Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā |
๙. ปฐมทพฺพสุตฺตวณฺณนา
9. Paṭhamadabbasuttavaṇṇanā
๗๙. นวเม อายสฺมาติ ปิยวจนํฯ ทโพฺพติ ตสฺส เถรสฺส นามํฯ มลฺลปุโตฺตติ มลฺลราชสฺส ปุโตฺตฯ โส หิ อายสฺมา ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต ปาทมูเล กตาภินีหาโร กปฺปสตสหสฺสํ อุปจิตปุญฺญสญฺจโย อมฺหากํ ภควโต กาเล มลฺลราชสฺส เทวิกา กุจฺฉิยํ นิพฺพโตฺต กตาธิการตฺตา ชาติยา สตฺตวสฺสิกกาเลเยว มาตาปิตโร อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิฯ เต จ ‘‘ปพฺพชิตฺวาปิ อาจารํ ตาว สิกฺขตุ, สเจ ตํ นาภิรมิสฺสติ, อิเธว อาคมิสฺสตี’’ติ อนุชานิํสุฯ โส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิฯ สตฺถาปิสฺส อุปนิสฺสยสมฺปตฺติํ โอโลเกตฺวา ปพฺพชฺชํ อนุชานิฯ ตสฺส ปพฺพชฺชาสมเย ทินฺนโอวาเทน ภวตฺตยํ อาทิตฺตํ วิย อุปฎฺฐาสิฯ โส วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา ขุรเคฺคเยว อรหตฺตํ ปาปุณิฯ ยํกิญฺจิ สาวเกน ปตฺตพฺพํ, ‘‘ติโสฺส วิชฺชา จตโสฺส ปฎิสมฺภิทา ฉฬภิญฺญา นว โลกุตฺตรธมฺมา’’ติ เอวมาทิกํ สพฺพํ อธิคนฺตฺวา อสีติยา มหาสาวเกสุ อพฺภนฺตโร อโหสิฯ วุตฺตเญฺหตํ เตน อายสฺมตา –
79. Navame āyasmāti piyavacanaṃ. Dabboti tassa therassa nāmaṃ. Mallaputtoti mallarājassa putto. So hi āyasmā padumuttarassa bhagavato pādamūle katābhinīhāro kappasatasahassaṃ upacitapuññasañcayo amhākaṃ bhagavato kāle mallarājassa devikā kucchiyaṃ nibbatto katādhikārattā jātiyā sattavassikakāleyeva mātāpitaro upasaṅkamitvā pabbajjaṃ yāci. Te ca ‘‘pabbajitvāpi ācāraṃ tāva sikkhatu, sace taṃ nābhiramissati, idheva āgamissatī’’ti anujāniṃsu. So satthāraṃ upasaṅkamitvā pabbajjaṃ yāci. Satthāpissa upanissayasampattiṃ oloketvā pabbajjaṃ anujāni. Tassa pabbajjāsamaye dinnaovādena bhavattayaṃ ādittaṃ viya upaṭṭhāsi. So vipassanaṃ paṭṭhapetvā khuraggeyeva arahattaṃ pāpuṇi. Yaṃkiñci sāvakena pattabbaṃ, ‘‘tisso vijjā catasso paṭisambhidā chaḷabhiññā nava lokuttaradhammā’’ti evamādikaṃ sabbaṃ adhigantvā asītiyā mahāsāvakesu abbhantaro ahosi. Vuttañhetaṃ tena āyasmatā –
‘‘มยา โข ชาติยา สตฺตวเสฺสน อรหตฺตํ สจฺฉิกตํ, ยํกิญฺจิ สาวเกน ปตฺตพฺพํ, สพฺพํ ตํ อนุปฺปตฺตํ มยา’’ติอาทิ (ปารา. ๓๘๐)ฯ
‘‘Mayā kho jātiyā sattavassena arahattaṃ sacchikataṃ, yaṃkiñci sāvakena pattabbaṃ, sabbaṃ taṃ anuppattaṃ mayā’’tiādi (pārā. 380).
เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ โส กิรายสฺมา เอกทิวสํ ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฎิกฺกโนฺต ภควโต วตฺตํ ทเสฺสตฺวา ทิวาฎฺฐานํ คนฺตฺวา อุทกกุมฺภโต อุทกํ คเหตฺวา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา คตฺตานิ สีติํ กตฺวา จมฺมกฺขณฺฑํ ปญฺญาเปตฺวา นิสิโนฺน กาลปริเจฺฉทํ กตฺวา สมาปตฺติํ สมาปชฺชิฯ อถายสฺมา ยถากาลปริเจฺฉทํ สมาปตฺติโต วุฎฺฐหิตฺวา อตฺตโน อายุสงฺขาเร โอโลเกสิฯ ตสฺส เต ปริกฺขีณา กติปยมุหุตฺติกา อุปฎฺฐหิํสุฯ โส จิเนฺตสิ – ‘‘น โข เมตํ ปติรูปํ, ยมหํ สตฺถุ อนาโรเจตฺวา สพฺรหฺมจารีหิ จ อวิทิโต อิธ ยถานิสิโนฺนว ปรินิพฺพายิสฺสามิฯ ยํนูนาหํ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปรินิพฺพานํ อนุชานาเปตฺวา สตฺถุ วตฺตํ ทเสฺสตฺวา สาสนสฺส นิยฺยานิกภาวทสฺสนตฺถํ มยฺหํ อิทฺธานุภาวํ วิภาเวโนฺต อากาเส นิสีทิตฺวา เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพาเยยฺยํฯ เอวํ สเนฺต เย มยิ อสฺสทฺธา อปฺปสนฺนา, เตสมฺปิ ปสาโท อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตทสฺส เตสํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติฯ เอวญฺจ โส อายสฺมา จิเนฺตตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา สพฺพํ ตํ ตเถว อกาสิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อายสฺมา ทโพฺพ มลฺลปุโตฺต เยน ภควา เตนุปสงฺกมี’’ติอาทิฯ
Yena bhagavā tenupasaṅkamīti so kirāyasmā ekadivasaṃ rājagahe piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātappaṭikkanto bhagavato vattaṃ dassetvā divāṭṭhānaṃ gantvā udakakumbhato udakaṃ gahetvā pāde pakkhāletvā gattāni sītiṃ katvā cammakkhaṇḍaṃ paññāpetvā nisinno kālaparicchedaṃ katvā samāpattiṃ samāpajji. Athāyasmā yathākālaparicchedaṃ samāpattito vuṭṭhahitvā attano āyusaṅkhāre olokesi. Tassa te parikkhīṇā katipayamuhuttikā upaṭṭhahiṃsu. So cintesi – ‘‘na kho metaṃ patirūpaṃ, yamahaṃ satthu anārocetvā sabrahmacārīhi ca avidito idha yathānisinnova parinibbāyissāmi. Yaṃnūnāhaṃ satthāraṃ upasaṅkamitvā parinibbānaṃ anujānāpetvā satthu vattaṃ dassetvā sāsanassa niyyānikabhāvadassanatthaṃ mayhaṃ iddhānubhāvaṃ vibhāvento ākāse nisīditvā tejodhātuṃ samāpajjitvā parinibbāyeyyaṃ. Evaṃ sante ye mayi assaddhā appasannā, tesampi pasādo uppajjissati, tadassa tesaṃ dīgharattaṃ hitāya sukhāyā’’ti. Evañca so āyasmā cintetvā bhagavantaṃ upasaṅkamitvā sabbaṃ taṃ tatheva akāsi. Tena vuttaṃ – ‘‘atha kho āyasmā dabbo mallaputto yena bhagavā tenupasaṅkamī’’tiādi.
ตตฺถ ปรินิพฺพานกาโล เมติ ‘‘ภควา มยฺหํ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพานกาโล อุปฎฺฐิโต, ตมหํ ภควโต อาโรเจตฺวา ปรินิพฺพายิตุกาโมมฺหี’’ติ ทเสฺสติฯ เกจิ ปนาหุ ‘‘น ตาว เถโร ชิโณฺณ, น จ คิลาโน, ปรินิพฺพานาย จ สตฺถารํ อาปุจฺฉติ, กิํ ตตฺถ การณํ? ‘เมตฺติยภูมชกา ภิกฺขู ปุเพฺพ มํ อมูลเกน ปาราชิเกน อนุทฺธํเสสุํ, ตสฺมิํ อธิกรเณ วูปสเนฺตปิ อโกฺกสนฺติเยวฯ เตสํ สทฺทหิตฺวา อเญฺญปิ ปุถุชฺชนา มยิ อคารวํ ปริภวญฺจ กโรนฺติฯ อิมญฺจ ทุกฺขภารํ นิรตฺถกํ วหิตฺวา กิํ ปโยชนํ, ตสฺมาหํ อิทาเนว ปรินิพฺพายิสฺสามี’ติ สนฺนิฎฺฐานํ กตฺวา สตฺถารํ อาปุจฺฉี’’ติฯ ตํ อการณํฯ น หิ ขีณาสวา อปริกฺขีเณ อายุสงฺขาเร ปเรสํ อุปวาทาทิภเยน ปรินิพฺพานาย เจเตนฺติ ฆฎยนฺติ วายมนฺติ, น จ ปเรสํ ปสํสาทิเหตุ จิรํ ติฎฺฐนฺติ, อถ โข สรเสเนว อตฺตโน อายุสงฺขารสฺส ปริกฺขยํ อาคเมนฺติฯ ยถาห –
Tattha parinibbānakālo meti ‘‘bhagavā mayhaṃ anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbānakālo upaṭṭhito, tamahaṃ bhagavato ārocetvā parinibbāyitukāmomhī’’ti dasseti. Keci panāhu ‘‘na tāva thero jiṇṇo, na ca gilāno, parinibbānāya ca satthāraṃ āpucchati, kiṃ tattha kāraṇaṃ? ‘Mettiyabhūmajakā bhikkhū pubbe maṃ amūlakena pārājikena anuddhaṃsesuṃ, tasmiṃ adhikaraṇe vūpasantepi akkosantiyeva. Tesaṃ saddahitvā aññepi puthujjanā mayi agāravaṃ paribhavañca karonti. Imañca dukkhabhāraṃ niratthakaṃ vahitvā kiṃ payojanaṃ, tasmāhaṃ idāneva parinibbāyissāmī’ti sanniṭṭhānaṃ katvā satthāraṃ āpucchī’’ti. Taṃ akāraṇaṃ. Na hi khīṇāsavā aparikkhīṇe āyusaṅkhāre paresaṃ upavādādibhayena parinibbānāya cetenti ghaṭayanti vāyamanti, na ca paresaṃ pasaṃsādihetu ciraṃ tiṭṭhanti, atha kho saraseneva attano āyusaṅkhārassa parikkhayaṃ āgamenti. Yathāha –
‘‘นาภิกงฺขามิ มรณํ, นาภิกงฺขามิ ชีวิตํ;
‘‘Nābhikaṅkhāmi maraṇaṃ, nābhikaṅkhāmi jīvitaṃ;
กาลญฺจ ปฎิกงฺขามิ, นิพฺพิสํ ภตโก ยถา’’ติฯ (เถรคา. ๑๙๖, ๖๐๖; มิ. ป. ๒.๒.๔) –
Kālañca paṭikaṅkhāmi, nibbisaṃ bhatako yathā’’ti. (theragā. 196, 606; mi. pa. 2.2.4) –
ภควาปิสฺส อายุสงฺขารํ โอโลเกตฺวา ปริกฺขีณภาวํ ญตฺวา ‘‘ยสฺสทานิ ตฺวํ, ทพฺพ, กาลํ มญฺญสี’’ติ อาหฯ
Bhagavāpissa āyusaṅkhāraṃ oloketvā parikkhīṇabhāvaṃ ñatvā ‘‘yassadāni tvaṃ, dabba, kālaṃ maññasī’’ti āha.
เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวาติ อากาสํ อภิอุคฺคนฺตฺวา, เวหาสํ คนฺตฺวาติ อโตฺถฯ อภิสทฺทโยเคน หิ อิทํ อุปโยควจนํ, อโตฺถ ปน ภุมฺมวเสน เวทิตโพฺพฯ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา กิํ อกาสีติ อาห – ‘‘อากาเส อนฺตลิเกฺข ปลฺลเงฺกน นิสีทิตฺวา’’ติอาทิฯ ตตฺถ เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวาติ เตโชกสิณจตุตฺถชฺฌานสมาปตฺติํ สมาปชฺชิตฺวาฯ เถโร หิ ตทา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา เอกมนฺตํ ฐิโต ‘‘ภควา กปฺปสตสหสฺสํ ตุเมฺหหิ สทฺธิํ ตตฺถ ตตฺถ วสโนฺต ปุญฺญานิ กโรโนฺต อิมเมวตฺถํ สนฺธาย อกาสิํ, สฺวายมโตฺถ อชฺช มตฺถกํ ปโตฺต, อิทํ ปจฺฉิมทสฺสน’’นฺติ อาหฯ เย ตตฺถ ปุถุชฺชนภิกฺขู โสตาปนฺนสกทาคามิโน จ, เตสุ เอกจฺจานํ มหนฺตํ การุญฺญํ อโหสิ, เอกเจฺจ อาโรทนปฺปตฺตา อเหสุํฯ อถสฺส ภควา จิตฺตาจารํ ญตฺวา ‘‘เตน หิ, ทพฺพ, มยฺหํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ อิทฺธิปาฎิหาริยํ ทเสฺสหี’’ติ อาหฯ ตาวเทว สโพฺพ ภิกฺขุสโงฺฆ สนฺนิปติฯ อถายสฺมา ทโพฺพ ‘‘เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหตี’’ติอาทินา (ปฎิ. ม. ๑.๑๐๒; ที. นิ. ๑.๔๘๔) นเยน อาคตานิ สาวกสาธารณานิ สพฺพานิ ปาฎิหาริยานิ ทเสฺสตฺวา ปุน จ ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา อากาเส ปถวิํ นิมฺมินิตฺวา ตตฺถ ปลฺลเงฺกน นิสิโนฺน เตโชกสิณสมาปตฺติยา ปริกมฺมํ กตฺวา สมาปตฺติํ สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐาย สรีรํ อาวชฺชิตฺวา ปุน สมาปตฺติํ สมาปชฺชิตฺวา สรีรฌาปนเตโชธาตุํ อธิฎฺฐหิตฺวา ปรินิพฺพายิฯ สห อธิฎฺฐาเนน สโพฺพ กาโย อคฺคินา อาทิโตฺต อโหสิฯ ขเณเนว จ โส อคฺคิ กปฺปวุฎฺฐานคฺคิ วิย อณุมตฺตมฺปิ สงฺขารคตํ มสิมตฺตมฺปิ ตตฺถ กิญฺจิ อนวเสเสโนฺต อธิฎฺฐานพเลน ฌาเปตฺวา นิพฺพายิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อายสฺมา ทโพฺพ มลฺลปุโตฺต’’ติอาทิฯ ตตฺถ วุฎฺฐหิตฺวา ปรินิพฺพายีติ อิทฺธิจิตฺตโต วุฎฺฐหิตฺวา ภวงฺคจิเตฺตน ปรินิพฺพายิฯ
Vehāsaṃabbhuggantvāti ākāsaṃ abhiuggantvā, vehāsaṃ gantvāti attho. Abhisaddayogena hi idaṃ upayogavacanaṃ, attho pana bhummavasena veditabbo. Vehāsaṃ abbhuggantvā kiṃ akāsīti āha – ‘‘ākāse antalikkhe pallaṅkena nisīditvā’’tiādi. Tattha tejodhātuṃ samāpajjitvāti tejokasiṇacatutthajjhānasamāpattiṃ samāpajjitvā. Thero hi tadā bhagavantaṃ vanditvā tikkhattuṃ padakkhiṇaṃ katvā ekamantaṃ ṭhito ‘‘bhagavā kappasatasahassaṃ tumhehi saddhiṃ tattha tattha vasanto puññāni karonto imamevatthaṃ sandhāya akāsiṃ, svāyamattho ajja matthakaṃ patto, idaṃ pacchimadassana’’nti āha. Ye tattha puthujjanabhikkhū sotāpannasakadāgāmino ca, tesu ekaccānaṃ mahantaṃ kāruññaṃ ahosi, ekacce ārodanappattā ahesuṃ. Athassa bhagavā cittācāraṃ ñatvā ‘‘tena hi, dabba, mayhaṃ bhikkhusaṅghassa ca iddhipāṭihāriyaṃ dassehī’’ti āha. Tāvadeva sabbo bhikkhusaṅgho sannipati. Athāyasmā dabbo ‘‘ekopi hutvā bahudhā hotī’’tiādinā (paṭi. ma. 1.102; dī. ni. 1.484) nayena āgatāni sāvakasādhāraṇāni sabbāni pāṭihāriyāni dassetvā puna ca bhagavantaṃ vanditvā ākāsaṃ abbhuggantvā ākāse pathaviṃ nimminitvā tattha pallaṅkena nisinno tejokasiṇasamāpattiyā parikammaṃ katvā samāpattiṃ samāpajjitvā vuṭṭhāya sarīraṃ āvajjitvā puna samāpattiṃ samāpajjitvā sarīrajhāpanatejodhātuṃ adhiṭṭhahitvā parinibbāyi. Saha adhiṭṭhānena sabbo kāyo agginā āditto ahosi. Khaṇeneva ca so aggi kappavuṭṭhānaggi viya aṇumattampi saṅkhāragataṃ masimattampi tattha kiñci anavasesento adhiṭṭhānabalena jhāpetvā nibbāyi. Tena vuttaṃ – ‘‘atha kho āyasmā dabbo mallaputto’’tiādi. Tattha vuṭṭhahitvā parinibbāyīti iddhicittato vuṭṭhahitvā bhavaṅgacittena parinibbāyi.
ฌายมานสฺสาติ ชาลิยมานสฺสฯ ฑยฺหมานสฺสาติ ตเสฺสว เววจนํฯ อถ วา ฌายมานสฺสาติ ชาลาปวตฺติกฺขณํ สนฺธาย วุตฺตํ, ฑยฺหมานสฺสาติ วีตจฺจิตงฺคารกฺขณํฯ ฉาริกาติ ภสฺมํฯ มสีติ กชฺชลํฯ น ปญฺญายิตฺถาติ น ปสฺสิตฺถ, อธิฎฺฐานพเลน สพฺพํ ขเณเนว อนฺตรธายิตฺถาติ อโตฺถฯ กสฺมา ปน เถโร อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ อิทฺธิปาฎิหาริยํ ทเสฺสสิ, นนุ ภควตา อิทฺธิปาฎิหาริยกรณํ ปฎิกฺขิตฺตนฺติ ? น โจเทตพฺพเมตํ คิหีนํ สมฺมุขา ปาฎิหาริยกรณสฺส ปฎิกฺขิตฺตตฺตาฯ ตญฺจ โข วิกุพฺพนวเสน, น ปเนวํ อธิฎฺฐานวเสนฯ อยํ ปนายสฺมา ธมฺมสามินา อาณโตฺตว ปาฎิหาริยํ ทเสฺสสิฯ
Jhāyamānassāti jāliyamānassa. Ḍayhamānassāti tasseva vevacanaṃ. Atha vā jhāyamānassāti jālāpavattikkhaṇaṃ sandhāya vuttaṃ, ḍayhamānassāti vītaccitaṅgārakkhaṇaṃ. Chārikāti bhasmaṃ. Masīti kajjalaṃ. Na paññāyitthāti na passittha, adhiṭṭhānabalena sabbaṃ khaṇeneva antaradhāyitthāti attho. Kasmā pana thero uttarimanussadhammaṃ iddhipāṭihāriyaṃ dassesi, nanu bhagavatā iddhipāṭihāriyakaraṇaṃ paṭikkhittanti ? Na codetabbametaṃ gihīnaṃ sammukhā pāṭihāriyakaraṇassa paṭikkhittattā. Tañca kho vikubbanavasena, na panevaṃ adhiṭṭhānavasena. Ayaṃ panāyasmā dhammasāminā āṇattova pāṭihāriyaṃ dassesi.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อายสฺมโต ทพฺพสฺส มลฺลปุตฺตสฺส อนุปาทาปรินิพฺพานํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา ตทตฺถปริทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิฯ
Etamatthaṃ viditvāti etaṃ āyasmato dabbassa mallaputtassa anupādāparinibbānaṃ sabbākārato viditvā tadatthaparidīpanaṃ imaṃ udānaṃ udānesi.
ตตฺถ อเภทิ กาโยติ สโพฺพ ภูตุปาทายปเภโท จตุสนฺตติรูปกาโย ภิชฺชิ, อนวเสสโต ฑยฺหิ, อนฺตรธายิ, อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปชฺชิฯ นิโรธิ สญฺญาติ รูปายตนาทิโคจรตาย รูปสญฺญาทิเภทา สพฺพาปิ สญฺญา อปฺปฎิสนฺธิเกน นิโรเธน นิรุชฺฌิฯ เวทนา สีติภวิํสุ สพฺพาติ วิปากเวทนา กิริยเวทนาติ สพฺพาปิ เวทนา อปฺปฎิสนฺธิกนิโรเธน นิรุทฺธตฺตา อณุมตฺตมฺปิ เวทนาทรถสฺส อภาวโต สีติภูตา อเหสุํ, กุสลากุสลเวทนา ปน อรหตฺตผลกฺขเณเยว นิโรธํ คตาฯ ‘‘สีติรหิํสู’’ติปิ ปฐนฺติ, สนฺตา นิรุทฺธา อเหสุนฺติ อโตฺถฯ วูปสมิํสุ สงฺขาราติ วิปากกิริยปฺปเภทา สเพฺพปิ ผสฺสาทโย สงฺขารกฺขนฺธธมฺมา อปฺปฎิสนฺธิกนิโรเธเนว นิรุทฺธตฺตา วิเสเสน อุปสมิํสุฯ วิญฺญาณํ อตฺถมาคมาติ วิญฺญาณมฺปิ วิปากกิริยปฺปเภทํ สพฺพํ อปฺปฎิสนฺธิกนิโรเธเนว อตฺถํ วินาสํ อุปเจฺฉทํ อคมา อคจฺฉิฯ
Tattha abhedi kāyoti sabbo bhūtupādāyapabhedo catusantatirūpakāyo bhijji, anavasesato ḍayhi, antaradhāyi, anuppattidhammataṃ āpajji. Nirodhi saññāti rūpāyatanādigocaratāya rūpasaññādibhedā sabbāpi saññā appaṭisandhikena nirodhena nirujjhi. Vedanā sītibhaviṃsu sabbāti vipākavedanā kiriyavedanāti sabbāpi vedanā appaṭisandhikanirodhena niruddhattā aṇumattampi vedanādarathassa abhāvato sītibhūtā ahesuṃ, kusalākusalavedanā pana arahattaphalakkhaṇeyeva nirodhaṃ gatā. ‘‘Sītirahiṃsū’’tipi paṭhanti, santā niruddhā ahesunti attho. Vūpasamiṃsu saṅkhārāti vipākakiriyappabhedā sabbepi phassādayo saṅkhārakkhandhadhammā appaṭisandhikanirodheneva niruddhattā visesena upasamiṃsu. Viññāṇaṃ atthamāgamāti viññāṇampi vipākakiriyappabhedaṃ sabbaṃ appaṭisandhikanirodheneva atthaṃ vināsaṃ upacchedaṃ agamā agacchi.
อิติ ภควา อายสฺมโต ทพฺพสฺส มลฺลปุตฺตสฺส ปญฺจนฺนมฺปิ ขนฺธานํ ปุเพฺพเยว กิเลสาภิสงฺขารุปาทานสฺส อนวเสสโต นิรุทฺธตฺตา อนุปาทาโน วิย ชาตเวโท อปฺปฎิสนฺธิกนิโรเธน นิรุทฺธภาวํ นิสฺสาย ปีติเวควิสฺสฎฺฐํ อุทานํ อุทาเนสีติฯ
Iti bhagavā āyasmato dabbassa mallaputtassa pañcannampi khandhānaṃ pubbeyeva kilesābhisaṅkhārupādānassa anavasesato niruddhattā anupādāno viya jātavedo appaṭisandhikanirodhena niruddhabhāvaṃ nissāya pītivegavissaṭṭhaṃ udānaṃ udānesīti.
นวมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Navamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi / ๙. ปฐมทพฺพสุตฺตํ • 9. Paṭhamadabbasuttaṃ