Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya |
๖. ปาสาทิกสุตฺตํ
6. Pāsādikasuttaṃ
๑๖๔. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สเกฺกสุ วิหรติ เวธญฺญา นาม สกฺยา, เตสํ อมฺพวเน ปาสาเทฯ
164. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sakkesu viharati vedhaññā nāma sakyā, tesaṃ ambavane pāsāde.
นิคณฺฐนาฎปุตฺตกาลงฺกิริยา
Nigaṇṭhanāṭaputtakālaṅkiriyā
เตน โข ปน สมเยน นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต 1 ปาวายํ อธุนากาลงฺกโต โหติฯ ตสฺส กาลงฺกิริยาย ภินฺนา นิคณฺฐา เทฺวธิกชาตา ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อญฺญมญฺญํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิหรนฺติ – ‘‘น ตฺวํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานาสิ, อหํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานามิ, กิํ ตฺวํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานิสฺสสิ? มิจฺฉาปฎิปโนฺน ตฺวมสิ, อหมสฺมิ สมฺมาปฎิปโนฺนฯ สหิตํ เม, อสหิตํ เตฯ ปุเรวจนียํ ปจฺฉา อวจ, ปจฺฉาวจนียํ ปุเร อวจฯ อธิจิณฺณํ เต วิปราวตฺตํ, อาโรปิโต เต วาโท, นิคฺคหิโต ตฺวมสิ, จร วาทปฺปโมกฺขาย, นิเพฺพเฐหิ วา สเจ ปโหสี’’ติฯ วโธเยว โข 2 มเญฺญ นิคเณฺฐสุ นาฎปุตฺติเยสุ วตฺตติ 3ฯ เยปิ นิคณฺฐสฺส นาฎปุตฺตสฺส สาวกา คิหี โอทาตวสนา , เตปิ 4 นิคเณฺฐสุ นาฎปุตฺติเยสุ นิพฺพินฺนรูปา 5 วิรตฺตรูปา ปฎิวานรูปา, ยถา ตํ ทุรกฺขาเต ธมฺมวินเย ทุปฺปเวทิเต อนิยฺยานิเก อนุปสมสํวตฺตนิเก อสมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิเต ภินฺนถูเป อปฺปฎิสรเณฯ
Tena kho pana samayena nigaṇṭho nāṭaputto 6 pāvāyaṃ adhunākālaṅkato hoti. Tassa kālaṅkiriyāya bhinnā nigaṇṭhā dvedhikajātā bhaṇḍanajātā kalahajātā vivādāpannā aññamaññaṃ mukhasattīhi vitudantā viharanti – ‘‘na tvaṃ imaṃ dhammavinayaṃ ājānāsi, ahaṃ imaṃ dhammavinayaṃ ājānāmi, kiṃ tvaṃ imaṃ dhammavinayaṃ ājānissasi? Micchāpaṭipanno tvamasi, ahamasmi sammāpaṭipanno. Sahitaṃ me, asahitaṃ te. Purevacanīyaṃ pacchā avaca, pacchāvacanīyaṃ pure avaca. Adhiciṇṇaṃ te viparāvattaṃ, āropito te vādo, niggahito tvamasi, cara vādappamokkhāya, nibbeṭhehi vā sace pahosī’’ti. Vadhoyeva kho 7 maññe nigaṇṭhesu nāṭaputtiyesu vattati 8. Yepi nigaṇṭhassa nāṭaputtassa sāvakā gihī odātavasanā , tepi 9 nigaṇṭhesu nāṭaputtiyesu nibbinnarūpā 10 virattarūpā paṭivānarūpā, yathā taṃ durakkhāte dhammavinaye duppavedite aniyyānike anupasamasaṃvattanike asammāsambuddhappavedite bhinnathūpe appaṭisaraṇe.
๑๖๕. อถ โข จุโนฺท สมณุเทฺทโส ปาวายํ วสฺสํวุโฎฺฐ 11 เยน สามคาโม, เยนายสฺมา อานโนฺท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข จุโนฺท สมณุเทฺทโส อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘นิคโณฺฐ, ภเนฺต, นาฎปุโตฺต ปาวายํ อธุนากาลงฺกโตฯ ตสฺส กาลงฺกิริยาย ภินฺนา นิคณฺฐา เทฺวธิกชาตา…เป.… ภินฺนถูเป อปฺปฎิสรเณ’’ติฯ
165. Atha kho cundo samaṇuddeso pāvāyaṃ vassaṃvuṭṭho 12 yena sāmagāmo, yenāyasmā ānando tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ ānandaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho cundo samaṇuddeso āyasmantaṃ ānandaṃ etadavoca – ‘‘nigaṇṭho, bhante, nāṭaputto pāvāyaṃ adhunākālaṅkato. Tassa kālaṅkiriyāya bhinnā nigaṇṭhā dvedhikajātā…pe… bhinnathūpe appaṭisaraṇe’’ti.
เอวํ วุเตฺต, อายสฺมา อานโนฺท จุนฺทํ สมณุเทฺทสํ เอตทโวจ – ‘‘อตฺถิ โข อิทํ, อาวุโส จุนฺท, กถาปาภตํ ภควนฺตํ ทสฺสนายฯ อายามาวุโส จุนฺท, เยน ภควา เตนุปสงฺกมิสฺสาม; อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ภควโต อาโรเจสฺสามา’’ติ 13ฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข จุโนฺท สมณุเทฺทโส อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปจฺจโสฺสสิฯ
Evaṃ vutte, āyasmā ānando cundaṃ samaṇuddesaṃ etadavoca – ‘‘atthi kho idaṃ, āvuso cunda, kathāpābhataṃ bhagavantaṃ dassanāya. Āyāmāvuso cunda, yena bhagavā tenupasaṅkamissāma; upasaṅkamitvā etamatthaṃ bhagavato ārocessāmā’’ti 14. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho cundo samaṇuddeso āyasmato ānandassa paccassosi.
อถ โข อายสฺมา จ อานโนฺท จุโนฺท จ สมณุเทฺทโส เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อยํ, ภเนฺต, จุโนฺท สมณุเทฺทโส เอวมาห, ‘นิคโณฺฐ, ภเนฺต, นาฎปุโตฺต ปาวายํ อธุนากาลงฺกโต, ตสฺส กาลงฺกิริยาย ภินฺนา นิคณฺฐา…เป.… ภินฺนถูเป อปฺปฎิสรเณ’’’ติฯ
Atha kho āyasmā ca ānando cundo ca samaṇuddeso yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘ayaṃ, bhante, cundo samaṇuddeso evamāha, ‘nigaṇṭho, bhante, nāṭaputto pāvāyaṃ adhunākālaṅkato, tassa kālaṅkiriyāya bhinnā nigaṇṭhā…pe… bhinnathūpe appaṭisaraṇe’’’ti.
อสมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิตธมฺมวินโย
Asammāsambuddhappaveditadhammavinayo
๑๖๖. ‘‘เอวํ เหตํ, จุนฺท, โหติ ทุรกฺขาเต ธมฺมวินเย ทุปฺปเวทิเต อนิยฺยานิเก อนุปสมสํวตฺตนิเก อสมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิเตฯ อิธ, จุนฺท, สตฺถา จ โหติ อสมฺมาสมฺพุโทฺธ, ธโมฺม จ ทุรกฺขาโต ทุปฺปเวทิโต อนิยฺยานิโก อนุปสมสํวตฺตนิโก อสมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิโต, สาวโก จ ตสฺมิํ ธเมฺม น ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปโนฺน วิหรติ น สามีจิปฺปฎิปโนฺน น อนุธมฺมจารี, โวกฺกมฺม จ ตมฺหา ธมฺมา วตฺตติฯ โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘ตสฺส เต, อาวุโส, ลาภา, ตสฺส เต สุลทฺธํ, สตฺถา จ เต อสมฺมาสมฺพุโทฺธ, ธโมฺม จ ทุรกฺขาโต ทุปฺปเวทิโต อนิยฺยานิโก อนุปสมสํวตฺตนิโก อสมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิโตฯ ตฺวญฺจ ตสฺมิํ ธเมฺม น ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปโนฺน วิหรสิ, น สามีจิปฺปฎิปโนฺน, น อนุธมฺมจารี, โวกฺกมฺม จ ตมฺหา ธมฺมา วตฺตสี’ติฯ อิติ โข, จุนฺท, สตฺถาปิ ตตฺถ คารโยฺห, ธโมฺมปิ ตตฺถ คารโยฺห, สาวโก จ ตตฺถ เอวํ ปาสํโสฯ โย โข, จุนฺท, เอวรูปํ สาวกํ เอวํ วเทยฺย – ‘เอตายสฺมา ตถา ปฎิปชฺชตุ, ยถา เต สตฺถารา ธโมฺม เทสิโต ปญฺญโตฺต’ติฯ โย จ สมาทเปติ 15, ยญฺจ สมาทเปติ, โย จ สมาทปิโต 16 ตถตฺตาย ปฎิปชฺชติฯ สเพฺพ เต พหุํ อปุญฺญํ ปสวนฺติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? เอวํ เหตํ, จุนฺท, โหติ ทุรกฺขาเต ธมฺมวินเย ทุปฺปเวทิเต อนิยฺยานิเก อนุปสมสํวตฺตนิเก อสมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิเตฯ
166. ‘‘Evaṃ hetaṃ, cunda, hoti durakkhāte dhammavinaye duppavedite aniyyānike anupasamasaṃvattanike asammāsambuddhappavedite. Idha, cunda, satthā ca hoti asammāsambuddho, dhammo ca durakkhāto duppavedito aniyyāniko anupasamasaṃvattaniko asammāsambuddhappavedito, sāvako ca tasmiṃ dhamme na dhammānudhammappaṭipanno viharati na sāmīcippaṭipanno na anudhammacārī, vokkamma ca tamhā dhammā vattati. So evamassa vacanīyo – ‘tassa te, āvuso, lābhā, tassa te suladdhaṃ, satthā ca te asammāsambuddho, dhammo ca durakkhāto duppavedito aniyyāniko anupasamasaṃvattaniko asammāsambuddhappavedito. Tvañca tasmiṃ dhamme na dhammānudhammappaṭipanno viharasi, na sāmīcippaṭipanno, na anudhammacārī, vokkamma ca tamhā dhammā vattasī’ti. Iti kho, cunda, satthāpi tattha gārayho, dhammopi tattha gārayho, sāvako ca tattha evaṃ pāsaṃso. Yo kho, cunda, evarūpaṃ sāvakaṃ evaṃ vadeyya – ‘etāyasmā tathā paṭipajjatu, yathā te satthārā dhammo desito paññatto’ti. Yo ca samādapeti 17, yañca samādapeti, yo ca samādapito 18 tathattāya paṭipajjati. Sabbe te bahuṃ apuññaṃ pasavanti. Taṃ kissa hetu? Evaṃ hetaṃ, cunda, hoti durakkhāte dhammavinaye duppavedite aniyyānike anupasamasaṃvattanike asammāsambuddhappavedite.
๑๖๗. ‘‘อิธ ปน, จุนฺท, สตฺถา จ โหติ อสมฺมาสมฺพุโทฺธ, ธโมฺม จ ทุรกฺขาโต ทุปฺปเวทิโต อนิยฺยานิโก อนุปสมสํวตฺตนิโก อสมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิโต, สาวโก จ ตสฺมิํ ธเมฺม ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปโนฺน วิหรติ สามีจิปฺปฎิปโนฺน อนุธมฺมจารี, สมาทาย ตํ ธมฺมํ วตฺตติฯ โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘ตสฺส เต, อาวุโส, อลาภา, ตสฺส เต ทุลฺลทฺธํ, สตฺถา จ เต อสมฺมาสมฺพุโทฺธ , ธโมฺม จ ทุรกฺขาโต ทุปฺปเวทิโต อนิยฺยานิโก อนุปสมสํวตฺตนิโก อสมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิโตฯ ตฺวญฺจ ตสฺมิํ ธเมฺม ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปโนฺน วิหรสิ สามีจิปฺปฎิปโนฺน อนุธมฺมจารี, สมาทาย ตํ ธมฺมํ วตฺตสี’ติฯ อิติ โข, จุนฺท, สตฺถาปิ ตตฺถ คารโยฺห, ธโมฺมปิ ตตฺถ คารโยฺห, สาวโกปิ ตตฺถ เอวํ คารโยฺหฯ โย โข, จุนฺท, เอวรูปํ สาวกํ เอวํ วเทยฺย – ‘อทฺธายสฺมา ญายปฺปฎิปโนฺน ญายมาราเธสฺสตี’ติฯ โย จ ปสํสติ, ยญฺจ ปสํสติ, โย จ ปสํสิโต ภิโยฺยโส มตฺตาย วีริยํ อารภติฯ สเพฺพ เต พหุํ อปุญฺญํ ปสวนฺติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? เอวเญฺหตํ, จุนฺท, โหติ ทุรกฺขาเต ธมฺมวินเย ทุปฺปเวทิเต อนิยฺยานิเก อนุปสมสํวตฺตนิเก อสมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิเตฯ
167. ‘‘Idha pana, cunda, satthā ca hoti asammāsambuddho, dhammo ca durakkhāto duppavedito aniyyāniko anupasamasaṃvattaniko asammāsambuddhappavedito, sāvako ca tasmiṃ dhamme dhammānudhammappaṭipanno viharati sāmīcippaṭipanno anudhammacārī, samādāya taṃ dhammaṃ vattati. So evamassa vacanīyo – ‘tassa te, āvuso, alābhā, tassa te dulladdhaṃ, satthā ca te asammāsambuddho , dhammo ca durakkhāto duppavedito aniyyāniko anupasamasaṃvattaniko asammāsambuddhappavedito. Tvañca tasmiṃ dhamme dhammānudhammappaṭipanno viharasi sāmīcippaṭipanno anudhammacārī, samādāya taṃ dhammaṃ vattasī’ti. Iti kho, cunda, satthāpi tattha gārayho, dhammopi tattha gārayho, sāvakopi tattha evaṃ gārayho. Yo kho, cunda, evarūpaṃ sāvakaṃ evaṃ vadeyya – ‘addhāyasmā ñāyappaṭipanno ñāyamārādhessatī’ti. Yo ca pasaṃsati, yañca pasaṃsati, yo ca pasaṃsito bhiyyoso mattāya vīriyaṃ ārabhati. Sabbe te bahuṃ apuññaṃ pasavanti. Taṃ kissa hetu? Evañhetaṃ, cunda, hoti durakkhāte dhammavinaye duppavedite aniyyānike anupasamasaṃvattanike asammāsambuddhappavedite.
สมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิตธมฺมวินโย
Sammāsambuddhappaveditadhammavinayo
๑๖๘. ‘‘อิธ ปน, จุนฺท, สตฺถา จ โหติ สมฺมาสมฺพุโทฺธ, ธโมฺม จ สฺวากฺขาโต สุปฺปเวทิโต นิยฺยานิโก อุปสมสํวตฺตนิโก สมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิโต, สาวโก จ ตสฺมิํ ธเมฺม น ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปโนฺน วิหรติ, น สามีจิปฺปฎิปโนฺน, น อนุธมฺมจารี, โวกฺกมฺม จ ตมฺหา ธมฺมา วตฺตติฯ โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘ตสฺส เต, อาวุโส, อลาภา, ตสฺส เต ทุลฺลทฺธํ, สตฺถา จ เต สมฺมาสมฺพุโทฺธ, ธโมฺม จ สฺวากฺขาโต สุปฺปเวทิโต นิยฺยานิโก อุปสมสํวตฺตนิโก สมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิโตฯ ตฺวญฺจ ตสฺมิํ ธเมฺม น ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปโนฺน วิหรสิ, น สามีจิปฺปฎิปโนฺน, น อนุธมฺมจารี, โวกฺกมฺม จ ตมฺหา ธมฺมา วตฺตสี’ติฯ อิติ โข, จุนฺท, สตฺถาปิ ตตฺถ ปาสํโส, ธโมฺมปิ ตตฺถ ปาสํโส, สาวโก จ ตตฺถ เอวํ คารโยฺหฯ โย โข, จุนฺท, เอวรูปํ สาวกํ เอวํ วเทยฺย – ‘เอตายสฺมา ตถา ปฎิปชฺชตุ ยถา เต สตฺถารา ธโมฺม เทสิโต ปญฺญโตฺต’ติฯ โย จ สมาทเปติ, ยญฺจ สมาทเปติ, โย จ สมาทปิโต ตถตฺตาย ปฎิปชฺชติฯ สเพฺพ เต พหุํ ปุญฺญํ ปสวนฺติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? เอวเญฺหตํ , จุนฺท, โหติ สฺวากฺขาเต ธมฺมวินเย สุปฺปเวทิเต นิยฺยานิเก อุปสมสํวตฺตนิเก สมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิเตฯ
168. ‘‘Idha pana, cunda, satthā ca hoti sammāsambuddho, dhammo ca svākkhāto suppavedito niyyāniko upasamasaṃvattaniko sammāsambuddhappavedito, sāvako ca tasmiṃ dhamme na dhammānudhammappaṭipanno viharati, na sāmīcippaṭipanno, na anudhammacārī, vokkamma ca tamhā dhammā vattati. So evamassa vacanīyo – ‘tassa te, āvuso, alābhā, tassa te dulladdhaṃ, satthā ca te sammāsambuddho, dhammo ca svākkhāto suppavedito niyyāniko upasamasaṃvattaniko sammāsambuddhappavedito. Tvañca tasmiṃ dhamme na dhammānudhammappaṭipanno viharasi, na sāmīcippaṭipanno, na anudhammacārī, vokkamma ca tamhā dhammā vattasī’ti. Iti kho, cunda, satthāpi tattha pāsaṃso, dhammopi tattha pāsaṃso, sāvako ca tattha evaṃ gārayho. Yo kho, cunda, evarūpaṃ sāvakaṃ evaṃ vadeyya – ‘etāyasmā tathā paṭipajjatu yathā te satthārā dhammo desito paññatto’ti. Yo ca samādapeti, yañca samādapeti, yo ca samādapito tathattāya paṭipajjati. Sabbe te bahuṃ puññaṃ pasavanti. Taṃ kissa hetu? Evañhetaṃ , cunda, hoti svākkhāte dhammavinaye suppavedite niyyānike upasamasaṃvattanike sammāsambuddhappavedite.
๑๖๙. ‘‘อิธ ปน, จุนฺท, สตฺถา จ โหติ สมฺมาสมฺพุโทฺธ, ธโมฺม จ สฺวากฺขาโต สุปฺปเวทิโต นิยฺยานิโก อุปสมสํวตฺตนิโก สมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิโต, สาวโก จ ตสฺมิํ ธเมฺม ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปโนฺน วิหรติ สามีจิปฺปฎิปโนฺน อนุธมฺมจารี, สมาทาย ตํ ธมฺมํ วตฺตติฯ โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘ตสฺส เต, อาวุโส, ลาภา, ตสฺส เต สุลทฺธํ, สตฺถา จ เต 19 สมฺมาสมฺพุโทฺธ , ธโมฺม จ สฺวากฺขาโต สุปฺปเวทิโต นิยฺยานิโก อุปสมสํวตฺตนิโก สมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิโตฯ ตฺวญฺจ ตสฺมิํ ธเมฺม ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปโนฺน วิหรสิ สามีจิปฺปฎิปโนฺน อนุธมฺมจารี, สมาทาย ตํ ธมฺมํ วตฺตสี’ติฯ อิติ โข, จุนฺท, สตฺถาปิ ตตฺถ ปาสํโส, ธโมฺมปิ ตตฺถ ปาสํโส, สาวโกปิ ตตฺถ เอวํ ปาสํโสฯ โย โข, จุนฺท, เอวรูปํ สาวกํ เอวํ วเทยฺย – ‘อทฺธายสฺมา ญายปฺปฎิปโนฺน ญายมาราเธสฺสตี’ติฯ โย จ ปสํสติ, ยญฺจ ปสํสติ, โย จ ปสํสิโต 20 ภิโยฺยโส มตฺตาย วีริยํ อารภติฯ สเพฺพ เต พหุํ ปุญฺญํ ปสวนฺติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? เอวเญฺหตํ, จุนฺท, โหติ สฺวากฺขาเต ธมฺมวินเย สุปฺปเวทิเต นิยฺยานิเก อุปสมสํวตฺตนิเก สมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิเตฯ
169. ‘‘Idha pana, cunda, satthā ca hoti sammāsambuddho, dhammo ca svākkhāto suppavedito niyyāniko upasamasaṃvattaniko sammāsambuddhappavedito, sāvako ca tasmiṃ dhamme dhammānudhammappaṭipanno viharati sāmīcippaṭipanno anudhammacārī, samādāya taṃ dhammaṃ vattati. So evamassa vacanīyo – ‘tassa te, āvuso, lābhā, tassa te suladdhaṃ, satthā ca te 21 sammāsambuddho , dhammo ca svākkhāto suppavedito niyyāniko upasamasaṃvattaniko sammāsambuddhappavedito. Tvañca tasmiṃ dhamme dhammānudhammappaṭipanno viharasi sāmīcippaṭipanno anudhammacārī, samādāya taṃ dhammaṃ vattasī’ti. Iti kho, cunda, satthāpi tattha pāsaṃso, dhammopi tattha pāsaṃso, sāvakopi tattha evaṃ pāsaṃso. Yo kho, cunda, evarūpaṃ sāvakaṃ evaṃ vadeyya – ‘addhāyasmā ñāyappaṭipanno ñāyamārādhessatī’ti. Yo ca pasaṃsati, yañca pasaṃsati, yo ca pasaṃsito 22 bhiyyoso mattāya vīriyaṃ ārabhati. Sabbe te bahuṃ puññaṃ pasavanti. Taṃ kissa hetu? Evañhetaṃ, cunda, hoti svākkhāte dhammavinaye suppavedite niyyānike upasamasaṃvattanike sammāsambuddhappavedite.
สาวกานุตปฺปสตฺถุ
Sāvakānutappasatthu
๑๗๐. ‘‘อิธ ปน, จุนฺท, สตฺถา จ โลเก อุทปาทิ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ, ธโมฺม จ สฺวากฺขาโต สุปฺปเวทิโต นิยฺยานิโก อุปสมสํวตฺตนิโก สมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิโต, อวิญฺญาปิตตฺถา จสฺส โหนฺติ สาวกา สทฺธเมฺม, น จ เตสํ เกวลํ ปริปูรํ พฺรหฺมจริยํ อาวิกตํ โหติ อุตฺตานีกตํ สพฺพสงฺคาหปทกตํ สปฺปาฎิหีรกตํ ยาว เทวมนุเสฺสหิ สุปฺปกาสิตํฯ อถ เนสํ สตฺถุโน อนฺตรธานํ โหติฯ เอวรูโป โข, จุนฺท, สตฺถา สาวกานํ กาลงฺกโต อนุตโปฺป โหติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? สตฺถา จ โน โลเก อุทปาทิ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ, ธโมฺม จ สฺวากฺขาโต สุปฺปเวทิโต นิยฺยานิโก อุปสมสํวตฺตนิโก สมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิโต, อวิญฺญาปิตตฺถา จมฺห สทฺธเมฺม, น จ โน เกวลํ ปริปูรํ พฺรหฺมจริยํ อาวิกตํ โหติ อุตฺตานีกตํ สพฺพสงฺคาหปทกตํ สปฺปาฎิหีรกตํ ยาว เทวมนุเสฺสหิ สุปฺปกาสิตํฯ อถ โน สตฺถุโน อนฺตรธานํ โหตีติฯ เอวรูโป โข, จุนฺท, สตฺถา สาวกานํ กาลงฺกโต อนุตโปฺป โหติฯ
170. ‘‘Idha pana, cunda, satthā ca loke udapādi arahaṃ sammāsambuddho, dhammo ca svākkhāto suppavedito niyyāniko upasamasaṃvattaniko sammāsambuddhappavedito, aviññāpitatthā cassa honti sāvakā saddhamme, na ca tesaṃ kevalaṃ paripūraṃ brahmacariyaṃ āvikataṃ hoti uttānīkataṃ sabbasaṅgāhapadakataṃ sappāṭihīrakataṃ yāva devamanussehi suppakāsitaṃ. Atha nesaṃ satthuno antaradhānaṃ hoti. Evarūpo kho, cunda, satthā sāvakānaṃ kālaṅkato anutappo hoti. Taṃ kissa hetu? Satthā ca no loke udapādi arahaṃ sammāsambuddho, dhammo ca svākkhāto suppavedito niyyāniko upasamasaṃvattaniko sammāsambuddhappavedito, aviññāpitatthā camha saddhamme, na ca no kevalaṃ paripūraṃ brahmacariyaṃ āvikataṃ hoti uttānīkataṃ sabbasaṅgāhapadakataṃ sappāṭihīrakataṃ yāva devamanussehi suppakāsitaṃ. Atha no satthuno antaradhānaṃ hotīti. Evarūpo kho, cunda, satthā sāvakānaṃ kālaṅkato anutappo hoti.
สาวกานนุตปฺปสตฺถุ
Sāvakānanutappasatthu
๑๗๑. ‘‘อิธ ปน, จุนฺท, สตฺถา จ โลเก อุทปาทิ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธฯ ธโมฺม จ สฺวากฺขาโต สุปฺปเวทิโต นิยฺยานิโก อุปสมสํวตฺตนิโก สมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิโตฯ วิญฺญาปิตตฺถา จสฺส โหนฺติ สาวกา สทฺธเมฺม, เกวลญฺจ เตสํ ปริปูรํ พฺรหฺมจริยํ อาวิกตํ โหติ อุตฺตานีกตํ สพฺพสงฺคาหปทกตํ สปฺปาฎิหีรกตํ ยาว เทวมนุเสฺสหิ สุปฺปกาสิตํฯ อถ เนสํ สตฺถุโน อนฺตรธานํ โหติฯ เอวรูโป โข, จุนฺท, สตฺถา สาวกานํ กาลงฺกโต อนนุตโปฺป โหติ ฯ ตํ กิสฺส เหตุ? สตฺถา จ โน โลเก อุทปาทิ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธฯ ธโมฺม จ สฺวากฺขาโต สุปฺปเวทิโต นิยฺยานิโก อุปสมสํวตฺตนิโก สมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิโตฯ วิญฺญาปิตตฺถา จมฺห สทฺธเมฺม, เกวลญฺจ โน ปริปูรํ พฺรหฺมจริยํ อาวิกตํ โหติ อุตฺตานีกตํ สพฺพสงฺคาหปทกตํ สปฺปาฎิหีรกตํ ยาว เทวมนุเสฺสหิ สุปฺปกาสิตํ ฯ อถ โน สตฺถุโน อนฺตรธานํ โหตีติฯ เอวรูโป โข, จุนฺท, สตฺถา สาวกานํ กาลงฺกโต อนนุตโปฺป โหติฯ
171. ‘‘Idha pana, cunda, satthā ca loke udapādi arahaṃ sammāsambuddho. Dhammo ca svākkhāto suppavedito niyyāniko upasamasaṃvattaniko sammāsambuddhappavedito. Viññāpitatthā cassa honti sāvakā saddhamme, kevalañca tesaṃ paripūraṃ brahmacariyaṃ āvikataṃ hoti uttānīkataṃ sabbasaṅgāhapadakataṃ sappāṭihīrakataṃ yāva devamanussehi suppakāsitaṃ. Atha nesaṃ satthuno antaradhānaṃ hoti. Evarūpo kho, cunda, satthā sāvakānaṃ kālaṅkato ananutappo hoti . Taṃ kissa hetu? Satthā ca no loke udapādi arahaṃ sammāsambuddho. Dhammo ca svākkhāto suppavedito niyyāniko upasamasaṃvattaniko sammāsambuddhappavedito. Viññāpitatthā camha saddhamme, kevalañca no paripūraṃ brahmacariyaṃ āvikataṃ hoti uttānīkataṃ sabbasaṅgāhapadakataṃ sappāṭihīrakataṃ yāva devamanussehi suppakāsitaṃ . Atha no satthuno antaradhānaṃ hotīti. Evarūpo kho, cunda, satthā sāvakānaṃ kālaṅkato ananutappo hoti.
พฺรหฺมจริยอปริปูราทิกถา
Brahmacariyaaparipūrādikathā
๑๗๒. ‘‘เอเตหิ เจปิ, จุนฺท, อเงฺคหิ สมนฺนาคตํ พฺรหฺมจริยํ โหติ, โน จ โข สตฺถา โหติ เถโร รตฺตญฺญู จิรปพฺพชิโต อทฺธคโต วโยอนุปฺปโตฺตฯ เอวํ ตํ พฺรหฺมจริยํ อปริปูรํ โหติ เตนเงฺคนฯ
172. ‘‘Etehi cepi, cunda, aṅgehi samannāgataṃ brahmacariyaṃ hoti, no ca kho satthā hoti thero rattaññū cirapabbajito addhagato vayoanuppatto. Evaṃ taṃ brahmacariyaṃ aparipūraṃ hoti tenaṅgena.
‘‘ยโต จ โข, จุนฺท, เอเตหิ เจว อเงฺคหิ สมนฺนาคตํ พฺรหฺมจริยํ โหติ, สตฺถา จ โหติ เถโร รตฺตญฺญู จิรปพฺพชิโต อทฺธคโต วโยอนุปฺปโตฺตฯ เอวํ ตํ พฺรหฺมจริยํ ปริปูรํ โหติ เตนเงฺคนฯ
‘‘Yato ca kho, cunda, etehi ceva aṅgehi samannāgataṃ brahmacariyaṃ hoti, satthā ca hoti thero rattaññū cirapabbajito addhagato vayoanuppatto. Evaṃ taṃ brahmacariyaṃ paripūraṃ hoti tenaṅgena.
๑๗๓. ‘‘เอเตหิ เจปิ, จุนฺท, อเงฺคหิ สมนฺนาคตํ พฺรหฺมจริยํ โหติ, สตฺถา จ โหติ เถโร รตฺตญฺญู จิรปพฺพชิโต อทฺธคโต วโยอนุปฺปโตฺต , โน จ ขฺวสฺส เถรา ภิกฺขู สาวกา โหนฺติ วิยตฺตา วินีตา วิสารทา ปตฺตโยคเกฺขมาฯ อลํ สมกฺขาตุํ สทฺธมฺมสฺส, อลํ อุปฺปนฺนํ ปรปฺปวาทํ สหธเมฺมหิ สุนิคฺคหิตํ นิคฺคเหตฺวา สปฺปาฎิหาริยํ ธมฺมํ เทเสตุํฯ เอวํ ตํ พฺรหฺมจริยํ อปริปูรํ โหติ เตนเงฺคนฯ
173. ‘‘Etehi cepi, cunda, aṅgehi samannāgataṃ brahmacariyaṃ hoti, satthā ca hoti thero rattaññū cirapabbajito addhagato vayoanuppatto , no ca khvassa therā bhikkhū sāvakā honti viyattā vinītā visāradā pattayogakkhemā. Alaṃ samakkhātuṃ saddhammassa, alaṃ uppannaṃ parappavādaṃ sahadhammehi suniggahitaṃ niggahetvā sappāṭihāriyaṃ dhammaṃ desetuṃ. Evaṃ taṃ brahmacariyaṃ aparipūraṃ hoti tenaṅgena.
‘‘ยโต จ โข, จุนฺท, เอเตหิ เจว อเงฺคหิ สมนฺนาคตํ พฺรหฺมจริยํ โหติ, สตฺถา จ โหติ เถโร รตฺตญฺญู จิรปพฺพชิโต อทฺธคโต วโยอนุปฺปโตฺต, เถรา จสฺส ภิกฺขู สาวกา โหนฺติ วิยตฺตา วินีตา วิสารทา ปตฺตโยคเกฺขมาฯ อลํ สมกฺขาตุํ สทฺธมฺมสฺส, อลํ อุปฺปนฺนํ ปรปฺปวาทํ สหธเมฺมหิ สุนิคฺคหิตํ นิคฺคเหตฺวา สปฺปาฎิหาริยํ ธมฺมํ เทเสตุํฯ เอวํ ตํ พฺรหฺมจริยํ ปริปูรํ โหติ เตนเงฺคนฯ
‘‘Yato ca kho, cunda, etehi ceva aṅgehi samannāgataṃ brahmacariyaṃ hoti, satthā ca hoti thero rattaññū cirapabbajito addhagato vayoanuppatto, therā cassa bhikkhū sāvakā honti viyattā vinītā visāradā pattayogakkhemā. Alaṃ samakkhātuṃ saddhammassa, alaṃ uppannaṃ parappavādaṃ sahadhammehi suniggahitaṃ niggahetvā sappāṭihāriyaṃ dhammaṃ desetuṃ. Evaṃ taṃ brahmacariyaṃ paripūraṃ hoti tenaṅgena.
๑๗๔. ‘‘เอเตหิ เจปิ, จุนฺท, อเงฺคหิ สมนฺนาคตํ พฺรหฺมจริยํ โหติ, สตฺถา จ โหติ เถโร รตฺตญฺญู จิรปพฺพชิโต อทฺธคโต วโยอนุปฺปโตฺต, เถรา จสฺส ภิกฺขู สาวกา โหนฺติ วิยตฺตา วินีตา วิสารทา ปตฺตโยคเกฺขมาฯ อลํ สมกฺขาตุํ สทฺธมฺมสฺส, อลํ อุปฺปนฺนํ ปรปฺปวาทํ สหธเมฺมหิ สุนิคฺคหิตํ นิคฺคเหตฺวา สปฺปาฎิหาริยํ ธมฺมํ เทเสตุํฯ โน จ ขฺวสฺส มชฺฌิมา ภิกฺขู สาวกา โหนฺติ…เป.… มชฺฌิมา จสฺส ภิกฺขู สาวกา โหนฺติ, โน จ ขฺวสฺส นวา ภิกฺขู สาวกา โหนฺติ…เป.… นวา จสฺส ภิกฺขู สาวกา โหนฺติ, โน จ ขฺวสฺส เถรา ภิกฺขุนิโย สาวิกา โหนฺติ…เป.… เถรา จสฺส ภิกฺขุนิโย สาวิกา โหนฺติ, โน จ ขฺวสฺส มชฺฌิมา ภิกฺขุนิโย สาวิกา โหนฺติ…เป.… มชฺฌิมา จสฺส ภิกฺขุนิโย สาวิกา โหนฺติ , โน จ ขฺวสฺส นวา ภิกฺขุนิโย สาวิกา โหนฺติ…เป.… นวา จสฺส ภิกฺขุนิโย สาวิกา โหนฺติ, โน จ ขฺวสฺส อุปาสกา สาวกา โหนฺติ คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน…เป.… อุปาสกา จสฺส สาวกา โหนฺติ คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน, โน จ ขฺวสฺส อุปาสกา สาวกา โหนฺติ คิหี โอทาตวสนา กามโภคิโน…เป.… อุปาสกา จสฺส สาวกา โหนฺติ คิหี โอทาตวสนา กามโภคิโน, โน จ ขฺวสฺส อุปาสิกา สาวิกา โหนฺติ คิหินิโย โอทาตวสนา พฺรหฺมจารินิโย…เป.… อุปาสิกา จสฺส สาวิกา โหนฺติ คิหินิโย โอทาตวสนา พฺรหฺมจารินิโย, โน จ ขฺวสฺส อุปาสิกา สาวิกา โหนฺติ คิหินิโย โอทาตวสนา กามโภคินิโย…เป.… อุปาสิกา จสฺส สาวิกา โหนฺติ คิหินิโย โอทาตวสนา กามโภคินิโย, โน จ ขฺวสฺส พฺรหฺมจริยํ โหติ อิทฺธเญฺจว ผีตญฺจ วิตฺถาริกํ พาหุชญฺญํ ปุถุภูตํ ยาว เทวมนุเสฺสหิ สุปฺปกาสิตํ…เป.… พฺรหฺมจริยญฺจสฺส โหติ อิทฺธเญฺจว ผีตญฺจ วิตฺถาริกํ พาหุชญฺญํ ปุถุภูตํ ยาว เทวมนุเสฺสหิ สุปฺปกาสิตํ, โน จ โข ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตํฯ เอวํ ตํ พฺรหฺมจริยํ อปริปูรํ โหติ เตนเงฺคนฯ
174. ‘‘Etehi cepi, cunda, aṅgehi samannāgataṃ brahmacariyaṃ hoti, satthā ca hoti thero rattaññū cirapabbajito addhagato vayoanuppatto, therā cassa bhikkhū sāvakā honti viyattā vinītā visāradā pattayogakkhemā. Alaṃ samakkhātuṃ saddhammassa, alaṃ uppannaṃ parappavādaṃ sahadhammehi suniggahitaṃ niggahetvā sappāṭihāriyaṃ dhammaṃ desetuṃ. No ca khvassa majjhimā bhikkhū sāvakā honti…pe… majjhimā cassa bhikkhū sāvakā honti, no ca khvassa navā bhikkhū sāvakā honti…pe… navā cassa bhikkhū sāvakā honti, no ca khvassa therā bhikkhuniyo sāvikā honti…pe… therā cassa bhikkhuniyo sāvikā honti, no ca khvassa majjhimā bhikkhuniyo sāvikā honti…pe… majjhimā cassa bhikkhuniyo sāvikā honti , no ca khvassa navā bhikkhuniyo sāvikā honti…pe… navā cassa bhikkhuniyo sāvikā honti, no ca khvassa upāsakā sāvakā honti gihī odātavasanā brahmacārino…pe… upāsakā cassa sāvakā honti gihī odātavasanā brahmacārino, no ca khvassa upāsakā sāvakā honti gihī odātavasanā kāmabhogino…pe… upāsakā cassa sāvakā honti gihī odātavasanā kāmabhogino, no ca khvassa upāsikā sāvikā honti gihiniyo odātavasanā brahmacāriniyo…pe… upāsikā cassa sāvikā honti gihiniyo odātavasanā brahmacāriniyo, no ca khvassa upāsikā sāvikā honti gihiniyo odātavasanā kāmabhoginiyo…pe… upāsikā cassa sāvikā honti gihiniyo odātavasanā kāmabhoginiyo, no ca khvassa brahmacariyaṃ hoti iddhañceva phītañca vitthārikaṃ bāhujaññaṃ puthubhūtaṃ yāva devamanussehi suppakāsitaṃ…pe… brahmacariyañcassa hoti iddhañceva phītañca vitthārikaṃ bāhujaññaṃ puthubhūtaṃ yāva devamanussehi suppakāsitaṃ, no ca kho lābhaggayasaggappattaṃ. Evaṃ taṃ brahmacariyaṃ aparipūraṃ hoti tenaṅgena.
‘‘ยโต จ โข, จุนฺท, เอเตหิ เจว อเงฺคหิ สมนฺนาคตํ พฺรหฺมจริยํ โหติ, สตฺถา จ โหติ เถโร รตฺตญฺญู จิรปพฺพชิโต อทฺธคโต วโยอนุปฺปโตฺต, เถรา จสฺส ภิกฺขู สาวกา โหนฺติ วิยตฺตา วินีตา วิสารทา ปตฺตโยคเกฺขมาฯ อลํ สมกฺขาตุํ สทฺธมฺมสฺส, อลํ อุปฺปนฺนํ ปรปฺปวาทํ สหธเมฺมหิ สุนิคฺคหิตํ นิคฺคเหตฺวา สปฺปาฎิหาริยํ ธมฺมํ เทเสตุํฯ มชฺฌิมา จสฺส ภิกฺขู สาวกา โหนฺติ…เป.… นวา จสฺส ภิกฺขู สาวกา โหนฺติ…เป.… เถรา จสฺส ภิกฺขุนิโย สาวิกา โหนฺติ…เป.… มชฺฌิมา จสฺส ภิกฺขุนิโย สาวิกา โหนฺติ…เป.… นวา จสฺส ภิกฺขุนิโย สาวิกา โหนฺติ…เป.… อุปาสกา จสฺส สาวกา โหนฺติ…เป.… คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน ฯ อุปาสกา จสฺส สาวกา โหนฺติ คิหี โอทาตวสนา กามโภคิโน…เป.… อุปาสิกา จสฺส สาวิกา โหนฺติ คิหินิโย โอทาตวสนา พฺรหฺมจารินิโย…เป.… อุปาสิกา จสฺส สาวิกา โหนฺติ คิหินิโย โอทาตวสนา กามโภคินิโย…เป.… พฺรหฺมจริยญฺจสฺส โหติ อิทฺธเญฺจว ผีตญฺจ วิตฺถาริกํ พาหุชญฺญํ ปุถุภูตํ ยาว เทวมนุเสฺสหิ สุปฺปกาสิตํ, ลาภคฺคปฺปตฺตญฺจ ยสคฺคปฺปตฺตญฺจฯ เอวํ ตํ พฺรหฺมจริยํ ปริปูรํ โหติ เตนเงฺคนฯ
‘‘Yato ca kho, cunda, etehi ceva aṅgehi samannāgataṃ brahmacariyaṃ hoti, satthā ca hoti thero rattaññū cirapabbajito addhagato vayoanuppatto, therā cassa bhikkhū sāvakā honti viyattā vinītā visāradā pattayogakkhemā. Alaṃ samakkhātuṃ saddhammassa, alaṃ uppannaṃ parappavādaṃ sahadhammehi suniggahitaṃ niggahetvā sappāṭihāriyaṃ dhammaṃ desetuṃ. Majjhimā cassa bhikkhū sāvakā honti…pe… navā cassa bhikkhū sāvakā honti…pe… therā cassa bhikkhuniyo sāvikā honti…pe… majjhimā cassa bhikkhuniyo sāvikā honti…pe… navā cassa bhikkhuniyo sāvikā honti…pe… upāsakā cassa sāvakā honti…pe… gihī odātavasanā brahmacārino . Upāsakā cassa sāvakā honti gihī odātavasanā kāmabhogino…pe… upāsikā cassa sāvikā honti gihiniyo odātavasanā brahmacāriniyo…pe… upāsikā cassa sāvikā honti gihiniyo odātavasanā kāmabhoginiyo…pe… brahmacariyañcassa hoti iddhañceva phītañca vitthārikaṃ bāhujaññaṃ puthubhūtaṃ yāva devamanussehi suppakāsitaṃ, lābhaggappattañca yasaggappattañca. Evaṃ taṃ brahmacariyaṃ paripūraṃ hoti tenaṅgena.
๑๗๕. ‘‘อหํ โข ปน, จุนฺท, เอตรหิ สตฺถา โลเก อุปฺปโนฺน อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธฯ ธโมฺม จ สฺวากฺขาโต สุปฺปเวทิโต นิยฺยานิโก อุปสมสํวตฺตนิโก สมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิโตฯ วิญฺญาปิตตฺถา จ เม สาวกา สทฺธเมฺม, เกวลญฺจ เตสํ ปริปูรํ พฺรหฺมจริยํ อาวิกตํ อุตฺตานีกตํ สพฺพสงฺคาหปทกตํ สปฺปาฎิหีรกตํ ยาว เทวมนุเสฺสหิ สุปฺปกาสิตํฯ อหํ โข ปน, จุนฺท, เอตรหิ สตฺถา เถโร รตฺตญฺญู จิรปพฺพชิโต อทฺธคโต วโยอนุปฺปโตฺตฯ
175. ‘‘Ahaṃ kho pana, cunda, etarahi satthā loke uppanno arahaṃ sammāsambuddho. Dhammo ca svākkhāto suppavedito niyyāniko upasamasaṃvattaniko sammāsambuddhappavedito. Viññāpitatthā ca me sāvakā saddhamme, kevalañca tesaṃ paripūraṃ brahmacariyaṃ āvikataṃ uttānīkataṃ sabbasaṅgāhapadakataṃ sappāṭihīrakataṃ yāva devamanussehi suppakāsitaṃ. Ahaṃ kho pana, cunda, etarahi satthā thero rattaññū cirapabbajito addhagato vayoanuppatto.
‘‘สนฺติ โข ปน เม, จุนฺท, เอตรหิ เถรา ภิกฺขู สาวกา โหนฺติ วิยตฺตา วินีตา วิสารทา ปตฺตโยคเกฺขมาฯ อลํ สมกฺขาตุํ สทฺธมฺมสฺส, อลํ อุปฺปนฺนํ ปรปฺปวาทํ สหธเมฺมหิ สุนิคฺคหิตํ นิคฺคเหตฺวา สปฺปาฎิหาริยํ ธมฺมํ เทเสตุํฯ สนฺติ โข ปน เม, จุนฺท , เอตรหิ มชฺฌิมา ภิกฺขู สาวกา…เป.… สนฺติ โข ปน เม, จุนฺท, เอตรหิ นวา ภิกฺขู สาวกา…เป.… สนฺติ โข ปน เม, จุนฺท, เอตรหิ เถรา ภิกฺขุนิโย สาวิกา…เป.… สนฺติ โข ปน เม, จุนฺท, เอตรหิ มชฺฌิมา ภิกฺขุนิโย สาวิกา…เป.… สนฺติ โข ปน เม, จุนฺท, เอตรหิ นวา ภิกฺขุนิโย สาวิกา…เป.… สนฺติ โข ปน เม, จุนฺท, เอตรหิ อุปาสกา สาวกา คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน…เป.… สนฺติ โข ปน เม, จุนฺท, เอตรหิ อุปาสกา สาวกา คิหี โอทาตวสนา กามโภคิโน…เป.… สนฺติ โข ปน เม, จุนฺท, เอตรหิ อุปาสิกา สาวิกา คิหินิโย โอทาตวสนา พฺรหฺมจารินิโย…เป.… สนฺติ โข ปน เม, จุนฺท, เอตรหิ อุปาสิกา สาวิกา คิหินิโย โอทาตวสนา กามโภคินิโย…เป.… เอตรหิ โข ปน เม, จุนฺท, พฺรหฺมจริยํ อิทฺธเญฺจว ผีตญฺจ วิตฺถาริกํ พาหุชญฺญํ ปุถุภูตํ ยาว เทวมนุเสฺสหิ สุปฺปกาสิตํฯ
‘‘Santi kho pana me, cunda, etarahi therā bhikkhū sāvakā honti viyattā vinītā visāradā pattayogakkhemā. Alaṃ samakkhātuṃ saddhammassa, alaṃ uppannaṃ parappavādaṃ sahadhammehi suniggahitaṃ niggahetvā sappāṭihāriyaṃ dhammaṃ desetuṃ. Santi kho pana me, cunda , etarahi majjhimā bhikkhū sāvakā…pe… santi kho pana me, cunda, etarahi navā bhikkhū sāvakā…pe… santi kho pana me, cunda, etarahi therā bhikkhuniyo sāvikā…pe… santi kho pana me, cunda, etarahi majjhimā bhikkhuniyo sāvikā…pe… santi kho pana me, cunda, etarahi navā bhikkhuniyo sāvikā…pe… santi kho pana me, cunda, etarahi upāsakā sāvakā gihī odātavasanā brahmacārino…pe… santi kho pana me, cunda, etarahi upāsakā sāvakā gihī odātavasanā kāmabhogino…pe… santi kho pana me, cunda, etarahi upāsikā sāvikā gihiniyo odātavasanā brahmacāriniyo…pe… santi kho pana me, cunda, etarahi upāsikā sāvikā gihiniyo odātavasanā kāmabhoginiyo…pe… etarahi kho pana me, cunda, brahmacariyaṃ iddhañceva phītañca vitthārikaṃ bāhujaññaṃ puthubhūtaṃ yāva devamanussehi suppakāsitaṃ.
๑๗๖. ‘‘ยาวตา โข, จุนฺท, เอตรหิ สตฺถาโร โลเก อุปฺปนฺนา, นาหํ, จุนฺท, อญฺญํ เอกสตฺถารมฺปิ สมนุปสฺสามิ เอวํลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตํ ยถริวาหํฯ ยาวตา โข ปน, จุนฺท, เอตรหิ สโงฺฆ วา คโณ วา โลเก อุปฺปโนฺน; นาหํ, จุนฺท, อญฺญํ เอกํ สํฆมฺปิ สมนุปสฺสามิ เอวํลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตํ ยถริวายํ, จุนฺท, ภิกฺขุสโงฺฆฯ ยํ โข ตํ, จุนฺท, สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘สพฺพาการสมฺปนฺนํ สพฺพาการปริปูรํ อนูนมนธิกํ สฺวากฺขาตํ เกวลํ ปริปูรํ พฺรหฺมจริยํ สุปฺปกาสิต’นฺติฯ อิทเมว ตํ สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘สพฺพาการสมฺปนฺนํ…เป.… สุปฺปกาสิต’นฺติฯ
176. ‘‘Yāvatā kho, cunda, etarahi satthāro loke uppannā, nāhaṃ, cunda, aññaṃ ekasatthārampi samanupassāmi evaṃlābhaggayasaggappattaṃ yatharivāhaṃ. Yāvatā kho pana, cunda, etarahi saṅgho vā gaṇo vā loke uppanno; nāhaṃ, cunda, aññaṃ ekaṃ saṃghampi samanupassāmi evaṃlābhaggayasaggappattaṃ yatharivāyaṃ, cunda, bhikkhusaṅgho. Yaṃ kho taṃ, cunda, sammā vadamāno vadeyya – ‘sabbākārasampannaṃ sabbākāraparipūraṃ anūnamanadhikaṃ svākkhātaṃ kevalaṃ paripūraṃ brahmacariyaṃ suppakāsita’nti. Idameva taṃ sammā vadamāno vadeyya – ‘sabbākārasampannaṃ…pe… suppakāsita’nti.
‘‘อุทโก 23 สุทํ, จุนฺท, รามปุโตฺต เอวํ วาจํ ภาสติ – ‘ปสฺสํ น ปสฺสตี’ติฯ กิญฺจ ปสฺสํ น ปสฺสตีติ? ขุรสฺส สาธุนิสิตสฺส ตลมสฺส ปสฺสติ, ธารญฺจ ขฺวสฺส น ปสฺสติฯ อิทํ วุจฺจติ – ‘ปสฺสํ น ปสฺสตี’ติฯ ยํ โข ปเนตํ, จุนฺท, อุทเกน รามปุเตฺตน ภาสิตํ หีนํ คมฺมํ โปถุชฺชนิกํ อนริยํ อนตฺถสํหิตํ ขุรเมว สนฺธายฯ ยญฺจ ตํ 24, จุนฺท, สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘ปสฺสํ น ปสฺสตี’ติ, อิทเมว ตํ 25 สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘ปสฺสํ น ปสฺสตี’ติฯ กิญฺจ ปสฺสํ น ปสฺสตีติ? เอวํ สพฺพาการสมฺปนฺนํ สพฺพาการปริปูรํ อนูนมนธิกํ สฺวากฺขาตํ เกวลํ ปริปูรํ พฺรหฺมจริยํ สุปฺปกาสิตนฺติ, อิติ เหตํ ปสฺสติ 26ฯ อิทเมตฺถ อปกเฑฺฒยฺย, เอวํ ตํ ปริสุทฺธตรํ อสฺสาติ, อิติ เหตํ น ปสฺสติ 27ฯ อิทเมตฺถ อุปกเฑฺฒยฺย, เอวํ ตํ ปริปูรํ 28 อสฺสาติ, อิติ เหตํ น ปสฺสติฯ อิทํ วุจฺจติ จุนฺท – ‘ปสฺสํ น ปสฺสตี’ติฯ ยํ โข ตํ, จุนฺท, สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘สพฺพาการสมฺปนฺนํ…เป.… พฺรหฺมจริยํ สุปฺปกาสิต’นฺติฯ อิทเมว ตํ สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘สพฺพาการสมฺปนฺนํ สพฺพาการปริปูรํ อนูนมนธิกํ สฺวากฺขาตํ เกวลํ ปริปูรํ พฺรหฺมจริยํ สุปฺปกาสิต’นฺติฯ
‘‘Udako 29 sudaṃ, cunda, rāmaputto evaṃ vācaṃ bhāsati – ‘passaṃ na passatī’ti. Kiñca passaṃ na passatīti? Khurassa sādhunisitassa talamassa passati, dhārañca khvassa na passati. Idaṃ vuccati – ‘passaṃ na passatī’ti. Yaṃ kho panetaṃ, cunda, udakena rāmaputtena bhāsitaṃ hīnaṃ gammaṃ pothujjanikaṃ anariyaṃ anatthasaṃhitaṃ khurameva sandhāya. Yañca taṃ 30, cunda, sammā vadamāno vadeyya – ‘passaṃ na passatī’ti, idameva taṃ 31 sammā vadamāno vadeyya – ‘passaṃ na passatī’ti. Kiñca passaṃ na passatīti? Evaṃ sabbākārasampannaṃ sabbākāraparipūraṃ anūnamanadhikaṃ svākkhātaṃ kevalaṃ paripūraṃ brahmacariyaṃ suppakāsitanti, iti hetaṃ passati 32. Idamettha apakaḍḍheyya, evaṃ taṃ parisuddhataraṃ assāti, iti hetaṃ na passati 33. Idamettha upakaḍḍheyya, evaṃ taṃ paripūraṃ 34 assāti, iti hetaṃ na passati. Idaṃ vuccati cunda – ‘passaṃ na passatī’ti. Yaṃ kho taṃ, cunda, sammā vadamāno vadeyya – ‘sabbākārasampannaṃ…pe… brahmacariyaṃ suppakāsita’nti. Idameva taṃ sammā vadamāno vadeyya – ‘sabbākārasampannaṃ sabbākāraparipūraṃ anūnamanadhikaṃ svākkhātaṃ kevalaṃ paripūraṃ brahmacariyaṃ suppakāsita’nti.
สงฺคายิตพฺพธโมฺม
Saṅgāyitabbadhammo
๑๗๗. ตสฺมาติห, จุนฺท, เย โว มยา ธมฺมา อภิญฺญา เทสิตา, ตตฺถ สเพฺพเหว สงฺคมฺม สมาคมฺม อเตฺถน อตฺถํ พฺยญฺชเนน พฺยญฺชนํ สงฺคายิตพฺพํ น วิวทิตพฺพํ, ยถยิทํ พฺรหฺมจริยํ อทฺธนิยํ อสฺส จิรฎฺฐิติกํ, ตทสฺส พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํฯ กตเม จ เต, จุนฺท , ธมฺมา มยา อภิญฺญา เทสิตา, ยตฺถ สเพฺพเหว สงฺคมฺม สมาคมฺม อเตฺถน อตฺถํ พฺยญฺชเนน พฺยญฺชนํ สงฺคายิตพฺพํ น วิวทิตพฺพํ, ยถยิทํ พฺรหฺมจริยํ อทฺธนิยํ อสฺส จิรฎฺฐิติกํ, ตทสฺส พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํ? เสยฺยถิทํ – จตฺตาโร สติปฎฺฐานา, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, ปญฺจินฺทฺริยานิ, ปญฺจ พลานิ, สตฺต โพชฺฌงฺคา , อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺคฯ อิเม โข เต, จุนฺท, ธมฺมา มยา อภิญฺญา เทสิตาฯ ยตฺถ สเพฺพเหว สงฺคมฺม สมาคมฺม อเตฺถน อตฺถํ พฺยญฺชเนน พฺยญฺชนํ สงฺคายิตพฺพํ น วิวทิตพฺพํ, ยถยิทํ พฺรหฺมจริยํ อทฺธนิยํ อสฺส จิรฎฺฐิติกํ, ตทสฺส พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํฯ
177. Tasmātiha, cunda, ye vo mayā dhammā abhiññā desitā, tattha sabbeheva saṅgamma samāgamma atthena atthaṃ byañjanena byañjanaṃ saṅgāyitabbaṃ na vivaditabbaṃ, yathayidaṃ brahmacariyaṃ addhaniyaṃ assa ciraṭṭhitikaṃ, tadassa bahujanahitāya bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussānaṃ. Katame ca te, cunda , dhammā mayā abhiññā desitā, yattha sabbeheva saṅgamma samāgamma atthena atthaṃ byañjanena byañjanaṃ saṅgāyitabbaṃ na vivaditabbaṃ, yathayidaṃ brahmacariyaṃ addhaniyaṃ assa ciraṭṭhitikaṃ, tadassa bahujanahitāya bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussānaṃ? Seyyathidaṃ – cattāro satipaṭṭhānā, cattāro sammappadhānā, cattāro iddhipādā, pañcindriyāni, pañca balāni, satta bojjhaṅgā , ariyo aṭṭhaṅgiko maggo. Ime kho te, cunda, dhammā mayā abhiññā desitā. Yattha sabbeheva saṅgamma samāgamma atthena atthaṃ byañjanena byañjanaṃ saṅgāyitabbaṃ na vivaditabbaṃ, yathayidaṃ brahmacariyaṃ addhaniyaṃ assa ciraṭṭhitikaṃ, tadassa bahujanahitāya bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussānaṃ.
สญฺญาเปตพฺพวิธิ
Saññāpetabbavidhi
๑๗๘. ‘‘เตสญฺจ โว, จุนฺท, สมคฺคานํ สโมฺมทมานานํ อวิวทมานานํ สิกฺขตํ 35 อญฺญตโร สพฺรหฺมจารี สเงฺฆ ธมฺมํ ภาเสยฺยฯ ตตฺร เจ ตุมฺหากํ เอวมสฺส – ‘อยํ โข อายสฺมา อตฺถเญฺจว มิจฺฉา คณฺหาติ, พฺยญฺชนานิ จ มิจฺฉา โรเปตี’ติฯ ตสฺส เนว อภินนฺทิตพฺพํ น ปฎิโกฺกสิตพฺพํ, อนภินนฺทิตฺวา อปฺปฎิโกฺกสิตฺวา โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘อิมสฺส นุ โข, อาวุโส, อตฺถสฺส อิมานิ วา พฺยญฺชนานิ เอตานิ วา พฺยญฺชนานิ กตมานิ โอปายิกตรานิ, อิเมสญฺจ 36 พฺยญฺชนานํ อยํ วา อโตฺถ เอโส วา อโตฺถ กตโม โอปายิกตโร’ติ ? โส เจ เอวํ วเทยฺย – ‘อิมสฺส โข, อาวุโส, อตฺถสฺส อิมาเนว พฺยญฺชนานิ โอปายิกตรานิ, ยา เจว 37 เอตานิ; อิเมสญฺจ 38 พฺยญฺชนานํ อยเมว อโตฺถ โอปายิกตโร, ยา เจว 39 เอโส’ติฯ โส เนว อุสฺสาเทตโพฺพ น อปสาเทตโพฺพ, อนุสฺสาเทตฺวา อนปสาเทตฺวา เสฺวว สาธุกํ สญฺญาเปตโพฺพ ตสฺส จ อตฺถสฺส เตสญฺจ พฺยญฺชนานํ นิสนฺติยาฯ
178. ‘‘Tesañca vo, cunda, samaggānaṃ sammodamānānaṃ avivadamānānaṃ sikkhataṃ 40 aññataro sabrahmacārī saṅghe dhammaṃ bhāseyya. Tatra ce tumhākaṃ evamassa – ‘ayaṃ kho āyasmā atthañceva micchā gaṇhāti, byañjanāni ca micchā ropetī’ti. Tassa neva abhinanditabbaṃ na paṭikkositabbaṃ, anabhinanditvā appaṭikkositvā so evamassa vacanīyo – ‘imassa nu kho, āvuso, atthassa imāni vā byañjanāni etāni vā byañjanāni katamāni opāyikatarāni, imesañca 41 byañjanānaṃ ayaṃ vā attho eso vā attho katamo opāyikataro’ti ? So ce evaṃ vadeyya – ‘imassa kho, āvuso, atthassa imāneva byañjanāni opāyikatarāni, yā ceva 42 etāni; imesañca 43 byañjanānaṃ ayameva attho opāyikataro, yā ceva 44 eso’ti. So neva ussādetabbo na apasādetabbo, anussādetvā anapasādetvā sveva sādhukaṃ saññāpetabbo tassa ca atthassa tesañca byañjanānaṃ nisantiyā.
๑๗๙. ‘‘อปโรปิ เจ, จุนฺท, สพฺรหฺมจารี สเงฺฆ ธมฺมํ ภาเสยฺยฯ ตตฺร เจ ตุมฺหากํ เอวมสฺส – ‘อยํ โข อายสฺมา อตฺถญฺหิ โข มิจฺฉา คณฺหาติ พฺยญฺชนานิ สมฺมา โรเปตี’ติฯ ตสฺส เนว อภินนฺทิตพฺพํ น ปฎิโกฺกสิตพฺพํ, อนภินนฺทิตฺวา อปฺปฎิโกฺกสิตฺวา โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘อิเมสํ นุ โข, อาวุโส, พฺยญฺชนานํ อยํ วา อโตฺถ เอโส วา อโตฺถ กตโม โอปายิกตโร’ติ? โส เจ เอวํ วเทยฺย – ‘อิเมสํ โข, อาวุโส, พฺยญฺชนานํ อยเมว อโตฺถ โอปายิกตโร, ยา เจว เอโส’ติฯ โส เนว อุสฺสาเทตโพฺพ น อปสาเทตโพฺพ, อนุสฺสาเทตฺวา อนปสาเทตฺวา เสฺวว สาธุกํ สญฺญาเปตโพฺพ ตเสฺสว อตฺถสฺส นิสนฺติยาฯ
179. ‘‘Aparopi ce, cunda, sabrahmacārī saṅghe dhammaṃ bhāseyya. Tatra ce tumhākaṃ evamassa – ‘ayaṃ kho āyasmā atthañhi kho micchā gaṇhāti byañjanāni sammā ropetī’ti. Tassa neva abhinanditabbaṃ na paṭikkositabbaṃ, anabhinanditvā appaṭikkositvā so evamassa vacanīyo – ‘imesaṃ nu kho, āvuso, byañjanānaṃ ayaṃ vā attho eso vā attho katamo opāyikataro’ti? So ce evaṃ vadeyya – ‘imesaṃ kho, āvuso, byañjanānaṃ ayameva attho opāyikataro, yā ceva eso’ti. So neva ussādetabbo na apasādetabbo, anussādetvā anapasādetvā sveva sādhukaṃ saññāpetabbo tasseva atthassa nisantiyā.
๑๘๐. ‘‘อปโรปิ เจ, จุนฺท, สพฺรหฺมจารี สเงฺฆ ธมฺมํ ภาเสยฺยฯ ตตฺร เจ ตุมฺหากํ เอวมสฺส – ‘อยํ โข อายสฺมา อตฺถญฺหิ โข สมฺมา คณฺหาติ พฺยญฺชนานิ มิจฺฉา โรเปตี’ติฯ ตสฺส เนว อภินนฺทิตพฺพํ น ปฎิโกฺกสิตพฺพํ; อนภินนฺทิตฺวา อปฺปฎิโกฺกสิตฺวา โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘อิมสฺส นุ โข, อาวุโส, อตฺถสฺส อิมานิ วา พฺยญฺชนานิ เอตานิ วา พฺยญฺชนานิ กตมานิ โอปายิกตรานี’ติ? โส เจ เอวํ วเทยฺย – ‘อิมสฺส โข, อาวุโส, อตฺถสฺส อิมาเนว พฺยญฺชนานิ โอปยิกตรานิ, ยานิ เจว เอตานี’ติ ฯ โส เนว อุสฺสาเทตโพฺพ น อปสาเทตโพฺพ; อนุสฺสาเทตฺวา อนปสาเทตฺวา เสฺวว สาธุกํ สญฺญาเปตโพฺพ เตสเญฺญว พฺยญฺชนานํ นิสนฺติยาฯ
180. ‘‘Aparopi ce, cunda, sabrahmacārī saṅghe dhammaṃ bhāseyya. Tatra ce tumhākaṃ evamassa – ‘ayaṃ kho āyasmā atthañhi kho sammā gaṇhāti byañjanāni micchā ropetī’ti. Tassa neva abhinanditabbaṃ na paṭikkositabbaṃ; anabhinanditvā appaṭikkositvā so evamassa vacanīyo – ‘imassa nu kho, āvuso, atthassa imāni vā byañjanāni etāni vā byañjanāni katamāni opāyikatarānī’ti? So ce evaṃ vadeyya – ‘imassa kho, āvuso, atthassa imāneva byañjanāni opayikatarāni, yāni ceva etānī’ti . So neva ussādetabbo na apasādetabbo; anussādetvā anapasādetvā sveva sādhukaṃ saññāpetabbo tesaññeva byañjanānaṃ nisantiyā.
๑๘๑. ‘‘อปโรปิ เจ, จุนฺท, สพฺรหฺมจารี สเงฺฆ ธมฺมํ ภาเสยฺยฯ ตตฺร เจ ตุมฺหากํ เอวมสฺส – ‘อยํ โข อายสฺมา อตฺถเญฺจว สมฺมา คณฺหาติ พฺยญฺชนานิ จ สมฺมา โรเปตี’ติฯ ตสฺส ‘สาธู’ติ ภาสิตํ อภินนฺทิตพฺพํ อนุโมทิตพฺพํ; ตสฺส ‘สาธู’ติ ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘ลาภา โน อาวุโส, สุลทฺธํ โน อาวุโส, เย มยํ อายสฺมนฺตํ ตาทิสํ สพฺรหฺมจาริํ ปสฺสาม เอวํ อตฺถุเปตํ พฺยญฺชนุเปต’นฺติฯ
181. ‘‘Aparopi ce, cunda, sabrahmacārī saṅghe dhammaṃ bhāseyya. Tatra ce tumhākaṃ evamassa – ‘ayaṃ kho āyasmā atthañceva sammā gaṇhāti byañjanāni ca sammā ropetī’ti. Tassa ‘sādhū’ti bhāsitaṃ abhinanditabbaṃ anumoditabbaṃ; tassa ‘sādhū’ti bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā so evamassa vacanīyo – ‘lābhā no āvuso, suladdhaṃ no āvuso, ye mayaṃ āyasmantaṃ tādisaṃ sabrahmacāriṃ passāma evaṃ atthupetaṃ byañjanupeta’nti.
ปจฺจยานุญฺญาตการณํ
Paccayānuññātakāraṇaṃ
๑๘๒. ‘‘น โว อหํ, จุนฺท, ทิฎฺฐธมฺมิกานํเยว อาสวานํ สํวราย ธมฺมํ เทเสมิฯ น ปนาหํ, จุนฺท, สมฺปรายิกานํเยว อาสวานํ ปฎิฆาตาย ธมฺมํ เทเสมิฯ ทิฎฺฐธมฺมิกานํ เจวาหํ, จุนฺท, อาสวานํ สํวราย ธมฺมํ เทเสมิ; สมฺปรายิกานญฺจ อาสวานํ ปฎิฆาตายฯ ตสฺมาติห, จุนฺท, ยํ โว มยา จีวรํ อนุญฺญาตํ, อลํ โว ตํ – ยาวเทว สีตสฺส ปฎิฆาตาย, อุณฺหสฺส ปฎิฆาตาย, ฑํสมกสวาตาตปสรีสป 45 สมฺผสฺสานํ ปฎิฆาตาย, ยาวเทว หิริโกปีนปฎิจฺฉาทนตฺถํฯ โย โว มยา ปิณฺฑปาโต อนุญฺญาโต, อลํ โว โส ยาวเทว อิมสฺส กายสฺส ฐิติยา ยาปนาย วิหิํสูปรติยา พฺรหฺมจริยานุคฺคหาย, อิติ ปุราณญฺจ เวทนํ ปฎิหงฺขามิ, นวญฺจ เวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามิ, ยาตฺรา จ เม ภวิสฺสติ อนวชฺชตา จ ผาสุวิหาโร จ 46ฯ ยํ โว มยา เสนาสนํ อนุญฺญาตํ, อลํ โว ตํ ยาวเทว สีตสฺส ปฎิฆาตาย, อุณฺหสฺส ปฎิฆาตาย, ฑํสมกสวาตาตปสรีสปสมฺผสฺสานํ ปฎิฆาตาย, ยาวเทว อุตุปริสฺสยวิโนทน ปฎิสลฺลานารามตฺถํฯ โย โว มยา คิลานปจฺจยเภสชฺช ปริกฺขาโร อนุญฺญาโต, อลํ โว โส ยาวเทว อุปฺปนฺนานํ เวยฺยาพาธิกานํ เวทนานํ ปฎิฆาตาย อพฺยาปชฺชปรมตาย 47ฯ
182. ‘‘Na vo ahaṃ, cunda, diṭṭhadhammikānaṃyeva āsavānaṃ saṃvarāya dhammaṃ desemi. Na panāhaṃ, cunda, samparāyikānaṃyeva āsavānaṃ paṭighātāya dhammaṃ desemi. Diṭṭhadhammikānaṃ cevāhaṃ, cunda, āsavānaṃ saṃvarāya dhammaṃ desemi; samparāyikānañca āsavānaṃ paṭighātāya. Tasmātiha, cunda, yaṃ vo mayā cīvaraṃ anuññātaṃ, alaṃ vo taṃ – yāvadeva sītassa paṭighātāya, uṇhassa paṭighātāya, ḍaṃsamakasavātātapasarīsapa 48 samphassānaṃ paṭighātāya, yāvadeva hirikopīnapaṭicchādanatthaṃ. Yo vo mayā piṇḍapāto anuññāto, alaṃ vo so yāvadeva imassa kāyassa ṭhitiyā yāpanāya vihiṃsūparatiyā brahmacariyānuggahāya, iti purāṇañca vedanaṃ paṭihaṅkhāmi, navañca vedanaṃ na uppādessāmi, yātrā ca me bhavissati anavajjatā ca phāsuvihāro ca 49. Yaṃ vo mayā senāsanaṃ anuññātaṃ, alaṃ vo taṃ yāvadeva sītassa paṭighātāya, uṇhassa paṭighātāya, ḍaṃsamakasavātātapasarīsapasamphassānaṃ paṭighātāya, yāvadeva utuparissayavinodana paṭisallānārāmatthaṃ. Yo vo mayā gilānapaccayabhesajja parikkhāro anuññāto, alaṃ vo so yāvadeva uppannānaṃ veyyābādhikānaṃ vedanānaṃ paṭighātāya abyāpajjaparamatāya 50.
สุขลฺลิกานุโยโค
Sukhallikānuyogo
๑๘๓. ‘‘ฐานํ โข ปเนตํ, จุนฺท, วิชฺชติ ยํ อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ วเทยฺยุํ – ‘สุขลฺลิกานุโยคมนุยุตฺตา สมณา สกฺยปุตฺติยา วิหรนฺตี’ติฯ เอวํวาทิโน 51, จุนฺท, อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวมสฺสุ วจนียา – ‘กตโม โส , อาวุโส, สุขลฺลิกานุโยโค? สุขลฺลิกานุโยคา หิ พหู อเนกวิหิตา นานปฺปการกา’ติฯ
183. ‘‘Ṭhānaṃ kho panetaṃ, cunda, vijjati yaṃ aññatitthiyā paribbājakā evaṃ vadeyyuṃ – ‘sukhallikānuyogamanuyuttā samaṇā sakyaputtiyā viharantī’ti. Evaṃvādino 52, cunda, aññatitthiyā paribbājakā evamassu vacanīyā – ‘katamo so , āvuso, sukhallikānuyogo? Sukhallikānuyogā hi bahū anekavihitā nānappakārakā’ti.
‘‘จตฺตาโรเม, จุนฺท, สุขลฺลิกานุโยคา หีนา คมฺมา โปถุชฺชนิกา อนริยา อนตฺถสํหิตา น นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิญฺญาย น สโมฺพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตนฺติฯ กตเม จตฺตาโร?
‘‘Cattārome, cunda, sukhallikānuyogā hīnā gammā pothujjanikā anariyā anatthasaṃhitā na nibbidāya na virāgāya na nirodhāya na upasamāya na abhiññāya na sambodhāya na nibbānāya saṃvattanti. Katame cattāro?
‘‘อิธ, จุนฺท, เอกโจฺจ พาโล ปาเณ วธิตฺวา วธิตฺวา อตฺตานํ สุเขติ ปีเณติฯ อยํ ปฐโม สุขลฺลิกานุโยโคฯ
‘‘Idha, cunda, ekacco bālo pāṇe vadhitvā vadhitvā attānaṃ sukheti pīṇeti. Ayaṃ paṭhamo sukhallikānuyogo.
‘‘ปุน จปรํ, จุนฺท, อิเธกโจฺจ อทินฺนํ อาทิยิตฺวา อาทิยิตฺวา อตฺตานํ สุเขติ ปีเณติฯ อยํ ทุติโย สุขลฺลิกานุโยโคฯ
‘‘Puna caparaṃ, cunda, idhekacco adinnaṃ ādiyitvā ādiyitvā attānaṃ sukheti pīṇeti. Ayaṃ dutiyo sukhallikānuyogo.
‘‘ปุน จปรํ, จุนฺท, อิเธกโจฺจ มุสา ภณิตฺวา ภณิตฺวา อตฺตานํ สุเขติ ปีเณติฯ อยํ ตติโย สุขลฺลิกานุโยโคฯ
‘‘Puna caparaṃ, cunda, idhekacco musā bhaṇitvā bhaṇitvā attānaṃ sukheti pīṇeti. Ayaṃ tatiyo sukhallikānuyogo.
‘‘ปุน จปรํ, จุนฺท, อิเธกโจฺจ ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรติฯ อยํ จตุโตฺถ สุขลฺลิกานุโยโคฯ
‘‘Puna caparaṃ, cunda, idhekacco pañcahi kāmaguṇehi samappito samaṅgībhūto paricāreti. Ayaṃ catuttho sukhallikānuyogo.
‘‘อิเม โข, จุนฺท, จตฺตาโร สุขลฺลิกานุโยคา หีนา คมฺมา โปถุชฺชนิกา อนริยา อนตฺถสํหิตา น นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิญฺญาย น สโมฺพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตนฺติฯ
‘‘Ime kho, cunda, cattāro sukhallikānuyogā hīnā gammā pothujjanikā anariyā anatthasaṃhitā na nibbidāya na virāgāya na nirodhāya na upasamāya na abhiññāya na sambodhāya na nibbānāya saṃvattanti.
‘‘ฐานํ โข ปเนตํ, จุนฺท, วิชฺชติ ยํ อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ วเทยฺยุํ – ‘‘อิเม จตฺตาโร สุขลฺลิกานุโยเค อนุยุตฺตา สมณา สกฺยปุตฺติยา วิหรนฺตี’ติฯ เต โว 53 ‘มาเหวํ’ ติสฺสุ วจนียาฯ น เต โว สมฺมา วทมานา วเทยฺยุํ, อพฺภาจิเกฺขยฺยุํ อสตา อภูเตนฯ
‘‘Ṭhānaṃ kho panetaṃ, cunda, vijjati yaṃ aññatitthiyā paribbājakā evaṃ vadeyyuṃ – ‘‘ime cattāro sukhallikānuyoge anuyuttā samaṇā sakyaputtiyā viharantī’ti. Te vo 54 ‘māhevaṃ’ tissu vacanīyā. Na te vo sammā vadamānā vadeyyuṃ, abbhācikkheyyuṃ asatā abhūtena.
๑๘๔. ‘‘จตฺตาโรเม, จุนฺท, สุขลฺลิกานุโยคา เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิญฺญาย สโมฺพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตนฺติฯ กตเม จตฺตาโร?
184. ‘‘Cattārome, cunda, sukhallikānuyogā ekantanibbidāya virāgāya nirodhāya upasamāya abhiññāya sambodhāya nibbānāya saṃvattanti. Katame cattāro?
‘‘อิธ , จุนฺท, ภิกฺขุ วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ ปฐโม สุขลฺลิกานุโยโคฯ
‘‘Idha , cunda, bhikkhu vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehi savitakkaṃ savicāraṃ vivekajaṃ pītisukhaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Ayaṃ paṭhamo sukhallikānuyogo.
‘‘ปุน จปรํ, จุนฺท, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป.… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ ทุติโย สุขลฺลิกานุโยโคฯ
‘‘Puna caparaṃ, cunda, bhikkhu vitakkavicārānaṃ vūpasamā…pe… dutiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Ayaṃ dutiyo sukhallikānuyogo.
‘‘ปุน จปรํ, จุนฺท, ภิกฺขุ ปีติยา จ วิราคา…เป.… ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ ตติโย สุขลฺลิกานุโยโคฯ
‘‘Puna caparaṃ, cunda, bhikkhu pītiyā ca virāgā…pe… tatiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Ayaṃ tatiyo sukhallikānuyogo.
‘‘ปุน จปรํ, จุนฺท, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา…เป.… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ จตุโตฺถ สุขลฺลิกานุโยโคฯ
‘‘Puna caparaṃ, cunda, bhikkhu sukhassa ca pahānā dukkhassa ca pahānā…pe… catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Ayaṃ catuttho sukhallikānuyogo.
‘‘อิเม โข, จุนฺท, จตฺตาโร สุขลฺลิกานุโยคา เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิญฺญาย สโมฺพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตนฺติฯ
‘‘Ime kho, cunda, cattāro sukhallikānuyogā ekantanibbidāya virāgāya nirodhāya upasamāya abhiññāya sambodhāya nibbānāya saṃvattanti.
‘‘ฐานํ โข ปเนตํ, จุนฺท, วิชฺชติ ยํ อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ วเทยฺยุํ – ‘‘อิเม จตฺตาโร สุขลฺลิกานุโยเค อนุยุตฺตา สมณา สกฺยปุตฺติยา วิหรนฺตี’ติฯ เต โว ‘เอวํ’ ติสฺสุ วจนียาฯ สมฺมา เต โว วทมานา วเทยฺยุํ, น เต โว อพฺภาจิเกฺขยฺยุํ อสตา อภูเตนฯ
‘‘Ṭhānaṃ kho panetaṃ, cunda, vijjati yaṃ aññatitthiyā paribbājakā evaṃ vadeyyuṃ – ‘‘ime cattāro sukhallikānuyoge anuyuttā samaṇā sakyaputtiyā viharantī’ti. Te vo ‘evaṃ’ tissu vacanīyā. Sammā te vo vadamānā vadeyyuṃ, na te vo abbhācikkheyyuṃ asatā abhūtena.
สุขลฺลิกานุโยคานิสํโส
Sukhallikānuyogānisaṃso
๑๘๕. ‘‘ฐานํ โข ปเนตํ, จุนฺท, วิชฺชติ, ยํ อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ วเทยฺยุํ – ‘อิเม ปนาวุโส, จตฺตาโร สุขลฺลิกานุโยเค อนุยุตฺตานํ วิหรตํ กติ ผลานิ กตานิสํสา ปาฎิกงฺขา’ติ? เอวํวาทิโน, จุนฺท, อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวมสฺสุ วจนียา – ‘อิเม โข, อาวุโส, จตฺตาโร สุขลฺลิกานุโยเค อนุยุตฺตานํ วิหรตํ จตฺตาริ ผลานิ จตฺตาโร อานิสํสา ปาฎิกงฺขาฯ กตเม จตฺตาโร? อิธาวุโส, ภิกฺขุ ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปโนฺน โหติ อวินิปาตธโมฺม นิยโต สโมฺพธิปรายโณฯ อิทํ ปฐมํ ผลํ, ปฐโม อานิสํโสฯ ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามี โหติ, สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติฯ อิทํ ทุติยํ ผลํ, ทุติโย อานิสํโสฯ ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก โหติ, ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธโมฺม ตสฺมา โลกาฯ อิทํ ตติยํ ผลํ, ตติโย อานิสํโสฯ ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อิทํ จตุตฺถํ ผลํ จตุโตฺถ อานิสํโสฯ อิเม โข, อาวุโส, จตฺตาโร สุขลฺลิกานุโยเค อนุยุตฺตานํ วิหรตํ อิมานิ จตฺตาริ ผลานิ, จตฺตาโร อานิสํสา ปาฎิกงฺขา’’ติฯ
185. ‘‘Ṭhānaṃ kho panetaṃ, cunda, vijjati, yaṃ aññatitthiyā paribbājakā evaṃ vadeyyuṃ – ‘ime panāvuso, cattāro sukhallikānuyoge anuyuttānaṃ viharataṃ kati phalāni katānisaṃsā pāṭikaṅkhā’ti? Evaṃvādino, cunda, aññatitthiyā paribbājakā evamassu vacanīyā – ‘ime kho, āvuso, cattāro sukhallikānuyoge anuyuttānaṃ viharataṃ cattāri phalāni cattāro ānisaṃsā pāṭikaṅkhā. Katame cattāro? Idhāvuso, bhikkhu tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā sotāpanno hoti avinipātadhammo niyato sambodhiparāyaṇo. Idaṃ paṭhamaṃ phalaṃ, paṭhamo ānisaṃso. Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā rāgadosamohānaṃ tanuttā sakadāgāmī hoti, sakideva imaṃ lokaṃ āgantvā dukkhassantaṃ karoti. Idaṃ dutiyaṃ phalaṃ, dutiyo ānisaṃso. Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā opapātiko hoti, tattha parinibbāyī anāvattidhammo tasmā lokā. Idaṃ tatiyaṃ phalaṃ, tatiyo ānisaṃso. Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharati. Idaṃ catutthaṃ phalaṃ catuttho ānisaṃso. Ime kho, āvuso, cattāro sukhallikānuyoge anuyuttānaṃ viharataṃ imāni cattāri phalāni, cattāro ānisaṃsā pāṭikaṅkhā’’ti.
ขีณาสวอภพฺพฐานํ
Khīṇāsavaabhabbaṭhānaṃ
๑๘๖. ‘‘ฐานํ โข ปเนตํ, จุนฺท, วิชฺชติ ยํ อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ วเทยฺยุํ – ‘อฎฺฐิตธมฺมา สมณา สกฺยปุตฺติยา วิหรนฺตี’ติฯ เอวํวาทิโน, จุนฺท, อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวมสฺสุ วจนียา – ‘อตฺถิ โข, อาวุโส, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน สาวกานํ ธมฺมา เทสิตา ปญฺญตฺตา ยาวชีวํ อนติกฺกมนียาฯ เสยฺยถาปิ, อาวุโส, อินฺทขีโล วา อโยขีโล วา คมฺภีรเนโม สุนิขาโต อจโล อสมฺปเวธีฯ เอวเมว โข, อาวุโส, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน สาวกานํ ธมฺมา เทสิตา ปญฺญตฺตา ยาวชีวํ อนติกฺกมนียาฯ โย โส, อาวุโส, ภิกฺขุ อรหํ ขีณาสโว วุสิตวา กตกรณีโย โอหิตภาโร อนุปฺปตฺตสทโตฺถ ปริกฺขีณภวสํโยชโน สมฺมทญฺญา วิมุโตฺต, อภโพฺพ โส นว ฐานานิ อชฺฌาจริตุํฯ อภโพฺพ, อาวุโส, ขีณาสโว ภิกฺขุ สญฺจิจฺจ ปาณํ ชีวิตา โวโรเปตุํ; อภโพฺพ ขีณาสโว ภิกฺขุ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิยิตุํ; อภโพฺพ ขีณาสโว ภิกฺขุ เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสวิตุํ; อภโพฺพ ขีณาสโว ภิกฺขุ สมฺปชานมุสา ภาสิตุํ; อภโพฺพ ขีณาสโว ภิกฺขุ สนฺนิธิการกํ กาเม ปริภุญฺชิตุํ เสยฺยถาปิ ปุเพฺพ อาคาริกภูโต; อภโพฺพ ขีณาสโว ภิกฺขุ ฉนฺทาคติํ คนฺตุํ; อภโพฺพ ขีณาสโว ภิกฺขุ โทสาคติํ คนฺตุํ; อภโพฺพ ขีณาสโว ภิกฺขุ โมหาคติํ คนฺตุํ; อภโพฺพ ขีณาสโว ภิกฺขุ ภยาคติํ คนฺตุํฯ โย โส, อาวุโส, ภิกฺขุ อรหํ ขีณาสโว วุสิตวา กตกรณีโย โอหิตภาโร อนุปฺปตฺตสทโตฺถ ปริกฺขีณภวสํโยชโน สมฺมทญฺญา วิมุโตฺต, อภโพฺพ โส อิมานิ นว ฐานานิ อชฺฌาจริตุ’’นฺติฯ
186. ‘‘Ṭhānaṃ kho panetaṃ, cunda, vijjati yaṃ aññatitthiyā paribbājakā evaṃ vadeyyuṃ – ‘aṭṭhitadhammā samaṇā sakyaputtiyā viharantī’ti. Evaṃvādino, cunda, aññatitthiyā paribbājakā evamassu vacanīyā – ‘atthi kho, āvuso, tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena sāvakānaṃ dhammā desitā paññattā yāvajīvaṃ anatikkamanīyā. Seyyathāpi, āvuso, indakhīlo vā ayokhīlo vā gambhīranemo sunikhāto acalo asampavedhī. Evameva kho, āvuso, tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena sāvakānaṃ dhammā desitā paññattā yāvajīvaṃ anatikkamanīyā. Yo so, āvuso, bhikkhu arahaṃ khīṇāsavo vusitavā katakaraṇīyo ohitabhāro anuppattasadattho parikkhīṇabhavasaṃyojano sammadaññā vimutto, abhabbo so nava ṭhānāni ajjhācarituṃ. Abhabbo, āvuso, khīṇāsavo bhikkhu sañcicca pāṇaṃ jīvitā voropetuṃ; abhabbo khīṇāsavo bhikkhu adinnaṃ theyyasaṅkhātaṃ ādiyituṃ; abhabbo khīṇāsavo bhikkhu methunaṃ dhammaṃ paṭisevituṃ; abhabbo khīṇāsavo bhikkhu sampajānamusā bhāsituṃ; abhabbo khīṇāsavo bhikkhu sannidhikārakaṃ kāme paribhuñjituṃ seyyathāpi pubbe āgārikabhūto; abhabbo khīṇāsavo bhikkhu chandāgatiṃ gantuṃ; abhabbo khīṇāsavo bhikkhu dosāgatiṃ gantuṃ; abhabbo khīṇāsavo bhikkhu mohāgatiṃ gantuṃ; abhabbo khīṇāsavo bhikkhu bhayāgatiṃ gantuṃ. Yo so, āvuso, bhikkhu arahaṃ khīṇāsavo vusitavā katakaraṇīyo ohitabhāro anuppattasadattho parikkhīṇabhavasaṃyojano sammadaññā vimutto, abhabbo so imāni nava ṭhānāni ajjhācaritu’’nti.
ปญฺหาพฺยากรณํ
Pañhābyākaraṇaṃ
๑๘๗. ‘‘ฐานํ โข ปเนตํ, จุนฺท, วิชฺชติ, ยํ อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ วเทยฺยุํ – ‘อตีตํ โข อทฺธานํ อารพฺภ สมโณ โคตโม อตีรกํ ญาณทสฺสนํ ปญฺญเปติ, โน จ โข อนาคตํ อทฺธานํ อารพฺภ อตีรกํ ญาณทสฺสนํ ปญฺญเปติ, ตยิทํ กิํสุ ตยิทํ กถํสู’ติ? เต จ อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา อญฺญวิหิตเกน ญาณทสฺสเนน อญฺญวิหิตกํ ญาณทสฺสนํ ปญฺญเปตพฺพํ มญฺญนฺติ ยถริว พาลา อพฺยตฺตาฯ อตีตํ โข, จุนฺท, อทฺธานํ อารพฺภ ตถาคตสฺส สตานุสาริ ญาณํ โหติ; โส ยาวตกํ อากงฺขติ ตาวตกํ อนุสฺสรติฯ อนาคตญฺจ โข อทฺธานํ อารพฺภ ตถาคตสฺส โพธิชํ ญาณํ อุปฺปชฺชติ – ‘อยมนฺติมา ชาติ, นตฺถิทานิ ปุนพฺภโว’ติฯ ‘อตีตํ เจปิ, จุนฺท, โหติ อภูตํ อตจฺฉํ อนตฺถสํหิตํ, น ตํ ตถาคโต พฺยากโรติฯ อตีตํ เจปิ, จุนฺท, โหติ ภูตํ ตจฺฉํ อนตฺถสํหิตํ, ตมฺปิ ตถาคโต น พฺยากโรติฯ อตีตํ เจปิ จุนฺท, โหติ ภูตํ ตจฺฉํ อตฺถสํหิตํ, ตตฺร กาลญฺญู ตถาคโต โหติ ตสฺส ปญฺหสฺส เวยฺยากรณายฯ อนาคตํ เจปิ, จุนฺท, โหติ อภูตํ อตจฺฉํ อนตฺถสํหิตํ, น ตํ ตถาคโต พฺยากโรติ…เป.… ตสฺส ปญฺหสฺส เวยฺยากรณายฯ ปจฺจุปฺปนฺนํ เจปิ, จุนฺท, โหติ อภูตํ อตจฺฉํ อนตฺถสํหิตํ, น ตํ ตถาคโต พฺยากโรติฯ ปจฺจุปฺปนฺนํ เจปิ, จุนฺท, โหติ ภูตํ ตจฺฉํ อนตฺถสํหิตํ, ตมฺปิ ตถาคโต น พฺยากโรติฯ ปจฺจุปฺปนฺนํ เจปิ, จุนฺท, โหติ ภูตํ ตจฺฉํ อตฺถสํหิตํ, ตตฺร กาลญฺญู ตถาคโต โหติ ตสฺส ปญฺหสฺส เวยฺยากรณายฯ
187. ‘‘Ṭhānaṃ kho panetaṃ, cunda, vijjati, yaṃ aññatitthiyā paribbājakā evaṃ vadeyyuṃ – ‘atītaṃ kho addhānaṃ ārabbha samaṇo gotamo atīrakaṃ ñāṇadassanaṃ paññapeti, no ca kho anāgataṃ addhānaṃ ārabbha atīrakaṃ ñāṇadassanaṃ paññapeti, tayidaṃ kiṃsu tayidaṃ kathaṃsū’ti? Te ca aññatitthiyā paribbājakā aññavihitakena ñāṇadassanena aññavihitakaṃ ñāṇadassanaṃ paññapetabbaṃ maññanti yathariva bālā abyattā. Atītaṃ kho, cunda, addhānaṃ ārabbha tathāgatassa satānusāri ñāṇaṃ hoti; so yāvatakaṃ ākaṅkhati tāvatakaṃ anussarati. Anāgatañca kho addhānaṃ ārabbha tathāgatassa bodhijaṃ ñāṇaṃ uppajjati – ‘ayamantimā jāti, natthidāni punabbhavo’ti. ‘Atītaṃ cepi, cunda, hoti abhūtaṃ atacchaṃ anatthasaṃhitaṃ, na taṃ tathāgato byākaroti. Atītaṃ cepi, cunda, hoti bhūtaṃ tacchaṃ anatthasaṃhitaṃ, tampi tathāgato na byākaroti. Atītaṃ cepi cunda, hoti bhūtaṃ tacchaṃ atthasaṃhitaṃ, tatra kālaññū tathāgato hoti tassa pañhassa veyyākaraṇāya. Anāgataṃ cepi, cunda, hoti abhūtaṃ atacchaṃ anatthasaṃhitaṃ, na taṃ tathāgato byākaroti…pe… tassa pañhassa veyyākaraṇāya. Paccuppannaṃ cepi, cunda, hoti abhūtaṃ atacchaṃ anatthasaṃhitaṃ, na taṃ tathāgato byākaroti. Paccuppannaṃ cepi, cunda, hoti bhūtaṃ tacchaṃ anatthasaṃhitaṃ, tampi tathāgato na byākaroti. Paccuppannaṃ cepi, cunda, hoti bhūtaṃ tacchaṃ atthasaṃhitaṃ, tatra kālaññū tathāgato hoti tassa pañhassa veyyākaraṇāya.
๑๘๘. ‘‘อิติ โข, จุนฺท, อตีตานาคตปจฺจุปฺปเนฺนสุ ธเมฺมสุ ตถาคโต กาลวาที 55 ภูตวาที อตฺถวาที ธมฺมวาที วินยวาที, ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจติฯ ยญฺจ โข, จุนฺท, สเทวกสฺส โลกสฺส สมารกสฺส สพฺรหฺมกสฺส สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย ทิฎฺฐํ สุตํ มุตํ วิญฺญาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, สพฺพํ ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธํ, ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจติฯ ยญฺจ, จุนฺท, รตฺติํ ตถาคโต อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุชฺฌติ, ยญฺจ รตฺติํ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายติ, ยํ เอตสฺมิํ อนฺตเร ภาสติ ลปติ นิทฺทิสติฯ สพฺพํ ตํ ตเถว โหติ โน อญฺญถา, ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจติฯ ยถาวาที, จุนฺท, ตถาคโต ตถาการี, ยถาการี ตถาวาทีฯ อิติ ยถาวาที ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที, ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจติฯ สเทวเก โลเก, จุนฺท, สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย ตถาคโต อภิภู อนภิภูโต อญฺญทตฺถุทโส วสวตฺตี, ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจติฯ
188. ‘‘Iti kho, cunda, atītānāgatapaccuppannesu dhammesu tathāgato kālavādī 56 bhūtavādī atthavādī dhammavādī vinayavādī, tasmā ‘tathāgato’ti vuccati. Yañca kho, cunda, sadevakassa lokassa samārakassa sabrahmakassa sassamaṇabrāhmaṇiyā pajāya sadevamanussāya diṭṭhaṃ sutaṃ mutaṃ viññātaṃ pattaṃ pariyesitaṃ anuvicaritaṃ manasā, sabbaṃ tathāgatena abhisambuddhaṃ, tasmā ‘tathāgato’ti vuccati. Yañca, cunda, rattiṃ tathāgato anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambujjhati, yañca rattiṃ anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbāyati, yaṃ etasmiṃ antare bhāsati lapati niddisati. Sabbaṃ taṃ tatheva hoti no aññathā, tasmā ‘tathāgato’ti vuccati. Yathāvādī, cunda, tathāgato tathākārī, yathākārī tathāvādī. Iti yathāvādī tathākārī, yathākārī tathāvādī, tasmā ‘tathāgato’ti vuccati. Sadevake loke, cunda, samārake sabrahmake sassamaṇabrāhmaṇiyā pajāya sadevamanussāya tathāgato abhibhū anabhibhūto aññadatthudaso vasavattī, tasmā ‘tathāgato’ti vuccati.
อพฺยากตฎฺฐานํ
Abyākataṭṭhānaṃ
๑๘๙. ‘‘ฐานํ โข ปเนตํ, จุนฺท, วิชฺชติ ยํ อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ วเทยฺยุํ – ‘กิํ นุ โข, อาวุโส, โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ? เอวํวาทิโน, จุนฺท, อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวมสฺสุ วจนียา – ‘อพฺยากตํ โข, อาวุโส, ภควตา – ‘‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’’นฺติฯ
189. ‘‘Ṭhānaṃ kho panetaṃ, cunda, vijjati yaṃ aññatitthiyā paribbājakā evaṃ vadeyyuṃ – ‘kiṃ nu kho, āvuso, hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamañña’nti? Evaṃvādino, cunda, aññatitthiyā paribbājakā evamassu vacanīyā – ‘abyākataṃ kho, āvuso, bhagavatā – ‘‘hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamañña’’’nti.
‘‘ฐานํ โข ปเนตํ, จุนฺท, วิชฺชติ, ยํ อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ วเทยฺยุํ – ‘กิํ ปนาวุโส, น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ? เอวํวาทิโน, จุนฺท, อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวมสฺสุ วจนียา – ‘เอตมฺปิ โข, อาวุโส, ภควตา อพฺยากตํ – ‘‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’’นฺติฯ
‘‘Ṭhānaṃ kho panetaṃ, cunda, vijjati, yaṃ aññatitthiyā paribbājakā evaṃ vadeyyuṃ – ‘kiṃ panāvuso, na hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamañña’nti? Evaṃvādino, cunda, aññatitthiyā paribbājakā evamassu vacanīyā – ‘etampi kho, āvuso, bhagavatā abyākataṃ – ‘‘na hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamañña’’’nti.
‘‘ฐานํ โข ปเนตํ, จุนฺท, วิชฺชติ, ยํ อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ วเทยฺยุํ – ‘กิํ ปนาวุโส, โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ? เอวํวาทิโน, จุนฺท, อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวมสฺสุ วจนียา – ‘อพฺยากตํ โข เอตํ, อาวุโส, ภควตา – ‘‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’’นฺติฯ
‘‘Ṭhānaṃ kho panetaṃ, cunda, vijjati, yaṃ aññatitthiyā paribbājakā evaṃ vadeyyuṃ – ‘kiṃ panāvuso, hoti ca na ca hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamañña’nti? Evaṃvādino, cunda, aññatitthiyā paribbājakā evamassu vacanīyā – ‘abyākataṃ kho etaṃ, āvuso, bhagavatā – ‘‘hoti ca na ca hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamañña’’’nti.
‘‘ฐานํ โข ปเนตํ, จุนฺท, วิชฺชติ, ยํ อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ วเทยฺยุํ – ‘กิํ ปนาวุโส, เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ? เอวํวาทิโน, จุนฺท, อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวมสฺสุ วจนียา – ‘เอตมฺปิ โข, อาวุโส, ภควตา อพฺยากตํ – ‘‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’’นฺติฯ
‘‘Ṭhānaṃ kho panetaṃ, cunda, vijjati, yaṃ aññatitthiyā paribbājakā evaṃ vadeyyuṃ – ‘kiṃ panāvuso, neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamañña’nti? Evaṃvādino, cunda, aññatitthiyā paribbājakā evamassu vacanīyā – ‘etampi kho, āvuso, bhagavatā abyākataṃ – ‘‘neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamañña’’’nti.
‘‘ฐานํ โข ปเนตํ, จุนฺท, วิชฺชติ, ยํ อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ วเทยฺยุํ – ‘กสฺมา ปเนตํ, อาวุโส, สมเณน โคตเมน อพฺยากต’นฺติ? เอวํวาทิโน, จุนฺท, อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวมสฺสุ วจนียา – ‘น เหตํ, อาวุโส, อตฺถสํหิตํ น ธมฺมสํหิตํ น อาทิพฺรหฺมจริยกํ น นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิญฺญาย น สโมฺพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตติ, ตสฺมา ตํ ภควตา อพฺยากต’นฺติฯ
‘‘Ṭhānaṃ kho panetaṃ, cunda, vijjati, yaṃ aññatitthiyā paribbājakā evaṃ vadeyyuṃ – ‘kasmā panetaṃ, āvuso, samaṇena gotamena abyākata’nti? Evaṃvādino, cunda, aññatitthiyā paribbājakā evamassu vacanīyā – ‘na hetaṃ, āvuso, atthasaṃhitaṃ na dhammasaṃhitaṃ na ādibrahmacariyakaṃ na nibbidāya na virāgāya na nirodhāya na upasamāya na abhiññāya na sambodhāya na nibbānāya saṃvattati, tasmā taṃ bhagavatā abyākata’nti.
พฺยากตฎฺฐานํ
Byākataṭṭhānaṃ
๑๙๐. ‘‘ฐานํ โข ปเนตํ, จุนฺท, วิชฺชติ, ยํ อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ วเทยฺยุํ – ‘กิํ ปนาวุโส, สมเณน โคตเมน พฺยากต’นฺติ? เอวํวาทิโน, จุนฺท, อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวมสฺสุ วจนียา – ‘อิทํ ทุกฺขนฺติ โข, อาวุโส, ภควตา พฺยากตํ, อยํ ทุกฺขสมุทโยติ โข, อาวุโส, ภควตา พฺยากตํ, อยํ ทุกฺขนิโรโธติ โข, อาวุโส, ภควตา พฺยากตํ, อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทาติ โข, อาวุโส, ภควตา พฺยากต’นฺติฯ
190. ‘‘Ṭhānaṃ kho panetaṃ, cunda, vijjati, yaṃ aññatitthiyā paribbājakā evaṃ vadeyyuṃ – ‘kiṃ panāvuso, samaṇena gotamena byākata’nti? Evaṃvādino, cunda, aññatitthiyā paribbājakā evamassu vacanīyā – ‘idaṃ dukkhanti kho, āvuso, bhagavatā byākataṃ, ayaṃ dukkhasamudayoti kho, āvuso, bhagavatā byākataṃ, ayaṃ dukkhanirodhoti kho, āvuso, bhagavatā byākataṃ, ayaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadāti kho, āvuso, bhagavatā byākata’nti.
‘‘ฐานํ โข ปเนตํ, จุนฺท, วิชฺชติ, ยํ อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ วเทยฺยุํ – ‘กสฺมา ปเนตํ, อาวุโส, สมเณน โคตเมน พฺยากต’นฺติ? เอวํวาทิโน, จุนฺท, อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวมสฺสุ วจนียา – ‘เอตญฺหิ, อาวุโส, อตฺถสํหิตํ, เอตํ ธมฺมสํหิตํ, เอตํ อาทิพฺรหฺมจริยกํ เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิญฺญาย สโมฺพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติฯ ตสฺมา ตํ ภควตา พฺยากต’นฺติฯ
‘‘Ṭhānaṃ kho panetaṃ, cunda, vijjati, yaṃ aññatitthiyā paribbājakā evaṃ vadeyyuṃ – ‘kasmā panetaṃ, āvuso, samaṇena gotamena byākata’nti? Evaṃvādino, cunda, aññatitthiyā paribbājakā evamassu vacanīyā – ‘etañhi, āvuso, atthasaṃhitaṃ, etaṃ dhammasaṃhitaṃ, etaṃ ādibrahmacariyakaṃ ekantanibbidāya virāgāya nirodhāya upasamāya abhiññāya sambodhāya nibbānāya saṃvattati. Tasmā taṃ bhagavatā byākata’nti.
ปุพฺพนฺตสหคตทิฎฺฐินิสฺสยา
Pubbantasahagatadiṭṭhinissayā
๑๙๑. ‘‘เยปิ เต, จุนฺท, ปุพฺพนฺตสหคตา ทิฎฺฐินิสฺสยา, เตปิ โว มยา พฺยากตา, ยถา เต พฺยากาตพฺพาฯ ยถา จ เต น พฺยากาตพฺพา, กิํ โว อหํ เต ตถา 57 พฺยากริสฺสามิ? เยปิ เต, จุนฺท, อปรนฺตสหคตา ทิฎฺฐินิสฺสยา, เตปิ โว มยา พฺยากตา, ยถา เต พฺยากาตพฺพาฯ ยถา จ เต น พฺยากาตพฺพา, กิํ โว อหํ เต ตถา พฺยากริสฺสามิ? กตเม จ เต, จุนฺท, ปุพฺพนฺตสหคตา ทิฎฺฐินิสฺสยา, เย โว มยา พฺยากตา, ยถา เต พฺยากาตพฺพาฯ (ยถา จ เต น พฺยากาตพฺพา, กิํ โว อหํ เต ตถา พฺยากริสฺสามิ) 58? สนฺติ โข, จุนฺท, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติฯ สนฺติ ปน, จุนฺท, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘อสสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ…เป.… สสฺสโต จ อสสฺสโต จ อตฺตา จ โลโก จ… เนว สสฺสโต นาสสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ… สยํกโต อตฺตา จ โลโก จ… ปรํกโต อตฺตา จ โลโก จ… สยํกโต จ ปรํกโต จ อตฺตา จ โลโก จ… อสยํกาโร อปรํกาโร อธิจฺจสมุปฺปโนฺน อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติฯ สสฺสตํ สุขทุกฺขํ… อสสฺสตํ สุขทุกฺขํ… สสฺสตญฺจ อสสฺสตญฺจ สุขทุกฺขํ… เนวสสฺสตํ นาสสฺสตํ สุขทุกฺขํ… สยํกตํ สุขทุกฺขํ… ปรํกตํ สุขทุกฺขํ… สยํกตญฺจ ปรํกตญฺจ สุขทุกฺขํ… อสยํการํ อปรํการํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ สุขทุกฺขํ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติฯ
191. ‘‘Yepi te, cunda, pubbantasahagatā diṭṭhinissayā, tepi vo mayā byākatā, yathā te byākātabbā. Yathā ca te na byākātabbā, kiṃ vo ahaṃ te tathā 59 byākarissāmi? Yepi te, cunda, aparantasahagatā diṭṭhinissayā, tepi vo mayā byākatā, yathā te byākātabbā. Yathā ca te na byākātabbā, kiṃ vo ahaṃ te tathā byākarissāmi? Katame ca te, cunda, pubbantasahagatā diṭṭhinissayā, ye vo mayā byākatā, yathā te byākātabbā. (Yathā ca te na byākātabbā, kiṃ vo ahaṃ te tathā byākarissāmi) 60? Santi kho, cunda, eke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘sassato attā ca loko ca, idameva saccaṃ moghamañña’nti. Santi pana, cunda, eke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘asassato attā ca loko ca…pe… sassato ca asassato ca attā ca loko ca… neva sassato nāsassato attā ca loko ca… sayaṃkato attā ca loko ca… paraṃkato attā ca loko ca… sayaṃkato ca paraṃkato ca attā ca loko ca… asayaṃkāro aparaṃkāro adhiccasamuppanno attā ca loko ca, idameva saccaṃ moghamañña’nti. Sassataṃ sukhadukkhaṃ… asassataṃ sukhadukkhaṃ… sassatañca asassatañca sukhadukkhaṃ… nevasassataṃ nāsassataṃ sukhadukkhaṃ… sayaṃkataṃ sukhadukkhaṃ… paraṃkataṃ sukhadukkhaṃ… sayaṃkatañca paraṃkatañca sukhadukkhaṃ… asayaṃkāraṃ aparaṃkāraṃ adhiccasamuppannaṃ sukhadukkhaṃ, idameva saccaṃ moghamañña’nti.
๑๙๒. ‘‘ตตฺร, จุนฺท, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติฯ ตฺยาหํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วทามิ – ‘อตฺถิ นุ โข อิทํ, อาวุโส, วุจฺจติ – ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ? ยญฺจ โข เต เอวมาหํสุ – ‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติฯ ตํ เตสํ นานุชานามิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อญฺญถาสญฺญิโนปิ เหตฺถ, จุนฺท, สเนฺตเก สตฺตาฯ อิมายปิ โข อหํ, จุนฺท, ปญฺญตฺติยา เนว อตฺตนา สมสมํ สมนุปสฺสามิ กุโต ภิโยฺยฯ อถ โข อหเมว ตตฺถ ภิโยฺย ยทิทํ อธิปญฺญตฺติฯ
192. ‘‘Tatra, cunda, ye te samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘sassato attā ca loko ca, idameva saccaṃ moghamañña’nti. Tyāhaṃ upasaṅkamitvā evaṃ vadāmi – ‘atthi nu kho idaṃ, āvuso, vuccati – ‘‘sassato attā ca loko cā’’ti? Yañca kho te evamāhaṃsu – ‘idameva saccaṃ moghamañña’nti. Taṃ tesaṃ nānujānāmi. Taṃ kissa hetu? Aññathāsaññinopi hettha, cunda, santeke sattā. Imāyapi kho ahaṃ, cunda, paññattiyā neva attanā samasamaṃ samanupassāmi kuto bhiyyo. Atha kho ahameva tattha bhiyyo yadidaṃ adhipaññatti.
๑๙๓. ‘‘ตตฺร, จุนฺท, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘อสสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ…เป.… สสฺสโต จ อสสฺสโต จ อตฺตา จ โลโก จ… เนวสสฺสโต นาสสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ… สยํกโต อตฺตา จ โลโก จ… ปรํกโต อตฺตา จ โลโก จ… สยํกโต จ ปรํกโต จ อตฺตา จ โลโก จ… อสยํกาโร อปรํกาโร อธิจฺจสมุปฺปโนฺน อตฺตา จ โลโก จ… สสฺสตํ สุขทุกฺขํ… อสสฺสตํ สุขทุกฺขํ… สสฺสตญฺจ อสสฺสตญฺจ สุขทุกฺขํ… เนวสสฺสตํ นาสสฺสตํ สุขทุกฺขํ… สยํกตํ สุขทุกฺขํ… ปรํกตํ สุขทุกฺขํ… สยํกตญฺจ ปรํกตญฺจ สุขทุกฺขํ… อสยํการํ อปรํการํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ สุขทุกฺขํ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติฯ ตฺยาหํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วทามิ – ‘อตฺถิ นุ โข อิทํ, อาวุโส, วุจฺจติ – ‘‘อสยํการํ อปรํการํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ สุขทุกฺข’’’นฺติ? ยญฺจ โข เต เอวมาหํสุ – ‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติฯ ตํ เตสํ นานุชานามิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อญฺญถาสญฺญิโนปิ เหตฺถ, จุนฺท, สเนฺตเก สตฺตาฯ อิมายปิ โข อหํ, จุนฺท, ปญฺญตฺติยา เนว อตฺตนา สมสมํ สมนุปสฺสามิ กุโต ภิโยฺยฯ อถ โข อหเมว ตตฺถ ภิโยฺย ยทิทํ อธิปญฺญตฺติฯ อิเม โข เต, จุนฺท, ปุพฺพนฺตสหคตา ทิฎฺฐินิสฺสยา, เย โว มยา พฺยากตา, ยถา เต พฺยากาตพฺพา ฯ ยถา จ เต น พฺยากาตพฺพา, กิํ โว อหํ เต ตถา พฺยากริสฺสามีติ 61?
193. ‘‘Tatra, cunda, ye te samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘asassato attā ca loko ca…pe… sassato ca asassato ca attā ca loko ca… nevasassato nāsassato attā ca loko ca… sayaṃkato attā ca loko ca… paraṃkato attā ca loko ca… sayaṃkato ca paraṃkato ca attā ca loko ca… asayaṃkāro aparaṃkāro adhiccasamuppanno attā ca loko ca… sassataṃ sukhadukkhaṃ… asassataṃ sukhadukkhaṃ… sassatañca asassatañca sukhadukkhaṃ… nevasassataṃ nāsassataṃ sukhadukkhaṃ… sayaṃkataṃ sukhadukkhaṃ… paraṃkataṃ sukhadukkhaṃ… sayaṃkatañca paraṃkatañca sukhadukkhaṃ… asayaṃkāraṃ aparaṃkāraṃ adhiccasamuppannaṃ sukhadukkhaṃ, idameva saccaṃ moghamañña’nti. Tyāhaṃ upasaṅkamitvā evaṃ vadāmi – ‘atthi nu kho idaṃ, āvuso, vuccati – ‘‘asayaṃkāraṃ aparaṃkāraṃ adhiccasamuppannaṃ sukhadukkha’’’nti? Yañca kho te evamāhaṃsu – ‘idameva saccaṃ moghamañña’nti. Taṃ tesaṃ nānujānāmi. Taṃ kissa hetu? Aññathāsaññinopi hettha, cunda, santeke sattā. Imāyapi kho ahaṃ, cunda, paññattiyā neva attanā samasamaṃ samanupassāmi kuto bhiyyo. Atha kho ahameva tattha bhiyyo yadidaṃ adhipaññatti. Ime kho te, cunda, pubbantasahagatā diṭṭhinissayā, ye vo mayā byākatā, yathā te byākātabbā . Yathā ca te na byākātabbā, kiṃ vo ahaṃ te tathā byākarissāmīti 62?
อปรนฺตสหคตทิฎฺฐินิสฺสยา
Aparantasahagatadiṭṭhinissayā
๑๙๔. ‘‘กตเม จ เต, จุนฺท, อปรนฺตสหคตา ทิฎฺฐินิสฺสยา, เย โว มยา พฺยากตา, ยถา เต พฺยากาตพฺพาฯ (ยถา จ เต น พฺยากาตพฺพา, กิํ โว อหํ เต ตถา พฺยากริสฺสามี) 63? สนฺติ, จุนฺท, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘รูปี อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติฯ สนฺติ ปน, จุนฺท, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘อรูปี อตฺตา โหติ…เป.… รูปี จ อรูปี จ อตฺตา โหติ… เนวรูปี นารูปี อตฺตา โหติ… สญฺญี อตฺตา โหติ… อสญฺญี อตฺตา โหติ… เนวสญฺญีนาสญฺญี อตฺตา โหติ… อตฺตา อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ น โหติ ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติฯ ตตฺร, จุนฺท, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘รูปี อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติฯ ตฺยาหํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วทามิ – ‘อตฺถิ นุ โข อิทํ, อาวุโส, วุจฺจติ – ‘‘รูปี อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา’’’ติ? ยญฺจ โข เต เอวมาหํสุ – ‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติฯ ตํ เตสํ นานุชานามิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อญฺญถาสญฺญิโนปิ เหตฺถ, จุนฺท, สเนฺตเก สตฺตาฯ อิมายปิ โข อหํ, จุนฺท, ปญฺญตฺติยา เนว อตฺตนา สมสมํ สมนุปสฺสามิ กุโต ภิโยฺยฯ อถ โข อหเมว ตตฺถ ภิโยฺย ยทิทํ อธิปญฺญตฺติฯ
194. ‘‘Katame ca te, cunda, aparantasahagatā diṭṭhinissayā, ye vo mayā byākatā, yathā te byākātabbā. (Yathā ca te na byākātabbā, kiṃ vo ahaṃ te tathā byākarissāmī) 64? Santi, cunda, eke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘rūpī attā hoti arogo paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamañña’nti. Santi pana, cunda, eke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘arūpī attā hoti…pe… rūpī ca arūpī ca attā hoti… nevarūpī nārūpī attā hoti… saññī attā hoti… asaññī attā hoti… nevasaññīnāsaññī attā hoti… attā ucchijjati vinassati na hoti paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamañña’nti. Tatra, cunda, ye te samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘rūpī attā hoti arogo paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamañña’nti. Tyāhaṃ upasaṅkamitvā evaṃ vadāmi – ‘atthi nu kho idaṃ, āvuso, vuccati – ‘‘rūpī attā hoti arogo paraṃ maraṇā’’’ti? Yañca kho te evamāhaṃsu – ‘idameva saccaṃ moghamañña’nti. Taṃ tesaṃ nānujānāmi. Taṃ kissa hetu? Aññathāsaññinopi hettha, cunda, santeke sattā. Imāyapi kho ahaṃ, cunda, paññattiyā neva attanā samasamaṃ samanupassāmi kuto bhiyyo. Atha kho ahameva tattha bhiyyo yadidaṃ adhipaññatti.
๑๙๕. ‘‘ตตฺร, จุนฺท, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘อรูปี อตฺตา โหติ…เป.… รูปี จ อรูปี จ อตฺตา โหติ… เนวรูปีนารูปี อตฺตา โหติ… สญฺญี อตฺตา โหติ… อสญฺญี อตฺตา โหติ… เนวสญฺญีนาสญฺญี อตฺตา โหติ… อตฺตา อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ น โหติ ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติฯ ตฺยาหํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วทามิ – ‘อตฺถิ นุ โข อิทํ, อาวุโส, วุจฺจติ – ‘‘อตฺตา อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ น โหติ ปรํ มรณา’’’ติ? ยญฺจ โข เต, จุนฺท, เอวมาหํสุ – ‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติฯ ตํ เตสํ นานุชานามิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อญฺญถาสญฺญิโนปิ เหตฺถ, จุนฺท, สเนฺตเก สตฺตาฯ อิมายปิ โข อหํ, จุนฺท, ปญฺญตฺติยา เนว อตฺตนา สมสมํ สมนุปสฺสามิ, กุโต ภิโยฺยฯ อถ โข อหเมว ตตฺถ ภิโยฺย ยทิทํ อธิปญฺญตฺติฯ อิเม โข เต, จุนฺท, อปรนฺตสหคตา ทิฎฺฐินิสฺสยา, เย โว มยา พฺยากตา , ยถา เต พฺยากาตพฺพาฯ ยถา จ เต น พฺยากาตพฺพา, กิํ โว อหํ เต ตถา พฺยากริสฺสามีติ 65?
195. ‘‘Tatra, cunda, ye te samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘arūpī attā hoti…pe… rūpī ca arūpī ca attā hoti… nevarūpīnārūpī attā hoti… saññī attā hoti… asaññī attā hoti… nevasaññīnāsaññī attā hoti… attā ucchijjati vinassati na hoti paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamañña’nti. Tyāhaṃ upasaṅkamitvā evaṃ vadāmi – ‘atthi nu kho idaṃ, āvuso, vuccati – ‘‘attā ucchijjati vinassati na hoti paraṃ maraṇā’’’ti? Yañca kho te, cunda, evamāhaṃsu – ‘idameva saccaṃ moghamañña’nti. Taṃ tesaṃ nānujānāmi. Taṃ kissa hetu? Aññathāsaññinopi hettha, cunda, santeke sattā. Imāyapi kho ahaṃ, cunda, paññattiyā neva attanā samasamaṃ samanupassāmi, kuto bhiyyo. Atha kho ahameva tattha bhiyyo yadidaṃ adhipaññatti. Ime kho te, cunda, aparantasahagatā diṭṭhinissayā, ye vo mayā byākatā , yathā te byākātabbā. Yathā ca te na byākātabbā, kiṃ vo ahaṃ te tathā byākarissāmīti 66?
๑๙๖. ‘‘อิเมสญฺจ, จุนฺท, ปุพฺพนฺตสหคตานํ ทิฎฺฐินิสฺสยานํ อิเมสญฺจ อปรนฺตสหคตานํ ทิฎฺฐินิสฺสยานํ ปหานาย สมติกฺกมาย เอวํ มยา จตฺตาโร สติปฎฺฐานา เทสิตา ปญฺญตฺตาฯ กตเม จตฺตาโร? อิธ, จุนฺท, ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํฯ เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี…เป.… จิเตฺต จิตฺตานุปสฺสี… ธเมฺมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา, วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํฯ อิเมสญฺจ จุนฺท, ปุพฺพนฺตสหคตานํ ทิฎฺฐินิสฺสยานํ อิเมสญฺจ อปรนฺตสหคตานํ ทิฎฺฐินิสฺสยานํ ปหานาย สมติกฺกมายฯ เอวํ มยา อิเม จตฺตาโร สติปฎฺฐานา เทสิตา ปญฺญตฺตา’’ติฯ
196. ‘‘Imesañca, cunda, pubbantasahagatānaṃ diṭṭhinissayānaṃ imesañca aparantasahagatānaṃ diṭṭhinissayānaṃ pahānāya samatikkamāya evaṃ mayā cattāro satipaṭṭhānā desitā paññattā. Katame cattāro? Idha, cunda, bhikkhu kāye kāyānupassī viharati ātāpī sampajāno satimā vineyya loke abhijjhādomanassaṃ. Vedanāsu vedanānupassī…pe… citte cittānupassī… dhammesu dhammānupassī viharati ātāpī sampajāno satimā, vineyya loke abhijjhādomanassaṃ. Imesañca cunda, pubbantasahagatānaṃ diṭṭhinissayānaṃ imesañca aparantasahagatānaṃ diṭṭhinissayānaṃ pahānāya samatikkamāya. Evaṃ mayā ime cattāro satipaṭṭhānā desitā paññattā’’ti.
๑๙๗. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา อุปวาโณ ภควโต ปิฎฺฐิโต ฐิโต โหติ ภควนฺตํ พีชยมาโนฯ อถ โข อายสฺมา อุปวาโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺฉริยํ, ภเนฺต, อพฺภุตํ, ภเนฺต! ปาสาทิโก วตายํ, ภเนฺต, ธมฺมปริยาโย; สุปาสาทิโก วตายํ ภเนฺต, ธมฺมปริยาโย, โก นามายํ ภเนฺต ธมฺมปริยาโย’’ติ? ‘‘ตสฺมาติห ตฺวํ, อุปวาณ, อิมํ ธมฺมปริยายํ ‘ปาสาทิโก’ เตฺวว นํ ธาเรหี’’ติฯ อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมโน อายสฺมา อุปวาโณ ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติฯ
197. Tena kho pana samayena āyasmā upavāṇo bhagavato piṭṭhito ṭhito hoti bhagavantaṃ bījayamāno. Atha kho āyasmā upavāṇo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘acchariyaṃ, bhante, abbhutaṃ, bhante! Pāsādiko vatāyaṃ, bhante, dhammapariyāyo; supāsādiko vatāyaṃ bhante, dhammapariyāyo, ko nāmāyaṃ bhante dhammapariyāyo’’ti? ‘‘Tasmātiha tvaṃ, upavāṇa, imaṃ dhammapariyāyaṃ ‘pāsādiko’ tveva naṃ dhārehī’’ti. Idamavoca bhagavā. Attamano āyasmā upavāṇo bhagavato bhāsitaṃ abhinandīti.
ปาสาทิกสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ฉฎฺฐํฯ
Pāsādikasuttaṃ niṭṭhitaṃ chaṭṭhaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๖. ปาสาทิกสุตฺตวณฺณนา • 6. Pāsādikasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๖. ปาสาทิกสุตฺตวณฺณนา • 6. Pāsādikasuttavaṇṇanā