aññathā ārādhanā nāma natthīti dasseti.

    อิทานิ อตฺตโน เตสํ ปญฺหานํ เวยฺยากรเณน จิตฺตาราธนํ ทเสฺสโนฺต กตโม จ ภิกฺขเว ปริยาโยติอาทิมาหฯ ตตฺถ อชฺฌตฺตํ กามจฺฉโนฺทติ อตฺตโน ปญฺจกฺขเนฺธ อารพฺภ อุปฺปนฺนฉนฺทราโค ฯ พหิทฺธา กามจฺฉโนฺทติ ปเรสํ ปญฺจกฺขเนฺธ อารพฺภ อุปฺปนฺนฉนฺทราโคฯ อุเทฺทสํ คจฺฉตีติ คณนํ คจฺฉติฯ อชฺฌตฺตํ พฺยาปาโทติ อตฺตโน หตฺถปาทาทีสุ อุปฺปนฺนปฎิโฆฯ พหิทฺธา พฺยาปาโทติ ปเรสํ เตสุ อุปฺปนฺนปฎิโฆฯ อชฺฌตฺตํ ธเมฺมสุ วิจิกิจฺฉาติ อตฺตโน ขเนฺธสุ วิมติฯ พหิทฺธา ธเมฺมสุ วิจิกิจฺฉาติ พหิทฺธา อฎฺฐสุ ฐาเนสุ มหาวิจิกิจฺฉาฯ อชฺฌตฺตํ ธเมฺมสุ สตีติ อชฺฌตฺติเก สงฺขาเร ปฎิคฺคณฺหนฺตสฺส อุปฺปนฺนา สติฯ พหิทฺธา ธเมฺมสุ สตีติ พหิทฺธา สงฺขาเร ปริคฺคณฺหนฺตสฺส อุปฺปนฺนา สติฯ ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌเงฺคปิ เอเสว นโยฯ

    Idāni attano tesaṃ pañhānaṃ veyyākaraṇena cittārādhanaṃ dassento katamo ca bhikkhave pariyāyotiādimāha. Tattha ajjhattaṃ kāmacchandoti attano pañcakkhandhe ārabbha uppannachandarāgo . Bahiddhā kāmacchandoti paresaṃ pañcakkhandhe ārabbha uppannachandarāgo. Uddesaṃ gacchatīti gaṇanaṃ gacchati. Ajjhattaṃ byāpādoti attano hatthapādādīsu uppannapaṭigho. Bahiddhā byāpādoti paresaṃ tesu uppannapaṭigho. Ajjhattaṃ dhammesu vicikicchāti attano khandhesu vimati. Bahiddhā dhammesu vicikicchāti bahiddhā aṭṭhasu ṭhānesu mahāvicikicchā. Ajjhattaṃ dhammesu satīti ajjhattike saṅkhāre paṭiggaṇhantassa uppannā sati. Bahiddhā dhammesu satīti bahiddhā saṅkhāre pariggaṇhantassa uppannā sati. Dhammavicayasambojjhaṅgepi eseva nayo.

    กายิกนฺติ จงฺกมํ อธิฎฺฐหนฺตสฺส อุปฺปนฺนวีริยํฯ เจตสิกนฺติ – ‘‘น ตาวาหํ อิมํ ปลฺลงฺกํ ภินฺทิสฺสามิ, ยาว เม อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจิสฺสตี’’ติ เอวํ กายปโยคํ วินา อุปฺปนฺนวีริยํฯ กายปฺปสฺสทฺธีติ ติณฺณํ ขนฺธานํ ทรถปสฺสทฺธิฯ จิตฺตปฺปสฺสทฺธีติ วิญฺญาณกฺขนฺธสฺส ทรถปสฺสทฺธิฯ อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌเงฺค สติสโมฺพชฺฌงฺคสทิโสว วินิจฺฉโยฯ

    Kāyikanti caṅkamaṃ adhiṭṭhahantassa uppannavīriyaṃ. Cetasikanti – ‘‘na tāvāhaṃ imaṃ pallaṅkaṃ bhindissāmi, yāva me anupādāya āsavehi cittaṃ vimuccissatī’’ti evaṃ kāyapayogaṃ vinā uppannavīriyaṃ. Kāyappassaddhīti tiṇṇaṃ khandhānaṃ darathapassaddhi. Cittappassaddhīti viññāṇakkhandhassa darathapassaddhi. Upekkhāsambojjhaṅge satisambojjhaṅgasadisova vinicchayo.

    อิมสฺมิํ สุเตฺต มิสฺสกสโมฺพชฺฌงฺคา กถิตาฯ เอเตสุ หิ อชฺฌตฺตธเมฺมสุ สติ, ปวิจโย, อุเปกฺขาติ อิเม อตฺตโน ขนฺธารมฺมณตฺตา โลกิยาว โหนฺติ, ตถา มคฺคํ อปตฺตํ กายิกวีริยํฯ อวิตกฺกอวิจารา ปน ปีติสมาธี กิญฺจาปิ รูปาวจรา โหนฺติ, รูปาวจเร ปน โพชฺฌงฺคา น ลพฺภนฺตีติ โลกุตฺตราว โหนฺติฯ เย จ เถรา พฺรหฺมวิหารวิปสฺสนาปาทกชฺฌานาทีสุ โพชฺฌเงฺค อุทฺธรนฺติ, เตสํ มเตน รูปาวจราปิ อรูปาวจราปิ โหนฺติฯ โพชฺฌเงฺคสุ หิ อรูปาวจเร ปีติเยว เอกเนฺตน น ลพฺภติ, เสสา ฉ มิสฺสกาว โหนฺตีติฯ เทสนาปริโยสาเน เกจิ ภิกฺขู โสตาปนฺนา ชาตา, เกจิ สกทาคามี, เกจิ อนาคามี, เกจิ อรหโนฺตติฯ

    Imasmiṃ sutte missakasambojjhaṅgā kathitā. Etesu hi ajjhattadhammesu sati, pavicayo, upekkhāti ime attano khandhārammaṇattā lokiyāva honti, tathā maggaṃ apattaṃ kāyikavīriyaṃ. Avitakkaavicārā pana pītisamādhī kiñcāpi rūpāvacarā honti, rūpāvacare pana bojjhaṅgā na labbhantīti lokuttarāva honti. Ye ca therā brahmavihāravipassanāpādakajjhānādīsu bojjhaṅge uddharanti, tesaṃ matena rūpāvacarāpi arūpāvacarāpi honti. Bojjhaṅgesu hi arūpāvacare pītiyeva ekantena na labbhati, sesā cha missakāva hontīti. Desanāpariyosāne keci bhikkhū sotāpannā jātā, keci sakadāgāmī, keci anāgāmī, keci arahantoti.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๒. ปริยายสุตฺตํ • 2. Pariyāyasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๒. ปริยายสุตฺตวณฺณนา • 2. Pariyāyasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact