Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā |
ปสนฺนาการกถา
Pasannākārakathā
ปสนฺนาการนฺติ ปสเนฺนหิ กาตพฺพํ สกฺการํฯ สรณํ คจฺฉามีติ เอตฺถ อิติ-สโทฺท ลุตฺตนิทฺทิโฎฺฐติ อาห ‘‘สรณนฺติ คจฺฉามี’’ติฯ เอตฺถ หิ นายํ คมิสโทฺท นีสทฺทาทโย วิย ทฺวิกมฺมโก, ตสฺมา ยถา อชํ คามํ เนตีติ วุจฺจติ, เอวํ ‘‘โคตมํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ วตฺตุํ น สกฺกา, ‘‘สรณนฺติ คจฺฉามี’’ติ ปน วตฺตพฺพํ, ตสฺมา เอตฺถ อิติ-สโทฺท ลุตฺตนิทฺทิโฎฺฐติ เวทิตพฺพํฯ สรณนฺติ ปฎิสรณํฯ เตนาห ‘‘ปรายณ’’นฺติฯ ปรายณภาโว จ อนตฺถนิเสธเนน อตฺถสมฺปฎิปาทเนน จ โหตีติ อาห ‘‘อฆสฺส ตาตา หิตสฺส จ วิธาตา’’ติฯ อฆสฺสาติ ทุกฺขโตติ วทนฺติ, ปาปโตติ ปน อโตฺถ ยุโตฺต, นิสฺสเกฺก เจตํ สามิวจนํฯ สรณนฺติ คมนเญฺจตฺถ ตทธิปฺปาเยน ภชนํ ตถา ชานนํ วาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิติ อิมินา อธิปฺปาเยนา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ คจฺฉามีติอาทีสุ ปุริมสฺส ปุริมสฺส ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมํ อตฺถวจนํฯ ภชนํ วา สรณาธิปฺปาเยน อุปสงฺกมนํ, เสวนา สนฺติกาวจรตา, ปยิรุปาสนํ วตฺตปฺปฎิวตฺตกรเณน อุปฎฺฐานนฺติ เอวํ สพฺพถาปิ อนญฺญสรณตํเยว ทีเปติฯ คจฺฉามีติ ปทสฺส กถํ พุชฺฌามีติ อยมโตฺถ ลพฺภตีติ อาห ‘‘เยสํ หี’’ติอาทิฯ
Pasannākāranti pasannehi kātabbaṃ sakkāraṃ. Saraṇaṃ gacchāmīti ettha iti-saddo luttaniddiṭṭhoti āha ‘‘saraṇanti gacchāmī’’ti. Ettha hi nāyaṃ gamisaddo nīsaddādayo viya dvikammako, tasmā yathā ajaṃ gāmaṃ netīti vuccati, evaṃ ‘‘gotamaṃ saraṇaṃ gacchāmī’’ti vattuṃ na sakkā, ‘‘saraṇanti gacchāmī’’ti pana vattabbaṃ, tasmā ettha iti-saddo luttaniddiṭṭhoti veditabbaṃ. Saraṇanti paṭisaraṇaṃ. Tenāha ‘‘parāyaṇa’’nti. Parāyaṇabhāvo ca anatthanisedhanena atthasampaṭipādanena ca hotīti āha ‘‘aghassa tātā hitassa ca vidhātā’’ti. Aghassāti dukkhatoti vadanti, pāpatoti pana attho yutto, nissakke cetaṃ sāmivacanaṃ. Saraṇanti gamanañcettha tadadhippāyena bhajanaṃ tathā jānanaṃ vāti dassento ‘‘iti iminā adhippāyenā’’tiādimāha. Tattha gacchāmītiādīsu purimassa purimassa pacchimaṃ pacchimaṃ atthavacanaṃ. Bhajanaṃ vā saraṇādhippāyena upasaṅkamanaṃ, sevanā santikāvacaratā, payirupāsanaṃ vattappaṭivattakaraṇena upaṭṭhānanti evaṃ sabbathāpi anaññasaraṇataṃyeva dīpeti. Gacchāmīti padassa kathaṃ bujjhāmīti ayamattho labbhatīti āha ‘‘yesaṃ hī’’tiādi.
อธิคตมเคฺค สจฺฉิกตนิโรเธติ ปททฺวเยนปิ ผลฎฺฐา เอว ทสฺสิตา, น มคฺคฎฺฐาติ เต ทเสฺสโนฺต ‘‘ยถานุสิฎฺฐํ ปฎิปชฺชมาเน จา’’ติ อาหฯ นนุ จ กลฺยาณปุถุชฺชโนปิ ยถานุสิฎฺฐํ ปฎิปชฺชตีติ วุจฺจตีติ? กิญฺจาปิ วุจฺจติ, นิปฺปริยาเยน ปน มคฺคฎฺฐา เอว ตถา วตฺตพฺพา, น อิตเร นิยาโมกฺกมนาภาวโตฯ ตถา หิ เต เอว ‘‘อปาเยสุ อปตมาเน ธาเรตี’’ติ วุตฺตาฯ สมฺมตฺตนิยาโมกฺกมเนน หิ อปายวินิมุตฺตสมฺภโวฯ อกฺขายตีติ เอตฺถ อิติ-สโทฺท อาทิอโตฺถ, ปการโตฺถ วาฯ เตน ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อิติวุ. ๙๐; อ. นิ. ๔.๓๔) สุตฺตปทํ สงฺคณฺหาติ, ‘‘วิตฺถาโร’’ติ วา อิมินาฯ เอตฺถ จ อริยมโคฺค นิยฺยานิกตาย, นิพฺพานํ ตสฺส ตทตฺถสิทฺธิเหตุตายาติ อุภยเมว นิปฺปริยาเยน ธโมฺมติ วุโตฺตฯ นิพฺพานญฺหิ อารมฺมณปจฺจยภูตํ ลภิตฺวา อริยมคฺคสฺส ตทตฺถสิทฺธิ, ตถาปิ อริยผลานํ ‘‘ยสฺมา ตาย สทฺธาย อวูปสนฺตายา’’ติอาทิวจนโต มเคฺคน สมุจฺฉินฺนานํ กิเลสานํ ปฎิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานกิจฺจตาย นิยฺยานานุคุณตาย นิยฺยานปริโยสานตาย จฯ ปริยตฺติธมฺมสฺส ปน นิยฺยานธมฺมสมธิคมเหตุตายาติ อิมินา ปริยาเยน วุตฺตนเยน ธมฺมภาโว ลพฺภติ เอว, สฺวายมโตฺถ ปาฐารุโฬฺห เอวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘น เกวล’’นฺติอาทิมาหฯ
Adhigatamagge sacchikatanirodheti padadvayenapi phalaṭṭhā eva dassitā, na maggaṭṭhāti te dassento ‘‘yathānusiṭṭhaṃ paṭipajjamāne cā’’ti āha. Nanu ca kalyāṇaputhujjanopi yathānusiṭṭhaṃ paṭipajjatīti vuccatīti? Kiñcāpi vuccati, nippariyāyena pana maggaṭṭhā eva tathā vattabbā, na itare niyāmokkamanābhāvato. Tathā hi te eva ‘‘apāyesu apatamāne dhāretī’’ti vuttā. Sammattaniyāmokkamanena hi apāyavinimuttasambhavo. Akkhāyatīti ettha iti-saddo ādiattho, pakārattho vā. Tena ‘‘yāvatā, bhikkhave, dhammā saṅkhatā vā asaṅkhatā vā, virāgo tesaṃ aggamakkhāyatī’’ti (itivu. 90; a. ni. 4.34) suttapadaṃ saṅgaṇhāti, ‘‘vitthāro’’ti vā iminā. Ettha ca ariyamaggo niyyānikatāya, nibbānaṃ tassa tadatthasiddhihetutāyāti ubhayameva nippariyāyena dhammoti vutto. Nibbānañhi ārammaṇapaccayabhūtaṃ labhitvā ariyamaggassa tadatthasiddhi, tathāpi ariyaphalānaṃ ‘‘yasmā tāya saddhāya avūpasantāyā’’tiādivacanato maggena samucchinnānaṃ kilesānaṃ paṭippassaddhippahānakiccatāya niyyānānuguṇatāya niyyānapariyosānatāya ca. Pariyattidhammassa pana niyyānadhammasamadhigamahetutāyāti iminā pariyāyena vuttanayena dhammabhāvo labbhati eva, svāyamattho pāṭhāruḷho evāti dassento ‘‘na kevala’’ntiādimāha.
ราควิราโคติ มโคฺค กถิโตติ กามราโค ภวราโคติ เอวมาทิเภโท สโพฺพปิ ราโค วิรชฺชติ ปหียติ เอเตนาติ ราควิราโคติ มโคฺค กถิโตฯ อเนชมโสกนฺติ ผลนฺติ เอชาสงฺขาตาย ตณฺหาย อโนฺตนิชฺฌานลกฺขณสฺส โสกสฺส จ ตทุปฺปตฺติยํ สพฺพโส ปริกฺขีณตฺตา อเนชมโสกนฺติ ผลํ กถิตํฯ อปฺปฎิกูลนฺติ อวิโรธทีปนโต เกนจิ อวิรุทฺธํ, อิฎฺฐํ ปณีตนฺติ วา อโตฺถฯ ปคุณรูเปน ปวตฺติตตฺตา, ปกฎฺฐคุณวิภาวนโต วา ปคุณํฯ ยถาห ‘‘วิหิํสสญฺญี ปคุณํ นภาสิํ, ธมฺมํ ปณีตํ มนุเชสุ พฺรเหฺม’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๘๓; มหาว. ๙)ฯ สพฺพธมฺมกฺขนฺธา กถิตาติ โยชนาฯ ทิฎฺฐิสีลสงฺฆาเตนาติ ‘‘ยายํ ทิฎฺฐิ อริยา นิยฺยานิกา นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย, ตถารูปาย ทิฎฺฐิยา ทิฎฺฐิสามญฺญคโต วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๔, ๓๕๖; ม. นิ. ๑.๔๙๒; ๓.๕๔) เอวํ วุตฺตาย ทิฎฺฐิยา ‘‘ยานิ ตานิ สีลานิ อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานิ ภุชิสฺสานิ วิญฺญุปฺปสตฺถานิ อปรามฎฺฐานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิ, ตถารูเปหิ สีเลหิ สีลสามญฺญคโต วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๔, ๓๕๖; ม. นิ. ๑.๔๙๒; ๓.๕๔; อ. นิ. ๖.๑๒) เอวํ วุตฺตานํ สีลานญฺจ สํหตภาเวน, ทิฎฺฐิสีลสามเญฺญนาติ อโตฺถฯ สํหโตติ ฆฎิโต, สเมโตติ อโตฺถฯ อริยปุคฺคลา หิ ยตฺถ กตฺถจิ ทูเร ฐิตาปิ อตฺตโน คุณสามคฺคิยา สํหตา เอวฯ อฎฺฐ จ ปุคฺคลา ธมฺมทสา เตติ ปุริสยุคฬวเสน จตฺตาโรปิ ปุคฺคลวเสน อเฎฺฐว อริยธมฺมสฺส ปจฺจกฺขทสฺสาวิตาย ธมฺมทสาฯ ตีณิ วตฺถูนิ สรณนฺติ คมเนน ติกฺขตฺตุํ คมเนน จ ตีณิ สรณคมนานิฯ ปฎิเวเทสีติ อตฺตโน หทยงฺคตํ วาจาย ปเวเทสิฯ
Rāgavirāgoti maggo kathitoti kāmarāgo bhavarāgoti evamādibhedo sabbopi rāgo virajjati pahīyati etenāti rāgavirāgoti maggo kathito. Anejamasokanti phalanti ejāsaṅkhātāya taṇhāya antonijjhānalakkhaṇassa sokassa ca taduppattiyaṃ sabbaso parikkhīṇattā anejamasokanti phalaṃ kathitaṃ. Appaṭikūlanti avirodhadīpanato kenaci aviruddhaṃ, iṭṭhaṃ paṇītanti vā attho. Paguṇarūpena pavattitattā, pakaṭṭhaguṇavibhāvanato vā paguṇaṃ. Yathāha ‘‘vihiṃsasaññī paguṇaṃ nabhāsiṃ, dhammaṃ paṇītaṃ manujesu brahme’’ti (ma. ni. 1.283; mahāva. 9). Sabbadhammakkhandhā kathitāti yojanā. Diṭṭhisīlasaṅghātenāti ‘‘yāyaṃ diṭṭhi ariyā niyyānikā niyyāti takkarassa sammā dukkhakkhayāya, tathārūpāya diṭṭhiyā diṭṭhisāmaññagato viharatī’’ti (dī. ni. 3.324, 356; ma. ni. 1.492; 3.54) evaṃ vuttāya diṭṭhiyā ‘‘yāni tāni sīlāni akhaṇḍāni acchiddāni asabalāni akammāsāni bhujissāni viññuppasatthāni aparāmaṭṭhāni samādhisaṃvattanikāni, tathārūpehi sīlehi sīlasāmaññagato viharatī’’ti (dī. ni. 3.324, 356; ma. ni. 1.492; 3.54; a. ni. 6.12) evaṃ vuttānaṃ sīlānañca saṃhatabhāvena, diṭṭhisīlasāmaññenāti attho. Saṃhatoti ghaṭito, sametoti attho. Ariyapuggalā hi yattha katthaci dūre ṭhitāpi attano guṇasāmaggiyā saṃhatā eva. Aṭṭha ca puggalā dhammadasā teti purisayugaḷavasena cattāropi puggalavasena aṭṭheva ariyadhammassa paccakkhadassāvitāya dhammadasā. Tīṇi vatthūni saraṇanti gamanena tikkhattuṃ gamanena ca tīṇi saraṇagamanāni. Paṭivedesīti attano hadayaṅgataṃ vācāya pavedesi.
ปสนฺนาการกถา นิฎฺฐิตาฯ
Pasannākārakathā niṭṭhitā.