Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๙๙] ๙. ปโรสหสฺสชาตกวณฺณนา
[99] 9. Parosahassajātakavaṇṇanā
ปโรสหสฺสมฺปิ สมาคตานนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต ปุถุชฺชนปุจฺฉาปญฺจกํ อารพฺภ กเถสิ ฯ วตฺถุ สรภชาตเก (ชา. ๑.๑๓.๑๓๔ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติฯ เอกสฺมิํ ปน สมเย ภิกฺขู ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตฺวา ‘‘อาวุโส, ทสพเลน สํขิเตฺตน กถิตํ ธมฺมเสนาปติ สาริปุโตฺต วิตฺถาเรน พฺยากาสี’’ติ เถรสฺส คุณํ กถยมานา นิสีทิํสุฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, สาริปุโตฺต อิทาเนว มยา สํขิเตฺตน ภาสิตํ วิตฺถาเรน พฺยากโรติ, ปุเพฺพปิ พฺยากาสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Parosahassampisamāgatānanti idaṃ satthā jetavane viharanto puthujjanapucchāpañcakaṃ ārabbha kathesi . Vatthu sarabhajātake (jā. 1.13.134 ādayo) āvi bhavissati. Ekasmiṃ pana samaye bhikkhū dhammasabhāyaṃ sannipatitvā ‘‘āvuso, dasabalena saṃkhittena kathitaṃ dhammasenāpati sāriputto vitthārena byākāsī’’ti therassa guṇaṃ kathayamānā nisīdiṃsu. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, sāriputto idāneva mayā saṃkhittena bhāsitaṃ vitthārena byākaroti, pubbepi byākāsiyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต อุทิจฺจพฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา กาเม ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ปญฺจาภิญฺญา อฎฺฐ สมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตตฺวา หิมวเนฺต วิหาสิฯ ปริวาโรปิสฺส ปญฺจ ตาปสสตานิ อเหสุํฯ อถสฺส เชฎฺฐเนฺตวาสิโก วสฺสารตฺตสมเย อุปฑฺฒํ อิสิคณํ อาทาย โลณมฺพิลเสวนตฺถาย มนุสฺสปถํ อคมาสิฯ ตทา โพธิสตฺตสฺส กาลกิริยาสมโย ชาโตฯ อถ นํ อเนฺตวาสิกา ‘‘อาจริย, กตโร โว คุโณ ลโทฺธ’’ติ อธิคมํ ปุจฺฉิํสุฯ โส ‘‘นตฺถิ กิญฺจี’’ติ วตฺวา อาภสฺสรพฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติฯ โพธิสตฺตา หิ อรูปสมาปตฺติลาภิโน หุตฺวาปิ อภพฺพฎฺฐานตฺตา อารุเปฺป น นิพฺพตฺตนฺติฯ อเนฺตวาสิกา ‘‘อาจริยสฺส อธิคโม นตฺถี’’ติ อาฬาหเน สกฺการํ น กริํสุฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto udiccabrāhmaṇakule nibbattitvā takkasilāyaṃ sabbasippāni uggaṇhitvā kāme pahāya isipabbajjaṃ pabbajitvā pañcābhiññā aṭṭha samāpattiyo nibbattetvā himavante vihāsi. Parivāropissa pañca tāpasasatāni ahesuṃ. Athassa jeṭṭhantevāsiko vassārattasamaye upaḍḍhaṃ isigaṇaṃ ādāya loṇambilasevanatthāya manussapathaṃ agamāsi. Tadā bodhisattassa kālakiriyāsamayo jāto. Atha naṃ antevāsikā ‘‘ācariya, kataro vo guṇo laddho’’ti adhigamaṃ pucchiṃsu. So ‘‘natthi kiñcī’’ti vatvā ābhassarabrahmaloke nibbatti. Bodhisattā hi arūpasamāpattilābhino hutvāpi abhabbaṭṭhānattā āruppe na nibbattanti. Antevāsikā ‘‘ācariyassa adhigamo natthī’’ti āḷāhane sakkāraṃ na kariṃsu.
เชฎฺฐเนฺตวาสิโก อาคนฺตฺวา ‘‘กหํ อาจริโย’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘กาลกโต’’ติ สุตฺวา ‘‘อปิ อาจริยํ อธิคมํ ปุจฺฉิตฺถา’’ติ อาหฯ ‘‘อาม, ปุจฺฉิมฺหา’’ติฯ ‘‘กิํ กเถสี’’ติ? ‘‘นตฺถิ กิญฺจีติ เตน วุตฺตํ, อถสฺส อเมฺหหิ สกฺกาโร น กโต’’ติ อาหํสุฯ เชฎฺฐเนฺตวาสิโก ‘‘ตุเมฺห อาจริยสฺส วจนตฺถํ น ชานาถ, อากิญฺจญฺญายตนสมาปตฺติลาภี อาจริโย’’ติ อาหฯ เต ตสฺมิํ ปุนปฺปุนํ กเถเนฺตปิ น สทฺทหิํสุฯ โพธิสโตฺต ตํ การณํ ญตฺวา ‘‘อนฺธพาลา มม เชฎฺฐเนฺตวาสิกสฺส วจนํ น สทฺทหนฺติฯ อิมํ เตสํ การณํ ปากฎํ กริสฺสามี’’ติ พฺรหฺมโลกา อาคนฺตฺวา อสฺสมปทมตฺถเก มหเนฺตนานุภาเวน อากาเส ฐตฺวา เชฎฺฐเนฺตวาสิกสฺส ปญฺญานุภาวํ วเณฺณโนฺต อิมํ คาถมาห –
Jeṭṭhantevāsiko āgantvā ‘‘kahaṃ ācariyo’’ti pucchitvā ‘‘kālakato’’ti sutvā ‘‘api ācariyaṃ adhigamaṃ pucchitthā’’ti āha. ‘‘Āma, pucchimhā’’ti. ‘‘Kiṃ kathesī’’ti? ‘‘Natthi kiñcīti tena vuttaṃ, athassa amhehi sakkāro na kato’’ti āhaṃsu. Jeṭṭhantevāsiko ‘‘tumhe ācariyassa vacanatthaṃ na jānātha, ākiñcaññāyatanasamāpattilābhī ācariyo’’ti āha. Te tasmiṃ punappunaṃ kathentepi na saddahiṃsu. Bodhisatto taṃ kāraṇaṃ ñatvā ‘‘andhabālā mama jeṭṭhantevāsikassa vacanaṃ na saddahanti. Imaṃ tesaṃ kāraṇaṃ pākaṭaṃ karissāmī’’ti brahmalokā āgantvā assamapadamatthake mahantenānubhāvena ākāse ṭhatvā jeṭṭhantevāsikassa paññānubhāvaṃ vaṇṇento imaṃ gāthamāha –
๙๙.
99.
‘‘ปโรสหสฺสมฺปิ สมาคตานํ, กเนฺทยฺยุํ เต วสฺสสตํ อปญฺญา;
‘‘Parosahassampi samāgatānaṃ, kandeyyuṃ te vassasataṃ apaññā;
เอโกว เสโยฺย ปุริโส สปโญฺญ, โย ภาสิตสฺส วิชานาติ อตฺถ’’นฺติฯ
Ekova seyyo puriso sapañño, yo bhāsitassa vijānāti attha’’nti.
ตตฺถ ปโรสหสฺสมฺปีติ อติเรกสหสฺสมฺปิฯ สมาคตานนฺติ สนฺนิปติตานํ ภาสิตสฺส อตฺถํ ชานิตุํ อสโกฺกนฺตานํ พาลานํฯ กเนฺทยฺยุํ เต วสฺสสตํ อปญฺญาติ เต เอวํ สมาคตา อปญฺญา อิเม พาลตาปสา วิย วสฺสสตมฺปิ วสฺสสหสฺสมฺปิ โรเทยฺยุํ ปริเทเวยฺยุํ, โรทมานาปิ ปน อตฺถํ วา การณํ วา เนว ชาเนยฺยุนฺติ ทีเปติฯ เอโกว เสโยฺย ปุริโส สปโญฺญติ เอวรูปานํ พาลานํ ปโรสหสฺสโตปิ เอโก ปณฺฑิตปุริโสว เสโยฺย วรตโรติ อโตฺถฯ กีทิโส สปโญฺญติ? โย ภาสิตสฺส วิชานาติ อตฺถํ อยํ เชฎฺฐเนฺตวาสิโก วิยาติฯ
Tattha parosahassampīti atirekasahassampi. Samāgatānanti sannipatitānaṃ bhāsitassa atthaṃ jānituṃ asakkontānaṃ bālānaṃ. Kandeyyuṃ te vassasataṃ apaññāti te evaṃ samāgatā apaññā ime bālatāpasā viya vassasatampi vassasahassampi rodeyyuṃ parideveyyuṃ, rodamānāpi pana atthaṃ vā kāraṇaṃ vā neva jāneyyunti dīpeti. Ekova seyyo puriso sapaññoti evarūpānaṃ bālānaṃ parosahassatopi eko paṇḍitapurisova seyyo varataroti attho. Kīdiso sapaññoti? Yo bhāsitassa vijānāti atthaṃ ayaṃ jeṭṭhantevāsiko viyāti.
เอวํ มหาสโตฺต อากาเส ฐิโตว ธมฺมํ เทเสตฺวา ตาปสคณํ พุชฺฌาเปตฺวา พฺรหฺมโลกเมว คโตฯ เตปิ ตาปสา ชีวิตปริโยสาเน พฺรหฺมโลกปรายณา อเหสุํฯ
Evaṃ mahāsatto ākāse ṭhitova dhammaṃ desetvā tāpasagaṇaṃ bujjhāpetvā brahmalokameva gato. Tepi tāpasā jīvitapariyosāne brahmalokaparāyaṇā ahesuṃ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เชฎฺฐเนฺตวาสิโก สาริปุโตฺต อโหสิ, มหาพฺรหฺมา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā jeṭṭhantevāsiko sāriputto ahosi, mahābrahmā pana ahameva ahosi’’nti.
ปโรสหสฺสชาตกวณฺณนา นวมาฯ
Parosahassajātakavaṇṇanā navamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๙๙. ปโรสหสฺสชาตกํ • 99. Parosahassajātakaṃ