Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā

    ๖. ปาฎลิคามิยสุตฺตวณฺณนา

    6. Pāṭaligāmiyasuttavaṇṇanā

    ๗๖. ฉเฎฺฐ มคเธสูติ มคธรเฎฺฐฯ มหตาติ อิธาปิ คุณมหเตฺตนปิ อปริจฺฉินฺนสงฺขฺยตฺตา คณนมหเตฺตนปิ มหตา ภิกฺขุสเงฺฆนฯ ปาฎลิคาโมติ เอวํนามโก มคธรเฎฺฐ เอโก คาโมฯ ตสฺส กิร คามสฺส มาปนทิวเส คามคฺคหณฎฺฐาเน เทฺว ตโย ปาฎลงฺกุรา ปถวิโต อุพฺภิชฺชิตฺวา นิกฺขมิํสุฯ เตน ตํ ‘‘ปาฎลิคาโม’’เตฺวว โวหริํสุฯ ตทวสรีติ ตํ ปาฎลิคามํ อวสริ อนุปาปุณิฯ กทา ปน ภควา ปาฎลิคามํ อนุปาปุณิ? เหฎฺฐา วุตฺตนเยน สาวตฺถิยํ ธมฺมเสนาปติโน เจติยํ การาเปตฺวา ตโต นิกฺขมิตฺวา ราชคเห วสโนฺต ตตฺถ อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส จ เจติยํ การาเปตฺวา ตโต นิกฺขมิตฺวา อมฺพลฎฺฐิกายํ วสิตฺวา อตุริตจาริกาวเสน ชนปทจาริกํ จรโนฺต ตตฺถ ตตฺถ เอกรตฺติวาเสน วสิตฺวา โลกํ อนุคฺคณฺหโนฺต อนุกฺกเมน ปาฎลิคามํ อนุปาปุณิฯ

    76. Chaṭṭhe magadhesūti magadharaṭṭhe. Mahatāti idhāpi guṇamahattenapi aparicchinnasaṅkhyattā gaṇanamahattenapi mahatā bhikkhusaṅghena. Pāṭaligāmoti evaṃnāmako magadharaṭṭhe eko gāmo. Tassa kira gāmassa māpanadivase gāmaggahaṇaṭṭhāne dve tayo pāṭalaṅkurā pathavito ubbhijjitvā nikkhamiṃsu. Tena taṃ ‘‘pāṭaligāmo’’tveva vohariṃsu. Tadavasarīti taṃ pāṭaligāmaṃ avasari anupāpuṇi. Kadā pana bhagavā pāṭaligāmaṃ anupāpuṇi? Heṭṭhā vuttanayena sāvatthiyaṃ dhammasenāpatino cetiyaṃ kārāpetvā tato nikkhamitvā rājagahe vasanto tattha āyasmato mahāmoggallānassa ca cetiyaṃ kārāpetvā tato nikkhamitvā ambalaṭṭhikāyaṃ vasitvā aturitacārikāvasena janapadacārikaṃ caranto tattha tattha ekarattivāsena vasitvā lokaṃ anuggaṇhanto anukkamena pāṭaligāmaṃ anupāpuṇi.

    ปาฎลิคามิยาติ ปาฎลิคามวาสิโน อุปาสกาฯ เต กิร ภควโต ปฐมทสฺสเนน เกจิ สรเณสุ, เกจิ สีเลสุ, เกจิ สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฎฺฐิตาฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อุปาสกา’’ติฯ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสูติ ปาฎลิคาเม กิร อชาตสตฺตุโน ลิจฺฉวิราชูนญฺจ มนุสฺสา กาเลน กาลํ คนฺตฺวา เคหสามิเก เคหโต นีหริตฺวา มาสมฺปิ อฑฺฒมาสมฺปิ วสนฺติฯ เตน ปาฎลิคามวาสิโน มนุสฺสา นิจฺจุปทฺทุตา ‘‘เอเตสเญฺจว อาคตกาเล วสนฎฺฐานํ ภวิสฺสตี’’ติ เอกปเสฺส อิสฺสรานํ ภณฺฑปฺปฎิสามนฎฺฐานํ, เอกปเสฺส วสนฎฺฐานํ, เอกปเสฺส อาคนฺตุกานํ อทฺธิกมนุสฺสานํ, เอกปเสฺส ทลิทฺทานํ กปณมนุสฺสานํ, เอกปเสฺส คิลานานํ วสนฎฺฐานํ ภวิสฺสตีติ สเพฺพสํ อญฺญมญฺญํ อฆเฎฺฎตฺวา วสนปฺปโหนกํ นครมเชฺฌ มหาสาลํ กาเรสุํ, ตสฺสา นามํ อาวสถาคารนฺติฯ ตํ ทิวสญฺจ นิฎฺฐานํ อคมาสิฯ เต ตตฺถ คนฺตฺวา หตฺถกมฺมสุธากมฺมจิตฺตกมฺมาทิวเสน สุปรินิฎฺฐิตํ สุสชฺชิตํ เทววิมานสทิสํ ตํ ทฺวารโกฎฺฐกโต ปฎฺฐาย โอโลเกตฺวา ‘‘อิทํ อาวสถาคารํ อติวิย มโนรมํ สสฺสิริกํ, เกน นุ โข ปฐมํ ปริภุตฺตํ อมฺหากํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย อสฺสา’’ติ จิเนฺตสุํ, ตสฺมิํเยว จ ขเณ ‘‘ภควา ตํ คามํ อนุปฺปโตฺต’’ติ อโสฺสสุํฯ เตน เต อุปฺปนฺนปีติโสมนสฺสา ‘‘อเมฺหหิ ภควา คนฺตฺวาปิ อาเนตโพฺพ สิยา, โส ปน สยเมว อมฺหากํ วสนฎฺฐานํ สมฺปโตฺต, อชฺช มยํ ภควนฺตํ อิธ วสาเปตฺวา ปฐมํ ปริภุญฺชาเปสฺสาม ตถา ภิกฺขุสงฺฆํ, ภิกฺขุสเงฺฆ อาคเต เตปิฎกํ พุทฺธวจนํ อาคตเมว ภวิสฺสติ, สตฺถารํ มงฺคลํ วทาเปสฺสาม, ธมฺมํ กถาเปสฺสามฯ อิติ ตีหิ รตเนหิ ปริภุเตฺต ปจฺฉา อมฺหากญฺจ ปเรสญฺจ ปริโภโค ภวิสฺสติ, เอวํ โน ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสตี’’ติ สนฺนิฎฺฐานํ กตฺวา เอตทตฺถเมว ภควนฺตํ อุปสงฺกมิํสุฯ ตสฺมา เอวมาหํสุ – ‘‘อธิวาเสตุ โน, ภเนฺต ภควา, อาวสถาคาร’’นฺติฯ

    Pāṭaligāmiyāti pāṭaligāmavāsino upāsakā. Te kira bhagavato paṭhamadassanena keci saraṇesu, keci sīlesu, keci saraṇesu ca sīlesu ca patiṭṭhitā. Tena vuttaṃ ‘‘upāsakā’’ti. Yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsūti pāṭaligāme kira ajātasattuno licchavirājūnañca manussā kālena kālaṃ gantvā gehasāmike gehato nīharitvā māsampi aḍḍhamāsampi vasanti. Tena pāṭaligāmavāsino manussā niccupaddutā ‘‘etesañceva āgatakāle vasanaṭṭhānaṃ bhavissatī’’ti ekapasse issarānaṃ bhaṇḍappaṭisāmanaṭṭhānaṃ, ekapasse vasanaṭṭhānaṃ, ekapasse āgantukānaṃ addhikamanussānaṃ, ekapasse daliddānaṃ kapaṇamanussānaṃ, ekapasse gilānānaṃ vasanaṭṭhānaṃ bhavissatīti sabbesaṃ aññamaññaṃ aghaṭṭetvā vasanappahonakaṃ nagaramajjhe mahāsālaṃ kāresuṃ, tassā nāmaṃ āvasathāgāranti. Taṃ divasañca niṭṭhānaṃ agamāsi. Te tattha gantvā hatthakammasudhākammacittakammādivasena supariniṭṭhitaṃ susajjitaṃ devavimānasadisaṃ taṃ dvārakoṭṭhakato paṭṭhāya oloketvā ‘‘idaṃ āvasathāgāraṃ ativiya manoramaṃ sassirikaṃ, kena nu kho paṭhamaṃ paribhuttaṃ amhākaṃ dīgharattaṃ hitāya sukhāya assā’’ti cintesuṃ, tasmiṃyeva ca khaṇe ‘‘bhagavā taṃ gāmaṃ anuppatto’’ti assosuṃ. Tena te uppannapītisomanassā ‘‘amhehi bhagavā gantvāpi ānetabbo siyā, so pana sayameva amhākaṃ vasanaṭṭhānaṃ sampatto, ajja mayaṃ bhagavantaṃ idha vasāpetvā paṭhamaṃ paribhuñjāpessāma tathā bhikkhusaṅghaṃ, bhikkhusaṅghe āgate tepiṭakaṃ buddhavacanaṃ āgatameva bhavissati, satthāraṃ maṅgalaṃ vadāpessāma, dhammaṃ kathāpessāma. Iti tīhi ratanehi paribhutte pacchā amhākañca paresañca paribhogo bhavissati, evaṃ no dīgharattaṃ hitāya sukhāya bhavissatī’’ti sanniṭṭhānaṃ katvā etadatthameva bhagavantaṃ upasaṅkamiṃsu. Tasmā evamāhaṃsu – ‘‘adhivāsetu no, bhante bhagavā, āvasathāgāra’’nti.

    เยน อาวสถาคารํ เตนุปสงฺกมิํสูติ กิญฺจาปิ ตํ ตํ ทิวสเมว ปรินิฎฺฐิตตฺตา เทววิมานํ วิย สุสชฺชิตํ สุปฎิชคฺคิตํ, พุทฺธารหํ ปน กตฺวา น ปญฺญตฺตํ, ‘‘พุทฺธา นาม อรญฺญชฺฌาสยา อรญฺญารามา, อโนฺตคาเม วเสยฺยุํ วา โน วา, ตสฺมา ภควโต รุจิํ ชานิตฺวาว ปญฺญาเปสฺสามา’’ติ จิเนฺตตฺวา เต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิํสุ, อิทานิ ภควโต รุจิํ ชานิตฺวา ตถา ปญฺญาเปตุกามา เยน อาวสถาคารํ เตนุปสงฺกมิํสุฯ สพฺพสนฺถริํ อาวสถาคารํ สนฺถริตฺวาติ ยถา สพฺพเมว สนฺถตํ โหติ, เอวํ ตํ สนฺถริตฺวา สพฺพปฐมํ ตาว ‘‘โคมยํ นาม สพฺพมงฺคเลสุ วตฺตตี’’ติ สุธาปริกมฺมกตมฺปิ ภูมิํ อลฺลโคมเยน โอปุญฺชาเปตฺวา ปริสุกฺขภาวํ ญตฺวา ยถา อกฺกนฺตฎฺฐาเน ปทํ น ปญฺญายติ, เอวํ จตุชฺชาติยคเนฺธหิ ลิเมฺปตฺวา อุปริ นานาวณฺณกฎสารเก สนฺถริตฺวา เตสํ อุปริ มหาปิฎฺฐิกโกชวาทิํ กตฺวา หตฺถตฺถรณาทีหิ นานาวเณฺณหิ อตฺถรเณหิ สนฺถริตพฺพยุตฺตกํ สโพฺพกาสํ สนฺถราเปสุํฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘สพฺพสนฺถริํ อาวสถาคารํ สนฺถริตฺวา’’ติฯ

    Yena āvasathāgāraṃ tenupasaṅkamiṃsūti kiñcāpi taṃ taṃ divasameva pariniṭṭhitattā devavimānaṃ viya susajjitaṃ supaṭijaggitaṃ, buddhārahaṃ pana katvā na paññattaṃ, ‘‘buddhā nāma araññajjhāsayā araññārāmā, antogāme vaseyyuṃ vā no vā, tasmā bhagavato ruciṃ jānitvāva paññāpessāmā’’ti cintetvā te bhagavantaṃ upasaṅkamiṃsu, idāni bhagavato ruciṃ jānitvā tathā paññāpetukāmā yena āvasathāgāraṃ tenupasaṅkamiṃsu. Sabbasanthariṃ āvasathāgāraṃ santharitvāti yathā sabbameva santhataṃ hoti, evaṃ taṃ santharitvā sabbapaṭhamaṃ tāva ‘‘gomayaṃ nāma sabbamaṅgalesu vattatī’’ti sudhāparikammakatampi bhūmiṃ allagomayena opuñjāpetvā parisukkhabhāvaṃ ñatvā yathā akkantaṭṭhāne padaṃ na paññāyati, evaṃ catujjātiyagandhehi limpetvā upari nānāvaṇṇakaṭasārake santharitvā tesaṃ upari mahāpiṭṭhikakojavādiṃ katvā hatthattharaṇādīhi nānāvaṇṇehi attharaṇehi santharitabbayuttakaṃ sabbokāsaṃ santharāpesuṃ. Tena vuttaṃ – ‘‘sabbasanthariṃ āvasathāgāraṃ santharitvā’’ti.

    อาสนานญฺหิ มชฺฌฎฺฐาเน ตาว มงฺคลถมฺภํ นิสฺสาย มหารหํ พุทฺธาสนํ ปญฺญาเปตฺวา ตตฺถ ยํ ยํ มุทุกญฺจ มโนรมญฺจ ปจฺจตฺถรณํ, ตํ ตํ ปจฺจตฺถริตฺวา อุภโตโลหิตกํ มนุญฺญทสฺสนํ อุปธานํ อุปทหิตฺวา อุปริ สุวณฺณรชตตารกาวิจิตฺตํ วิตานํ พนฺธิตฺวา คนฺธทามปุปฺผทามาทีหิ อลงฺกริตฺวา สมนฺตา ทฺวาทสหเตฺถ ฐาเน ปุปฺผชาลํ กาเรตฺวา ติํสหตฺถมตฺตฎฺฐานํ ปฎสาณิยา ปริกฺขิปาเปตฺวา ปจฺฉิมภิตฺติํ นิสฺสาย ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปลฺลงฺกอปสฺสยมญฺจปีฐาทีนิ ปญฺญาเปตฺวา อุปริ เสตปจฺจตฺถรเณหิ ปจฺจตฺถราเปตฺวา สาลาย ปาจีนปสฺสํ อตฺตโน นิสชฺชาโยคฺคํ กาเรสุํฯ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อาสนานิ ปญฺญาเปตฺวา’’ติฯ

    Āsanānañhi majjhaṭṭhāne tāva maṅgalathambhaṃ nissāya mahārahaṃ buddhāsanaṃ paññāpetvā tattha yaṃ yaṃ mudukañca manoramañca paccattharaṇaṃ, taṃ taṃ paccattharitvā ubhatolohitakaṃ manuññadassanaṃ upadhānaṃ upadahitvā upari suvaṇṇarajatatārakāvicittaṃ vitānaṃ bandhitvā gandhadāmapupphadāmādīhi alaṅkaritvā samantā dvādasahatthe ṭhāne pupphajālaṃ kāretvā tiṃsahatthamattaṭṭhānaṃ paṭasāṇiyā parikkhipāpetvā pacchimabhittiṃ nissāya bhikkhusaṅghassa pallaṅkaapassayamañcapīṭhādīni paññāpetvā upari setapaccattharaṇehi paccattharāpetvā sālāya pācīnapassaṃ attano nisajjāyoggaṃ kāresuṃ. Taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘āsanāni paññāpetvā’’ti.

    อุทกมณิกนฺติ มหากุจฺฉิกํ อุทกจาฎิํฯ เอวํ ภควา ภิกฺขุสโงฺฆ จ ยถารุจิยา หตฺถปาเท โธวิสฺสนฺติ, มุขํ วิกฺขาเลสฺสนฺตีติ เตสุ เตสุ ฐาเนสุ มณิวณฺณสฺส อุทกสฺส ปูเรตฺวา วาสตฺถาย นานาปุปฺผานิ เจว อุทกวาสจุณฺณานิ จ ปกฺขิปิตฺวา กทลิปเณฺณหิ ปิทหิตฺวา ปติฎฺฐเปสุํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อุทกมณิกํ ปติฎฺฐาเปตฺวา’’ติฯ

    Udakamaṇikanti mahākucchikaṃ udakacāṭiṃ. Evaṃ bhagavā bhikkhusaṅgho ca yathāruciyā hatthapāde dhovissanti, mukhaṃ vikkhālessantīti tesu tesu ṭhānesu maṇivaṇṇassa udakassa pūretvā vāsatthāya nānāpupphāni ceva udakavāsacuṇṇāni ca pakkhipitvā kadalipaṇṇehi pidahitvā patiṭṭhapesuṃ. Tena vuttaṃ ‘‘udakamaṇikaṃ patiṭṭhāpetvā’’ti.

    เตลปฺปทีปํ อาโรเปตฺวาติ รชตสุวณฺณาทิมยทณฺฑทีปิกาสุ โยธกรูปวิลาสขจิตรูปกาทีนํ หเตฺถ ฐปิตสุวณฺณรชตาทิมยกปลฺลิกาสุ เตลปฺปทีปํ ชาลยิตฺวาฯ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสูติ เอตฺถ ปน เต ปาฎลิคามิยา อุปาสกา น เกวลํ อาวสถาคารเมว, อถ โข สกลสฺมิมฺปิ คาเม วีถิโย สชฺชาเปตฺวา ธเช อุสฺสาเปตฺวา เคหทฺวาเรสุ ปุณฺณฆเฎ กทลิโย จ ฐปาเปตฺวา สกลคามํ ทีปมาลาหิ วิปฺปกิณฺณตารกํ วิย กตฺวา ‘‘ขีรปเก ทารเก ขีรํ ปาเยถ, ทหรกุมาเร ลหุํ ลหุํ โภเชตฺวา สยาเปถ, อุจฺจาสทฺทํ มา กริตฺถ, อชฺช เอกรตฺติํ สตฺถา อโนฺตคาเม วสิสฺสติ, พุทฺธา นาม อปฺปสทฺทกามา โหนฺตี’’ติ เภริํ จราเปตฺวา สยํ ทณฺฑทีปิกา อาทาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุฯ

    Telappadīpaṃāropetvāti rajatasuvaṇṇādimayadaṇḍadīpikāsu yodhakarūpavilāsakhacitarūpakādīnaṃ hatthe ṭhapitasuvaṇṇarajatādimayakapallikāsu telappadīpaṃ jālayitvā. Yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsūti ettha pana te pāṭaligāmiyā upāsakā na kevalaṃ āvasathāgārameva, atha kho sakalasmimpi gāme vīthiyo sajjāpetvā dhaje ussāpetvā gehadvāresu puṇṇaghaṭe kadaliyo ca ṭhapāpetvā sakalagāmaṃ dīpamālāhi vippakiṇṇatārakaṃ viya katvā ‘‘khīrapake dārake khīraṃ pāyetha, daharakumāre lahuṃ lahuṃ bhojetvā sayāpetha, uccāsaddaṃ mā karittha, ajja ekarattiṃ satthā antogāme vasissati, buddhā nāma appasaddakāmā hontī’’ti bheriṃ carāpetvā sayaṃ daṇḍadīpikā ādāya yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu.

    อถ โข ภควา นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆน เยน อาวสถาคารํ เตนุปสงฺกมีติ ‘‘ยสฺส ทานิ, ภเนฺต, ภควา กาลํ มญฺญตี’’ติ เอวํ กิร เตหิ กาเล อาโรจิเต ภควา ลาขารเสน ตินฺตรตฺตโกวิฬารปุปฺผวณฺณํ รตฺตทุปฎฺฎํ กตฺตริยา ปทุมํ กเนฺตโนฺต วิย, สํวิธาย ติมณฺฑลํ ปฎิจฺฉาเทโนฺต นิวาเสตฺวา สุวณฺณปามเงฺคน ปทุมกลาปํ ปริกฺขิปโนฺต วิย, วิชฺชุลตาสสฺสิริกํ กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา รตฺตกมฺพเลน คชกุมฺภํ ปริโยนนฺธโนฺต วิย, รตนสตุเพฺพเธ สุวณฺณคฺฆิเก ปวาฬชาลํ ขิปมาโน วิย, มหติ สุวณฺณเจติเย รตฺตกมฺพลกญฺจุกํ ปฎิมุญฺจโนฺต วิย, คจฺฉนฺตํ ปุณฺณจนฺทํ รตฺตวลาหเกน ปฎิจฺฉาเทโนฺต วิย, กญฺจนคิริมตฺถเก สุปกฺกลาขารสํ ปริสิญฺจโนฺต วิย, จิตฺตกูฎปพฺพตมตฺถกํ วิชฺชุลตาชาเลน ปริกฺขิปโนฺต วิย, สกลจกฺกวาฬสิเนรุยุคนฺธรมหาปถวิํ จาเลตฺวา คหิตนิโคฺรธปลฺลวสมานวณฺณํ สุรตฺตวรปํสุกูลํ ปารุปิตฺวา วนคหนโต นิกฺขนฺตเกสรสีโห วิย, สมนฺตโต อุทยปพฺพตกูฎโต ปุณฺณจโนฺท วิย, พาลสูริโย วิย จ อตฺตนา นิสินฺนจารุมณฺฑปโต นิกฺขมิฯ

    Atha kho bhagavā nivāsetvā pattacīvaramādāya saddhiṃ bhikkhusaṅghena yena āvasathāgāraṃ tenupasaṅkamīti ‘‘yassa dāni, bhante, bhagavā kālaṃ maññatī’’ti evaṃ kira tehi kāle ārocite bhagavā lākhārasena tintarattakoviḷārapupphavaṇṇaṃ rattadupaṭṭaṃ kattariyā padumaṃ kantento viya, saṃvidhāya timaṇḍalaṃ paṭicchādento nivāsetvā suvaṇṇapāmaṅgena padumakalāpaṃ parikkhipanto viya, vijjulatāsassirikaṃ kāyabandhanaṃ bandhitvā rattakambalena gajakumbhaṃ pariyonandhanto viya, ratanasatubbedhe suvaṇṇagghike pavāḷajālaṃ khipamāno viya, mahati suvaṇṇacetiye rattakambalakañcukaṃ paṭimuñcanto viya, gacchantaṃ puṇṇacandaṃ rattavalāhakena paṭicchādento viya, kañcanagirimatthake supakkalākhārasaṃ parisiñcanto viya, cittakūṭapabbatamatthakaṃ vijjulatājālena parikkhipanto viya, sakalacakkavāḷasineruyugandharamahāpathaviṃ cāletvā gahitanigrodhapallavasamānavaṇṇaṃ surattavarapaṃsukūlaṃ pārupitvā vanagahanato nikkhantakesarasīho viya, samantato udayapabbatakūṭato puṇṇacando viya, bālasūriyo viya ca attanā nisinnacārumaṇḍapato nikkhami.

    อถสฺส กายโต เมฆมุขโต วิชฺชุกลาปา วิย รสฺมิโย นิกฺขมิตฺวา สุวณฺณรสธาราปริเสกปิญฺชรปตฺตปุปฺผผลสาขาวิฎเป วิย สมนฺตโต รุเกฺข กริํสุฯ ตาวเทว อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตจีวรมาทาย มหาภิกฺขุสโงฺฆ ภควนฺตํ ปริวาเรสิฯ เต จ นํ ปริวาเรตฺวา ฐิตา ภิกฺขู เอวรูปา อเหสุํ อปฺปิจฺฉา สนฺตุฎฺฐา ปวิวิตฺตา อสํสฎฺฐา อารทฺธวีริยา วตฺตาโร วจนกฺขมา โจทกา ปาปครหิโน สีลสมฺปนฺนา สมาธิสมฺปนฺนา ปญฺญาสมฺปนฺนา วิมุตฺติสมฺปนฺนา วิมุตฺติญาณทสฺสนสมฺปนฺนาฯ เตหิ ปริวุโต ภควา รตฺตกมฺพลปริกฺขิโตฺต วิย สุวณฺณกฺขโนฺธ, นกฺขตฺตปริวาริโต วิย ปุณฺณจโนฺท, รตฺตปทุมวนสณฺฑมชฺฌคตา วิย สุวณฺณนาวา, ปวาฬเวทิกปริกฺขิโตฺต วิย สุวณฺณปาสาโท วิโรจิตฺถฯ มหากสฺสปปฺปมุขา ปน มหาเถรา เมฆวณฺณํ ปํสุกูลจีวรํ ปารุปิตฺวา มณิวมฺมวมฺมิตา วิย มหานาคา ปริวารยิํสุ วนฺตราคา ภินฺนกิเลสา วิชฎิตชฎา ฉินฺนพนฺธนา กุเล วา คเณ วา อลคฺคาฯ

    Athassa kāyato meghamukhato vijjukalāpā viya rasmiyo nikkhamitvā suvaṇṇarasadhārāparisekapiñjarapattapupphaphalasākhāviṭape viya samantato rukkhe kariṃsu. Tāvadeva attano attano pattacīvaramādāya mahābhikkhusaṅgho bhagavantaṃ parivāresi. Te ca naṃ parivāretvā ṭhitā bhikkhū evarūpā ahesuṃ appicchā santuṭṭhā pavivittā asaṃsaṭṭhā āraddhavīriyā vattāro vacanakkhamā codakā pāpagarahino sīlasampannā samādhisampannā paññāsampannā vimuttisampannā vimuttiñāṇadassanasampannā. Tehi parivuto bhagavā rattakambalaparikkhitto viya suvaṇṇakkhandho, nakkhattaparivārito viya puṇṇacando, rattapadumavanasaṇḍamajjhagatā viya suvaṇṇanāvā, pavāḷavedikaparikkhitto viya suvaṇṇapāsādo virocittha. Mahākassapappamukhā pana mahātherā meghavaṇṇaṃ paṃsukūlacīvaraṃ pārupitvā maṇivammavammitā viya mahānāgā parivārayiṃsu vantarāgā bhinnakilesā vijaṭitajaṭā chinnabandhanā kule vā gaṇe vā alaggā.

    อิติ ภควา สยํ วีตราโค วีตราเคหิ, วีตโทโส วีตโทเสหิ, วีตโมโห วีตโมเหหิ, นิตฺตโณฺห นิตฺตเณฺหหิ, นิกฺกิเลโส นิกฺกิเลเสหิ, สยํ พุโทฺธ อนุพุเทฺธหิ ปริวาริโต ปตฺตปริวาริตํ วิย เกสรํ, เกสรปริวาริตา วิย กณฺณิกา, อฎฺฐนาคสหสฺสปริวาริโต วิย ฉทฺทโนฺต นาคราชา, นวุติหํสสหสฺสปริวาริโต วิย ธตรโฎฺฐ หํสราชา, เสนงฺคปริวาริโต วิย จกฺกวตฺติราชา, มรุคณปริวาริโต วิย สโกฺก เทวราชา, พฺรหฺมคณปริวาริโต วิย หาริตมหาพฺรหฺมา, ตาราคณปริวาริโต วิย ปุณฺณจโนฺท, อนุปเมน พุทฺธเวเสน อปริมาเณน พุทฺธวิลาเสน ปาฎลิคามินํ มคฺคํ ปฎิปชฺชิฯ

    Iti bhagavā sayaṃ vītarāgo vītarāgehi, vītadoso vītadosehi, vītamoho vītamohehi, nittaṇho nittaṇhehi, nikkileso nikkilesehi, sayaṃ buddho anubuddhehi parivārito pattaparivāritaṃ viya kesaraṃ, kesaraparivāritā viya kaṇṇikā, aṭṭhanāgasahassaparivārito viya chaddanto nāgarājā, navutihaṃsasahassaparivārito viya dhataraṭṭho haṃsarājā, senaṅgaparivārito viya cakkavattirājā, marugaṇaparivārito viya sakko devarājā, brahmagaṇaparivārito viya hāritamahābrahmā, tārāgaṇaparivārito viya puṇṇacando, anupamena buddhavesena aparimāṇena buddhavilāsena pāṭaligāminaṃ maggaṃ paṭipajji.

    อถสฺส ปุรตฺถิมกายโต สุวณฺณวณฺณา ฆนพุทฺธรสฺมิโย อุฎฺฐหิตฺวา อสีติหตฺถฎฺฐานํ อคฺคเหสุํ, ตถา ปจฺฉิมกายโต ทกฺขิณปสฺสโต วามปสฺสโต สุวณฺณวณฺณา ฆนพุทฺธรสฺมิโย อุฎฺฐหิตฺวา อสีติหตฺถฎฺฐานํ อคฺคเหสุํ, อุปริเกสนฺตโต ปฎฺฐาย สพฺพเกสาวเฎฺฎหิ โมรคีวราชวณฺณา อสิตา ฆนพุทฺธรสฺมิโย อุฎฺฐหิตฺวา คคนตเล อสีติหตฺถฎฺฐานํ อคฺคเหสุํ, เหฎฺฐาปาทตเลหิ ปวาฬวณฺณา รสฺมิโย อุฎฺฐหิตฺวา ฆนปถวิยํ อสีติหตฺถฎฺฐานํ อคฺคเหสุํ, ทนฺตโต อกฺขีนํ เสตฎฺฐานโต, นขานํ มํสวิมุตฺตฎฺฐานโต โอทาตา ฆนพุทฺธรสฺมิโย อุฎฺฐหิตฺวา อสีติหตฺถฎฺฐานํ อคฺคเหสุํ, รตฺตปีตวณฺณานํ สมฺภินฺนฎฺฐานโต มเญฺชฎฺฐวณฺณา รสฺมิโย อุฎฺฐหิตฺวา อสีติหตฺถฎฺฐานํ อคฺคเหสุํ, สพฺพตฺถกเมว ปภสฺสรา รสฺมิโย อุฎฺฐหิํสุฯ เอวํ สมนฺตา อสีติหตฺถฎฺฐานํ ฉพฺพณฺณา พุทฺธรสฺมิโย วิโชฺชตมานา วิปฺผนฺทมานา วิธาวมานา กญฺจนทณฺฑทีปิกาทีหิ นิจฺฉริตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺทมานา มหาปทีปชาลา วิย, จาตุทฺทีปิกมหาเมฆโต นิกฺขนฺตวิชฺชุลตา วิย จ ทิโสทิสํ ปกฺขนฺทิํสุฯ ยาหิ สเพฺพ ทิสาภาคา สุวณฺณจมฺปกปุเปฺผหิ วิกิริยมานา วิย, สุวณฺณฆฎโต สุวณฺณรสธาราหิ อาสิญฺจิยมานา วิย, ปสาริตสุวณฺณปฎปริกฺขิตฺตา วิย, เวรมฺภวาเตน สมุทฺธตกิํสุกกณิการโกวิฬารปุปฺผจุณฺณสโมกิณฺณา วิย, จีนปิฎฺฐจุณฺณสมฺปริรญฺชิตา วิย จ วิโรจิํสุฯ

    Athassa puratthimakāyato suvaṇṇavaṇṇā ghanabuddharasmiyo uṭṭhahitvā asītihatthaṭṭhānaṃ aggahesuṃ, tathā pacchimakāyato dakkhiṇapassato vāmapassato suvaṇṇavaṇṇā ghanabuddharasmiyo uṭṭhahitvā asītihatthaṭṭhānaṃ aggahesuṃ, uparikesantato paṭṭhāya sabbakesāvaṭṭehi moragīvarājavaṇṇā asitā ghanabuddharasmiyo uṭṭhahitvā gaganatale asītihatthaṭṭhānaṃ aggahesuṃ, heṭṭhāpādatalehi pavāḷavaṇṇā rasmiyo uṭṭhahitvā ghanapathaviyaṃ asītihatthaṭṭhānaṃ aggahesuṃ, dantato akkhīnaṃ setaṭṭhānato, nakhānaṃ maṃsavimuttaṭṭhānato odātā ghanabuddharasmiyo uṭṭhahitvā asītihatthaṭṭhānaṃ aggahesuṃ, rattapītavaṇṇānaṃ sambhinnaṭṭhānato mañjeṭṭhavaṇṇā rasmiyo uṭṭhahitvā asītihatthaṭṭhānaṃ aggahesuṃ, sabbatthakameva pabhassarā rasmiyo uṭṭhahiṃsu. Evaṃ samantā asītihatthaṭṭhānaṃ chabbaṇṇā buddharasmiyo vijjotamānā vipphandamānā vidhāvamānā kañcanadaṇḍadīpikādīhi niccharitvā ākāsaṃ pakkhandamānā mahāpadīpajālā viya, cātuddīpikamahāmeghato nikkhantavijjulatā viya ca disodisaṃ pakkhandiṃsu. Yāhi sabbe disābhāgā suvaṇṇacampakapupphehi vikiriyamānā viya, suvaṇṇaghaṭato suvaṇṇarasadhārāhi āsiñciyamānā viya, pasāritasuvaṇṇapaṭaparikkhittā viya, verambhavātena samuddhatakiṃsukakaṇikārakoviḷārapupphacuṇṇasamokiṇṇā viya, cīnapiṭṭhacuṇṇasamparirañjitā viya ca virociṃsu.

    ภควโตปิ อสีติอนุพฺยญฺชนพฺยามปฺปภาปริเกฺขปสมุชฺชลํ ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณปฺปฎิมณฺฑิตํ สรีรํ อพฺภมหิกาทิอุปกฺกิเลสวิมุตฺตํ สมุชฺชลนฺตตารกาวภาสิตํ วิย, คคนตลํ วิกสิตํ วิย ปทุมวนํ, สพฺพปาลิผุโลฺล วิย โยชนสติโก ปาริจฺฉตฺตโก, ปฎิปาฎิยา ฐปิตานํ ทฺวตฺติํสสูริยานํ ทฺวตฺติํสจนฺทิมานํ ทฺวตฺติํสจกฺกวตฺตีนํ ทฺวตฺติํสเทวราชานํ ทฺวตฺติํสมหาพฺรหฺมานํ สิริยา สิริํ อภิภวมานํ วิย วิโรจิตฺถ, ยถา ตํ ทสหิ ปารมีหิ ทสหิ อุปปารมีหิ ทสหิ ปรมตฺถปารมีหีติ สมฺมเทว ปริปูริตาหิ สมติํสปารมิตาหิ อลงฺกตํ กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสเงฺขฺยยฺยานิ ทิเนฺนน ทาเนน รกฺขิเตน สีเลน กเตน กลฺยาณกเมฺมน เอกสฺมิํ อตฺตภาเว สโมสริตฺวา วิปากํ ทาตุํ โอกาสํ อลภมาเนน สมฺพาธปฺปตฺตํ วิย นิพฺพตฺติตํ นาวาสหสฺสภณฺฑํ เอกํ นาวํ อาโรปนกาโล วิย, สกฎสหสฺสภณฺฑํ เอกํ สกฎํ อาโรปนกาโล วิย, ปญฺจวีสติยา คงฺคานํ สมฺภินฺนมุขทฺวาเร เอกโต ราสิภูตกาโล วิย อโหสิฯ

    Bhagavatopi asītianubyañjanabyāmappabhāparikkhepasamujjalaṃ dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇappaṭimaṇḍitaṃ sarīraṃ abbhamahikādiupakkilesavimuttaṃ samujjalantatārakāvabhāsitaṃ viya, gaganatalaṃ vikasitaṃ viya padumavanaṃ, sabbapāliphullo viya yojanasatiko pāricchattako, paṭipāṭiyā ṭhapitānaṃ dvattiṃsasūriyānaṃ dvattiṃsacandimānaṃ dvattiṃsacakkavattīnaṃ dvattiṃsadevarājānaṃ dvattiṃsamahābrahmānaṃ siriyā siriṃ abhibhavamānaṃ viya virocittha, yathā taṃ dasahi pāramīhi dasahi upapāramīhi dasahi paramatthapāramīhīti sammadeva paripūritāhi samatiṃsapāramitāhi alaṅkataṃ kappasatasahassādhikāni cattāri asaṅkhyeyyāni dinnena dānena rakkhitena sīlena katena kalyāṇakammena ekasmiṃ attabhāve samosaritvā vipākaṃ dātuṃ okāsaṃ alabhamānena sambādhappattaṃ viya nibbattitaṃ nāvāsahassabhaṇḍaṃ ekaṃ nāvaṃ āropanakālo viya, sakaṭasahassabhaṇḍaṃ ekaṃ sakaṭaṃ āropanakālo viya, pañcavīsatiyā gaṅgānaṃ sambhinnamukhadvāre ekato rāsibhūtakālo viya ahosi.

    อิมาย พุทฺธสิริยา โอภาสมานสฺสปิ ภควโต ปุรโต อเนกานิ ทณฺฑทีปิกาสหสฺสานิ อุกฺขิปิํสุฯ ตถา ปจฺฉโต วามปเสฺส ทกฺขิณปเสฺส ชาติกุสุมจมฺปกวนมาลิการตฺตุปฺปลนีลุปฺปลพกุลสินฺทุวาราทิปุปฺผานิ เจว นีลปีตาทิวณฺณสุคนฺธจุณฺณานิ จ จาตุทฺทีปิกมหาเมฆวิสฺสฎฺฐา สลิลวุฎฺฐิโย วิย วิปฺปกิริํสุ ฯ ปญฺจงฺคิกตูริยนิโคฺฆสา จ พุทฺธธมฺมสงฺฆคุณาสํยุตฺตา ถุติโฆสา จ สพฺพา ทิสา ปูรยมานา มุขสมฺภาสา วิย อเหสุํฯ เทวสุปณฺณนาคยกฺขคนฺธพฺพมนุสฺสานํ อกฺขีนิ อมตปานํ วิย ลภิํสุฯ อิมสฺมิํ ปน ฐาเน ฐตฺวา ปทสหเสฺสหิ คมนวณฺณนํ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ ตตฺริยํ มุขมตฺตํ –

    Imāya buddhasiriyā obhāsamānassapi bhagavato purato anekāni daṇḍadīpikāsahassāni ukkhipiṃsu. Tathā pacchato vāmapasse dakkhiṇapasse jātikusumacampakavanamālikārattuppalanīluppalabakulasinduvārādipupphāni ceva nīlapītādivaṇṇasugandhacuṇṇāni ca cātuddīpikamahāmeghavissaṭṭhā salilavuṭṭhiyo viya vippakiriṃsu . Pañcaṅgikatūriyanigghosā ca buddhadhammasaṅghaguṇāsaṃyuttā thutighosā ca sabbā disā pūrayamānā mukhasambhāsā viya ahesuṃ. Devasupaṇṇanāgayakkhagandhabbamanussānaṃ akkhīni amatapānaṃ viya labhiṃsu. Imasmiṃ pana ṭhāne ṭhatvā padasahassehi gamanavaṇṇanaṃ vattuṃ vaṭṭati. Tatriyaṃ mukhamattaṃ –

    ‘‘เอวํ สพฺพงฺคสมฺปโนฺน, กมฺปยโนฺต วสุนฺธรํ;

    ‘‘Evaṃ sabbaṅgasampanno, kampayanto vasundharaṃ;

    อเหฐยโนฺต ปาณานิ, ยาติ โลกวินายโกฯ

    Aheṭhayanto pāṇāni, yāti lokavināyako.

    ‘‘ทกฺขิณํ ปฐมํ ปาทํ, อุทฺธรโนฺต นราสโภ;

    ‘‘Dakkhiṇaṃ paṭhamaṃ pādaṃ, uddharanto narāsabho;

    คจฺฉโนฺต สิริสมฺปโนฺน, โสภเต ทฺวิปทุตฺตโมฯ

    Gacchanto sirisampanno, sobhate dvipaduttamo.

    ‘‘คจฺฉโต พุทฺธเสฎฺฐสฺส, เหฎฺฐา ปาทตลํ มุทุ;

    ‘‘Gacchato buddhaseṭṭhassa, heṭṭhā pādatalaṃ mudu;

    สมํ สมฺผุสเต ภูมิํ, รชสานุปลิมฺปติฯ

    Samaṃ samphusate bhūmiṃ, rajasānupalimpati.

    ‘‘นินฺนํ ฐานํ อุนฺนมติ, คจฺฉเนฺต โลกนายเก;

    ‘‘Ninnaṃ ṭhānaṃ unnamati, gacchante lokanāyake;

    อุนฺนตญฺจ สมํ โหติ, ปถวี จ อเจตนาฯ

    Unnatañca samaṃ hoti, pathavī ca acetanā.

    ‘‘ปาสาณา สกฺขรา เจว, กถลา ขาณุกณฺฎกา;

    ‘‘Pāsāṇā sakkharā ceva, kathalā khāṇukaṇṭakā;

    สเพฺพ มคฺคา วิวชฺชนฺติ, คจฺฉเนฺต โลกนายเกฯ

    Sabbe maggā vivajjanti, gacchante lokanāyake.

    ‘‘นาติทูเร อุทฺธรติ, นจฺจาสเนฺน จ นิกฺขิปํ;

    ‘‘Nātidūre uddharati, naccāsanne ca nikkhipaṃ;

    อฆฎฺฎยโนฺต นิยฺยาติ, อุโภ ชาณู จ โคปฺผเกฯ

    Aghaṭṭayanto niyyāti, ubho jāṇū ca gopphake.

    ‘‘นาติสีฆํ ปกฺกมติ, สมฺปนฺนจรโณ มุนิ;

    ‘‘Nātisīghaṃ pakkamati, sampannacaraṇo muni;

    น จาปิ สณิกํ ยาติ, คจฺฉมาโน สมาหิโตฯ

    Na cāpi saṇikaṃ yāti, gacchamāno samāhito.

    ‘‘อุทฺธํ อโธ จ ติริยํ, ทิสญฺจ วิทิสํ ตถา;

    ‘‘Uddhaṃ adho ca tiriyaṃ, disañca vidisaṃ tathā;

    น เปกฺขมาโน โส ยาติ, ยุคมตฺตํวเปกฺขติฯ

    Na pekkhamāno so yāti, yugamattaṃvapekkhati.

    ‘‘นาควิกฺกนฺตจาโร โส, คมเน โสภเต ชิโน;

    ‘‘Nāgavikkantacāro so, gamane sobhate jino;

    จารุํ คจฺฉติ โลกโคฺค, หาสยโนฺต สเทวเกฯ

    Cāruṃ gacchati lokaggo, hāsayanto sadevake.

    ‘‘อุสภราชาว โสภโนฺต, จารุจารีว เกสรี;

    ‘‘Usabharājāva sobhanto, cārucārīva kesarī;

    โตสยโนฺต พหู สเตฺต, คามํ เสโฎฺฐ อุปาคมี’’ติฯ –

    Tosayanto bahū satte, gāmaṃ seṭṭho upāgamī’’ti. –

    วณฺณกาโล นาม กิเรสฯ เอวํวิเธสุ กาเลสุ ภควโต สรีรวเณฺณ วา คุณวเณฺณ วา ธมฺมกถิกสฺส ถาโมเยว ปมาณํ, จุณฺณิยปเทหิ คาถาพเนฺธหิ ยตฺตกํ สโกฺกติ, ตตฺตกํ วตฺตพฺพํฯ ‘‘ทุกฺกถิต’’นฺติ วา ‘‘อติเตฺถน ปกฺขโนฺท’’ติ วา น วตฺตโพฺพฯ อปริมาณวณฺณา หิ พุทฺธา ภควโนฺต, เตสํ พุทฺธาปิ อนวเสสโต วณฺณํ วตฺตุํ อสมตฺถาฯ สกลมฺปิ หิ กปฺปํ วเณฺณนฺตา ปริโยสาเปตุํ น สโกฺกนฺติ, ปเคว อิตรา ปชาติฯ อิมินา สิริวิลาเสน อลงฺกตปฺปฎิยตฺตํ ปาฎลิคามํ ปาวิสิ , ปวิสิตฺวา ภควา ปสนฺนจิเตฺตน ชเนน ปุปฺผคนฺธธูมวาสจุณฺณาทีหิ ปูชิยมาโน อาวสถาคารํ ปาวิสิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆน เยน อาวสถาคารํ เตนุปสงฺกมี’’ติฯ

    Vaṇṇakālo nāma kiresa. Evaṃvidhesu kālesu bhagavato sarīravaṇṇe vā guṇavaṇṇe vā dhammakathikassa thāmoyeva pamāṇaṃ, cuṇṇiyapadehi gāthābandhehi yattakaṃ sakkoti, tattakaṃ vattabbaṃ. ‘‘Dukkathita’’nti vā ‘‘atitthena pakkhando’’ti vā na vattabbo. Aparimāṇavaṇṇā hi buddhā bhagavanto, tesaṃ buddhāpi anavasesato vaṇṇaṃ vattuṃ asamatthā. Sakalampi hi kappaṃ vaṇṇentā pariyosāpetuṃ na sakkonti, pageva itarā pajāti. Iminā sirivilāsena alaṅkatappaṭiyattaṃ pāṭaligāmaṃ pāvisi , pavisitvā bhagavā pasannacittena janena pupphagandhadhūmavāsacuṇṇādīhi pūjiyamāno āvasathāgāraṃ pāvisi. Tena vuttaṃ – ‘‘atha kho bhagavā nivāsetvā pattacīvaramādāya saddhiṃ bhikkhusaṅghena yena āvasathāgāraṃ tenupasaṅkamī’’ti.

    ปาเท ปกฺขาเลตฺวาติ ยทิปิ ภควโต ปาเท รโชชลฺลํ น อุปลิมฺปติ, เตสํ ปน อุปาสกานํ กุสลาภิวุทฺธิํ อากงฺขโนฺต ปเรสํ ทิฎฺฐานุคติํ อาปชฺชนตฺถญฺจ ภควา ปาเท ปกฺขาเลติฯ อปิจ อุปาทินฺนกสรีรํ นาม สีตํ กาตพฺพมฺปิ โหตีติ เอตทตฺถมฺปิ ภควา นฺหานปาทโธวนาทีนิ กโรติเยวฯ ภควนฺตํเยว ปุรกฺขตฺวาติ ภควนฺตํ ปุรโต กตฺวาฯ ตตฺถ ภควา ภิกฺขูนเญฺจว อุปาสกานญฺจ มเชฺฌ นิสิโนฺน คโนฺธทเกน นฺหาเปตฺวา ทุกูลจุมฺพฎเกน โวทกํ กตฺวา ชาติหิงฺคุลเกน มชฺชิตฺวา รตฺตกมฺพเลน ปลิเวเฐตฺวา ปีเฐ ฐปิตา รตฺตสุวณฺณฆนปฎิมา วิย อติวิโรจิตฺถฯ

    Pādepakkhāletvāti yadipi bhagavato pāde rajojallaṃ na upalimpati, tesaṃ pana upāsakānaṃ kusalābhivuddhiṃ ākaṅkhanto paresaṃ diṭṭhānugatiṃ āpajjanatthañca bhagavā pāde pakkhāleti. Apica upādinnakasarīraṃ nāma sītaṃ kātabbampi hotīti etadatthampi bhagavā nhānapādadhovanādīni karotiyeva. Bhagavantaṃyeva purakkhatvāti bhagavantaṃ purato katvā. Tattha bhagavā bhikkhūnañceva upāsakānañca majjhe nisinno gandhodakena nhāpetvā dukūlacumbaṭakena vodakaṃ katvā jātihiṅgulakena majjitvā rattakambalena paliveṭhetvā pīṭhe ṭhapitā rattasuvaṇṇaghanapaṭimā viya ativirocittha.

    อยํ ปเนตฺถ โปราณานํ วณฺณภณนมโคฺค –

    Ayaṃ panettha porāṇānaṃ vaṇṇabhaṇanamaggo –

    ‘‘คนฺตฺวาน มณฺฑลมาฬํ, นาควิกฺกนฺตจารโณ;

    ‘‘Gantvāna maṇḍalamāḷaṃ, nāgavikkantacāraṇo;

    โอภาสยโนฺต โลกโคฺค, นิสีทิ วรมาสเนฯ

    Obhāsayanto lokaggo, nisīdi varamāsane.

    ‘‘ตหิํ นิสิโนฺน นรทมฺมสารถิ,

    ‘‘Tahiṃ nisinno naradammasārathi,

    เทวาติเทโว สตปุญฺญลกฺขโณ;

    Devātidevo satapuññalakkhaṇo;

    พุทฺธาสเน มชฺฌคโต วิโรจติ,

    Buddhāsane majjhagato virocati,

    สุวณฺณนิกฺขํ วิย ปณฺฑุกมฺพเลฯ

    Suvaṇṇanikkhaṃ viya paṇḍukambale.

    ‘‘เนกฺขํ ชโมฺพนทเสฺสว, นิกฺขิตฺตํ ปณฺฑุกมฺพเล;

    ‘‘Nekkhaṃ jambonadasseva, nikkhittaṃ paṇḍukambale;

    วิโรจติ วีตมโล, มณิเวโรจโน ยถาฯ

    Virocati vītamalo, maṇiverocano yathā.

    ‘‘มหาสาโลว สมฺผุโลฺล, เมรุราชาวลงฺกโต;

    ‘‘Mahāsālova samphullo, merurājāvalaṅkato;

    สุวณฺณยูปสงฺกาโส, ปทุโม โกกนโท ยถาฯ

    Suvaṇṇayūpasaṅkāso, padumo kokanado yathā.

    ‘‘ชลโนฺต ทีปรุโกฺขว, ปพฺพตเคฺค ยถา สิขี;

    ‘‘Jalanto dīparukkhova, pabbatagge yathā sikhī;

    เทวานํ ปาริฉโตฺตว, สพฺพผุโลฺล วิโรจตี’’ติฯ

    Devānaṃ pārichattova, sabbaphullo virocatī’’ti.

    ปาฎลิคามิเย อุปาสเก อามเนฺตสีติ ยสฺมา เตสุ อุปาสเกสุ พหู ชนา สีเลสุ ปติฎฺฐิตา, ตสฺมา ปฐมํ ตาว สีลวิปตฺติยา อาทีนวํ ปกาเสตฺวา ปจฺฉา สีลสมฺปทาย อานิสํสํ ทเสฺสตุํ, ‘‘ปญฺจิเม คหปตโย’’ติอาทินา ธมฺมเทสนตฺถํ อามเนฺตสิฯ

    Pāṭaligāmiyeupāsake āmantesīti yasmā tesu upāsakesu bahū janā sīlesu patiṭṭhitā, tasmā paṭhamaṃ tāva sīlavipattiyā ādīnavaṃ pakāsetvā pacchā sīlasampadāya ānisaṃsaṃ dassetuṃ, ‘‘pañcime gahapatayo’’tiādinā dhammadesanatthaṃ āmantesi.

    ตตฺถ ทุสฺสีโลติ นิสฺสีโลฯ สีลวิปโนฺนติ วิปนฺนสีโล ภินฺนสํวโรฯ เอตฺถ จ ‘‘ทุสฺสีโล’’ติ ปเทน ปุคฺคลสฺส สีลาภาโว วุโตฺตฯ โส ปนสฺส สีลาภาโว ทุวิโธ อสมาทาเนน วา สมาทินฺนสฺส เภเทน วาติฯ เตสุ ปุริโม น ตถา สาวโชฺช, ยถา ทุติโย สาวชฺชตโรฯ ยถาธิเปฺปตาทีนวนิมิตฺตํ สีลาภาวํ ปุคฺคลาธิฎฺฐานาย เทสนาย ทเสฺสตุํ, ‘‘สีลวิปโนฺน’’ติ วุตฺตํฯ เตน ‘‘ทุสฺสีโล’’ติ ปทสฺส อตฺถํ ทเสฺสติฯ ปมาทาธิกรณนฺติ ปมาทการณาฯ อิทญฺจ สุตฺตํ คหฎฺฐานํ วเสน อาคตํ, ปพฺพชิตานมฺปิ ปน ลพฺภเตวฯ คหโฎฺฐ หิ เยน สิปฺปฎฺฐาเนน ชีวิกํ กเปฺปติ ยทิ กสิยา ยทิ วาณิชฺชาย ยทิ โครเกฺขน, ปาณาติปาตาทิวเสน ปมโตฺต ตํ ตํ ยถากาลํ สมฺปาเทตุํ น สโกฺกติ, อถสฺส กมฺมํ วินสฺสติฯ มาฆาตกาเล ปน ปาณาติปาตาทีนิ กโรโนฺต ทณฺฑวเสน มหติํ โภคชานิํ นิคจฺฉติฯ ปพฺพชิโต ทุสฺสีโล ปมาทการณา สีลโต พุทฺธวจนโต ฌานโต สตฺตอริยธนโต จ ชานิํ นิคจฺฉติฯ

    Tattha dussīloti nissīlo. Sīlavipannoti vipannasīlo bhinnasaṃvaro. Ettha ca ‘‘dussīlo’’ti padena puggalassa sīlābhāvo vutto. So panassa sīlābhāvo duvidho asamādānena vā samādinnassa bhedena vāti. Tesu purimo na tathā sāvajjo, yathā dutiyo sāvajjataro. Yathādhippetādīnavanimittaṃ sīlābhāvaṃ puggalādhiṭṭhānāya desanāya dassetuṃ, ‘‘sīlavipanno’’ti vuttaṃ. Tena ‘‘dussīlo’’ti padassa atthaṃ dasseti. Pamādādhikaraṇanti pamādakāraṇā. Idañca suttaṃ gahaṭṭhānaṃ vasena āgataṃ, pabbajitānampi pana labbhateva. Gahaṭṭho hi yena sippaṭṭhānena jīvikaṃ kappeti yadi kasiyā yadi vāṇijjāya yadi gorakkhena, pāṇātipātādivasena pamatto taṃ taṃ yathākālaṃ sampādetuṃ na sakkoti, athassa kammaṃ vinassati. Māghātakāle pana pāṇātipātādīni karonto daṇḍavasena mahatiṃ bhogajāniṃ nigacchati. Pabbajito dussīlo pamādakāraṇā sīlato buddhavacanato jhānato sattaariyadhanato ca jāniṃ nigacchati.

    ปาปโก กิตฺติสโทฺทติ คหฎฺฐสฺส ‘‘อสุโก อมุกกุเล ชาโต ทุสฺสีโล ปาปธโมฺม ปริจฺจตฺตอิธโลกปรโลโก สลากภตฺตมตฺตมฺปิ น เทตี’’ติ ปริสมเชฺฌ ปาปโก กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคจฺฉติฯ ปพฺพชิตสฺส ‘‘อสุโก นาม เถโร สตฺถุ สาสเน ปพฺพชิตฺวา นาสกฺขิ สีลานิ รกฺขิตุํ, น พุทฺธวจนํ คเหตุํ, เวชฺชกมฺมาทีหิ ชีวติ, ฉหิ อคารเวหิ สมนฺนาคโต’’ติ เอวํ ปาปโก กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคจฺฉติฯ

    Pāpako kittisaddoti gahaṭṭhassa ‘‘asuko amukakule jāto dussīlo pāpadhammo pariccattaidhalokaparaloko salākabhattamattampi na detī’’ti parisamajjhe pāpako kittisaddo abbhuggacchati. Pabbajitassa ‘‘asuko nāma thero satthu sāsane pabbajitvā nāsakkhi sīlāni rakkhituṃ, na buddhavacanaṃ gahetuṃ, vejjakammādīhi jīvati, chahi agāravehi samannāgato’’ti evaṃ pāpako kittisaddo abbhuggacchati.

    อวิสารโทติ คหโฎฺฐ ตาว อวสฺสํ พหูนํ สนฺนิปาตฎฺฐาเน ‘‘โกจิ มม กมฺมํ ชานิสฺสติ, อถ มํ นินฺทิสฺสติ, ราชกุลสฺส วา ทเสฺสสฺสตี’’ติ สภโย อุปสงฺกมติ, มงฺกุภูโต ปตฺตกฺขโนฺธ อโธมุโข นิสีทติ, วิสารโท หุตฺวา กเถตุํ น สโกฺกติฯ ปพฺพชิโตปิ พหุภิกฺขุสเงฺฆ สนฺนิปติเต ‘‘อวสฺสํ โกจิ มม กมฺมํ ชานิสฺสติ, อถ เม อุโปสถมฺปิ ปวารณมฺปิ ฐเปตฺวา สามญฺญโต จาเวตฺวา นิกฺกฑฺฒิสฺสตี’’ติ สภโย อุปสงฺกมติ, วิสารโท หุตฺวา กเถตุํ น สโกฺกติฯ เอกโจฺจ ปน ทุสฺสีโลปิ สมาโน สุสีโล วิย จรติ, โสปิ อชฺฌาสเยน มงฺกุ โหติเยวฯ

    Avisāradoti gahaṭṭho tāva avassaṃ bahūnaṃ sannipātaṭṭhāne ‘‘koci mama kammaṃ jānissati, atha maṃ nindissati, rājakulassa vā dassessatī’’ti sabhayo upasaṅkamati, maṅkubhūto pattakkhandho adhomukho nisīdati, visārado hutvā kathetuṃ na sakkoti. Pabbajitopi bahubhikkhusaṅghe sannipatite ‘‘avassaṃ koci mama kammaṃ jānissati, atha me uposathampi pavāraṇampi ṭhapetvā sāmaññato cāvetvā nikkaḍḍhissatī’’ti sabhayo upasaṅkamati, visārado hutvā kathetuṃ na sakkoti. Ekacco pana dussīlopi samāno susīlo viya carati, sopi ajjhāsayena maṅku hotiyeva.

    สมฺมูโฬฺห กาลํ กโรตีติ ทุสฺสีลสฺส หิ มรณมเญฺจ นิปนฺนสฺส ทุสฺสีลกมฺมานิ สมาทาย ปวตฺติตฎฺฐานานิ อาปาถํ อาคจฺฉนฺติฯ โส อุมฺมีเลตฺวา อิธโลกํ, นิมีเลตฺวา ปรโลกํ ปสฺสติฯ ตสฺส จตฺตาโร อปายา กมฺมานุรูปํ อุปฎฺฐหนฺติ, สตฺติสเตน ปหริยมาโน วิย อคฺคิชาลาภิฆาเตน ฌายมาโน วิย จ โหติฯ โส ‘‘วาเรถ, วาเรถา’’ติ วิรวโนฺตว มรติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘สมฺมูโฬฺห กาลํ กโรตี’’ติฯ

    Sammūḷho kālaṃ karotīti dussīlassa hi maraṇamañce nipannassa dussīlakammāni samādāya pavattitaṭṭhānāni āpāthaṃ āgacchanti. So ummīletvā idhalokaṃ, nimīletvā paralokaṃ passati. Tassa cattāro apāyā kammānurūpaṃ upaṭṭhahanti, sattisatena pahariyamāno viya aggijālābhighātena jhāyamāno viya ca hoti. So ‘‘vāretha, vārethā’’ti viravantova marati. Tena vuttaṃ – ‘‘sammūḷho kālaṃ karotī’’ti.

    กายสฺส เภทาติ อุปาทินฺนกฺขนฺธปริจฺจาคาฯ ปรํ มรณาติ ตทนนฺตรํ อภินิพฺพตฺตกฺขนฺธคฺคหณาฯ อถ วา กายสฺส เภทาติ ชีวิตินฺทฺริยสฺส อุปเจฺฉทาฯ ปรํ มรณาติ จุติโต อุทฺธํฯ อปายนฺติอาทิ สพฺพํ นิรยเววจนํฯ นิรโย หิ สคฺคโมกฺขเหตุภูตา ปุญฺญสงฺขาตา อยา อเปตตฺตา, สุขานํ วา อยสฺส, อาคมนสฺส วา อภาวา อปาโยฯ ทุกฺขสฺส คติ ปฎิสรณนฺติ ทุคฺคติ, โทสพหุลตาย วา ทุเฎฺฐน กมฺมุนา นิพฺพตฺตา คตีติ ทุคฺคติฯ วิวสา นิปตนฺติ เอตฺถ ทุกฺกตการิโนติ วินิปาโต, วินสฺสนฺตา วา เอตฺถ นิปตนฺติ สมฺภิชฺชมานงฺคปจฺจงฺคาติ วินิปาโตฯ นตฺถิ เอตฺถ อสฺสาทสญฺญิโต อโยติ นิรโย

    Kāyassabhedāti upādinnakkhandhapariccāgā. Paraṃ maraṇāti tadanantaraṃ abhinibbattakkhandhaggahaṇā. Atha vā kāyassa bhedāti jīvitindriyassa upacchedā. Paraṃ maraṇāti cutito uddhaṃ. Apāyantiādi sabbaṃ nirayavevacanaṃ. Nirayo hi saggamokkhahetubhūtā puññasaṅkhātā ayā apetattā, sukhānaṃ vā ayassa, āgamanassa vā abhāvā apāyo. Dukkhassa gati paṭisaraṇanti duggati, dosabahulatāya vā duṭṭhena kammunā nibbattā gatīti duggati. Vivasā nipatanti ettha dukkatakārinoti vinipāto, vinassantā vā ettha nipatanti sambhijjamānaṅgapaccaṅgāti vinipāto. Natthi ettha assādasaññito ayoti nirayo.

    อถ วา อปายคฺคหเณน ติรจฺฉานโยนิํ ทีเปติฯ ติรจฺฉานโยนิ หิ อปาโย สุคติโต อเปตตฺตา, น ทุคฺคติ มเหสกฺขานํ นาคราชาทีนํ สมฺภวโตฯ ทุคฺคติคฺคหเณน เปตฺติวิสยํ ทีเปติฯ โส หิ อปาโย เจว ทุคฺคติ จ สุคติโต อเปตตฺตา, ทุกฺขสฺส จ คติภูตตฺตา, น ตุ วินิปาโต อสุรสทิสํ อวินิปติตตฺตา เปตมหิทฺธิกานมฺปิ วิชฺชมานตฺตาฯ วินิปาตคฺคหเณน อสุรกายํ ทีเปติฯ โส หิ ยถาวุเตฺตนเฎฺฐน ‘‘อปาโย’’ เจว ‘‘ทุคฺคติ’’ จ สพฺพสมฺปตฺติสมุสฺสเยหิ วินิปติตตฺตา ‘‘วินิปาโต’’ติ จ วุจฺจติฯ นิรยคฺคหเณน อวีจิอาทิกํ อเนกปฺปการํ นิรยเมว ทีเปติฯ อุปปชฺชตีติ นิพฺพตฺตติฯ

    Atha vā apāyaggahaṇena tiracchānayoniṃ dīpeti. Tiracchānayoni hi apāyo sugatito apetattā, na duggati mahesakkhānaṃ nāgarājādīnaṃ sambhavato. Duggatiggahaṇena pettivisayaṃ dīpeti. So hi apāyo ceva duggati ca sugatito apetattā, dukkhassa ca gatibhūtattā, na tu vinipāto asurasadisaṃ avinipatitattā petamahiddhikānampi vijjamānattā. Vinipātaggahaṇena asurakāyaṃ dīpeti. So hi yathāvuttenaṭṭhena ‘‘apāyo’’ ceva ‘‘duggati’’ ca sabbasampattisamussayehi vinipatitattā ‘‘vinipāto’’ti ca vuccati. Nirayaggahaṇena avīciādikaṃ anekappakāraṃ nirayameva dīpeti. Upapajjatīti nibbattati.

    อานิสํสกถา วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺพาฯ อยํ ปน วิเสโส – สีลวาติ สมาทานวเสน สีลวาฯ สีลสมฺปโนฺนติ ปริสุทฺธํ ปริปุณฺณญฺจ กตฺวา สีลสฺส สมาทาเนน สีลสมฺปโนฺนฯ โภคกฺขนฺธนฺติ โภคราสิํฯ สุคติํ สคฺคํ โลกนฺติ เอตฺถ สุคติคฺคหเณน มนุสฺสคติปิ สงฺคยฺหติ, สคฺคคฺคหเณน เทวคติ เอวฯ ตตฺถ สุนฺทรา คติ สุคติ, รูปาทีหิ วิสเยหิ สุฎฺฐุ อโคฺคติ สโคฺค, โส สโพฺพปิ ลุชฺชนปลุชฺชนเฎฺฐน โลโกติฯ

    Ānisaṃsakathā vuttavipariyāyena veditabbā. Ayaṃ pana viseso – sīlavāti samādānavasena sīlavā. Sīlasampannoti parisuddhaṃ paripuṇṇañca katvā sīlassa samādānena sīlasampanno. Bhogakkhandhanti bhogarāsiṃ. Sugatiṃ saggaṃ lokanti ettha sugatiggahaṇena manussagatipi saṅgayhati, saggaggahaṇena devagati eva. Tattha sundarā gati sugati, rūpādīhi visayehi suṭṭhu aggoti saggo, so sabbopi lujjanapalujjanaṭṭhena lokoti.

    ปาฎลิคามิเย อุปาสเก พหุเทว รตฺติํ ธมฺมิยา กถายาติ อญฺญายปิ ปาฬิมุตฺตาย ธมฺมกถาย เจว อาวสถานุโมทนกถาย จฯ ตทา หิ ภควา ยสฺมา อชาตสตฺตุนา ตตฺถ ปาฎลิปุตฺตนครํ มาเปเนฺตน อเญฺญสุ คามนิคมชนปทราชธานีสุ เย สีลาจารสมฺปนฺนา กุฎุมฺพิกา, เต อาเนตฺวา ธนธญฺญฆรวตฺถุเขตฺตวตฺถาทีนิ เจว ปริหารญฺจ ทาเปตฺวา นิเวสิยนฺติฯ ตสฺมา ปาฎลิคามิยา อุปาสกา อานิสํสทสฺสาวิตาย วิเสสโต สีลครุกา สพฺพคุณานญฺจ สีลสฺส อธิฎฺฐานภาวโต เตสํ ปฐมํ สีลานิสํเส ปกาเสตฺวา ตโต ปรํ อากาสคงฺคํ โอตาเรโนฺต วิย, ปถโวชํ อากฑฺฒโนฺต วิย, มหาชมฺพุํ มตฺถเก คเหตฺวา จาเลโนฺต วิย, โยชนิกมธุกณฺฑํ จกฺกยเนฺตน ปีเฬตฺวา มธุรสํ ปายมาโน วิย ปาฎลิคามิกานํ อุปาสกานํ หิตสุขาวหํ ปกิณฺณกกถํ กเถโนฺต ‘‘อาวาสทานํ นาเมตํ คหปตโย มหนฺตํ ปุญฺญํ, ตุมฺหากํ อาวาโส มยา ปริภุโตฺต, ภิกฺขุสเงฺฆน จ ปริภุโตฺต, มยา จ ภิกฺขุสเงฺฆน จ ปริภุเตฺต ปน ธมฺมรตเนนปิ ปริภุโตฺตเยว โหติฯ เอวํ ตีหิ รตเนหิ ปริภุเตฺต อปริเมโยฺย จ วิปาโก, อปิจ อาวาสทานสฺมิํ ทิเนฺน สพฺพทานํ ทินฺนเมว โหติ, ภูมฎฺฐกปณฺณสาลาย วา สาขามณฺฑปสฺส วา สงฺฆํ อุทฺทิสฺส กตสฺส อานิสํโส ปริจฺฉินฺทิตุํ น สกฺกาฯ อาวาสทานานุภาเวน หิ ภเว นิพฺพตฺตมานสฺสปิ สมฺปีฬิตคพฺภวาโส นาม น โหติ, ทฺวาทสหโตฺถ โอวรโก วิยสฺส มาตุกุจฺฉิ อสมฺพาโธว โหตี’’ติ เอวํ นานานเยหิ วิจิตฺตํ พหุํ ธมฺมกถํ กเถตฺวา –

    Pāṭaligāmiyeupāsake bahudeva rattiṃ dhammiyā kathāyāti aññāyapi pāḷimuttāya dhammakathāya ceva āvasathānumodanakathāya ca. Tadā hi bhagavā yasmā ajātasattunā tattha pāṭaliputtanagaraṃ māpentena aññesu gāmanigamajanapadarājadhānīsu ye sīlācārasampannā kuṭumbikā, te ānetvā dhanadhaññagharavatthukhettavatthādīni ceva parihārañca dāpetvā nivesiyanti. Tasmā pāṭaligāmiyā upāsakā ānisaṃsadassāvitāya visesato sīlagarukā sabbaguṇānañca sīlassa adhiṭṭhānabhāvato tesaṃ paṭhamaṃ sīlānisaṃse pakāsetvā tato paraṃ ākāsagaṅgaṃ otārento viya, pathavojaṃ ākaḍḍhanto viya, mahājambuṃ matthake gahetvā cālento viya, yojanikamadhukaṇḍaṃ cakkayantena pīḷetvā madhurasaṃ pāyamāno viya pāṭaligāmikānaṃ upāsakānaṃ hitasukhāvahaṃ pakiṇṇakakathaṃ kathento ‘‘āvāsadānaṃ nāmetaṃ gahapatayo mahantaṃ puññaṃ, tumhākaṃ āvāso mayā paribhutto, bhikkhusaṅghena ca paribhutto, mayā ca bhikkhusaṅghena ca paribhutte pana dhammaratanenapi paribhuttoyeva hoti. Evaṃ tīhi ratanehi paribhutte aparimeyyo ca vipāko, apica āvāsadānasmiṃ dinne sabbadānaṃ dinnameva hoti, bhūmaṭṭhakapaṇṇasālāya vā sākhāmaṇḍapassa vā saṅghaṃ uddissa katassa ānisaṃso paricchindituṃ na sakkā. Āvāsadānānubhāvena hi bhave nibbattamānassapi sampīḷitagabbhavāso nāma na hoti, dvādasahattho ovarako viyassa mātukucchi asambādhova hotī’’ti evaṃ nānānayehi vicittaṃ bahuṃ dhammakathaṃ kathetvā –

    ‘‘สีตํ อุณฺหํ ปฎิหนฺติ, ตโต วาฬมิคานิ จ;

    ‘‘Sītaṃ uṇhaṃ paṭihanti, tato vāḷamigāni ca;

    สรีสเป จ มกเส, สิสิเร จาปิ วุฎฺฐิโยฯ

    Sarīsape ca makase, sisire cāpi vuṭṭhiyo.

    ‘‘ตโต วาตาตโป โฆโร, สญฺชาโต ปฎิหญฺญติ;

    ‘‘Tato vātātapo ghoro, sañjāto paṭihaññati;

    เลณตฺถญฺจ สุขตฺถญฺจ, ฌายิตุญฺจ วิปสฺสิตุํฯ

    Leṇatthañca sukhatthañca, jhāyituñca vipassituṃ.

    ‘‘วิหารทานํ สงฺฆสฺส, อคฺคํ พุเทฺธน วณฺณิตํ;

    ‘‘Vihāradānaṃ saṅghassa, aggaṃ buddhena vaṇṇitaṃ;

    ตสฺมา หิ ปณฺฑิโต โปโส, สมฺปสฺสํ อตฺถมตฺตโนฯ

    Tasmā hi paṇḍito poso, sampassaṃ atthamattano.

    ‘‘วิหาเร การเย รเมฺม, วาสเยตฺถ พหุสฺสุเต;

    ‘‘Vihāre kāraye ramme, vāsayettha bahussute;

    เตสํ อนฺนญฺจ ปานญฺจ, วตฺถเสนาสนานิ จฯ

    Tesaṃ annañca pānañca, vatthasenāsanāni ca.

    ‘‘ทเทยฺย อุชุภูเตสุ, วิปฺปสเนฺนน เจตสา;

    ‘‘Dadeyya ujubhūtesu, vippasannena cetasā;

    เต ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺติ, สพฺพทุกฺขาปนูทนํ;

    Te tassa dhammaṃ desenti, sabbadukkhāpanūdanaṃ;

    ยํ โส ธมฺมํ อิธญฺญาย, ปรินิพฺพาติ อนาสโว’’ติฯ (จูฬว. ๒๙๕) –

    Yaṃ so dhammaṃ idhaññāya, parinibbāti anāsavo’’ti. (cūḷava. 295) –

    เอวํ อยมฺปิ อาวาสทาเน อานิสํโสติ พหุเทว รตฺติํ อติเรกตรํ ทิยฑฺฒยามํ อาวาสทานานิสํสกถํ กเถสิฯ ตตฺถ อิมา คาถา ตาว สงฺคหํ อารุฬฺหา, ปกิณฺณกธมฺมเทสนา ปน สงฺคหํ นาโรหติฯ สนฺทเสฺสตฺวาติอาทีนิ วุตฺตตฺถาเนวฯ

    Evaṃ ayampi āvāsadāne ānisaṃsoti bahudeva rattiṃ atirekataraṃ diyaḍḍhayāmaṃ āvāsadānānisaṃsakathaṃ kathesi. Tattha imā gāthā tāva saṅgahaṃ āruḷhā, pakiṇṇakadhammadesanā pana saṅgahaṃ nārohati. Sandassetvātiādīni vuttatthāneva.

    อภิกฺกนฺตาติ อติกฺกนฺตา เทฺว ยามา คตาฯ ยสฺส ทานิ กาลํ มญฺญถาติ ยสฺส คมนสฺส ตุเมฺห กาลํ มญฺญถ, คมนกาโล ตุมฺหากํ, คจฺฉถาติ วุตฺตํ โหติฯ กสฺมา ปน ภควา เต อุโยฺยเชสีติ? อนุกมฺปายฯ ติยามรตฺติญฺหิ ตตฺถ นิสีทิตฺวา วีตินาเมนฺตานํ เตสํ สรีเร อาพาโธ อุปฺปเชฺชยฺยาติ, ภิกฺขุสเงฺฆปิ จ วิปฺปภาตสยนนิสชฺชาย โอกาโส ลทฺธุํ วฎฺฎติ, อิติ อุภยานุกมฺปาย อุโยฺยเชสีติฯ สุญฺญาคารนฺติ ปาฎิเยกฺกํ สุญฺญาคารํ นาม ตตฺถ นตฺถิฯ เตน กิร คหปตโย ตเสฺสว อาวสถาคารสฺส เอกปเสฺส ปฎสาณิยา ปริกฺขิปาเปตฺวา กปฺปิยมญฺจํ ปญฺญาเปตฺวา ตตฺถ กปฺปิยปจฺจตฺถรณํ อตฺถริตฺวา อุปริ สุวณฺณรชตตารกาคนฺธมาลาทิปฎิมณฺฑิตํ วิตานํ พนฺธิตฺวา เตลปฺปทีปํ อาโรเปสุํ ‘‘อเปฺปว นาม สตฺถา ธมฺมาสนโต วุฎฺฐาย โถกํ วิสฺสมิตุกาโม อิธ นิปเชฺชยฺย, เอวํ โน อิทํ อาวสถาคารํ ภควตา จตูหิ อิริยาปเถหิ ปริภุตฺตํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสตี’’ติฯ สตฺถาปิ ตเทว สนฺธาย ตตฺถ สงฺฆาฎิํ ปญฺญาเปตฺวา สีหเสยฺยํ กเปฺปสิฯ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สุญฺญาคารํ ปาวิสี’’ติฯ ตตฺถ ปาทโธวนฎฺฐานโต ปฎฺฐาย ยาว ธมฺมาสนา อคมาสิ, เอตฺตเก ฐาเน คมนํ นิปฺผนฺนํฯ ธมฺมาสนํ ปตฺวา โถกํ อฎฺฐาสิ, อิทํ ตตฺถ ฐานํฯ ภควา เทฺว ยาเม ธมฺมาสเน นิสีทิ, เอตฺตเก ฐาเน นิสชฺชา นิปฺผนฺนาฯ อุปาสเก อุโยฺยเชตฺวา ธมฺมาสนโต โอรุยฺห ยถาวุเตฺต ฐาเน สีหเสยฺยํ กเปฺปสิฯ เอวํ ตํ ฐานํ ภควตา จตูหิ อิริยาปเถหิ ปริภุตฺตํ อโหสีติฯ

    Abhikkantāti atikkantā dve yāmā gatā. Yassa dāni kālaṃ maññathāti yassa gamanassa tumhe kālaṃ maññatha, gamanakālo tumhākaṃ, gacchathāti vuttaṃ hoti. Kasmā pana bhagavā te uyyojesīti? Anukampāya. Tiyāmarattiñhi tattha nisīditvā vītināmentānaṃ tesaṃ sarīre ābādho uppajjeyyāti, bhikkhusaṅghepi ca vippabhātasayananisajjāya okāso laddhuṃ vaṭṭati, iti ubhayānukampāya uyyojesīti. Suññāgāranti pāṭiyekkaṃ suññāgāraṃ nāma tattha natthi. Tena kira gahapatayo tasseva āvasathāgārassa ekapasse paṭasāṇiyā parikkhipāpetvā kappiyamañcaṃ paññāpetvā tattha kappiyapaccattharaṇaṃ attharitvā upari suvaṇṇarajatatārakāgandhamālādipaṭimaṇḍitaṃ vitānaṃ bandhitvā telappadīpaṃ āropesuṃ ‘‘appeva nāma satthā dhammāsanato vuṭṭhāya thokaṃ vissamitukāmo idha nipajjeyya, evaṃ no idaṃ āvasathāgāraṃ bhagavatā catūhi iriyāpathehi paribhuttaṃ dīgharattaṃ hitāya sukhāya bhavissatī’’ti. Satthāpi tadeva sandhāya tattha saṅghāṭiṃ paññāpetvā sīhaseyyaṃ kappesi. Taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘suññāgāraṃ pāvisī’’ti. Tattha pādadhovanaṭṭhānato paṭṭhāya yāva dhammāsanā agamāsi, ettake ṭhāne gamanaṃ nipphannaṃ. Dhammāsanaṃ patvā thokaṃ aṭṭhāsi, idaṃ tattha ṭhānaṃ. Bhagavā dve yāme dhammāsane nisīdi, ettake ṭhāne nisajjā nipphannā. Upāsake uyyojetvā dhammāsanato oruyha yathāvutte ṭhāne sīhaseyyaṃ kappesi. Evaṃ taṃ ṭhānaṃ bhagavatā catūhi iriyāpathehi paribhuttaṃ ahosīti.

    สุนิธวสฺสการาติ สุนิโธ จ วสฺสกาโร จ เทฺว พฺราหฺมณาฯ มคธมหามตฺตาติ มคธรโญฺญ มหาอมจฺจา, มคธรเฎฺฐ วา มหามตฺตา มหติยา อิสฺสริยมตฺตาย สมนฺนาคตาติ มหามตฺตาฯ ปาฎลิคาเม นครํ มาเปนฺตีติ ปาฎลิคามสงฺขาเต ภูมิปเทเส นครํ มาเปนฺติฯ วชฺชีนํ ปฎิพาหายาติ ลิจฺฉวิราชูนํ อายมุขปฺปจฺฉินฺทนตฺถํฯ สหสฺสสหเสฺสวาติ เอเกกวคฺควเสน สหสฺสํ สหสฺสํ หุตฺวาฯ วตฺถูนีติ ฆรวตฺถูนิฯ จิตฺตานิ นมนฺติ นิเวสนานิ มาเปตุนฺติ รโญฺญ ราชมหามตฺตานญฺจ นิเวสนานิ มาเปตุํ วตฺถุวิชฺชาปาฐกานํ จิตฺตานิ นมนฺติฯ เต กิร อตฺตโน สิปฺปานุภาเวน เหฎฺฐาปถวิยํ ติํสหตฺถมเตฺต ฐาเน ‘‘อิธ นาคคฺคาโห, อิธ ยกฺขคฺคาโห, อิธ ภูตคฺคาโห, อิธ ปาสาโณ วา ขาณุโก วา อตฺถี’’ติ ชานนฺติฯ เต ตทา สิปฺปํ ชเปฺปตฺวา เทวตาหิ สทฺธิํ สมฺมนฺตยมานา วิย มาเปนฺติฯ

    Sunidhavassakārāti sunidho ca vassakāro ca dve brāhmaṇā. Magadhamahāmattāti magadharañño mahāamaccā, magadharaṭṭhe vā mahāmattā mahatiyā issariyamattāya samannāgatāti mahāmattā. Pāṭaligāme nagaraṃ māpentīti pāṭaligāmasaṅkhāte bhūmipadese nagaraṃ māpenti. Vajjīnaṃ paṭibāhāyāti licchavirājūnaṃ āyamukhappacchindanatthaṃ. Sahassasahassevāti ekekavaggavasena sahassaṃ sahassaṃ hutvā. Vatthūnīti gharavatthūni. Cittāni namanti nivesanāni māpetunti rañño rājamahāmattānañca nivesanāni māpetuṃ vatthuvijjāpāṭhakānaṃ cittāni namanti. Te kira attano sippānubhāvena heṭṭhāpathaviyaṃ tiṃsahatthamatte ṭhāne ‘‘idha nāgaggāho, idha yakkhaggāho, idha bhūtaggāho, idha pāsāṇo vā khāṇuko vā atthī’’ti jānanti. Te tadā sippaṃ jappetvā devatāhi saddhiṃ sammantayamānā viya māpenti.

    อถ วา เนสํ สรีเร เทวตา อธิมุจฺจิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ นิเวสนานิ มาเปตุํ จิตฺตํ นาเมนฺติฯ ตา จตูสุ โกเณสุ ขาณุเก โกเฎฺฎตฺวา วตฺถุมฺหิ คหิตมเตฺต ปฎิวิคจฺฉนฺติฯ สทฺธกุลานํ สทฺธา เทวตา ตถา กโรนฺติ, อสฺสทฺธกุลานํ อสฺสทฺธา เทวตาฯ กิํการณา? สทฺธานญฺหิ เอวํ โหติ ‘‘อิธ มนุสฺสา นิเวสนํ มาเปนฺตา ปฐมํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสีทาเปตฺวา มงฺคลํ วทาเปสฺสนฺติ, อถ มยํ สีลวนฺตานํ ทสฺสนํ ธมฺมกถํ ปญฺหวิสฺสชฺชนํ อนุโมทนํ โสตุํ ลภิสฺสาม, มนุสฺสา จ ทานํ ทตฺวา อมฺหากํ ปตฺติํ ทสฺสนฺตี’’ติฯ อสฺสทฺธา เทวตาปิ ‘‘อตฺตโน อิจฺฉานุรูปํ เตสํ ปฎิปตฺติํ ปสฺสิตุํ, กถญฺจ โสตุํ ลภิสฺสามา’’ติ ตถา กโรนฺติฯ

    Atha vā nesaṃ sarīre devatā adhimuccitvā tattha tattha nivesanāni māpetuṃ cittaṃ nāmenti. Tā catūsu koṇesu khāṇuke koṭṭetvā vatthumhi gahitamatte paṭivigacchanti. Saddhakulānaṃ saddhā devatā tathā karonti, assaddhakulānaṃ assaddhā devatā. Kiṃkāraṇā? Saddhānañhi evaṃ hoti ‘‘idha manussā nivesanaṃ māpentā paṭhamaṃ bhikkhusaṅghaṃ nisīdāpetvā maṅgalaṃ vadāpessanti, atha mayaṃ sīlavantānaṃ dassanaṃ dhammakathaṃ pañhavissajjanaṃ anumodanaṃ sotuṃ labhissāma, manussā ca dānaṃ datvā amhākaṃ pattiṃ dassantī’’ti. Assaddhā devatāpi ‘‘attano icchānurūpaṃ tesaṃ paṭipattiṃ passituṃ, kathañca sotuṃ labhissāmā’’ti tathā karonti.

    ตาวติํเสหีติ ยถา หิ เอกสฺมิํ กุเล เอกํ ปณฺฑิตมนุสฺสํ, เอกสฺมิญฺจ วิหาเร เอกํ พหุสฺสุตํ ภิกฺขุํ อุปาทาย ‘‘อสุกกุเล มนุสฺสา ปณฺฑิตา, อสุกวิหาเร ภิกฺขู พหุสฺสุตา’’ติ สโทฺท อพฺภุคฺคจฺฉติ, เอวเมว สกฺกํ เทวราชานํ, วิสฺสกมฺมญฺจ เทวปุตฺตํ อุปาทาย ‘‘ตาวติํสา ปณฺฑิตา’’ติ สโทฺท อพฺภุคฺคโตฯ เตนาห ‘‘ตาวติํเสหี’’ติฯ เสยฺยถาปีติอาทินา เทเวหิ ตาวติํเสหิ สทฺธิํ มเนฺตตฺวา วิย สุนิธวสฺสการา นครํ มาเปนฺตีติ ทเสฺสติฯ

    Tāvatiṃsehīti yathā hi ekasmiṃ kule ekaṃ paṇḍitamanussaṃ, ekasmiñca vihāre ekaṃ bahussutaṃ bhikkhuṃ upādāya ‘‘asukakule manussā paṇḍitā, asukavihāre bhikkhū bahussutā’’ti saddo abbhuggacchati, evameva sakkaṃ devarājānaṃ, vissakammañca devaputtaṃ upādāya ‘‘tāvatiṃsā paṇḍitā’’ti saddo abbhuggato. Tenāha ‘‘tāvatiṃsehī’’ti. Seyyathāpītiādinā devehi tāvatiṃsehi saddhiṃ mantetvā viya sunidhavassakārā nagaraṃ māpentīti dasseti.

    ยาวตา, อานนฺท, อริยํ อายตนนฺติ ยตฺตกํ อริยมนุสฺสานํ โอสรณฎฺฐานํ นาม อตฺถิฯ ยาวตา วณิปฺปโถติ ยตฺตกํ วาณิชานํ อาหฎภณฺฑสฺส ราสิวเสน กยวิกฺกยฎฺฐานํ นาม, วาณิชานํ วสนฎฺฐานํ วา อตฺถิฯ อิทํ อคฺคนครนฺติ เตสํ อริยายตนวณิปฺปถานํ อิทํ นครํ อคฺคํ ภวิสฺสติ เชฎฺฐกํ ปาโมกฺขํฯ ปุฎเภทนนฺติ ภณฺฑปุฎเภทนฎฺฐานํ, ภณฺฑภณฺฑิกานํ โมจนฎฺฐานนฺติ วุตฺตํ โหติฯ สกลชมฺพุทีเป อลทฺธภณฺฑมฺปิ หิ อิเธว ลภิสฺสนฺติ, อญฺญตฺถ วิกฺกยํ อคจฺฉนฺตาปิ อิเธว วิกฺกยํ คจฺฉิสฺสนฺติ, ตสฺมา อิเธว ปุฎํ ภินฺทิสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ อายานมฺปิ หิ จตูสุ ทฺวาเรสุ จตฺตาริ, สภายํ เอกนฺติ เอวํ ทิวเส ทิวเส ปญฺจสตสหสฺสานิ ตตฺถ อุฎฺฐหิสฺสนฺติฯ ตานิ สภาวานิ อายานีติ ทเสฺสติฯ

    Yāvatā, ānanda, ariyaṃ āyatananti yattakaṃ ariyamanussānaṃ osaraṇaṭṭhānaṃ nāma atthi. Yāvatā vaṇippathoti yattakaṃ vāṇijānaṃ āhaṭabhaṇḍassa rāsivasena kayavikkayaṭṭhānaṃ nāma, vāṇijānaṃ vasanaṭṭhānaṃ vā atthi. Idaṃ agganagaranti tesaṃ ariyāyatanavaṇippathānaṃ idaṃ nagaraṃ aggaṃ bhavissati jeṭṭhakaṃ pāmokkhaṃ. Puṭabhedananti bhaṇḍapuṭabhedanaṭṭhānaṃ, bhaṇḍabhaṇḍikānaṃ mocanaṭṭhānanti vuttaṃ hoti. Sakalajambudīpe aladdhabhaṇḍampi hi idheva labhissanti, aññattha vikkayaṃ agacchantāpi idheva vikkayaṃ gacchissanti, tasmā idheva puṭaṃ bhindissantīti attho. Āyānampi hi catūsu dvāresu cattāri, sabhāyaṃ ekanti evaṃ divase divase pañcasatasahassāni tattha uṭṭhahissanti. Tāni sabhāvāni āyānīti dasseti.

    อคฺคิโต วาติอาทีสุ สมุจฺจยโตฺถ วาสโทฺท, อคฺคินา จ อุทเกน จ มิถุเภเทน จ นสฺสิสฺสตีติ อโตฺถฯ ตสฺส หิ เอโก โกฎฺฐาโส อคฺคินา นสฺสิสฺสติ, นิพฺพาเปตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ, เอกํ โกฎฺฐาสํ คงฺคา คเหตฺวา คมิสฺสติ, เอโก อิมินา อกถิตํ อมุสฺส, อมุนา อกถิตํ อิมสฺส วทนฺตานํ ปิสุณวาจานํ วเสน ภินฺนานํ มนุสฺสานํ อญฺญมญฺญเภเทน วินสฺสิสฺสติฯ เอวํ วตฺวา ภควา ปจฺจูสกาเล คงฺคาตีรํ คนฺตฺวา กตมุขโธวโน ภิกฺขาจารเวลํ อาคมยมาโน นิสีทิฯ

    Aggito vātiādīsu samuccayattho saddo, agginā ca udakena ca mithubhedena ca nassissatīti attho. Tassa hi eko koṭṭhāso agginā nassissati, nibbāpetuṃ na sakkhissanti, ekaṃ koṭṭhāsaṃ gaṅgā gahetvā gamissati, eko iminā akathitaṃ amussa, amunā akathitaṃ imassa vadantānaṃ pisuṇavācānaṃ vasena bhinnānaṃ manussānaṃ aññamaññabhedena vinassissati. Evaṃ vatvā bhagavā paccūsakāle gaṅgātīraṃ gantvā katamukhadhovano bhikkhācāravelaṃ āgamayamāno nisīdi.

    สุนิธวสฺสการาปิ ‘‘อมฺหากํ ราชา สมณสฺส โคตมสฺส อุปฎฺฐาโก , โส อเมฺห อุปคเต ปุจฺฉิสฺสติ ‘สตฺถา กิร ปาฎลิคามํ อคมาสิ, กิํ ตสฺส สนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺถ, น อุปสงฺกมิตฺถา’ติฯ ‘อุปสงฺกมิมฺหา’ติ จ วุเตฺต ‘นิมนฺตยิตฺถ, น นิมนฺตยิตฺถา’ติ ปุจฺฉิสฺสติฯ ‘น นิมนฺตยิมฺหา’ติ จ วุเตฺต อมฺหากํ โทสํ อาโรเปตฺวา นิคฺคณฺหิสฺสติ, อิทญฺจาปิ มยํ อกตฎฺฐาเน นครํ มาเปม, สมณสฺส โข ปน โคตมสฺส คตคตฎฺฐาเน กาฬกณฺณิสตฺตา ปฎิกฺกมนฺติ, ตํ มยํ นครมงฺคลํ วาจาเปสฺสามา’’ติ จิเนฺตตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา นิมนฺตยิํสุฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข สุนิธวสฺสการา’’ติอาทิฯ

    Sunidhavassakārāpi ‘‘amhākaṃ rājā samaṇassa gotamassa upaṭṭhāko , so amhe upagate pucchissati ‘satthā kira pāṭaligāmaṃ agamāsi, kiṃ tassa santikaṃ upasaṅkamittha, na upasaṅkamitthā’ti. ‘Upasaṅkamimhā’ti ca vutte ‘nimantayittha, na nimantayitthā’ti pucchissati. ‘Na nimantayimhā’ti ca vutte amhākaṃ dosaṃ āropetvā niggaṇhissati, idañcāpi mayaṃ akataṭṭhāne nagaraṃ māpema, samaṇassa kho pana gotamassa gatagataṭṭhāne kāḷakaṇṇisattā paṭikkamanti, taṃ mayaṃ nagaramaṅgalaṃ vācāpessāmā’’ti cintetvā satthāraṃ upasaṅkamitvā nimantayiṃsu. Tena vuttaṃ – ‘‘atha kho sunidhavassakārā’’tiādi.

    ปุพฺพณฺหสมยนฺติ ปุพฺพเณฺห กาเลฯ นิวาเสตฺวาติ คามปเวสนนีหาเรน นิวาสนํ นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวาฯ ปตฺตจีวรมาทายาติ จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตํ หเตฺถน คเหตฺวาฯ

    Pubbaṇhasamayanti pubbaṇhe kāle. Nivāsetvāti gāmapavesananīhārena nivāsanaṃ nivāsetvā kāyabandhanaṃ bandhitvā. Pattacīvaramādāyāti cīvaraṃ pārupitvā pattaṃ hatthena gahetvā.

    สีลวเนฺตตฺถาติ สีลวโนฺต เอตฺถ อตฺตโน วสนฎฺฐาเนฯ สญฺญเตติ กายวาจาจิเตฺตหิ สญฺญเตฯ ตาสํ ทกฺขิณมาทิเสติ สงฺฆสฺส ทิเนฺน จตฺตาโร ปจฺจเย ตาสํ ฆรเทวตานํ อาทิเสยฺย ปตฺติํ ทเทยฺยฯ ปูชิตา ปูชยนฺตีติ ‘‘อิเม มนุสฺสา อมฺหากํ ญาตกาปิ น โหนฺติ, เอวมฺปิ โน ปตฺติํ เทนฺตี’’ติ อารกฺขํ สุสํวิหิตํ กโรนฺติ สุฎฺฐุ อารกฺขํ กโรนฺติฯ มานิตา มานยนฺตีติ กาลานุกาลํ พลิกมฺมกรเณน มานิตา ‘‘เอเต มนุสฺสา อมฺหากํ ญาตกาปิ น โหนฺติ, ตถาปิ จตุปญฺจฉมาสนฺตรํ โน พลิกมฺมํ กโรนฺตี’’ติ มาเนนฺติ อุปฺปนฺนปริสฺสยํ หรนฺติฯ ตโต นนฺติ ตโต ตํ ปณฺฑิตชาติกํ ปุริสํฯ โอรสนฺติ อุเร ฐเปตฺวา วฑฺฒิตํ, ยถา มาตา โอรสํ ปุตฺตํ อนุกมฺปติ, อุปฺปนฺนปริสฺสยหรณตฺถเมวสฺส ยถา วายมติ, เอวํ อนุกมฺปนฺตีติ อโตฺถฯ ภทฺรานิ ปสฺสตีติ สุนฺทรานิ ปสฺสติฯ

    Sīlavantetthāti sīlavanto ettha attano vasanaṭṭhāne. Saññateti kāyavācācittehi saññate. Tāsaṃ dakkhiṇamādiseti saṅghassa dinne cattāro paccaye tāsaṃ gharadevatānaṃ ādiseyya pattiṃ dadeyya. Pūjitā pūjayantīti ‘‘ime manussā amhākaṃ ñātakāpi na honti, evampi no pattiṃ dentī’’ti ārakkhaṃ susaṃvihitaṃ karonti suṭṭhu ārakkhaṃ karonti. Mānitā mānayantīti kālānukālaṃ balikammakaraṇena mānitā ‘‘ete manussā amhākaṃ ñātakāpi na honti, tathāpi catupañcachamāsantaraṃ no balikammaṃ karontī’’ti mānenti uppannaparissayaṃ haranti. Tato nanti tato taṃ paṇḍitajātikaṃ purisaṃ. Orasanti ure ṭhapetvā vaḍḍhitaṃ, yathā mātā orasaṃ puttaṃ anukampati, uppannaparissayaharaṇatthamevassa yathā vāyamati, evaṃ anukampantīti attho. Bhadrāni passatīti sundarāni passati.

    อนุโมทิตฺวาติ เตหิ ตทา ปสุตปุญฺญสฺส อนุโมทนวเสน เตสํ ธมฺมกถํ กตฺวาฯ สุนิธวสฺสการาปิ ‘‘ยา ตตฺถ เทวตา อาสุํ, ตาสํ ทกฺขิณมาทิเส’’ติ ภควโต วจนํ สุตฺวา เทวตานํ ปตฺติํ อทํสุฯ ตํ โคตมทฺวารํ นาม อโหสีติ ตสฺส นครสฺส เยน ทฺวาเรน ภควา นิกฺขมิ, ตํ โคตมทฺวารํ นาม อโหสิฯ คงฺคาย ปน อุตฺตรณตฺถํ อโนติณฺณตฺตา โคตมติตฺถํ นาม นาโหสิฯ ปูราติ ปุณฺณาฯ สมติตฺติกาติ ตฎสมํ อุทกสฺส ติตฺตา ภริตาฯ กากเปยฺยาติ ตีเร ฐิตกาเกหิ ปาตุํ สกฺกุเณยฺยอุทกาฯ ทฺวีหิปิ ปเทหิ อุภโตกูลสมํ ปริปุณฺณภาวเมว ทเสฺสติฯ อุฬุมฺปนฺติ ปารคมนตฺถาย ทารูนิ สงฺฆาเฎตฺวา อาณิโย โกเฎฺฎตฺวา กตํฯ กุลฺลนฺติ เวฬุทณฺฑาทิเก วลฺลิอาทีหิ พนฺธิตฺวา กตํฯ

    Anumoditvāti tehi tadā pasutapuññassa anumodanavasena tesaṃ dhammakathaṃ katvā. Sunidhavassakārāpi ‘‘yā tattha devatā āsuṃ, tāsaṃ dakkhiṇamādise’’ti bhagavato vacanaṃ sutvā devatānaṃ pattiṃ adaṃsu. Taṃ gotamadvāraṃ nāma ahosīti tassa nagarassa yena dvārena bhagavā nikkhami, taṃ gotamadvāraṃ nāma ahosi. Gaṅgāya pana uttaraṇatthaṃ anotiṇṇattā gotamatitthaṃ nāma nāhosi. Pūrāti puṇṇā. Samatittikāti taṭasamaṃ udakassa tittā bharitā. Kākapeyyāti tīre ṭhitakākehi pātuṃ sakkuṇeyyaudakā. Dvīhipi padehi ubhatokūlasamaṃ paripuṇṇabhāvameva dasseti. Uḷumpanti pāragamanatthāya dārūni saṅghāṭetvā āṇiyo koṭṭetvā kataṃ. Kullanti veḷudaṇḍādike valliādīhi bandhitvā kataṃ.

    เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ มหาชนสฺส คโงฺคทกมตฺตสฺสปิ เกวลํ ตริตุํ อสมตฺถตํ, อตฺตโน ปน ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ อติคมฺภีรวิตฺถตํ สํสารมหณฺณวํ ตริตฺวา ฐิตภาวญฺจ สพฺพาการโต วิทิตฺวา ตทตฺถปริทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ

    Etamatthaṃviditvāti etaṃ mahājanassa gaṅgodakamattassapi kevalaṃ tarituṃ asamatthataṃ, attano pana bhikkhusaṅghassa ca atigambhīravitthataṃ saṃsāramahaṇṇavaṃ taritvā ṭhitabhāvañca sabbākārato viditvā tadatthaparidīpanaṃ imaṃ udānaṃ udānesi.

    ตตฺถ อณฺณวนฺติ สพฺพนฺติเมน ปริเจฺฉเทน โยชนมตฺตํ คมฺภีรสฺส จ วิตฺถตสฺส จ อุทกฎฺฐานเสฺสตํ อธิวจนํฯ สรนฺติ สริตฺวา คมนโต อิธ นที อธิเปฺปตาฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – เย คมฺภีรวิตฺถตํ สํสารณฺณวํ ตณฺหาสริตญฺจ ตรนฺติ, เต อริยมคฺคสงฺขาตํ เสตุํ กตฺวาน วิสชฺช ปลฺลลานิ อนามสิตฺวาว อุทกภริตานิ นินฺนฎฺฐานานิ, อยํ ปน อิทํ อปฺปมตฺตกํ อุทกํ ตริตุกาโม กุลฺลญฺหิ ชโน ปพนฺธติ กุลฺลํ พนฺธิตุํ อายาสํ อาปชฺชติฯ ติณฺณา เมธาวิโน ชนาติ อริยมคฺคญาณสงฺขาตาย เมธาย สมนฺนาคตตฺตา เมธาวิโน พุทฺธา จ พุทฺธสาวกา จ วินา เอว กุเลฺลน ติณฺณา ปรตีเร ปติฎฺฐิตาติฯ

    Tattha aṇṇavanti sabbantimena paricchedena yojanamattaṃ gambhīrassa ca vitthatassa ca udakaṭṭhānassetaṃ adhivacanaṃ. Saranti saritvā gamanato idha nadī adhippetā. Idaṃ vuttaṃ hoti – ye gambhīravitthataṃ saṃsāraṇṇavaṃ taṇhāsaritañca taranti, te ariyamaggasaṅkhātaṃ setuṃ katvāna visajja pallalāni anāmasitvāva udakabharitāni ninnaṭṭhānāni, ayaṃ pana idaṃ appamattakaṃ udakaṃ taritukāmo kullañhi jano pabandhati kullaṃ bandhituṃ āyāsaṃ āpajjati. Tiṇṇā medhāvino janāti ariyamaggañāṇasaṅkhātāya medhāya samannāgatattā medhāvino buddhā ca buddhasāvakā ca vinā eva kullena tiṇṇā paratīre patiṭṭhitāti.

    ฉฎฺฐสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Chaṭṭhasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi / ๖. ปาฎลิคามิยสุตฺตํ • 6. Pāṭaligāmiyasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact