Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๓. ปฐมอคฺคิสุตฺตวณฺณนา
3. Paṭhamaaggisuttavaṇṇanā
๔๖. ตติเย อนุฑหนเฎฺฐนาติ กามํ อาหุเนยฺยคฺคิอาทโย ตโย อคฺคี พฺราหฺมเณหิปิ อิจฺฉิตา สนฺติฯ เต ปน เตหิ อิจฺฉิตมตฺตาว, น สตฺตานํ ตาทิสา อตฺถสาธกาฯ เย ปน สตฺตานํ อตฺถสาธกา, เต ทเสฺสตุํ ‘‘อาหุนํ วุจฺจตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อาเนตฺวา หุนนํ ปูชนํ ‘‘อาหุน’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ อาหุนํ อรหนฺตี มาตาปิตโรฯ เตนาห ภควา – ‘‘อาหุเนยฺยาติ, ภิกฺขเว, มาตาปิตูนํ เอตํ อธิวจน’’นฺติ (อิติวุ. ๑๐๖)ฯ ยทเคฺคน จ เต ปุตฺตานํ พหูปการตาย อาหุเนยฺยาติ, เตสุ สมฺมาปฎิปตฺติ เนสํ หิตสุขาวหา, ตทเคฺคน เตสุ มิจฺฉาปฎิปตฺติ อหิตทุกฺขาวหาติ อาห ‘‘เตสุ…เป.… นิพฺพตฺตนฺตี’’ติฯ
46. Tatiye anuḍahanaṭṭhenāti kāmaṃ āhuneyyaggiādayo tayo aggī brāhmaṇehipi icchitā santi. Te pana tehi icchitamattāva, na sattānaṃ tādisā atthasādhakā. Ye pana sattānaṃ atthasādhakā, te dassetuṃ ‘‘āhunaṃ vuccatī’’tiādi vuttaṃ. Tattha ānetvā hunanaṃ pūjanaṃ ‘‘āhuna’’nti vuttaṃ, taṃ āhunaṃ arahantī mātāpitaro. Tenāha bhagavā – ‘‘āhuneyyāti, bhikkhave, mātāpitūnaṃ etaṃ adhivacana’’nti (itivu. 106). Yadaggena ca te puttānaṃ bahūpakāratāya āhuneyyāti, tesu sammāpaṭipatti nesaṃ hitasukhāvahā, tadaggena tesu micchāpaṭipatti ahitadukkhāvahāti āha ‘‘tesu…pe… nibbattantī’’ti.
สฺวายมโตฺถ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๓.๓๐๕) มิตฺตวินฺทกวตฺถุนา เวทิตโพฺพฯ มิตฺตวินฺทโก หิ มาตรา, ‘‘ตาต, อชฺช อุโปสถิโก หุตฺวา วิหาเร สพฺพรตฺติํ ธมฺมสฺสวนํ สุโณหิ, สหสฺสํ เต ทสฺสามี’’ติ วุโตฺต ธนโลเภน อุโปสถํ สมาทาย วิหารํ คนฺตฺวา ‘‘อิทํ ฐานํ อกุโตภย’’นฺติ สลฺลเกฺขตฺวา ธมฺมาสนสฺส เหฎฺฐา นิปโนฺน สพฺพรตฺติํ นิทฺทายิตฺวา ฆรํ อคมาสิฯ มาตา ปาโตว ยาคุํ ปจิตฺวา อุปนาเมสิฯ โส สหสฺสํ คเหตฺวาว ปิวิฯ อถสฺส เอตทโหสิ ‘‘ธนํ สํหริสฺสามี’’ติฯ โส นาวาย สมุทฺทํ ปกฺขนฺทิตุกาโม อโหสิฯ อถ นํ มาตา, ‘‘ตาต, อิมสฺมิํ กุเล จตฺตาลีสโกฎิธนํ อตฺถิ, อลํ คมเนนา’’ติ นิวาเรติฯ โส ตสฺสา วจนํ อนาทิยิตฺวา คจฺฉติ เอวฯ สา ปุรโต อฎฺฐาสิฯ อถ นํ กุชฺฌิตฺวา ‘‘อยํ มยฺหํ ปุรโต ติฎฺฐตี’’ติ ปาเทน ปหริตฺวา ปติตํ อนฺตรํ กตฺวา อคมาสิฯ
Svāyamattho (dī. ni. aṭṭha. 3.305) mittavindakavatthunā veditabbo. Mittavindako hi mātarā, ‘‘tāta, ajja uposathiko hutvā vihāre sabbarattiṃ dhammassavanaṃ suṇohi, sahassaṃ te dassāmī’’ti vutto dhanalobhena uposathaṃ samādāya vihāraṃ gantvā ‘‘idaṃ ṭhānaṃ akutobhaya’’nti sallakkhetvā dhammāsanassa heṭṭhā nipanno sabbarattiṃ niddāyitvā gharaṃ agamāsi. Mātā pātova yāguṃ pacitvā upanāmesi. So sahassaṃ gahetvāva pivi. Athassa etadahosi ‘‘dhanaṃ saṃharissāmī’’ti. So nāvāya samuddaṃ pakkhanditukāmo ahosi. Atha naṃ mātā, ‘‘tāta, imasmiṃ kule cattālīsakoṭidhanaṃ atthi, alaṃ gamanenā’’ti nivāreti. So tassā vacanaṃ anādiyitvā gacchati eva. Sā purato aṭṭhāsi. Atha naṃ kujjhitvā ‘‘ayaṃ mayhaṃ purato tiṭṭhatī’’ti pādena paharitvā patitaṃ antaraṃ katvā agamāsi.
มาตา อุฎฺฐหิตฺวา ‘‘มาทิสาย มาตริ เอวรูปํ กมฺมํ กตฺวา คตสฺส เต คตฎฺฐาเน สุขํ ภวิสฺสตีติ เอวํสญฺญี นาม ตฺวํ ปุตฺตา’’ติ อาหฯ ตสฺส นาวํ อารุยฺห คจฺฉโต สตฺตเม ทิวเส นาวา อฎฺฐาสิฯ อถ เต มนุสฺสา ‘‘อทฺธา เอตฺถ ปาปปุคฺคโล อตฺถิ, สลากํ เทถา’’ติ อาหํสุฯ สลากา ทียมานา ตเสฺสว ติกฺขตฺตุํ ปาปุณิฯ เต ตสฺส อุฬุมฺปํ ทตฺวา ตํ สมุเทฺท ปกฺขิปิํสุฯ โส เอกํ ทีปํ คนฺตฺวา วิมานเปตีหิ สทฺธิํ สมฺปตฺติํ อนุภวโนฺต ตาหิ ‘‘ปุรโต ปุรโต มา อคมาสี’’ติ วุจฺจมาโนปิ ตทฺทิคุณํ ตทฺทิคุณํ สมฺปตฺติํ ปสฺสโนฺต อนุปุเพฺพน ขุรจกฺกธรํ เอกํ อทฺทสฯ ตํ จกฺกํ ปทุมปุปฺผํ วิย อุปฎฺฐาสิฯ โส ตํ อาห, ‘‘อโมฺภ, อิทํ ตยา ปิฬนฺธิตํ ปทุมํ มยฺหํ เทหี’’ติฯ น อิทํ, สามิ, ปทุมํ, ขุรจกฺกํ เอตนฺติฯ โส ‘‘วเญฺจสิ มํ ตฺวํ, กิํ มยา ปทุมํ น ทิฎฺฐปุพฺพ’’นฺติ วตฺวา ‘‘ตฺวํ โลหิตจนฺทนํ วิลิมฺปิตฺวา ปิฬนฺธนํ ปทุมปุปฺผํ มยฺหํ น ทาตุกาโม’’ติ อาหฯ โส จิเนฺตสิ ‘‘อยมฺปิ มยา กตสทิสํ กมฺมํ กตฺวา ตสฺส ผลํ อนุภวิตุกาโม’’ติฯ อถ นํ ‘‘คณฺห, เร’’ติ วตฺวา ตสฺส มตฺถเก จกฺกํ ขิปิฯ เตน วุตฺตํ –
Mātā uṭṭhahitvā ‘‘mādisāya mātari evarūpaṃ kammaṃ katvā gatassa te gataṭṭhāne sukhaṃ bhavissatīti evaṃsaññī nāma tvaṃ puttā’’ti āha. Tassa nāvaṃ āruyha gacchato sattame divase nāvā aṭṭhāsi. Atha te manussā ‘‘addhā ettha pāpapuggalo atthi, salākaṃ dethā’’ti āhaṃsu. Salākā dīyamānā tasseva tikkhattuṃ pāpuṇi. Te tassa uḷumpaṃ datvā taṃ samudde pakkhipiṃsu. So ekaṃ dīpaṃ gantvā vimānapetīhi saddhiṃ sampattiṃ anubhavanto tāhi ‘‘purato purato mā agamāsī’’ti vuccamānopi taddiguṇaṃ taddiguṇaṃ sampattiṃ passanto anupubbena khuracakkadharaṃ ekaṃ addasa. Taṃ cakkaṃ padumapupphaṃ viya upaṭṭhāsi. So taṃ āha, ‘‘ambho, idaṃ tayā piḷandhitaṃ padumaṃ mayhaṃ dehī’’ti. Na idaṃ, sāmi, padumaṃ, khuracakkaṃ etanti. So ‘‘vañcesi maṃ tvaṃ, kiṃ mayā padumaṃ na diṭṭhapubba’’nti vatvā ‘‘tvaṃ lohitacandanaṃ vilimpitvā piḷandhanaṃ padumapupphaṃ mayhaṃ na dātukāmo’’ti āha. So cintesi ‘‘ayampi mayā katasadisaṃ kammaṃ katvā tassa phalaṃ anubhavitukāmo’’ti. Atha naṃ ‘‘gaṇha, re’’ti vatvā tassa matthake cakkaṃ khipi. Tena vuttaṃ –
‘‘จตุพฺภิ อฎฺฐชฺฌคมา, อฎฺฐาหิ ปิจ โสฬส;
‘‘Catubbhi aṭṭhajjhagamā, aṭṭhāhi pica soḷasa;
โสฬสาหิ จ พาตฺติํส, อตฺริจฺฉํ จกฺกมาสโท;
Soḷasāhi ca bāttiṃsa, atricchaṃ cakkamāsado;
อิจฺฉาหตสฺส โปสสฺส, จกฺกํ ภมติ มตฺถเก’’ติฯ (ชา. ๑.๑.๑๐๔; ๑.๕.๑๐๓);
Icchāhatassa posassa, cakkaṃ bhamati matthake’’ti. (jā. 1.1.104; 1.5.103);
โสติ เคหสามิโก ภตฺตาฯ ปุริมนเยเนวาติ อนุฑหนสฺส ปจฺจยตายฯ ตตฺริทํ วตฺถุ – กสฺสปพุทฺธกาเล โสตาปนฺนสฺส อุปาสกสฺส ภริยา อติจารํ จรติฯ โส ตํ ปจฺจกฺขโต ทิสฺวา ‘‘กสฺมา เอวํ กโรสี’’ติ อาหฯ สา ‘‘สจาหํ เอวรูปํ กโรมิ, อยํ เม สุนโข วิลุปฺปมาโน ขาทตู’’ติ วตฺวา กาลกตา กณฺณมุณฺฑกทเห เวมานิกเปตี หุตฺวา นิพฺพตฺตา ทิวา สมฺปตฺติํ อนุภวติ, รตฺติํ ทุกฺขํฯ ตทา พาราณสิราชา มิควํ จรโนฺต อรญฺญํ ปวิสิตฺวา อนุปุเพฺพน กณฺณมุณฺฑกทหํ สมฺปโตฺต ตาย สทฺธิํ สมฺปตฺติํ อนุภวติฯ สา ตํ วเญฺจตฺวา รตฺติํ ทุกฺขํ อนุภวติฯ โส ญตฺวา ‘‘กตฺถ นุ โข คจฺฉตี’’ติ ปิฎฺฐิโต ปิฎฺฐิโต คนฺตฺวา อวิทูเร ฐิโต กณฺณมุณฺฑกทหโต นิกฺขมิตฺวา ตํ ‘‘ปฎปฎ’’นฺติ ขาทมานํ เอกํ สุนขํ ทิสฺวา อสินา ทฺวิธา ฉินฺทิ, เทฺว อเหสุํฯ ปุน ฉิเนฺน จตฺตาโร, ปุน ฉิเนฺน อฎฺฐ, ปุน ฉิเนฺน โสฬส อเหสุํฯ สา ‘‘กิํ กโรสิ, สามี’’ติ อาหฯ โส ‘‘กิํ อิท’’นฺติ อาหฯ สา ‘‘เอวํ อกตฺวา เขฬปิณฺฑํ ภูมิยํ นิฎฺฐุภิตฺวา ปาเทน ฆํสาหี’’ติ อาหฯ โส ตถา อกาสิฯ สุนขา อนฺตรธายิํสุฯ มุฎฺฐิโยโค กิรายํ ตสฺส สุนขนฺตรธานสฺส, ยทิทํ เขฬปิณฺฑํ ภูมิยํ นิฎฺฐุภิตฺวา ปาเทน ฆํสนํ, ตํ ทิวสํ ตสฺสา กมฺมํ ขีณํฯ ราชา วิปฺปฎิสารี หุตฺวา คนฺตุํ อารโทฺธฯ สา ‘‘มยฺหํ, สามิ, กมฺมํ ขีณํ, มา อคมาสี’’ติ อาหฯ ราชา อสฺสุตฺวาว คโตฯ
Soti gehasāmiko bhattā. Purimanayenevāti anuḍahanassa paccayatāya. Tatridaṃ vatthu – kassapabuddhakāle sotāpannassa upāsakassa bhariyā aticāraṃ carati. So taṃ paccakkhato disvā ‘‘kasmā evaṃ karosī’’ti āha. Sā ‘‘sacāhaṃ evarūpaṃ karomi, ayaṃ me sunakho viluppamāno khādatū’’ti vatvā kālakatā kaṇṇamuṇḍakadahe vemānikapetī hutvā nibbattā divā sampattiṃ anubhavati, rattiṃ dukkhaṃ. Tadā bārāṇasirājā migavaṃ caranto araññaṃ pavisitvā anupubbena kaṇṇamuṇḍakadahaṃ sampatto tāya saddhiṃ sampattiṃ anubhavati. Sā taṃ vañcetvā rattiṃ dukkhaṃ anubhavati. So ñatvā ‘‘kattha nu kho gacchatī’’ti piṭṭhito piṭṭhito gantvā avidūre ṭhito kaṇṇamuṇḍakadahato nikkhamitvā taṃ ‘‘paṭapaṭa’’nti khādamānaṃ ekaṃ sunakhaṃ disvā asinā dvidhā chindi, dve ahesuṃ. Puna chinne cattāro, puna chinne aṭṭha, puna chinne soḷasa ahesuṃ. Sā ‘‘kiṃ karosi, sāmī’’ti āha. So ‘‘kiṃ ida’’nti āha. Sā ‘‘evaṃ akatvā kheḷapiṇḍaṃ bhūmiyaṃ niṭṭhubhitvā pādena ghaṃsāhī’’ti āha. So tathā akāsi. Sunakhā antaradhāyiṃsu. Muṭṭhiyogo kirāyaṃ tassa sunakhantaradhānassa, yadidaṃ kheḷapiṇḍaṃ bhūmiyaṃ niṭṭhubhitvā pādena ghaṃsanaṃ, taṃ divasaṃ tassā kammaṃ khīṇaṃ. Rājā vippaṭisārī hutvā gantuṃ āraddho. Sā ‘‘mayhaṃ, sāmi, kammaṃ khīṇaṃ, mā agamāsī’’ti āha. Rājā assutvāva gato.
ทกฺขิณาติ จตฺตาโร ปจฺจยา ทียมานา ทกฺขนฺติ เอเตหิ หิตสุขานีติ, ตํ ทกฺขิณํ อรหตีติ ทกฺขิเณโยฺย, ภิกฺขุสโงฺฆฯ
Dakkhiṇāti cattāro paccayā dīyamānā dakkhanti etehi hitasukhānīti, taṃ dakkhiṇaṃ arahatīti dakkhiṇeyyo, bhikkhusaṅgho.
ปฐมอคฺคิสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭhamaaggisuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๓. ปฐมอคฺคิสุตฺตํ • 3. Paṭhamaaggisuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๓. ปฐมอคฺคิสุตฺตวณฺณนา • 3. Paṭhamaaggisuttavaṇṇanā