Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๙. ปฐมอิธโลกิกสุตฺตํ

    9. Paṭhamaidhalokikasuttaṃ

    ๔๙. เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ ปุพฺพาราเม มิคารมาตุปาสาเทฯ อถ โข วิสาขา มิคารมาตา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ…เป.…ฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข วิสาขํ มิคารมาตรํ ภควา เอตทโวจ –

    49. Ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati pubbārāme migāramātupāsāde. Atha kho visākhā migāramātā yena bhagavā tenupasaṅkami…pe…. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho visākhaṃ migāramātaraṃ bhagavā etadavoca –

    ‘‘จตูหิ โข, วิสาเข, ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต มาตุคาโม อิธโลกวิชยาย ปฎิปโนฺน โหติ, อยํส โลโก อารโทฺธ โหติฯ กตเมหิ จตูหิ? อิธ, วิสาเข, มาตุคาโม สุสํวิหิตกมฺมโนฺต โหติ, สงฺคหิตปริชโน, ภตฺตุ มนาปํ จรติ, สมฺภตํ อนุรกฺขติฯ

    ‘‘Catūhi kho, visākhe, dhammehi samannāgato mātugāmo idhalokavijayāya paṭipanno hoti, ayaṃsa loko āraddho hoti. Katamehi catūhi? Idha, visākhe, mātugāmo susaṃvihitakammanto hoti, saṅgahitaparijano, bhattu manāpaṃ carati, sambhataṃ anurakkhati.

    ‘‘กถญฺจ , วิสาเข, มาตุคาโม สุสํวิหิตกมฺมโนฺต โหติ? อิธ, วิสาเข, มาตุคาโม เย เต ภตฺตุ อพฺภนฺตรา กมฺมนฺตา – อุณฺณาติ วา กปฺปาสาติ วา – ตตฺถ ทกฺขา โหติ อนลสา ตตฺรุปายาย วีมํสาย สมนฺนาคตา อลํ กาตุํ อลํ สํวิธาตุํฯ เอวํ โข, วิสาเข, มาตุคาโม สุสํวิหิตกมฺมโนฺต โหติฯ

    ‘‘Kathañca , visākhe, mātugāmo susaṃvihitakammanto hoti? Idha, visākhe, mātugāmo ye te bhattu abbhantarā kammantā – uṇṇāti vā kappāsāti vā – tattha dakkhā hoti analasā tatrupāyāya vīmaṃsāya samannāgatā alaṃ kātuṃ alaṃ saṃvidhātuṃ. Evaṃ kho, visākhe, mātugāmo susaṃvihitakammanto hoti.

    ‘‘กถญฺจ, วิสาเข, มาตุคาโม สงฺคหิตปริชโน โหติ? อิธ, วิสาเข, มาตุคาโม โย โส ภตฺตุ อพฺภนฺตโร อโนฺตชโน – ทาสาติ วา เปสฺสาติ วา กมฺมกราติ วา – เตสํ กตญฺจ กตโต ชานาติ อกตญฺจ อกตโต ชานาติ, คิลานกานญฺจ พลาพลํ ชานาติ ขาทนียํ โภชนียญฺจสฺส ปจฺจํเสน สํวิภชติฯ เอวํ โข, วิสาเข, มาตุคาโม สงฺคหิตปริชโน โหติฯ

    ‘‘Kathañca, visākhe, mātugāmo saṅgahitaparijano hoti? Idha, visākhe, mātugāmo yo so bhattu abbhantaro antojano – dāsāti vā pessāti vā kammakarāti vā – tesaṃ katañca katato jānāti akatañca akatato jānāti, gilānakānañca balābalaṃ jānāti khādanīyaṃ bhojanīyañcassa paccaṃsena saṃvibhajati. Evaṃ kho, visākhe, mātugāmo saṅgahitaparijano hoti.

    ‘‘กถญฺจ, วิสาเข, มาตุคาโม ภตฺตุ มนาปํ จรติ? อิธ, วิสาเข, มาตุคาโม ยํ ภตฺตุ อมนาปสงฺขาตํ ตํ ชีวิตเหตุปิ น อชฺฌาจรติฯ เอวํ โข, วิสาเข, มาตุคาโม ภตฺตุ มนาปํ จรติฯ

    ‘‘Kathañca, visākhe, mātugāmo bhattu manāpaṃ carati? Idha, visākhe, mātugāmo yaṃ bhattu amanāpasaṅkhātaṃ taṃ jīvitahetupi na ajjhācarati. Evaṃ kho, visākhe, mātugāmo bhattu manāpaṃ carati.

    ‘‘กถญฺจ, วิสาเข, มาตุคาโม สมฺภตํ อนุรกฺขติ? อิธ, วิสาเข, มาตุคาโม ยํ ภตฺตา อาหรติ ธนํ วา ธญฺญํ วา รชตํ วา ชาตรูปํ วา ตํ อารเกฺขน คุตฺติยา สมฺปาเทติ, ตตฺถ จ โหติ อธุตฺตี อเถนี อโสณฺฑี อวินาสิกาฯ เอวํ โข, วิสาเข, มาตุคาโม สมฺภตํ อนุรกฺขติฯ อิเมหิ โข, วิสาเข, จตูหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต มาตุคาโม อิธโลกวิชยาย ปฎิปโนฺน โหติ, อยํส โลโก อารโทฺธ โหติฯ

    ‘‘Kathañca, visākhe, mātugāmo sambhataṃ anurakkhati? Idha, visākhe, mātugāmo yaṃ bhattā āharati dhanaṃ vā dhaññaṃ vā rajataṃ vā jātarūpaṃ vā taṃ ārakkhena guttiyā sampādeti, tattha ca hoti adhuttī athenī asoṇḍī avināsikā. Evaṃ kho, visākhe, mātugāmo sambhataṃ anurakkhati. Imehi kho, visākhe, catūhi dhammehi samannāgato mātugāmo idhalokavijayāya paṭipanno hoti, ayaṃsa loko āraddho hoti.

    ‘‘จตูหิ โข , วิสาเข, ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต มาตุคาโม ปรโลกวิชยาย ปฎิปโนฺน โหติ, ปรโลโก อารโทฺธ โหติฯ กตเมหิ จตูหิ? อิธ, วิสาเข, มาตุคาโม สทฺธาสมฺปโนฺน โหติ, สีลสมฺปโนฺน โหติ, จาคสมฺปโนฺน โหติ, ปญฺญาสมฺปโนฺน โหติฯ

    ‘‘Catūhi kho , visākhe, dhammehi samannāgato mātugāmo paralokavijayāya paṭipanno hoti, paraloko āraddho hoti. Katamehi catūhi? Idha, visākhe, mātugāmo saddhāsampanno hoti, sīlasampanno hoti, cāgasampanno hoti, paññāsampanno hoti.

    ‘‘กถญฺจ , วิสาเข, มาตุคาโม สทฺธาสมฺปโนฺน โหติ? อิธ, วิสาเข, มาตุคาโม สโทฺธ โหติ, สทฺทหติ ตถาคตสฺส โพธิํ – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควา’ติฯ เอวํ โข, วิสาเข, มาตุคาโม สทฺธาสมฺปโนฺน โหติฯ

    ‘‘Kathañca , visākhe, mātugāmo saddhāsampanno hoti? Idha, visākhe, mātugāmo saddho hoti, saddahati tathāgatassa bodhiṃ – ‘itipi so bhagavā arahaṃ sammāsambuddho vijjācaraṇasampanno sugato lokavidū anuttaro purisadammasārathi satthā devamanussānaṃ buddho bhagavā’ti. Evaṃ kho, visākhe, mātugāmo saddhāsampanno hoti.

    ‘‘กถญฺจ, วิสาเข, มาตุคาโม สีลสมฺปโนฺน โหติ? อิธ , วิสาเข, มาตุคาโม ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต โหติ…เป.… สุราเมรยมชฺชปมาทฎฺฐานา ปฎิวิรโต โหติฯ เอวํ โข, วิสาเข, มาตุคาโม สีลสมฺปโนฺน โหติฯ

    ‘‘Kathañca, visākhe, mātugāmo sīlasampanno hoti? Idha , visākhe, mātugāmo pāṇātipātā paṭivirato hoti…pe… surāmerayamajjapamādaṭṭhānā paṭivirato hoti. Evaṃ kho, visākhe, mātugāmo sīlasampanno hoti.

    ‘‘กถญฺจ , วิสาเข, มาตุคาโม จาคสมฺปโนฺน โหติ? อิธ, วิสาเข, มาตุคาโม วิคตมลมเจฺฉเรน เจตสา อคารํ อชฺฌาวสติ มุตฺตจาคา ปยตปาณินี โวสฺสคฺครตา ยาจโยคา ทานสํวิภาครตาฯ เอวํ โข, วิสาเข, มาตุคาโม จาคสมฺปโนฺน โหติฯ

    ‘‘Kathañca , visākhe, mātugāmo cāgasampanno hoti? Idha, visākhe, mātugāmo vigatamalamaccherena cetasā agāraṃ ajjhāvasati muttacāgā payatapāṇinī vossaggaratā yācayogā dānasaṃvibhāgaratā. Evaṃ kho, visākhe, mātugāmo cāgasampanno hoti.

    ‘‘กถญฺจ, วิสาเข, มาตุคาโม ปญฺญาสมฺปโนฺน โหติ? อิธ, วิสาเข, มาตุคาโม ปญฺญวา โหติ…เป.… เอวํ โข, วิสาเข, มาตุคาโม ปญฺญาสมฺปโนฺน โหติฯ อิเมหิ โข, วิสาเข, จตูหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต มาตุคาโม ปรโลกวิชยาย ปฎิปโนฺน โหติ, ปรโลโก อารโทฺธ โหตี’’ติฯ

    ‘‘Kathañca, visākhe, mātugāmo paññāsampanno hoti? Idha, visākhe, mātugāmo paññavā hoti…pe… evaṃ kho, visākhe, mātugāmo paññāsampanno hoti. Imehi kho, visākhe, catūhi dhammehi samannāgato mātugāmo paralokavijayāya paṭipanno hoti, paraloko āraddho hotī’’ti.

    ‘‘สุสํวิหิตกมฺมนฺตา, สงฺคหิตปริชฺชนา;

    ‘‘Susaṃvihitakammantā, saṅgahitaparijjanā;

    ภตฺตุ มนาปํ จรติ, สมฺภตํ อนุรกฺขติฯ

    Bhattu manāpaṃ carati, sambhataṃ anurakkhati.

    ‘‘สทฺธา สีเลน สมฺปนฺนา, วทญฺญู วีตมจฺฉรา;

    ‘‘Saddhā sīlena sampannā, vadaññū vītamaccharā;

    นิจฺจํ มคฺคํ วิโสเธติ, โสตฺถานํ สมฺปรายิกํฯ

    Niccaṃ maggaṃ visodheti, sotthānaṃ samparāyikaṃ.

    ‘‘อิเจฺจเต อฎฺฐ ธมฺมา จ, ยสฺสา วิชฺชนฺติ นาริยา;

    ‘‘Iccete aṭṭha dhammā ca, yassā vijjanti nāriyā;

    ตมฺปิ สีลวติํ อาหุ, ธมฺมฎฺฐํ สจฺจวาทินิํฯ

    Tampi sīlavatiṃ āhu, dhammaṭṭhaṃ saccavādiniṃ.

    ‘‘โสฬสาการสมฺปนฺนา, อฎฺฐงฺคสุสมาคตา;

    ‘‘Soḷasākārasampannā, aṭṭhaṅgasusamāgatā;

    ตาทิสี สีลวตี อุปาสิกา;

    Tādisī sīlavatī upāsikā;

    อุปปชฺชติ เทวโลกํ มนาป’’นฺติฯ นวมํ;

    Upapajjati devalokaṃ manāpa’’nti. navamaṃ;







    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๙-๑๐. อิธโลกิกสุตฺตทฺวยวณฺณนา • 9-10. Idhalokikasuttadvayavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๙-๑๐. ปฐมอิธโลกิกสุตฺตาทิวณฺณนา • 9-10. Paṭhamaidhalokikasuttādivaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact