Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā |
๘. ปฐมทุฎฺฐโทสสิกฺขาปทวณฺณนา
8. Paṭhamaduṭṭhadosasikkhāpadavaṇṇanā
๓๘๐. อฎฺฐเม ปากาเรน จ ปริกฺขิตฺตนฺติ สมฺพโนฺธฯ โคปุรฎฺฎาลกยุตฺตนฺติ เอตฺถ ปากาเรสุ ยุทฺธตฺถาย กโต วงฺกสณฺฐาโน สรเกฺขปฉิทฺทสหิโต ปติสฺสยวิเสโส อฎฺฎาลโก นามฯ
380. Aṭṭhame pākārena ca parikkhittanti sambandho. Gopuraṭṭālakayuttanti ettha pākāresu yuddhatthāya kato vaṅkasaṇṭhāno sarakkhepachiddasahito patissayaviseso aṭṭālako nāma.
โสฬสวิธสฺสาติ จตูหิ มเคฺคหิ ปเจฺจกํ จตูสุ สเจฺจสุ กตฺตพฺพสฺส ปริญฺญาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาสงฺขาตสฺส โสฬสวิธสฺสฯ เต คารเวนาติ เต กิลนฺตรูปา ภิกฺขู ภตฺตุเทฺทสกฎฺฐาเน สนฺนิปติตานํ ภิกฺขูนํ ปุรโต อตฺตโน กิลนฺตสรีรํ ทเสฺสตฺวา อุทฺทิสาปเน คารเวน, ลชฺชายาติ อโตฺถฯ เตรสปีติ ภตฺตุเทฺทสกเสนาสนคาหาปกภณฺฑาคาริกจีวรปฎิคฺคาหกจีวรภาชกยาคุภาชกผลภาชกขชฺชภาชกอปฺปมตฺตกวิสฺสชฺชกสาฎิยคาหาปกปตฺตคาหาปกอารามิกเปสกสามเณรเปสกสมฺมุตีนํ วเสน เตรสปิฯ
Soḷasavidhassāti catūhi maggehi paccekaṃ catūsu saccesu kattabbassa pariññāpahānasacchikiriyābhāvanāsaṅkhātassa soḷasavidhassa. Te gāravenāti te kilantarūpā bhikkhū bhattuddesakaṭṭhāne sannipatitānaṃ bhikkhūnaṃ purato attano kilantasarīraṃ dassetvā uddisāpane gāravena, lajjāyāti attho. Terasapīti bhattuddesakasenāsanagāhāpakabhaṇḍāgārikacīvarapaṭiggāhakacīvarabhājakayāgubhājakaphalabhājakakhajjabhājakaappamattakavissajjakasāṭiyagāhāpakapattagāhāpakaārāmikapesakasāmaṇerapesakasammutīnaṃ vasena terasapi.
ปาฬิยํ ‘‘อปิสู’’ติ อิทํ ‘‘อปิจา’’ติ อิมินา สมานโตฺถ นิปาโตฯ เอวํ สพฺพปเทสูติ ปีฐาทีสุ เสนาสนสาธารเณสุ, กติกสณฺฐานปเวสนิกฺขมนกาลาทีสุ ปน วิสุํ วิสุํ อธิฎฺฐหิตฺวา กถาเปตีติ เวทิตพฺพํ ฯ อยญฺหิ นิมฺมิตานํ ธมฺมตาติ อนิยเมตฺวา นิมฺมิตานํ วเสน วุตฺตํ, นิยเมตฺวา ปน ‘‘เอตฺตกา อิทญฺจิทญฺจ กเถนฺตุ, เอตฺตกา ตุณฺหี ภวนฺตุ, นานาปฺปการํ อิริยาปถํ, กิริยญฺจ กเปฺปนฺตุ, นานาวณฺณสณฺฐานวโยนิยมา จ โหนฺตู’’ติ ปริกมฺมํ กตฺวา สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐาย อธิฎฺฐิเต อิจฺฉิติจฺฉิตปฺปการา อญฺญมญฺญมฺปิ วิสทิสาว โหนฺติฯ อวตฺถุกวจนนฺติ นิรตฺถกวจนํฯ
Pāḷiyaṃ ‘‘apisū’’ti idaṃ ‘‘apicā’’ti iminā samānattho nipāto. Evaṃ sabbapadesūti pīṭhādīsu senāsanasādhāraṇesu, katikasaṇṭhānapavesanikkhamanakālādīsu pana visuṃ visuṃ adhiṭṭhahitvā kathāpetīti veditabbaṃ . Ayañhi nimmitānaṃ dhammatāti aniyametvā nimmitānaṃ vasena vuttaṃ, niyametvā pana ‘‘ettakā idañcidañca kathentu, ettakā tuṇhī bhavantu, nānāppakāraṃ iriyāpathaṃ, kiriyañca kappentu, nānāvaṇṇasaṇṭhānavayoniyamā ca hontū’’ti parikammaṃ katvā samāpajjitvā vuṭṭhāya adhiṭṭhite icchiticchitappakārā aññamaññampi visadisāva honti. Avatthukavacananti niratthakavacanaṃ.
๓๘๓. เอกจาริกภตฺตนฺติ อติมนาปตฺตา สเพฺพสมฺปิ ปฎิลาภตฺถาย วิสุํ ฐิติกาย ปาเปตพฺพภตฺตํฯ ตทฺธิตโวหาเรนาติ จตฺตาริ ปมาณมสฺส จตุกฺกนฺติ เอวํ ตทฺธิตโวหาเรนฯ ภโวติ ภวิตโพฺพฯ อตีตํ ทิวสภาคนฺติ ตสฺมิเญฺญว ทิวเส สลากทานกฺขณํ สนฺธาย วุตฺตํฯ หิโยฺยติ อิมสฺส อชฺช อิเจฺจว อโตฺถฯ เตเนวาหํสุ ‘‘เสฺว อเมฺห’’ติอาทิฯ ปธูปายนฺตาติ ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนโกธวเสน ปธูปายนฺตาฯ ปาฬิยํ กิสฺส มนฺติ เกน การเณน มยาติ อโตฺถฯ
383.Ekacārikabhattanti atimanāpattā sabbesampi paṭilābhatthāya visuṃ ṭhitikāya pāpetabbabhattaṃ. Taddhitavohārenāti cattāri pamāṇamassa catukkanti evaṃ taddhitavohārena. Bhavoti bhavitabbo. Atītaṃ divasabhāganti tasmiññeva divase salākadānakkhaṇaṃ sandhāya vuttaṃ. Hiyyoti imassa ajja icceva attho. Tenevāhaṃsu ‘‘sve amhe’’tiādi. Padhūpāyantāti punappunaṃ uppajjanakodhavasena padhūpāyantā. Pāḷiyaṃ kissa manti kena kāraṇena mayāti attho.
๓๘๔. ‘‘สรสิ ตฺว’’นฺติ อิทํ เอกํ วากฺยํ กตฺวา, ‘‘กตฺตา’’ติ อิทญฺจ กตฺตริ ริตุปจฺจยนฺตํ กตฺวา, ‘‘อสี’’ติ อชฺฌาหารปเทน สห เอกวากฺยํ กตฺวา, ‘‘เอวรูป’’นฺติ อิทํ, ‘‘ยถายํ ภิกฺขุนี อาหา’’ติ อิทญฺจ ทฺวีสุ วาเกฺยสุ ปเจฺจกํ โยเชตพฺพนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาหฯ อุชุกเมวาติ ตฺวา-ปจฺจยนฺตวเสน ปฐมํ อตฺถคฺคหณํ อุชุกนฺติ อธิปฺปาโยฯ
384. ‘‘Sarasi tva’’nti idaṃ ekaṃ vākyaṃ katvā, ‘‘kattā’’ti idañca kattari ritupaccayantaṃ katvā, ‘‘asī’’ti ajjhāhārapadena saha ekavākyaṃ katvā, ‘‘evarūpa’’nti idaṃ, ‘‘yathāyaṃ bhikkhunī āhā’’ti idañca dvīsu vākyesu paccekaṃ yojetabbanti dassetuṃ ‘‘atha vā’’tiādimāha. Ujukamevāti tvā-paccayantavasena paṭhamaṃ atthaggahaṇaṃ ujukanti adhippāyo.
ทุติโย ทพฺพ-สโทฺท ปณฺฑิตาทิวจโนติ อาห ‘‘น โข ทพฺพ ทพฺพา ปณฺฑิตา’’ติฯ นิเพฺพเฐนฺตีติ โทสโต โมเจนฺติฯ วินยลกฺขเณ ตนฺตินฺติ วินยวินิจฺฉยลกฺขณวิสเย อาคมํ ฐเปโนฺตฯ ปาฬิยํ ยโต อหนฺติอาทีสุ ยสฺมิํ กาเล อหํ ชาโต, ตโต ปภุติ สุปินเนฺตนปิ เมถุนํ ธมฺมํ นาภิชานามิ, น จ ตสฺส เมถุนธมฺมสฺส ปฎิเสวิตา อโหสินฺติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ เตนาห ‘‘สุปินเนฺตนปี’’ติอาทิฯ อิทานิ เอกวากฺยวเสน โยชนํ ทเสฺสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ น ฆฎตีติ ยสฺมา ขีณาสวสฺส วจเนน เอติสฺสา วจนํ น สเมติ, ตญฺจ น ฆฎนํ ยสฺมา ปุเพฺพ ภิกฺขูสุ ปสิทฺธาย เอว อจฺจนฺตทุสฺสีลตาย เอว อโหสิ, ตสฺมา เมตฺติยํ ภิกฺขุนิํ นาเสถาติ อธิปฺปาโยฯ
Dutiyo dabba-saddo paṇḍitādivacanoti āha ‘‘na kho dabba dabbā paṇḍitā’’ti. Nibbeṭhentīti dosato mocenti. Vinayalakkhaṇe tantinti vinayavinicchayalakkhaṇavisaye āgamaṃ ṭhapento. Pāḷiyaṃ yato ahantiādīsu yasmiṃ kāle ahaṃ jāto, tato pabhuti supinantenapi methunaṃ dhammaṃ nābhijānāmi, na ca tassa methunadhammassa paṭisevitā ahosinti attho daṭṭhabbo. Tenāha ‘‘supinantenapī’’tiādi. Idāni ekavākyavasena yojanaṃ dassetuṃ ‘‘atha vā’’tiādi vuttaṃ. Na ghaṭatīti yasmā khīṇāsavassa vacanena etissā vacanaṃ na sameti, tañca na ghaṭanaṃ yasmā pubbe bhikkhūsu pasiddhāya eva accantadussīlatāya eva ahosi, tasmā mettiyaṃ bhikkhuniṃ nāsethāti adhippāyo.
จร ปิเรติ จร คจฺฉ ปิเร ปร อมามก ตฺวํฯ วินสฺสาติ อทสฺสนํ คจฺฉฯ อการิกาติ อมูลเกน โจทนาย น การิกาฯ การโก โหตีติ ‘‘อเยฺยนมฺหิ ทูสิตา’’ติ อิมาย ปฎิญฺญาย ยทิ นาสิตา, ตทา เถโร ภิกฺขุนีทูสกตฺตสิทฺธิโต ตสฺส โทสสฺส การโก โหติฯ อการโก โหตีติ ตาย กตปฎิญฺญํ อนเปกฺขิตฺวา สามญฺญโต ‘‘เมตฺติยํ ภิกฺขุนิํ นาเสถา’’ติ ภควตา วุตฺตตฺตา อการโก โหติฯ ยทิ หิ เถโร การโก ภเวยฺย, อวสฺสํ ตเมว โทสํ อปทิสิตฺวา อิมินา นาม การเณน ‘‘เมตฺติยํ ภิกฺขุนิํ นาเสถา’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา, ตถา อวุตฺตตฺตา, ‘‘ทพฺพญฺจ อนุยุญฺชถา’’ติ อวตฺวา ‘‘อิเม จ ภิกฺขู อนุยุญฺชถา’’ติ วุตฺตตฺตา จ สามตฺถิยโต เมตฺติยาย ภิกฺขุนิยา อเญฺญน โทเสน นาสนารหตา, วตฺถุสฺส จ อมูลกภาโว, เถรสฺส อการกภาโว จ สิโทฺธ โหตีติ อธิปฺปาโยฯ
Cara pireti cara gaccha pire para amāmaka tvaṃ. Vinassāti adassanaṃ gaccha. Akārikāti amūlakena codanāya na kārikā. Kārako hotīti ‘‘ayyenamhi dūsitā’’ti imāya paṭiññāya yadi nāsitā, tadā thero bhikkhunīdūsakattasiddhito tassa dosassa kārako hoti. Akārako hotīti tāya katapaṭiññaṃ anapekkhitvā sāmaññato ‘‘mettiyaṃ bhikkhuniṃ nāsethā’’ti bhagavatā vuttattā akārako hoti. Yadi hi thero kārako bhaveyya, avassaṃ tameva dosaṃ apadisitvā iminā nāma kāraṇena ‘‘mettiyaṃ bhikkhuniṃ nāsethā’’ti vattabbaṃ siyā, tathā avuttattā, ‘‘dabbañca anuyuñjathā’’ti avatvā ‘‘ime ca bhikkhū anuyuñjathā’’ti vuttattā ca sāmatthiyato mettiyāya bhikkhuniyā aññena dosena nāsanārahatā, vatthussa ca amūlakabhāvo, therassa akārakabhāvo ca siddho hotīti adhippāyo.
อตฺตโน สุตฺตนฺติ ‘‘สกาย ปฎิญฺญายา’’ติ อิมินา ปเกฺขปวจเนน สหิตํ กูฎสุตฺตํฯ เถโร การโก โหตีติ เอตฺถ อยมธิปฺปาโย – ‘‘สกาย ปฎิญฺญายา’’ติ อวตฺวา สามญฺญโต ‘‘เมตฺติยํ ภิกฺขุนิํ นาเสถา’’ติ โอติณฺณวตฺถุสฺมิํเยว ตสฺสา นาสนา วิหิตาติ ตุมฺหากํ วาเท เถโร การโก โหติ, ‘‘สกาย ปฎิญฺญายา’’ติ ปน วุเตฺต ปุเพฺพเยว สิทฺธสฺส ปาราชิกสฺส สุจิกาย อสฺสา สกาย ปฎิญฺญาย นาเสถาติ สิชฺฌนโต อมฺหากํ วาเท เถโร อการโก โหตีติฯ มหาวิหารวาสีนมฺปิ ปน ‘‘สกาย ปฎิญฺญายา’’ติ วุเตฺต โอติณฺณวตฺถุสฺมิํเยว ตสฺสา นาสนา วิหิตา โหติ, น สามญฺญโตติ อธิปฺปาโยฯ เอตฺถาติ อิเมสุ ทฺวีสุ วาเทสุ, สุเตฺตสุ วาฯ ยํ ปจฺฉา วุตฺตนฺติ มหาวิหารวาสีหิ ยํ วุตฺตํ, ตํ ยุตฺตนฺติ อโตฺถฯ วิจาริตํ เหตนฺติ เอตํ ปจฺฉิมสฺส ยุตฺตตฺตํ วิจาริตํ, ‘‘ตตฺร สงฺฆาทิเสโส วุฎฺฐานคามินี…เป.… อสุทฺธตาเยว นาเสสี’’ติ วกฺขมานนเยน วินิจฺฉิตนฺติ อโตฺถฯ ‘‘ภิกฺขุนิํ อนุทฺธํเสติ ทุกฺกฎ’’นฺติ อิมินา มหาอฎฺฐกถาวาโท ทสฺสิโตฯ
Attano suttanti ‘‘sakāya paṭiññāyā’’ti iminā pakkhepavacanena sahitaṃ kūṭasuttaṃ. Therokārako hotīti ettha ayamadhippāyo – ‘‘sakāya paṭiññāyā’’ti avatvā sāmaññato ‘‘mettiyaṃ bhikkhuniṃ nāsethā’’ti otiṇṇavatthusmiṃyeva tassā nāsanā vihitāti tumhākaṃ vāde thero kārako hoti, ‘‘sakāya paṭiññāyā’’ti pana vutte pubbeyeva siddhassa pārājikassa sucikāya assā sakāya paṭiññāya nāsethāti sijjhanato amhākaṃ vāde thero akārako hotīti. Mahāvihāravāsīnampi pana ‘‘sakāya paṭiññāyā’’ti vutte otiṇṇavatthusmiṃyeva tassā nāsanā vihitā hoti, na sāmaññatoti adhippāyo. Etthāti imesu dvīsu vādesu, suttesu vā. Yaṃ pacchā vuttanti mahāvihāravāsīhi yaṃ vuttaṃ, taṃ yuttanti attho. Vicāritaṃ hetanti etaṃ pacchimassa yuttattaṃ vicāritaṃ, ‘‘tatra saṅghādiseso vuṭṭhānagāminī…pe… asuddhatāyeva nāsesī’’ti vakkhamānanayena vinicchitanti attho. ‘‘Bhikkhuniṃ anuddhaṃseti dukkaṭa’’nti iminā mahāaṭṭhakathāvādo dassito.
ตตฺราติ เตสุ ทุกฺกฎปาจิตฺติเยสุฯ ทุกฺกฎนฺติ วุตฺตมหาอฎฺฐกถาวาทสฺส อธิปฺปายํ ทเสฺสตฺวา ‘‘ปาจิตฺติย’’นฺติ ปวตฺตสฺส กุรุนฺทิวาทสฺส อธิปฺปายํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปจฺฉิมนเยปี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ วจนปฺปมาณโตติ วิสํวาทนาธิปฺปาเย สมาเนปิ อนุทฺธํสนาทิวิเสเส สงฺฆาทิเสสาทิโน วิธายกวจนพเลนาติ อโตฺถฯ ภิกฺขุสฺส ปน ภิกฺขุนิยา ทุกฺกฎนฺติ ภิกฺขุนิํ อนุทฺธํเสนฺตสฺส ภิกฺขุสฺส ทุกฺกฎํฯ
Tatrāti tesu dukkaṭapācittiyesu. Dukkaṭanti vuttamahāaṭṭhakathāvādassa adhippāyaṃ dassetvā ‘‘pācittiya’’nti pavattassa kurundivādassa adhippāyaṃ dassetuṃ ‘‘pacchimanayepī’’tiādi vuttaṃ. Vacanappamāṇatoti visaṃvādanādhippāye samānepi anuddhaṃsanādivisese saṅghādisesādino vidhāyakavacanabalenāti attho. Bhikkhussa pana bhikkhuniyā dukkaṭanti bhikkhuniṃ anuddhaṃsentassa bhikkhussa dukkaṭaṃ.
เอวํ ทฺวีสุปิ อฎฺฐกถาวจเนสุ อธิปฺปายํ วิภาเวตฺวา อิทานิ ปจฺฉิเม ปาจิตฺติยวาเท โทสํ ทเสฺสตฺวา ปุริมทุกฺกฎวาทเมว ปติฎฺฐาเปตุํ ‘‘ตตฺร ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ วิสุนฺติ สมฺปชานมุสาวาเท ปาจิตฺติยโต (ปาจิ. ๑) วิสุํ ปาจิตฺติยํ วุตฺตํ, ตตฺถ อนโนฺตคธภาวาติ อธิปฺปาโยฯ ตสฺมาติ ยสฺมา อมูลกานุทฺธํสเน วิสุเญฺญว ปาจิตฺติยํ ปญฺญตฺตํ, ตสฺมา ปุริมนโยติ ทุกฺกฎวาโทฯ เอวํ อนฺตรา ปวิฎฺฐํ ทุกฺกฎปาจิตฺติยวาทํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ปากฎเมว อตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘ตถา ภิกฺขุนี’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ตถาติ ยถา ภิกฺขุสฺส ภิกฺขุํ, ภิกฺขุนิญฺจ อนุทฺธํเสนฺตสฺส สงฺฆาทิเสสทุกฺกฎานิ วุตฺตานิ, ตถาติ อโตฺถฯ เอเตหิ นาสนา นตฺถีติ สามญฺญโต วุตฺตํ, ทุกฺกเฎน อิมิสฺสา ปน นาสนา นตฺถีติ อธิปฺปาโยฯ ทุสฺสีลาติ ปาราชิกาฯ
Evaṃ dvīsupi aṭṭhakathāvacanesu adhippāyaṃ vibhāvetvā idāni pacchime pācittiyavāde dosaṃ dassetvā purimadukkaṭavādameva patiṭṭhāpetuṃ ‘‘tatra panā’’tiādi vuttaṃ. Tattha visunti sampajānamusāvāde pācittiyato (pāci. 1) visuṃ pācittiyaṃ vuttaṃ, tattha anantogadhabhāvāti adhippāyo. Tasmāti yasmā amūlakānuddhaṃsane visuññeva pācittiyaṃ paññattaṃ, tasmā purimanayoti dukkaṭavādo. Evaṃ antarā paviṭṭhaṃ dukkaṭapācittiyavādaṃ dassetvā idāni pākaṭameva atthaṃ vibhāvetuṃ ‘‘tathā bhikkhunī’’tiādi āraddhaṃ. Tattha tathāti yathā bhikkhussa bhikkhuṃ, bhikkhuniñca anuddhaṃsentassa saṅghādisesadukkaṭāni vuttāni, tathāti attho. Etehi nāsanā natthīti sāmaññato vuttaṃ, dukkaṭena imissā pana nāsanā natthīti adhippāyo. Dussīlāti pārājikā.
๓๘๖. อาการนานเตฺตนาติ ทูสิตาการสฺส, ทูสกาการสฺส จ นานเตฺตนฯ อนภิรโทฺธติ อตุโฎฺฐฯ เตนาห ‘‘น สุขิโต’’ติฯ น ปสาทิโตติ อนุปฺปาทิตปฺปสาโทฯ ขีล-สโทฺท ถทฺธภาววจโน , กจวรปริยาโย จ โหตีติ อาห ‘‘จิตฺต…เป.… ขีล’’นฺติฯ นปฺปตีโตติ ปีติสุขาทีหิ น อภิคโต น อุปคโตฯ เตนาห ‘‘น อภิสโฎ’’ติฯ
386.Ākāranānattenāti dūsitākārassa, dūsakākārassa ca nānattena. Anabhiraddhoti atuṭṭho. Tenāha ‘‘na sukhito’’ti. Na pasāditoti anuppāditappasādo. Khīla-saddo thaddhabhāvavacano , kacavarapariyāyo ca hotīti āha ‘‘citta…pe… khīla’’nti. Nappatītoti pītisukhādīhi na abhigato na upagato. Tenāha ‘‘na abhisaṭo’’ti.
เยน ทุโฎฺฐติ จ กุปิโตติ จ วุโตฺตติ เอตฺถ เยน ทุโฎฺฐติ จ วุโตฺต เยน กุปิโตติ จ วุโตฺต, ตํ มาติกายญฺจ ปทภาชเน (ปารา. ๓๘๖) จ วุตฺตํ อุภยเมฺปตนฺติ โยเชตพฺพํฯ ทฺวีหีติ ‘‘เตน จ โกเปน, เตน จ โทเสนา’’ติ วุตฺตโกปโทสปเทหิ ทฺวีหิ, อตฺถโต ปน ทฺวีหิปิ โทโสว ทสฺสิโตติ อาห ‘‘สงฺขารกฺขนฺธเมว ทเสฺสตี’’ติฯ ยายาติ อนตฺตมนตายฯ
Yena duṭṭhoti ca kupitoti ca vuttoti ettha yena duṭṭhoti ca vutto yena kupitoti ca vutto, taṃ mātikāyañca padabhājane (pārā. 386) ca vuttaṃ ubhayampetanti yojetabbaṃ. Dvīhīti ‘‘tena ca kopena, tena ca dosenā’’ti vuttakopadosapadehi dvīhi, atthato pana dvīhipi dosova dassitoti āha ‘‘saṅkhārakkhandhameva dassetī’’ti. Yāyāti anattamanatāya.
น จุทิตกวเสนาติ ยทิ จุทิตกวเสนาปิ อมูลกํ อธิเปฺปตํ สิยา, อมูลกํ นาม อนชฺฌาปนฺนนฺติ ปทภาชนํ วเทยฺยาติ อธิปฺปาโยฯ ยํ ปาราชิกนฺติ ภิกฺขุโน อนุรูเปสุ เอกูนวีสติยา ปาราชิเกสุ อญฺญตรํฯ ปทภาชเน (ปารา. ๓๘๖) ปน ภิกฺขุวิภเงฺค อาคตาเนว คเหตฺวา ‘‘จตุนฺนํ อญฺญตเรนา’’ติ วุตฺตํฯ เอตํ อิธ อปฺปมาณนฺติ เอตํ อาปนฺนานาปนฺนตํ อิธานุทฺธํสเน อาปตฺติยา อนงฺคํ, อาปตฺติํ ปน อาปเนฺน วา อนาปเนฺน วา ปุคฺคเล ‘‘อนาปโนฺน เอโส สุโทฺธ’’ติ สุทฺธสญฺญาย วา วิมติยา วา จาวนาธิปฺปาโยว อิธ องฺคนฺติ อธิปฺปาโยฯ
Na cuditakavasenāti yadi cuditakavasenāpi amūlakaṃ adhippetaṃ siyā, amūlakaṃ nāma anajjhāpannanti padabhājanaṃ vadeyyāti adhippāyo. Yaṃ pārājikanti bhikkhuno anurūpesu ekūnavīsatiyā pārājikesu aññataraṃ. Padabhājane (pārā. 386) pana bhikkhuvibhaṅge āgatāneva gahetvā ‘‘catunnaṃ aññatarenā’’ti vuttaṃ. Etaṃ idha appamāṇanti etaṃ āpannānāpannataṃ idhānuddhaṃsane āpattiyā anaṅgaṃ, āpattiṃ pana āpanne vā anāpanne vā puggale ‘‘anāpanno eso suddho’’ti suddhasaññāya vā vimatiyā vā cāvanādhippāyova idha aṅganti adhippāyo.
ตเถวาติ ปสาทโสเตน, ทิพฺพโสเตน วาติ อิมมตฺถํ อติทิสติฯ ทิฎฺฐานุสาเรเนว สมุปฺปนฺนา ปริสงฺกาว ทิฎฺฐปริสงฺกิตํ นามฯ เอวํ เสเสสุปิฯ ‘‘อทิสฺวา วา’’ติ อิทํ อุกฺกฎฺฐวเสน วุตฺตํ, ทิสฺวา ปกฺกเนฺตสุปิ โทโส นตฺถิเยวฯ อิเมสนฺติ อิเมหิฯ กริสฺสนฺตีติ ตสฺมิํ ขเณ อุปฺปชฺชนาการทสฺสนํ, ปจฺฉา ปน เอตฺตเกน กาเลน กตํ วาติ สงฺกาย โจเทติฯ น หิ กริสฺสนฺตีติ โจทนา อตฺถิฯ ‘‘อริฎฺฐํ ปีต’’นฺติ อิทํ มุเข สุราคนฺธวายนนิมิตฺตทสฺสนํฯ อริฎฺฐญฺหิ สุราสทิสวณฺณคนฺธํ กปฺปิยเภสชฺชํฯ
Tathevāti pasādasotena, dibbasotena vāti imamatthaṃ atidisati. Diṭṭhānusāreneva samuppannā parisaṅkāva diṭṭhaparisaṅkitaṃ nāma. Evaṃ sesesupi. ‘‘Adisvā vā’’ti idaṃ ukkaṭṭhavasena vuttaṃ, disvā pakkantesupi doso natthiyeva. Imesanti imehi. Karissantīti tasmiṃ khaṇe uppajjanākāradassanaṃ, pacchā pana ettakena kālena kataṃ vāti saṅkāya codeti. Na hi karissantīti codanā atthi. ‘‘Ariṭṭhaṃ pīta’’nti idaṃ mukhe surāgandhavāyananimittadassanaṃ. Ariṭṭhañhi surāsadisavaṇṇagandhaṃ kappiyabhesajjaṃ.
ทิฎฺฐํ อตฺถิ สมูลกนฺติอาทีสุ อชฺฌาจารสฺส สมฺภวาสมฺภวานํ มูลามูลภาวทสฺสนํฯ อตฺถิ สญฺญาสมูลกนฺติอาทิ ปน ทิฎฺฐสญฺญาย สมฺภวาสมฺภวานํ มูลามูลภาวทสฺสนํฯ ทิสฺวาว ทิฎฺฐสญฺญี หุตฺวา โจเทตีติ เอตฺถ ยํ โจเทติ, ตโต อญฺญํ ปุคฺคลํ วีติกฺกมนฺตํ, ปฎิจฺฉโนฺนกาสโต นิกฺขมนฺตํ วา ทิสฺวา ‘‘อยํ โส’’ติ สญฺญาย โจเทโนฺตปิ สงฺคยฺหติฯ เอส นโย สุตาทีสุปิฯ สมูลเกน วา สญฺญาสมูลเกน วาติ เอตฺถ ปาราชิกมาปนฺนํ ทิฎฺฐาทิมูลเกน จ ‘‘อยํ อาปโนฺน’’ติ อสุทฺธสญฺญาย โจเทโนฺต สมูลเกน โจเทติ นามฯ สญฺญาสมูลกเตฺต เอว อนาปตฺติสมฺภวโต อาปเนฺน วา อนาปเนฺน วา ปุคฺคเล อาปนฺนสญฺญี ทิฎฺฐาทีสุ , อทิฎฺฐาทีสุ วา มูเลสุ ทิฎฺฐสุตาทิสญฺญี เตน ทิฎฺฐาทิมูลเกน ตํ ปุคฺคลํ โจเทโนฺต สญฺญาสมูลเกน โจเทติ นามฯ อิเมสํ อนาปตฺติ, วุตฺตวิปริยาเยน อาปตฺติวาเร อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Diṭṭhaṃ atthi samūlakantiādīsu ajjhācārassa sambhavāsambhavānaṃ mūlāmūlabhāvadassanaṃ. Atthi saññāsamūlakantiādi pana diṭṭhasaññāya sambhavāsambhavānaṃ mūlāmūlabhāvadassanaṃ. Disvāva diṭṭhasaññī hutvā codetīti ettha yaṃ codeti, tato aññaṃ puggalaṃ vītikkamantaṃ, paṭicchannokāsato nikkhamantaṃ vā disvā ‘‘ayaṃ so’’ti saññāya codentopi saṅgayhati. Esa nayo sutādīsupi. Samūlakena vā saññāsamūlakena vāti ettha pārājikamāpannaṃ diṭṭhādimūlakena ca ‘‘ayaṃ āpanno’’ti asuddhasaññāya codento samūlakena codeti nāma. Saññāsamūlakatte eva anāpattisambhavato āpanne vā anāpanne vā puggale āpannasaññī diṭṭhādīsu , adiṭṭhādīsu vā mūlesu diṭṭhasutādisaññī tena diṭṭhādimūlakena taṃ puggalaṃ codento saññāsamūlakena codeti nāma. Imesaṃ anāpatti, vuttavipariyāyena āpattivāre attho veditabbo.
สมีเป ฐตฺวาติ หตฺถวิการวจีโฆสานํ โจทนาวเสน ปวตฺติยมานานํ ทสฺสนสวนูปจาเร ฐตฺวาติ อโตฺถฯ เกจิ ปน ‘‘ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตเร ฐตฺวา’’ติ (สารตฺถ. ฎี. ๒.๓๘๕-๓๘๖) วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํฯ ปรโต พฺยติเรกโต อนาปตฺติํ ทเสฺสเนฺตน ‘‘ทูตํ วา ปณฺณํ วา สาสนํ วา เปเสตฺวา’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ, น ปน ‘‘ทฺวาทสหตฺถํ มุญฺจิตฺวา โจเทนฺตสฺส สีสํ น เอตี’’ติ วุตฺตํฯ วาจาย วาจายาติ สกิํ อาณตฺตสฺส สกลมฺปิ ทิวสํ วทโต วาจาย วาจาย โจทาปกเสฺสว อาปตฺติฯ โสปีติ อาณโตฺตปิฯ ตสฺส จ ‘‘มยาปิ ทิฎฺฐ’’นฺติอาทิํ อวตฺวาปิ ‘‘อมูลก’’นฺติ สญฺญาย จาวนาธิปฺปาเยน ‘‘ตฺวํ ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปโนฺนสี’’ติ อิทเมว วาจํ ปรสฺส วจนํ วิย อกตฺวา สามญฺญโต วทนฺตสฺสาปิ สงฺฆาทิเสโส เอวฯ สติปิ ปน อนุทฺธํสนาธิปฺปาเย ‘‘อสุเกน เอวํ วุตฺต’’นฺติ ปเรน วุตฺตเมว วทนฺตสฺส นตฺถิ สงฺฆาทิเสโสฯ สเจ ปน ปเรน อวุตฺตมฺปิ วุตฺตนฺติ วทติ, อาปตฺติ เอวฯ
Samīpe ṭhatvāti hatthavikāravacīghosānaṃ codanāvasena pavattiyamānānaṃ dassanasavanūpacāre ṭhatvāti attho. Keci pana ‘‘dvādasahatthabbhantare ṭhatvā’’ti (sārattha. ṭī. 2.385-386) vadanti, taṃ na yuttaṃ. Parato byatirekato anāpattiṃ dassentena ‘‘dūtaṃ vā paṇṇaṃ vā sāsanaṃ vā pesetvā’’ti ettakameva vuttaṃ, na pana ‘‘dvādasahatthaṃ muñcitvā codentassa sīsaṃ na etī’’ti vuttaṃ. Vācāya vācāyāti sakiṃ āṇattassa sakalampi divasaṃ vadato vācāya vācāya codāpakasseva āpatti. Sopīti āṇattopi. Tassa ca ‘‘mayāpi diṭṭha’’ntiādiṃ avatvāpi ‘‘amūlaka’’nti saññāya cāvanādhippāyena ‘‘tvaṃ pārājikaṃ dhammaṃ ajjhāpannosī’’ti idameva vācaṃ parassa vacanaṃ viya akatvā sāmaññato vadantassāpi saṅghādiseso eva. Satipi pana anuddhaṃsanādhippāye ‘‘asukena evaṃ vutta’’nti parena vuttameva vadantassa natthi saṅghādiseso. Sace pana parena avuttampi vuttanti vadati, āpatti eva.
สมฺพหุลา สมฺพหุเล สมฺพหุเลหิ วตฺถูหีติ เอตฺถ สมฺพหุเลติ จุทิตกพหุตฺตนิเทฺทเสน ปุริเมสุ ตีสุ วาเรสุ จุทิตกพหุเตฺตนาปิ วารเภทสพฺภาวํ ญาเปติฯ เอกสฺมิญฺหิ จุทิตกวตฺถุโจทกเภเทน อิทํ จตุกฺกํ วุตฺตํ, จุทิตกพหุเตฺตนาปิ จตุกฺกนฺตรํ ลพฺภตีติ อฎฺฐกํ โหติ เอวฯ
Sambahulā sambahule sambahulehi vatthūhīti ettha sambahuleti cuditakabahuttaniddesena purimesu tīsu vāresu cuditakabahuttenāpi vārabhedasabbhāvaṃ ñāpeti. Ekasmiñhi cuditakavatthucodakabhedena idaṃ catukkaṃ vuttaṃ, cuditakabahuttenāpi catukkantaraṃ labbhatīti aṭṭhakaṃ hoti eva.
อมูลกโจทนาปสเงฺคน สมูลกโจทนาลกฺขณาทิํ ทเสฺสตุํ ‘‘โจเทตุํ ปน โก ลภตี’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ภิกฺขุสฺส สุตฺวา โจเทตีติอาทิ สุตฺตํ ยสฺมา เย โจทกสฺส อเญฺญสํ วิปตฺติํ ปกาเสนฺติ, เตปิ ตสฺมิํ ขเณ โจทกภาเว ฐตฺวาว ปกาเสนฺติ, เตสญฺจ วจนํ คเหตฺวา อิตโรปิ ยสฺมา โจเทตุญฺจ อสมฺปฎิจฺฉนฺตํ เตหิ ติตฺถิยสาวกปริโยสาเนหิ ปฐมโจทเกหิ สมฺปฎิจฺฉาเปตุญฺจ ลภติ, ตสฺมา อิธ สาวกภาเวน อุทฺธฎนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Amūlakacodanāpasaṅgena samūlakacodanālakkhaṇādiṃ dassetuṃ ‘‘codetuṃ pana ko labhatī’’tiādi āraddhaṃ. Bhikkhussa sutvā codetītiādi suttaṃ yasmā ye codakassa aññesaṃ vipattiṃ pakāsenti, tepi tasmiṃ khaṇe codakabhāve ṭhatvāva pakāsenti, tesañca vacanaṃ gahetvā itaropi yasmā codetuñca asampaṭicchantaṃ tehi titthiyasāvakapariyosānehi paṭhamacodakehi sampaṭicchāpetuñca labhati, tasmā idha sāvakabhāvena uddhaṭanti veditabbaṃ.
ทูตํ วาติอาทีสุ ‘‘ตฺวํ เอวํ คนฺตฺวา โจเทหี’’ติ ทูตํ วา เปเสตฺวา โย โจเทตุํ สโกฺกติ, ตสฺส ปณฺณํ, มูลสาสนํ วา เปเสตฺวาฯ สมเยนาติ ปกติยา ชานนกฺขเณฯ
Dūtaṃ vātiādīsu ‘‘tvaṃ evaṃ gantvā codehī’’ti dūtaṃ vā pesetvā yo codetuṃ sakkoti, tassa paṇṇaṃ, mūlasāsanaṃ vā pesetvā. Samayenāti pakatiyā jānanakkhaṇe.
ครุกานํ ทฺวินฺนนฺติ ปาราชิกสงฺฆาทิเสสานํฯ มิจฺฉาทิฎฺฐิ นาม ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตา (ม. นิ. ๑.๔๔๕; ๒.๙๔, ๙๕, ๒๒๕; ๓.๙๑, ๑๑๖, ๑๓๖; สํ. นิ. ๓.๒๑๐) ทสวตฺถุกา ทิฎฺฐิ, สสฺสตุเจฺฉทสงฺขาตํ อนฺตํ คณฺหาปกทิฎฺฐิ อนฺตคฺคาหิกา นามฯ อาชีวเหตุ ปญฺญตฺตานํ ฉนฺนนฺติ อาชีวเหตุปิ อาปชฺชิตพฺพานํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมปาราชิกํ (ปารา. ๑๙๕), สญฺจริเตฺต (ปารา. ๓๐๑, ๓๐๒) สงฺฆาทิเสโส, ‘‘โย เต วิหาเร วสติ, โส อรหา’’ติ (ปารา. ๒๒๐) ปริยาเยน ถุลฺลจฺจยํ, ภิกฺขุสฺส ปณีตโภชนวิญฺญตฺติยา ปาจิตฺติยํ (ปาจิ. ๒๕๗), ภิกฺขุนิยาปณีตโภชนวิญฺญตฺติยา ปาฎิเทสนียํ (ปาจิ. ๑๒๓๖), สูโปทนวิญฺญตฺติยา (ปาจิ. ๖๑๒-๖๑๓) ทุกฺกฎนฺติ อิเมสํ ปริวาเร (ปริ. ๒๘๗) วุตฺตานํ ฉนฺนํฯ น เหตา อาปตฺติโย อาชีวเหตุ เอว ปญฺญตฺตา สญฺจริตฺตาทีนํ อญฺญถาปิ อาปชฺชิตพฺพโตฯ อาชีวเหตุปิ เอตาสํ อาปชฺชนํ สนฺธาย เอวํ วุตฺตํ, อาชีวเหตุปิ ปญฺญตฺตานนฺติ อโตฺถฯ น เกวลญฺจ เอตา เอว, อญฺญาปิ อทินฺนาทานกุลทูสนปาณวธเวชฺชกมฺมาทิวเสน อาชีวเหตุ อาปชฺชิตพฺพาปิ สนฺติ, ตา ปน อาปตฺติสภอาคตาย ปาราชิกาทีสุ ฉสุ เอว สงฺคยฺหนฺตีติ วิสุํ น วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ
Garukānaṃ dvinnanti pārājikasaṅghādisesānaṃ. Micchādiṭṭhi nāma ‘‘natthi dinna’’ntiādinayappavattā (ma. ni. 1.445; 2.94, 95, 225; 3.91, 116, 136; saṃ. ni. 3.210) dasavatthukā diṭṭhi, sassatucchedasaṅkhātaṃ antaṃ gaṇhāpakadiṭṭhi antaggāhikā nāma. Ājīvahetu paññattānaṃ channanti ājīvahetupi āpajjitabbānaṃ uttarimanussadhammapārājikaṃ (pārā. 195), sañcaritte (pārā. 301, 302) saṅghādiseso, ‘‘yo te vihāre vasati, so arahā’’ti (pārā. 220) pariyāyena thullaccayaṃ, bhikkhussa paṇītabhojanaviññattiyā pācittiyaṃ (pāci. 257), bhikkhuniyāpaṇītabhojanaviññattiyā pāṭidesanīyaṃ (pāci. 1236), sūpodanaviññattiyā (pāci. 612-613) dukkaṭanti imesaṃ parivāre (pari. 287) vuttānaṃ channaṃ. Na hetā āpattiyo ājīvahetu eva paññattā sañcarittādīnaṃ aññathāpi āpajjitabbato. Ājīvahetupi etāsaṃ āpajjanaṃ sandhāya evaṃ vuttaṃ, ājīvahetupi paññattānanti attho. Na kevalañca etā eva, aññāpi adinnādānakuladūsanapāṇavadhavejjakammādivasena ājīvahetu āpajjitabbāpi santi, tā pana āpattisabhaāgatāya pārājikādīsu chasu eva saṅgayhantīti visuṃ na vuttāti veditabbā.
เอตฺตาวตา ปน สีสํ น เอตีติ สงฺฆาทิเสสํ สนฺธาย วุตฺตํ, โจทนา ปน กตา เอว โหติฯ ติํสานีติ ติํสํ เอเตสมตฺถีติ ติํสานิ, ติํสาธิกานีติ วุตฺตํ โหติฯ นวุตานีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ
Ettāvatā pana sīsaṃ na etīti saṅghādisesaṃ sandhāya vuttaṃ, codanā pana katā eva hoti. Tiṃsānīti tiṃsaṃ etesamatthīti tiṃsāni, tiṃsādhikānīti vuttaṃ hoti. Navutānīti etthāpi eseva nayo.
อตฺตาทานํ อาทาตุกาเมนาติ เอตฺถ อตฺตนา อาทาตพฺพโต ทิฎฺฐาทิมูลเกหิ คเหตพฺพโต ปรสฺส วิปฺผนฺทิตุํ อทตฺวา ปคฺคณฺหนโต อตฺตาทานนฺติ โจทนา วุจฺจติ, ตํ อาทาตุกาเมน, โจทนํ กตฺตุกาเมนาติ อโตฺถฯ
Attādānaṃ ādātukāmenāti ettha attanā ādātabbato diṭṭhādimūlakehi gahetabbato parassa vipphandituṃ adatvā paggaṇhanato attādānanti codanā vuccati, taṃ ādātukāmena, codanaṃ kattukāmenāti attho.
อุพฺพาหิกายาติ อุพฺพหนฺติ วิโยเชนฺติ เอตาย อลชฺชีนํ ตชฺชนิํ วา กลหํ วาติ อุพฺพาหิกา, สงฺฆสมฺมุติ, ตายฯ วินิจฺฉินนํ นาม ตาย สมฺมตภิกฺขูหิ วินิจฺฉนนเมวฯ อลชฺชุสฺสนฺนาย หิ ปริสาย สมถกฺขนฺธเก (จูฬว. ๒๒๗) อาคเตหิ ทสเงฺคหิ สมนฺนาคตา เทฺว ตโย ภิกฺขู ตเตฺถว วุตฺตาย ญตฺติทุติยกมฺมวาจาย สมฺมนฺนิตพฺพา, เตหิ จ สมฺมเตหิ วิสุํ วา นิสีทิตฺวา, ตสฺสา เอว วา ปริสาย ‘‘อเญฺญหิ น กิญฺจิ กเถตพฺพ’’นฺติ สาเวตฺวา ตํ อธิกรณํ วินิจฺฉิตพฺพํฯ
Ubbāhikāyāti ubbahanti viyojenti etāya alajjīnaṃ tajjaniṃ vā kalahaṃ vāti ubbāhikā, saṅghasammuti, tāya. Vinicchinanaṃ nāma tāya sammatabhikkhūhi vinicchananameva. Alajjussannāya hi parisāya samathakkhandhake (cūḷava. 227) āgatehi dasaṅgehi samannāgatā dve tayo bhikkhū tattheva vuttāya ñattidutiyakammavācāya sammannitabbā, tehi ca sammatehi visuṃ vā nisīditvā, tassā eva vā parisāya ‘‘aññehi na kiñci kathetabba’’nti sāvetvā taṃ adhikaraṇaṃ vinicchitabbaṃ.
กิมฺหีติ กิสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ, กตรวิปตฺติยนฺติ อโตฺถฯ ‘‘กิมฺหิ นํ นามา’’ติ อิทํ ‘‘กตราย วิปตฺติยา เอตํ โจเทสี’’ติ ยาย กายจิ วิญฺญายมานาย ภาสาย วุเตฺตปิ โจทกสฺส วินเย อปกตญฺญุตาย ‘‘สีลาจารทิฎฺฐิอาชีววิปตฺตีสุ กตรายาติ มํ ปุจฺฉตี’’ติ ญาตุํ อสโกฺกนฺตสฺส ปุจฺฉา, น ปน กิมฺหีติอาทิปทตฺถมตฺตํ อชานนฺตสฺสฯ น หิ อนุวิชฺชโก โจทกํ พาลํ อปริจิตภาสาย ‘‘กิมฺหิ น’’นฺติ ปุจฺฉติฯ ‘‘กิมฺหิ นมฺปิ น ชานาสี’’ติ อิทมฺปิ วจนมตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ น โหติ, ‘‘กตรวิปตฺติยา’’ติ วุเตฺต ‘‘อสุกาย วิปตฺติยา’’ติ วตฺตุมฺปิ น ชานาสีติ วจนสฺส อธิปฺปายเมว สนฺธาย วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํฯ เตเนว วกฺขติ ‘‘พาลสฺส ลชฺชิสฺส นโย ทาตโพฺพ’’ติ วตฺวา จ ‘‘กิมฺหิ นํ โจเทสีติ สีลวิปตฺติยา’’ติอาทิ อธิปฺปายปฺปกาสนเมว นยทานํ วุตฺตํ, น ปน กิมฺหิ-นํ-ปทานํ ปริยายมตฺตทสฺสนํฯ น หิ พาโล ‘‘กตรวิปตฺติยํ นํ โจเทสี’’ติ อิมสฺส วจนสฺส อเตฺถ ญาเตปิ วิปตฺติปฺปเภทนํ, อตฺตนา โจทิยมานํ วิปตฺติสรูปญฺจ ชานิตุํ สโกฺกติ, ตสฺมา เตเนว อชานเนน อลชฺชี อปสาเทตโพฺพฯ ‘‘กิมฺหิ น’’นฺติ อิทมฺปิ อุปลกฺขณมตฺตํ, อเญฺญน วา เยน เกนจิ อากาเรน อวิญฺญุตํ ปกาเสตฺวา วิสฺสเชฺชตโพฺพวฯ
Kimhīti kismiṃ vatthusmiṃ, kataravipattiyanti attho. ‘‘Kimhi naṃ nāmā’’ti idaṃ ‘‘katarāya vipattiyā etaṃ codesī’’ti yāya kāyaci viññāyamānāya bhāsāya vuttepi codakassa vinaye apakataññutāya ‘‘sīlācāradiṭṭhiājīvavipattīsu katarāyāti maṃ pucchatī’’ti ñātuṃ asakkontassa pucchā, na pana kimhītiādipadatthamattaṃ ajānantassa. Na hi anuvijjako codakaṃ bālaṃ aparicitabhāsāya ‘‘kimhi na’’nti pucchati. ‘‘Kimhi nampi na jānāsī’’ti idampi vacanamattaṃ sandhāya vuttaṃ na hoti, ‘‘kataravipattiyā’’ti vutte ‘‘asukāya vipattiyā’’ti vattumpi na jānāsīti vacanassa adhippāyameva sandhāya vuttanti gahetabbaṃ. Teneva vakkhati ‘‘bālassa lajjissa nayo dātabbo’’ti vatvā ca ‘‘kimhi naṃ codesīti sīlavipattiyā’’tiādi adhippāyappakāsanameva nayadānaṃ vuttaṃ, na pana kimhi-naṃ-padānaṃ pariyāyamattadassanaṃ. Na hi bālo ‘‘kataravipattiyaṃ naṃ codesī’’ti imassa vacanassa atthe ñātepi vipattippabhedanaṃ, attanā codiyamānaṃ vipattisarūpañca jānituṃ sakkoti, tasmā teneva ajānanena alajjī apasādetabbo. ‘‘Kimhi na’’nti idampi upalakkhaṇamattaṃ, aññena vā yena kenaci ākārena aviññutaṃ pakāsetvā vissajjetabbova.
‘‘ทุมฺมงฺกูนํ ปุคฺคลานํ นิคฺคหายา’’ติอาทิวจนโต (ปารา. ๓๙; ปริ. ๒) ‘‘อลชฺชีนิคฺคหตฺถาย…เป.… ปญฺญตฺต’’นฺติ วุตฺตํฯ เอหิตีติ หิ-กาโร เอตฺถ อาคโม ทฎฺฐโพฺพ, อาคมิสฺสตีติ อโตฺถฯ ทิฎฺฐสนฺตาเนนาติ ทิฎฺฐนิยาเมนฯ อลชฺชิสฺส ปฎิญฺญาย เอว กาตพฺพนฺติ วจนปฎิวจนกฺกเมเนว โทเส อาวิภูเตปิ อลชฺชิสฺส ‘‘อสุโทฺธห’’นฺติ โทสสมฺปฎิจฺฉนปอญฺญาย เอว อาปตฺติยา กาตพฺพนฺติ อโตฺถฯ เกจิ ปน ‘‘อลชฺชิสฺส เอตํ นตฺถีติ สุทฺธปฎิญฺญาย เอว อนาปตฺติยา กาตพฺพนฺติ อยเมตฺถ อโตฺถ สงฺคหิโต’’ติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ อนุวิชฺชกเสฺสว นิรตฺถกตฺตาปตฺติโต โจทเกเนว อลชฺชิปฎิญฺญาย ฐาตพฺพโตฯ โทสาปคมปฎิญฺญา เอว หิ อิธ ปฎิญฺญาติ อธิเปฺปตาฯ เตเนว วกฺขติ ‘‘เอตมฺปิ นตฺถีติ ปฎิญฺญํ น เทตี’’ติอาทิ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๓๘๕-๓๘๖)ฯ
‘‘Dummaṅkūnaṃ puggalānaṃ niggahāyā’’tiādivacanato (pārā. 39; pari. 2) ‘‘alajjīniggahatthāya…pe… paññatta’’nti vuttaṃ. Ehitīti hi-kāro ettha āgamo daṭṭhabbo, āgamissatīti attho. Diṭṭhasantānenāti diṭṭhaniyāmena. Alajjissa paṭiññāya eva kātabbanti vacanapaṭivacanakkameneva dose āvibhūtepi alajjissa ‘‘asuddhoha’’nti dosasampaṭicchanapaaññāya eva āpattiyā kātabbanti attho. Keci pana ‘‘alajjissa etaṃ natthīti suddhapaṭiññāya eva anāpattiyā kātabbanti ayamettha attho saṅgahito’’ti vadanti, taṃ na yuttaṃ anuvijjakasseva niratthakattāpattito codakeneva alajjipaṭiññāya ṭhātabbato. Dosāpagamapaṭiññā eva hi idha paṭiññāti adhippetā. Teneva vakkhati ‘‘etampi natthīti paṭiññaṃ na detī’’tiādi (pārā. aṭṭha. 2.385-386).
ตทตฺถทีปนตฺถนฺติ อลชฺชิสฺส โทเส อาวิภูเตปิ ตสฺส โทสาปคมปฎิญฺญาย เอว กาตพฺพตาทีปนตฺถํฯ วิวาทวตฺถุสงฺขาเต อเตฺถ ปจฺจตฺถิกา อตฺถปจฺจตฺถิกาฯ สญฺญํ ทตฺวาติ เนสํ กถาปเจฺฉทตฺถํ, อภิมุขกรณตฺถญฺจ สทฺทํ กตฺวาฯ วินิจฺฉินิตุํ อนนุจฺฉวิโกติ ‘‘อสุโทฺธ’’ติ สญฺญาย โจทกปเกฺข ปวิฎฺฐตฺตา อนุวิชฺชกภาวโต พหิภูตตฺตา อนุวิชฺชิตุํ อสกฺกุเณยฺยตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ สเนฺทเห เอว หิ สติ อนุวิชฺชิตุํ สกฺกา, อสุทฺธทิฎฺฐิยา ปน สติ จุทิตเกน วุตฺตํ สพฺพํ อสจฺจโตปิ ปฎิภาติ, กถํ ตตฺถ อนุวิชฺชนา สิยาติฯ
Tadatthadīpanatthanti alajjissa dose āvibhūtepi tassa dosāpagamapaṭiññāya eva kātabbatādīpanatthaṃ. Vivādavatthusaṅkhāte atthe paccatthikā atthapaccatthikā. Saññaṃ datvāti nesaṃ kathāpacchedatthaṃ, abhimukhakaraṇatthañca saddaṃ katvā. Vinicchinituṃ ananucchavikoti ‘‘asuddho’’ti saññāya codakapakkhe paviṭṭhattā anuvijjakabhāvato bahibhūtattā anuvijjituṃ asakkuṇeyyataṃ sandhāya vuttaṃ. Sandehe eva hi sati anuvijjituṃ sakkā, asuddhadiṭṭhiyā pana sati cuditakena vuttaṃ sabbaṃ asaccatopi paṭibhāti, kathaṃ tattha anuvijjanā siyāti.
‘‘ตถา นาสิตโกว ภวิสฺสตี’’ติ อิมินา วินิจฺฉยํ อทตฺวา สงฺฆโต วิโยชนํ นาม ลิงฺคนาสนา วิย อยมฺปิ เอโก นาสนปฺปกาโรติ ทเสฺสติฯ วิรทฺธํ โหตีติ สญฺจิจฺจ อาปตฺติํ สหสา อาปโนฺน โหติฯ ‘‘อาทิโต ปฎฺฐาย อลชฺชี นาม นตฺถี’’ติ อิทํ ‘‘ปกฺขานุรกฺขณตฺถาย ปฎิญฺญํ น เทตี’’ติ อิมสฺส อลชฺชิลกฺขณสมฺภวสฺส การณวจนํฯ ปฎิจฺฉาทิตกาลโต ปฎฺฐาย อลชฺชี นาม เอว, ปุริโม ลชฺชิภาโว น รกฺขตีติ อโตฺถฯ ปฎิญฺญํ น เทตีติ สเจ มยา กตโทสํ วกฺขามิ, มยฺหํ อนุวตฺตกา ภิชฺชิสฺสนฺตีติ ปฎิญฺญํ น เทติฯ ฐาเน น ติฎฺฐตีติ ลชฺชิฎฺฐาเน น ติฎฺฐติ, กายวาจาสุ วีติกฺกโม โหติ เอวาติ อธิปฺปาโยฯ เตนาห ‘‘วินิจฺฉโย น ทาตโพฺพ’’ติ, ปุเพฺพ ปกฺขิกานํ ปฎิญฺญาย วูปสมิตสฺสาปิ อธิกรณสฺส ทุวูปสนฺตตาย อยมฺปิ ตถา นาสิตโกว ภวิสฺสตีติ อธิปฺปาโยฯ
‘‘Tathānāsitakova bhavissatī’’ti iminā vinicchayaṃ adatvā saṅghato viyojanaṃ nāma liṅganāsanā viya ayampi eko nāsanappakāroti dasseti. Viraddhaṃ hotīti sañcicca āpattiṃ sahasā āpanno hoti. ‘‘Ādito paṭṭhāya alajjī nāma natthī’’ti idaṃ ‘‘pakkhānurakkhaṇatthāya paṭiññaṃ na detī’’ti imassa alajjilakkhaṇasambhavassa kāraṇavacanaṃ. Paṭicchāditakālato paṭṭhāya alajjī nāma eva, purimo lajjibhāvo na rakkhatīti attho. Paṭiññaṃ na detīti sace mayā katadosaṃ vakkhāmi, mayhaṃ anuvattakā bhijjissantīti paṭiññaṃ na deti. Ṭhāne na tiṭṭhatīti lajjiṭṭhāne na tiṭṭhati, kāyavācāsu vītikkamo hoti evāti adhippāyo. Tenāha ‘‘vinicchayo na dātabbo’’ti, pubbe pakkhikānaṃ paṭiññāya vūpasamitassāpi adhikaraṇassa duvūpasantatāya ayampi tathā nāsitakova bhavissatīti adhippāyo.
จุทิตกโจทเกสุ ปฎิปตฺติํ ญตฺวาติ ‘‘ตุเมฺห อมฺหากํ วินิจฺฉเยน ตุฎฺฐา ภวิสฺสถา’’ติอาทินา วุตฺตํ จุทิตกโจทเกสุ อนุวิชฺชเกน ปฎิปชฺชิตพฺพกมฺมํ ญตฺวาฯ วินิจฺฉโย มเชฺฌติ อาปตฺตีติ วา อนาปตฺตีติ วา วินิจฺฉยปริโยสานอนุวิชฺชนานํ มชฺฌํ นามาติ อโตฺถฯ
Cuditakacodakesu paṭipattiṃ ñatvāti ‘‘tumhe amhākaṃ vinicchayena tuṭṭhā bhavissathā’’tiādinā vuttaṃ cuditakacodakesu anuvijjakena paṭipajjitabbakammaṃ ñatvā. Vinicchayo majjheti āpattīti vā anāpattīti vā vinicchayapariyosānaanuvijjanānaṃ majjhaṃ nāmāti attho.
อมูลกมฺปิ สมูลกํ กตฺวา วทนฺตีติ อาห ‘‘เทฺว มูลานี’’ติฯ กาเลน วกฺขามีติอาทีสุ โอกาสํ การาเปตฺวา วทโนฺต กาเลน วทติ นามฯ สลากคฺคยาคุอคฺคภิกฺขาจารฎฺฐานาทีสุ โจเทโนฺต อกาเลน วทติ นามฯ โทสโต วุฎฺฐาเปตุกามตาย วทโนฺต อตฺถสํหิเตน วทติ นามฯ โทสนฺตโรติ โทสจิโตฺตฯ ปนฺนรสสุ ธเมฺมสูติ ‘‘ปริสุทฺธกายสมอาจารตา, ตถา วจีสมาจารตา, สพฺรหฺมจารีสุ เมตฺตจิตฺตตา, พหุสฺสุตตา, อุภินฺนํ ปาติโมกฺขานํ สฺวาคตาทิตา, กาเลน วกฺขามี’’ติอาทินา (ปริ. ๓๖๒) วุตฺตปญฺจธมฺมา จ การุญฺญตา, หิเตสิตา, อนุกมฺปตา, อาปตฺติวุฎฺฐานตา, วินยปุเรกฺขารตาติ (จูฬว. ๔๐๑) อิเมสุ ปนฺนรสสุฯ ตตฺถ ‘‘การุญฺญตา’’ติ อิมินา กรุณา ทสฺสิตาฯ หิเตสิตาติ หิตคเวสนตาฯ อนุกมฺปตาติ เตน หิเตน สํโยชนตา, อิเมหิ ทฺวีหิปิ เมตฺตา ทสฺสิตาฯ อาปตฺติวุฎฺฐานตาติ สุทฺธเนฺต ปติฎฺฐาปนตาฯ วตฺถุํ โจเทตฺวา สาเรตฺวา ปฎิญฺญํ อาโรเปตฺวา ยถาปฎิญฺญาย กมฺมกรณํ วินยปุเรกฺขารตา นามฯ
Amūlakampi samūlakaṃ katvā vadantīti āha ‘‘dve mūlānī’’ti. Kālena vakkhāmītiādīsu okāsaṃ kārāpetvā vadanto kālena vadati nāma. Salākaggayāguaggabhikkhācāraṭṭhānādīsu codento akālena vadati nāma. Dosato vuṭṭhāpetukāmatāya vadanto atthasaṃhitena vadati nāma. Dosantaroti dosacitto. Pannarasasu dhammesūti ‘‘parisuddhakāyasamaācāratā, tathā vacīsamācāratā, sabrahmacārīsu mettacittatā, bahussutatā, ubhinnaṃ pātimokkhānaṃ svāgatāditā, kālena vakkhāmī’’tiādinā (pari. 362) vuttapañcadhammā ca kāruññatā, hitesitā, anukampatā, āpattivuṭṭhānatā, vinayapurekkhāratāti (cūḷava. 401) imesu pannarasasu. Tattha ‘‘kāruññatā’’ti iminā karuṇā dassitā. Hitesitāti hitagavesanatā. Anukampatāti tena hitena saṃyojanatā, imehi dvīhipi mettā dassitā. Āpattivuṭṭhānatāti suddhante patiṭṭhāpanatā. Vatthuṃ codetvā sāretvā paṭiññaṃ āropetvā yathāpaṭiññāya kammakaraṇaṃ vinayapurekkhāratā nāma.
อธิกรณเฎฺฐนาติ อธิกาตพฺพเฎฺฐน, สมเถหิ วูปสเมตพฺพเฎฺฐนาติ อโตฺถฯ ตํ นานตฺตํ ทเสฺสตุนฺติ อิธ อนธิเปฺปตมฺปิ อตฺถุทฺธารวเสน ตํ นานตฺตํ ทเสฺสตุนฺติ อธิปฺปาโยฯ เตเนว วกฺขติ ‘‘เสสานิ อตฺถุทฺธารวเสน วุตฺตานี’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๓๘๕-๓๘๖)ฯ ยํ อธิกิจฺจาติอาทินา อธิกรณสทฺทสฺส กมฺมสาธนตา วุตฺตาฯ
Adhikaraṇaṭṭhenāti adhikātabbaṭṭhena, samathehi vūpasametabbaṭṭhenāti attho. Taṃ nānattaṃ dassetunti idha anadhippetampi atthuddhāravasena taṃ nānattaṃ dassetunti adhippāyo. Teneva vakkhati ‘‘sesāni atthuddhāravasena vuttānī’’ti (pārā. aṭṭha. 2.385-386). Yaṃ adhikiccātiādinā adhikaraṇasaddassa kammasādhanatā vuttā.
คาหนฺติ ‘‘อสุกํ โจเทสฺสามี’’ติ มนสา โจทนาการสฺส คหณํฯ เจตนนฺติ ‘‘โจเทสฺสามี’’ติ อุปฺปนฺนจิตฺตพฺยาปารสงฺขาตํ จิตฺตกมฺมํฯ อกฺขนฺตินฺติ จุทิตกสฺส วิปตฺติํ ทิสฺวา อุปฺปนฺนํ โกธํ อสหนํ, ตถา ปวตฺตํ วา ยํ กิญฺจิ จิตฺตเจตสิกราสิํฯ โวหารนฺติ โจทนาวสปฺปวตฺตวจนํฯ ปณฺณตฺตินฺติ โจทนาวสปฺปวตฺตํ มนสา ปริกปฺปิตํ นามปณฺณตฺติํฯ อตฺตาทานํ คเหตฺวาติ โจทนํ มนสา คเหตฺวาฯ ตํ อธิกรณนฺติ ตํ คาหลกฺขณํ อธิกรณํฯ นิรุชฺฌติ เจตนาย ขณิกตฺตา, สา จ สมถปฺปตฺตา โหตีติ เอวเมตฺถ อนิฎฺฐปฺปสโงฺค เวทิตโพฺพฯ เอวํ อุปริปิ ‘‘ตุณฺหี โหตี’’ติ อิมินา โวหารวจนสฺส นิโรธํ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘ตํ อธิกรณํ สมถปฺปตฺตํ ภวิสฺสตี’’ติฯ ‘‘ตสฺมา ปณฺณตฺติ อธิกรณ’’นฺติ อฎฺฐกถาสุ กตสนฺนิฎฺฐานํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ตสฺสาปิ เอกเจฺจหิ ปฎิกฺขิตฺตภาวํ ทเสฺสตฺวา ปุน ตมฺปิ ปฎิเสเธตฺวา อฎฺฐกถาสุ วุตฺตปณฺณตฺติยา เอว อธิกรณตํ สมเตฺถตุํ ‘‘ตํ ปเนต’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ตํ ปเนตนฺติ ปณฺณตฺติ อธิกรณนฺติ เอตํ คหณํ วิรุชฺฌตีติ สมฺพโนฺธฯ ปาราชิกาทิอาปตฺติ เอกนฺตอกุสลสภาวา วา อพฺยากตสภาวา วา โหตีติ สญฺญาย ‘‘เมถุนธมฺมปาราชิกาปตฺตี’’ติอาทิกํ สุตฺตํ ปณฺณตฺติอธิกรณวาเทน วิรุชฺฌตีติ ทเสฺสตุํ อุทฺธฎํฯ เตนาห ‘‘น หิ เต…เป.… อจฺจนฺตอกุสลตฺตา’’ติอาทิฯ เตติ อฎฺฐกถาจริยาฯ
Gāhanti ‘‘asukaṃ codessāmī’’ti manasā codanākārassa gahaṇaṃ. Cetananti ‘‘codessāmī’’ti uppannacittabyāpārasaṅkhātaṃ cittakammaṃ. Akkhantinti cuditakassa vipattiṃ disvā uppannaṃ kodhaṃ asahanaṃ, tathā pavattaṃ vā yaṃ kiñci cittacetasikarāsiṃ. Vohāranti codanāvasappavattavacanaṃ. Paṇṇattinti codanāvasappavattaṃ manasā parikappitaṃ nāmapaṇṇattiṃ. Attādānaṃ gahetvāti codanaṃ manasā gahetvā. Taṃ adhikaraṇanti taṃ gāhalakkhaṇaṃ adhikaraṇaṃ. Nirujjhati cetanāya khaṇikattā, sā ca samathappattā hotīti evamettha aniṭṭhappasaṅgo veditabbo. Evaṃ uparipi ‘‘tuṇhī hotī’’ti iminā vohāravacanassa nirodhaṃ dasseti. Tenāha ‘‘taṃ adhikaraṇaṃ samathappattaṃ bhavissatī’’ti. ‘‘Tasmā paṇṇatti adhikaraṇa’’nti aṭṭhakathāsu katasanniṭṭhānaṃ dassetvā idāni tassāpi ekaccehi paṭikkhittabhāvaṃ dassetvā puna tampi paṭisedhetvā aṭṭhakathāsu vuttapaṇṇattiyā eva adhikaraṇataṃ samatthetuṃ ‘‘taṃ paneta’’ntiādimāha. Tattha taṃ panetanti paṇṇatti adhikaraṇanti etaṃ gahaṇaṃ virujjhatīti sambandho. Pārājikādiāpatti ekantaakusalasabhāvā vā abyākatasabhāvā vā hotīti saññāya ‘‘methunadhammapārājikāpattī’’tiādikaṃ suttaṃ paṇṇattiadhikaraṇavādena virujjhatīti dassetuṃ uddhaṭaṃ. Tenāha ‘‘na hi te…pe… accantaakusalattā’’tiādi. Teti aṭṭhakathācariyā.
อมูลกเญฺจว ตํ อธิกรณนฺติ เอตฺถ อมูลกปาราชิกเมว อธิกรณ-สเทฺทน อธิเปฺปตนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘ยเญฺจต’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ยสฺมา ปนาติอาทิ ปน อิธาธิเปฺปตาย อมูลกปาราชิกาปตฺติยา เอว ปณฺณตฺติภาโว ยุชฺชตีติ ทเสฺสตุํ อารทฺธํฯ ตตฺถ ยาย ปณฺณตฺติยาติ สภาวโต ปริสุเทฺธปิ ปุคฺคเล ‘‘ปาราชิโก’’ติอาทินา โจทเกน ปวตฺติตํ นามปณฺณตฺติํ สนฺธาย วทติฯ ปญฺญโตฺตติ กถิโตฯ อธิกรเณ ปวตฺตตฺตาติ อวิชฺชมาเนปิ มนสา อาโรปิตมเตฺต อาปตฺตาธิกรเณ วาจกภาเวน ปวตฺตตฺตาฯ
Amūlakañceva taṃ adhikaraṇanti ettha amūlakapārājikameva adhikaraṇa-saddena adhippetanti dassetuṃ ‘‘yañceta’’ntiādi vuttaṃ. Yasmā panātiādi pana idhādhippetāya amūlakapārājikāpattiyā eva paṇṇattibhāvo yujjatīti dassetuṃ āraddhaṃ. Tattha yāya paṇṇattiyāti sabhāvato parisuddhepi puggale ‘‘pārājiko’’tiādinā codakena pavattitaṃ nāmapaṇṇattiṃ sandhāya vadati. Paññattoti kathito. Adhikaraṇe pavattattāti avijjamānepi manasā āropitamatte āpattādhikaraṇe vācakabhāvena pavattattā.
เอวํ นามปณฺณตฺติวเสน อิมสฺมิํ สิกฺขาปเท อาปตฺตาธิกรณสฺส ปญฺญตฺติภาวํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อตฺถปณฺณตฺติวเสนาปิ ทเสฺสตุํ ‘‘ยสฺมา วาย’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ปญฺญตฺติมตฺตเมวาติ อวิชฺชมานสฺส วิชฺชมานากาเรน มนสา อาโรปิตอตฺถปณฺณตฺติมตฺตเมวาติ อโตฺถฯ ตญฺจ โข อิเธวาติ ตญฺจ ยถาวุตฺตปริยาเยน ปณฺณตฺติยา อธิกรณตฺตํ อิเธว อิมสฺมิํ เอว สิกฺขาปเทฯ เอเกติ เกจิฯ ตํ น ยุตฺตนฺติ ยํ เอกเจฺจหิ อฎฺฐกถาสุ วุตฺตํ, อธิกรณสฺส ปณฺณตฺติภาวํ นิเสเธตฺวา กุสลาทิปรมตฺถภาวํ สาเธตุํ ‘‘ตํ ปเนตํ เมถุนธมฺมปาราชิกาปตฺตี’’ติอาทินา ปปญฺจโต ทสฺสิโต, ตํ น ยุตฺตนฺติ อโตฺถฯ ตตฺถ การณมาห ‘‘อาทิกมฺมิกสฺสา’’ติอาทินา, เตน จ ตสฺมิํ วาเท ยทิ อาปตฺติ นาม อกุสลา วา อพฺยากตา วา ภเวยฺย, กถํ อาทิกมฺมิกสฺส อนาปตฺติ ภเวยฺย? ตสฺสาปิ อกุสลาทีนํ อุปฺปนฺนตฺตา ภควโต สิกฺขาปทปญฺญตฺติโต ปฎฺฐาย ยาว อาปตฺตีติปิ น สกฺกา วตฺตุํ, เมถุนาทีสุ อกุสลาทีนํ สิกฺขาปทปญฺญตฺติโต ปุเพฺพปิ สมุปฺปตฺติโตฯ ตโต เอว อนุปสมฺปนฺนานมฺปิ อาปตฺติปฺปสโงฺค, คิลานาทีนํ อุปฺปนฺนตฺตา อนุปญฺญตฺติยาปิ อนาปตฺติอภาวปฺปสโงฺค จ สิยาฯ อถ มตํ ‘‘น เกวลํ อกุสลาทิ เอว, อถ โข ภควตา ปฎิกฺขิตฺตภาวํ ชานนฺตสฺส สมุปฺปชฺชมานา เอว อกุสลาทโย อาปตฺตี’’ติ, ตมฺปิ อสารํ, สิกฺขาปทปญฺญตฺติํ อชานิตฺวา วีติกฺกมนฺตสฺส เมถุนาทีสุ อนาปตฺติปฺปสงฺคโต, อกุสลาทิสภาวาย จ อาปตฺติยา เอกปโยคาทีสุ เอกตฺตาทิปิ น สิยาฯ น หิ สกลมฺปิ ทิวสํ อิตฺถิํ กายโต อโมเจตฺวา ผุสนฺตสฺส เอกเมวากุสลํ อุปฺปชฺชติ, พหู วา อิตฺถิโย ผุสิตฺวา อปคจฺฉนฺตสฺส พหูนิ, เยนาปตฺติยา เอกตฺตํ, พหุตฺตํ วา สิยาติ เอวมาทิกํ อยุตฺติํ สงฺคเหตฺวา ทสฺสิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Evaṃ nāmapaṇṇattivasena imasmiṃ sikkhāpade āpattādhikaraṇassa paññattibhāvaṃ dassetvā idāni atthapaṇṇattivasenāpi dassetuṃ ‘‘yasmā vāya’’ntiādi vuttaṃ. Paññattimattamevāti avijjamānassa vijjamānākārena manasā āropitaatthapaṇṇattimattamevāti attho. Tañca kho idhevāti tañca yathāvuttapariyāyena paṇṇattiyā adhikaraṇattaṃ idheva imasmiṃ eva sikkhāpade. Eketi keci. Taṃ na yuttanti yaṃ ekaccehi aṭṭhakathāsu vuttaṃ, adhikaraṇassa paṇṇattibhāvaṃ nisedhetvā kusalādiparamatthabhāvaṃ sādhetuṃ ‘‘taṃ panetaṃ methunadhammapārājikāpattī’’tiādinā papañcato dassito, taṃ na yuttanti attho. Tattha kāraṇamāha ‘‘ādikammikassā’’tiādinā, tena ca tasmiṃ vāde yadi āpatti nāma akusalā vā abyākatā vā bhaveyya, kathaṃ ādikammikassa anāpatti bhaveyya? Tassāpi akusalādīnaṃ uppannattā bhagavato sikkhāpadapaññattito paṭṭhāya yāva āpattītipi na sakkā vattuṃ, methunādīsu akusalādīnaṃ sikkhāpadapaññattito pubbepi samuppattito. Tato eva anupasampannānampi āpattippasaṅgo, gilānādīnaṃ uppannattā anupaññattiyāpi anāpattiabhāvappasaṅgo ca siyā. Atha mataṃ ‘‘na kevalaṃ akusalādi eva, atha kho bhagavatā paṭikkhittabhāvaṃ jānantassa samuppajjamānā eva akusalādayo āpattī’’ti, tampi asāraṃ, sikkhāpadapaññattiṃ ajānitvā vītikkamantassa methunādīsu anāpattippasaṅgato, akusalādisabhāvāya ca āpattiyā ekapayogādīsu ekattādipi na siyā. Na hi sakalampi divasaṃ itthiṃ kāyato amocetvā phusantassa ekamevākusalaṃ uppajjati, bahū vā itthiyo phusitvā apagacchantassa bahūni, yenāpattiyā ekattaṃ, bahuttaṃ vā siyāti evamādikaṃ ayuttiṃ saṅgahetvā dassitanti veditabbaṃ.
ตตฺถ วตฺถุญฺจาติ วีติกฺกโมฯ ตญฺหิ อาปตฺติสมฺมุติปญฺญาปนสฺส โอกาสเฎฺฐน ‘‘วตฺถู’’ติ วุจฺจติฯ โคตฺตนฺติ อทินฺนาทานาทิโต พุทฺธิสทฺทนิวตฺตนเฎฺฐน ปริกปฺปิตสามญฺญากาโร โคตฺตํฯ นามนฺติ อวิชฺชมานนามปญฺญตฺติฯ ตสฺส ปน ปาราชิกนฺติ นามสฺส อตฺถภูตา อาปตฺติ อตฺถปญฺญตฺติ เอวาติ ทฎฺฐพฺพํ ฯ ยํ ปน ‘‘วิวาทาธิกรณํ สิยา กุสล’’นฺติอาทิ (จูฬว. ๒๒๐; ปริ. ๓๐๓), ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ สิยา อกุสล’’นฺติอาทิ (จูฬว. ๒๒๒) จ สุตฺตํ เตหิ สมุทฺธฎํ, ตมฺปิ น วิวาทาทีนํ กุสลาทิภาวสฺส ปริยายเทสิตตฺตาติ ยํ เอตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฎฺฐา ปฐมปาราชิกสมุฎฺฐานาทิวณฺณนาย สารตฺถทีปนิยํ วิรทฺธฎฺฐานโสธนตฺถํ วิตฺถารโต วุตฺตนฺติ ตเตฺถว ตํ คเหตพฺพํ, สารตฺถทีปนีการกสฺส อกุสลาทิรูปาว อาปตฺตีติ ลทฺธิ, เตเนว โส อิธาปิ ‘‘ตสฺมา ปณฺณตฺติอธิกรณนฺติ อฎฺฐกถาสุ กตสนฺนิฎฺฐานํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ตมฺปิ น ยุตฺตนฺติ ทเสฺสตุํ ‘ตํ ปเนต’นฺติอาทิมาหา’’ติ (สารตฺถ. ฎี. ๒.๓๘๕-๓๘๖) เอวํ อตฺตโน ลทฺธิํ อฎฺฐกถาจริยสฺสปิ ลทฺธิํ กตฺวา คนฺถวิโรธมฺปิ อโนโลเกตฺวา ทเสฺสสิฯ น เหตฺถ พุทฺธโฆสาจริโย อฎฺฐกถาวาทํ อยุตฺตนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘ตํ ปเนต’’นฺติอาทิมารภิ ‘‘ปณฺณตฺติมตฺตเมว อาปตฺตาธิกรณนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ สยเมว อุปริ กถนโต, อถ โข ทุลฺลทฺธิกานํ เอกจฺจานํ ตตฺถ วิปฺปฎิปตฺติํ ทเสฺสตฺวา ปุน ตํ ปฎิเสเธตุกาโม อารภิ, เตเนว อเนฺต ‘‘เอเก’’ติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ วิวาทาทีนํ กุสลาทิกเตฺต ตํสมถานมฺปิ ตพฺภาโว อาปชฺชติ ปรมเตฺถสุ ปณฺณตฺติยา สมถาโยคาติ อาห ‘‘กุสลาทิสมเถหี’’ติฯ ปญฺญตฺติสภาวานเมว จตุนฺนํ อธิกรณานํ สมเถหิ อธิกรณียตา, น ปน กุสลาทิปรมตฺถรูปานํ เตสํ เตสํ ขณิกตาย สยเมว สมถปฺปตฺติโตติ เหฎฺฐา สมตฺถิตมตฺถํ นิคมนวเสน ทเสฺสเนฺตน ‘‘อิติ อิมินา อธิกรณเฎฺฐนา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺส ยถาวุตฺตนเยน สมเถหิ อธิกรณียตายาติ อโตฺถฯ ‘‘อิเธกโจฺจ’’ติ อิมินา อิธาธิเปฺปตํ วิวาทํ นิวเตฺตติฯ
Tattha vatthuñcāti vītikkamo. Tañhi āpattisammutipaññāpanassa okāsaṭṭhena ‘‘vatthū’’ti vuccati. Gottanti adinnādānādito buddhisaddanivattanaṭṭhena parikappitasāmaññākāro gottaṃ. Nāmanti avijjamānanāmapaññatti. Tassa pana pārājikanti nāmassa atthabhūtā āpatti atthapaññatti evāti daṭṭhabbaṃ . Yaṃ pana ‘‘vivādādhikaraṇaṃ siyā kusala’’ntiādi (cūḷava. 220; pari. 303), ‘‘āpattādhikaraṇaṃ siyā akusala’’ntiādi (cūḷava. 222) ca suttaṃ tehi samuddhaṭaṃ, tampi na vivādādīnaṃ kusalādibhāvassa pariyāyadesitattāti yaṃ ettha vattabbaṃ, taṃ heṭṭhā paṭhamapārājikasamuṭṭhānādivaṇṇanāya sāratthadīpaniyaṃ viraddhaṭṭhānasodhanatthaṃ vitthārato vuttanti tattheva taṃ gahetabbaṃ, sāratthadīpanīkārakassa akusalādirūpāva āpattīti laddhi, teneva so idhāpi ‘‘tasmā paṇṇattiadhikaraṇanti aṭṭhakathāsu katasanniṭṭhānaṃ dassetvā idāni tampi na yuttanti dassetuṃ ‘taṃ paneta’ntiādimāhā’’ti (sārattha. ṭī. 2.385-386) evaṃ attano laddhiṃ aṭṭhakathācariyassapi laddhiṃ katvā ganthavirodhampi anoloketvā dassesi. Na hettha buddhaghosācariyo aṭṭhakathāvādaṃ ayuttanti dassetuṃ ‘‘taṃ paneta’’ntiādimārabhi ‘‘paṇṇattimattameva āpattādhikaraṇanti veditabba’’nti sayameva upari kathanato, atha kho dulladdhikānaṃ ekaccānaṃ tattha vippaṭipattiṃ dassetvā puna taṃ paṭisedhetukāmo ārabhi, teneva ante ‘‘eke’’ti vuttanti veditabbaṃ. Vivādādīnaṃ kusalādikatte taṃsamathānampi tabbhāvo āpajjati paramatthesu paṇṇattiyā samathāyogāti āha ‘‘kusalādisamathehī’’ti. Paññattisabhāvānameva catunnaṃ adhikaraṇānaṃ samathehi adhikaraṇīyatā, na pana kusalādiparamattharūpānaṃ tesaṃ tesaṃ khaṇikatāya sayameva samathappattitoti heṭṭhā samatthitamatthaṃ nigamanavasena dassentena ‘‘iti iminā adhikaraṇaṭṭhenā’’ti vuttaṃ, tassa yathāvuttanayena samathehi adhikaraṇīyatāyāti attho. ‘‘Idhekacco’’ti iminā idhādhippetaṃ vivādaṃ nivatteti.
อนุวาโทติ วิปตฺตีหิ อุปวทนา เจว โจทนา จฯ ตตฺถ อุปวทนา นาม ครหา, อโกฺกโส จฯ ปญฺจปีติ มาติกาปริยาปนฺนาปตฺติโย สนฺธาย วุตฺตํฯ กิจฺจยตาติ กตฺตพฺพตาฯ สปทานุกฺกมนิเทฺทสสฺสาติ เอตฺถ ปทานุกฺกมนิเทฺทโสติ ปทภาชนํ วุจฺจติ, เตน สหิตสฺส สิกฺขาปทสฺสาติ อโตฺถฯ
Anuvādoti vipattīhi upavadanā ceva codanā ca. Tattha upavadanā nāma garahā, akkoso ca. Pañcapīti mātikāpariyāpannāpattiyo sandhāya vuttaṃ. Kiccayatāti kattabbatā. Sapadānukkamaniddesassāti ettha padānukkamaniddesoti padabhājanaṃ vuccati, tena sahitassa sikkhāpadassāti attho.
๓๘๗. อสฺสาติ กตฺตุอเตฺถ สามิวจนนฺติ อาห ‘‘เอเตน โจทเกนา’’ติอาทิฯ ทิฎฺฐมูลเก ปนาติ ‘‘ทิฎฺฐสฺส โหติ ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปชฺชโนฺต’’ติอาทิ (ปารา. ๓๘๗) ปาฬิวารํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ตตฺถ อิตฺถิยา สทฺธิํ รโหนิสชฺชาทิทสฺสนมตฺตวเสน ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปชฺชโนฺต ปุคฺคโล เตน ทิโฎฺฐ, น ปน มเคฺคน มคฺคปฺปฎิปาทนาทิทสฺสนวเสนฯ ยทิ หิ เตน โส ตถา ทิโฎฺฐ ภเวยฺย, อสุทฺธสญฺญี เอวายํ ตสฺมิํ ปุคฺคเล สิยา, อสุทฺธสญฺญาย จ สุทฺธํ วา อสุทฺธํ วา โจเทนฺตสฺส สงฺฆาทิเสโส น สิยา ‘‘อนาปตฺติ สุเทฺธ อสุทฺธทิฎฺฐิสฺส, อสุเทฺธ อสุทฺธทิฎฺฐิสฺสา’’ติอาทิวจนโต (ปารา. ๓๙๐)ฯ ตสฺมา อิตฺถิยา สทฺธิํ รโหนิสชฺชาทิมตฺตเมว ทิสฺวาปิ ‘‘สโทฺธ กุลปุโตฺต, นายํ ปาราชิกํ อาปชฺชตี’’ติ ตสฺมิํ สุทฺธสญฺญิสฺส วา เวมติกสฺส วา ‘‘สุโต มยา ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปชฺชโนฺต’’ติอาทินา นิยเมตฺวา โจเทนฺตเสฺสว สงฺฆาทิเสโส, น อสุทฺธสญฺญิสฺส, ตสฺส ปน ทิฎฺฐํ สุตนฺติ มุสาวาทาทิปจฺจยา ลหุกาปตฺติ เอวาติ เวทิตพฺพํฯ ยทิ ปน โส ตสฺมิํ สุทฺธทิฎฺฐิจาวนาธิปฺปาโยปิ ทิฎฺฐํ รโหนิสชฺชาทิมตฺตเมว วทติ, อทิฎฺฐํ ปน มเคฺคนมคฺคปฺปฎิปาทนาทิปาราชิกวตฺถุํ วา ‘‘อสฺสมโณสี’’ติอาทิกํ วา น วทติ, ตสฺส อนาปตฺติฯ อธิกํ วทนฺตสฺส ปน อาปตฺติเยว ‘‘อทิฎฺฐํ ทิฎฺฐ’’นฺติ (ปารา. ๓๘๖-๓๘๗) วุตฺตตฺตาฯ โย ปน ทิเฎฺฐน รโหนิสชฺชาทินา ปฐมปาราชิเกน อสุทฺธสญฺญี หุตฺวา จาวนาธิปฺปาโย อทินฺนาทานํ อชฺฌาปชฺชโนฺต ‘‘ทิโฎฺฐ’’ติ วา ‘‘สุโต’’ติ วา อาทิํ วทติ, ตสฺสาปิ น สงฺฆาทิเสโส อสุเทฺธ อสุทฺธทิฎฺฐิตายาติ เกจิ วทนฺติฯ อเญฺญ ปน ‘‘เยน ปาราชิเกน โจเทติ, เตน สุทฺธสญฺญาภาวา อาปตฺติเยวา’’ติ วทนฺติ, อิทํ ยุตฺตํฯ ตถา หิ วุตฺตํ มาติกาฎฺฐกถายํ (กงฺขา. อฎฺฐ. ทุฎฺฐโทสสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘เยน ปาราชิเกน โจเทติ, ตํ ‘อยํ อนชฺฌาปโนฺน’ติ ญตฺวา จาวนาธิปฺปาเยน…เป.… สงฺฆาทิเสโส’’ติฯ อิมินา นเยน สุตาทิมูลเกสุปิ วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ อญฺญตฺร อาคเตสูติ โอมสวาทาทีสุ อาคเตสุฯ อวสฺสุโตติ ตีหิปิ ทฺวาเรหิ ปาราชิกวตฺถุภูตทุจฺจริตานุวสฺสเนน ติโนฺตฯ กสมฺพุชาโตติ กจวรภูโต, นิสฺสาโรติ อโตฺถฯ
387.Assāti kattuatthe sāmivacananti āha ‘‘etena codakenā’’tiādi. Diṭṭhamūlake panāti ‘‘diṭṭhassa hoti pārājikaṃ dhammaṃ ajjhāpajjanto’’tiādi (pārā. 387) pāḷivāraṃ sandhāya vuttaṃ. Tattha itthiyā saddhiṃ rahonisajjādidassanamattavasena pārājikaṃ dhammaṃ ajjhāpajjanto puggalo tena diṭṭho, na pana maggena maggappaṭipādanādidassanavasena. Yadi hi tena so tathā diṭṭho bhaveyya, asuddhasaññī evāyaṃ tasmiṃ puggale siyā, asuddhasaññāya ca suddhaṃ vā asuddhaṃ vā codentassa saṅghādiseso na siyā ‘‘anāpatti suddhe asuddhadiṭṭhissa, asuddhe asuddhadiṭṭhissā’’tiādivacanato (pārā. 390). Tasmā itthiyā saddhiṃ rahonisajjādimattameva disvāpi ‘‘saddho kulaputto, nāyaṃ pārājikaṃ āpajjatī’’ti tasmiṃ suddhasaññissa vā vematikassa vā ‘‘suto mayā pārājikaṃ dhammaṃ ajjhāpajjanto’’tiādinā niyametvā codentasseva saṅghādiseso, na asuddhasaññissa, tassa pana diṭṭhaṃ sutanti musāvādādipaccayā lahukāpatti evāti veditabbaṃ. Yadi pana so tasmiṃ suddhadiṭṭhicāvanādhippāyopi diṭṭhaṃ rahonisajjādimattameva vadati, adiṭṭhaṃ pana maggenamaggappaṭipādanādipārājikavatthuṃ vā ‘‘assamaṇosī’’tiādikaṃ vā na vadati, tassa anāpatti. Adhikaṃ vadantassa pana āpattiyeva ‘‘adiṭṭhaṃ diṭṭha’’nti (pārā. 386-387) vuttattā. Yo pana diṭṭhena rahonisajjādinā paṭhamapārājikena asuddhasaññī hutvā cāvanādhippāyo adinnādānaṃ ajjhāpajjanto ‘‘diṭṭho’’ti vā ‘‘suto’’ti vā ādiṃ vadati, tassāpi na saṅghādiseso asuddhe asuddhadiṭṭhitāyāti keci vadanti. Aññe pana ‘‘yena pārājikena codeti, tena suddhasaññābhāvā āpattiyevā’’ti vadanti, idaṃ yuttaṃ. Tathā hi vuttaṃ mātikāṭṭhakathāyaṃ (kaṅkhā. aṭṭha. duṭṭhadosasikkhāpadavaṇṇanā) ‘‘yena pārājikena codeti, taṃ ‘ayaṃ anajjhāpanno’ti ñatvā cāvanādhippāyena…pe… saṅghādiseso’’ti. Iminā nayena sutādimūlakesupi vinicchayo veditabbo. Aññatra āgatesūti omasavādādīsu āgatesu. Avassutoti tīhipi dvārehi pārājikavatthubhūtaduccaritānuvassanena tinto. Kasambujātoti kacavarabhūto, nissāroti attho.
โกโณฺฐติ โจโร, ทุสฺสีโลติ อโตฺถฯ เชฎฺฐพฺพติโกติ กาฬกณฺณิเทวีวเต นิยุโตฺต ติตฺถิโยติ วทติ, สา กิร กาฬกณฺณิสิริเทวิยา เชฎฺฐาติ วุตฺตาฯ ยทเคฺคนาติ เยน การเณน, ยตฺตเกนาติ อโตฺถ ฯ ตทเคฺคนาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ โน กเปฺปตีติอาทิ เวมติกภาวทีปนตฺถเมว วุตฺตนฺติ มหาปทุมเตฺถรสฺส อธิปฺปาโยฯ
Koṇṭhoti coro, dussīloti attho. Jeṭṭhabbatikoti kāḷakaṇṇidevīvate niyutto titthiyoti vadati, sā kira kāḷakaṇṇisirideviyā jeṭṭhāti vuttā. Yadaggenāti yena kāraṇena, yattakenāti attho . Tadaggenāti etthāpi eseva nayo. No kappetītiādi vematikabhāvadīpanatthameva vuttanti mahāpadumattherassa adhippāyo.
๓๘๙. เอตฺถาติ โจทนายํฯ ตชฺชนียาทิกมฺมํ กริสฺสามีติอาปตฺติยา โจเทนฺตสฺส อธิปฺปาโย กมฺมาธิปฺปาโย นามฯ ปริวาสทานาทิกฺกเมน อาปตฺติโต วุฎฺฐาเปตุํ อาปตฺติยา โจเทนฺตสฺส อธิปฺปาโย วุฎฺฐานาธิปฺปาโยฯ อุโปสถํ, ปวารณํ วา สเงฺฆ กาตุํ อทานตฺถาย อาปตฺติยา โจทยโต อธิปฺปาโย อุโปสถปวารณฎฺฐปนาธิปฺปาโยฯ อสมฺมุขา…เป.… ทุกฺกฎนฺติ อนุทฺธํเสนฺตสฺสปิ อโกฺกสนฺตสฺสปิ ทุกฺกฎํฯ
389.Etthāti codanāyaṃ. Tajjanīyādikammaṃ karissāmītiāpattiyā codentassa adhippāyo kammādhippāyo nāma. Parivāsadānādikkamena āpattito vuṭṭhāpetuṃ āpattiyā codentassa adhippāyo vuṭṭhānādhippāyo. Uposathaṃ, pavāraṇaṃ vā saṅghe kātuṃ adānatthāya āpattiyā codayato adhippāyo uposathapavāraṇaṭṭhapanādhippāyo. Asammukhā…pe… dukkaṭanti anuddhaṃsentassapi akkosantassapi dukkaṭaṃ.
สพฺพเตฺถวาติ สพฺพาสุ อฎฺฐกถาสุฯ อุโปสถปวารณานํ ญตฺติกมฺมภาวโต ญตฺติยา วตฺตมานาย เอว อุโปสถปวารณฎฺฐปนํ โหติ, น นิฎฺฐิตาย, สา จ ยฺย-กาเร ปเตฺต นิฎฺฐิตา นาม โหตีติ อาห ‘‘ยฺย-กาเร ปเตฺต น ลพฺภตี’’ติฯ
Sabbatthevāti sabbāsu aṭṭhakathāsu. Uposathapavāraṇānaṃ ñattikammabhāvato ñattiyā vattamānāya eva uposathapavāraṇaṭṭhapanaṃ hoti, na niṭṭhitāya, sā ca yya-kāre patte niṭṭhitā nāma hotīti āha ‘‘yya-kāre patte na labbhatī’’ti.
อนุปาสโกติ อุปาสโกปิ โส ภิกฺขุ น โหติ สรณคมนสฺสาปิ ปฎิปฺปสฺสทฺธตฺตาติ วทนฺติฯ ‘‘อโนทิสฺส ธมฺมํ กเถนฺตสฺสา’’ติ อิมินา โอทิสฺส กเถเนฺตน โอกาสํ กาเรตพฺพนฺติ ทเสฺสติฯ อาปตฺติํ เทเสตฺวาติ โอกาสาการาปนาปตฺติํ เทเสตฺวาฯ ยํ โจเทติ, ตสฺส อุปสมฺปโนฺนติ สงฺขฺยุปคมนํ, ตสฺมิํ สุทฺธสญฺญิตา เวมติกตา วา, เยน ปาราชิเกน โจเทติ, ตสฺส ทิฎฺฐาทิวเสน อมูลกตา, จาวนาธิปฺปาเยน ‘‘ตฺวํ ปาราชิโก’’ติอาทินา นิยเมตฺวา สมฺมุขา โจทนา โจทาปนา, ตสฺส ตงฺขณวิชานนนฺติ อิมาเนตฺถ ปญฺจ องฺคานิฯ
Anupāsakoti upāsakopi so bhikkhu na hoti saraṇagamanassāpi paṭippassaddhattāti vadanti. ‘‘Anodissa dhammaṃ kathentassā’’ti iminā odissa kathentena okāsaṃ kāretabbanti dasseti. Āpattiṃ desetvāti okāsākārāpanāpattiṃ desetvā. Yaṃ codeti, tassa upasampannoti saṅkhyupagamanaṃ, tasmiṃ suddhasaññitā vematikatā vā, yena pārājikena codeti, tassa diṭṭhādivasena amūlakatā, cāvanādhippāyena ‘‘tvaṃ pārājiko’’tiādinā niyametvā sammukhā codanā codāpanā, tassa taṅkhaṇavijānananti imānettha pañca aṅgāni.
ปฐมทุฎฺฐโทสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭhamaduṭṭhadosasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๘. ทุฎฺฐโทสสิกฺขาปทํ • 8. Duṭṭhadosasikkhāpadaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๘. ปฐมทุฎฺฐโทสสิกฺขาปทวณฺณนา • 8. Paṭhamaduṭṭhadosasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๘. ปฐมทุฎฺฐโทสสิกฺขาปทวณฺณนา • 8. Paṭhamaduṭṭhadosasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๘. ปฐมทุฎฺฐโทสสิกฺขาปทวณฺณนา • 8. Paṭhamaduṭṭhadosasikkhāpadavaṇṇanā