Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā

    ๘. ปฐมทุฎฺฐโทสสิกฺขาปทวณฺณนา

    8. Paṭhamaduṭṭhadosasikkhāpadavaṇṇanā

    ๓๘๐. สาวเกน ปตฺตพฺพนฺติ ปกติสาวกํ สนฺธาย วุตฺตํ, น อคฺคสาวกํฯ ยถูปนิสฺสยยถาปุคฺคลวเสน ‘‘ติโสฺส วิชฺชา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เกนจิ สาวเกน ติโสฺส วิชฺชา, เกนจิ จตโสฺส ปฎิสมฺภิทา, เกนจิ ฉ อภิญฺญา, เกนจิ เกวโล นวโลกุตฺตรธโมฺมติ เอวํ วิสุํ วิสุํ ยถาสมฺภวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    380.Sāvakena pattabbanti pakatisāvakaṃ sandhāya vuttaṃ, na aggasāvakaṃ. Yathūpanissayayathāpuggalavasena ‘‘tisso vijjā’’tiādi vuttaṃ. Kenaci sāvakena tisso vijjā, kenaci catasso paṭisambhidā, kenaci cha abhiññā, kenaci kevalo navalokuttaradhammoti evaṃ visuṃ visuṃ yathāsambhavaṃ vuttanti veditabbaṃ.

    ๓๘๒. ‘‘เย เต ภิกฺขู สุตฺตนฺติกา’’ติอาทิวจนโต ธรมาเนปิ ภควติ ปิฎกตฺตยปริเจฺฉโท อตฺถีติ สิทฺธํฯ ธมฺมกถิกาติ อาภิธมฺมิกา รติยา อจฺฉิสฺสนฺตีติอาทิ อายสฺมโต ทพฺพสฺส เนสํ ติรจฺฉานกถาย รตินิโยชนํ วิย ทิสฺสติ, น ตถา ทฎฺฐพฺพํฯ สุตฺตนฺติกาทิสํสคฺคโต เตสํ สุตฺตนฺติกาทีนํ ผาสุวิหารนฺตรายํ, เตสมฺปิ ติรจฺฉานกถารติยา อภาเวน อนภิรติวาสํ, ตโต เนสํ สามญฺญา จาวนญฺจ ปริวชฺชโนฺต เอวํ จิเนฺตสีติ ทฎฺฐพฺพํฯ ‘‘นิมฺมิตานํ ธมฺมตาติ สาวเกหิ นิมฺมิตานํเยว, น พุเทฺธหี’’ติ วทนฺติฯ ‘‘สาธกตมํ กรณ’’นฺติ เอวํ วุเตฺต กรณเตฺถเยว ตติยาวิภตฺตีติ อโตฺถฯ

    382.‘‘Ye te bhikkhū suttantikā’’tiādivacanato dharamānepi bhagavati piṭakattayaparicchedo atthīti siddhaṃ. Dhammakathikāti ābhidhammikā ratiyā acchissantītiādi āyasmato dabbassa nesaṃ tiracchānakathāya ratiniyojanaṃ viya dissati, na tathā daṭṭhabbaṃ. Suttantikādisaṃsaggato tesaṃ suttantikādīnaṃ phāsuvihārantarāyaṃ, tesampi tiracchānakathāratiyā abhāvena anabhirativāsaṃ, tato nesaṃ sāmaññā cāvanañca parivajjanto evaṃ cintesīti daṭṭhabbaṃ. ‘‘Nimmitānaṃ dhammatāti sāvakehi nimmitānaṃyeva, na buddhehī’’ti vadanti. ‘‘Sādhakatamaṃ karaṇa’’nti evaṃ vutte karaṇattheyeva tatiyāvibhattīti attho.

    ๓๘๓-๔. นฺติ เยนฯ ‘‘กตฺตาติ กตฺตา, น กตฺตา’’ติ ลิขิตํฯ ‘‘ภริยํ วิย มํ อชฺฌาจรตี’’ติ วทนฺติยา พลวตี โจทนาฯ เตน หีติ เอตฺถ ยถา ฉุปนมเตฺต วิปฺปฎิสารีวตฺถุสฺมิํ กายสํสคฺคราคสมฺภวา อปุจฺฉิตฺวา เอว สงฺฆาทิเสสํ ปญฺญาเปสิ, ตเถว ปุเพฺพวสฺสา ทุสฺสีลภาวํ ญตฺวา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ยทิ ตาว ภูตาย ปฎิญฺญาย นาสิตา, เถโร การโก โหติฯ อถ อภูตาย, ภควตา ‘‘นาเสถา’’ติ น วตฺตพฺพํ, วุตฺตญฺจ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ยทิ ตาว ปฎิญฺญาย นาสิตา, เถโร การโก โหตี’’ติฯ

    383-4.Yanti yena. ‘‘Kattāti kattā, na kattā’’ti likhitaṃ. ‘‘Bhariyaṃ viya maṃ ajjhācaratī’’ti vadantiyā balavatī codanā. Tena hīti ettha yathā chupanamatte vippaṭisārīvatthusmiṃ kāyasaṃsaggarāgasambhavā apucchitvā eva saṅghādisesaṃ paññāpesi, tatheva pubbevassā dussīlabhāvaṃ ñatvā vuttanti veditabbaṃ. Yadi tāva bhūtāya paṭiññāya nāsitā, thero kārako hoti. Atha abhūtāya, bhagavatā ‘‘nāsethā’’ti na vattabbaṃ, vuttañca, tasmā vuttaṃ ‘‘yadi tāva paṭiññāya nāsitā, thero kārako hotī’’ti.

    อถ อปฺปฎิญฺญายาติ ‘‘อเยฺยนมฺหิ ทูสิตา’’ติ อิมํ ปฎิญฺญํ วินา เอว ตสฺสา ปกติทุสฺสีลภาวํ สนฺธาย นาสิตา, เถโร อการโก โหติฯ อภยคิริวาสิโนปิ อตฺตโน สุตฺตํ วตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ วาเท เถโร การโก’’ติ วทนฺติ, กสฺมา? ทุกฺกฎํ มุสาวาทปจฺจยา ลิงฺคนาสนาย อนาเสตพฺพตฺตาฯ ปาราชิกเสฺสว หิ ลิงฺคนาสนาย นาเสตพฺพาฯ ‘‘นาเสถา’’ติ จ วุตฺตตฺตา ปาราชิกาว ชาตา, สา กิํ สนฺธาย, ตโต เถโร การโก อาปชฺชติฯ ‘‘สกาย ปฎิญฺญาย นาเสถา’’ติ วุเตฺต ปน อปาราชิกาปิ อตฺตโน วจเนน นาเสตพฺพา ชาตาติ อธิปฺปาโยฯ มหาวิหารวาสิโนปิ อตฺตโน สุตฺตํ วตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ วาเท เถโร การโก’’ติ จ วทนฺติฯ กสฺมา? ‘‘สกาย ปฎิญฺญาย นาเสถา’’ติ หิ วุเตฺต ปฎิญฺญาย ภูตตา อาปชฺชติ ‘‘นาเสถา’’ติ วจนโตฯ ภูตาเยว หิ ปฎิญฺญาย นาเสตพฺพา โหติ, นาภูตายาติ อธิปฺปาโยฯ ปุริมนเยติ ทุกฺกฎวาเทฯ ปุริโม ยุตฺติวเสน ปวโตฺต, ปจฺฉิโม ปาฬิวจนวเสน ปวโตฺตติ เวทิตโพฺพฯ

    Atha appaṭiññāyāti ‘‘ayyenamhi dūsitā’’ti imaṃ paṭiññaṃ vinā eva tassā pakatidussīlabhāvaṃ sandhāya nāsitā, thero akārako hoti. Abhayagirivāsinopi attano suttaṃ vatvā ‘‘tumhākaṃ vāde thero kārako’’ti vadanti, kasmā? Dukkaṭaṃ musāvādapaccayā liṅganāsanāya anāsetabbattā. Pārājikasseva hi liṅganāsanāya nāsetabbā. ‘‘Nāsethā’’ti ca vuttattā pārājikāva jātā, sā kiṃ sandhāya, tato thero kārako āpajjati. ‘‘Sakāya paṭiññāya nāsethā’’ti vutte pana apārājikāpi attano vacanena nāsetabbā jātāti adhippāyo. Mahāvihāravāsinopi attano suttaṃ vatvā ‘‘tumhākaṃ vāde thero kārako’’ti ca vadanti. Kasmā? ‘‘Sakāya paṭiññāya nāsethā’’ti hi vutte paṭiññāya bhūtatā āpajjati ‘‘nāsethā’’ti vacanato. Bhūtāyeva hi paṭiññāya nāsetabbā hoti, nābhūtāyāti adhippāyo. Purimanayeti dukkaṭavāde. Purimo yuttivasena pavatto, pacchimo pāḷivacanavasena pavattoti veditabbo.

    ๓๘๕-๖. ปีติสุเขหีติ เอตฺถ ‘‘สุเขนา’’ติ วตฺตเพฺพ ปีติคฺคหณํ ตติยชฺฌานสุขํ, กายิกญฺจ อปเนตุํ สมฺปยุตฺตปีติยา วุตฺตํฯ สเจ จุทิตกวเสน กตํ อมูลกํ นาม, ‘‘อนชฺฌาปนฺนํ อกต’’นฺติ วเทยฺย, อิเม กริสฺสนฺติ, ตสฺมา ‘‘ตาทิสํ ทิฎฺฐสญฺญี หุตฺวา โจเทตี’’ติ ปาโฐ ฯ ‘‘เอเตน นเยน สุตมุตปริสงฺกิตานิปิ วิตฺถารโต เวทิตพฺพานี’’ติ ปาโฐฯ ‘‘จตุนฺนํ อญฺญตเรนา’’ติ ปาติโมกฺขุเทฺทเส เอว อาคเต คเหตฺวา วุตฺตํ, อิตเรสํ อญฺญตเรนาปิ อนุทฺธํเสนฺตสฺส สงฺฆาทิเสโสวาติ โน ตโกฺกติ อาจริโยฯ ภิกฺขุภาวา หิ จาวนสมตฺถโตฯ ‘‘สมีเป ฐตฺวา’’ติ วจนโต ปรมฺมุขา โจเทนฺตสฺส, โจทาเปนฺตสฺส วา สีสํ น เอติฯ ทิฎฺฐเญฺจ สุเตน ปริสงฺกิเตน โจเทติ โจทาเปติ, สุตปริสงฺกิตํ วา ทิฎฺฐาทีหิ โจทิเต วา โจทาปิเต วา สีสํ เอติ เอว อมูลเกน โจทิตตฺตาฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘ทิฎฺฐสฺส โหติ ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปชฺชโนฺต, ตเญฺจ โจเทติ ‘สุโต มยา…เป.… สงฺฆาทิเสสสฺสา’’ติ (ปารา. ๓๘๗)ฯ ‘‘อสุโทฺธ โหติ ปุคฺคโล อญฺญตรํ ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปโนฺน, ตเญฺจ อสุทฺธทิฎฺฐิ สมาโน อโนกาสํ การาเปตฺวา จาวนาธิปฺปาโย วเทติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ โอกาสํ การาเปตฺวา จาวนาธิปฺปาโย วเทติ, อนาปตฺตี’’ติ (ปารา. ๓๘๙) อิมินา น-สเมนฺตํ วิย ขายติ, กถํ? ทิฎฺฐสฺส โหติ ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปชฺชโนฺต นาม อสุโทฺธ ปุคฺคโล โหติ, ‘‘อญฺญตรสฺมิํ อสุทฺธทิฎฺฐิ สมาโน ตเญฺจ โจเทติ ‘สุโต มยา ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปโนฺนสี’ติ, อาปตฺติ วาจาย วาจาย สงฺฆาทิเสสสฺสา’’ติ วจนโต ปุริมนเยนาปตฺติฯ ‘‘จาวนาธิปฺปาโย วเทติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ วจนโต ปจฺฉิมนเยน สงฺฆาทิเสเสน อาปตฺตีติ เทฺว ปาฬินยา อญฺญมญฺญํ วิรุทฺธา วิย ทิสฺสนฺติ, น จ วิรุทฺธํ พุทฺธา กถยนฺติ, ตสฺมา เอตฺถ ยุตฺติ ปริเยสิตพฺพาฯ อฎฺฐกถาจริยา ตาวาหุ ‘‘สมูลเกน วา สญฺญาสมูลเกน วา โจเทนฺตสฺส อนาปตฺติ, อมูลเกน วา ปน สญฺญาอมูลเกน วา โจเทนฺตสฺส อาปตฺตี’’ติฯ ตสฺสโตฺถ – ทสฺสนสวนปริสงฺกนมูเลน สมูลเกน วา ตทภาเวน อมูลเกนาปิ สญฺญาสมูลเกน วา โจเทนฺตสฺส อนาปตฺติ, ทสฺสนาทิมูลาภาเวน อมูลเกน วา ตพฺภาเวน สมูลเกนาปิ สญฺญาอมูลเกน วา โจเทนฺตสฺส อาปตฺติ, ตสฺมา ทิฎฺฐสฺส โหติฯ

    385-6.Pītisukhehīti ettha ‘‘sukhenā’’ti vattabbe pītiggahaṇaṃ tatiyajjhānasukhaṃ, kāyikañca apanetuṃ sampayuttapītiyā vuttaṃ. Sace cuditakavasena kataṃ amūlakaṃ nāma, ‘‘anajjhāpannaṃ akata’’nti vadeyya, ime karissanti, tasmā ‘‘tādisaṃ diṭṭhasaññī hutvā codetī’’ti pāṭho . ‘‘Etena nayena sutamutaparisaṅkitānipi vitthārato veditabbānī’’ti pāṭho. ‘‘Catunnaṃ aññatarenā’’ti pātimokkhuddese eva āgate gahetvā vuttaṃ, itaresaṃ aññatarenāpi anuddhaṃsentassa saṅghādisesovāti no takkoti ācariyo. Bhikkhubhāvā hi cāvanasamatthato. ‘‘Samīpe ṭhatvā’’ti vacanato parammukhā codentassa, codāpentassa vā sīsaṃ na eti. Diṭṭhañce sutena parisaṅkitena codeti codāpeti, sutaparisaṅkitaṃ vā diṭṭhādīhi codite vā codāpite vā sīsaṃ eti eva amūlakena coditattā. Vuttañhetaṃ ‘‘diṭṭhassa hoti pārājikaṃ dhammaṃ ajjhāpajjanto, tañce codeti ‘suto mayā…pe… saṅghādisesassā’’ti (pārā. 387). ‘‘Asuddho hoti puggalo aññataraṃ pārājikaṃ dhammaṃ ajjhāpanno, tañce asuddhadiṭṭhi samāno anokāsaṃ kārāpetvā cāvanādhippāyo vadeti, āpatti dukkaṭassa. Okāsaṃ kārāpetvā cāvanādhippāyo vadeti, anāpattī’’ti (pārā. 389) iminā na-samentaṃ viya khāyati, kathaṃ? Diṭṭhassa hoti pārājikaṃ dhammaṃ ajjhāpajjanto nāma asuddho puggalo hoti, ‘‘aññatarasmiṃ asuddhadiṭṭhi samāno tañce codeti ‘suto mayā pārājikaṃ dhammaṃ ajjhāpannosī’ti, āpatti vācāya vācāya saṅghādisesassā’’ti vacanato purimanayenāpatti. ‘‘Cāvanādhippāyo vadeti, āpatti dukkaṭassā’’ti vacanato pacchimanayena saṅghādisesena āpattīti dve pāḷinayā aññamaññaṃ viruddhā viya dissanti, na ca viruddhaṃ buddhā kathayanti, tasmā ettha yutti pariyesitabbā. Aṭṭhakathācariyā tāvāhu ‘‘samūlakena vā saññāsamūlakena vā codentassa anāpatti, amūlakena vā pana saññāamūlakena vā codentassa āpattī’’ti. Tassattho – dassanasavanaparisaṅkanamūlena samūlakena vā tadabhāvena amūlakenāpi saññāsamūlakena vā codentassa anāpatti, dassanādimūlābhāvena amūlakena vā tabbhāvena samūlakenāpi saññāamūlakena vā codentassa āpatti, tasmā diṭṭhassa hoti.

    ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปชฺชโนฺตติอาทิมฺหิ ทสฺสนมูเลน สมูลเกนาปิ ‘‘สุโต มยา’’ติ วจนโต สญฺญาอมูลเกน วา โจเทติ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสฯ ตทตฺถสฺส อาวิภาวตฺถํ ‘‘ทิเฎฺฐ เวมติโก’’ติอาทิ วารา วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ

    Pārājikaṃ dhammaṃ ajjhāpajjantotiādimhi dassanamūlena samūlakenāpi ‘‘suto mayā’’ti vacanato saññāamūlakena vā codeti, āpatti saṅghādisesassa. Tadatthassa āvibhāvatthaṃ ‘‘diṭṭhe vematiko’’tiādi vārā vuttāti veditabbā.

    อสุโทฺธ โหติ ปุคฺคโลภิอาทิมฺหิ ปน สมูลเกน, สญฺญาสมูลเกน วา โจทิตตฺตา อนาปตฺตีติฯ เอวเมวํ ปน ตทตฺถทีปนตฺถํ เต วารา วุตฺตาฯ ตตฺถ หิ ‘‘อทิฎฺฐสฺส โหตี’’ติอาทิวารา อมูลเกน โจเทนฺตสฺส อาปตฺติ โหตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตาฯ ‘‘ทิเฎฺฐ เวมติโก’’ติอาทินา สญฺญาอมูลเกน โจเทนฺตสฺส อาปตฺติ โหตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตาฯ อญฺญถา ‘‘ทิฎฺฐสฺส โหติ, ทิเฎฺฐ เวมติโก’’ติอาทิวารา นิพฺพิเสสา ภเวยฺยุํฯ อิทํ ปเนตฺถ สนฺนิฎฺฐานํ-ยถา อสุทฺธํ ปุคฺคลํ อโนกาสํ การาเปตฺวา โจเทนฺตสฺส ทุกฺกฎํ, อโกฺกสาธิปฺปายสฺส จ โอมสวาเทน ทุกฺกฎสฺส, ตถา อสุทฺธทิฎฺฐิโกปิ อสุทฺธํ อสุทฺธทิฎฺฐิ อมูลเกน โจเทติ, อาปตฺติฯ สมูลเกน วา โจเทติ, อนาปตฺตีติ ตํ สนฺนิฎฺฐานํ ยถา ‘‘อนาปตฺติ สุเทฺธ อสุทฺธทิฎฺฐิสฺส อสุเทฺธ อสุทฺธทิฎฺฐิสฺสา’’ติ อิมินา สํสนฺทติ, ตถา คเหตพฺพํฯ อญฺญถา ยุตฺติ ปริเยสิตพฺพาฯ

    Asuddho hoti puggalobhiādimhi pana samūlakena, saññāsamūlakena vā coditattā anāpattīti. Evamevaṃ pana tadatthadīpanatthaṃ te vārā vuttā. Tattha hi ‘‘adiṭṭhassa hotī’’tiādivārā amūlakena codentassa āpatti hotīti dassanatthaṃ vuttā. ‘‘Diṭṭhe vematiko’’tiādinā saññāamūlakena codentassa āpatti hotīti dassanatthaṃ vuttā. Aññathā ‘‘diṭṭhassa hoti, diṭṭhe vematiko’’tiādivārā nibbisesā bhaveyyuṃ. Idaṃ panettha sanniṭṭhānaṃ-yathā asuddhaṃ puggalaṃ anokāsaṃ kārāpetvā codentassa dukkaṭaṃ, akkosādhippāyassa ca omasavādena dukkaṭassa, tathā asuddhadiṭṭhikopi asuddhaṃ asuddhadiṭṭhi amūlakena codeti, āpatti. Samūlakena vā codeti, anāpattīti taṃ sanniṭṭhānaṃ yathā ‘‘anāpatti suddhe asuddhadiṭṭhissa asuddhe asuddhadiṭṭhissā’’ti iminā saṃsandati, tathā gahetabbaṃ. Aññathā yutti pariyesitabbā.

    สีลสมฺปโนฺนติ เอตฺถ ‘‘ทุสฺสีลสฺส วจนํ อปฺปมาณํฯ ภิกฺขุนี หิ ภิกฺขุมฺหิ อนิสฺสรา, ตสฺมา อุกฺกฎฺฐนเย วิธิํ สนฺธาย เถเรน วุตฺตํฯ ทุติยเตฺถเรน ภิกฺขุนี อชานิตฺวาปิ โจเทติ, สิกฺขมานาทโย วา โจเทนฺติ, เตสํ สุตฺวา ภิกฺขู เอว วิจาเรตฺวา ตสฺส ปฎิญฺญาย กาเรนฺติฯ โก เอตฺถ โทโสติ อิทํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ตติเยน ติตฺถิยานํ วจนํ สุตฺวาปิ ภิกฺขู เอว วิจาเรนฺติ, ตสฺมา น โกจิ น ลภตีติ เอวํ สพฺพํ สเมตีติ อปเร’’ติ วุตฺตํฯ ติํสานิ ติํสวนฺตานิฯ อนุโยโคติ ปฎิวจนํฯ เอหิตีติ อาคมิสฺสติฯ ทิฎฺฐสนฺตาเนนาติ ทิฎฺฐนเยน, ทิฎฺฐวิธาเนนาติ อธิปฺปาโยฯ ปติฎฺฐายาติ ปติฎฺฐํ ลภิตฺวาฯ ฐาเนติ ลชฺชิฎฺฐาเนฯ

    Sīlasampannoti ettha ‘‘dussīlassa vacanaṃ appamāṇaṃ. Bhikkhunī hi bhikkhumhi anissarā, tasmā ukkaṭṭhanaye vidhiṃ sandhāya therena vuttaṃ. Dutiyattherena bhikkhunī ajānitvāpi codeti, sikkhamānādayo vā codenti, tesaṃ sutvā bhikkhū eva vicāretvā tassa paṭiññāya kārenti. Ko ettha dosoti idaṃ sandhāya vuttaṃ. Tatiyena titthiyānaṃ vacanaṃ sutvāpi bhikkhū eva vicārenti, tasmā na koci na labhatīti evaṃ sabbaṃ sametīti apare’’ti vuttaṃ. Tiṃsāni tiṃsavantāni. Anuyogoti paṭivacanaṃ. Ehitīti āgamissati. Diṭṭhasantānenāti diṭṭhanayena, diṭṭhavidhānenāti adhippāyo. Patiṭṭhāyāti patiṭṭhaṃ labhitvā. Ṭhāneti lajjiṭṭhāne.

    คาหนฺติ ‘‘อหํ โจเทสฺสามี’’ติ อตฺตาทานคฺคหณํฯ เจตนาติ อตฺตาทานคฺคหณเจตนาฯ โวหาโรติ อิโต, เอโตฺต จ ญตฺวา ปกาสนํฯ ปณฺณตฺตีติ นามปญฺญตฺติฯ ยา วจีโฆสารมฺมณสฺส โสตทฺวารปฺปวตฺตวิญฺญาณสนฺตานสฺส อนนฺตรํ อุปฺปเนฺนน อุปลทฺธปุพฺพสเงฺกเตน มโนทฺวารวิญฺญาเณน วิญฺญายติ, ยสฺสา วิญฺญาตตฺตา ตทโตฺถ ปรมโตฺถ วา อปรมโตฺถ วา ตติยวารํ อุปฺปเนฺนน มโนวิญฺญาเณน วิญฺญายตีติ นามาทีหิ ฉหิ พฺยญฺชเนหิ ปาฬิยา ปกาสิตา, สา ‘‘วิชฺชมานปญฺญตฺติ อวิชฺชมานปญฺญตฺตี’’ติอาทินา ฉธา อาจริเยหิ ทสฺสิตาฯ ตพฺภาคิยภาโว อตพฺภาคิยภาโว จ นิปฺผนฺนธมฺมเสฺสว ยุชฺชติ, น ปญฺญตฺติยา อธิกรณียวตฺถุตฺตา , อธิกรเณ ปวตฺตตฺตา จ อธิกรโณ มญฺจเฎฺฐ มโญฺจปจาโร วิยาติ จฯ ‘‘ปริยาเยนาติ อมูลกา นามปญฺญตฺติ นตฺถิฯ ปริยายมตฺตํ, สภาวโต นตฺถิฯ อภิธานมตฺตเมว, อภิเธยฺยํ นตฺถี’’ติ จ ลิขิตํฯ อิเธวาติ อิมสฺมิํ เอว สิกฺขาปเทฯ น สพฺพตฺถาติ วิวาทาธิกรณาทีสุฯ กสฺมา? น หีติอาทิฯ วิวาทาธิกรณาทีนมตฺถิตา วิย อมูลกํ อธิกรณํ นตฺถีติฯ ปุเพฺพ วุตฺตสมเถหีติ ‘‘ยํ อธิกิจฺจ สมถา วตฺตนฺตี’’ติ วุตฺตสมเถหีติ อธิปฺปาโยฯ อปิจ สภาวโต นตฺถีติ อปฺปฎิลทฺธสภาวตฺตา วุตฺตํฯ อนุปฺปนฺนํ วิย วิญฺญาณาทิฯ น หิ วิวาทาทีนํ ปณฺณตฺติ อธิกรณโฎฺฐติ ปณฺณตฺติํ อธิกิจฺจ สมถา น ปวตฺตนฺติ, ตสฺมา น ตสฺสา อธิกรณียตาติ น วิวาทาทีนํ ปณฺณตฺติ อธิกรณโฎฺฐติ อธิปฺปาโยฯ โหติ เจตฺถ –

    Gāhanti ‘‘ahaṃ codessāmī’’ti attādānaggahaṇaṃ. Cetanāti attādānaggahaṇacetanā. Vohāroti ito, etto ca ñatvā pakāsanaṃ. Paṇṇattīti nāmapaññatti. Yā vacīghosārammaṇassa sotadvārappavattaviññāṇasantānassa anantaraṃ uppannena upaladdhapubbasaṅketena manodvāraviññāṇena viññāyati, yassā viññātattā tadattho paramattho vā aparamattho vā tatiyavāraṃ uppannena manoviññāṇena viññāyatīti nāmādīhi chahi byañjanehi pāḷiyā pakāsitā, sā ‘‘vijjamānapaññatti avijjamānapaññattī’’tiādinā chadhā ācariyehi dassitā. Tabbhāgiyabhāvo atabbhāgiyabhāvo ca nipphannadhammasseva yujjati, na paññattiyā adhikaraṇīyavatthuttā , adhikaraṇe pavattattā ca adhikaraṇo mañcaṭṭhe mañcopacāro viyāti ca. ‘‘Pariyāyenāti amūlakā nāmapaññatti natthi. Pariyāyamattaṃ, sabhāvato natthi. Abhidhānamattameva, abhidheyyaṃ natthī’’ti ca likhitaṃ. Idhevāti imasmiṃ eva sikkhāpade. Na sabbatthāti vivādādhikaraṇādīsu. Kasmā? Na hītiādi. Vivādādhikaraṇādīnamatthitā viya amūlakaṃ adhikaraṇaṃ natthīti. Pubbe vuttasamathehīti ‘‘yaṃ adhikicca samathā vattantī’’ti vuttasamathehīti adhippāyo. Apica sabhāvato natthīti appaṭiladdhasabhāvattā vuttaṃ. Anuppannaṃ viya viññāṇādi. Na hi vivādādīnaṃ paṇṇatti adhikaraṇaṭṭhoti paṇṇattiṃ adhikicca samathā na pavattanti, tasmā na tassā adhikaraṇīyatāti na vivādādīnaṃ paṇṇatti adhikaraṇaṭṭhoti adhippāyo. Hoti cettha –

    ‘‘ปาราชิกาปตฺติ อมูลิกา เจ,

    ‘‘Pārājikāpatti amūlikā ce,

    ปณฺณตฺติมตฺตา ผลมคฺคธมฺมา;

    Paṇṇattimattā phalamaggadhammā;

    จตุตฺถปาราชิกวตฺถุภูตา,

    Catutthapārājikavatthubhūtā,

    ปณฺณตฺติมตฺตาว สิยุํ ตเถวฯ

    Paṇṇattimattāva siyuṃ tatheva.

    ‘‘ตโต ทฺวิธา มคฺคผลาทิธมฺมา,

    ‘‘Tato dvidhā maggaphalādidhammā,

    สิยุํ ตถาตีตมนาคตญฺจ;

    Siyuṃ tathātītamanāgatañca;

    ปณฺณตฺติฉกฺกํ น สิยา ตโต วา,

    Paṇṇattichakkaṃ na siyā tato vā,

    ปริยายโต สมฺมุติวาทมาหา’’ติฯ

    Pariyāyato sammutivādamāhā’’ti.

    อนุวทนฺตีติ อโกฺกสนฺติฯ กิจฺจยตาติ กรณียตาฯ ตํ กตมนฺติ เจ? อปโลกนกมฺมนฺติอาทิฯ กิจฺจนฺติ วิญฺญตฺติสมุฎฺฐาปกจิตฺตํ กิร อธิเปฺปตํฯ

    Anuvadantīti akkosanti. Kiccayatāti karaṇīyatā. Taṃ katamanti ce? Apalokanakammantiādi. Kiccanti viññattisamuṭṭhāpakacittaṃ kira adhippetaṃ.

    ๓๘๗. สุตาทีนํ อภาเวน อมูลกตฺตนฺติ เอตฺถ โย ทิสฺวาปิ ‘‘ทิโฎฺฐสิ มยา’’ติ วตฺตุํ อสโกฺกโนฺต อตฺตโน ทิฎฺฐนิยาเมเนว ‘‘สุโตสิ มยา’’ติ วทติฯ ตสฺส ตสฺมิํ อสุทฺธทิฎฺฐิตฺตา อาปตฺติ, อิธ ปน โย ปุเพฺพ สุตฺวา อนาปตฺติ, ปจฺฉา ตํ วิสฺสริตฺวา สุทฺธทิฎฺฐิ เอว สมาโน วทติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ‘‘เอส นโย สพฺพตฺถาติ อปเร’’ติ วุตฺตํฯ เชฎฺฐพฺพติโก กาเกกปฺปฎิวตฺตา ฯ ยทเคฺคนาติ ยาวตา, ยทา วาฯ โน กเปฺปตีติอาทิ เวมติกาภาวทีปนตฺถเมว วุตฺตนฺติ ทเสฺสติฯ เตน เวมติโกว นสฺสรติ สมฺมุโฎฺฐ นามาติ อาปชฺชติ, ตํ น ยุตฺตํ ตทนนฺตรภาวโต, ตสฺมา ทุติยเตฺถรวาโท ปจฺฉา วุโตฺตฯ

    387.Sutādīnaṃ abhāvena amūlakattanti ettha yo disvāpi ‘‘diṭṭhosi mayā’’ti vattuṃ asakkonto attano diṭṭhaniyāmeneva ‘‘sutosi mayā’’ti vadati. Tassa tasmiṃ asuddhadiṭṭhittā āpatti, idha pana yo pubbe sutvā anāpatti, pacchā taṃ vissaritvā suddhadiṭṭhi eva samāno vadati, taṃ sandhāya vuttaṃ. ‘‘Esa nayo sabbatthāti apare’’ti vuttaṃ. Jeṭṭhabbatiko kākekappaṭivattā . Yadaggenāti yāvatā, yadā vā. No kappetītiādi vematikābhāvadīpanatthameva vuttanti dasseti. Tena vematikova nassarati sammuṭṭho nāmāti āpajjati, taṃ na yuttaṃ tadanantarabhāvato, tasmā dutiyattheravādo pacchā vutto.

    ๓๘๙. สพฺพตฺถาติ สพฺพอฎฺฐกถาสุฯ โอกาสกมฺมนฺติ โอกาสกรณํฯ ‘‘โอกาเสน กมฺมํ โอกาสกมฺม’’นฺติ ลิขิตํฯ อสูริยํ ปสฺสติ กญฺญาติ เอตฺถ ยถา กญฺญา สูริยํ น ปสฺสตีติ ภวติ, เอวํ ‘‘อโนกาสํ กาเรตฺวา’’ติ วุเตฺต โอกาสํ น กาเรตฺวาติ โหติฯ

    389.Sabbatthāti sabbaaṭṭhakathāsu. Okāsakammanti okāsakaraṇaṃ. ‘‘Okāsena kammaṃ okāsakamma’’nti likhitaṃ. Asūriyaṃ passati kaññāti ettha yathā kaññā sūriyaṃ na passatīti bhavati, evaṃ ‘‘anokāsaṃ kāretvā’’ti vutte okāsaṃ na kāretvāti hoti.

    ปฐมทุฎฺฐโทสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paṭhamaduṭṭhadosasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๘. ทุฎฺฐโทสสิกฺขาปทํ • 8. Duṭṭhadosasikkhāpadaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๘. ปฐมทุฎฺฐโทสสิกฺขาปทวณฺณนา • 8. Paṭhamaduṭṭhadosasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๘. ปฐมทุฎฺฐโทสสิกฺขาปทวณฺณนา • 8. Paṭhamaduṭṭhadosasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๘. ปฐมทุฎฺฐโทสสิกฺขาปทวณฺณนา • 8. Paṭhamaduṭṭhadosasikkhāpadavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact