Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā |
๓. อนิยตกณฺฑํ
3. Aniyatakaṇḍaṃ
๑. ปฐมอนิยตสิกฺขาปทวณฺณนา
1. Paṭhamaaniyatasikkhāpadavaṇṇanā
๔๔๓. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควาติ ปฐมอนิยตสิกฺขาปทํฯ ตตฺถ กาลยุตฺตํ สมุลฺลปโนฺตติ กาลํ สลฺลเกฺขตฺวา ยทา น อโญฺญ โกจิ สมีเปน คจฺฉติ วา อาคจฺฉติ วา ตทา ตทนุรูปํ ‘‘กจฺจิ น อุกฺกณฺฐสิ, น กิลมสิ, น ฉาตาสี’’ติอาทิกํ เคหสฺสิตํ กถํ กเถโนฺตฯ กาลยุตฺตํ ธมฺมํ ภณโนฺตติ กาลํ สลฺลเกฺขตฺวา ยทา อโญฺญ โกจิ สมีเปน คจฺฉติ วา อาคจฺฉติ วา ตทา ตทนุรูปํ ‘‘อุโปสถํ กเรยฺยาสิ, สลากภตฺตํ ทเทยฺยาสี’’ติอาทิกํ ธมฺมกถํ กเถโนฺตฯ
443.Tenasamayena buddho bhagavāti paṭhamaaniyatasikkhāpadaṃ. Tattha kālayuttaṃ samullapantoti kālaṃ sallakkhetvā yadā na añño koci samīpena gacchati vā āgacchati vā tadā tadanurūpaṃ ‘‘kacci na ukkaṇṭhasi, na kilamasi, na chātāsī’’tiādikaṃ gehassitaṃ kathaṃ kathento. Kālayuttaṃ dhammaṃ bhaṇantoti kālaṃ sallakkhetvā yadā añño koci samīpena gacchati vā āgacchati vā tadā tadanurūpaṃ ‘‘uposathaṃ kareyyāsi, salākabhattaṃ dadeyyāsī’’tiādikaṃ dhammakathaṃ kathento.
พหู ธีตโร จ ปุตฺตา จ อสฺสาติ พหุปุตฺตาฯ ตสฺสา กิร ทส ปุตฺตา ทส ธีตโร อเหสุํ, พหู นตฺตาโร อสฺสาติ พหุนตฺตาฯ ยเถว หิ ตสฺสา เอวมสฺสา ปุตฺตธีตานมฺปิ วีสติ วีสติ ทารกา อเหสุํ, อิติ สา วีสุตฺตรจตุสตปุตฺตนตฺตปริวารา อโหสิฯ อภิมงฺคลสมฺมตาติ อุตฺตมมงฺคลสมฺมตาฯ ยเญฺญสูติ ทานปฺปทาเนสุฯ ฉเณสูติ อาวาหวิวาหมงฺคลาทีสุ อนฺตรุสฺสเวสุฯ อุสฺสเวสูติ อาสาฬฺหีปวารณนกฺขตฺตาทีสุ มหุสฺสเวสุฯ ปฐมํ โภเชนฺตีติ ‘‘อิเมปิ ทารกา ตยา สมานายุกา นิโรคา โหนฺตู’’ติ อายาจนฺตา ปฐมํเยว โภเชนฺติ, เยปิ สทฺธา โหนฺติ ปสนฺนา, เตปิ ภิกฺขู โภเชตฺวา ตทนนฺตรํ สพฺพปฐมํ ตํเยว โภเชนฺติฯ นาทิยีติ ตสฺสา วจนํ น อาทิยิ, น คณฺหิ, น วา อาทรมกาสีติ อโตฺถฯ
Bahū dhītaro ca puttā ca assāti bahuputtā. Tassā kira dasa puttā dasa dhītaro ahesuṃ, bahū nattāro assāti bahunattā. Yatheva hi tassā evamassā puttadhītānampi vīsati vīsati dārakā ahesuṃ, iti sā vīsuttaracatusataputtanattaparivārā ahosi. Abhimaṅgalasammatāti uttamamaṅgalasammatā. Yaññesūti dānappadānesu. Chaṇesūti āvāhavivāhamaṅgalādīsu antarussavesu. Ussavesūti āsāḷhīpavāraṇanakkhattādīsu mahussavesu. Paṭhamaṃ bhojentīti ‘‘imepi dārakā tayā samānāyukā nirogā hontū’’ti āyācantā paṭhamaṃyeva bhojenti, yepi saddhā honti pasannā, tepi bhikkhū bhojetvā tadanantaraṃ sabbapaṭhamaṃ taṃyeva bhojenti. Nādiyīti tassā vacanaṃ na ādiyi, na gaṇhi, na vā ādaramakāsīti attho.
๔๔๔-๕. อลํกมฺมนิเยติ กมฺมกฺขมํ กมฺมโยคฺคนฺติ กมฺมนิยํ, อลํ ปริยตฺตํ กมฺมนิยภาวายาติ อลํกมฺมนิยํ, ตสฺมิํ อลํกมฺมนิเย, ยตฺถ อชฺฌาจารํ กโรนฺตา สโกฺกนฺติ, ตํ กมฺมํ กาตุํ ตาทิเสติ อโตฺถฯ เตเนวสฺส ปทภาชเน วุตฺตํ – ‘‘สกฺกา โหติ เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสวิตุ’’นฺติ, ยตฺถ เมถุนํ ธมฺมํ สกฺกา โหติ ปฎิเสวิตุนฺติ วุตฺตํ โหติฯ นิสชฺชํ กเปฺปยฺยาติ นิสชฺชํ กเรยฺย, นิสีเทยฺยาติ อโตฺถฯ ยสฺมา ปน นิสีทิตฺวาว นิปชฺชติ, เตนสฺส ปทภาชเน อุภยมฺปิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อุปนิสิโนฺนติ อุปคนฺตฺวา นิสิโนฺนฯ เอวํ อุปนิปโนฺนปิ เวทิตโพฺพฯ ภิกฺขุ นิสิเนฺนติ ภิกฺขุมฺหิ นิสิเนฺนติ อโตฺถฯ อุโภ วา นิสินฺนาติ เทฺวปิ อปจฺฉา อปุริมํ นิสินฺนาฯ เอตฺถ จ กิญฺจาปิ ปาฬิยํ ‘‘โสตสฺส รโห’’ติ อาคตํ, จกฺขุสฺส รเหเนว ปน ปริเจฺฉโท เวทิตโพฺพฯ สเจปิ หิ ปิหิตกวาฎสฺส คพฺภสฺส ทฺวาเร นิสิโนฺน วิญฺญู ปุริโส โหติ, เนว อนาปตฺติํ กโรติฯ อปิหิตกวาฎสฺส ปน ทฺวาเร นิสิโนฺน อนาปตฺติํ กโรติฯ น เกวลญฺจ ทฺวาเร อโนฺตทฺวาทสหเตฺถปิ โอกาเส นิสิโนฺน, สเจ สจกฺขุโก วิกฺขิโตฺตปิ นิทฺทายโนฺตปิ อนาปตฺติํ กโรติฯ สมีเป ฐิโตปิ อโนฺธ น กโรติ, จกฺขุมาปิ นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายโนฺต น กโรติฯ อิตฺถีนํ ปน สตมฺปิ อนาปตฺติํ น กโรติเยวฯ
444-5.Alaṃkammaniyeti kammakkhamaṃ kammayogganti kammaniyaṃ, alaṃ pariyattaṃ kammaniyabhāvāyāti alaṃkammaniyaṃ, tasmiṃ alaṃkammaniye, yattha ajjhācāraṃ karontā sakkonti, taṃ kammaṃ kātuṃ tādiseti attho. Tenevassa padabhājane vuttaṃ – ‘‘sakkā hoti methunaṃ dhammaṃ paṭisevitu’’nti, yattha methunaṃ dhammaṃ sakkā hoti paṭisevitunti vuttaṃ hoti. Nisajjaṃkappeyyāti nisajjaṃ kareyya, nisīdeyyāti attho. Yasmā pana nisīditvāva nipajjati, tenassa padabhājane ubhayampi vuttaṃ. Tattha upanisinnoti upagantvā nisinno. Evaṃ upanipannopi veditabbo. Bhikkhu nisinneti bhikkhumhi nisinneti attho. Ubho vā nisinnāti dvepi apacchā apurimaṃ nisinnā. Ettha ca kiñcāpi pāḷiyaṃ ‘‘sotassa raho’’ti āgataṃ, cakkhussa raheneva pana paricchedo veditabbo. Sacepi hi pihitakavāṭassa gabbhassa dvāre nisinno viññū puriso hoti, neva anāpattiṃ karoti. Apihitakavāṭassa pana dvāre nisinno anāpattiṃ karoti. Na kevalañca dvāre antodvādasahatthepi okāse nisinno, sace sacakkhuko vikkhittopi niddāyantopi anāpattiṃ karoti. Samīpe ṭhitopi andho na karoti, cakkhumāpi nipajjitvā niddāyanto na karoti. Itthīnaṃ pana satampi anāpattiṃ na karotiyeva.
สเทฺธยฺยวจสาติ สทฺธาตพฺพวจนาฯ สา ปน ยสฺมา อริยสาวิกาว โหติ, เตนสฺส ปทภาชเน ‘‘อาคตผลา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อาคตํ ผลํ อสฺสาติ อาคตผลา ปฎิลทฺธโสตาปตฺติผลาติ อโตฺถฯ อภิสเมตาวินีติ ปฎิวิทฺธจตุสจฺจาฯ วิญฺญาตํ สิกฺขตฺตยสาสนํ เอตายาติ วิญฺญาตสาสนาฯ นิสชฺชํ ภิกฺขุ ปฎิชานมาโนติ กิญฺจาปิ เอวรูปา อุปาสิกา ทิสฺวา วทติ, อถ โข ภิกฺขุ นิสชฺชํ ปฎิชานมาโนเยว ติณฺณํ ธมฺมานํ อญฺญตเรน กาเรตโพฺพ, น อปฺปฎิชานมาโนติ อโตฺถฯ
Saddheyyavacasāti saddhātabbavacanā. Sā pana yasmā ariyasāvikāva hoti, tenassa padabhājane ‘‘āgataphalā’’tiādi vuttaṃ. Tattha āgataṃ phalaṃ assāti āgataphalā paṭiladdhasotāpattiphalāti attho. Abhisametāvinīti paṭividdhacatusaccā. Viññātaṃ sikkhattayasāsanaṃ etāyāti viññātasāsanā. Nisajjaṃ bhikkhu paṭijānamānoti kiñcāpi evarūpā upāsikā disvā vadati, atha kho bhikkhu nisajjaṃ paṭijānamānoyeva tiṇṇaṃ dhammānaṃ aññatarena kāretabbo, na appaṭijānamānoti attho.
เยน วา สา สเทฺธยฺยวจสา อุปาสิกา วเทยฺย เตน โส ภิกฺขุ กาเรตโพฺพติ นิสชฺชาทีสุ อากาเรสุ เยน วา อากาเรน สทฺธิํ เมถุนธมฺมาทีนิ อาโรเปตฺวา สา อุปาสิกา วเทยฺย, ปฎิชานมาโนว เตน โส ภิกฺขุ กาเรตโพฺพฯ เอวรูปายปิ อุปาสิกาย วจนมเตฺตน น กาเรตโพฺพติ อโตฺถฯ กสฺมา? ยสฺมา ทิฎฺฐํ นาม ตถาปิ โหติ, อญฺญถาปิ โหติฯ
Yena vā sā saddheyyavacasā upāsikā vadeyya tena so bhikkhu kāretabboti nisajjādīsu ākāresu yena vā ākārena saddhiṃ methunadhammādīni āropetvā sā upāsikā vadeyya, paṭijānamānova tena so bhikkhu kāretabbo. Evarūpāyapi upāsikāya vacanamattena na kāretabboti attho. Kasmā? Yasmā diṭṭhaṃ nāma tathāpi hoti, aññathāpi hoti.
ตทตฺถโชตนตฺถญฺจ อิทํ วตฺถุํ อุทาหรนฺติ – มลฺลารามวิหาเร กิร เอโก ขีณาสวเตฺถโร เอกทิวสํ อุปฎฺฐากกุลํ คนฺตฺวา อโนฺตเคเห นิสีทิ, อุปาสิกาปิ สยนปลฺลงฺกํ นิสฺสาย ฐิตา โหติฯ อเถโก ปิณฺฑจาริโก ทฺวาเร ฐิโต ทิสฺวา ‘‘เถโร อุปาสิกาย สทฺธิํ เอกาสเน นิสิโนฺน’’ติ สญฺญํ ปฎิลภิตฺวา ปุนปฺปุนํ โอโลเกสิฯ เถโรปิ ‘‘อยํ มยิ อสุทฺธลทฺธิโก ชาโต’’ติ สลฺลเกฺขตฺวา กตภตฺตกิโจฺจ วิหารํ คนฺตฺวา อตฺตโน วสนฎฺฐานํ ปวิสิตฺวา อโนฺตว นิสีทิฯ โสปิ ภิกฺขุ ‘‘เถรํ โจเทสฺสามี’’ติ อาคนฺตฺวา อุกฺกาสิตฺวา ทฺวารํ วิวริฯ เถโร ตสฺส จิตฺตํ ญตฺวา อากาเส อุปฺปติตฺวา กูฎาคารกณฺณิกํ นิสฺสาย ปลฺลเงฺกน นิสีทิฯ โสปิ ภิกฺขุ อโนฺต ปวิสิตฺวา มญฺจญฺจ เหฎฺฐามญฺจญฺจ โอโลเกตฺวา เถรํ อปสฺสโนฺต อุทฺธํ อุโลฺลเกสิ, อถ อากาเส นิสินฺนํ เถรํ ทิสฺวา ‘‘ภเนฺต, เอวํ มหิทฺธิกา นาม ตุเมฺห มาตุคาเมน สทฺธิํ เอกาสเน นิสินฺนภาวํ วทาเปถ เอวา’’ติ อาหฯ เถโร ‘‘อนฺตรฆรเสฺสเวโส อาวุโส โทโส, อหํ ปน ตํ สทฺธาเปตุํ อสโกฺกโนฺต เอวมกาสิํ, รเกฺขยฺยาสิ ม’’นฺติ วตฺวา โอตรีติฯ
Tadatthajotanatthañca idaṃ vatthuṃ udāharanti – mallārāmavihāre kira eko khīṇāsavatthero ekadivasaṃ upaṭṭhākakulaṃ gantvā antogehe nisīdi, upāsikāpi sayanapallaṅkaṃ nissāya ṭhitā hoti. Atheko piṇḍacāriko dvāre ṭhito disvā ‘‘thero upāsikāya saddhiṃ ekāsane nisinno’’ti saññaṃ paṭilabhitvā punappunaṃ olokesi. Theropi ‘‘ayaṃ mayi asuddhaladdhiko jāto’’ti sallakkhetvā katabhattakicco vihāraṃ gantvā attano vasanaṭṭhānaṃ pavisitvā antova nisīdi. Sopi bhikkhu ‘‘theraṃ codessāmī’’ti āgantvā ukkāsitvā dvāraṃ vivari. Thero tassa cittaṃ ñatvā ākāse uppatitvā kūṭāgārakaṇṇikaṃ nissāya pallaṅkena nisīdi. Sopi bhikkhu anto pavisitvā mañcañca heṭṭhāmañcañca oloketvā theraṃ apassanto uddhaṃ ullokesi, atha ākāse nisinnaṃ theraṃ disvā ‘‘bhante, evaṃ mahiddhikā nāma tumhe mātugāmena saddhiṃ ekāsane nisinnabhāvaṃ vadāpetha evā’’ti āha. Thero ‘‘antaragharasseveso āvuso doso, ahaṃ pana taṃ saddhāpetuṃ asakkonto evamakāsiṃ, rakkheyyāsi ma’’nti vatvā otarīti.
๔๔๖. อิโต ปรํ สา เจ เอวํ วเทยฺยาติอาทิ สพฺพํ ปฎิญฺญาย การณาการทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, ตตฺถ มาตุคามสฺส เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสวโนฺตติ มาตุคามสฺส มเคฺค เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสวโนฺตติ อโตฺถฯ นิสชฺชาย กาเรตโพฺพติ นิสชฺชํ ปฎิชานิตฺวา เมถุนธมฺมปฎิเสวนํ อปฺปฎิชานโนฺต เมถุนธมฺมปาราชิกาปตฺติยา อกาเรตฺวา นิสชฺชามเตฺตน ยํ อาปตฺติํ อาปชฺชติ ตาย กาเรตโพฺพ, ปาจิตฺติยาปตฺติยา กาเรตโพฺพติ อโตฺถฯ เอเตน นเยน สพฺพจตุเกฺกสุ วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ
446. Ito paraṃ sā ce evaṃ vadeyyātiādi sabbaṃ paṭiññāya kāraṇākāradassanatthaṃ vuttaṃ, tattha mātugāmassa methunaṃ dhammaṃ paṭisevantoti mātugāmassa magge methunaṃ dhammaṃ paṭisevantoti attho. Nisajjāya kāretabboti nisajjaṃ paṭijānitvā methunadhammapaṭisevanaṃ appaṭijānanto methunadhammapārājikāpattiyā akāretvā nisajjāmattena yaṃ āpattiṃ āpajjati tāya kāretabbo, pācittiyāpattiyā kāretabboti attho. Etena nayena sabbacatukkesu vinicchayo veditabbo.
๔๕๑. สิกฺขาปทปริโยสาเน ปน อาปตฺตานาปตฺติปริเจฺฉททสฺสนตฺถํ วุเตฺตสุ คมนํ ปฎิชานาตีติอาทีสุ คมนํ ปฎิชานาตีติ ‘‘รโหนิสชฺชสฺสาทตฺถํ คโตมฺหี’’ติ เอวํ คมนํ ปฎิชานาติ, นิสชฺชนฺติ นิสชฺชสฺสาเทเนว นิสชฺชํ ปฎิชานาติฯ อาปตฺตินฺติ ตีสุ อญฺญตรํ อาปตฺติํฯ อาปตฺติยา กาเรตโพฺพติ ตีสุ ยํ ปฎิชานาติ, ตาย กาเรตโพฺพฯ เสสเมตฺถ จตุเกฺก อุตฺตานาธิปฺปายเมวฯ ทุติยจตุเกฺก ปน คมนํ น ปฎิชานาตีติ รโห นิสชฺชสฺสาทวเสน น ปฎิชานาติ , ‘‘สลากภตฺตาทินา อตฺตโน กเมฺมน คโตมฺหิ, สา ปน มยฺหํ นิสินฺนฎฺฐานํ อาคตา’’ติ วทติฯ เสสเมตฺถาปิ อุตฺตานาธิปฺปายเมวฯ
451. Sikkhāpadapariyosāne pana āpattānāpattiparicchedadassanatthaṃ vuttesu gamanaṃ paṭijānātītiādīsu gamanaṃ paṭijānātīti ‘‘rahonisajjassādatthaṃ gatomhī’’ti evaṃ gamanaṃ paṭijānāti, nisajjanti nisajjassādeneva nisajjaṃ paṭijānāti. Āpattinti tīsu aññataraṃ āpattiṃ. Āpattiyā kāretabboti tīsu yaṃ paṭijānāti, tāya kāretabbo. Sesamettha catukke uttānādhippāyameva. Dutiyacatukke pana gamanaṃ na paṭijānātīti raho nisajjassādavasena na paṭijānāti , ‘‘salākabhattādinā attano kammena gatomhi, sā pana mayhaṃ nisinnaṭṭhānaṃ āgatā’’ti vadati. Sesametthāpi uttānādhippāyameva.
อยํ ปน สพฺพตฺถ วินิจฺฉโย – รโห นิสชฺชสฺสาโทติ เมถุนธมฺมสนฺนิสฺสิตกิเลโส วุจฺจติฯ โย ภิกฺขุ เตนสฺสาเทน มาตุคามสฺส สนฺติกํ คนฺตุกาโม อกฺขิํ อเญฺชติ, ทุกฺกฎํฯ นิวาสนํ นิวาเสติ, กายพนฺธนํ พนฺธติ, จีวรํ ปารุปติ, สพฺพตฺถ ปโยเค ปโยเค ทุกฺกฎํฯ คจฺฉติ, ปทวาเร ปทวาเร ทุกฺกฎํฯ คนฺตฺวา นิสีทติ, ทุกฺกฎเมวฯ มาตุคาเม อาคนฺตฺวา นิสินฺนมเตฺต ปาจิตฺติยํฯ สเจ สา อิตฺถี เกนจิ กรณีเยน อุฎฺฐายุฎฺฐาย ปุนปฺปุนํ นิสีทติ, นิสชฺชาย นิสชฺชาย ปาจิตฺติยํฯ ยํ สนฺธาย คโต, สา น ทิฎฺฐา, อญฺญา อาคนฺตฺวา นิสีทติ, อสฺสาเท อุปฺปเนฺน ปาจิตฺติยํฯ มหาปจฺจริยํ ปน ‘‘คมนกาลโต ปฎฺฐาย อสุทฺธจิตฺตตฺตา อาปตฺติเยวา’’ติ วุตฺตํฯ สเจ สมฺพหุลา อาคจฺฉนฺติ, มาตุคามคณนาย ปาจิตฺติยานิฯ สเจ อุฎฺฐายุฎฺฐาย ปุนปฺปุนํ นิสีทนฺติ, นิสชฺชาคณนาย ปาจิตฺติยานิฯ อนิยเมตฺวา ทิฎฺฐทิฎฺฐาย สทฺธิํ รหสฺสาทํ กเปฺปสฺสามีติ คนฺตฺวา นิสินฺนสฺสาปิ อาคตาคตานํ วเสน ปุนปฺปุนํ นิสชฺชาวเสน จ วุตฺตนเยเนว อาปตฺติโย เวทิตพฺพาฯ สเจ สุทฺธจิเตฺตน คนฺตฺวา นิสินฺนสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา นิสินฺนาย อิตฺถิยา รหสฺสาโท อุปฺปชฺชติ อนาปตฺติฯ
Ayaṃ pana sabbattha vinicchayo – raho nisajjassādoti methunadhammasannissitakileso vuccati. Yo bhikkhu tenassādena mātugāmassa santikaṃ gantukāmo akkhiṃ añjeti, dukkaṭaṃ. Nivāsanaṃ nivāseti, kāyabandhanaṃ bandhati, cīvaraṃ pārupati, sabbattha payoge payoge dukkaṭaṃ. Gacchati, padavāre padavāre dukkaṭaṃ. Gantvā nisīdati, dukkaṭameva. Mātugāme āgantvā nisinnamatte pācittiyaṃ. Sace sā itthī kenaci karaṇīyena uṭṭhāyuṭṭhāya punappunaṃ nisīdati, nisajjāya nisajjāya pācittiyaṃ. Yaṃ sandhāya gato, sā na diṭṭhā, aññā āgantvā nisīdati, assāde uppanne pācittiyaṃ. Mahāpaccariyaṃ pana ‘‘gamanakālato paṭṭhāya asuddhacittattā āpattiyevā’’ti vuttaṃ. Sace sambahulā āgacchanti, mātugāmagaṇanāya pācittiyāni. Sace uṭṭhāyuṭṭhāya punappunaṃ nisīdanti, nisajjāgaṇanāya pācittiyāni. Aniyametvā diṭṭhadiṭṭhāya saddhiṃ rahassādaṃ kappessāmīti gantvā nisinnassāpi āgatāgatānaṃ vasena punappunaṃ nisajjāvasena ca vuttanayeneva āpattiyo veditabbā. Sace suddhacittena gantvā nisinnassa santikaṃ āgantvā nisinnāya itthiyā rahassādo uppajjati anāpatti.
สมุฎฺฐานาทีนิ ปฐมปาราชิกสทิสาเนวาติฯ
Samuṭṭhānādīni paṭhamapārājikasadisānevāti.
ปฐมอนิยตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭhamaaniyatasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๑. ปฐมอนิยตสิกฺขาปทํ • 1. Paṭhamaaniyatasikkhāpadaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๑. ปฐมอนิยตสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Paṭhamaaniyatasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๑. ปฐมอนิยตสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Paṭhamaaniyatasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๑. ปฐมอนิยตสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Paṭhamaaniyatasikkhāpadavaṇṇanā