Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā

    ปฐมจตุกฺกกถาวณฺณนา

    Paṭhamacatukkakathāvaṇṇanā

    ๕๗. อาปตฺติ ปาราชิกา อสฺส โหตีติ เอตฺถ ยสฺมา สา อกุสลา อาปตฺติ ตสฺส ภิกฺขุโน สีลสมฺภวํ อภิภวติ, ราคาภิภเว ตสฺมิํ ปาราชิกาติ ลทฺธนามา ปุพฺพภาเค อาปนฺนา ทุกฺกฎถุลฺลจฺจยาทโย อาปตฺติโย อภิภวิตฺวา วินาเสตฺวา สยเมเวกา อสฺสฯ วตฺถุนา สภาคาหิ วา อสภาคาหิ วา อญฺญาหิ ปาราชิกเตฺตน สมานชาติกาหิ อาปตฺตีหิ สยํ นาภิภวียตีติ เอเกฯ ตํ ตํ ปุเพฺพ วิจาริตเมวฯ ยทา ปน จตโสฺสปิ ปาราชิกาปตฺติโย เอกโต โหนฺติ, ตทา ตา ตสฺส ภิกฺขุโน ภิกฺขุภาวํ อภิภวนฺติ, อภิกฺขุํ กโรนฺติ, อนุปสมฺปนฺนํ กโรนฺติ, สมญฺญายปิ ภิกฺขุ น โหติฯ โอมสวาทปาจิตฺติยํ น ชเนตีติ เอเกฯ ทุติเยน อตฺถวิกเปฺปน ปาราชิกสฺส ธมฺมสฺส ปตฺติ สมฺปตฺติ อาปตฺตีติ อโตฺถ สงฺคหิโต โหตีติ กตฺวา อาปตฺติสมฺปตฺติวาทีนํ สงฺคหิโต โหติ, ยุชฺชติ เจสา ปรสาเปกฺขาฯ สาปตฺติโก นาม โส ภิกฺขุ โหติ, อญฺญถา ตสฺส ขณภเงฺคน อนาปตฺติโก ภเวยฺย, น จ โหตีติฯ กทา ปน โหตีติ? ยทา กาลํ กโรติ, ยทา จ สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย สามเณราทิภูมิยํ ติฎฺฐติฯ ยทิ เอวํ สิกฺขาย ปจฺจกฺขาตาย ปาราชิกาปตฺติ ปจฺจกฺขาตา โหติ สิกฺขา จาติ อุภยํ ตสฺส เอกโต อตฺถิ, สงฺฆาทิเสสาทิอาปตฺติ สิกฺขาปจฺจกฺขาเนน กิํ น ปจฺจกฺขาตา, ปุน อุปสมฺปเนฺนน เทสาเปตพฺพาฯ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ อาปตฺติวุฎฺฐานํ ชาตํ, อภิกฺขุ อาปตฺติโต วุฎฺฐาติ, คหโฎฺฐ วุฎฺฐาติ, สามเณโร วุฎฺฐาติ, ตโต วินยวิโรธา น วุฎฺฐาติฯ หญฺจิ ปน วุฎฺฐาติ คหโฎฺฐ, สามเณโร วา สีลสมฺปโนฺนว ฌานลาภี อสฺส, โสตาปตฺติผลสฺส วา อรหตฺตผลสฺส วา ลาภี อสฺส, ปาราชิกาปตฺติยา สาปตฺติโก อรหา อสฺสฯ อุกฺขิตฺตโก อุปฺปพฺพชิโต วา ปริวาสารโห มานตฺตารโห อุปฺปพฺพชิโต วา สีลสมฺปโนฺน ฌานลาภี อสฺส, โสตาปตฺติผลสฺส, อรหตฺตผลสฺส วา ลาภี อสฺส, สาปตฺติโก สนฺตรายิโก อรหา อสฺส, โส ปุน อุปสมฺปโนฺน ปริวาสํ, มานตฺตํ วา ทตฺวา อเพฺภตโพฺพ อุกฺขิตฺตโก โอสาเรตโพฺพติ สมาโน อยํ อุปลโพฺภติฯ

    57.Āpatti pārājikā assa hotīti ettha yasmā sā akusalā āpatti tassa bhikkhuno sīlasambhavaṃ abhibhavati, rāgābhibhave tasmiṃ pārājikāti laddhanāmā pubbabhāge āpannā dukkaṭathullaccayādayo āpattiyo abhibhavitvā vināsetvā sayamevekā assa. Vatthunā sabhāgāhi vā asabhāgāhi vā aññāhi pārājikattena samānajātikāhi āpattīhi sayaṃ nābhibhavīyatīti eke. Taṃ taṃ pubbe vicāritameva. Yadā pana catassopi pārājikāpattiyo ekato honti, tadā tā tassa bhikkhuno bhikkhubhāvaṃ abhibhavanti, abhikkhuṃ karonti, anupasampannaṃ karonti, samaññāyapi bhikkhu na hoti. Omasavādapācittiyaṃ na janetīti eke. Dutiyena atthavikappena pārājikassa dhammassa patti sampatti āpattīti attho saṅgahito hotīti katvā āpattisampattivādīnaṃ saṅgahito hoti, yujjati cesā parasāpekkhā. Sāpattiko nāma so bhikkhu hoti, aññathā tassa khaṇabhaṅgena anāpattiko bhaveyya, na ca hotīti. Kadā pana hotīti? Yadā kālaṃ karoti, yadā ca sikkhaṃ paccakkhāya sāmaṇerādibhūmiyaṃ tiṭṭhati. Yadi evaṃ sikkhāya paccakkhātāya pārājikāpatti paccakkhātā hoti sikkhā cāti ubhayaṃ tassa ekato atthi, saṅghādisesādiāpatti sikkhāpaccakkhānena kiṃ na paccakkhātā, puna upasampannena desāpetabbā. Sikkhāpaccakkhānaṃ āpattivuṭṭhānaṃ jātaṃ, abhikkhu āpattito vuṭṭhāti, gahaṭṭho vuṭṭhāti, sāmaṇero vuṭṭhāti, tato vinayavirodhā na vuṭṭhāti. Hañci pana vuṭṭhāti gahaṭṭho, sāmaṇero vā sīlasampannova jhānalābhī assa, sotāpattiphalassa vā arahattaphalassa vā lābhī assa, pārājikāpattiyā sāpattiko arahā assa. Ukkhittako uppabbajito vā parivāsāraho mānattāraho uppabbajito vā sīlasampanno jhānalābhī assa, sotāpattiphalassa, arahattaphalassa vā lābhī assa, sāpattiko santarāyiko arahā assa, so puna upasampanno parivāsaṃ, mānattaṃ vā datvā abbhetabbo ukkhittako osāretabboti samāno ayaṃ upalabbhoti.

    อยํ ปเนตฺถ วินิจฺฉโย – ปาราชิกํ ธมฺมํ อาปโนฺน ยาว ภิกฺขุภาวํ ปฎิชานาติ สาทิยติ สํวาสํ, สนฺตรายิกตฺตา อุโปสถทิวสาทีสุ คหฎฺฐสฺส วิย สยเมว สีลํ สมาทิยนฺตสฺสปิ น สีลสมาทานํ รุหติ, ปเคว ฌานาทีนิฯ โส เจ ภิกฺขุภาวํ น สาทิยติ น ปฎิชานาติ สํวาสํ น สาทิยติ, เกวลํ ภิกฺขูนํ อาวิกตฺวา ราชเวริโจราทิภเยน กาสาวํ น ปริจฺจชติ, อนุปสมฺปโนฺนว โหติ สหเสยฺยาทิํ ชเนติ, สีลสฺส จ ฌานาทีนญฺจ ภาคี โหติฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา –

    Ayaṃ panettha vinicchayo – pārājikaṃ dhammaṃ āpanno yāva bhikkhubhāvaṃ paṭijānāti sādiyati saṃvāsaṃ, santarāyikattā uposathadivasādīsu gahaṭṭhassa viya sayameva sīlaṃ samādiyantassapi na sīlasamādānaṃ ruhati, pageva jhānādīni. So ce bhikkhubhāvaṃ na sādiyati na paṭijānāti saṃvāsaṃ na sādiyati, kevalaṃ bhikkhūnaṃ āvikatvā rājavericorādibhayena kāsāvaṃ na pariccajati, anupasampannova hoti sahaseyyādiṃ janeti, sīlassa ca jhānādīnañca bhāgī hoti. Vuttañhetaṃ bhagavatā –

    ‘‘อาปเนฺนน วิสุทฺธาเปเกฺขน สนฺตี อาปตฺติ อาวิกาตพฺพา, อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหติ, ปฐมสฺส ฌานสฺส อธิคมายา’’ติอาทิ (มหาว. ๑๓๔-๑๓๕)ฯ

    ‘‘Āpannena visuddhāpekkhena santī āpatti āvikātabbā, āvikatā hissa phāsu hoti, paṭhamassa jhānassa adhigamāyā’’tiādi (mahāva. 134-135).

    ตตฺถ สนฺตี อาปตฺตีติ สาวเสสานวเสสปฺปเภทา สพฺพาปิ อาปตฺติ อาปนฺนา อธิเปฺปตาฯ เอวํ สเนฺตปิ ปเคว คหฎฺฐาทิภูมิยํ ฐิโต ฌานาทีนํ ภาคี อสฺส สุทฺธเนฺต ฐิตตฺตา, โย ปน อุกฺขิตฺตโก อโนสาริโต, ครุธมฺมํ วา อาปชฺชิตฺวา อวุฎฺฐิโต สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย คหฎฺฐาทิภูมิยํ ฐิโต, น โส ฌานาทีนํ ภาคีเยว ภวติ น สุทฺธเนฺต ฐิตตฺตา, สกรณียตฺตา จ, เตเนว ภควตา ‘‘โส ปุน อุปสมฺปโนฺน โอสาเรตโพฺพ’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ตสฺส ปุคฺคลสฺส เต ภิกฺขุกาเล อาปนฺนา อนฺตรายิกา ธมฺมา วิปฺปฎิสารํ ชนยิตฺวา อวิปฺปฎิสารมูลกานํ ปาโมชฺชาทีนํ สมฺภวํ นิวาเรนฺติ, โน สกาสาเวสุเยวฯ โน เจ นิวาเรนฺติ, สมฺภวติฯ ครุกํ อาปชฺชิตฺวา ภิกฺขูนํ อาวิกตฺวา เจ อุปฺปพฺพชิโต, ปกตโตฺต หุตฺวา อุปฺปพฺพชิโตติ กตฺวา ฌานาทีนํ ภาคี อสฺส ‘‘อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหตี’’ติ วุตฺตตฺตาฯ ปเคว ภิกฺขุกาเล, น เตฺวว อุกฺขิตฺตโก สกรณียตฺตาติ เอเกฯ ตทนุวตฺตนโก ปน ตํ ลทฺธิํ ปหาย ภาคี อสฺสฯ น, ภิกฺขเว, สคหฎฺฐาย ปริสาย (มหาว. ๑๕๔) สิกฺขาปจฺจกฺขาตกสฺส อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺนกสฺส นิสินฺนปริสายาติ (มหาว. ๑๘๓) เอตฺถ คหโฎฺฐ นาม ปกติยา คิหิลิเงฺค ฐิโตฯ สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย ภิกฺขุลิเงฺค ฐิโต สิกฺขาปจฺจกฺขาตโกฯ โส สกาสาเวสุ สาเปกฺขตฺตา สามเณรภาวํ ปตฺถยมาโน เตเนว ลิเงฺคน ตีหิ สรณคมเนหิ สามเณโร โหติฯ อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปโนฺน สํวาสํ สาทิยโนฺตปิ ปจฺฉา ปุเพฺพ วุตฺตกฺกเมน อสาทิยิตฺวา สามเณรภาวํ ปตฺถยมาโน สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก วิย ตีหิ สรณคมเนหิ สามเณโร โหติ, น ปุน กาสาวํ ปฎิคฺคาหาเปตโพฺพ ภิกฺขูหิ ปฐมํ ทินฺนลิเงฺคเยว ฐิตตฺตาฯ โย ปน ปาราชิโก โจทิยมาโน ปราชิตฺวา ‘‘หนฺท, ภเนฺต, สามเณโร ภวามิ, สรณานิ เทถา’’ติ วทติ, ‘‘สาธุ คณฺหาหี’’ติ น วตฺตโพฺพ, คิหิลิเงฺค ฐเปตฺวา ปุน กาสายานิ ปฎิคฺคาหาเปตฺวา ปพฺพาเชตโพฺพฯ ‘‘อิทํ ปน สพฺพํ อตฺตโน มติยา วุตฺตตฺตา วิจาเรตฺวา คเหตพฺพ’’นฺติ อาจริโย วทติฯ ปเวสนํ นาม องฺคชาตํ ปเวเสนฺตสฺส องฺคชาเตน สมฺผุสนํฯ ปวิฎฺฐํ นาม ยาว มูลา ปเวเสนฺตสฺส วิปฺปกตกาเล วายามกาโลฯ สุกฺกวิสฺสฎฺฐิสมเย องฺคชาตํ ฐิตํ นามฯ อุทฺธรณํ นาม นีหรณกาโลฯ คณฺฐิปเท ปน ‘‘วายามโต โอรมิตฺวา ฐานํ ฐิตํ นามา’’ติ วุตฺตํ, ตํ อสงฺกรโต ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ ปเวสนปวิฎฺฐอุทฺธรณกาเลสุปิ สุกฺกวิสฺสฎฺฐิ โหติเยวฯ

    Tattha santī āpattīti sāvasesānavasesappabhedā sabbāpi āpatti āpannā adhippetā. Evaṃ santepi pageva gahaṭṭhādibhūmiyaṃ ṭhito jhānādīnaṃ bhāgī assa suddhante ṭhitattā, yo pana ukkhittako anosārito, garudhammaṃ vā āpajjitvā avuṭṭhito sikkhaṃ paccakkhāya gahaṭṭhādibhūmiyaṃ ṭhito, na so jhānādīnaṃ bhāgīyeva bhavati na suddhante ṭhitattā, sakaraṇīyattā ca, teneva bhagavatā ‘‘so puna upasampanno osāretabbo’’ti vuttaṃ, tasmā tassa puggalassa te bhikkhukāle āpannā antarāyikā dhammā vippaṭisāraṃ janayitvā avippaṭisāramūlakānaṃ pāmojjādīnaṃ sambhavaṃ nivārenti, no sakāsāvesuyeva. No ce nivārenti, sambhavati. Garukaṃ āpajjitvā bhikkhūnaṃ āvikatvā ce uppabbajito, pakatatto hutvā uppabbajitoti katvā jhānādīnaṃ bhāgī assa ‘‘āvikatā hissa phāsu hotī’’ti vuttattā. Pageva bhikkhukāle, na tveva ukkhittako sakaraṇīyattāti eke. Tadanuvattanako pana taṃ laddhiṃ pahāya bhāgī assa. Na, bhikkhave, sagahaṭṭhāya parisāya (mahāva. 154) sikkhāpaccakkhātakassa antimavatthuṃ ajjhāpannakassa nisinnaparisāyāti (mahāva. 183) ettha gahaṭṭho nāma pakatiyā gihiliṅge ṭhito. Sikkhaṃ paccakkhāya bhikkhuliṅge ṭhito sikkhāpaccakkhātako. So sakāsāvesu sāpekkhattā sāmaṇerabhāvaṃ patthayamāno teneva liṅgena tīhi saraṇagamanehi sāmaṇero hoti. Antimavatthuṃ ajjhāpanno saṃvāsaṃ sādiyantopi pacchā pubbe vuttakkamena asādiyitvā sāmaṇerabhāvaṃ patthayamāno sikkhāpaccakkhātako viya tīhi saraṇagamanehi sāmaṇero hoti, na puna kāsāvaṃ paṭiggāhāpetabbo bhikkhūhi paṭhamaṃ dinnaliṅgeyeva ṭhitattā. Yo pana pārājiko codiyamāno parājitvā ‘‘handa, bhante, sāmaṇero bhavāmi, saraṇāni dethā’’ti vadati, ‘‘sādhu gaṇhāhī’’ti na vattabbo, gihiliṅge ṭhapetvā puna kāsāyāni paṭiggāhāpetvā pabbājetabbo. ‘‘Idaṃ pana sabbaṃ attano matiyā vuttattā vicāretvā gahetabba’’nti ācariyo vadati. Pavesanaṃ nāma aṅgajātaṃ pavesentassa aṅgajātena samphusanaṃ. Paviṭṭhaṃ nāma yāva mūlā pavesentassa vippakatakāle vāyāmakālo. Sukkavissaṭṭhisamaye aṅgajātaṃ ṭhitaṃ nāma. Uddharaṇaṃ nāma nīharaṇakālo. Gaṇṭhipade pana ‘‘vāyāmato oramitvā ṭhānaṃ ṭhitaṃ nāmā’’ti vuttaṃ, taṃ asaṅkarato dassanatthaṃ vuttaṃ. Pavesanapaviṭṭhauddharaṇakālesupi sukkavissaṭṭhi hotiyeva.

    ปฐมจตุกฺกกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paṭhamacatukkakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๑. ปฐมปาราชิกํ • 1. Paṭhamapārājikaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๑. ปฐมปาราชิกํ • 1. Paṭhamapārājikaṃ

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ปฐมจตุกฺกกถาวณฺณนา • Paṭhamacatukkakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ปฐมจตุกฺกวณฺณนา • Paṭhamacatukkavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact