Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi

    ๖. ปาฎลิคามิยสุตฺตํ

    6. Pāṭaligāmiyasuttaṃ

    ๗๖. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา มคเธสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ เยน ปาฎลิคาโม ตทวสริฯ อโสฺสสุํ โข ปาฎลิคามิยา 1 อุปาสกา – ‘‘ภควา กิร มคเธสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ ปาฎลิคามํ อนุปฺปโตฺต’’ติฯ อถ โข ปาฎลิคามิยา อุปาสกา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข ปาฎลิคามิยา อุปาสกา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อธิวาเสตุ โน, ภเนฺต, ภควา อาวสถาคาร’’นฺติฯ อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนฯ

    76. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā magadhesu cārikaṃ caramāno mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ yena pāṭaligāmo tadavasari. Assosuṃ kho pāṭaligāmiyā 2 upāsakā – ‘‘bhagavā kira magadhesu cārikaṃ caramāno mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ pāṭaligāmaṃ anuppatto’’ti. Atha kho pāṭaligāmiyā upāsakā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnā kho pāṭaligāmiyā upāsakā bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘adhivāsetu no, bhante, bhagavā āvasathāgāra’’nti. Adhivāsesi bhagavā tuṇhībhāvena.

    อถ โข ปาฎลิคามิยา อุปาสกา ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยนาวสถาคารํ เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา สพฺพสนฺถริํ อาวสถาคารํ สนฺถริตฺวา อาสนานิ ปญฺญาเปตฺวา อุทกมณิกํ ปติฎฺฐาเปตฺวา เตลปฺปทีปํ อาโรเปตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐํสุฯ เอกมนฺตํ ฐิตา โข ปาฎลิคามิยา อุปาสกา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘สพฺพสนฺถริสนฺถตํ 3, ภเนฺต, อาวสถาคารํ; อาสนานิ ปญฺญตฺตานิ; อุทกมณิโก ปติฎฺฐาปิโต 4 เตลปฺปทีโป อาโรปิโตฯ ยสฺสทานิ, ภเนฺต, ภควา กาลํ มญฺญตี’’ติฯ

    Atha kho pāṭaligāmiyā upāsakā bhagavato adhivāsanaṃ viditvā uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā yenāvasathāgāraṃ tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā sabbasanthariṃ āvasathāgāraṃ santharitvā āsanāni paññāpetvā udakamaṇikaṃ patiṭṭhāpetvā telappadīpaṃ āropetvā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhaṃsu. Ekamantaṃ ṭhitā kho pāṭaligāmiyā upāsakā bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘sabbasantharisanthataṃ 5, bhante, āvasathāgāraṃ; āsanāni paññattāni; udakamaṇiko patiṭṭhāpito 6 telappadīpo āropito. Yassadāni, bhante, bhagavā kālaṃ maññatī’’ti.

    อถ โข ภควา นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆน เยน อาวสถาคารํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา อาวสถาคารํ ปวิสิตฺวา มชฺฌิมํ ถมฺภํ นิสฺสาย ปุรตฺถาภิมุโข นิสีทิฯ ภิกฺขุสโงฺฆปิ โข ปาเท ปกฺขาเลตฺวา อาวสถาคารํ ปวิสิตฺวา ปจฺฉิมํ ภิตฺติํ นิสฺสาย ปุรตฺถาภิมุโข นิสีทิ ภควนฺตํเยว ปุรกฺขตฺวาฯ ปาฎลิคามิยาปิ โข อุปาสกา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา อาวสถาคารํ ปวิสิตฺวา ปุรตฺถิมํ ภิตฺติํ นิสฺสาย ปจฺฉิมาภิมุขา นิสีทิํสุ ภควนฺตํเยว ปุรกฺขตฺวาฯ อถ โข ภควา ปาฎลิคามิเย อุปาสเก อามเนฺตสิ –

    Atha kho bhagavā nivāsetvā pattacīvaramādāya saddhiṃ bhikkhusaṅghena yena āvasathāgāraṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā pāde pakkhāletvā āvasathāgāraṃ pavisitvā majjhimaṃ thambhaṃ nissāya puratthābhimukho nisīdi. Bhikkhusaṅghopi kho pāde pakkhāletvā āvasathāgāraṃ pavisitvā pacchimaṃ bhittiṃ nissāya puratthābhimukho nisīdi bhagavantaṃyeva purakkhatvā. Pāṭaligāmiyāpi kho upāsakā pāde pakkhāletvā āvasathāgāraṃ pavisitvā puratthimaṃ bhittiṃ nissāya pacchimābhimukhā nisīdiṃsu bhagavantaṃyeva purakkhatvā. Atha kho bhagavā pāṭaligāmiye upāsake āmantesi –

    ‘‘ปญฺจิเม, คหปตโย, อาทีนวา ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยาฯ กตเม ปญฺจ? อิธ, คหปตโย, ทุสฺสีโล สีลวิปโนฺน ปมาทาธิกรณํ มหติํ โภคชานิํ นิคจฺฉติฯ อยํ ปฐโม อาทีนโว ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยาฯ

    ‘‘Pañcime, gahapatayo, ādīnavā dussīlassa sīlavipattiyā. Katame pañca? Idha, gahapatayo, dussīlo sīlavipanno pamādādhikaraṇaṃ mahatiṃ bhogajāniṃ nigacchati. Ayaṃ paṭhamo ādīnavo dussīlassa sīlavipattiyā.

    ‘‘ปุน จปรํ, คหปตโย, ทุสฺสีลสฺส สีลวิปนฺนสฺส ปาปโก กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคจฺฉติฯ อยํ ทุติโย อาทีนโว ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยาฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, gahapatayo, dussīlassa sīlavipannassa pāpako kittisaddo abbhuggacchati. Ayaṃ dutiyo ādīnavo dussīlassa sīlavipattiyā.

    ‘‘ปุน จปรํ, คหปตโย, ทุสฺสีโล สีลวิปโนฺน ยญฺญเทว ปริสํ อุปสงฺกมติ – ยทิ ขตฺติยปริสํ, ยทิ พฺราหฺมณปริสํ, ยทิ คหปติปริสํ, ยทิ สมณปริสํ – อวิสารโท อุปสงฺกมติ มงฺกุภูโตฯ อยํ ตติโย อาทีนโว ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยาฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, gahapatayo, dussīlo sīlavipanno yaññadeva parisaṃ upasaṅkamati – yadi khattiyaparisaṃ, yadi brāhmaṇaparisaṃ, yadi gahapatiparisaṃ, yadi samaṇaparisaṃ – avisārado upasaṅkamati maṅkubhūto. Ayaṃ tatiyo ādīnavo dussīlassa sīlavipattiyā.

    ‘‘ปุน จปรํ, คหปตโย, ทุสฺสีโล สีลวิปโนฺน สมฺมูโฬฺห กาลํ กโรติฯ อยํ จตุโตฺถ อาทีนโว ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยาฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, gahapatayo, dussīlo sīlavipanno sammūḷho kālaṃ karoti. Ayaṃ catuttho ādīnavo dussīlassa sīlavipattiyā.

    ‘‘ปุน จปรํ, คหปตโย, ทุสฺสีโล สีลวิปโนฺน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติฯ อยํ ปญฺจโม อาทีนโว ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยาฯ อิเม โข, คหปตโย, ปญฺจ อาทีนวา ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยาฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, gahapatayo, dussīlo sīlavipanno kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjati. Ayaṃ pañcamo ādīnavo dussīlassa sīlavipattiyā. Ime kho, gahapatayo, pañca ādīnavā dussīlassa sīlavipattiyā.

    ‘‘ปญฺจิเม, คหปตโย, อานิสํสา สีลวโต สีลสมฺปทายฯ กตเม ปญฺจ? อิธ, คหปตโย, สีลวา สีลสมฺปโนฺน อปฺปมาทาธิกรณํ มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ อธิคจฺฉติฯ อยํ ปฐโม อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทายฯ

    ‘‘Pañcime, gahapatayo, ānisaṃsā sīlavato sīlasampadāya. Katame pañca? Idha, gahapatayo, sīlavā sīlasampanno appamādādhikaraṇaṃ mahantaṃ bhogakkhandhaṃ adhigacchati. Ayaṃ paṭhamo ānisaṃso sīlavato sīlasampadāya.

    ‘‘ปุน จปรํ, คหปตโย, สีลวโต สีลสมฺปนฺนสฺส กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคจฺฉติฯ อยํ ทุติโย อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทายฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, gahapatayo, sīlavato sīlasampannassa kalyāṇo kittisaddo abbhuggacchati. Ayaṃ dutiyo ānisaṃso sīlavato sīlasampadāya.

    ‘‘ปุน จปรํ, คหปตโย, สีลวา สีลสมฺปโนฺน ยญฺญเทว ปริสํ อุปสงฺกมติ – ยทิ ขตฺติยปริสํ , ยทิ พฺราหฺมณปริสํ, ยทิ คหปติปริสํ, ยทิ สมณปริสํ – วิสารโท อุปสงฺกมติ อมงฺกุภูโตฯ อยํ ตติโย อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทายฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, gahapatayo, sīlavā sīlasampanno yaññadeva parisaṃ upasaṅkamati – yadi khattiyaparisaṃ , yadi brāhmaṇaparisaṃ, yadi gahapatiparisaṃ, yadi samaṇaparisaṃ – visārado upasaṅkamati amaṅkubhūto. Ayaṃ tatiyo ānisaṃso sīlavato sīlasampadāya.

    ‘‘ปุน จปรํ, คหปตโย, สีลวา สีลสมฺปโนฺน อสมฺมูโฬฺห กาลงฺกโรติฯ อยํ จตุโตฺถ อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทายฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, gahapatayo, sīlavā sīlasampanno asammūḷho kālaṅkaroti. Ayaṃ catuttho ānisaṃso sīlavato sīlasampadāya.

    ‘‘ปุน จปรํ, คหปตโย, สีลวา สีลสมฺปโนฺน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติฯ อยํ ปญฺจโม อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทายฯ อิเม โข, คหปตโย, ปญฺจ อานิสํสา สีลวโต สีลสมฺปทายา’’ติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, gahapatayo, sīlavā sīlasampanno kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjati. Ayaṃ pañcamo ānisaṃso sīlavato sīlasampadāya. Ime kho, gahapatayo, pañca ānisaṃsā sīlavato sīlasampadāyā’’ti.

    อถ โข ภควา ปาฎลิคามิเย อุปาสเก พหุเทว รตฺติํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุเตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา อุโยฺยเชสิ – ‘‘อภิกฺกนฺตา โข, คหปตโย, รตฺติ; ยสฺสทานิ ตุเมฺห กาลํ มญฺญถา’’ติฯ 7 อถ โข ปาฎลิคามิยา อุปาสกา ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา 8 อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกมิํสุฯ อถ โข ภควา อจิรปกฺกเนฺตสุ ปาฎลิคามิเยสุ อุปาสเกสุ สุญฺญาคารํ ปาวิสิฯ

    Atha kho bhagavā pāṭaligāmiye upāsake bahudeva rattiṃ dhammiyā kathāya sandassetvā samādapetvā samutejetvā sampahaṃsetvā uyyojesi – ‘‘abhikkantā kho, gahapatayo, ratti; yassadāni tumhe kālaṃ maññathā’’ti. 9 Atha kho pāṭaligāmiyā upāsakā bhagavato bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā 10 uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkamiṃsu. Atha kho bhagavā acirapakkantesu pāṭaligāmiyesu upāsakesu suññāgāraṃ pāvisi.

    เตน โข ปน สมเยน สุนิธวสฺสการา 11 มคธมหามตฺตา ปาฎลิคาเม นครํ มาเปนฺติ วชฺชีนํ ปฎิพาหายฯ เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา เทวตาโย สหสฺสสหเสฺสว 12 ปาฎลิคาเม วตฺถูนิ ปริคฺคณฺหนฺติฯ ยสฺมิํ ปเทเส มเหสกฺขา เทวตา วตฺถูนิ ปริคฺคณฺหนฺติ มเหสกฺขานํ ตตฺถ รญฺญํ ราชมหามตฺตานํ จิตฺตานิ นมนฺติ นิเวสนานิ มาเปตุํฯ ยสฺมิํ ปเทเส มชฺฌิมา เทวตา วตฺถูนิ ปริคฺคณฺหนฺติ มชฺฌิมานํ ตตฺถ รญฺญํ ราชมหามตฺตานํ จิตฺตานิ นมนฺติ นิเวสนานิ มาเปตุํฯ ยสฺมิํ ปเทเส นีจา เทวตา วตฺถูนิ ปริคฺคณฺหนฺติ นีจานํ ตตฺถ รญฺญํ ราชมหามตฺตานํ จิตฺตานิ นมนฺติ นิเวสนานิ มาเปตุํฯ

    Tena kho pana samayena sunidhavassakārā 13 magadhamahāmattā pāṭaligāme nagaraṃ māpenti vajjīnaṃ paṭibāhāya. Tena kho pana samayena sambahulā devatāyo sahassasahasseva 14 pāṭaligāme vatthūni pariggaṇhanti. Yasmiṃ padese mahesakkhā devatā vatthūni pariggaṇhanti mahesakkhānaṃ tattha raññaṃ rājamahāmattānaṃ cittāni namanti nivesanāni māpetuṃ. Yasmiṃ padese majjhimā devatā vatthūni pariggaṇhanti majjhimānaṃ tattha raññaṃ rājamahāmattānaṃ cittāni namanti nivesanāni māpetuṃ. Yasmiṃ padese nīcā devatā vatthūni pariggaṇhanti nīcānaṃ tattha raññaṃ rājamahāmattānaṃ cittāni namanti nivesanāni māpetuṃ.

    อทฺทสา โข ภควา ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน ตา เทวตาโย สหสฺสสหเสฺสว ปาฎลิคาเม วตฺถูนิ ปริคฺคณฺหนฺติโยฯ ยสฺมิํ ปเทเส มเหสกฺขา เทวตา วตฺถูนิ ปริคฺคณฺหนฺติ, มเหสกฺขานํ ตตฺถ รญฺญํ ราชมหามตฺตานํ จิตฺตานิ นมนฺติ นิเวสนานิ มาเปตุํฯ ยสฺมิํ ปเทเส มชฺฌิมา เทวตา วตฺถูนิ ปริคฺคณฺหนฺติ, มชฺฌิมานํ ตตฺถ รญฺญํ ราชมหามตฺตานํ จิตฺตานิ นมนฺติ นิเวสนานิ มาเปตุํฯ ยสฺมิํ ปเทเส นีจา เทวตา วตฺถูนิ ปริคฺคณฺหนฺติ, นีจานํ ตตฺถ รญฺญํ ราชมหามตฺตานํ จิตฺตานิ นมนฺติ นิเวสนานิ มาเปตุํฯ อถ โข ภควา ตสฺสา รตฺติยา ปจฺจูสสมเย ปจฺจุฎฺฐาย อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ –

    Addasā kho bhagavā dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena tā devatāyo sahassasahasseva pāṭaligāme vatthūni pariggaṇhantiyo. Yasmiṃ padese mahesakkhā devatā vatthūni pariggaṇhanti, mahesakkhānaṃ tattha raññaṃ rājamahāmattānaṃ cittāni namanti nivesanāni māpetuṃ. Yasmiṃ padese majjhimā devatā vatthūni pariggaṇhanti, majjhimānaṃ tattha raññaṃ rājamahāmattānaṃ cittāni namanti nivesanāni māpetuṃ. Yasmiṃ padese nīcā devatā vatthūni pariggaṇhanti, nīcānaṃ tattha raññaṃ rājamahāmattānaṃ cittāni namanti nivesanāni māpetuṃ. Atha kho bhagavā tassā rattiyā paccūsasamaye paccuṭṭhāya āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi –

    ‘‘เก นุ โข 15 อานนฺท ปาฎลิคาเม นครํ มาเปนฺตี’’ติ 16ฯ ‘‘สุนิธวสฺสการา, ภเนฺต, มคธมหามตฺตา ปาฎลิคาเม นครํ มาเปนฺติ วชฺชีนํ ปฎิพาหายา’’ติฯ ‘‘เสยฺยถาปิ, อานนฺท, เทเวหิ ตาวติํเสหิ สทฺธิํ มเนฺตตฺวา; เอวเมว โข, อานนฺท, สุนิธวสฺสการา มคธมหามตฺตา ปาฎลิคาเม นครํ มาเปนฺติ วชฺชีนํ ปฎิพาหายฯ อิธาหํ, อานนฺท, อทฺทสํ ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สมฺพหุลา เทวตาโย สหสฺสสหเสฺสว ปาฎลิคาเม วตฺถูนิ ปริคฺคณฺหนฺติโยฯ ยสฺมิํ ปเทเส มเหสกฺขา เทวตา วตฺถูนิ ปริคฺคณฺหนฺติ มเหสกฺขานํ ตตฺถ รญฺญํ ราชมหามตฺตานํ จิตฺตานิ นมนฺติ นิเวสนานิ มาเปตุํฯ ยสฺมิํ ปเทเส มชฺฌิมา เทวตา วตฺถูนิ ปริคฺคณฺหนฺติ มชฺฌิมานํ ตตฺถ รญฺญํ ราชมหามตฺตานํ จิตฺตานิ นมนฺติ นิเวสนานิ มาเปตุํฯ ยสฺมิํ ปเทเส นีจา เทวตา วตฺถูนิ ปริคฺคณฺหนฺติ นีจานํ ตตฺถ รญฺญํ ราชมหามตฺตานํ จิตฺตานิ นมนฺติ นิเวสนานิ มาเปตุํฯ ยาวตา, อานนฺท, อริยํ อายตนํ ยาวตา วณิปฺปโถ อิทํ อคฺคนครํ ภวิสฺสติ ปาฎลิปุตฺตํ ปุฎเภทนํฯ ปาฎลิปุตฺตสฺส โข, อานนฺท, ตโย อนฺตรายา ภวิสฺสนฺติ – อคฺคิโต วา อุทกโต วา มิถุเภทโต วา’’ติฯ

    ‘‘Ke nu kho 17 ānanda pāṭaligāme nagaraṃ māpentī’’ti 18. ‘‘Sunidhavassakārā, bhante, magadhamahāmattā pāṭaligāme nagaraṃ māpenti vajjīnaṃ paṭibāhāyā’’ti. ‘‘Seyyathāpi, ānanda, devehi tāvatiṃsehi saddhiṃ mantetvā; evameva kho, ānanda, sunidhavassakārā magadhamahāmattā pāṭaligāme nagaraṃ māpenti vajjīnaṃ paṭibāhāya. Idhāhaṃ, ānanda, addasaṃ dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena sambahulā devatāyo sahassasahasseva pāṭaligāme vatthūni pariggaṇhantiyo. Yasmiṃ padese mahesakkhā devatā vatthūni pariggaṇhanti mahesakkhānaṃ tattha raññaṃ rājamahāmattānaṃ cittāni namanti nivesanāni māpetuṃ. Yasmiṃ padese majjhimā devatā vatthūni pariggaṇhanti majjhimānaṃ tattha raññaṃ rājamahāmattānaṃ cittāni namanti nivesanāni māpetuṃ. Yasmiṃ padese nīcā devatā vatthūni pariggaṇhanti nīcānaṃ tattha raññaṃ rājamahāmattānaṃ cittāni namanti nivesanāni māpetuṃ. Yāvatā, ānanda, ariyaṃ āyatanaṃ yāvatā vaṇippatho idaṃ agganagaraṃ bhavissati pāṭaliputtaṃ puṭabhedanaṃ. Pāṭaliputtassa kho, ānanda, tayo antarāyā bhavissanti – aggito vā udakato vā mithubhedato vā’’ti.

    อถ โข สุนิธวสฺสการา มคธมหามตฺตา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิํสุฯ สโมฺมทนียํ กถํ สาราณิยํ 19 วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐํสุฯ เอกมนฺตํ ฐิตา โข สุนิธวสฺสการา มคธมหามตฺตา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อธิวาเสตุ โน ภวํ โคตโม อชฺชตนาย ภตฺตํ สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆนา’’ติฯ อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนฯ

    Atha kho sunidhavassakārā magadhamahāmattā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodiṃsu. Sammodanīyaṃ kathaṃ sārāṇiyaṃ 20 vītisāretvā ekamantaṃ aṭṭhaṃsu. Ekamantaṃ ṭhitā kho sunidhavassakārā magadhamahāmattā bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘adhivāsetu no bhavaṃ gotamo ajjatanāya bhattaṃ saddhiṃ bhikkhusaṅghenā’’ti. Adhivāsesi bhagavā tuṇhībhāvena.

    อถ โข สุนิธวสฺสการา มคธมหามตฺตา ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา เยน สโก อาวสโถ เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา สเก อาวสเถ ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฎิยาทาเปตฺวา ภควโต กาลํ อาโรเจสุํ – ‘‘กาโล, โภ โคตม, นิฎฺฐิตํ ภตฺต’’นฺติฯ

    Atha kho sunidhavassakārā magadhamahāmattā bhagavato adhivāsanaṃ viditvā yena sako āvasatho tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā sake āvasathe paṇītaṃ khādanīyaṃ bhojanīyaṃ paṭiyādāpetvā bhagavato kālaṃ ārocesuṃ – ‘‘kālo, bho gotama, niṭṭhitaṃ bhatta’’nti.

    อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆน เยน สุนิธวสฺสการานํ มคธมหามตฺตานํ อาวสโถ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ อถ โข สุนิธวสฺสการา มคธมหามตฺตา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตเปฺปสุํ สมฺปวาเรสุํฯ

    Atha kho bhagavā pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya saddhiṃ bhikkhusaṅghena yena sunidhavassakārānaṃ magadhamahāmattānaṃ āvasatho tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi. Atha kho sunidhavassakārā magadhamahāmattā buddhappamukhaṃ bhikkhusaṅghaṃ paṇītena khādanīyena bhojanīyena sahatthā santappesuṃ sampavāresuṃ.

    อถ โข สุนิธวสฺสการา มคธมหามตฺตา ภควนฺตํ ภุตฺตาวิํ โอนีตปตฺตปาณิํ อญฺญตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสิเนฺน โข สุนิธวสฺสกาเร มคธมหามเตฺต ภควา อิมาหิ คาถาหิ อนุโมทิ –

    Atha kho sunidhavassakārā magadhamahāmattā bhagavantaṃ bhuttāviṃ onītapattapāṇiṃ aññataraṃ nīcaṃ āsanaṃ gahetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinne kho sunidhavassakāre magadhamahāmatte bhagavā imāhi gāthāhi anumodi –

    ‘‘ยสฺมิํ ปเทเส กเปฺปติ, วาสํ ปณฺฑิตชาติโย;

    ‘‘Yasmiṃ padese kappeti, vāsaṃ paṇḍitajātiyo;

    สีลวเนฺตตฺถ โภเชตฺวา, สญฺญเต พฺรหฺมจารโย 21

    Sīlavantettha bhojetvā, saññate brahmacārayo 22.

    ‘‘ยา ตตฺถ เทวตา อาสุํ, ตาสํ ทกฺขิณมาทิเส;

    ‘‘Yā tattha devatā āsuṃ, tāsaṃ dakkhiṇamādise;

    ตา ปูชิตา ปูชยนฺติ, มานิตา มานยนฺติ นํฯ

    Tā pūjitā pūjayanti, mānitā mānayanti naṃ.

    ‘‘ตโต นํ อนุกมฺปนฺติ, มาตา ปุตฺตํว โอรสํ;

    ‘‘Tato naṃ anukampanti, mātā puttaṃva orasaṃ;

    เทวตานุกมฺปิโต โปโส, สทา ภทฺรานิ ปสฺสตี’’ติฯ

    Devatānukampito poso, sadā bhadrāni passatī’’ti.

    อถ โข ภควา สุนิธวสฺสการานํ มคธมหามตฺตานํ อิมาหิ คาถาหิ อนุโมทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกามิฯ

    Atha kho bhagavā sunidhavassakārānaṃ magadhamahāmattānaṃ imāhi gāthāhi anumoditvā uṭṭhāyāsanā pakkāmi.

    เตน โข ปน สมเยน สุนิธวสฺสการา มคธมหามตฺตา ภควนฺตํ ปิฎฺฐิโต ปิฎฺฐิโต อนุพนฺธา โหนฺติ – ‘‘เยนชฺช สมโณ โคตโม ทฺวาเรน นิกฺขมิสฺสติ ตํ ‘โคตมทฺวารํ’ นาม ภวิสฺสติฯ เยน ติเตฺถน คงฺคํ นทิํ ตริสฺสติ ตํ ‘โคตมติตฺถํ’ นาม ภวิสฺสตี’’ติฯ

    Tena kho pana samayena sunidhavassakārā magadhamahāmattā bhagavantaṃ piṭṭhito piṭṭhito anubandhā honti – ‘‘yenajja samaṇo gotamo dvārena nikkhamissati taṃ ‘gotamadvāraṃ’ nāma bhavissati. Yena titthena gaṅgaṃ nadiṃ tarissati taṃ ‘gotamatitthaṃ’ nāma bhavissatī’’ti.

    อถ โข ภควา เยน ทฺวาเรน นิกฺขมิ ตํ ‘โคตมทฺวารํ’ นาม อโหสิฯ อถ โข ภควา เยน คงฺคา นที เตนุปสงฺกมิฯ เตน โข ปน สมเยน คงฺคา นที ปูรา โหติ สมติตฺติกา กากเปยฺยาฯ อเปฺปกเจฺจ มนุสฺสา นาวํ ปริเยสนฺติ, อเปฺปกเจฺจ อุฬุมฺปํ ปริเยสนฺติ, อเปฺปกเจฺจ กุลฺลํ พนฺธนฺติ อปารา ปารํ คนฺตุกามาฯ อถ โข ภควา – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิญฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิเญฺชยฺย, เอวเมว – คงฺคาย นทิยา โอริมตีเร 23 อนฺตรหิโต ปาริมตีเร ปจฺจุฎฺฐาสิ สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆน ฯ

    Atha kho bhagavā yena dvārena nikkhami taṃ ‘gotamadvāraṃ’ nāma ahosi. Atha kho bhagavā yena gaṅgā nadī tenupasaṅkami. Tena kho pana samayena gaṅgā nadī pūrā hoti samatittikā kākapeyyā. Appekacce manussā nāvaṃ pariyesanti, appekacce uḷumpaṃ pariyesanti, appekacce kullaṃ bandhanti apārā pāraṃ gantukāmā. Atha kho bhagavā – seyyathāpi nāma balavā puriso samiñjitaṃ vā bāhaṃ pasāreyya, pasāritaṃ vā bāhaṃ samiñjeyya, evameva – gaṅgāya nadiyā orimatīre 24 antarahito pārimatīre paccuṭṭhāsi saddhiṃ bhikkhusaṅghena .

    อทฺทสา โข ภควา เต มนุเสฺส อเปฺปกเจฺจ นาวํ ปริเยสเนฺต, อเปฺปกเจฺจ อุฬุมฺปํ ปริเยสเนฺต, อเปฺปกเจฺจ กุลฺลํ พนฺธเนฺต อปารา ปารํ คนฺตุกาเมฯ

    Addasā kho bhagavā te manusse appekacce nāvaṃ pariyesante, appekacce uḷumpaṃ pariyesante, appekacce kullaṃ bandhante apārā pāraṃ gantukāme.

    อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –

    Atha kho bhagavā etamatthaṃ viditvā tāyaṃ velāyaṃ imaṃ udānaṃ udānesi –

    ‘‘เย ตรนฺติ อณฺณวํ สรํ,

    ‘‘Ye taranti aṇṇavaṃ saraṃ,

    เสตุํ กตฺวาน วิสชฺช ปลฺลลานิ;

    Setuṃ katvāna visajja pallalāni;

    กุลฺลญฺหิ ชโน ปพนฺธติ 25,

    Kullañhi jano pabandhati 26,

    ติณฺณา 27 เมธาวิโน ชนา’’ติฯ ฉฎฺฐํ;

    Tiṇṇā 28 medhāvino janā’’ti. chaṭṭhaṃ;







    Footnotes:
    1. ปาฎลิคามิกา (ที. นิ. ๒.๑๔๘)
    2. pāṭaligāmikā (dī. ni. 2.148)
    3. สพฺพสนฺถริํ สนฺถตํ (สี. สฺยา. ปี.)
    4. อุทกมณิกํ ปติฎฺฐาปิตํ (สฺยา.)
    5. sabbasanthariṃ santhataṃ (sī. syā. pī.)
    6. udakamaṇikaṃ patiṭṭhāpitaṃ (syā.)
    7. ‘‘เอวํ ภเนฺต‘‘ติ โขปาฎลิคามิยา อุปาสกา ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา (มหาว. ๒๘๕; ที. นิ. ๒.๑๕๑)
    8. ‘‘เอวํ ภเนฺต‘‘ติ โขปาฎลิคามิยา อุปาสกา ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา (มหาว. ๒๘๕; ที. นิ. ๒.๑๕๑)
    9. ‘‘evaṃ bhante‘‘ti khopāṭaligāmiyā upāsakā bhagavato paṭissutvā (mahāva. 285; dī. ni. 2.151)
    10. ‘‘evaṃ bhante‘‘ti khopāṭaligāmiyā upāsakā bhagavato paṭissutvā (mahāva. 285; dī. ni. 2.151)
    11. สุนีธวสฺสการา (สี. สฺยา. ปี.)
    12. สหเสฺสว (สฺยา. ก.), สหสฺสเสฺสว (ปี.)
    13. sunīdhavassakārā (sī. syā. pī.)
    14. sahasseva (syā. ka.), sahassasseva (pī.)
    15. โก นุ โข (สพฺพตฺถ)
    16. มาเปตีติ (สพฺพตฺถ)
    17. ko nu kho (sabbattha)
    18. māpetīti (sabbattha)
    19. สาราณียํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    20. sārāṇīyaṃ (sī. syā. kaṃ. pī.)
    21. พฺรหฺมจาริโน (สฺยา.), พฺรหฺมจริเย (ปี. ก.)
    22. brahmacārino (syā.), brahmacariye (pī. ka.)
    23. โอริมตีรา (พหูสุ) มหาว. ๒๘๖; ที. นิ. ๒.๑๕๔ ปสฺสิตพฺพํ)
    24. orimatīrā (bahūsu) mahāva. 286; dī. ni. 2.154 passitabbaṃ)
    25. พนฺธติ (สฺยา. ปี.)
    26. bandhati (syā. pī.)
    27. นิติณฺณา (ก.)
    28. nitiṇṇā (ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā / ๖. ปาฎลิคามิยสุตฺตวณฺณนา • 6. Pāṭaligāmiyasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact