Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā |
๘. ปฐมทุฎฺฐโทสสิกฺขาปทวณฺณนา
8. Paṭhamaduṭṭhadosasikkhāpadavaṇṇanā
๓๘๐. อฎฺฐเม ปากาเรน ปริกฺขิตฺตนฺติ สมฺพโนฺธฯ โคปุรฎฺฎาลกยุตฺตนฺติ ทฺวารปาสาเทน จ ตตฺถ ตตฺถ ปาการมตฺถเก ปติฎฺฐาปิตอฎฺฎาลเกหิ จ ยุตฺตํฯ เวฬูหิ ปริกฺขิตฺตตฺตา อพฺภนฺตเร ปุปฺผูปคผลูปครุกฺขสญฺฉนฺนตฺตา จ นีโลภาสํฯ ฉายูทกสมฺปตฺติยา ภูมิภาคสมฺปตฺติยา จ มโนรมํฯ กาฬกเวเสนาติ กลนฺทกรูเปนฯ นิวาปนฺติ โภชนํฯ ตนฺติ อุยฺยานํฯ ทโพฺพติ ตสฺส เถรสฺส นามนฺติ ทพฺพตฺถเมฺภ ปติตตฺตา ทโพฺพติ ตสฺส เถรสฺส นามํ อโหสิฯ
380. Aṭṭhame pākārena parikkhittanti sambandho. Gopuraṭṭālakayuttanti dvārapāsādena ca tattha tattha pākāramatthake patiṭṭhāpitaaṭṭālakehi ca yuttaṃ. Veḷūhi parikkhittattā abbhantare pupphūpagaphalūpagarukkhasañchannattā ca nīlobhāsaṃ. Chāyūdakasampattiyā bhūmibhāgasampattiyā ca manoramaṃ. Kāḷakavesenāti kalandakarūpena. Nivāpanti bhojanaṃ. Tanti uyyānaṃ. Dabboti tassa therassa nāmanti dabbatthambhe patitattā dabboti tassa therassa nāmaṃ ahosi.
กสฺสปทสพลสฺส สาสโนสกฺกนกาเล กิร สตฺต ภิกฺขู เอกจิตฺตา หุตฺวา อเญฺญ สาสเน อคารวํ กโรเนฺต ทิสฺวา ‘‘อิธ กิํ กโรม, เอกมเนฺต สมณธมฺมํ กตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสามา’’ติ นิเสฺสณิํ พนฺธิตฺวา อุจฺจํ ปพฺพตสิขรํ อภิรุหิตฺวา อตฺตโน จิตฺตพลํ ชานนฺตา ‘‘นิเสฺสณิํ ปาเตนฺตุ, ชีวิเต สาลยา โอตรนฺตุ, มา ปจฺฉานุตปฺปิโน อหุวตฺถา’’ติ วตฺวา สเพฺพ เอกจิตฺตา หุตฺวา นิเสฺสณิํ ปาเตตฺวา ‘‘อปฺปมตฺตา โหถ, อาวุโส’’ติ อญฺญมญฺญํ โอวทิตฺวา จิตฺตรุจิเยสุ ฐาเนสุ นิสีทิตฺวา สมณธมฺมํ กาตุํ อารภิํสุฯ
Kassapadasabalassa sāsanosakkanakāle kira satta bhikkhū ekacittā hutvā aññe sāsane agāravaṃ karonte disvā ‘‘idha kiṃ karoma, ekamante samaṇadhammaṃ katvā dukkhassantaṃ karissāmā’’ti nisseṇiṃ bandhitvā uccaṃ pabbatasikharaṃ abhiruhitvā attano cittabalaṃ jānantā ‘‘nisseṇiṃ pātentu, jīvite sālayā otarantu, mā pacchānutappino ahuvatthā’’ti vatvā sabbe ekacittā hutvā nisseṇiṃ pātetvā ‘‘appamattā hotha, āvuso’’ti aññamaññaṃ ovaditvā cittaruciyesu ṭhānesu nisīditvā samaṇadhammaṃ kātuṃ ārabhiṃsu.
ตเตฺรโก เถโร ปญฺจเม ทิวเส อรหตฺตํ ปตฺวา ‘‘มม กิจฺจํ นิปฺผนฺนํ, อหํ อิมสฺมิํ ฐาเน กิํ กริสฺสามี’’ติ อิทฺธิยา อุตฺตรกุรุโต ปิณฺฑปาตํ อาหริตฺวา อาห – ‘‘อาวุโส, อิมํ ปิณฺฑปาตํ ปริภุญฺชถ, ภิกฺขาจารกิจฺจํ มมายตฺตํ โหตุ, ตุเมฺห อตฺตโน กมฺมํ กโรถา’’ติฯ กิํ นุ มยํ, อาวุโส, นิเสฺสณิํ ปาเตนฺตา เอวํ อวจุมฺห ‘‘โย ปฐมํ ธมฺมํ สจฺฉิกโรติ, โส ภิกฺขํ อาหรตุ, เตนาภตํ เสสา ปริภุญฺชิตฺวา สมณธมฺมํ กริสฺสนฺตี’’ติฯ นตฺถิ, อาวุโสติฯ ตุเมฺห อตฺตโน ปุพฺพเหตุนาว ลภิตฺถ, มยมฺปิ สโกฺกนฺตา วฎฺฎสฺสนฺตํ กริสฺสาม, คจฺฉถ ตุเมฺหติฯ เถโร เต สญฺญาเปตุํ อสโกฺกโนฺต ผาสุกฎฺฐาเน ปิณฺฑปาตํ ปริภุญฺชิตฺวา คโตฯ อปโรปิ เถโร สตฺตเม ทิวเส อนาคามิผลํ ปตฺวา ตโต จุโต สุทฺธาวาสพฺรหฺมโลเก นิพฺพโตฺต, อิตเร เถรา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุเสฺสสุ สํสริตฺวา เตสุ เตสุ กุเลสุ นิพฺพตฺตาฯ เอโก คนฺธารรเฎฺฐ ตกฺกสิลนคเร ราชเคเห นิพฺพโตฺต, เอโก ปจฺจนฺติมรเฎฺฐ ปริพฺพาชิกาย กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพโตฺต, เอโก พาหิยรเฎฺฐ กุฎุมฺพิยเคเห นิพฺพโตฺต, เอโก ราชคเห กุฎุมฺพิยเคเห นิพฺพโตฺตฯ
Tatreko thero pañcame divase arahattaṃ patvā ‘‘mama kiccaṃ nipphannaṃ, ahaṃ imasmiṃ ṭhāne kiṃ karissāmī’’ti iddhiyā uttarakuruto piṇḍapātaṃ āharitvā āha – ‘‘āvuso, imaṃ piṇḍapātaṃ paribhuñjatha, bhikkhācārakiccaṃ mamāyattaṃ hotu, tumhe attano kammaṃ karothā’’ti. Kiṃ nu mayaṃ, āvuso, nisseṇiṃ pātentā evaṃ avacumha ‘‘yo paṭhamaṃ dhammaṃ sacchikaroti, so bhikkhaṃ āharatu, tenābhataṃ sesā paribhuñjitvā samaṇadhammaṃ karissantī’’ti. Natthi, āvusoti. Tumhe attano pubbahetunāva labhittha, mayampi sakkontā vaṭṭassantaṃ karissāma, gacchatha tumheti. Thero te saññāpetuṃ asakkonto phāsukaṭṭhāne piṇḍapātaṃ paribhuñjitvā gato. Aparopi thero sattame divase anāgāmiphalaṃ patvā tato cuto suddhāvāsabrahmaloke nibbatto, itare therā ekaṃ buddhantaraṃ devamanussesu saṃsaritvā tesu tesu kulesu nibbattā. Eko gandhāraraṭṭhe takkasilanagare rājagehe nibbatto, eko paccantimaraṭṭhe paribbājikāya kucchimhi nibbatto, eko bāhiyaraṭṭhe kuṭumbiyagehe nibbatto, eko rājagahe kuṭumbiyagehe nibbatto.
อยํ ปน ทพฺพเตฺถโร มลฺลรเฎฺฐ อนุปิยนคเร เอกสฺส มลฺลรโญฺญ เคเห ปฎิสนฺธิํ คณฺหิฯ ตสฺส มาตา อุปวิชญฺญา กาลมกาสิฯ มตสรีรํ สุสานํ เนตฺวา ทารุจิตกํ อาโรเปตฺวา อคฺคิํ อทํสุฯ อคฺคิเวคสนฺตตฺตํ อุทรปฎลํ เทฺวธา อโหสิฯ ทารโก อตฺตโน ปุญฺญพเลน อุปฺปติตฺวา เอกสฺมิํ ทพฺพตฺถเมฺภ นิปติ, ตํ ทารกํ คเหตฺวา อยฺยิกาย อทํสุฯ สา ตสฺส นามํ คณฺหนฺตี ทพฺพตฺถเมฺภ ปติตฺวา ลทฺธชีวิกตฺตา ‘‘ทโพฺพ’’ติ ตสฺส นามํ อกาสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ทโพฺพติ ตสฺส เถรสฺส นาม’’นฺติฯ
Ayaṃ pana dabbatthero mallaraṭṭhe anupiyanagare ekassa mallarañño gehe paṭisandhiṃ gaṇhi. Tassa mātā upavijaññā kālamakāsi. Matasarīraṃ susānaṃ netvā dārucitakaṃ āropetvā aggiṃ adaṃsu. Aggivegasantattaṃ udarapaṭalaṃ dvedhā ahosi. Dārako attano puññabalena uppatitvā ekasmiṃ dabbatthambhe nipati, taṃ dārakaṃ gahetvā ayyikāya adaṃsu. Sā tassa nāmaṃ gaṇhantī dabbatthambhe patitvā laddhajīvikattā ‘‘dabbo’’ti tassa nāmaṃ akāsi. Tena vuttaṃ ‘‘dabboti tassa therassa nāma’’nti.
ตสฺส สตฺตวสฺสิกกาเล สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต มลฺลรเฎฺฐ จาริกํ จรมาโน อนุปิยนิคมํ ปตฺวา อนุปิยมฺพวเน วิหรติฯ ทพฺพกุมาโร สตฺถารํ ทิสฺวา สห ทสฺสเนเนว ปสีทิตฺวา ปพฺพชิตุกาโม หุตฺวา ‘‘อหํ ทสพลสฺส สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อยฺยิกํ อาปุจฺฉิฯ สา ‘‘สาธุ ตาตา’’ติ ทพฺพกุมารํ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ภเนฺต, อิมํ กุมารํ ปพฺพาเชถา’’ติ อาหฯ สตฺถา อญฺญตรสฺส ภิกฺขุโน สญฺญํ อทาสิ ‘‘ภิกฺขุ อิมํ ทารกํ ปพฺพาเชหี’’ติฯ โส เถโร สตฺถุ วจนํ สุตฺวา ทพฺพกุมารํ ปพฺพาเชโนฺต ตจปญฺจกกมฺมฎฺฐานํ อาจิกฺขิฯ ปุพฺพเหตุสมฺปโนฺน กตาภินีหาโร ปฐมเกสวฎฺฎิยา โวโรปนกฺขเณเยว โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาสิ, ทุติยาย เกสวฎฺฎิยา โอโรปิยมานาย สกทาคามิผเล, ตติยาย อนาคามิผเล, สพฺพเกสานํ ปน โอโรปนญฺจ อรหตฺตผลสจฺฉิกิริยา จ อปจฺฉา อปุเร อโหสิฯ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘เถโร กิร สตฺตวสฺสิโกว สํเวคํ ลภิตฺวา ปพฺพชิโต ขุรเคฺคเยว อรหตฺตํ ปาปุณีติ เวทิตโพฺพ’’ติฯ
Tassa sattavassikakāle satthā bhikkhusaṅghaparivuto mallaraṭṭhe cārikaṃ caramāno anupiyanigamaṃ patvā anupiyambavane viharati. Dabbakumāro satthāraṃ disvā saha dassaneneva pasīditvā pabbajitukāmo hutvā ‘‘ahaṃ dasabalassa santike pabbajissāmī’’ti ayyikaṃ āpucchi. Sā ‘‘sādhu tātā’’ti dabbakumāraṃ ādāya satthu santikaṃ gantvā ‘‘bhante, imaṃ kumāraṃ pabbājethā’’ti āha. Satthā aññatarassa bhikkhuno saññaṃ adāsi ‘‘bhikkhu imaṃ dārakaṃ pabbājehī’’ti. So thero satthu vacanaṃ sutvā dabbakumāraṃ pabbājento tacapañcakakammaṭṭhānaṃ ācikkhi. Pubbahetusampanno katābhinīhāro paṭhamakesavaṭṭiyā voropanakkhaṇeyeva sotāpattiphale patiṭṭhāsi, dutiyāya kesavaṭṭiyā oropiyamānāya sakadāgāmiphale, tatiyāya anāgāmiphale, sabbakesānaṃ pana oropanañca arahattaphalasacchikiriyā ca apacchā apure ahosi. Taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘thero kira sattavassikova saṃvegaṃ labhitvā pabbajito khuraggeyeva arahattaṃ pāpuṇīti veditabbo’’ti.
สาวเกน ปตฺตพฺพนฺติ ยถุปนิสฺสยํ เตน เตน สาวเกน ปตฺตพฺพํฯ ติโสฺส วิชฺชาติอาทิ ยถาสมฺภววเสน วุตฺตํฯ คุณชาตนฺติ ‘‘ยญฺจ กิญฺจิ สาวเกน ปตฺตพฺพ’’นฺติ นปุํสกลิงฺคสมฺพนฺธทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ จตูสุ สเจฺจสุ จตูหิ มเคฺคหิ โสฬสวิธสฺส กิจฺจสฺส กตตฺตาติ ทุกฺขสมุทยนิโรธมคฺคสงฺขาเตสุ จตูสุ สเจฺจสุ ทุกฺขปริญฺญา สมุทยปฺปหานํ นิโรธสจฺฉิกิริยา มคฺคภาวนาติ เอเกกสฺส มคฺคสฺส จตุนฺนํ จตุนฺนํ กิจฺจานํ วเสน โสฬสวิธสฺส กิจฺจสฺส กตตฺตาฯ ตโต ตโต ปฎิกฺกมิตฺวาติ ตโต ตโต กิจฺจโต อารมฺมณโต จ ปฎิวตฺติตฺวาฯ สิลาปฎฺฎเกติ ปาสาณผลเกฯ เตรสาปีติ ภตฺตุเทฺทสกเสนาสนคฺคาหาปกภณฺฑาคาริกจีวรปฎิคฺคาหกจีวรภาชนกยาคุภาชนกผลภาชนกขชฺชภาชนกอปฺปมตฺตกวิสฺสชฺชกสาฎิยคฺคาหาปกปตฺตคฺคาหาปกอารามิกเปสกสามเณรเปสกสมฺมุตีนํ วเสน เตรสาปิ สมฺมุติโย ทาตุํ วฎฺฎนฺติฯ
Sāvakena pattabbanti yathupanissayaṃ tena tena sāvakena pattabbaṃ. Tisso vijjātiādi yathāsambhavavasena vuttaṃ. Guṇajātanti ‘‘yañca kiñci sāvakena pattabba’’nti napuṃsakaliṅgasambandhadassanatthaṃ vuttaṃ. Catūsu saccesu catūhi maggehi soḷasavidhassa kiccassa katattāti dukkhasamudayanirodhamaggasaṅkhātesu catūsu saccesu dukkhapariññā samudayappahānaṃ nirodhasacchikiriyā maggabhāvanāti ekekassa maggassa catunnaṃ catunnaṃ kiccānaṃ vasena soḷasavidhassa kiccassa katattā. Tato tato paṭikkamitvāti tato tato kiccato ārammaṇato ca paṭivattitvā. Silāpaṭṭaketi pāsāṇaphalake. Terasāpīti bhattuddesakasenāsanaggāhāpakabhaṇḍāgārikacīvarapaṭiggāhakacīvarabhājanakayāgubhājanakaphalabhājanakakhajjabhājanakaappamattakavissajjakasāṭiyaggāhāpakapattaggāhāpakaārāmikapesakasāmaṇerapesakasammutīnaṃ vasena terasāpi sammutiyo dātuṃ vaṭṭanti.
๓๘๒. อปิสูติ เอตฺถ สูติ นิปาตมตฺตํ, อปิ-สโทฺท อฎฺฐานปฺปยุโตฺต ‘‘วิกาเล’’ติ อิมสฺส อนนฺตรํ ทฎฺฐโพฺพ, วิกาเลปิ อาคจฺฉนฺตีติ อโตฺถฯ ชานนฺตาติ ทูรภาวํ ชานนฺตาฯ เอวํ สพฺพปเทสูติ เอตฺถ กติกสณฺฐานาทีนํ นานปฺปการตฺตา ตสฺมิํ ตสฺมิํ วิหาเร กติกวตฺตาทีนิ วิสุํ วิสุํ กถาเปตีติ เวทิตพฺพํฯ สพฺพวิหาเรสุ จ คมนมเคฺค สมปฺปมาเณ กตฺวา อธิฎฺฐาตีติ วทนฺติฯ อยญฺหิ นิมฺมิตานํ ธมฺมตาติ อนิยเมตฺวา นิมฺมิตานํ อยํ ‘‘เอกสฺมิํ ภาสมานสฺมิ’’นฺติอาทิ ธมฺมตาฯ ตถา หิ เย วณฺณวยสรีราวยวปริกฺขารกิริยาวิเสสาทีหิ นิยมํ อกตฺวา นิมฺมิตา โหนฺติ, เต อนิยเมตฺวา นิมฺมิตตฺตา อิทฺธิมตา สทิสาว โหนฺติฯ ฐานนิสชฺชาทีสุ ภาสิตตุณฺหีภาวาทีสุ วา ยํ ยํ อิทฺธิมา กโรติ, ตํ ตเทว กโรนฺติฯ สเจ ปน นานปฺปกาเร กาตุกาโม โหติ, เกจิ ปฐมวเย, เกจิ มชฺฌิมวเย, เกจิ ปจฺฉิมวเย, ตถา ทีฆเกเส, อุปฑฺฒมุเณฺฑ , มิสฺสกเกเส, อุปฑฺฒรตฺตจีวเร, ปณฺฑุกจีวเร, ปทภาณธมฺมกถาสรภญฺญปญฺหปุจฺฉนปญฺหวิสฺสชฺชนจีวรสิพฺพนโธวนาทีนิ กโรเนฺต, อปเรปิ วา นานปฺปการเก กาตุกาโม โหติ, เตน ปาทกชฺฌานโต วุฎฺฐาย ‘‘เอตฺตกา ภิกฺขู ปฐมวยา โหนฺตู’’ติอาทินา นเยน ปริกมฺมํ กตฺวา ปุน สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐาย อธิฎฺฐิเต อธิฎฺฐานจิเตฺตน สทฺธิํ อิจฺฉิติจฺฉิตปฺปการาเยว โหนฺติฯ อวตฺถุกวจนํ น โหตีติ นิมฺมิตานํ ‘‘อยํ มโญฺจ’’ติอาทิวจนํ อวตฺถุกํ น โหติ สพฺพตฺถ มญฺจปีฐานํ สมฺภวโตฯ
382.Apisūti ettha sūti nipātamattaṃ, api-saddo aṭṭhānappayutto ‘‘vikāle’’ti imassa anantaraṃ daṭṭhabbo, vikālepi āgacchantīti attho. Jānantāti dūrabhāvaṃ jānantā. Evaṃ sabbapadesūti ettha katikasaṇṭhānādīnaṃ nānappakārattā tasmiṃ tasmiṃ vihāre katikavattādīni visuṃ visuṃ kathāpetīti veditabbaṃ. Sabbavihāresu ca gamanamagge samappamāṇe katvā adhiṭṭhātīti vadanti. Ayañhi nimmitānaṃ dhammatāti aniyametvā nimmitānaṃ ayaṃ ‘‘ekasmiṃ bhāsamānasmi’’ntiādi dhammatā. Tathā hi ye vaṇṇavayasarīrāvayavaparikkhārakiriyāvisesādīhi niyamaṃ akatvā nimmitā honti, te aniyametvā nimmitattā iddhimatā sadisāva honti. Ṭhānanisajjādīsu bhāsitatuṇhībhāvādīsu vā yaṃ yaṃ iddhimā karoti, taṃ tadeva karonti. Sace pana nānappakāre kātukāmo hoti, keci paṭhamavaye, keci majjhimavaye, keci pacchimavaye, tathā dīghakese, upaḍḍhamuṇḍe , missakakese, upaḍḍharattacīvare, paṇḍukacīvare, padabhāṇadhammakathāsarabhaññapañhapucchanapañhavissajjanacīvarasibbanadhovanādīni karonte, aparepi vā nānappakārake kātukāmo hoti, tena pādakajjhānato vuṭṭhāya ‘‘ettakā bhikkhū paṭhamavayā hontū’’tiādinā nayena parikammaṃ katvā puna samāpajjitvā vuṭṭhāya adhiṭṭhite adhiṭṭhānacittena saddhiṃ icchiticchitappakārāyeva honti. Avatthukavacanaṃ na hotīti nimmitānaṃ ‘‘ayaṃ mañco’’tiādivacanaṃ avatthukaṃ na hoti sabbattha mañcapīṭhānaṃ sambhavato.
๓๘๓. เอกจาริกภตฺตนฺติ อติมนาปตฺตา วิสุํ ฐิติกาย ปาเปตพฺพํ ภตฺตํฯ ตทฺธิตโวหาเรนาติ จตฺตาริ ปริมาณมสฺส จตุกฺกนฺติ เอวํ ตทฺธิตโวหาเรนฯ โอทนสฺส ปุจฺฉาย สาธกตมตฺตา อาห – ‘‘กรณเตฺถเยว กรณวจน’’นฺติ, โอทเนน กรณภูเตน ปุจฺฉนฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ เย จ โอทเนน กรณภูเตน ปุจฺฉนฺติ, เตสํ ปุจฺฉนาการทสฺสนตฺถํ ‘‘กิํ, ภเนฺต, โอทนํ เทมาติ ปุจฺฉนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ
383.Ekacārikabhattanti atimanāpattā visuṃ ṭhitikāya pāpetabbaṃ bhattaṃ. Taddhitavohārenāti cattāri parimāṇamassa catukkanti evaṃ taddhitavohārena. Odanassa pucchāya sādhakatamattā āha – ‘‘karaṇattheyeva karaṇavacana’’nti, odanena karaṇabhūtena pucchantīti vuttaṃ hoti. Ye ca odanena karaṇabhūtena pucchanti, tesaṃ pucchanākāradassanatthaṃ ‘‘kiṃ, bhante, odanaṃ demāti pucchantī’’ti vuttaṃ.
ภโวติ ภวิตโพฺพฯ อสมนฺนาหริตฺวาติ อาโภคํ อกตฺวาฯ รตฺติํ สมฺมนฺตยมานาติ กญฺจิ กาลํ สุปิตฺวา วุฎฺฐาย สมฺมนฺตยมานาฯ รตฺติยญฺหิ ปฐมยามมชฺฌิมยาเมสุ สุปิตฺวา ปพุทฺธานํ อชฺชตนกาเลปิ อนชฺชตนาภิมาโน โหติ, ตสฺมา เต ‘‘หิโยฺย’’ติ อาหํสุฯ เย ปน รตฺติยํ กมฺมปฺปสุตา ชาคริยมนุยุตฺตา โหนฺติ, เตสํ อชฺชตนาภิมาโนเยว, ตสฺมา เต ‘‘อชฺช’’อิเจฺจว โวหรนฺติ, น ‘‘หิโยฺย’’ติฯ ปธูปายนฺตาติ ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนกโกธวเสน ปธูปายนฺตาฯ
Bhavoti bhavitabbo. Asamannāharitvāti ābhogaṃ akatvā. Rattiṃ sammantayamānāti kañci kālaṃ supitvā vuṭṭhāya sammantayamānā. Rattiyañhi paṭhamayāmamajjhimayāmesu supitvā pabuddhānaṃ ajjatanakālepi anajjatanābhimāno hoti, tasmā te ‘‘hiyyo’’ti āhaṃsu. Ye pana rattiyaṃ kammappasutā jāgariyamanuyuttā honti, tesaṃ ajjatanābhimānoyeva, tasmā te ‘‘ajja’’icceva voharanti, na ‘‘hiyyo’’ti. Padhūpāyantāti punappunaṃ uppajjanakakodhavasena padhūpāyantā.
๓๘๔. ทพฺพ ทพฺพาติ ทุติโย ทพฺพ-สโทฺท ปณฺฑิตาธิวจโนติ อาห ‘‘ทพฺพา ปณฺฑิตา’’ติฯ เอวํ น นิเพฺพเฐนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ นิเพฺพเฐนฺตีติ อตฺตานํ โทสโต โมเจนฺติฯ วุฎฺฐานลกฺขณํ มญฺญมานาติ วุฎฺฐานลกฺขณนฺติ มญฺญมานาฯ น ฆฎิยตีติ เถรสฺส สุสีลปฎิญฺญาย ตสฺสา ทุสฺสีลปฎิญฺญาวจนํ น ฆฎิยตีติ อธิปฺปาโยฯ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติฯ นาเสถาติ เสตกํ ทตฺวา คิหิภาวํ ปาเปถาติ อโตฺถฯ ลิงฺคนาสนา เหตฺถ อธิเปฺปตาฯ อิมเมว จ ทเสฺสตุํ ‘‘ติโสฺส นาสนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เอกกมฺมาทิสํวาสสฺส อกรณํ สํวาสนาสนาฯ ทณฺฑกมฺมนาสนา นาม วาลุกาทีนิ โอกิริตฺวา ยาว ขมาเปติ, ตาว ทณฺฑกมฺมวเสน นิกฺกฑฺฒนํฯ จร ปิเร วินสฺสาติ นิกฺกฑฺฒนาการทสฺสนํฯ ตตฺถ จราติ คจฺฉ, อเปหีติ วุตฺตํ โหติฯ ปิเรติ ปร อมามก, อมฺหากํ อนชฺฌตฺติกภูตาติ อโตฺถฯ ปิเรติ หิ ปร-สเทฺทน สมานตฺถํ สโมฺพธนวจนํฯ อถ วา ปิเรติ ‘‘ปรโต’’ติ อิมินา สมานตฺถํ นิปาตปทํ, ตสฺมา จร ปิเรติ ปรโต คจฺฉ, มา อิธ ติฎฺฐาติ อโตฺถฯ วินสฺสาติ อทสฺสนํ คจฺฉฯ
384.Dabbadabbāti dutiyo dabba-saddo paṇḍitādhivacanoti āha ‘‘dabbā paṇḍitā’’ti. Evaṃ na nibbeṭhentīti sambandho. Nibbeṭhentīti attānaṃ dosato mocenti. Vuṭṭhānalakkhaṇaṃ maññamānāti vuṭṭhānalakkhaṇanti maññamānā. Na ghaṭiyatīti therassa susīlapaṭiññāya tassā dussīlapaṭiññāvacanaṃ na ghaṭiyatīti adhippāyo. Ettha yaṃ vattabbaṃ, taṃ parato āvi bhavissati. Nāsethāti setakaṃ datvā gihibhāvaṃ pāpethāti attho. Liṅganāsanā hettha adhippetā. Imameva ca dassetuṃ ‘‘tisso nāsanā’’tiādi vuttaṃ. Ekakammādisaṃvāsassa akaraṇaṃ saṃvāsanāsanā. Daṇḍakammanāsanā nāma vālukādīni okiritvā yāva khamāpeti, tāva daṇḍakammavasena nikkaḍḍhanaṃ. Cara pire vinassāti nikkaḍḍhanākāradassanaṃ. Tattha carāti gaccha, apehīti vuttaṃ hoti. Pireti para amāmaka, amhākaṃ anajjhattikabhūtāti attho. Pireti hi para-saddena samānatthaṃ sambodhanavacanaṃ. Atha vā pireti ‘‘parato’’ti iminā samānatthaṃ nipātapadaṃ, tasmā cara pireti parato gaccha, mā idha tiṭṭhāti attho. Vinassāti adassanaṃ gaccha.
ยสฺมา เต ภิกฺขู อตฺตานํ อปฺปกาเสตฺวา ฐิตา, ตสฺมา อนุยุญฺชถาติ อิมสฺส คเวสถ ชานาถาติ อโตฺถ วุโตฺตฯ การโก โหตีติ ‘‘อเยฺยนมฺหิ ทูสิตา’’ติ ปฎิญฺญาตตฺตา ตาย ปฎิญฺญาย ยทิ นาสิตา, เถโร การโก โหติ, สโทโสติ อโตฺถฯ อการโก โหตีติ ตาย กตปฎิญฺญํ อนเปกฺขิตฺวา ยทิ ภควตา ปกติทุสฺสีลภาวํเยว สนฺธาย สา นาสิตา, เถโร อการโก โหตีติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘สกาย ปฎิญฺญาย นาเสถา’’ติ วุเตฺต ‘‘อเยฺยนมฺหิ ทูสิตา’’ติ ตาย กตปฎิญฺญาย ภูตตา อาปชฺชตีติ อาห – ‘‘ภเนฺต, ตุมฺหากํ วาเท เถโร การโก โหติ สโทโส’’ติฯ ภิกฺขุนิํ อนุทฺธํเสติ, ทุกฺกฎนฺติ อิมินา มหาอฎฺฐกถาวาโท ทสฺสิโตฯ มุสาวาเท ปาจิตฺติยนฺติ วุตฺตนฺติ ภิกฺขุนิํ อนุทฺธํเสนฺตสฺส มุสาวาเท ปาจิตฺติยนฺติ วุตฺตํฯ
Yasmā te bhikkhū attānaṃ appakāsetvā ṭhitā, tasmā anuyuñjathāti imassa gavesatha jānāthāti attho vutto. Kārako hotīti ‘‘ayyenamhi dūsitā’’ti paṭiññātattā tāya paṭiññāya yadi nāsitā, thero kārako hoti, sadosoti attho. Akārako hotīti tāya katapaṭiññaṃ anapekkhitvā yadi bhagavatā pakatidussīlabhāvaṃyeva sandhāya sā nāsitā, thero akārako hotīti adhippāyo. ‘‘Sakāya paṭiññāya nāsethā’’ti vutte ‘‘ayyenamhi dūsitā’’ti tāya katapaṭiññāya bhūtatā āpajjatīti āha – ‘‘bhante, tumhākaṃ vāde thero kārako hoti sadoso’’ti. Bhikkhuniṃ anuddhaṃseti, dukkaṭanti iminā mahāaṭṭhakathāvādo dassito. Musāvāde pācittiyanti vuttanti bhikkhuniṃ anuddhaṃsentassa musāvāde pācittiyanti vuttaṃ.
ตตฺราติ เตสุ ทุกฺกฎปาจิตฺติเยสุฯ อิโต ปฎฺฐาย ‘‘ตสฺมา ปาจิตฺติยเมว ยุชฺชตี’’ติ วจนปริยนฺตํ ทฺวีสุปิ อฎฺฐกถาสุ อธิปฺปายวิภาวนํฯ ตตฺถ ปุริมนเยติ ‘‘ภิกฺขุนิํ อนุทฺธํเสติ, ทุกฺกฎ’’นฺติ วุตฺตอฎฺฐกถานเยฯ ทุกฺกฎเมว ยุชฺชตีติ กสฺมา วุตฺตนฺติ เจ? ตตฺถ การณํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยถา’’ติอาทิมาหฯ ภิกฺขุโน ภิกฺขุสฺมิํ สงฺฆาทิเสโสติ ภิกฺขุํ อมูลเกน อนฺติมวตฺถุนา อนุทฺธํเสนฺตสฺส ภิกฺขุโน สงฺฆาทิเสโสติ อโตฺถฯ ปจฺฉิมนเยปิ ‘‘ภิกฺขุนิํ อนุทฺธํเสนฺตสฺส มุสาวาเท ปาจิตฺติย’’นฺติ วุตฺตํฯ กุรุนฺทีนเยปิ มุสาวาทตฺตา ปาจิตฺติยเมว ยุชฺชตีติ วิสํวาทปุเรกฺขตาย ปาจิตฺติยเมว ยุชฺชตีติ อธิปฺปาโยฯ ยทิ เอวํ ภิกฺขุํ อมูลเกน อนฺติมวตฺถุนา อนุทฺธํเสนฺตสฺส อโกฺกสนฺตสฺส จ มุสาวาทตฺตา ปาจิตฺติเยเนว ภวิตพฺพนฺติ เจ? ตตฺถ สติปิ มุสาวาเท วจนปฺปมาณโต สงฺฆาทิเสสโอมสวาทปาจิตฺติเยเหว ภวิตพฺพํ, น สมฺปชานมุสาวาทปาจิตฺติเยนาติ ทเสฺสตุํ ‘‘วจนปฺปมาณโต’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ วจนปฺปมาณโตติ ภควตา วุตฺตปาฬิวจนปฺปมาณโตฯ อิทานิ ตํ วจนํ ทเสฺสตุํ ‘‘อนุทฺธํสนาธิปฺปาเยนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ภิกฺขุสฺส ปน ภิกฺขุนิยา ทุกฺกฎนฺติ วจนํ นตฺถีติ ภิกฺขุนิยา อนุทฺธํสเน ภิกฺขุโน ทุกฺกฎนฺติ วจนํ นตฺถิ ตถา ปาฬิยํ อนาคตตฺตาฯ สมฺปชานมุสาวาเท ปาจิตฺติยนฺติ วจนมตฺถีติ สามญฺญโต วุตฺตํ สมฺปชานมุสาวาทสิกฺขาปทํ ทเสฺสติฯ
Tatrāti tesu dukkaṭapācittiyesu. Ito paṭṭhāya ‘‘tasmā pācittiyameva yujjatī’’ti vacanapariyantaṃ dvīsupi aṭṭhakathāsu adhippāyavibhāvanaṃ. Tattha purimanayeti ‘‘bhikkhuniṃ anuddhaṃseti, dukkaṭa’’nti vuttaaṭṭhakathānaye. Dukkaṭameva yujjatīti kasmā vuttanti ce? Tattha kāraṇaṃ dassento ‘‘yathā’’tiādimāha. Bhikkhuno bhikkhusmiṃ saṅghādisesoti bhikkhuṃ amūlakena antimavatthunā anuddhaṃsentassa bhikkhuno saṅghādisesoti attho. Pacchimanayepi ‘‘bhikkhuniṃ anuddhaṃsentassa musāvāde pācittiya’’nti vuttaṃ. Kurundīnayepi musāvādattā pācittiyameva yujjatīti visaṃvādapurekkhatāya pācittiyameva yujjatīti adhippāyo. Yadi evaṃ bhikkhuṃ amūlakena antimavatthunā anuddhaṃsentassa akkosantassa ca musāvādattā pācittiyeneva bhavitabbanti ce? Tattha satipi musāvāde vacanappamāṇato saṅghādisesaomasavādapācittiyeheva bhavitabbaṃ, na sampajānamusāvādapācittiyenāti dassetuṃ ‘‘vacanappamāṇato’’tiādimāha. Tattha vacanappamāṇatoti bhagavatā vuttapāḷivacanappamāṇato. Idāni taṃ vacanaṃ dassetuṃ ‘‘anuddhaṃsanādhippāyenā’’tiādi vuttaṃ. Bhikkhussa pana bhikkhuniyā dukkaṭanti vacanaṃ natthīti bhikkhuniyā anuddhaṃsane bhikkhuno dukkaṭanti vacanaṃ natthi tathā pāḷiyaṃ anāgatattā. Sampajānamusāvāde pācittiyanti vacanamatthīti sāmaññato vuttaṃ sampajānamusāvādasikkhāpadaṃ dasseti.
อิทานิ ทฺวีสุปิ อฎฺฐกถาวาเทสุ อธิปฺปายํ วิภาเวตฺวา เตสุ ปจฺฉิมวาเท โทสํ ทเสฺสตฺวา ปุริมวาทํ ปติฎฺฐเปตุกาโม อาจริโย ‘‘ตตฺร ปนา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺราติ ‘‘ปาจิตฺติยเมว ยุชฺชตี’’ติ วุตฺตวาเทฯ อนุทฺธํสนาธิปฺปาเย อสติ ปาจิตฺติยนฺติ อิมินา สมฺปชานมุสาวาเท ปาจิตฺติยสฺส โอกาสํ ทเสฺสติฯ วิสุํ ปาจิตฺติยํ วุตฺตนฺติ สมฺปชานมุสาวาเท ปาจิตฺติยโต วิสุํ อญฺญเมว ปาจิตฺติยํ วุตฺตํฯ เอเตหิ นาสนา นตฺถีติ สามญฺญโต วุตฺตํ, อิมิสฺสา ปน ทุกฺกเฎน นาสนา นตฺถีติ อธิปฺปาโยฯ ยทิ เอวํ กสฺมา นํ ภควา นาเสตีติ อาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิฯ
Idāni dvīsupi aṭṭhakathāvādesu adhippāyaṃ vibhāvetvā tesu pacchimavāde dosaṃ dassetvā purimavādaṃ patiṭṭhapetukāmo ācariyo ‘‘tatra panā’’tiādimāha. Tatrāti ‘‘pācittiyameva yujjatī’’ti vuttavāde. Anuddhaṃsanādhippāye asati pācittiyanti iminā sampajānamusāvāde pācittiyassa okāsaṃ dasseti. Visuṃ pācittiyaṃ vuttanti sampajānamusāvāde pācittiyato visuṃ aññameva pācittiyaṃ vuttaṃ. Etehi nāsanā natthīti sāmaññato vuttaṃ, imissā pana dukkaṭena nāsanā natthīti adhippāyo. Yadi evaṃ kasmā naṃ bhagavā nāsetīti āha ‘‘yasmā panā’’tiādi.
๓๘๕-๓๘๖. ทูสิโตติ ทุฎฺฐสทฺทสฺส กมฺมสาธนตํ ทเสฺสติฯ ทูสยติ ปรํ วินาเสตีติ ทูสโกฯ อิมินา ‘‘ทูสยตีติ โทโส’’ติ โทสสทฺทสฺส กตฺตุสาธนตา วุตฺตาฯ ปกติภาวํ ชหาปิโตติ ทุสสทฺทสฺส วิกติยํ ปฐิตตฺตา วุตฺตํ, ปกติยา โสมฺมภาวํ ชหาปิโตติ อโตฺถ, วิการมาปาทิโตติ วุตฺตํ โหติฯ อาการนานเตฺตนาติ ทูสิตาการสฺส ทูสกาการสฺส จ นานเตฺตนฯ อนภิรโทฺธติ อตุโฎฺฐฯ โย ปน อตุโฎฺฐ, โส สุขิโต นาม น โหตีติ อาห ‘‘น สุขิโต’’ติฯ ‘‘อาราธิโต ราชา’’ติอาทีสุ ปสาทิโตติ อตฺถสมฺภวโต ‘‘น วา ปสาทิโต’’ติ วุตฺตํฯ ขีลสโทฺท ถทฺธภาววจโน กจวรปริยาโย จ โหตีติ อาห – ‘‘จิตฺตถทฺธภาวจิตฺตกจวรสงฺขาตํ ปฎิฆขีล’’นฺติฯ ขีลยติ เตน จิตฺตํ ถทฺธภาวํ อาปชฺชตีติ ขีลํ, จิตฺตสฺส ถทฺธภาโวฯ โส จ อตฺถโต ปฎิโฆเยวฯ จิตฺตสฺส ถทฺธภาวลกฺขโณ หิ ปฎิโฆ, ตสฺมิญฺจ อุปฺปเนฺน จิตฺตํ อุกฺลาปชาตฎฺฐานํ วิย อมนุญฺญํ โหติ, ตสฺมา กจวรสทิสตฺตาปิ ปฎิโฆว ‘‘ขีล’’นฺติ วุโตฺตฯ เตนาห ‘‘ปฎิฆขีล’’นฺติฯ จิตฺตสฺส ถทฺธภาวตฺตา กจวรสทิสตฺตา จ ปฎิโฆเยว ขีลํ ปฎิฆขีลํฯ นปฺปตีโตติ ปีติสุขาทีหิ น อภิคโต น อนุคโต, น อุเปโตติ อโตฺถฯ โย จ ปีติสุขาทีหิ อนุปคโต, โส เตหิ วชฺชิโต นาม โหตีติ อาห ‘‘ปีติสุขาทีหิ วชฺชิโต’’ติฯ โย จ เตหิ วชฺชิโต, น โส เตน อภิสโฎ นาม โหตีติ อาห ‘‘น อภิสโฎ’’ติ, ปีติสุขาทีหิ น ปตฺถโฎติ อโตฺถฯ
385-386.Dūsitoti duṭṭhasaddassa kammasādhanataṃ dasseti. Dūsayati paraṃ vināsetīti dūsako. Iminā ‘‘dūsayatīti doso’’ti dosasaddassa kattusādhanatā vuttā. Pakatibhāvaṃ jahāpitoti dusasaddassa vikatiyaṃ paṭhitattā vuttaṃ, pakatiyā sommabhāvaṃ jahāpitoti attho, vikāramāpāditoti vuttaṃ hoti. Ākāranānattenāti dūsitākārassa dūsakākārassa ca nānattena. Anabhiraddhoti atuṭṭho. Yo pana atuṭṭho, so sukhito nāma na hotīti āha ‘‘na sukhito’’ti. ‘‘Ārādhito rājā’’tiādīsu pasāditoti atthasambhavato ‘‘na vā pasādito’’ti vuttaṃ. Khīlasaddo thaddhabhāvavacano kacavarapariyāyo ca hotīti āha – ‘‘cittathaddhabhāvacittakacavarasaṅkhātaṃ paṭighakhīla’’nti. Khīlayati tena cittaṃ thaddhabhāvaṃ āpajjatīti khīlaṃ, cittassa thaddhabhāvo. So ca atthato paṭighoyeva. Cittassa thaddhabhāvalakkhaṇo hi paṭigho, tasmiñca uppanne cittaṃ uklāpajātaṭṭhānaṃ viya amanuññaṃ hoti, tasmā kacavarasadisattāpi paṭighova ‘‘khīla’’nti vutto. Tenāha ‘‘paṭighakhīla’’nti. Cittassa thaddhabhāvattā kacavarasadisattā ca paṭighoyeva khīlaṃ paṭighakhīlaṃ. Nappatītoti pītisukhādīhi na abhigato na anugato, na upetoti attho. Yo ca pītisukhādīhi anupagato, so tehi vajjito nāma hotīti āha ‘‘pītisukhādīhi vajjito’’ti. Yo ca tehi vajjito, na so tena abhisaṭo nāma hotīti āha ‘‘na abhisaṭo’’ti, pītisukhādīhi na patthaṭoti attho.
เยนาติ เยน โกเปนฯ ทุโฎฺฐติ มาติกาย อาคตปทํ ทเสฺสติ, กุปิโตติ ปทภาชเน อาคตปทํฯ อตฺถโต เอกเตฺตปิ อุภินฺนํ ปทานํ วเสน ‘‘อุภยมฺปี’’ติ วุตฺตํฯ เอวํ ‘‘เตน จ โกเปน เตน จ โทเสนา’’ติ อิเมสํ ปทานํ วเสน ‘‘ทฺวีหี’’ติ วุตฺตํ, อตฺถโต ปน โทโสเยวฯ โส จ สงฺขารกฺขนฺธปริยาปโนฺนติ อาห ‘‘อิเมหิ ทฺวีหิ สงฺขารกฺขนฺธเมว ทเสฺสตี’’ติฯ ‘‘อนตฺตมนตา อนภิรทฺธี’’ติ วจเนหิ โทมนสฺสเวทนาว วุตฺตาติ อาห ‘‘อิเมหิ ทฺวีหิ เวทนากฺขนฺธํ ทเสฺสตี’’ติฯ
Yenāti yena kopena. Duṭṭhoti mātikāya āgatapadaṃ dasseti, kupitoti padabhājane āgatapadaṃ. Atthato ekattepi ubhinnaṃ padānaṃ vasena ‘‘ubhayampī’’ti vuttaṃ. Evaṃ ‘‘tena ca kopena tena ca dosenā’’ti imesaṃ padānaṃ vasena ‘‘dvīhī’’ti vuttaṃ, atthato pana dosoyeva. So ca saṅkhārakkhandhapariyāpannoti āha ‘‘imehi dvīhi saṅkhārakkhandhameva dassetī’’ti. ‘‘Anattamanatā anabhiraddhī’’ti vacanehi domanassavedanāva vuttāti āha ‘‘imehi dvīhi vedanākkhandhaṃ dassetī’’ti.
ยทา ปน โจทเกน อทิฎฺฐํ อสุตํ อปริสงฺกิตํ วา โหติ, ตทา อมูลกํ นาม โหตีติ อาห ‘‘ตํ ปนสฺส…เป.… โจทกวเสน อธิเปฺปต’’นฺติฯ ยทิ จุทิตกวเสน อธิเปฺปตํ สิยา, อมูลกํ นาม อนชฺฌาปนฺนนฺติ ปทภาชนํ วเทยฺยาติ อธิปฺปาโยฯ ยํ ปาราชิกนฺติ ภิกฺขุโน อนุรูเปสุ เอกูนวีสติยา ปาราชิเกสุ อญฺญตรํฯ ปทภาชเน ปน ปาฬิยํ อาคตาเนว คเหตฺวา ‘‘จตุนฺนํ อญฺญตเรนา’’ติ วุตฺตํฯ เอตนฺติ จุทิตกสฺส อาปนฺนานาปนฺนตฺตํฯ อิธาติ อิมสฺมิํ สิกฺขาปเทฯ
Yadā pana codakena adiṭṭhaṃ asutaṃ aparisaṅkitaṃ vā hoti, tadā amūlakaṃ nāma hotīti āha ‘‘taṃ panassa…pe… codakavasena adhippeta’’nti. Yadi cuditakavasena adhippetaṃ siyā, amūlakaṃ nāma anajjhāpannanti padabhājanaṃ vadeyyāti adhippāyo. Yaṃ pārājikanti bhikkhuno anurūpesu ekūnavīsatiyā pārājikesu aññataraṃ. Padabhājane pana pāḷiyaṃ āgatāneva gahetvā ‘‘catunnaṃ aññatarenā’’ti vuttaṃ. Etanti cuditakassa āpannānāpannattaṃ. Idhāti imasmiṃ sikkhāpade.
ตเถวาติ ปสาทโสเตน ทิพฺพโสเตน วาติ อิมมตฺถํ อติทิสติฯ สุตฺวาว ชานิตพฺพโต ‘‘สุตฎฺฐาเนเยว ติฎฺฐตี’’ติ วุตฺตํฯ ปริสงฺกนํ ปริสงฺกิตํ, ทิฎฺฐานุคตํ ปริสงฺกิตํ ทิฎฺฐปริสงฺกิตํฯ เอวํ เสเสสุปิฯ อิเมสนฺติ กตฺตุอเตฺถ สามิวจนํ, อิเมหีติ อโตฺถฯ กริสฺสนฺติ วาติ เอตฺถ วิภตฺติปริณามํ กตฺวา อิเมติ โยเชตพฺพํฯ ทิฎฺฐํ อตฺถิ สมูลกํ, อตฺถิ อมูลกนฺติ อิทํ อชฺฌาจารสฺส สพฺภาวาสพฺภาวํ สนฺธาย วุตฺตํฯ อตฺถิ สญฺญาสมูลกํ, อตฺถิ สญฺญาอมูลกนฺติ อิทํ ปน ทิฎฺฐสญฺญาย สพฺภาวาสพฺภาวํ สนฺธายฯ
Tathevāti pasādasotena dibbasotena vāti imamatthaṃ atidisati. Sutvāva jānitabbato ‘‘sutaṭṭhāneyeva tiṭṭhatī’’ti vuttaṃ. Parisaṅkanaṃ parisaṅkitaṃ, diṭṭhānugataṃ parisaṅkitaṃ diṭṭhaparisaṅkitaṃ. Evaṃ sesesupi. Imesanti kattuatthe sāmivacanaṃ, imehīti attho. Karissanti vāti ettha vibhattipariṇāmaṃ katvā imeti yojetabbaṃ. Diṭṭhaṃ atthi samūlakaṃ, atthi amūlakanti idaṃ ajjhācārassa sabbhāvāsabbhāvaṃ sandhāya vuttaṃ. Atthi saññāsamūlakaṃ, atthi saññāamūlakanti idaṃ pana diṭṭhasaññāya sabbhāvāsabbhāvaṃ sandhāya.
สมีเป ฐตฺวาติ ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตเร สมีเป ฐตฺวาติ วทนฺตีติ ตีสุปิ คณฺฐิปเทสุ วุตฺตํฯ ปรโต ปน ‘‘ทูตํ วา ปณฺณํ วา สาสนํ เปเสตฺวา โจเทนฺตสฺส สีสํ น เอตี’’ติ ปรมฺมุขาโจทนาย เอว อนาปตฺติยา วุตฺตตฺตา ‘‘สมีเป ฐตฺวา’’ติ อิทํ สมฺมุขภาวมตฺตทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ อมฺหากํ ขนฺติ ฯ เตเนว มาติกาฎฺฐกถายํ (กงฺขา. อฎฺฐ. ทุฎฺฐโทสสิกฺขาปทวณฺณนา) องฺคํ ทเสฺสเนฺตน ‘‘จาวนาธิปฺปาเยน สมฺมุขาโจทนา’’ติ วุตฺตํ, น จ สมฺมุขภาโว ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตเรเยวาติ นิยโม สกฺกา วตฺถุํฯ วินยวินิจฺฉยญฺจ ปตฺวา ครุเกเยว ฐาตพฺพนฺติ วุตฺตํ, ตสฺมา อุปปริกฺขิตฺวา ยุตฺตตรํ คเหตพฺพํฯ โจทาปกเสฺสว วาจาย วาจาย สงฺฆาทิเสโสติ อาณตฺตสฺส วาจาย วาจาย โจทาปกสฺส สงฺฆาทิเสโสฯ มยาปิ ทิฎฺฐํ สุตํ อตฺถีติ อิทํ อาณตฺตสฺสปิ โจทกภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, เอวํ ปน อวตฺวาปิ ‘‘ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปโนฺนสี’’ติ อิทเมว วจนํ ปรสฺส วจนํ วิย อกตฺวา อนุทฺธํสนาธิปฺปาเยน วทนฺตสฺส สงฺฆาทิเสโสเยวฯ สติปิ ปน อนุทฺธํสนาธิปฺปาเย ‘‘อสุเกน เอวํ วุตฺต’’นฺติ ทเสฺสตฺวา วทนฺตสฺส นตฺถิ สงฺฆาทิเสโสติ วทนฺติฯ
Samīpe ṭhatvāti dvādasahatthabbhantare samīpe ṭhatvāti vadantīti tīsupi gaṇṭhipadesu vuttaṃ. Parato pana ‘‘dūtaṃ vā paṇṇaṃ vā sāsanaṃ pesetvā codentassa sīsaṃ na etī’’ti parammukhācodanāya eva anāpattiyā vuttattā ‘‘samīpe ṭhatvā’’ti idaṃ sammukhabhāvamattadassanatthaṃ vuttanti amhākaṃ khanti . Teneva mātikāṭṭhakathāyaṃ (kaṅkhā. aṭṭha. duṭṭhadosasikkhāpadavaṇṇanā) aṅgaṃ dassentena ‘‘cāvanādhippāyena sammukhācodanā’’ti vuttaṃ, na ca sammukhabhāvo dvādasahatthabbhantareyevāti niyamo sakkā vatthuṃ. Vinayavinicchayañca patvā garukeyeva ṭhātabbanti vuttaṃ, tasmā upaparikkhitvā yuttataraṃ gahetabbaṃ. Codāpakasseva vācāya vācāya saṅghādisesoti āṇattassa vācāya vācāya codāpakassa saṅghādiseso. Mayāpi diṭṭhaṃ sutaṃ atthīti idaṃ āṇattassapi codakabhāvadassanatthaṃ vuttaṃ, evaṃ pana avatvāpi ‘‘pārājikaṃ dhammaṃ ajjhāpannosī’’ti idameva vacanaṃ parassa vacanaṃ viya akatvā anuddhaṃsanādhippāyena vadantassa saṅghādisesoyeva. Satipi pana anuddhaṃsanādhippāye ‘‘asukena evaṃ vutta’’nti dassetvā vadantassa natthi saṅghādisesoti vadanti.
สมฺพหุลา สมฺพหุเล สมฺพหุเลหิ วตฺถูหิ โจเทนฺตีติ เอตฺถ สมฺพหุเลติ พหุตฺตนิเทฺทเส การณํ น ทิสฺสติฯ วตฺถุโจทกานํเยว หิ เอกาเนกวเสน อิทํ จตุกฺกมาคตํ, น จุทิตกสฺสปิ เอกาเนกวเสนฯ ตถา หิ เอกเสฺสว จุทิตกสฺส วเสน เอกวตฺถุเอกโจทกเอกวตฺถุนานาโจทกนานาวตฺถุเอกโจทกนานาวตฺถุนานาโจทกปฺปเภทํ อิทํ จตุกฺกมาคตํ, เตเนว จตุตฺถโจทนํ ทเสฺสเนฺตนปิ ‘‘อิมิสฺสา โจทนาย นานาวตฺถูนิ นานาโจทกา’’ติ วุตฺตํ, น ปน ‘‘นานาจุทิตกา’’ติ, ตสฺมา ‘‘สมฺพหุเล’’ติ พหุตฺตนิเทฺทเส การณํ น ทิสฺสติฯ อถ วา ปฐมํ ตีสุปิ โจทนาสุ เอกเตฺตน จุทิตกํ นิทฺทิสิตฺวาปิ อิธ พหุเตฺตน นิเทฺทโส ‘‘น เกวลํ เอกสฺมิํเยว จุทิตเก โจทนา สมฺภวติ, อถ โข สมฺพหุเลสุปี’’ติ อิมมตฺถํ ทเสฺสตุํ กโตฯ
Sambahulā sambahule sambahulehi vatthūhi codentīti ettha sambahuleti bahuttaniddese kāraṇaṃ na dissati. Vatthucodakānaṃyeva hi ekānekavasena idaṃ catukkamāgataṃ, na cuditakassapi ekānekavasena. Tathā hi ekasseva cuditakassa vasena ekavatthuekacodakaekavatthunānācodakanānāvatthuekacodakanānāvatthunānācodakappabhedaṃ idaṃ catukkamāgataṃ, teneva catutthacodanaṃ dassentenapi ‘‘imissā codanāya nānāvatthūni nānācodakā’’ti vuttaṃ, na pana ‘‘nānācuditakā’’ti, tasmā ‘‘sambahule’’ti bahuttaniddese kāraṇaṃ na dissati. Atha vā paṭhamaṃ tīsupi codanāsu ekattena cuditakaṃ niddisitvāpi idha bahuttena niddeso ‘‘na kevalaṃ ekasmiṃyeva cuditake codanā sambhavati, atha kho sambahulesupī’’ti imamatthaṃ dassetuṃ kato.
โจเทตุํ ปน โก ลภติ, โก น ลภตีติอาทิ อนุทฺธํสนาธิปฺปายํ วินาปิ โจทนาลกฺขณํ ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ สีลสมฺปโนฺนติ อิทํ ทุสฺสีลสฺส วจนํ อปฺปมาณนฺติ อธิปฺปาเยน วุตฺตํฯ ภิกฺขุนีนํ ปน ภิกฺขุํ โจเทตุํ อนิสฺสรตฺตา ‘‘ภิกฺขุนิเมวา’’ติ วุตฺตํฯ สติปิ ภิกฺขุนีนํ ภิกฺขูสุ อนิสฺสรภาเว ตาหิ กตโจทนาปิ โจทนารุหตฺตา โจทนาเยวาติ อธิปฺปาเยน ‘‘ปญฺจปิ สหธมฺมิกา ลภนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ ภิกฺขุสฺส สุตฺวา โจเทตีติอาทินา โจทโก เยสํ สุตฺวา โจเทติ, เตสมฺปิ วจนํ ปมาณเมวาติ สมฺปฎิจฺฉิตตฺตา เตสํ โจทนาปิ รุหเตวาติ ทเสฺสตุํ เถโร สุตฺตํ นิทเสฺสสิฯ
Codetuṃ pana ko labhati, ko na labhatītiādi anuddhaṃsanādhippāyaṃ vināpi codanālakkhaṇaṃ dassetuṃ vuttaṃ. Sīlasampannoti idaṃ dussīlassa vacanaṃ appamāṇanti adhippāyena vuttaṃ. Bhikkhunīnaṃ pana bhikkhuṃ codetuṃ anissarattā ‘‘bhikkhunimevā’’ti vuttaṃ. Satipi bhikkhunīnaṃ bhikkhūsu anissarabhāve tāhi katacodanāpi codanāruhattā codanāyevāti adhippāyena ‘‘pañcapi sahadhammikā labhantī’’ti vuttaṃ. Bhikkhussa sutvā codetītiādinā codako yesaṃ sutvā codeti, tesampi vacanaṃ pamāṇamevāti sampaṭicchitattā tesaṃ codanāpi ruhatevāti dassetuṃ thero suttaṃ nidassesi.
ทูตํ วา ปณฺณํ วา สาสนํ วา เปเสตฺวาติ ‘‘ตฺวํเยว คนฺตฺวา โจเทหี’’ติ ทูตํ วา เปเสตฺวา โย ตํ โจเทตุํ สโกฺกติ, ตสฺส มุขสาสนํ วา ปณฺณํ วา เปเสตฺวาฯ สีสํ น เอตีติ สงฺฆาทิเสโส น โหตีติ อธิปฺปาโยฯ กิญฺจาปิ ปาฬิยํ ‘‘โจเทติ วา โจทาเปติ วา’’ติ สามญฺญโต วุตฺตตฺตา ทูตสาสนาทีหิ โจทาเปนฺตสฺสปิ อาปตฺติเยวาติ ปญฺญายติ, ‘‘สีสํ น เอตี’’ติ อิทํ ปน อฎฺฐกถาจริยปฺปมาเณน คเหตพฺพํฯ สมเยนาติ ปกติยา สทฺทํ สุตฺวา อตฺถวิชานนสมเยนฯ
Dūtaṃvā paṇṇaṃ vā sāsanaṃ vā pesetvāti ‘‘tvaṃyeva gantvā codehī’’ti dūtaṃ vā pesetvā yo taṃ codetuṃ sakkoti, tassa mukhasāsanaṃ vā paṇṇaṃ vā pesetvā. Sīsaṃ na etīti saṅghādiseso na hotīti adhippāyo. Kiñcāpi pāḷiyaṃ ‘‘codeti vā codāpeti vā’’ti sāmaññato vuttattā dūtasāsanādīhi codāpentassapi āpattiyevāti paññāyati, ‘‘sīsaṃ na etī’’ti idaṃ pana aṭṭhakathācariyappamāṇena gahetabbaṃ. Samayenāti pakatiyā saddaṃ sutvā atthavijānanasamayena.
ครุกานํ ทฺวินฺนนฺติ ปาราชิกสงฺฆาทิเสสานํฯ อวเสสานํ วเสนาติ ปญฺจลหุกาปตฺตีนํ วเสนฯ ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทิ ทสวตฺถุกา มิจฺฉาทิฎฺฐิฯ ‘‘อนฺตวา โลโก, อนนฺตวา โลโก’’ติอาทินยปฺปวตฺตา ทิฎฺฐิ สสฺสตุเจฺฉทสงฺขาตํ อนฺตํ คณฺหาตีติ อนฺตคฺคาหิกาฯ อาชีวเหตุ ปญฺญตฺตานํ ฉนฺนํ สิกฺขาปทานํ วเสนาติ อาชีวเหตุ อาชีวการณา ปาปิโจฺฉ อิจฺฉาปกโต อสนฺตํ อภูตํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ อุลฺลปติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺส, อาชีวเหตุ อาชีวการณา สญฺจริตฺตํ สมาปชฺชติ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺส, อาชีวเหตุ อาชีวการณา โย เต วิหาเร วสติ, โส ภิกฺขุ อรหาติ ภณติ, ปฎิวิชานนฺตสฺส อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺส, อาชีวเหตุ อาชีวการณา ภิกฺขุ ปณีตโภชนานิ อคิลาโน อตฺตโน อตฺถาย วิญฺญาเปตฺวา ภุญฺชติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺส, อาชีวเหตุ อาชีวการณา ภิกฺขุนี ปณีตโภชนานิ อคิลานา อตฺตโน อตฺถาย วิญฺญาเปตฺวา ภุญฺชติ, อาปตฺติ ปาฎิเทสนียสฺส, อาชีวเหตุ อาชีวการณา ภิกฺขุ สูปํ วา โอทนํ วา อคิลาโน อตฺตโน อตฺถาย วิญฺญาเปตฺวา ภุญฺชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺส, อาชีววิปตฺติปจฺจยา อิมา ฉ อาปตฺติโย อาปชฺชตีติ เอวํ ปริวารปาฬิยํ (ปริ. ๒๘๗) ทสฺสิตานํ ฉนฺนํ สิกฺขาปทานํ วเสนฯ ทิฎฺฐิวิปตฺติอาชีววิปตฺตีหิ โจเทโนฺตปิ ตมฺมูลิกาย อาปตฺติยา เอว โจเทติฯ
Garukānaṃ dvinnanti pārājikasaṅghādisesānaṃ. Avasesānaṃ vasenāti pañcalahukāpattīnaṃ vasena. ‘‘Natthi dinna’’ntiādi dasavatthukā micchādiṭṭhi. ‘‘Antavā loko, anantavā loko’’tiādinayappavattā diṭṭhi sassatucchedasaṅkhātaṃ antaṃ gaṇhātīti antaggāhikā. Ājīvahetu paññattānaṃ channaṃ sikkhāpadānaṃ vasenāti ājīvahetu ājīvakāraṇā pāpiccho icchāpakato asantaṃ abhūtaṃ uttarimanussadhammaṃ ullapati, āpatti pārājikassa, ājīvahetu ājīvakāraṇā sañcarittaṃ samāpajjati, āpatti saṅghādisesassa, ājīvahetu ājīvakāraṇā yo te vihāre vasati, so bhikkhu arahāti bhaṇati, paṭivijānantassa āpatti thullaccayassa, ājīvahetu ājīvakāraṇā bhikkhu paṇītabhojanāni agilāno attano atthāya viññāpetvā bhuñjati, āpatti pācittiyassa, ājīvahetu ājīvakāraṇā bhikkhunī paṇītabhojanāni agilānā attano atthāya viññāpetvā bhuñjati, āpatti pāṭidesanīyassa, ājīvahetu ājīvakāraṇā bhikkhu sūpaṃ vā odanaṃ vā agilāno attano atthāya viññāpetvā bhuñjati, āpatti dukkaṭassa, ājīvavipattipaccayā imā cha āpattiyo āpajjatīti evaṃ parivārapāḷiyaṃ (pari. 287) dassitānaṃ channaṃ sikkhāpadānaṃ vasena. Diṭṭhivipattiājīvavipattīhi codentopi tammūlikāya āpattiyā eva codeti.
‘‘กสฺมา มํ น วนฺทสี’’ติ ปุจฺฉิเต ‘‘อสฺสมโณสิ อสกฺยปุตฺติโยสี’’ติ อวนฺทนการณสฺส วุตฺตตฺตา อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปโนฺน น วนฺทิตโพฺพติ วทนฺติฯ โจเทตุกามตาย เอว อวนฺทิตฺวา อตฺตนา วตฺตพฺพสฺส วุตฺตมตฺถํ ฐเปตฺวา อวนฺทิยภาเว ตํ การณํ น โหตีติ จูฬคณฺฐิปเท มชฺฌิมคณฺฐิปเท จ วุตฺตํฯ อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺนสฺส อวนฺทนีเยสุ อวุตฺตตฺตา เตน สทฺธิํ สยนฺตสฺส สหเสยฺยาปตฺติยา อภาวโต ตสฺส จ ปฎิคฺคหณสฺส รุหนโต ตเทว ยุตฺตตรนฺติ วิญฺญายติฯ กิญฺจาปิ ยาว โส ภิกฺขุภาวํ ปฎิชานาติ, ตาว วนฺทิตโพฺพฯ ยทา ปน ‘‘อสฺสมโณมฺหี’’ติ ปฎิชานาติ, ตทา น วนฺทิตโพฺพติ อยเมตฺถ วิเสโส เวทิตโพฺพฯ อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺนสฺส หิ ภิกฺขุภาวํ ปฎิชานนฺตเสฺสว ภิกฺขุภาโว, น ตโต ปรํฯ ภิกฺขุภาวํ อปฺปฎิชานโนฺต หิ อนุปสมฺปนฺนปกฺขํ ภชติฯ ยสฺมา อามิสํ เทโนฺต อตฺตโน อิจฺฉิตฎฺฐาเนเยว เทติ, ตสฺมา ปฎิปาฎิยา นิสินฺนานํ ยาคุภตฺตาทีนิ เทเนฺตน เอกสฺส โจเทตุกามตาย อทิเนฺนปิ โจทนา นาม น โหตีติ อาห ‘‘น ตาวตา โจทนา โหตี’’ติฯ
‘‘Kasmā maṃ na vandasī’’ti pucchite ‘‘assamaṇosi asakyaputtiyosī’’ti avandanakāraṇassa vuttattā antimavatthuṃ ajjhāpanno na vanditabboti vadanti. Codetukāmatāya eva avanditvā attanā vattabbassa vuttamatthaṃ ṭhapetvā avandiyabhāve taṃ kāraṇaṃ na hotīti cūḷagaṇṭhipade majjhimagaṇṭhipade ca vuttaṃ. Antimavatthuṃ ajjhāpannassa avandanīyesu avuttattā tena saddhiṃ sayantassa sahaseyyāpattiyā abhāvato tassa ca paṭiggahaṇassa ruhanato tadeva yuttataranti viññāyati. Kiñcāpi yāva so bhikkhubhāvaṃ paṭijānāti, tāva vanditabbo. Yadā pana ‘‘assamaṇomhī’’ti paṭijānāti, tadā na vanditabboti ayamettha viseso veditabbo. Antimavatthuṃ ajjhāpannassa hi bhikkhubhāvaṃ paṭijānantasseva bhikkhubhāvo, na tato paraṃ. Bhikkhubhāvaṃ appaṭijānanto hi anupasampannapakkhaṃ bhajati. Yasmā āmisaṃ dento attano icchitaṭṭhāneyeva deti, tasmā paṭipāṭiyā nisinnānaṃ yāgubhattādīni dentena ekassa codetukāmatāya adinnepi codanā nāma na hotīti āha ‘‘na tāvatā codanā hotī’’ti.
ติํสานีติ ติํส เอเตสมตฺถีติ ติํสานิ, ติํสวนฺตานีติ อโตฺถ, ติํสาธิกานีติ วุตฺตํ โหติฯ คุณวจนตฺตา ตทฺธิตโลปํ กตฺวา ‘‘ติํสานี’’ติ วุตฺตํฯ อถ วา ติํส โจทนา อธิกา เอเตสูติ ติํสานิฯ ตสฺมิํ อธิกมิติ ฑการปจฺจเย สติ รูปมิทํ ทฎฺฐพฺพํฯ นวุตานีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ
Tiṃsānīti tiṃsa etesamatthīti tiṃsāni, tiṃsavantānīti attho, tiṃsādhikānīti vuttaṃ hoti. Guṇavacanattā taddhitalopaṃ katvā ‘‘tiṃsānī’’ti vuttaṃ. Atha vā tiṃsa codanā adhikā etesūti tiṃsāni. Tasmiṃ adhikamiti ḍakārapaccaye sati rūpamidaṃ daṭṭhabbaṃ. Navutānīti etthāpi eseva nayo.
อุพฺพาหิกาย ตํ อธิกรณํ วินิจฺฉินิตพฺพนฺติ อุพฺพาหิกาย สมฺมเตหิ ตํ อธิกรณํ วินิจฺฉินิตพฺพํฯ อลชฺชุสฺสนฺนาย หิ ปริสาย ทสหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อุพฺพาหิกาย สมฺมนฺนิตโพฺพฯ ‘‘สีลวา โหติ ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปโนฺน’’ติอาทินา สมถกฺขนฺธเก (จูฬว. ๒๓๑) วุตฺตทสงฺคสมฺปตฺติยา สมนฺนาคตา เทฺว ตโย ภิกฺขู อุจฺจินิตฺวา ตเตฺถว วุตฺตาย ญตฺติทุติยกมฺมวาจาย สมฺมนฺนิตพฺพาฯ เอวํ สมฺมเตหิ ปน เตหิ ภิกฺขูหิ วิสุํ วา นิสีทิตฺวา ตสฺสาเยว วา ปริสาย ‘‘อเญฺญหิ น กิญฺจิ กเถตพฺพ’’นฺติ สาเวตฺวา ตํ อธิกรณํ วินิจฺฉินิตพฺพํฯ ตุมฺหากนฺติ จุทิตกโจทเก สนฺธาย วุตฺตํฯ
Ubbāhikāya taṃ adhikaraṇaṃ vinicchinitabbanti ubbāhikāya sammatehi taṃ adhikaraṇaṃ vinicchinitabbaṃ. Alajjussannāya hi parisāya dasahaṅgehi samannāgato bhikkhu ubbāhikāya sammannitabbo. ‘‘Sīlavā hoti pātimokkhasaṃvarasaṃvuto viharati ācāragocarasampanno’’tiādinā samathakkhandhake (cūḷava. 231) vuttadasaṅgasampattiyā samannāgatā dve tayo bhikkhū uccinitvā tattheva vuttāya ñattidutiyakammavācāya sammannitabbā. Evaṃ sammatehi pana tehi bhikkhūhi visuṃ vā nisīditvā tassāyeva vā parisāya ‘‘aññehi na kiñci kathetabba’’nti sāvetvā taṃ adhikaraṇaṃ vinicchinitabbaṃ. Tumhākanti cuditakacodake sandhāya vuttaṃ.
กิมฺหีติ กิสฺมิํ วตฺถุสฺมิํฯ กิมฺหิ นมฺปิ น ชานาสีติ กิมฺหิ นนฺติ วจนมฺปิ น ชานาสิฯ นาสฺส อนุโยโค ทาตโพฺพติ นาสฺส ปุจฺฉา ปฎิปุจฺฉา ทาตพฺพาฯ ‘‘ทุมฺมงฺกูนํ ปุคฺคลานํ นิคฺคหายา’’ติอาทิวจนโต ‘‘อลชฺชีนิคฺคหตฺถาย…เป.… ปญฺญตฺต’’นฺติ วุตฺตํฯ เอหิตีติ อาคมิสฺสติฯ ทิฎฺฐสนฺตาเนนาติ ทิฎฺฐสมฺพเนฺธน, ทิฎฺฐนิยาเมนาติ วุตฺตํ โหติฯ วิวาทวตฺถุสงฺขาเต อเตฺถ ปจฺจตฺถิกา อตฺถปฺปจฺจตฺถิกาฯ สญฺญํ ทตฺวาติ เตสํ กถํ ปจฺฉินฺทิตฺวา อตฺตโน วจนํ สาเธตุํ สญฺญํ กตฺวาฯ อสุทฺธสญฺญาย อุปฺปนฺนตฺตา ‘‘อนนุจฺฉวิโก’’ติ อาหฯ เอกสโมฺภคปริโภคาติ อิทํ อตฺตโน สนฺติกา เตสํ โมจนตฺถํ วุตฺตํ, น ปน เตสํ อญฺญมญฺญสโมฺภเค โยชนตฺถํฯ วินิจฺฉโย น กาตโพฺพติ ‘‘อมฺหากํ วจเน อฎฺฐาตพฺพสภาวา เอเต อลชฺชิโน’’ติ ชานเนฺตน วินิจฺฉโย น กาตโพฺพฯ
Kimhīti kismiṃ vatthusmiṃ. Kimhi nampi na jānāsīti kimhi nanti vacanampi na jānāsi. Nāssa anuyogo dātabboti nāssa pucchā paṭipucchā dātabbā. ‘‘Dummaṅkūnaṃ puggalānaṃ niggahāyā’’tiādivacanato ‘‘alajjīniggahatthāya…pe… paññatta’’nti vuttaṃ. Ehitīti āgamissati. Diṭṭhasantānenāti diṭṭhasambandhena, diṭṭhaniyāmenāti vuttaṃ hoti. Vivādavatthusaṅkhāte atthe paccatthikā atthappaccatthikā. Saññaṃ datvāti tesaṃ kathaṃ pacchinditvā attano vacanaṃ sādhetuṃ saññaṃ katvā. Asuddhasaññāya uppannattā ‘‘ananucchaviko’’ti āha. Ekasambhogaparibhogāti idaṃ attano santikā tesaṃ mocanatthaṃ vuttaṃ, na pana tesaṃ aññamaññasambhoge yojanatthaṃ. Vinicchayo na kātabboti ‘‘amhākaṃ vacane aṭṭhātabbasabhāvā ete alajjino’’ti jānantena vinicchayo na kātabbo.
วิรทฺธํ โหตีติ อตฺตนา กตโทสปฺปฎิจฺฉาทนตฺถํ กญฺจิ มุสาวาทํ กตฺวา วิรทฺธํ โหติฯ ปฎิญฺญํ น เทตีติ สเจ มยา กตโทสํ วกฺขามิ, มยฺหํ อนุวตฺตกา ภิชฺชิสฺสนฺตีติ ‘‘กตํ มยา’’ติ ปฎิญฺญํ น เทติฯ สุโทฺธ โหตูติ เตสํ วจเนน สุโทฺธ นาม โหตุ, เตสํ วจเนน เอกเทฺววารมสฺส วินิจฺฉโย ทาตโพฺพติ อธิปฺปาโยฯ ฐาเน น ติฎฺฐตีติ ลชฺชิฎฺฐาเน น ติฎฺฐติฯ วินิจฺฉโย น ทาตโพฺพติ อลชฺชิภาวมาปนฺนตฺตา น ทาตโพฺพฯ
Viraddhaṃ hotīti attanā katadosappaṭicchādanatthaṃ kañci musāvādaṃ katvā viraddhaṃ hoti. Paṭiññaṃ na detīti sace mayā katadosaṃ vakkhāmi, mayhaṃ anuvattakā bhijjissantīti ‘‘kataṃ mayā’’ti paṭiññaṃ na deti. Suddho hotūti tesaṃ vacanena suddho nāma hotu, tesaṃ vacanena ekadvevāramassa vinicchayo dātabboti adhippāyo. Ṭhāne na tiṭṭhatīti lajjiṭṭhāne na tiṭṭhati. Vinicchayo na dātabboti alajjibhāvamāpannattā na dātabbo.
อมูลกมฺปิ สมูลกมฺปิ มูลํ คเหตฺวา วทนฺตีติ อาห ‘‘เทฺว มูลานี’’ติฯ กาเลน วกฺขามีติอาทีสุ เอโก เอกํ โอกาสํ กาเรตฺวา โจเทโนฺต กาเลน วทติ นามฯ สงฺฆมเชฺฌ คณมเชฺฌ สลากคฺคยาคุอคฺควิตกฺกมาฬกภิกฺขาจารมคฺคอาสนสาลาทีสุ อุปฎฺฐาเกหิ ปริวาริตกฺขเณ วา โจเทโนฺต อกาเลน วทติ นามฯ ตเจฺฉน วทโนฺต ภูเตน วทติ นามฯ ‘‘อโมฺภ มหลฺลก-ปริสาวจร-ปํสุกูลิก-ธมฺมกถิก-ปติรูปํ ตว อิท’’นฺติ วทโนฺต ผรุเสน วทติ นามฯ การณนิสฺสิตํ ปน กตฺวา ‘‘ภเนฺต มหลฺลกาตฺถ, ปริสาวจรา ปํสุกูลิกา ธมฺมกถิกาตฺถ, ปติรูปํ ตุมฺหากํ อิท’’นฺติ วทโนฺต สเณฺหน วทติ นามฯ การณนิสฺสิตํ กตฺวา วทโนฺต อตฺถสญฺหิเตน วทติ นามฯ เมตฺตจิโตฺต วกฺขามิ, โน โทสนฺตโรติ เมตฺตจิตฺตํ อุปฎฺฐาเปตฺวา วกฺขามิ, น ทุฎฺฐจิโตฺต หุตฺวาฯ ปนฺนรสสุ ธเมฺมสูติ ปริสุทฺธกายสมาจารตา, ปริสุทฺธวจีสมาจารตา, สพฺรหฺมจารีสุ เมตฺตจิตฺตตา, พหุสฺสุตตา, อุภินฺนํ ปาติโมกฺขานํ วิตฺถาเรน สฺวาคตสุวิภตฺตสุปฺปวตฺตสุวินิจฺฉิตตา, ‘‘กาเลน วกฺขามี’’ติอาทินา วุตฺตปญฺจธมฺมา, การุญฺญตา, หิเตสิตา, อนุกมฺปตา, อาปตฺติวุฎฺฐานตา, วินยปุเรกฺขารตาติ อิเมสุ ปนฺนรสสุ ธเมฺมสุฯ ตตฺถ การุญฺญตาติ การุณิกภาโวฯ อิมินา กรุณา จ กรุณาปุพฺพภาโค จ ทสฺสิโตฯ หิเตสิตาติ หิตคเวสนตาฯ อนุกมฺปตาติ เตน หิเตน สํโยชนาฯ ทฺวีหิปิ เมตฺตา จ เมตฺตาปุพฺพภาโค จ ทสฺสิโตฯ อาปตฺติวุฎฺฐานตาติ อาปตฺติโต วุฎฺฐาเปตฺวา สุทฺธเนฺต ปติฎฺฐาปนาฯ วตฺถุํ โจเทตฺวา สาเรตฺวา ปฎิญฺญํ อาโรเปตฺวา ยถาปฎิญฺญาย กมฺมกรณํ วินยปุเรกฺขารตา นามฯ สเจฺจ จ อกุเปฺป จาติ วจีสเจฺจ จ อกุปฺปตาย จฯ จุทิตเกน หิ สจฺจญฺจ วตฺตพฺพํ, โกโป จ น กาตโพฺพ, เนว อตฺตนา กุชฺฌิตโพฺพ, น ปโร ฆเฎฺฎตโพฺพติ อโตฺถฯ
Amūlakampi samūlakampi mūlaṃ gahetvā vadantīti āha ‘‘dve mūlānī’’ti. Kālena vakkhāmītiādīsu eko ekaṃ okāsaṃ kāretvā codento kālena vadati nāma. Saṅghamajjhe gaṇamajjhe salākaggayāguaggavitakkamāḷakabhikkhācāramaggaāsanasālādīsu upaṭṭhākehi parivāritakkhaṇe vā codento akālena vadati nāma. Tacchena vadanto bhūtena vadati nāma. ‘‘Ambho mahallaka-parisāvacara-paṃsukūlika-dhammakathika-patirūpaṃ tava ida’’nti vadanto pharusena vadati nāma. Kāraṇanissitaṃ pana katvā ‘‘bhante mahallakāttha, parisāvacarā paṃsukūlikā dhammakathikāttha, patirūpaṃ tumhākaṃ ida’’nti vadanto saṇhena vadati nāma. Kāraṇanissitaṃ katvā vadanto atthasañhitena vadati nāma. Mettacitto vakkhāmi, no dosantaroti mettacittaṃ upaṭṭhāpetvā vakkhāmi, na duṭṭhacitto hutvā. Pannarasasu dhammesūti parisuddhakāyasamācāratā, parisuddhavacīsamācāratā, sabrahmacārīsu mettacittatā, bahussutatā, ubhinnaṃ pātimokkhānaṃ vitthārena svāgatasuvibhattasuppavattasuvinicchitatā, ‘‘kālena vakkhāmī’’tiādinā vuttapañcadhammā, kāruññatā, hitesitā, anukampatā, āpattivuṭṭhānatā, vinayapurekkhāratāti imesu pannarasasu dhammesu. Tattha kāruññatāti kāruṇikabhāvo. Iminā karuṇā ca karuṇāpubbabhāgo ca dassito. Hitesitāti hitagavesanatā. Anukampatāti tena hitena saṃyojanā. Dvīhipi mettā ca mettāpubbabhāgo ca dassito. Āpattivuṭṭhānatāti āpattito vuṭṭhāpetvā suddhante patiṭṭhāpanā. Vatthuṃ codetvā sāretvā paṭiññaṃ āropetvā yathāpaṭiññāya kammakaraṇaṃ vinayapurekkhāratā nāma. Sacce ca akuppe cāti vacīsacce ca akuppatāya ca. Cuditakena hi saccañca vattabbaṃ, kopo ca na kātabbo, neva attanā kujjhitabbo, na paro ghaṭṭetabboti attho.
ภุมฺมปฺปตฺติยาติ ภุมฺมวจเน สมฺปเตฺต, ภุมฺมเตฺถ อิทํ อุปโยควจนนฺติ วุตฺตํ โหติฯ อธิกรียนฺติ เอตฺถาติ อธิกรณานิฯ เก อธิกรียนฺติ? สมถาฯ กถํ อธิกรียนฺติ? สมนวเสนฯ อธิกรณํ สเมนฺติ วูปสเมนฺตีติ หิ สมถาฯ อถ วา สมนตฺถาย ปวตฺตมาเนหิ สมเถหิ อธิกาตพฺพานีติ อธิกรณานิฯ ยถา หิ สมนวเสน สมถานํ วิวาทาทีสุ อธิกตฺตุภาโว, เอวํ วิวาทาทีนํ เตหิ อธิกตฺตพฺพตาปิฯ เตนาห ‘‘สมเถหิ อธิกรณียตา’’ติฯ อิมินา อธิกรณสทฺทสฺส กมฺมสาธนตา วุตฺตาฯ คาหนฺติ ‘‘อสุกํ โจเทสฺสามี’’ติ มนสา โจทนาย คหณํฯ เจตนนฺติ ‘‘โจเทสฺสามี’’ติ อุปฺปนฺนเจตนํฯ อกฺขนฺตินฺติ จุทิตเก อุปฺปนฺนํ อกฺขนฺติํฯ โวหารนฺติ โจทนาวสปฺปตฺตวจนํฯ ปณฺณตฺตินฺติ โจทนาวสปฺปวตฺตนามปณฺณตฺติํฯ อตฺตาทานํ คเหตฺวาติ โจทนํ มนสา คเหตฺวาฯ ตํ อธิกรณนฺติ ตํ คาหลกฺขณํ อธิกรณํฯ
Bhummappattiyāti bhummavacane sampatte, bhummatthe idaṃ upayogavacananti vuttaṃ hoti. Adhikarīyanti etthāti adhikaraṇāni. Ke adhikarīyanti? Samathā. Kathaṃ adhikarīyanti? Samanavasena. Adhikaraṇaṃ samenti vūpasamentīti hi samathā. Atha vā samanatthāya pavattamānehi samathehi adhikātabbānīti adhikaraṇāni. Yathā hi samanavasena samathānaṃ vivādādīsu adhikattubhāvo, evaṃ vivādādīnaṃ tehi adhikattabbatāpi. Tenāha ‘‘samathehi adhikaraṇīyatā’’ti. Iminā adhikaraṇasaddassa kammasādhanatā vuttā. Gāhanti ‘‘asukaṃ codessāmī’’ti manasā codanāya gahaṇaṃ. Cetananti ‘‘codessāmī’’ti uppannacetanaṃ. Akkhantinti cuditake uppannaṃ akkhantiṃ. Vohāranti codanāvasappattavacanaṃ. Paṇṇattinti codanāvasappavattanāmapaṇṇattiṃ. Attādānaṃ gahetvāti codanaṃ manasā gahetvā. Taṃ adhikaraṇanti taṃ gāhalakkhaṇaṃ adhikaraṇaṃ.
ตสฺมา ปณฺณตฺติ อธิกรณนฺติ อฎฺฐกถาสุ กตสนฺนิฎฺฐานํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ตมฺปิ น ยุตฺตนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘ตํ ปเนต’’นฺติอาทิมาหฯ เตติ อฎฺฐกถาจริยาฯ ปาราชิกธโมฺมติ ปาราชิกาปตฺติฯ อจฺจนฺตอกุสลตฺตาติ โลกวชฺชภาวโต ปาราชิกาปตฺติยา เอกนฺตอกุสลตฺตาฯ ยาย ปณฺณตฺติยาติ นามปณฺณตฺติํ สนฺธาย วทติฯ อภิลาเปนาติ ตเสฺสว เววจนํฯ ปญฺญโตฺตติ โวหารวเสน กถิโตฯ อธิกรเณ ปวตฺตตฺตา จ อธิกรณนฺติ มญฺจเฎฺฐสุ มญฺจโวหาโร วิยฯ ยสฺมา อมูลเกน โจเทโนฺต จุทิตเก ปุคฺคเล ตํ อธิกรณํ นตฺถีติ สลฺลเกฺขติ, ตสฺมา ตสฺส วจนํ อภิเธยฺยสุญฺญนฺติ อาห ‘‘สภาวโต นตฺถี’’ติฯ ตญฺจ โข อิเธวาติ ตญฺจ ยถาวุตฺตปริยาเยน ปณฺณตฺติยา อธิกรณภาโว อิเธว อิมสฺมิํเยว สิกฺขาปเทฯ ‘‘มาตาปิ ปุเตฺตน วิวทตี’’ติอาทินยปฺปวตฺตสฺส วิวาทสฺส อธิกรณภาโว น สมฺภวติ สมเถหิ อนธิกรณียตฺตาติ อาห ‘‘อิเธกโจฺจ วิวาโท’’ติฯ
Tasmāpaṇṇatti adhikaraṇanti aṭṭhakathāsu katasanniṭṭhānaṃ dassetvā idāni tampi na yuttanti dassetuṃ ‘‘taṃ paneta’’ntiādimāha. Teti aṭṭhakathācariyā. Pārājikadhammoti pārājikāpatti. Accantaakusalattāti lokavajjabhāvato pārājikāpattiyā ekantaakusalattā. Yāya paṇṇattiyāti nāmapaṇṇattiṃ sandhāya vadati. Abhilāpenāti tasseva vevacanaṃ. Paññattoti vohāravasena kathito. Adhikaraṇe pavattattā ca adhikaraṇanti mañcaṭṭhesu mañcavohāro viya. Yasmā amūlakena codento cuditake puggale taṃ adhikaraṇaṃ natthīti sallakkheti, tasmā tassa vacanaṃ abhidheyyasuññanti āha ‘‘sabhāvato natthī’’ti. Tañca kho idhevāti tañca yathāvuttapariyāyena paṇṇattiyā adhikaraṇabhāvo idheva imasmiṃyeva sikkhāpade. ‘‘Mātāpi puttena vivadatī’’tiādinayappavattassa vivādassa adhikaraṇabhāvo na sambhavati samathehi anadhikaraṇīyattāti āha ‘‘idhekacco vivādo’’ti.
อฎฺฐารสเภทกรวตฺถูนีติ ลกฺขณวจนเมตํ ยถา ‘‘ยทิ เม พฺยาธิตา ทเหยฺยุํ, ทาตพฺพมิทโมสธ’’นฺติ, ตสฺมา เตสุ อญฺญตรญฺญตรํ นิสฺสาย อุปฺปโนฺน วิวาโท ‘‘อฎฺฐารสเภทกรวตฺถูนิ นิสฺสาย อุปฺปโนฺน’’ติ วุจฺจติฯ อนุวาโทติ อุปวทนา เจว โจทนา จฯ ตตฺถ อุปวทนา นาม อโกฺกโสฯ ปญฺจปิ อาปตฺติกฺขนฺธาติ มาติกาย อาคตา ปญฺจ อาปตฺติกฺขนฺธาฯ สตฺตาติ เตเยว ปญฺจ, วิภเงฺค อาคตา ถุลฺลจฺจยทุพฺภาสิตาปตฺติโย เทฺวติ สตฺตฯ กิจฺจยตาติ กตฺตพฺพตาฯ กรณียตาติ ตเสฺสว เววจนํฯ อุภเยนปิ อปโลกนาทิสงฺฆกมฺมํเยว ทเสฺสติ, เตนาห ‘‘อปโลกนกมฺม’’นฺติอาทิฯ
Aṭṭhārasabhedakaravatthūnīti lakkhaṇavacanametaṃ yathā ‘‘yadi me byādhitā daheyyuṃ, dātabbamidamosadha’’nti, tasmā tesu aññataraññataraṃ nissāya uppanno vivādo ‘‘aṭṭhārasabhedakaravatthūni nissāya uppanno’’ti vuccati. Anuvādoti upavadanā ceva codanā ca. Tattha upavadanā nāma akkoso. Pañcapi āpattikkhandhāti mātikāya āgatā pañca āpattikkhandhā. Sattāti teyeva pañca, vibhaṅge āgatā thullaccayadubbhāsitāpattiyo dveti satta. Kiccayatāti kattabbatā. Karaṇīyatāti tasseva vevacanaṃ. Ubhayenapi apalokanādisaṅghakammaṃyeva dasseti, tenāha ‘‘apalokanakamma’’ntiādi.
อาปตฺตาธิกรณํ ฐเปตฺวา เสสาธิกรเณหิ โจทนาเยว นตฺถีติ อาห ‘‘อิมสฺมิํ ปนเตฺถ…เป.… อาปตฺตาธิกรณเมว อธิเปฺปต’’นฺติฯ สปทานุกฺกมนิเทฺทสสฺสาติ ปทานํ อนุกฺกเมน นิเทฺทโส ปทานุกฺกมนิเทฺทโส, ปทภาชนเสฺสตํ อธิวจนํฯ เตน สห วตฺตมานํ สปทานุกฺกมนิเทฺทสํ, สิกฺขาปทํ, ตสฺส ปทานุกฺกมนิเทฺทสสหิตสฺส สิกฺขาปทสฺสาติ อโตฺถ, ปทภาชนสหิตสฺสาติ วุตฺตํ โหติฯ
Āpattādhikaraṇaṃ ṭhapetvā sesādhikaraṇehi codanāyeva natthīti āha ‘‘imasmiṃ panatthe…pe… āpattādhikaraṇameva adhippeta’’nti. Sapadānukkamaniddesassāti padānaṃ anukkamena niddeso padānukkamaniddeso, padabhājanassetaṃ adhivacanaṃ. Tena saha vattamānaṃ sapadānukkamaniddesaṃ, sikkhāpadaṃ, tassa padānukkamaniddesasahitassa sikkhāpadassāti attho, padabhājanasahitassāti vuttaṃ hoti.
อสฺสาติ กตฺตุอเตฺถ สามิวจนํ, อเนนาติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘เอเตน โจทเกนา’’ติอาทิฯ อิธาคเตสูติ อิมสฺมิํ สิกฺขาปเท อาคเตสุฯ อญฺญตฺร อาคเตสูติ อิโต อญฺญตฺร โอมสวาทาทิสิกฺขาปทปาฬิยํ อาคเตสุฯ ทุสฺสีโลติ นิสฺสีโล สีลวิรหิโตฯ ปาปธโมฺมติ ทุสฺสีลตฺตา เอว หีนชฺฌาสยตาย ลามกสภาโวฯ อสุจิสงฺกสฺสรสมาจาโรติ อปริสุทฺธกายกมฺมาทิตาย อสุจิ หุตฺวา สงฺกาย สริตพฺพสมาจาโรฯ ทุสฺสีโล หิ กิญฺจิเทว อสารุปฺปํ ทิสฺวา ‘‘อิทํ อสุเกน กตํ ภวิสฺสตี’’ติ ปเรสํ อาสงฺกนีโย โหติ, เกนจิเทว วา กรณีเยน มนฺตยเนฺต ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘กจฺจิ นุ โข อิเม มยา กตกมฺมํ ชานิตฺวา มเนฺตนฺตี’’ติ อตฺตโนเยว สงฺกาย สริตพฺพสมาจาโรฯ ปฎิจฺฉนฺนกมฺมโนฺตติ ลชฺชิตพฺพตาย ปฎิจฺฉาเทตพฺพกมฺมโนฺตฯ อสฺสมโณติ น สมโณฯ สลากคฺคหณาทีสุ ‘‘อหมฺปิ สมโณ’’ติ มิจฺฉาปฎิญฺญาย สมณปฎิโญฺญฯ อเสฎฺฐจาริตาย อพฺรหฺมจารีฯ อุโปสถาทีสุ ‘‘อหมฺปิ พฺรหฺมจารี’’ติ มิจฺฉาปฎิญฺญาย พฺรหฺมจาริปฎิโญฺญฯ ปูตินา กเมฺมน สีลวิปตฺติยา อโนฺต อนุปวิฎฺฐตฺตา อโนฺตปูติฯ ฉทฺวาเรหิ ราคาทิกิเลสานุวสฺสเนน ตินฺตตฺตา อวสฺสุโตฯ สญฺชาตราคาทิกจวรตฺตา สีลวเนฺตหิ ฉเฑฺฑตพฺพตฺตา จ กสมฺพุชาโตฯ
Assāti kattuatthe sāmivacanaṃ, anenāti attho. Tenāha ‘‘etena codakenā’’tiādi. Idhāgatesūti imasmiṃ sikkhāpade āgatesu. Aññatra āgatesūti ito aññatra omasavādādisikkhāpadapāḷiyaṃ āgatesu. Dussīloti nissīlo sīlavirahito. Pāpadhammoti dussīlattā eva hīnajjhāsayatāya lāmakasabhāvo. Asucisaṅkassarasamācāroti aparisuddhakāyakammāditāya asuci hutvā saṅkāya saritabbasamācāro. Dussīlo hi kiñcideva asāruppaṃ disvā ‘‘idaṃ asukena kataṃ bhavissatī’’ti paresaṃ āsaṅkanīyo hoti, kenacideva vā karaṇīyena mantayante bhikkhū disvā ‘‘kacci nu kho ime mayā katakammaṃ jānitvā mantentī’’ti attanoyeva saṅkāya saritabbasamācāro. Paṭicchannakammantoti lajjitabbatāya paṭicchādetabbakammanto. Assamaṇoti na samaṇo. Salākaggahaṇādīsu ‘‘ahampi samaṇo’’ti micchāpaṭiññāya samaṇapaṭiñño. Aseṭṭhacāritāya abrahmacārī. Uposathādīsu ‘‘ahampi brahmacārī’’ti micchāpaṭiññāya brahmacāripaṭiñño. Pūtinā kammena sīlavipattiyā anto anupaviṭṭhattā antopūti. Chadvārehi rāgādikilesānuvassanena tintattā avassuto. Sañjātarāgādikacavarattā sīlavantehi chaḍḍetabbattā ca kasambujāto.
อิธ ปาฬิยนฺติ อิมสฺมิํ สิกฺขาปเท ปาฬิยํฯ เชฎฺฐพฺพติโกติ กลิเทวีวตนิยุโตฺตฯ กลิเทวี กิร สิรีเทวิยา เชฎฺฐา, ตสฺมา ตสฺสา วตธโร ‘‘เชฎฺฐพฺพติโก’’ติ วุจฺจติฯ ตํ ปน วตํ สมาทิยิตฺวา ปูเรโนฺต สกลสรีเร มสิํ มเกฺขตฺวา กากปตฺตานิ มุฎฺฐิยํ กตฺวา กลิเทวิํ ผลเก ลิขาเปตฺวา ตํ กาชโกฎิยํ พนฺธิตฺวา โถเมโนฺต วิจรติฯ ยทเคฺคนาติ ยตฺตเกนฯ ตทเคฺคนาติ ตตฺตเกนฯ โน กเปฺปตีติอาทิ เวมติกภาวทีปนตฺถเมว วุตฺตนฺติ มหาปทุมเตฺถรสฺส อธิปฺปาโยฯ ทุติยเตฺถโร ปน ‘‘โน กเปฺปติ, นสฺสรติ, ปมุโฎฺฐ’’ติ เอเตหิ เวมติกภาวาวตฺถาย อทีปนโต อโญฺญ เวมติกภาโว, อญฺญานิ โน กปฺปนาทีนีติ จตุนฺนมฺปิ วิภาเคน อตฺถํ ทเสฺสติ, ตสฺมา ตสฺส วาโท ยุตฺตตโรติ ปจฺฉา วุโตฺตฯ ทสฺสเน เวมติโก โหตีติ ปุคฺคเล ญาเตปิ ตสฺส กิริยาย สมฺมา อทิฎฺฐภาวโต จิรกาลาติกฺกมโต วา ตํ กิริยํ กโรโนฺต ‘‘เอส มยา ทิโฎฺฐ วา, น วา’’ติ ทสฺสเน เวมติโก โหติฯ ปุคฺคเล เวมติโก โหตีติ เตน กตกเมฺม ญาเตปิ ตํ กมฺมํ กโรนฺตสฺส สมฺมา อทิฎฺฐภาวโต กาลนฺตรภาวโต วา ‘‘ตสฺส กมฺมสฺส การโก อยํ วา, โน’’ติ ปุคฺคเล เวมติโก โหติฯ
Idha pāḷiyanti imasmiṃ sikkhāpade pāḷiyaṃ. Jeṭṭhabbatikoti kalidevīvataniyutto. Kalidevī kira sirīdeviyā jeṭṭhā, tasmā tassā vatadharo ‘‘jeṭṭhabbatiko’’ti vuccati. Taṃ pana vataṃ samādiyitvā pūrento sakalasarīre masiṃ makkhetvā kākapattāni muṭṭhiyaṃ katvā kalideviṃ phalake likhāpetvā taṃ kājakoṭiyaṃ bandhitvā thomento vicarati. Yadaggenāti yattakena. Tadaggenāti tattakena. No kappetītiādi vematikabhāvadīpanatthameva vuttanti mahāpadumattherassa adhippāyo. Dutiyatthero pana ‘‘no kappeti, nassarati, pamuṭṭho’’ti etehi vematikabhāvāvatthāya adīpanato añño vematikabhāvo, aññāni no kappanādīnīti catunnampi vibhāgena atthaṃ dasseti, tasmā tassa vādo yuttataroti pacchā vutto. Dassane vematiko hotīti puggale ñātepi tassa kiriyāya sammā adiṭṭhabhāvato cirakālātikkamato vā taṃ kiriyaṃ karonto ‘‘esa mayā diṭṭho vā, na vā’’ti dassane vematiko hoti. Puggale vematiko hotīti tena katakamme ñātepi taṃ kammaṃ karontassa sammā adiṭṭhabhāvato kālantarabhāvato vā ‘‘tassa kammassa kārako ayaṃ vā, no’’ti puggale vematiko hoti.
๓๘๙. ‘‘ตชฺชนียกมฺมาทิสตฺตวิธมฺปิ กมฺมํ กริสฺสามา’’ติ อาปตฺติยา โจเทนฺตสฺส อธิปฺปาโย กมฺมาธิปฺปาโยฯ ‘‘อาปตฺติโต วุฎฺฐาเปสฺสามี’’ติ อธิปฺปาโย วุฎฺฐานาธิปฺปาโยฯ อนุทฺธํเสนฺตสฺสาติ อิมินา จาวนาธิปฺปายํ ทเสฺสติฯ อโกฺกสาธิปฺปาเยน วทนฺตสฺส ปาจิตฺติยนฺติ อโกฺกสาธิปฺปาเยน สตฺตหิปิ อาปตฺติกฺขเนฺธหิ สมฺมุขา วทนฺตสฺส ปาจิตฺติยํฯ ทุกฺกฎนฺติ อโกฺกสาธิปฺปาเยน วทนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ
389. ‘‘Tajjanīyakammādisattavidhampi kammaṃ karissāmā’’ti āpattiyā codentassa adhippāyo kammādhippāyo. ‘‘Āpattito vuṭṭhāpessāmī’’ti adhippāyo vuṭṭhānādhippāyo. Anuddhaṃsentassāti iminā cāvanādhippāyaṃ dasseti. Akkosādhippāyena vadantassa pācittiyanti akkosādhippāyena sattahipi āpattikkhandhehi sammukhā vadantassa pācittiyaṃ. Dukkaṭanti akkosādhippāyena vadantassa dukkaṭaṃ.
‘‘เอวํ สํวทฺธา หิ ตสฺส ภควโต ปริสา ยทิทํ อญฺญมญฺญวจเนน อญฺญมญฺญวุฎฺฐาปเนนา’’ติ วจนโต กุรุนฺทฎฺฐกถานยํ ปติฎฺฐเปโนฺต ‘‘กุรุนฺทิยํ ปนา’’ติอาทิมาห ฯ สพฺพเตฺถวาติ สพฺพอฎฺฐกถาสุฯ ยฺย-กาเร สมฺปเตฺต เร-กาโร อติกฺกโนฺต นาม โหตีติ อาห ‘‘เร-กาเร อนติกฺกเนฺต’’ติฯ อุโปสถสฺส ญตฺติกมฺมภาวโต ญตฺติยา สมตฺตาย อุโปสโถ กโต นาม โหตีติ อาห ‘‘ยฺย-กาเร สมฺปเตฺต น ลพฺภตี’’ติฯ
‘‘Evaṃ saṃvaddhā hi tassa bhagavato parisā yadidaṃ aññamaññavacanena aññamaññavuṭṭhāpanenā’’ti vacanato kurundaṭṭhakathānayaṃ patiṭṭhapento ‘‘kurundiyaṃpanā’’tiādimāha . Sabbatthevāti sabbaaṭṭhakathāsu. Yya-kāre sampatte re-kāro atikkanto nāma hotīti āha ‘‘re-kāre anatikkante’’ti. Uposathassa ñattikammabhāvato ñattiyā samattāya uposatho kato nāma hotīti āha ‘‘yya-kāre sampatte na labbhatī’’ti.
อิทญฺจิทญฺจาติ ‘‘ปาณาติปาตํ อทินฺนาทาน’’นฺติอาทิํฯ ‘‘อสุโก จ อสุโก จ อสฺสมโณ อนุปาสโก’’ติ อโกฺกสาธิปฺปาเยน ปรมฺมุขา วทนฺตสฺส ทุกฺกฎํ, สมฺมุขา วทนฺตสฺส ปน ปาจิตฺติยเมวฯ ยถา ‘‘อสูริยํ ปสฺสติ กญฺญา’’ติ เอตฺถ ‘‘สูริยํ น ปสฺสติ กญฺญา’’ติ อยมโตฺถ ลพฺภติ, เอวํ ‘‘อโนกาสํ การาเปตฺวา’’ติ เอตฺถาปิ ‘‘โอกาสํ อการาเปตฺวา’’ติ อยมโตฺถ ลพฺภตีติ อาห ‘‘ยํ ปนา’’ติอาทิฯ ยํ โจเทติ, ตสฺส อุปสมฺปโนฺนติ สงฺขฺยูปคมนํ, ตสฺมิํ สุทฺธสญฺญิตา, เยน ปาราชิเกน โจเทติ, ตสฺส ทิฎฺฐาทิวเสน อมูลกตา, จาวนาธิปฺปาเยน สมฺมุขา โจทนา, ตสฺส ตงฺขณวิชานนนฺติ อิมาเนตฺถ ปญฺจ องฺคานิฯ
Idañcidañcāti ‘‘pāṇātipātaṃ adinnādāna’’ntiādiṃ. ‘‘Asuko ca asuko ca assamaṇo anupāsako’’ti akkosādhippāyena parammukhā vadantassa dukkaṭaṃ, sammukhā vadantassa pana pācittiyameva. Yathā ‘‘asūriyaṃ passati kaññā’’ti ettha ‘‘sūriyaṃ na passati kaññā’’ti ayamattho labbhati, evaṃ ‘‘anokāsaṃ kārāpetvā’’ti etthāpi ‘‘okāsaṃ akārāpetvā’’ti ayamattho labbhatīti āha ‘‘yaṃ panā’’tiādi. Yaṃ codeti, tassa upasampannoti saṅkhyūpagamanaṃ, tasmiṃ suddhasaññitā, yena pārājikena codeti, tassa diṭṭhādivasena amūlakatā, cāvanādhippāyena sammukhā codanā, tassa taṅkhaṇavijānananti imānettha pañca aṅgāni.
ปฐมทุฎฺฐโทสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭhamaduṭṭhadosasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๘. ทุฎฺฐโทสสิกฺขาปทํ • 8. Duṭṭhadosasikkhāpadaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๘. ปฐมทุฎฺฐโทสสิกฺขาปทวณฺณนา • 8. Paṭhamaduṭṭhadosasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๘. ปฐมทุฎฺฐโทสสิกฺขาปทวณฺณนา • 8. Paṭhamaduṭṭhadosasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๘. ปฐมทุฎฺฐโทสสิกฺขาปทวณฺณนา • 8. Paṭhamaduṭṭhadosasikkhāpadavaṇṇanā