Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหานิเทฺทส-อฎฺฐกถา • Mahāniddesa-aṭṭhakathā

    ๘. ปสูรสุตฺตนิเทฺทสวณฺณนา

    8. Pasūrasuttaniddesavaṇṇanā

    ๕๙. อฎฺฐเม ปสูรสุตฺตนิเทฺทเส ปฐมคาถาย ตาว สเงฺขโป – อิเม ทิฎฺฐิคติกา อตฺตโน ทิฎฺฐิํ สนฺธาย ‘‘อิเธว สุทฺธี’’ติ วทนฺติฯ อเญฺญสุ ปน ธเมฺมสุ วิสุทฺธิํ นาหุ, เอวํ ยํ อตฺตโน สตฺถาราทิํ นิสฺสิตา, ตเตฺถว ‘‘เอส วาโท สุโภ’’ติ เอวํ สุภวาทา หุตฺวา ปุถู สมณพฺราหฺมณา ‘‘สสฺสโต โลโก’’ติอาทีสุ ปเจฺจกสเจฺจสุ นิวิฎฺฐาฯ

    59. Aṭṭhame pasūrasuttaniddese paṭhamagāthāya tāva saṅkhepo – ime diṭṭhigatikā attano diṭṭhiṃ sandhāya ‘‘idheva suddhī’’ti vadanti. Aññesu pana dhammesu visuddhiṃ nāhu, evaṃ yaṃ attano satthārādiṃ nissitā, tattheva ‘‘esa vādo subho’’ti evaṃ subhavādā hutvā puthū samaṇabrāhmaṇā ‘‘sassato loko’’tiādīsu paccekasaccesu niviṭṭhā.

    สเพฺพ ปรวาเท ขิปนฺตีติ สพฺพา ปรลทฺธิโย ฉเฑฺฑนฺติฯ อุกฺขิปนฺตีติ ทูรโต ขิปนฺติฯ ปริกฺขิปนฺตีติ สมนฺตโต ขิปนฺติฯ สุภวาทาติ นิเทฺทสสฺส อุเทฺทสปทํฯ โสภนวาทาติ ‘‘เอตํ สุนฺทร’’นฺติ กเถนฺตาฯ ปณฺฑิตวาทาติ ‘‘ปณฺฑิตา มย’’นฺติ เอวํ กเถนฺตาฯ ถิรวาทาติ ‘‘นิโทฺทสวาทํ วทามา’’ติ กเถนฺตาฯ ญายวาทาติ ‘‘ยุตฺตวาทํ วทามา’’ติ กเถนฺตาฯ เหตุวาทาติ ‘‘การณสหิตํ วทามา’’ติ กเถนฺตาฯ ลกฺขณวาทาติ ‘‘สลฺลเกฺขตพฺพํ วทามา’’ติ วทนฺตาฯ การณวาทาติ ‘‘อุทาหรณยุตฺตวาทํ วทามา’’ติ กเถนฺตาฯ ฐานวาทาติ ‘‘ปกฺกมิตุํ อสกฺกุเณยฺยวาทํ วทามา’’ติ วทนฺตาฯ

    Sabbeparavāde khipantīti sabbā paraladdhiyo chaḍḍenti. Ukkhipantīti dūrato khipanti. Parikkhipantīti samantato khipanti. Subhavādāti niddesassa uddesapadaṃ. Sobhanavādāti ‘‘etaṃ sundara’’nti kathentā. Paṇḍitavādāti ‘‘paṇḍitā maya’’nti evaṃ kathentā. Thiravādāti ‘‘niddosavādaṃ vadāmā’’ti kathentā. Ñāyavādāti ‘‘yuttavādaṃ vadāmā’’ti kathentā. Hetuvādāti ‘‘kāraṇasahitaṃ vadāmā’’ti kathentā. Lakkhaṇavādāti ‘‘sallakkhetabbaṃ vadāmā’’ti vadantā. Kāraṇavādāti ‘‘udāharaṇayuttavādaṃ vadāmā’’ti kathentā. Ṭhānavādāti ‘‘pakkamituṃ asakkuṇeyyavādaṃ vadāmā’’ti vadantā.

    นิวิฎฺฐาติ อโนฺตปวิฎฺฐาฯ ปติฎฺฐิตาติ ตเตฺถว ฐิตาฯ

    Niviṭṭhāti antopaviṭṭhā. Patiṭṭhitāti tattheva ṭhitā.

    ๖๐. เอวํ นิวิฎฺฐา จ ‘‘เต วาทกามา’’ติ ทุติยคาถาฯ ตตฺถ พาลํ ทหนฺตี มิถุ อญฺญมญฺญนฺติ ‘‘อยํ พาโล, อยํ พาโล’’ติ เอวํ เทฺวปิ ชนา อญฺญมญฺญํ พาลํ ทหนฺติ, พาลโต ปสฺสนฺติฯ วทนฺติ เต อญฺญสิตา กโถชฺชนฺติ เต อญฺญมญฺญสตฺถาราทินิสฺสิตา กลหํ วทนฺติฯ ปสํสกามา กุสลาวทานาติ ปสํสตฺถิกา อุโภปิ ‘‘มยํ กุสลาวทานา ปณฺฑิตวาทา’’ติ เอวํ สญฺญิโน หุตฺวาฯ

    60. Evaṃ niviṭṭhā ca ‘‘te vādakāmā’’ti dutiyagāthā. Tattha bālaṃ dahantī mithu aññamaññanti ‘‘ayaṃ bālo, ayaṃ bālo’’ti evaṃ dvepi janā aññamaññaṃ bālaṃ dahanti, bālato passanti. Vadanti te aññasitā kathojjanti te aññamaññasatthārādinissitā kalahaṃ vadanti. Pasaṃsakāmā kusalāvadānāti pasaṃsatthikā ubhopi ‘‘mayaṃ kusalāvadānā paṇḍitavādā’’ti evaṃ saññino hutvā.

    วาทตฺถิกาติ วาเทน อตฺถิกาฯ วาทาธิปฺปายาติ วาทชฺฌาสยาฯ วาทปุเรกฺขาราติ วาทเมว ปุรโต กตฺวา จรมานา ฯ วาทปริเยสนํ จรนฺตาติ วาทเมว คเวสนํ จรมานาฯ วิคยฺหาติ ปวิสิตฺวาฯ โอคยฺหาติ โอตริตฺวาฯ อโชฺฌคาเหตฺวาติ นิมุชฺชิตฺวาฯ ปวิสิตฺวาติ อโนฺตกตฺวาฯ

    Vādatthikāti vādena atthikā. Vādādhippāyāti vādajjhāsayā. Vādapurekkhārāti vādameva purato katvā caramānā . Vādapariyesanaṃ carantāti vādameva gavesanaṃ caramānā. Vigayhāti pavisitvā. Ogayhāti otaritvā. Ajjhogāhetvāti nimujjitvā. Pavisitvāti antokatvā.

    อโนชวนฺตีติ นิหีนโอชวตี, เตชวิรหิตาติ อโตฺถฯ สา กถาติ เอสา วาจาฯ กโถชฺชํ วทนฺตีติ นิเตฺตชํ ภณนฺติฯ เอวํ วทาเนสุ จ เตสุ เอโก นิยมโต เอวฯ

    Anojavantīti nihīnaojavatī, tejavirahitāti attho. Sā kathāti esā vācā. Kathojjaṃ vadantīti nittejaṃ bhaṇanti. Evaṃ vadānesu ca tesu eko niyamato eva.

    ๖๑. ยุโตฺต กถายนฺติ คาถาฯ ตตฺถ ยุโตฺต กถายนฺติ วาทกถาย อุสฺสุโกฺกฯ ปสํสมิจฺฉํ วินิฆาติ โหตีติ อตฺตโน ปสํสํ อิจฺฉโนฺต ‘‘กถํ นุ โข นิคฺคเหสฺสามี’’ติอาทินา นเยน ปุเพฺพว วาทา กถํกถี วินิฆาตี โหติฯ อปาหตสฺมินฺติ ปญฺหวีมํสเกหิ ‘‘อตฺถาปคตํ เต ภณิตํ, พฺยญฺชนาปคตํ เต ภณิต’’นฺติอาทินา นเยน อปหริเต วาเทฯ นินฺทาย โส กุปฺปตีติ เอวํ อปาหตสฺมิญฺจ วาเท อุปฺปนฺนาย นินฺทาย โส กุปฺปติฯ รนฺธเมสีติ ยสฺส รนฺธเมว คเวสโนฺตฯ

    61.Yutto kathāyanti gāthā. Tattha yutto kathāyanti vādakathāya ussukko. Pasaṃsamicchaṃ vinighāti hotīti attano pasaṃsaṃ icchanto ‘‘kathaṃ nu kho niggahessāmī’’tiādinā nayena pubbeva vādā kathaṃkathī vinighātī hoti. Apāhatasminti pañhavīmaṃsakehi ‘‘atthāpagataṃ te bhaṇitaṃ, byañjanāpagataṃ te bhaṇita’’ntiādinā nayena apaharite vāde. Nindāya so kuppatīti evaṃ apāhatasmiñca vāde uppannāya nindāya so kuppati. Randhamesīti yassa randhameva gavesanto.

    โถมนนฺติ วณฺณภณนํฯ กิตฺตินฺติ ปากฎกรณํฯ วณฺณหาริยนฺติ คุณวฑฺฒนํฯ ปุเพฺพว สลฺลาปาติ สลฺลาปโต ปุเรตรเมวฯ ‘‘กถมิทํ กถมิท’’นฺติ กถํกถา อสฺส อตฺถีติ กถํกถีฯ ชโย นุ โข เมติ มม ชโยฯ กถํ นิคฺคหนฺติ เกน ปกาเรน นิคฺคณฺหนํฯ ปฎิกมฺมํ กริสฺสามีติ มม ลทฺธิํ ปริสุทฺธิํ กริสฺสามิฯ วิเสสนฺติ อติเรกํฯ ปฎิวิเสสนฺติ ปุนปฺปุนํ วิเสสํฯ อาเวฐิยํ กริสฺสามีติ ปริเวฐนํ กริสฺสามิฯ นิเพฺพฐิยนฺติ มม นิเพฺพฐนํ โมจนํ นิกฺขมนํฯ เฉทนฺติ วาทฉินฺทนํฯ มณฺฑลนฺติ วาทสงฺฆาตํฯ ปาริสชฺชาติ ปริจาริกาฯ ปาสาริกาติ การณิตาฯ อปหรนฺตีติ ปฎิพาหนฺติฯ

    Thomananti vaṇṇabhaṇanaṃ. Kittinti pākaṭakaraṇaṃ. Vaṇṇahāriyanti guṇavaḍḍhanaṃ. Pubbeva sallāpāti sallāpato puretarameva. ‘‘Kathamidaṃ kathamida’’nti kathaṃkathā assa atthīti kathaṃkathī. Jayo nu kho meti mama jayo. Kathaṃ niggahanti kena pakārena niggaṇhanaṃ. Paṭikammaṃ karissāmīti mama laddhiṃ parisuddhiṃ karissāmi. Visesanti atirekaṃ. Paṭivisesanti punappunaṃ visesaṃ. Āveṭhiyaṃ karissāmīti pariveṭhanaṃ karissāmi. Nibbeṭhiyanti mama nibbeṭhanaṃ mocanaṃ nikkhamanaṃ. Chedanti vādachindanaṃ. Maṇḍalanti vādasaṅghātaṃ. Pārisajjāti paricārikā. Pāsārikāti kāraṇitā. Apaharantīti paṭibāhanti.

    อตฺถาปคตนฺติ อตฺถโต อปคตํ , อโตฺถ นตฺถีติฯ อตฺถโต อปหรนฺตีติ อตฺถมฺหา ปฎิพาหนฺติฯ อโตฺถ เต ทุนฺนิโตติ ตว อโตฺถ น สมฺมา อุปนีโตฯ พฺยญฺชนํ เต ทุโรปิตนฺติ ตว พฺยญฺชนํ ทุปฺปติฎฺฐาปิตํฯ นิคฺคโห เต อกโตติ ตยา นิคฺคโห น กโตฯ ปฎิกมฺมํ เต ทุกฺกฎนฺติ ตยา อตฺตโน ลทฺธิปติฎฺฐาปนํ ทุฎฺฐุ กตํฯ วิสมกถํ ทุกฺกถิตนฺติ น สมฺมา กถิตํฯ ทุพฺภณิตนฺติ ภณเนฺตนปิ ทุฎฺฐุ ภณิตํฯ ทุลฺลปิตนฺติ น สมฺมา วิสฺสชฺชิตํฯ ทุรุตฺตนฺติ อญฺญถา ภณิตํฯ ทุพฺภาสิตนฺติ วิรูปํ ภาสิตํฯ

    Atthāpagatanti atthato apagataṃ , attho natthīti. Atthato apaharantīti atthamhā paṭibāhanti. Attho te dunnitoti tava attho na sammā upanīto. Byañjanaṃ te duropitanti tava byañjanaṃ duppatiṭṭhāpitaṃ. Niggaho te akatoti tayā niggaho na kato. Paṭikammaṃ te dukkaṭanti tayā attano laddhipatiṭṭhāpanaṃ duṭṭhu kataṃ. Visamakathaṃ dukkathitanti na sammā kathitaṃ. Dubbhaṇitanti bhaṇantenapi duṭṭhu bhaṇitaṃ. Dullapitanti na sammā vissajjitaṃ. Duruttanti aññathā bhaṇitaṃ. Dubbhāsitanti virūpaṃ bhāsitaṃ.

    นินฺทายาติ ครหเณนฯ ครหายาติ โทสกถเนนฯ อกิตฺติยาติ อคุณกถเนนฯ อวณฺณหาริกายาติ อคุณวฑฺฒเนนฯ

    Nindāyāti garahaṇena. Garahāyāti dosakathanena. Akittiyāti aguṇakathanena. Avaṇṇahārikāyāti aguṇavaḍḍhanena.

    กุปฺปตีติ ปกติภาวํ ชเหตฺวา จลติฯ พฺยาปชฺชตีติ โทสวเสน ปูติภาวํ อาปชฺชติฯ ปติฎฺฐียตีติ โกธวเสน คณภาวํ คจฺฉติฯ โกปญฺจาติ กุปิตภาวํฯ โทสญฺจาติ ทูสนํฯ อปจฺจยญฺจาติ อตุฎฺฐาการญฺจฯ ปาตุกโรตีติ ปากฎํ กโรติฯ รนฺธเมสีติ อนฺตรคเวสีฯ วิรนฺธเมสีติ ฉิทฺทคเวสีฯ อปรทฺธเมสีติ คุณํ อปเนตฺวา โทสเมว คเวสีฯ ขลิตเมสีติ ปกฺขลนคเวสีฯ คฬิตเมสีติ ปตนคเวสีฯ ‘‘ฆฎฺฎิตเมสี’’ติปิ ปาโฐ, ตสฺส ปีฬนคเวสีติ อโตฺถฯ วิวรเมสีติ โทสคเวสีฯ

    Kuppatīti pakatibhāvaṃ jahetvā calati. Byāpajjatīti dosavasena pūtibhāvaṃ āpajjati. Patiṭṭhīyatīti kodhavasena gaṇabhāvaṃ gacchati. Kopañcāti kupitabhāvaṃ. Dosañcāti dūsanaṃ. Apaccayañcāti atuṭṭhākārañca. Pātukarotīti pākaṭaṃ karoti. Randhamesīti antaragavesī. Virandhamesīti chiddagavesī. Aparaddhamesīti guṇaṃ apanetvā dosameva gavesī. Khalitamesīti pakkhalanagavesī. Gaḷitamesīti patanagavesī. ‘‘Ghaṭṭitamesī’’tipi pāṭho, tassa pīḷanagavesīti attho. Vivaramesīti dosagavesī.

    ๖๒. น เกวลญฺจ โส กุปฺปติ, อปิจ โข ปน ‘‘ยมสฺส วาท’’นฺติ คาถาฯ ตตฺถ ปริหีนมาหุ, อปาหตนฺติ อตฺถพฺยญฺชนาทิโต อปาหตํ ปริหีนํ วทนฺติฯ ปริเทวตีติ ตโตนิมิตฺตํ โส ‘‘อญฺญํ มยา อาวชฺชิต’’นฺติอาทีหิ วิปฺปลปติฯ โสจตีติ ‘‘ตสฺส ชโย’’ติอาทีนิ อารพฺภ โสจติฯ ‘‘อุปจฺจคา ม’’นฺติ อนุตฺถุนาตีติ ‘‘โส มํ วาเทน วาทํ อติกฺกโนฺต’’ติอาทินา นเยน สุฎฺฐุตรํ วิปฺปลปติฯ

    62. Na kevalañca so kuppati, apica kho pana ‘‘yamassa vāda’’nti gāthā. Tattha parihīnamāhu, apāhatanti atthabyañjanādito apāhataṃ parihīnaṃ vadanti. Paridevatīti tatonimittaṃ so ‘‘aññaṃ mayā āvajjita’’ntiādīhi vippalapati. Socatīti ‘‘tassa jayo’’tiādīni ārabbha socati. ‘‘Upaccagā ma’’nti anutthunātīti ‘‘so maṃ vādena vādaṃ atikkanto’’tiādinā nayena suṭṭhutaraṃ vippalapati.

    ปริหาปิตนฺติ น วฑฺฒิตํฯ อญฺญํ มยา อาวชฺชิตนฺติ อญฺญํ การณํ มยา อวนมิตํฯ จินฺติตนฺติ วีมํสิตํฯ มหาปโกฺขติ มหโนฺต ญาติปโกฺข เอตสฺสาติ มหาปโกฺขฯ มหาปริโสติ มหาปริจาริกปริโสฯ มหาปริวาโรติ มหาทาสทาสิปริวาโรฯ ปริสา จายํ วคฺคาติ อยญฺจ ปริสา วคฺคา, น เอกาฯ ปุน ภญฺชิสฺสามีติ ปุน ภินฺทิสฺสามิฯ

    Parihāpitanti na vaḍḍhitaṃ. Aññaṃ mayā āvajjitanti aññaṃ kāraṇaṃ mayā avanamitaṃ. Cintitanti vīmaṃsitaṃ. Mahāpakkhoti mahanto ñātipakkho etassāti mahāpakkho. Mahāparisoti mahāparicārikapariso. Mahāparivāroti mahādāsadāsiparivāro. Parisā cāyaṃ vaggāti ayañca parisā vaggā, na ekā. Puna bhañjissāmīti puna bhindissāmi.

    ๖๓. เอเต วิวาทา สมเณสูติ เอตฺถ ปน สมณา วุจฺจนฺติ พาหิรปริพฺพาชกาฯ เอเตสุ อุคฺฆาตินิฆาติ โหตีติ เอเตสุ วาเทสุ ชยปราชยาทิวเสน จิตฺตอุคฺฆาตนิฆาตํ วา ปาปุณโนฺต อุคฺฆาติ จ นิฆาติ จ โหติฯ วิรเม กโถชฺชนฺติ ปชเหยฺย กลหํฯ น หญฺญทตฺถตฺถิ ปสํสลาภาติ น หิ เอตฺถ ปสํสลาภโต อโญฺญ อโตฺถ อตฺถิฯ อุตฺตาโน วาติ น คมฺภีโรติ อโตฺถ ‘‘ปญฺจิเม กามคุณา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๖.๖๓) วิยฯ

    63.Etevivādā samaṇesūti ettha pana samaṇā vuccanti bāhiraparibbājakā. Etesu ugghātinighāti hotīti etesu vādesu jayaparājayādivasena cittaugghātanighātaṃ vā pāpuṇanto ugghāti ca nighāti ca hoti. Virame kathojjanti pajaheyya kalahaṃ. Na haññadatthatthi pasaṃsalābhāti na hi ettha pasaṃsalābhato añño attho atthi. Uttāno vāti na gambhīroti attho ‘‘pañcime kāmaguṇā’’tiādīsu (a. ni. 6.63) viya.

    คมฺภีโร วาติ ทุปฺปเวโส อปฺปติโฎฺฐ ปฎิจฺจสมุปฺปาโท วิยฯ คูโฬฺห วาติ ปฎิจฺฉโนฺน หุตฺวา ฐิโต ‘‘อภิรม นนฺท อหํ เต ปาฎิโภโค’’ติอาทีสุ (อุทา. ๒๒) วิยฯ ปฎิจฺฉโนฺน วาติ อปากโฎ ‘‘มาตรํ ปิตรํ หนฺตฺวา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๒๙๔; เนตฺติ. ๑๑๓) วิยฯ เนโยฺย วาติ นีหริตฺวา กเถตโพฺพ ‘‘อสโทฺธ อกตญฺญู จา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๙๗) วิยฯ นีโต วาติ ปาฬิยา ฐิตนิยาเมน กเถตโพฺพ ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, อริยวํสา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๒๘) วิยฯ อนวโชฺช วาติ นิโทฺทสโตฺถ ‘‘กุสลา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ติกมาติกา ๑) วิยฯ นิกฺกิเลโส วาติ กิเลสวิรหิโต วิปสฺสนา วิยฯ โวทาโน วาติ ปริสุโทฺธ โลกุตฺตรํ วิยฯ ปรมโตฺถ วาติ อุตฺตมโตฺถ อุตฺตมตฺถภูโต อโตฺถ ขนฺธธาตุอายตนนิพฺพานานิ วิยฯ

    Gambhīro vāti duppaveso appatiṭṭho paṭiccasamuppādo viya. Gūḷho vāti paṭicchanno hutvā ṭhito ‘‘abhirama nanda ahaṃ te pāṭibhogo’’tiādīsu (udā. 22) viya. Paṭicchanno vāti apākaṭo ‘‘mātaraṃ pitaraṃ hantvā’’tiādīsu (dha. pa. 294; netti. 113) viya. Neyyo vāti nīharitvā kathetabbo ‘‘asaddho akataññū cā’’tiādīsu (dha. pa. 97) viya. Nīto vāti pāḷiyā ṭhitaniyāmena kathetabbo ‘‘cattārome, bhikkhave, ariyavaṃsā’’tiādīsu (a. ni. 4.28) viya. Anavajjo vāti niddosattho ‘‘kusalā dhammā’’tiādīsu (dha. sa. tikamātikā 1) viya. Nikkileso vāti kilesavirahito vipassanā viya. Vodānoti parisuddho lokuttaraṃ viya. Paramattho vāti uttamattho uttamatthabhūto attho khandhadhātuāyatananibbānāni viya.

    ๖๔. ฉฎฺฐคาถายโตฺถ – ยสฺมา จ น หญฺญทตฺถตฺถิ ปสํสลาภา, ตสฺมา ปรมํ ลาภํ ลภโนฺตปิ ‘‘สุนฺทโร อย’’นฺติ ตตฺถ ทิฎฺฐิยา ปสํสิโต วา ปน โหตีติ ตํ วาทํ ปริสาย มเชฺฌ ทีเปตฺวา ตโต โส เตน ชยเตฺถน ตุฎฺฐิํ วา ทนฺตวิทํสกํ วา อาปชฺชโนฺต หสฺสติ, มาเนน จ อุนฺนมติฯ กิํ การณํ? ยสฺมา ตํ ชยตฺถํ ปปฺปุยฺย ยถามโน ชาโตฯ

    64. Chaṭṭhagāthāyattho – yasmā ca na haññadatthatthi pasaṃsalābhā, tasmā paramaṃ lābhaṃ labhantopi ‘‘sundaro aya’’nti tattha diṭṭhiyā pasaṃsito vā pana hotīti taṃ vādaṃ parisāya majjhe dīpetvā tato so tena jayatthena tuṭṭhiṃ vā dantavidaṃsakaṃ vā āpajjanto hassati, mānena ca unnamati. Kiṃ kāraṇaṃ? Yasmā taṃ jayatthaṃ pappuyya yathāmano jāto.

    ถมฺภยิตฺวาติ ปูเรตฺวาฯ พฺรูหยิตฺวาติ วเฑฺฒตฺวาฯ อิมิสฺสา คาถาย นิเทฺทโส อุตฺตานโตฺถฯ

    Thambhayitvāti pūretvā. Brūhayitvāti vaḍḍhetvā. Imissā gāthāya niddeso uttānattho.

    ๖๕. เอวํ อุนฺนมโต จ ‘‘ยา อุนฺนตี’’ติ คาถาฯ ตตฺถ มานาติมานํ วทเต ปเนโสติ เอโส ปน ตํ อุนฺนติํ ‘‘วิฆาตภูมี’’ติ อพุชฺฌมาโน มานญฺจ อติมานญฺจ วทติฯ เอวํ อิมิสฺสาปิ คาถาย นิเทฺทโส อุตฺตานโตฺถฯ

    65. Evaṃ unnamato ca ‘‘yā unnatī’’ti gāthā. Tattha mānātimānaṃ vadate panesoti eso pana taṃ unnatiṃ ‘‘vighātabhūmī’’ti abujjhamāno mānañca atimānañca vadati. Evaṃ imissāpi gāthāya niddeso uttānattho.

    ๖๖. เอวํ วาเท โทสํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ตสฺส วาทํ อสมฺปฎิจฺฉโนฺต ‘‘สูโร’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ ราชขาทายาติ ราชขาทนีเยน, ภตฺตเวตเนนาติ วุตฺตํ โหติฯ อภิคชฺชเมติ ปฎิสูรมิจฺฉนฺติ ยถา โส ปฎิสูรํ อิจฺฉโนฺต อภิคชฺชโนฺต เอติ, เอวํ ทิฎฺฐิคติโก ทิฎฺฐิคติกนฺติ ทเสฺสติฯ เยเนว โส เตน ปเลหีติ เยน โส ตุยฺหํ ปฎิสูโร, เตน คจฺฉฯ ปุเพฺพว นตฺถิ ยทิทํ ยุธายาติ ยํ ปน กิเลสชาตํ ยุทฺธาย สิยา, ตํ อิธ ปุเพฺพว นตฺถิ, โพธิมูเลเยวสฺส ปหีนนฺติ ทเสฺสติฯ

    66. Evaṃ vāde dosaṃ dassetvā idāni tassa vādaṃ asampaṭicchanto ‘‘sūro’’ti gāthamāha. Tattha rājakhādāyāti rājakhādanīyena, bhattavetanenāti vuttaṃ hoti. Abhigajjameti paṭisūramicchanti yathā so paṭisūraṃ icchanto abhigajjanto eti, evaṃ diṭṭhigatiko diṭṭhigatikanti dasseti. Yeneva so tena palehīti yena so tuyhaṃ paṭisūro, tena gaccha. Pubbeva natthi yadidaṃ yudhāyāti yaṃ pana kilesajātaṃ yuddhāya siyā, taṃ idha pubbeva natthi, bodhimūleyevassa pahīnanti dasseti.

    สูโรติ นิเทฺทสสฺส อุเทฺทสปทํฯ สุฎฺฐุ อุโร สูโร, วิสฺสฎฺฐอุโร นินฺนอุโรติ อโตฺถฯ วีโรติ ปรกฺกมวโนฺตฯ วิกฺกโนฺตติ สงฺคามํ ปวิสโนฺตฯ อภีรูติอาทโย วุตฺตนยา เอวฯ ปุโฎฺฐติ นิเทฺทสสฺส อุเทฺทสปทํฯ โปสิโตติ ถูลกโตฯ อาปาทิโตติ อุปฑฺฒพลิโต ปฎิปาทิโตฯ วฑฺฒิโตติ ตโต ตโต ภาวิโตฯ

    Sūroti niddesassa uddesapadaṃ. Suṭṭhu uro sūro, vissaṭṭhauro ninnauroti attho. Vīroti parakkamavanto. Vikkantoti saṅgāmaṃ pavisanto. Abhīrūtiādayo vuttanayā eva. Puṭṭhoti niddesassa uddesapadaṃ. Positoti thūlakato. Āpāditoti upaḍḍhabalito paṭipādito. Vaḍḍhitoti tato tato bhāvito.

    คชฺชโนฺตติ อพฺยตฺตสเรน คชฺชโนฺตฯ อุคฺคชฺชโนฺตติ อุกฺกุฎฺฐิํ กโรโนฺตฯ อภิคชฺชโนฺตติ สีหนาทํ กโรโนฺตฯ เอตีติ อาคจฺฉติฯ อุเปตีติ ตโต สมีปํ คจฺฉติฯ อุปคจฺฉตีติ ตโต สมีปํ คนฺตฺวา น นิวตฺตติฯ ปฎิสูรนฺติ นิพฺภยํฯ ปฎิปุริสนฺติ สตฺตุปุริสํฯ ปฎิสตฺตุนฺติ สตฺตุ หุตฺวา อภิมุเข ฐิตํฯ ปฎิมลฺลนฺติ ปฎิเสธํ หุตฺวา ยุชฺฌนฺตํฯ อิจฺฉโนฺตติ อากงฺขมาโนฯ

    Gajjantoti abyattasarena gajjanto. Uggajjantoti ukkuṭṭhiṃ karonto. Abhigajjantoti sīhanādaṃ karonto. Etīti āgacchati. Upetīti tato samīpaṃ gacchati. Upagacchatīti tato samīpaṃ gantvā na nivattati. Paṭisūranti nibbhayaṃ. Paṭipurisanti sattupurisaṃ. Paṭisattunti sattu hutvā abhimukhe ṭhitaṃ. Paṭimallanti paṭisedhaṃ hutvā yujjhantaṃ. Icchantoti ākaṅkhamāno.

    ปเลหีติ คจฺฉฯ วชาติ มา ติฎฺฐฯ คจฺฉาติ สมีปํ อุปสงฺกมฯ อภิกฺกมาติ ปรกฺกมํ กโรหิฯ

    Palehīti gaccha. Vajāti mā tiṭṭha. Gacchāti samīpaṃ upasaṅkama. Abhikkamāti parakkamaṃ karohi.

    โพธิยา มูเลติ มหาโพธิรุกฺขสฺส สมีเปฯ เย ปฎิเสนิกรา กิเลสาติ เย กิเลสา ปฎิปกฺขกราฯ ปฎิโลมกราติ ปฎาณีกราฯ ปฎิกณฺฎกกราติ วินิวิชฺฌนกราฯ ปฎิปกฺขกราติ สตฺตุกราฯ

    Bodhiyā mūleti mahābodhirukkhassa samīpe. Ye paṭisenikarā kilesāti ye kilesā paṭipakkhakarā. Paṭilomakarāti paṭāṇīkarā. Paṭikaṇṭakakarāti vinivijjhanakarā. Paṭipakkhakarāti sattukarā.

    ๖๗. อิโต ปรํ เสสคาถา ปากฎสมฺพนฺธา เอวฯ ตตฺถ วิวาทยนฺตีติ วิวทนฺติฯ ปฎิเสนิกตฺตาติ ปฎิโลมการกาฯ ‘‘น ตฺวํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานาสี’’ติอาทินา นเยน วิรุทฺธวจนํ วิวาโทฯ

    67. Ito paraṃ sesagāthā pākaṭasambandhā eva. Tattha vivādayantīti vivadanti. Paṭisenikattāti paṭilomakārakā. ‘‘Na tvaṃ imaṃ dhammavinayaṃ ājānāsī’’tiādinā nayena viruddhavacanaṃ vivādo.

    สหิตํ เมติ มม วจนํ อตฺถสํหิตํฯ อสหิตํ เตติ ตว วจนํ อนตฺถสํหิตํฯ อธิจิณฺณํ เต วิปราวตฺตนฺติ ยํ ตํ อธิจิณฺณํ จิรกาลเสวนวเสน ปคุณํ, ตํ มม วาทํ อาคมฺม นิวตฺตํฯ อาโรปิโต เต วาโทติ ตุยฺหํ อุปริ มยา โทโส อาโรปิโตฯ จร วาทปฺปโมกฺขายาติ ภตฺตปุฎํ อาทาย ตํ ตํ อุปสงฺกมิตฺวา วาทา ปโมกฺขตฺถาย อุตฺตรํ ปริเยสมาโน วิจรฯ นิเพฺพเฐหิ วาติ อถ วา มยา อาโรปิตโทสโต อตฺตานํ โมเจหิฯ สเจ ปโหสีติ สเจ สโกฺกสิฯ

    Sahitaṃ meti mama vacanaṃ atthasaṃhitaṃ. Asahitaṃ teti tava vacanaṃ anatthasaṃhitaṃ. Adhiciṇṇaṃ te viparāvattanti yaṃ taṃ adhiciṇṇaṃ cirakālasevanavasena paguṇaṃ, taṃ mama vādaṃ āgamma nivattaṃ. Āropito te vādoti tuyhaṃ upari mayā doso āropito. Cara vādappamokkhāyāti bhattapuṭaṃ ādāya taṃ taṃ upasaṅkamitvā vādā pamokkhatthāya uttaraṃ pariyesamāno vicara. Nibbeṭhehi vāti atha vā mayā āropitadosato attānaṃ mocehi. Sace pahosīti sace sakkosi.

    อาเวฐิยาย อาเวฐิยนฺติ อาเวเฐตฺวา นิวตฺตเนน นิวตฺตนํฯ นิเพฺพฐิยาย นิเพฺพฐิยนฺติ โทสโต โมจเนน โมจนํฯ เฉเทน เฉทนฺติ เอวมาทิ เหฎฺฐา วุตฺตนยตฺตา ยถาโยคํ โยเชตพฺพํฯ

    Āveṭhiyāya āveṭhiyanti āveṭhetvā nivattanena nivattanaṃ. Nibbeṭhiyāya nibbeṭhiyanti dosato mocanena mocanaṃ. Chedena chedanti evamādi heṭṭhā vuttanayattā yathāyogaṃ yojetabbaṃ.

    ๖๘. วิเสนิกตฺวาติ กิเลสเสนํ วินาเสตฺวาฯ กิํ ลเภถาติ ปฎิมลฺลํ กิํ ลภิสฺสสิฯ ปสูราติ ตํ ปริพฺพาชกํ อาลปติฯ เยสีธ นตฺถีติ เยสํ อิธ นตฺถิฯ อิมายปิ คาถาย นิเทฺทโส อุตฺตานโตฺถเยวฯ

    68.Visenikatvāti kilesasenaṃ vināsetvā. Kiṃ labhethāti paṭimallaṃ kiṃ labhissasi. Pasūrāti taṃ paribbājakaṃ ālapati. Yesīdha natthīti yesaṃ idha natthi. Imāyapi gāthāya niddeso uttānatthoyeva.

    ๖๙. ปวิตกฺกนฺติ ‘‘ชโย นุ โข เม ภวิสฺสตี’’ติอาทีนิ วิตเกฺกโนฺตฯ โธเนน ยุคํ สมาคมาติ ธุตกิเลเสน พุเทฺธน สทฺธิํ ยุคคฺคาหํ สมาปโนฺนฯ น หิ ตฺวํ สกฺขสิ สมฺปยาตเวติ โกตฺถุอาทโย วิย สีหาทีหิ โธเนน สห ยุคํ คเหตฺวา เอกปทมฺปิ สมฺปยาตุํ ยุคคฺคาหเมว วา สมฺปาเทตุํ น สกฺขิสฺสสีติฯ

    69.Pavitakkanti ‘‘jayo nu kho me bhavissatī’’tiādīni vitakkento. Dhonena yugaṃ samāgamāti dhutakilesena buddhena saddhiṃ yugaggāhaṃ samāpanno. Na hi tvaṃ sakkhasi sampayātaveti kotthuādayo viya sīhādīhi dhonena saha yugaṃ gahetvā ekapadampi sampayātuṃ yugaggāhameva vā sampādetuṃ na sakkhissasīti.

    มโนติ นิเทฺทสสฺส อุเทฺทสปทํฯ จิตฺตนฺติ จิตฺตตาย จิตฺตํฯ ‘‘อารมฺมณํ มินมานํ ชานาตี’’ติ มโนฯ มานสนฺติ มโน เอวฯ ‘‘อนฺตลิกฺขจโร ปาโส, ยฺวายํ จรติ มานโส’’ติ (มหาว. ๓๓; สํ. นิ. ๑.๑๕๑) หิ เอตฺถ ปน สมฺปยุตฺตกธโมฺม มานโสติ วุโตฺตฯ

    Manoti niddesassa uddesapadaṃ. Cittanti cittatāya cittaṃ. ‘‘Ārammaṇaṃ minamānaṃ jānātī’’ti mano. Mānasanti mano eva. ‘‘Antalikkhacaro pāso, yvāyaṃ carati mānaso’’ti (mahāva. 33; saṃ. ni. 1.151) hi ettha pana sampayuttakadhammo mānasoti vutto.

    ‘‘กถญฺหิ ภควา ตุยฺหํ, สาวโก สาสเน รโต;

    ‘‘Kathañhi bhagavā tuyhaṃ, sāvako sāsane rato;

    อปฺปตฺตมานโส เสโกฺข, กาลํกยิรา ชเนสุตา’’ติฯ (สํ. นิ. ๑.๑๕๙) –

    Appattamānaso sekkho, kālaṃkayirā janesutā’’ti. (saṃ. ni. 1.159) –

    เอตฺถ อรหตฺตํ มานสนฺติ วุตฺตํฯ อิธ ปน มโนว มานสํ, พฺยญฺชนวเสน เหตํ ปทํ วฑฺฒิตํฯ

    Ettha arahattaṃ mānasanti vuttaṃ. Idha pana manova mānasaṃ, byañjanavasena hetaṃ padaṃ vaḍḍhitaṃ.

    หทยนฺติ จิตฺตํฯ ‘‘จิตฺตํ วา เต ขิปิสฺสามิ, หทยํ วา เต ผาเลสฺสามี’’ติ (สุ. นิ. อาฬวกสุตฺต; สํ. นิ. ๑.๒๓๗) เอตฺถ อุโร หทยนฺติ วุตฺตํฯ ‘‘หทยา หทยํ มเญฺญ อญฺญาย ตจฺฉตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๖๓) เอตฺถ จิตฺตํฯ ‘‘วกฺกํ หทย’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๓๗๗; ม. นิ. ๑.๑๑๐; ขุ. ปา. ๓.ทฺวตฺติํสาการ) เอตฺถ หทยวตฺถุฯ อิธ ปน จิตฺตเมว อพฺภนฺตรเฎฺฐน ‘‘หทย’’นฺติ วุตฺตํฯ ตเมว ปริสุทฺธเฎฺฐน ปณฺฑรํ, ภวงฺคํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ ยถาห ‘‘ปภสฺสรมิทํ, ภิกฺขเว, จิตฺตํ, ตญฺจ โข อาคนฺตุเกหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฎฺฐ’’นฺติ (อ. นิ. ๑.๔๙)ฯ ตโต นิกฺขนฺตตฺตา ปน อกุสลมฺปิ คงฺคาย นิกฺขนฺตา นที คงฺคา วิย โคธาวริโต นิกฺขนฺตา โคธาวริ วิย จ ‘‘ปณฺฑร’’เนฺตฺวว วุตฺตํฯ

    Hadayanti cittaṃ. ‘‘Cittaṃ vā te khipissāmi, hadayaṃ vā te phālessāmī’’ti (su. ni. āḷavakasutta; saṃ. ni. 1.237) ettha uro hadayanti vuttaṃ. ‘‘Hadayā hadayaṃ maññe aññāya tacchatī’’ti (ma. ni. 1.63) ettha cittaṃ. ‘‘Vakkaṃ hadaya’’nti (dī. ni. 2.377; ma. ni. 1.110; khu. pā. 3.dvattiṃsākāra) ettha hadayavatthu. Idha pana cittameva abbhantaraṭṭhena ‘‘hadaya’’nti vuttaṃ. Tameva parisuddhaṭṭhena paṇḍaraṃ, bhavaṅgaṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Yathāha ‘‘pabhassaramidaṃ, bhikkhave, cittaṃ, tañca kho āgantukehi upakkilesehi upakkiliṭṭha’’nti (a. ni. 1.49). Tato nikkhantattā pana akusalampi gaṅgāya nikkhantā nadī gaṅgā viya godhāvarito nikkhantā godhāvari viya ca ‘‘paṇḍara’’ntveva vuttaṃ.

    มโน มนายตนนฺติ อิธ ปน มโนคหณํ มนเสฺสว อายตนภาวทีปนตฺถํฯ เตเนตํ ทีเปติ ‘‘นยิทํ เทวายตนํ วิย มนสฺส อายตนตฺตา มนายตนํ, อถ โข มโน เอว อายตนํ มนายตน’’นฺติฯ ตตฺถ นิวาสฎฺฐานเฎฺฐน อากรเฎฺฐน สโมสรณฎฺฐานเฎฺฐน สญฺชาติเทสเฎฺฐน การณเฎฺฐน จ อายตนํ เวทิตพฺพํฯ ตถา หิ โลเก ‘‘อิสฺสรายตนํ วาสุเทวายตน’’นฺติอาทีสุ นิวาสฎฺฐานํ อายตนนฺติ วุจฺจติ ฯ ‘‘สุวณฺณายตนํ รชตายตน’’นฺติอาทีสุ อากโรฯ สาสเน ปน ‘‘มโนรเม อายตเน, เสวนฺติ นํ วิหงฺคมา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๓๘) สโมสรณฎฺฐานํฯ ‘‘ทกฺขิณาปโถ คุนฺนํ อายตน’’นฺติอาทีสุ สญฺชาติเทโสฯ ‘‘ตตฺร ตเตฺรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติอายตเน’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๑๐๒; ม. นิ. ๓.๑๕๘) การณํฯ อิธ ปน สญฺชาติเทสเฎฺฐน สโมสรณฎฺฐานเฎฺฐน การณเฎฺฐนาติ ติธาปิ วฎฺฎติฯ

    Mano manāyatananti idha pana manogahaṇaṃ manasseva āyatanabhāvadīpanatthaṃ. Tenetaṃ dīpeti ‘‘nayidaṃ devāyatanaṃ viya manassa āyatanattā manāyatanaṃ, atha kho mano eva āyatanaṃ manāyatana’’nti. Tattha nivāsaṭṭhānaṭṭhena ākaraṭṭhena samosaraṇaṭṭhānaṭṭhena sañjātidesaṭṭhena kāraṇaṭṭhena ca āyatanaṃ veditabbaṃ. Tathā hi loke ‘‘issarāyatanaṃ vāsudevāyatana’’ntiādīsu nivāsaṭṭhānaṃ āyatananti vuccati . ‘‘Suvaṇṇāyatanaṃ rajatāyatana’’ntiādīsu ākaro. Sāsane pana ‘‘manorame āyatane, sevanti naṃ vihaṅgamā’’tiādīsu (a. ni. 5.38) samosaraṇaṭṭhānaṃ. ‘‘Dakkhiṇāpatho gunnaṃ āyatana’’ntiādīsu sañjātideso. ‘‘Tatra tatreva sakkhibhabbataṃ pāpuṇāti sati satiāyatane’’tiādīsu (a. ni. 3.102; ma. ni. 3.158) kāraṇaṃ. Idha pana sañjātidesaṭṭhena samosaraṇaṭṭhānaṭṭhena kāraṇaṭṭhenāti tidhāpi vaṭṭati.

    ผสฺสาทโย หิ ธมฺมา เอตฺถ สญฺชายนฺตีติ สญฺชาติเทสเฎฺฐนปิ เอตํ อายตนํฯ พหิทฺธา รูปสทฺทคนฺธรสโผฎฺฐพฺพา อารมฺมณภาเวเนตฺถ โอสรนฺตีติ สโมสรณฎฺฐานเฎฺฐนปิ อายตนํ ฯ ผสฺสาทีนํ ปน สหชาตาทิปจฺจยเฎฺฐน การณตฺตา การณเฎฺฐนาปิ อายตนนฺติ เวทิตพฺพํฯ มนินฺทฺริยํ วุตฺตตฺถเมวฯ

    Phassādayo hi dhammā ettha sañjāyantīti sañjātidesaṭṭhenapi etaṃ āyatanaṃ. Bahiddhā rūpasaddagandharasaphoṭṭhabbā ārammaṇabhāvenettha osarantīti samosaraṇaṭṭhānaṭṭhenapi āyatanaṃ . Phassādīnaṃ pana sahajātādipaccayaṭṭhena kāraṇattā kāraṇaṭṭhenāpi āyatananti veditabbaṃ. Manindriyaṃ vuttatthameva.

    วิชานาตีติ วิญฺญาณํฯ วิญฺญาณเมว ขโนฺธ วิญฺญาณกฺขโนฺธฯ ตสฺส ราสิอาทิวเสน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ‘‘มหาอุทกกฺขโนฺธเตฺวว สงฺขํ คจฺฉตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๕๑) เอตฺถ หิ ราสเฎฺฐน ขโนฺธ วุโตฺตฯ ‘‘สีลกฺขโนฺธ สมาธิกฺขโนฺธ’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๕๕) คุณเฎฺฐนฯ ‘‘อทฺทส โข ภควา มหนฺตํ ทารุกฺขนฺธ’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๒๔๑) เอตฺถ ปณฺณตฺติมตฺตเฎฺฐนฯ อิธ ปน รูฬฺหิโต ขโนฺธ วุโตฺตฯ ราสเฎฺฐน หิ วิญฺญาณกฺขนฺธสฺส เอกเทโส เอกํ วิญฺญาณํฯ ตสฺมา ยถา รุกฺขสฺส เอกเทสํ ฉินฺทโนฺต รุกฺขํ ฉินฺทตีติ วุจฺจติ, เอวเมว วิญฺญาณกฺขนฺธสฺส เอกเทสภูตํ เอกมฺปิ วิญฺญาณํ รูฬฺหิโต วิญฺญาณกฺขโนฺธติ วุตฺตํฯ

    Vijānātīti viññāṇaṃ. Viññāṇameva khandho viññāṇakkhandho. Tassa rāsiādivasena attho veditabbo. ‘‘Mahāudakakkhandhotveva saṅkhaṃ gacchatī’’ti (a. ni. 4.51) ettha hi rāsaṭṭhena khandho vutto. ‘‘Sīlakkhandho samādhikkhandho’’tiādīsu (dī. ni. 3.355) guṇaṭṭhena. ‘‘Addasa kho bhagavā mahantaṃ dārukkhandha’’nti (saṃ. ni. 4.241) ettha paṇṇattimattaṭṭhena. Idha pana rūḷhito khandho vutto. Rāsaṭṭhena hi viññāṇakkhandhassa ekadeso ekaṃ viññāṇaṃ. Tasmā yathā rukkhassa ekadesaṃ chindanto rukkhaṃ chindatīti vuccati, evameva viññāṇakkhandhassa ekadesabhūtaṃ ekampi viññāṇaṃ rūḷhito viññāṇakkhandhoti vuttaṃ.

    ตชฺชา มโนวิญฺญาณธาตูติ เตสํ ผสฺสาทีนํ ธมฺมานํ อนุจฺฉวิกา มโนวิญฺญาณธาตุฯ อิมสฺมิญฺหิ ปเท เอกเมว จิตฺตํ มินนเฎฺฐน มโน, วิชานนเฎฺฐน วิญฺญาณํ, สภาวเฎฺฐน นิสฺสตฺตเฎฺฐน วา ธาตูติ ตีหิ นาเมหิ วุตฺตํฯ

    Tajjā manoviññāṇadhātūti tesaṃ phassādīnaṃ dhammānaṃ anucchavikā manoviññāṇadhātu. Imasmiñhi pade ekameva cittaṃ minanaṭṭhena mano, vijānanaṭṭhena viññāṇaṃ, sabhāvaṭṭhena nissattaṭṭhena vā dhātūti tīhi nāmehi vuttaṃ.

    สทฺธิํ ยุคํ สมาคมนฺติ เอกปฺปหาเรน สทฺธิํฯ สมฺมาคนฺตฺวาติ ปาปุณิตฺวาฯ ยุคคฺคาหํ คณฺหิตฺวาติ ยุคปฎิภาคํ คเหตฺวาฯ สากเจฺฉตุนฺติ สทฺธิํ กเถตุํฯ สลฺลปิตุนฺติ อลฺลาปสลฺลาปํ กาตุํฯ สากจฺฉํ สมาปชฺชิตุนฺติ สทฺธิํ กถนํ ปฎิปชฺชิตุํฯ น ปฎิพลภาเว การณํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตํ กิสฺสเหตุ, ปสูโร ปริพฺพาชโก หีโน’’ติอาทิมาหฯ โส หิ ภควา อโคฺค จาติ อสทิสทานอคฺคตฺตา อสมานปญฺญตฺตา อโคฺค จฯ เสโฎฺฐ จาติ สพฺพคุเณหิ อปฺปฎิสมเฎฺฐน เสโฎฺฐ จฯ โมโกฺข จาติ สวาสเนหิ กิเลเสหิ มุตฺตตฺตา โมโกฺข จฯ อุตฺตโม จาติ อตฺตโน อุตฺตริตรวิรหิตตฺตา อุตฺตโม จฯ ปวโร จาติ สพฺพโลเกน อภิปตฺถนียตฺตา ปวโร จฯ มเตฺตน มาตเงฺคนาติ ปภินฺนมเทน หตฺถินาฯ

    Saddhiṃ yugaṃ samāgamanti ekappahārena saddhiṃ. Sammāgantvāti pāpuṇitvā. Yugaggāhaṃ gaṇhitvāti yugapaṭibhāgaṃ gahetvā. Sākacchetunti saddhiṃ kathetuṃ. Sallapitunti allāpasallāpaṃ kātuṃ. Sākacchaṃ samāpajjitunti saddhiṃ kathanaṃ paṭipajjituṃ. Na paṭibalabhāve kāraṇaṃ dassetuṃ ‘‘taṃ kissahetu, pasūro paribbājako hīno’’tiādimāha. So hi bhagavā aggoti asadisadānaaggattā asamānapaññattā aggo ca. Seṭṭho cāti sabbaguṇehi appaṭisamaṭṭhena seṭṭho ca. Mokkho cāti savāsanehi kilesehi muttattā mokkho ca. Uttamo cāti attano uttaritaravirahitattā uttamo ca. Pavaro cāti sabbalokena abhipatthanīyattā pavaro ca. Mattenamātaṅgenāti pabhinnamadena hatthinā.

    โกตฺถุโกติ ชิรณสิงฺคาโลฯ สีเหน มิครญฺญา สทฺธินฺติ เกสรสีเหน มิคราเชน สหฯ ตรุณโกติ ฉาปโกฯ เธนุปโกติ ขีรปโกฯ อุสเภนาติ มงฺคลสมฺมเตน อุสเภนฯ จลกกุนา สทฺธินฺติ จลมานกกุนา สทฺธิํฯ ธโงฺกติ กาโกฯ ครุเฬน เวนเตเยฺยน สทฺธินฺติ เอตฺถ ครุเฬนาติ ชาติวเสน นามํฯ เวนเตเยฺยนาติ โคตฺตวเสนฯ จณฺฑาโลติ ฉวจณฺฑาโลฯ รญฺญา จกฺกวตฺตินาติ จาตุทฺทีปิกจกฺกวตฺตินาฯ ปํสุปิสาจโกติ กจวรฉฑฺฑนฎฺฐาเน นิพฺพตฺตโก ยโกฺขฯ อิเนฺทน เทวรญฺญา สทฺธินฺติ สเกฺกน เทวราเชน สหฯ โส หิ ภควา มหาปโญฺญติอาทีนิ ฉปฺปทานิ เหฎฺฐา วิตฺถาริตานิฯ ตตฺถ ปญฺญาปเภทกุสโลติ อตฺตโน อนนฺตวิกเปฺป ปญฺญาเภเท เฉโกฯ ปภินฺนญาโณติ อนนฺตปฺปเภทปตฺตญาโณฯ เอเตน ปญฺญาปเภทกุสลเตฺตปิ สติ ตาสํ ปญฺญานํ อนนฺตเภทตฺตํ ทเสฺสติฯ อธิคตปฎิสมฺภิโทติ ปฎิลทฺธอคฺคจตุปฎิสมฺภิทญาโณฯ จตุเวสารชฺชปฺปโตฺตติ จตฺตาริ วิสารทภาวสงฺขาตานิ ญาณานิ ปโตฺตฯ ยถาห –

    Kotthukoti jiraṇasiṅgālo. Sīhena migaraññā saddhinti kesarasīhena migarājena saha. Taruṇakoti chāpako. Dhenupakoti khīrapako. Usabhenāti maṅgalasammatena usabhena. Calakakunā saddhinti calamānakakunā saddhiṃ. Dhaṅkoti kāko. Garuḷena venateyyena saddhinti ettha garuḷenāti jātivasena nāmaṃ. Venateyyenāti gottavasena. Caṇḍāloti chavacaṇḍālo. Raññā cakkavattināti cātuddīpikacakkavattinā. Paṃsupisācakoti kacavarachaḍḍanaṭṭhāne nibbattako yakkho. Indena devaraññā saddhinti sakkena devarājena saha. So hi bhagavā mahāpaññotiādīni chappadāni heṭṭhā vitthāritāni. Tattha paññāpabhedakusaloti attano anantavikappe paññābhede cheko. Pabhinnañāṇoti anantappabhedapattañāṇo. Etena paññāpabhedakusalattepi sati tāsaṃ paññānaṃ anantabhedattaṃ dasseti. Adhigatapaṭisambhidoti paṭiladdhaaggacatupaṭisambhidañāṇo. Catuvesārajjappattoti cattāri visāradabhāvasaṅkhātāni ñāṇāni patto. Yathāha –

    ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เต ปฎิชานโต ‘อิเม ธมฺมา อนภิสมฺพุทฺธา’ติ, ตตฺร วต มํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา โกจิ วา โลกสฺมิํ สหธเมฺมน ปฎิโจเทสฺสตีติ นิมิตฺตเมตํ, ภิกฺขเว, น สมนุปสฺสามิ, เอตมหํ, ภิกฺขเว, นิมิตฺตํ อสมนุปสฺสโนฺต เขมปฺปโตฺต อภยปฺปโตฺต เวสารชฺชปฺปโตฺต วิหรามิฯ

    ‘‘Sammāsambuddhassa te paṭijānato ‘ime dhammā anabhisambuddhā’ti, tatra vata maṃ samaṇo vā brāhmaṇo vā devo vā māro vā brahmā vā koci vā lokasmiṃ sahadhammena paṭicodessatīti nimittametaṃ, bhikkhave, na samanupassāmi, etamahaṃ, bhikkhave, nimittaṃ asamanupassanto khemappatto abhayappatto vesārajjappatto viharāmi.

    ‘‘ขีณาสวสฺส เต ปฎิชานโต ‘อิเม อาสวา อปริกฺขีณา’ติ…เป.… ‘เย โข ปน เต อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา, เต ปฎิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’ติ…เป.… ยสฺส โข ปน เต อตฺถาย ธโมฺม เทสิโต, โส น นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายาติ, ตตฺร วต มํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา โกจิ วา โลกสฺมิํ สหธเมฺมน ปฎิโจเทสฺสตีติ นิมิตฺตเมตํ, ภิกฺขเว, น สมนุปสฺสามิ, เอตมหํ, ภิกฺขเว, นิมิตฺตํ อสมนุปสฺสโนฺต เขมปฺปโตฺต อภยปฺปโตฺต เวสารชฺชปฺปโตฺต วิหรามี’’ติ (อ. นิ. ๔.๘; ม. นิ. ๑.๑๕๐)ฯ

    ‘‘Khīṇāsavassa te paṭijānato ‘ime āsavā aparikkhīṇā’ti…pe… ‘ye kho pana te antarāyikā dhammā vuttā, te paṭisevato nālaṃ antarāyāyā’’ti…pe… yassa kho pana te atthāya dhammo desito, so na niyyāti takkarassa sammā dukkhakkhayāyāti, tatra vata maṃ samaṇo vā brāhmaṇo vā devo vā māro vā brahmā vā koci vā lokasmiṃ sahadhammena paṭicodessatīti nimittametaṃ, bhikkhave, na samanupassāmi, etamahaṃ, bhikkhave, nimittaṃ asamanupassanto khemappatto abhayappatto vesārajjappatto viharāmī’’ti (a. ni. 4.8; ma. ni. 1.150).

    ทสพลพลธารีติ ทส พลานิ เอเตสนฺติ ทสพลา, ทสพลานํ พลานิ ทสพลพลานิ, ตานิ ทสพลพลานิ ธารยตีติ ทสพลพลธารี, ทสพลญาณพลธารีติ อโตฺถฯ เอเตหิ ตีหิ วจเนหิ อนนฺตปฺปเภทานํ เนยฺยานํ ปเภทมุขมตฺตํ ทสฺสิตํฯ โสเยว ปญฺญาปโยควเสน อภิมงฺคลสมฺมตเฎฺฐน ปุริสาสโภฯ อสนฺตาสเฎฺฐน ปุริสสีโหฯ มหนฺตเฎฺฐน ปุริสนาโคฯ ปชานนเฎฺฐน ปุริสาชโญฺญฯ โลกกิจฺจธุรวหนเฎฺฐน ปุริสโธรโยฺห

    Dasabalabaladhārīti dasa balāni etesanti dasabalā, dasabalānaṃ balāni dasabalabalāni, tāni dasabalabalāni dhārayatīti dasabalabaladhārī, dasabalañāṇabaladhārīti attho. Etehi tīhi vacanehi anantappabhedānaṃ neyyānaṃ pabhedamukhamattaṃ dassitaṃ. Soyeva paññāpayogavasena abhimaṅgalasammataṭṭhena purisāsabho. Asantāsaṭṭhena purisasīho. Mahantaṭṭhena purisanāgo. Pajānanaṭṭhena purisājañño. Lokakiccadhuravahanaṭṭhena purisadhorayho.

    อถ เตชาทิกํ อนนฺตญาณโต ลทฺธํ คุณวิเสสํ ทเสฺสตุกาโม เตสํ เตชาทีนํ อนนฺตญาณมูลภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อนนฺตญาโณ’’ติ วตฺวา ‘‘อนนฺตเตโช’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อนนฺตญาโณติ คณนวเสน จ ปภาววเสน จ อนฺตวิรหิตญาโณฯ อนนฺตเตโชติ เวเนยฺยสนฺตาเน โมหตมวิธมเนน อนนฺตญาณเตโชฯ อนนฺตยโสติ ปญฺญาคุเณเหว โลกตฺตยวิตฺถตานนฺตกิตฺติโฆโสฯ อโฑฺฒติ ปญฺญาธนสมิทฺธิยา สมิโทฺธฯ มหทฺธโนติ ปญฺญาธนวฑฺฒเตฺตปิ ปภาวมหเตฺตน มหนฺตํ ปวตฺตปญฺญาธนมสฺสาติ มหทฺธโนฯ ‘‘มหาธโน’’ติ วา ปาโฐฯ ธนวาติ ปสํสิตพฺพปญฺญาธนวตฺตา นิจฺจยุตฺตปญฺญาธนวตฺตา อติสยภาเวน ปญฺญาธนวตฺตา ธนวาฯ เอเตสุปิ หิ ตีสุ อเตฺถสุ อิทํ วจนํ สทฺทวิทู อิจฺฉนฺติฯ

    Atha tejādikaṃ anantañāṇato laddhaṃ guṇavisesaṃ dassetukāmo tesaṃ tejādīnaṃ anantañāṇamūlabhāvaṃ dassento ‘‘anantañāṇo’’ti vatvā ‘‘anantatejo’’tiādimāha. Tattha anantañāṇoti gaṇanavasena ca pabhāvavasena ca antavirahitañāṇo. Anantatejoti veneyyasantāne mohatamavidhamanena anantañāṇatejo. Anantayasoti paññāguṇeheva lokattayavitthatānantakittighoso. Aḍḍhoti paññādhanasamiddhiyā samiddho. Mahaddhanoti paññādhanavaḍḍhattepi pabhāvamahattena mahantaṃ pavattapaññādhanamassāti mahaddhano. ‘‘Mahādhano’’ti vā pāṭho. Dhanavāti pasaṃsitabbapaññādhanavattā niccayuttapaññādhanavattā atisayabhāvena paññādhanavattā dhanavā. Etesupi hi tīsu atthesu idaṃ vacanaṃ saddavidū icchanti.

    เอวํ ปญฺญาคุเณน ภควโต อตฺตสมฺปตฺติสิทฺธิํ ทเสฺสตฺวา ปุน ปญฺญาคุเณเนว โลกหิตสมฺปตฺติสิทฺธิํ ทเสฺสโนฺต ‘‘เนตา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ เวเนเยฺย สํสารสงฺขาตภยฎฺฐานโต นิพฺพานสงฺขาตํ เขมฎฺฐานํ เนตา ฯ ตตฺถ นยนกาเล เอว สํวรวินยปหานวินยวเสน เวเนเยฺย วิเนตาฯ ธมฺมเทสนากาเล เอว สํสยเจฺฉทเนน อนุเนตาฯ สํสยํ ฉินฺทิตฺวา สญฺญาเปตพฺพํ อตฺถํ ปญฺญาเปตาฯ ตถา ปญฺญาปิตานํ นิจฺฉยกรเณน นิชฺฌาเปตาฯ ตถา นิชฺฌาปิตสฺส อตฺถสฺส ปฎิปตฺติปโยชนวเสน เปเกฺขตาฯ ตถาปฎิปเนฺน ปฎิปตฺติพเลน ปสาเทตาโส หิ ภควาติ เอตฺถ หิ-กาโร อนนฺตรํ วุตฺตสฺส อตฺถสฺส การโณปเทเส นิปาโตฯ

    Evaṃ paññāguṇena bhagavato attasampattisiddhiṃ dassetvā puna paññāguṇeneva lokahitasampattisiddhiṃ dassento ‘‘netā’’tiādimāha. Tattha veneyye saṃsārasaṅkhātabhayaṭṭhānato nibbānasaṅkhātaṃ khemaṭṭhānaṃ netā. Tattha nayanakāle eva saṃvaravinayapahānavinayavasena veneyye vinetā. Dhammadesanākāle eva saṃsayacchedanena anunetā. Saṃsayaṃ chinditvā saññāpetabbaṃ atthaṃ paññāpetā. Tathā paññāpitānaṃ nicchayakaraṇena nijjhāpetā. Tathā nijjhāpitassa atthassa paṭipattipayojanavasena pekkhetā. Tathāpaṭipanne paṭipattibalena pasādetā. So hi bhagavāti ettha hi-kāro anantaraṃ vuttassa atthassa kāraṇopadese nipāto.

    อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตาติ สกสนฺตาเน นอุปฺปนฺนปุพฺพสฺส ฉอสาธารณญาณเหตุภูตสฺส อริยมคฺคสฺส โพธิมูเล โลกหิตตฺถํ สกสนฺตาเน อุปฺปาเทตาฯ อสญฺชาตสฺส มคฺคสฺส สญฺชเนตาติ เวเนยฺยสนฺตาเน อสญฺชาตปุพฺพสฺส สาวกปารมีญาณเหตุภูตสฺส อริยมคฺคสฺส ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนโต ปภุติ ยาวชฺชกาลา เวเนยฺยสนฺตาเน สญฺชเนตาฯ สาวกเวเนยฺยานมฺปิ หิ สนฺตาเน ภควตา วุตฺตวจเนเนว อริยมคฺคสฺส สญฺชนนโต ภควา สญฺชเนตา นาม โหติฯ อนกฺขาตสฺส มคฺคสฺส อกฺขาตาติ อฎฺฐธมฺมสมนฺนาคตานํ พุทฺธภาวาย กถาภินีหารานํ โพธิสตฺตานํ พุทฺธภาวาย พฺยากรณํ ทตฺวา อนกฺขาตปุพฺพสฺส ปารมิตามคฺคสฺส ‘‘พุโทฺธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากรณมเตฺตเนว โพธิมูเล อุปฺปชฺชิตพฺพสฺส อริยมคฺคสฺส อกฺขาตาฯ อยํ นโย ปเจฺจกโพธิสตฺตพฺยากรเณปิ ลพฺภติเยวฯ มคฺคญฺญูติ ปจฺจเวกฺขณาวเสน อตฺตโน อุปฺปาทิตสฺส อริยมคฺคสฺส ญาตาฯ มคฺควิทูติ เวเนยฺยสนฺตาเน ชเนตพฺพสฺส อริยมคฺคสฺส กุสโลฯ มคฺคโกวิโทติ โพธิสตฺตานํ อกฺขาตพฺพมเคฺค วิจกฺขโณฯ อถ วา อภิสโมฺพธิปฎิปตฺติ มคฺคญฺญู, ปเจฺจกโพธิปฎิปตฺติ มคฺควิทู, สาวกโพธิปฎิปตฺติ มคฺคโกวิโทฯ อถ วา –

    Anuppannassa maggassa uppādetāti sakasantāne nauppannapubbassa chaasādhāraṇañāṇahetubhūtassa ariyamaggassa bodhimūle lokahitatthaṃ sakasantāne uppādetā. Asañjātassa maggassa sañjanetāti veneyyasantāne asañjātapubbassa sāvakapāramīñāṇahetubhūtassa ariyamaggassa dhammacakkappavattanato pabhuti yāvajjakālā veneyyasantāne sañjanetā. Sāvakaveneyyānampi hi santāne bhagavatā vuttavacaneneva ariyamaggassa sañjananato bhagavā sañjanetā nāma hoti. Anakkhātassa maggassa akkhātāti aṭṭhadhammasamannāgatānaṃ buddhabhāvāya kathābhinīhārānaṃ bodhisattānaṃ buddhabhāvāya byākaraṇaṃ datvā anakkhātapubbassa pāramitāmaggassa ‘‘buddho bhavissatī’’ti byākaraṇamatteneva bodhimūle uppajjitabbassa ariyamaggassa akkhātā. Ayaṃ nayo paccekabodhisattabyākaraṇepi labbhatiyeva. Maggaññūti paccavekkhaṇāvasena attano uppāditassa ariyamaggassa ñātā. Maggavidūti veneyyasantāne janetabbassa ariyamaggassa kusalo. Maggakovidoti bodhisattānaṃ akkhātabbamagge vicakkhaṇo. Atha vā abhisambodhipaṭipatti maggaññū, paccekabodhipaṭipatti maggavidū, sāvakabodhipaṭipatti maggakovido. Atha vā –

    ‘‘เอเตน มเคฺคน ตริํสุ ปุเพฺพ,

    ‘‘Etena maggena tariṃsu pubbe,

    ตริสฺสนฺติ เย จ ตรนฺติ โอฆ’’นฺติฯ (สํ. นิ. ๕.๔๐๙) –

    Tarissanti ye ca taranti ogha’’nti. (saṃ. ni. 5.409) –

    วจนโต ยถาโยคํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนพุทฺธปเจฺจกพุทฺธสาวกานํ มคฺควเสน จ สุญฺญตานิมิตฺตอปฺปณิหิตมคฺควเสน จ อุคฺฆฎิตญฺญูวิปญฺจิตญฺญูเนยฺยปุคฺคลานํ มคฺควเสน จ ยถากฺกเมเนตฺถ โยชนํ กโรนฺติ ฯ มคฺคานุคา จ ปนสฺสาติ ภควโต คตมคฺคานุคามิโน หุตฺวาฯ เอตฺถ -สโทฺท เหตุอเตฺถ นิปาโต, เอเตน จ ภควตา มคฺคุปฺปาทนาทิคุณาธิคมาย เหตุ วุโตฺต โหติฯ ปน-สโทฺท กตเตฺถ นิปาโต, เตน ภควตา กตมคฺคกรณํ วุตฺตํ โหติฯ ปจฺฉา สมนฺนาคตาติ ปฐมํ คตสฺส ภควโต ปจฺฉา สีลาทิคุเณน สมนฺนาคตาฯ อิติ เถโร ‘‘อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา’’ติอาทีหิ ยสฺมา สเพฺพปิ ภควโต สีลาทโย คุณา อรหตฺตมคฺคเมว นิสฺสาย อาคตา, ตสฺมา อรหตฺตมคฺคเมว นิสฺสาย คุณํ กเถสิฯ

    Vacanato yathāyogaṃ atītānāgatapaccuppannabuddhapaccekabuddhasāvakānaṃ maggavasena ca suññatānimittaappaṇihitamaggavasena ca ugghaṭitaññūvipañcitaññūneyyapuggalānaṃ maggavasena ca yathākkamenettha yojanaṃ karonti . Maggānugā ca panassāti bhagavato gatamaggānugāmino hutvā. Ettha ca-saddo hetuatthe nipāto, etena ca bhagavatā magguppādanādiguṇādhigamāya hetu vutto hoti. Pana-saddo katatthe nipāto, tena bhagavatā katamaggakaraṇaṃ vuttaṃ hoti. Pacchā samannāgatāti paṭhamaṃ gatassa bhagavato pacchā sīlādiguṇena samannāgatā. Iti thero ‘‘anuppannassa maggassa uppādetā’’tiādīhi yasmā sabbepi bhagavato sīlādayo guṇā arahattamaggameva nissāya āgatā, tasmā arahattamaggameva nissāya guṇaṃ kathesi.

    ชานํ ชานาตีติ ชานิตพฺพํ ชานาติ, สพฺพญฺญุตาย ยํกิญฺจิ ปญฺญาย ชานิตพฺพํ นาม อตฺถิ, ตํ สพฺพํ ปญฺจเนยฺยปถภูตํ ปญฺญาย ชานาตีติ อโตฺถฯ ปสฺสํ ปสฺสตีติ ปสฺสิตพฺพํ ปสฺสติ, สพฺพทสฺสาวิตาย ตํเยว เนยฺยปถํ จกฺขุนา ทิฎฺฐํ วิย กโรโนฺต ปญฺญาจกฺขุนา ปสฺสตีติ อโตฺถฯ ยถา วา เอกโจฺจ วิปรีตํ คณฺหโนฺต ชานโนฺตปิ น ชานาติ, ปสฺสโนฺตปิ น ปสฺสติ, น เอวํ ภควาฯ ภควา ปน ยถาสภาวํ คณฺหโนฺต ชานโนฺต ชานาติเยว, ปสฺสโนฺต ปสฺสติเยวฯ สฺวายํ นยน ปริณายกเฎฺฐน จกฺขุภูโตฯ วิทิตตาทิอเตฺถน ญาณภูโตฯ อวิปรีตสภาวเฎฺฐน วา ปริยตฺติธมฺมปวตฺตนโต หทเยน จิเนฺตตฺวา วาจาย นิจฺฉาริตธมฺมมโยติ วา ธมฺมภูโตฯ เสฎฺฐเฎฺฐน พฺรหฺมภูโตฯ อถ วา จกฺขุ วิย ภูโตติ จกฺขุภูโตฯ ญาณํ วิย ภูโตติ ญาณภูโตฯ อวิปรีตธโมฺม วิย ภูโตติ ธมฺมภูโตฯ พฺรหฺมา วิย ภูโตติ พฺรหฺมภูโตฯ ยฺวายํ ธมฺมสฺส วจนโต วตฺตนโต วา วตฺตาฯ นานปฺปกาเรหิ วจนโต วตฺตนโต วา ปวตฺตาฯ อตฺถํ นีหริตฺวา ทสฺสนโต อตฺถสฺส นิเนฺนตาฯ อมตาธิคมาย ปฎิปตฺติเทสนโต, อมตปฺปกาสนาย วา ธมฺมเทสนาย อมตสฺส อธิคมาปนโต อมตสฺส ทาตาฯ โลกุตฺตรสฺส ธมฺมสฺส อุปฺปาทิตตฺตา เวเนยฺยานุรูเปน ยถาสุขํ โลกุตฺตรธมฺมสฺส ทาเนน จ ธเมฺมสุ อิสฺสโรติ ธมฺมสฺสามีฯ ตถาคตปทํ เหฎฺฐา วุตฺตตฺถํฯ

    Jānaṃ jānātīti jānitabbaṃ jānāti, sabbaññutāya yaṃkiñci paññāya jānitabbaṃ nāma atthi, taṃ sabbaṃ pañcaneyyapathabhūtaṃ paññāya jānātīti attho. Passaṃ passatīti passitabbaṃ passati, sabbadassāvitāya taṃyeva neyyapathaṃ cakkhunā diṭṭhaṃ viya karonto paññācakkhunā passatīti attho. Yathā vā ekacco viparītaṃ gaṇhanto jānantopi na jānāti, passantopi na passati, na evaṃ bhagavā. Bhagavā pana yathāsabhāvaṃ gaṇhanto jānanto jānātiyeva, passanto passatiyeva. Svāyaṃ nayana pariṇāyakaṭṭhena cakkhubhūto. Viditatādiatthena ñāṇabhūto. Aviparītasabhāvaṭṭhena vā pariyattidhammapavattanato hadayena cintetvā vācāya nicchāritadhammamayoti vā dhammabhūto. Seṭṭhaṭṭhena brahmabhūto. Atha vā cakkhu viya bhūtoti cakkhubhūto. Ñāṇaṃ viya bhūtoti ñāṇabhūto. Aviparītadhammo viya bhūtoti dhammabhūto. Brahmā viya bhūtoti brahmabhūto. Yvāyaṃ dhammassa vacanato vattanato vā vattā. Nānappakārehi vacanato vattanato vā pavattā. Atthaṃ nīharitvā dassanato atthassa ninnetā. Amatādhigamāya paṭipattidesanato, amatappakāsanāya vā dhammadesanāya amatassa adhigamāpanato amatassa dātā. Lokuttarassa dhammassa uppāditattā veneyyānurūpena yathāsukhaṃ lokuttaradhammassa dānena ca dhammesu issaroti dhammassāmī. Tathāgatapadaṃ heṭṭhā vuttatthaṃ.

    อิทานิ ‘‘ชานํ ชานาตี’’ติอาทีหิ วุตฺตคุณํ สพฺพญฺญุตาย วิเสเสตฺวา ทเสฺสตุกาโม สพฺพญฺญุตํ สาเธโนฺต ‘‘นตฺถี’’ติอาทิมาหฯ เอวํภูตสฺส หิ ตสฺส ภควโต ปารมิตาปุญฺญผลปฺปภาวนิปฺผเนฺนน อรหตฺตมคฺคญาเณน สพฺพธเมฺมสุ สวาสนสฺส สโมฺมหสฺส วิหตตฺตา อสโมฺมหโต สพฺพธมฺมานํ ญาตตฺตา อญฺญาตํ นาม นตฺถิฯ ตเถว จ สพฺพธมฺมานํ จกฺขุนา วิย ญาณจกฺขุนา ทิฎฺฐตฺตา อทิฎฺฐํ นาม นตฺถิฯ ญาเณน ปตฺตตฺตา อวิทิตํ นาม นตฺถิฯ อสโมฺมหสจฺฉิกิริยาย สจฺฉิกตตฺตา อสจฺฉิกตํ นาม นตฺถิฯ อสโมฺมหปญฺญาย ผุฎฺฐตฺตา ปญฺญาย อผสฺสิตํ นาม นตฺถิฯ

    Idāni ‘‘jānaṃ jānātī’’tiādīhi vuttaguṇaṃ sabbaññutāya visesetvā dassetukāmo sabbaññutaṃ sādhento ‘‘natthī’’tiādimāha. Evaṃbhūtassa hi tassa bhagavato pāramitāpuññaphalappabhāvanipphannena arahattamaggañāṇena sabbadhammesu savāsanassa sammohassa vihatattā asammohato sabbadhammānaṃ ñātattā aññātaṃ nāma natthi. Tatheva ca sabbadhammānaṃ cakkhunā viya ñāṇacakkhunā diṭṭhattā adiṭṭhaṃ nāma natthi. Ñāṇena pattattā aviditaṃ nāma natthi. Asammohasacchikiriyāya sacchikatattā asacchikataṃ nāma natthi. Asammohapaññāya phuṭṭhattā paññāya aphassitaṃ nāma natthi.

    ปจฺจุปฺปนฺนนฺติ ปจฺจุปฺปนฺนํ กาลํ วา ธมฺมํ วาฯ อุปาทายาติ อาทาย, อโนฺตกตฺวาติ อโตฺถฯ อุปาทายวจเนเนว กาลวินิมุตฺตํ นิพฺพานมฺปิ คหิตเมว โหติฯ ‘‘อตีตา’’ทิวจนานิ จ ‘‘นตฺถี’’ติอาทิวจเนเนว ฆฎิยนฺติ, ‘‘สเพฺพ’’ติอาทิวจเนน วาฯ สเพฺพ ธมฺมาติ สพฺพสงฺขตาสงฺขตธมฺมปริยาทานํฯ สพฺพากาเรนาติ สพฺพธเมฺมสุ เอเกกเสฺสว ธมฺมสฺส อนิจฺจาการาทิสพฺพาการปริยาทานํฯ ญาณมุเขติ ญาณาภิมุเขฯ อาปาถํ อาคจฺฉนฺตีติ โอสรณํ อุเปนฺติฯ ชานิตพฺพนฺติ ปทํ เนยฺยนฺติ ปทสฺส อตฺถวิวรณตฺถํ วุตฺตํฯ

    Paccuppannanti paccuppannaṃ kālaṃ vā dhammaṃ vā. Upādāyāti ādāya, antokatvāti attho. Upādāyavacaneneva kālavinimuttaṃ nibbānampi gahitameva hoti. ‘‘Atītā’’divacanāni ca ‘‘natthī’’tiādivacaneneva ghaṭiyanti, ‘‘sabbe’’tiādivacanena vā. Sabbe dhammāti sabbasaṅkhatāsaṅkhatadhammapariyādānaṃ. Sabbākārenāti sabbadhammesu ekekasseva dhammassa aniccākārādisabbākārapariyādānaṃ. Ñāṇamukheti ñāṇābhimukhe. Āpāthaṃ āgacchantīti osaraṇaṃ upenti. Jānitabbanti padaṃ neyyanti padassa atthavivaraṇatthaṃ vuttaṃ.

    อตฺตโตฺถ วาติอาทีสุ วา-สโทฺท สมุจฺจยโตฺถฯ อตฺตโตฺถติ อตฺตโน อโตฺถฯ ปรโตฺถติ ปเรสํ ติณฺณํ โลกานํ อโตฺถฯ อุภยโตฺถติ อตฺตโน จ ปเรสญฺจาติ สกิํเยว อุภินฺนํ อโตฺถฯ ทิฎฺฐธมฺมิโกติ ทิฎฺฐธเมฺม นิยุโตฺต, ทิฎฺฐธมฺมปฺปโยชโน วา อโตฺถฯ สมฺปราเย นิยุโตฺต, สมฺปรายปฺปโยชโน วา สมฺปรายิโกฯ อุตฺตาโนติอาทีสุ โวหารวเสน วตฺตโพฺพ สุขปติฎฺฐตฺตา อุตฺตาโน ฯ โวหารํ อติกฺกมิตฺวา วตฺตโพฺพ สุญฺญตาปฎิสํยุโตฺต ทุกฺขปติฎฺฐตฺตา คมฺภีโรฯ โลกุตฺตโร อจฺจนฺตติโรกฺขตฺตา คูโฬฺหฯ อนิจฺจตาทิโก ฆนาทีหิ ปฎิจฺฉนฺนตฺตา ปฎิจฺฉโนฺนฯ อปจุรโวหาเรน วตฺตโพฺพ ยถารุตํ อคฺคเหตฺวา อธิปฺปายสฺส เนตพฺพโต เนโยฺยฯ ปจุรโวหาเรน วตฺตโพฺพ วจนมเตฺตเนว อธิปฺปายสฺส นีตตฺตา นีโตฯ สุปริสุทฺธสีลสมาธิวิปสฺสนโตฺถ ตทงฺควิกฺขมฺภนวเสน วชฺชวิรหิตตฺตา อนวโชฺชฯ กิเลสสมุเจฺฉทนโต อริยมคฺคโตฺถ นกฺกิเลโสฯ กิเลสปฎิปฺปสฺสทฺธตฺตา อริยผลโตฺถ โวทาโนฯ สงฺขตาสงฺขเตสุ อคฺคธมฺมตฺตา นิพฺพานํ ปรมโตฺถฯ ปริวตฺตตีติ พุทฺธญาณสฺส วิสยภาวโต อพหิภูตตฺตา อโนฺตพุทฺธญาเณ พฺยาปิตฺวา วา สมนฺตา วา อลงฺกริตฺวา วา วิเสเสน วา วตฺตติฯ

    Attattho vātiādīsu -saddo samuccayattho. Attatthoti attano attho. Paratthoti paresaṃ tiṇṇaṃ lokānaṃ attho. Ubhayatthoti attano ca paresañcāti sakiṃyeva ubhinnaṃ attho. Diṭṭhadhammikoti diṭṭhadhamme niyutto, diṭṭhadhammappayojano vā attho. Samparāye niyutto, samparāyappayojano vā samparāyiko. Uttānotiādīsu vohāravasena vattabbo sukhapatiṭṭhattā uttāno . Vohāraṃ atikkamitvā vattabbo suññatāpaṭisaṃyutto dukkhapatiṭṭhattā gambhīro. Lokuttaro accantatirokkhattā gūḷho. Aniccatādiko ghanādīhi paṭicchannattā paṭicchanno. Apacuravohārena vattabbo yathārutaṃ aggahetvā adhippāyassa netabbato neyyo. Pacuravohārena vattabbo vacanamatteneva adhippāyassa nītattā nīto. Suparisuddhasīlasamādhivipassanattho tadaṅgavikkhambhanavasena vajjavirahitattā anavajjo. Kilesasamucchedanato ariyamaggattho nakkileso. Kilesapaṭippassaddhattā ariyaphalattho vodāno. Saṅkhatāsaṅkhatesu aggadhammattā nibbānaṃ paramattho. Parivattatīti buddhañāṇassa visayabhāvato abahibhūtattā antobuddhañāṇe byāpitvā vā samantā vā alaṅkaritvā vā visesena vā vattati.

    ‘‘สพฺพํ กายกมฺม’’นฺติอาทีหิ ภควโต ญาณวิสยตํ ทเสฺสติฯ ญาณานุปริวตฺตีติ ญาณํ อนุปริวตฺติ, ญาณวิรหิตํ น โหตีติ อโตฺถฯ อปฺปฎิหตนฺติ นิราวรณตํ ทเสฺสติฯ ปุน สพฺพญฺญุตํ อุปมาย สาเธตุกาโม ‘‘ยาวตก’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ชานิตพฺพนฺติ เนยฺยํฯ เนยฺยปริยโนฺต เนยฺยาวสานมสฺส อตฺถีติ เนยฺยปริยนฺติกํฯ อสพฺพญฺญูนํ ปน เนยฺยาวสานเมว นตฺถิฯ ญาณปริยนฺติเกปิ เอเสว นโยฯ ปุริมยมเก วุตฺตตฺถเมว อิมินา ยมเกน วิเสเสตฺวา ทเสฺสติ , ตติยยมเกน ปฎิเสธวเสน นิยเมตฺวา ทเสฺสติฯ เอตฺถ จ เนยฺยํ ญาณสฺส ปถตฺตา เนยฺยปโถฯ อญฺญมญฺญปริยนฺตฎฺฐายิโนติ เนยฺยญฺจ ญาณญฺจ เขเปตฺวา ฐานโต อญฺญมญฺญสฺส ปริยเนฺต ฐานสีลาฯ

    ‘‘Sabbaṃkāyakamma’’ntiādīhi bhagavato ñāṇavisayataṃ dasseti. Ñāṇānuparivattīti ñāṇaṃ anuparivatti, ñāṇavirahitaṃ na hotīti attho. Appaṭihatanti nirāvaraṇataṃ dasseti. Puna sabbaññutaṃ upamāya sādhetukāmo ‘‘yāvataka’’ntiādimāha. Tattha jānitabbanti neyyaṃ. Neyyapariyanto neyyāvasānamassa atthīti neyyapariyantikaṃ. Asabbaññūnaṃ pana neyyāvasānameva natthi. Ñāṇapariyantikepi eseva nayo. Purimayamake vuttatthameva iminā yamakena visesetvādasseti , tatiyayamakena paṭisedhavasena niyametvā dasseti. Ettha ca neyyaṃ ñāṇassa pathattā neyyapatho. Aññamaññapariyantaṭṭhāyinoti neyyañca ñāṇañca khepetvā ṭhānato aññamaññassa pariyante ṭhānasīlā.

    อาวชฺชนปฎิพทฺธาติ มโนทฺวาราวชฺชนายตฺตา, อาวชฺชิตานนฺตรเมว ชานาตีติ อโตฺถฯ อากงฺขปฎิพทฺธาติ รุจิอายตฺตา , อาวชฺชนานนฺตรํ ชวนญาเณน ชานาตีติ อโตฺถฯ อิตรานิ เทฺว ปทานิ อิเมสํ ทฺวินฺนํ ปทานํ ยถากฺกเมน อตฺถปฺปกาสนตฺถํ วุตฺตานิฯ อาสยํ ชานาตีติ เอตฺถ อาสยนฺติ นิสฺสยนฺติ เอตฺถาติ อาสโย, มิจฺฉาทิฎฺฐิยา สมฺมาทิฎฺฐิยา กามาทีหิ เนกฺขมฺมาทีหิ วา ปริภาวิตสฺส สนฺตานเสฺสตํ อธิวจนํฯ สตฺตสนฺตานํ อนุเสนฺติ อนุปวเตฺตนฺตีติ อนุสยา, ถามคตานํ กามราคาทีนํว เอตํ อธิวจนํฯ อนุสยํ ชานาตีติ อนุสยกถา เหฎฺฐา วุตฺตาเยวฯ

    Āvajjanapaṭibaddhāti manodvārāvajjanāyattā, āvajjitānantarameva jānātīti attho. Ākaṅkhapaṭibaddhāti ruciāyattā , āvajjanānantaraṃ javanañāṇena jānātīti attho. Itarāni dve padāni imesaṃ dvinnaṃ padānaṃ yathākkamena atthappakāsanatthaṃ vuttāni. Āsayaṃ jānātīti ettha āsayanti nissayanti etthāti āsayo, micchādiṭṭhiyā sammādiṭṭhiyā kāmādīhi nekkhammādīhi vā paribhāvitassa santānassetaṃ adhivacanaṃ. Sattasantānaṃ anusenti anupavattentīti anusayā, thāmagatānaṃ kāmarāgādīnaṃva etaṃ adhivacanaṃ. Anusayaṃ jānātīti anusayakathā heṭṭhā vuttāyeva.

    จริตนฺติ ปุเพฺพ กตกุสลากุสลกมฺมํฯ อธิมุตฺตินฺติ สมฺปติ กุสเล อกุสเล วา จิตฺตโวสโคฺคฯ อปฺปรชเกฺขติ ปญฺญามเย อกฺขิมฺหิ อปฺปํ ราคาทิรโช เอเตสนฺติ อปฺปรชกฺขาฯ อปฺปํ ราคาทิรโช เอเตสนฺติ วา อปฺปรชกฺขา, เต อปฺปรชเกฺขฯ มหารชเกฺขติ ญาณมเย อกฺขิมฺหิ มหนฺตํ ราคาทิรโช เอเตสนฺติ มหารชกฺขาฯ มหนฺตํ ราคาทิรโช เอเตสนฺติ วา มหารชกฺขา, เต มหารชเกฺขฯ ติกฺขินฺทฺริเย มุทินฺทฺริเยติ ติกฺขานิ สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ เอเตสนฺติ ติกฺขินฺทฺริยาฯ มุทูนิ สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ เอเตสนฺติ มุทินฺทฺริยาฯ สฺวากาเร ทฺวากาเรติ สุนฺทรา สทฺธาทโย อาการา โกฎฺฐาสา เอเตสนฺติ สฺวาการาฯ กุจฺฉิตา ครหิตา อสทฺธาทโย อาการา โกฎฺฐาสา เอเตสนฺติ ทฺวาการาฯ สุวิญฺญาปเย ทุวิญฺญาปเยติ เย กถิตํ การณํ สลฺลเกฺขนฺติ สุเขน สกฺกา โหนฺติ วิญฺญาเปตุํ, เต สุวิญฺญาปยาฯ ตพฺพิปรีตา ทุวิญฺญาปยาฯ ภพฺพาภเพฺพติ ภเพฺพ จ อภเพฺพ จฯ อริยาย ชาติยา ภวนฺติ ชายนฺตีติ ภพฺพาฯ วตฺตมานสมีเป วตฺตมานวจนํฯ ภวิสฺสนฺติ ชายิสฺสนฺติ วาติ ภพฺพา, ภาชนภูตาติ อโตฺถฯ เย อริยมคฺคปฎิเวธสฺส อนุจฺฉวิกา อุปนิสฺสยสมฺปนฺนา, เต ภพฺพาฯ วุตฺตปฎิปกฺขา อภพฺพา

    Caritanti pubbe katakusalākusalakammaṃ. Adhimuttinti sampati kusale akusale vā cittavosaggo. Apparajakkheti paññāmaye akkhimhi appaṃ rāgādirajo etesanti apparajakkhā. Appaṃ rāgādirajo etesanti vā apparajakkhā, te apparajakkhe. Mahārajakkheti ñāṇamaye akkhimhi mahantaṃ rāgādirajo etesanti mahārajakkhā. Mahantaṃ rāgādirajo etesanti vā mahārajakkhā, te mahārajakkhe. Tikkhindriye mudindriyeti tikkhāni saddhādīni indriyāni etesanti tikkhindriyā. Mudūni saddhādīni indriyāni etesanti mudindriyā. Svākāre dvākāreti sundarā saddhādayo ākārā koṭṭhāsā etesanti svākārā. Kucchitā garahitā asaddhādayo ākārā koṭṭhāsā etesanti dvākārā. Suviññāpaye duviññāpayeti ye kathitaṃ kāraṇaṃ sallakkhenti sukhena sakkā honti viññāpetuṃ, te suviññāpayā. Tabbiparītā duviññāpayā. Bhabbābhabbeti bhabbe ca abhabbe ca. Ariyāya jātiyā bhavanti jāyantīti bhabbā. Vattamānasamīpe vattamānavacanaṃ. Bhavissanti jāyissanti vāti bhabbā, bhājanabhūtāti attho. Ye ariyamaggapaṭivedhassa anucchavikā upanissayasampannā, te bhabbā. Vuttapaṭipakkhā abhabbā.

    สเตฺต ปชานาตีติ รูปาทิเก อารมฺมเณ ลเคฺค ลคฺคิเต สเตฺต ปชานาติฯ สเทวโก โลโกติ สห เทเวหิ สเทวโกฯ สห มาเรน สมารโกฯ สห พฺรหฺมุนา สพฺรหฺมโกฯ สห สมณพฺราหฺมเณหิ สสฺสมณพฺราหฺมณีฯ ปชาตตฺตา ปชาฯ สห เทวมนุเสฺสหิ สเทวมนุสฺสาฯ ‘‘ปชา’’ติ สตฺตโลกสฺส ปริยายวจนเมตํฯ ตตฺถ สเทวกวจเนน ปญฺจกามาวจรเทวคฺคหณํ, สมารกวจเนน ฉฎฺฐกามาวจรเทวคฺคหณํฯ สพฺรหฺมกวจเนน พฺรหฺมกายิกาทิพฺรหฺมคฺคหณํฯ สสฺสมณพฺราหฺมณีวจเนน สาสนสฺส ปจฺจตฺถิกปจฺจามิตฺตสมณพฺราหฺมณคฺคหณํ สมิตปาปพาหิตปาปสมณพฺราหฺมณคฺคหณญฺจฯ ปชาวจเนน สตฺตโลกคฺคหณํฯ สเทวมนุสฺสวจเนน สมฺมุติเทวอวเสสมนุสฺสคฺคหณํฯ เอวเมตฺถ ตีหิ ปเทหิ โอกาสโลโกฯ ทฺวีหิ ปชาวเสน สตฺตโลโก คหิโตติ เวทิตโพฺพฯ

    Satte pajānātīti rūpādike ārammaṇe lagge laggite satte pajānāti. Sadevakolokoti saha devehi sadevako. Saha mārena samārako. Saha brahmunā sabrahmako. Saha samaṇabrāhmaṇehi sassamaṇabrāhmaṇī. Pajātattā pajā. Saha devamanussehi sadevamanussā. ‘‘Pajā’’ti sattalokassa pariyāyavacanametaṃ. Tattha sadevakavacanena pañcakāmāvacaradevaggahaṇaṃ, samārakavacanena chaṭṭhakāmāvacaradevaggahaṇaṃ. Sabrahmakavacanena brahmakāyikādibrahmaggahaṇaṃ. Sassamaṇabrāhmaṇīvacanena sāsanassa paccatthikapaccāmittasamaṇabrāhmaṇaggahaṇaṃ samitapāpabāhitapāpasamaṇabrāhmaṇaggahaṇañca. Pajāvacanena sattalokaggahaṇaṃ. Sadevamanussavacanena sammutidevaavasesamanussaggahaṇaṃ. Evamettha tīhi padehi okāsaloko. Dvīhi pajāvasena sattaloko gahitoti veditabbo.

    อปโร นโย – สเทวกคฺคหเณน อรูปาวจรโลโก คหิโต, สมารกคฺคหเณน ฉกามาวจรโลโก, สพฺรหฺมกคฺคหเณน รูปาวจรพฺรหฺมโลโก, สสฺสมณพฺราหฺมณาทิคฺคหเณน จตุปริสวเสน สมฺมุติเทเวหิ วา สห มนุสฺสโลโก, อวเสสสพฺพสตฺตโลโก วาฯ อปิ เจตฺถ สเทวกวจเนน อุกฺกฎฺฐปริเจฺฉทโต สพฺพสฺสปิ โลกสฺส อโนฺตพุทฺธญาเณ ปริวตฺตนภาวํ สาเธติฯ ตโต เยสํ สิยา ‘‘มาโร มหานุภาโว ฉกามาวจริสฺสโร วสวตฺตี, กิํ โสปิ อโนฺตพุทฺธญาเณ ปริวตฺตตี’’ติฯ เตสํ วิมติํ วิธเมโนฺต ‘‘สมารโก’’ติ อาหฯ เยสํ ปน สิยา ‘‘พฺรหฺมา มหานุภาโว, เอกงฺคุลิยา เอกสฺมิํ จกฺกวาฬสหเสฺส อาโลกํ ผรติฯ ทฺวีหิ…เป.… ทสหิ องฺคุลีหิ ทสสุ จกฺกวาฬสหเสฺสสุ อาโลกํ ผรติ, อนุตฺตรญฺจ ฌานสมาปตฺติสุขํ ปฎิสํเวเทติ, กิํ โสปิ อโนฺตพุทฺธญาเณ ปริวตฺตตี’’ติฯ เตสํ วิมติํ วิธเมโนฺต ‘‘สพฺรหฺมโก’’ติ อาหฯ ตโต เยสํ สิยา ‘‘ปุถู สมณพฺราหฺมณา สาสนปจฺจตฺถิกา, กิํ เตปิ อโนฺตพุทฺธญาเณ ปริวตฺตนฺตี’’ติฯ เตสํ วิมติํ วิธเมโนฺต ‘‘สสฺสมณพฺราหฺมณี ปชา’’ติ อาหฯ

    Aparo nayo – sadevakaggahaṇena arūpāvacaraloko gahito, samārakaggahaṇena chakāmāvacaraloko, sabrahmakaggahaṇena rūpāvacarabrahmaloko, sassamaṇabrāhmaṇādiggahaṇena catuparisavasena sammutidevehi vā saha manussaloko, avasesasabbasattaloko vā. Api cettha sadevakavacanena ukkaṭṭhaparicchedato sabbassapi lokassa antobuddhañāṇe parivattanabhāvaṃ sādheti. Tato yesaṃ siyā ‘‘māro mahānubhāvo chakāmāvacarissaro vasavattī, kiṃ sopi antobuddhañāṇe parivattatī’’ti. Tesaṃ vimatiṃ vidhamento ‘‘samārako’’ti āha. Yesaṃ pana siyā ‘‘brahmā mahānubhāvo, ekaṅguliyā ekasmiṃ cakkavāḷasahasse ālokaṃ pharati. Dvīhi…pe… dasahi aṅgulīhi dasasu cakkavāḷasahassesu ālokaṃ pharati, anuttarañca jhānasamāpattisukhaṃ paṭisaṃvedeti, kiṃ sopi antobuddhañāṇe parivattatī’’ti. Tesaṃ vimatiṃ vidhamento ‘‘sabrahmako’’ti āha. Tato yesaṃ siyā ‘‘puthū samaṇabrāhmaṇā sāsanapaccatthikā, kiṃ tepi antobuddhañāṇe parivattantī’’ti. Tesaṃ vimatiṃ vidhamento ‘‘sassamaṇabrāhmaṇī pajā’’ti āha.

    เอวํ อุกฺกฎฺฐานํ อโนฺตพุทฺธญาเณ ปริวตฺตนภาวํ ปกาเสตฺวา อถ สมฺมุติเทเว อวเสสมนุเสฺส จ อุปาทาย อุกฺกฎฺฐปริเจฺฉทวเสน เสสสตฺตโลกสฺส อโนฺตพุทฺธญาเณ ปริวตฺตนภาวํ ปกาเสโนฺต ‘‘สเทวมนุสฺสา’’ติ อาหฯ อยเมตฺถ อนุสนฺธิกฺกโมฯ โปราณา ปนาหุ ‘‘สเทวโกติ เทวตาหิ สทฺธิํ อวเสสโลโกฯ สมารโกติ มาเรน สทฺธิํ อวเสสโลโกฯ สพฺรหฺมโกติ พฺรเหฺมหิ สทฺธิํ อวเสสโลโกฯ เอวํ สเพฺพปิ ติภวูปเค สเตฺต ตีหากาเรหิ ตีสุ ปเทสุ ปกฺขิปิตฺวา ปุน ทฺวีหากาเรหิ ปริยาทาตุํ ‘สสฺสมณพฺราหฺมณี ปชา สเทวมนุสฺสา’ติ วุตฺตํฯ เอวํ ปญฺจหิ ปเทหิ เตน เตน อากาเรน เตธาตุกเมว ปริยาทินฺนํ โหตี’’ติฯ

    Evaṃ ukkaṭṭhānaṃ antobuddhañāṇe parivattanabhāvaṃ pakāsetvā atha sammutideve avasesamanusse ca upādāya ukkaṭṭhaparicchedavasena sesasattalokassa antobuddhañāṇe parivattanabhāvaṃ pakāsento ‘‘sadevamanussā’’ti āha. Ayamettha anusandhikkamo. Porāṇā panāhu ‘‘sadevakoti devatāhi saddhiṃ avasesaloko. Samārakoti mārena saddhiṃ avasesaloko. Sabrahmakoti brahmehi saddhiṃ avasesaloko. Evaṃ sabbepi tibhavūpage satte tīhākārehi tīsu padesu pakkhipitvā puna dvīhākārehi pariyādātuṃ ‘sassamaṇabrāhmaṇī pajā sadevamanussā’ti vuttaṃ. Evaṃ pañcahi padehi tena tena ākārena tedhātukameva pariyādinnaṃ hotī’’ti.

    อนฺตมโสติ อุปริมเนฺตนฯ ติมิติมิงฺคลนฺติ เอตฺถ ติมิ นาม เอกา มจฺฉชาติ, ติมิํ คิลิตุํ สมตฺถา ตโต มหนฺตสรีรา ติมิงฺคลา นาม เอกา มจฺฉชาติ, ติมิงฺคลมฺปิ คิลิตุํ สมตฺถา ปญฺจโยชนสติกสรีรา ติมิติมิงฺคลา นาม เอกา มจฺฉชาติฯ อิธ ชาติคฺคหเณน เอกวจนํ กตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ครุฬํ เวนเตยฺยนฺติ เอตฺถ ครุโฬติ ชาติวเสน นามํฯ เวนเตโยฺยติ โคตฺตวเสนฯ ปเทเสติ เอกเทเสฯ สาริปุตฺตสมาติ สพฺพพุทฺธานํ ธมฺมเสนาปติเตฺถเร คเหตฺวา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ เสสสาวกา หิ ปญฺญาย ธมฺมเสนาปติเตฺถเรน สมา นาม นตฺถิฯ ยถาห – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ มหาปญฺญานํ ยทิทํ สาริปุโตฺต’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๘๘-๑๘๙)ฯ อฎฺฐกถายญฺจ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๗๑; ปฎิ. ม. อฎฺฐ. ๒.๓.๕) วุตฺตํ –

    Antamasoti uparimantena. Timitimiṅgalanti ettha timi nāma ekā macchajāti, timiṃ gilituṃ samatthā tato mahantasarīrā timiṅgalā nāma ekā macchajāti, timiṅgalampi gilituṃ samatthā pañcayojanasatikasarīrā timitimiṅgalā nāma ekā macchajāti. Idha jātiggahaṇena ekavacanaṃ katanti veditabbaṃ. Garuḷaṃ venateyyanti ettha garuḷoti jātivasena nāmaṃ. Venateyyoti gottavasena. Padeseti ekadese. Sāriputtasamāti sabbabuddhānaṃ dhammasenāpatitthere gahetvā vuttanti veditabbaṃ. Sesasāvakā hi paññāya dhammasenāpatittherena samā nāma natthi. Yathāha – ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave, mama sāvakānaṃ bhikkhūnaṃ mahāpaññānaṃ yadidaṃ sāriputto’’ti (a. ni. 1.188-189). Aṭṭhakathāyañca (visuddhi. 1.171; paṭi. ma. aṭṭha. 2.3.5) vuttaṃ –

    ‘‘โลกนาถํ ฐเปตฺวาน, เย จเญฺญ สนฺติ ปาณิโน;

    ‘‘Lokanāthaṃ ṭhapetvāna, ye caññe santi pāṇino;

    ปญฺญาย สาริปุตฺตสฺส, กลํ นาคฺฆนฺติ โสฬสิ’’นฺติฯ

    Paññāya sāriputtassa, kalaṃ nāgghanti soḷasi’’nti.

    ผริตฺวาติ พุทฺธญาณํ สพฺพเทวมนุสฺสานมฺปิ ปญฺญํ ปาปุณิตฺวา ฐานโต เตสํ ปญฺญํ ผริตฺวา พฺยาปิตฺวา ติฎฺฐติฯ อภิภวิตฺวาติ สพฺพเทวมนุสฺสานมฺปิ ปญฺญํ อติกฺกมิตฺวา, เตสํ อวิสยภูตมฺปิ สพฺพํ เนยฺยํ อภิภวิตฺวา ติฎฺฐตีติ อโตฺถฯ

    Pharitvāti buddhañāṇaṃ sabbadevamanussānampi paññaṃ pāpuṇitvā ṭhānato tesaṃ paññaṃ pharitvā byāpitvā tiṭṭhati. Abhibhavitvāti sabbadevamanussānampi paññaṃ atikkamitvā, tesaṃ avisayabhūtampi sabbaṃ neyyaṃ abhibhavitvā tiṭṭhatīti attho.

    ปฎิสมฺภิทายํ (ปฎิ. ม. ๓.๕) ปน ‘‘อติฆํสิตฺวา’’ติ ปาโฐ, ฆํสิตฺวา ตุทิตฺวาติ อโตฺถฯ เยปิ เตติอาทีหิ เอวํ ผริตฺวา อภิภวิตฺวา ฐานสฺส ปจฺจกฺขการณํ ทเสฺสติฯ ตตฺถ ปณฺฑิตาติ ปณฺฑิเจฺจน สมนฺนาคตา ฯ นิปุณาติ สณฺหสุขุมพุทฺธิโน สุขุเม อตฺถนฺตเร ปฎิวิชฺฌนสมตฺถาฯ กตปรปฺปวาทาติ วิญฺญาตปรปฺปวาทา เจว ปเรหิ สทฺธิํ กตวาทปริจยา จฯ วาลเวธิรูปาติ วาลเวธิธนุคฺคหสทิสาฯ โว ภินฺทนฺตา มเญฺญ จรนฺติ ปญฺญาคเตน ทิฎฺฐิคตานีติ วาลเวธี วิย วาลํ สุขุมานิปิ ปเรสํ ทิฎฺฐิคมนานิ อตฺตโน ปญฺญาคมเนน ภินฺทนฺตา วิย จรนฺตีติ อโตฺถฯ อถ วา ‘‘คูถคตํ มุตฺตคต’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๙.๑๑) วิย ปญฺญา เอว ปญฺญาคตํฯ ทิฎฺฐิโย เอว ทิฎฺฐิคตานิฯ ปเญฺห อภิสงฺขริตฺวา อภิสงฺขริตฺวาติ ทฺวิปทมฺปิ ติปทมฺปิ จตุปทมฺปิ ปุจฺฉํ รจยิตฺวา เตสํ ปญฺหานํ อติพหุกตฺตา สพฺพสงฺคหตฺถํ ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺตํฯ คูฬฺหานิ จ ปฎิจฺฉนฺนานิ จ อตฺถชาตานีติ ปาฐเสโสฯ เตสํ ตถา วินยํ ทิสฺวา อตฺตนา อภิสงฺขตํ ปญฺหํ ปุจฺฉนฺตีติ เอวํ ภควตา อธิเปฺปตตฺตา ปญฺหํ ปุจฺฉนฺติฯ อเญฺญสํ ปน ปุจฺฉาย โอกาสเมว อทตฺวา ภควา อุปสงฺกมนฺตานํ ธมฺมํ เทเสติฯ ยถาห –

    Paṭisambhidāyaṃ (paṭi. ma. 3.5) pana ‘‘atighaṃsitvā’’ti pāṭho, ghaṃsitvā tuditvāti attho. Yepi tetiādīhi evaṃ pharitvā abhibhavitvā ṭhānassa paccakkhakāraṇaṃ dasseti. Tattha paṇḍitāti paṇḍiccena samannāgatā . Nipuṇāti saṇhasukhumabuddhino sukhume atthantare paṭivijjhanasamatthā. Kataparappavādāti viññātaparappavādā ceva parehi saddhiṃ katavādaparicayā ca. Vālavedhirūpāti vālavedhidhanuggahasadisā. Vo bhindantā maññe caranti paññāgatena diṭṭhigatānīti vālavedhī viya vālaṃ sukhumānipi paresaṃ diṭṭhigamanāni attano paññāgamanena bhindantā viya carantīti attho. Atha vā ‘‘gūthagataṃ muttagata’’ntiādīsu (a. ni. 9.11) viya paññā eva paññāgataṃ. Diṭṭhiyo eva diṭṭhigatāni. Pañhe abhisaṅkharitvā abhisaṅkharitvāti dvipadampi tipadampi catupadampi pucchaṃ racayitvā tesaṃ pañhānaṃ atibahukattā sabbasaṅgahatthaṃ dvikkhattuṃ vuttaṃ. Gūḷhāni ca paṭicchannāni ca atthajātānīti pāṭhaseso. Tesaṃ tathā vinayaṃ disvā attanā abhisaṅkhataṃ pañhaṃ pucchantīti evaṃ bhagavatā adhippetattā pañhaṃ pucchanti. Aññesaṃ pana pucchāya okāsameva adatvā bhagavā upasaṅkamantānaṃ dhammaṃ deseti. Yathāha –

    ‘‘เต ปญฺหํ อภิสงฺขโรนฺติ ‘อิมํ มยํ ปญฺหํ สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิสฺสาม, สเจ โน สมโณ โคตโม เอวํ ปุโฎฺฐ เอวํ พฺยากริสฺสติ, เอวมสฺส มยํ วาทํ อาโรเปสฺสาม, เอวํ เจปิ โน ปุโฎฺฐ เอวํ พฺยากริสฺสติ, เอวมฺปิสฺส มยํ วาทํ อาโรเปสฺสามา’ติฯ เต สุณนฺติ ‘สมโณ ขลุ โภ โคตโม อมุกํ นาม คามํ วา นิคมํ วา โอสโฎ’ติฯ เต เยน สมโณ โคตโม เตนุปสงฺกมนฺติฯ เต สมโณ โคตโม ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสติ สมาทเปติ สมุเตฺตเชติ สมฺปหํเสติฯ เต สมเณน โคตเมน ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิตา สมาทปิตา สมุเตฺตชิตา สมฺปหํสิตา น เจว สมณํ โคตมํ ปญฺหํ ปุจฺฉนฺติ, กุโตสฺส วาทํ อาโรเปสฺสนฺติ, อญฺญทตฺถุ สมณเสฺสว โคตมสฺส สาวกา สมฺปชฺชนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๘๙)ฯ

    ‘‘Te pañhaṃ abhisaṅkharonti ‘imaṃ mayaṃ pañhaṃ samaṇaṃ gotamaṃ upasaṅkamitvā pucchissāma, sace no samaṇo gotamo evaṃ puṭṭho evaṃ byākarissati, evamassa mayaṃ vādaṃ āropessāma, evaṃ cepi no puṭṭho evaṃ byākarissati, evampissa mayaṃ vādaṃ āropessāmā’ti. Te suṇanti ‘samaṇo khalu bho gotamo amukaṃ nāma gāmaṃ vā nigamaṃ vā osaṭo’ti. Te yena samaṇo gotamo tenupasaṅkamanti. Te samaṇo gotamo dhammiyā kathāya sandasseti samādapeti samuttejeti sampahaṃseti. Te samaṇena gotamena dhammiyā kathāya sandassitā samādapitā samuttejitā sampahaṃsitā na ceva samaṇaṃ gotamaṃ pañhaṃ pucchanti, kutossa vādaṃ āropessanti, aññadatthu samaṇasseva gotamassa sāvakā sampajjantī’’ti (ma. ni. 1.289).

    กสฺมา ปเญฺห น ปุจฺฉนฺตีติ เจ? ภควา กิร ปริสมเชฺฌ ธมฺมํ เทเสโนฺต ปริสาย อชฺฌาสยํ โอโลเกติ, ตโต ปสฺสติ ‘‘อิเม ปณฺฑิตา คูฬฺหํ รหสฺสํ ปญฺหํ โอวฎฺฎิกสารํ กตฺวา อาคตา’’ติฯ โส เตหิ อปุโฎฺฐเยว ‘‘ปญฺหปุจฺฉาย เอตฺตกา โทสา, วิสฺสชฺชเน เอตฺตกา, อเตฺถ, ปเท, อกฺขเร เอตฺตกาติ; อิมํ ปญฺหํ ปุจฺฉโนฺต เอวํ ปุเจฺฉยฺย, วิสฺสเชฺชโนฺต เอวํ วิสฺสเชฺชยฺยา’’ติ; อิติ โอวฎฺฎิกสารํ กตฺวา อานีเต ปเญฺห ธมฺมกถาย อนฺตเร ปกฺขิปิตฺวา ทเสฺสติฯ เต ปณฺฑิตา ‘‘เสยฺยา วต โน, เย มยํ อิเม ปเญฺห น ปุจฺฉิมฺหาฯ สเจปิ มยํ ปุเจฺฉยฺยาม, อปฺปติฎฺฐิเต โน กตฺวา สมโณ โคตโม ขิเปยฺยา’’ติ อตฺตมนา ภวนฺติฯ

    Kasmā pañhe na pucchantīti ce? Bhagavā kira parisamajjhe dhammaṃ desento parisāya ajjhāsayaṃ oloketi, tato passati ‘‘ime paṇḍitā gūḷhaṃ rahassaṃ pañhaṃ ovaṭṭikasāraṃ katvā āgatā’’ti. So tehi apuṭṭhoyeva ‘‘pañhapucchāya ettakā dosā, vissajjane ettakā, atthe, pade, akkhare ettakāti; imaṃ pañhaṃ pucchanto evaṃ puccheyya, vissajjento evaṃ vissajjeyyā’’ti; iti ovaṭṭikasāraṃ katvā ānīte pañhe dhammakathāya antare pakkhipitvā dasseti. Te paṇḍitā ‘‘seyyā vata no, ye mayaṃ ime pañhe na pucchimhā. Sacepi mayaṃ puccheyyāma, appatiṭṭhite no katvā samaṇo gotamo khipeyyā’’ti attamanā bhavanti.

    อปิ จ พุทฺธา นาม ธมฺมํ เทเสนฺตา ปริสํ เมตฺตาย ผรนฺติฯ เมตฺตาผรเณน ทสพเลสุ มหาชนสฺส จิตฺตํ ปสีทติฯ พุทฺธา นาม รูปคฺคปฺปตฺตา โหนฺติ ทสฺสนสมฺปนฺนา มธุรสฺสรา มุทุชิวฺหา สุผุสิตทนฺตาวรณา, อมเตน หทยํ สิญฺจนฺตา วิย ธมฺมํ กเถนฺติฯ ตตฺร เนสํ เมตฺตาผรเณน ปสนฺนจิตฺตานํ เอวํ โหติ – ‘‘เอวรูปํ อเทฺวชฺฌกถํ อโมฆกถํ นิยฺยานิกกถํ กเถเนฺตน ภควตา สทฺธิํ น สกฺขิสฺสาม ปจฺจนีกคฺคาหํ คณฺหิตุ’’นฺติ อตฺตโน ปสนฺนภาเวเนว ปเญฺห น ปุจฺฉนฺตีติฯ

    Api ca buddhā nāma dhammaṃ desentā parisaṃ mettāya pharanti. Mettāpharaṇena dasabalesu mahājanassa cittaṃ pasīdati. Buddhā nāma rūpaggappattā honti dassanasampannā madhurassarā mudujivhā suphusitadantāvaraṇā, amatena hadayaṃ siñcantā viya dhammaṃ kathenti. Tatra nesaṃ mettāpharaṇena pasannacittānaṃ evaṃ hoti – ‘‘evarūpaṃ advejjhakathaṃ amoghakathaṃ niyyānikakathaṃ kathentena bhagavatā saddhiṃ na sakkhissāma paccanīkaggāhaṃ gaṇhitu’’nti attano pasannabhāveneva pañhe na pucchantīti.

    กถิตา วิสฺสชฺชิตา วาติ ‘‘เอวํ ตุเมฺห ปุจฺฉถา’’ติ อปุจฺฉิตปญฺหานํ อุจฺจารเณน เต ปญฺหา ภควตา กถิตา เอว โหนฺติฯ ยถา จ เต วิสฺสเชฺชตพฺพา, ตถา วิสฺสชฺชิตา เอว โหนฺติฯ นิทฺทิฎฺฐการณาติ อิมินา การเณน อิมินา เหตุนา เอวํ โหนฺตีติ เอวํ สเหตุกํ กตฺวา วิสฺสชฺชเนน ภควตา นิทฺทิฎฺฐการณา เอว โหนฺติ เต ปญฺหาฯ อุปกฺขิตฺตกา จ เต ภควโต สมฺปชฺชนฺตีติ ขตฺติยปณฺฑิตาทโย ภควโต ปญฺหวิสฺสชฺชเนเนว ภควโต สมีเป ขิตฺตกา ปกฺขิตฺตกา สมฺปชฺชนฺติ; สาวกา วา สมฺปชฺชนฺติ, อุปาสกา วาติ อโตฺถ; สาวกสมฺปตฺติํ วา ปาปุณนฺติ, อุปาสกสมฺปตฺติํ วาติ วุตฺตํ โหติฯ อถาติ อนนฺตรเตฺถ, เตสํ อุปกฺขิตฺตกสมฺปตฺติสมนนฺตรเมวาติ อโตฺถฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ ฐาเน, ตสฺมิํ อธิกาเร วาฯ อติโรจตีติ อติวิย โชตติ ปกาสติฯ ยทิทํ ปญฺญายาติ ยายํ ภควโต ปญฺญา, ตาย ปญฺญาย ภควาว อติโรจตีติ อโตฺถฯ อิติ-สโทฺท การณโตฺถ, อิมินา การเณนาติ อโตฺถฯ เสสํ สพฺพตฺถ ปากฎเมวาติฯ

    Kathitā vissajjitā vāti ‘‘evaṃ tumhe pucchathā’’ti apucchitapañhānaṃ uccāraṇena te pañhā bhagavatā kathitā eva honti. Yathā ca te vissajjetabbā, tathā vissajjitā eva honti. Niddiṭṭhakāraṇāti iminā kāraṇena iminā hetunā evaṃ hontīti evaṃ sahetukaṃ katvā vissajjanena bhagavatā niddiṭṭhakāraṇā eva honti te pañhā. Upakkhittakā ca te bhagavato sampajjantīti khattiyapaṇḍitādayo bhagavato pañhavissajjaneneva bhagavato samīpe khittakā pakkhittakā sampajjanti; sāvakā vā sampajjanti, upāsakā vāti attho; sāvakasampattiṃ vā pāpuṇanti, upāsakasampattiṃ vāti vuttaṃ hoti. Athāti anantaratthe, tesaṃ upakkhittakasampattisamanantaramevāti attho. Tatthāti tasmiṃ ṭhāne, tasmiṃ adhikāre vā. Atirocatīti ativiya jotati pakāsati. Yadidaṃ paññāyāti yāyaṃ bhagavato paññā, tāya paññāya bhagavāva atirocatīti attho. Iti-saddo kāraṇattho, iminā kāraṇenāti attho. Sesaṃ sabbattha pākaṭamevāti.

    สทฺธมฺมปฺปโชฺชติกาย มหานิเทฺทสฎฺฐกถาย

    Saddhammappajjotikāya mahāniddesaṭṭhakathāya

    ปสูรสุตฺตนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pasūrasuttaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / มหานิเทฺทสปาฬิ • Mahāniddesapāḷi / ๘. ปสูรสุตฺตนิเทฺทโส • 8. Pasūrasuttaniddeso


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact