Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā |
ปฐมชฺฌานกถา
Paṭhamajjhānakathā
อิทานิ อิมาย ปฎิปทาย อธิคตํ ปฐมชฺฌานํ อาทิํ กตฺวา วิชฺชตฺตยปริโยสานํ วิเสสํ ทเสฺสโนฺต ‘‘โส โข อห’’นฺติ อาทิมาหฯ ตตฺถ วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหีติอาทีนํ กิญฺจาปิ ‘‘ตตฺถ กตเม กามา? ฉโนฺท กาโม, ราโค กาโม, ฉนฺทราโค กาโม; สงฺกโปฺป กาโม, ราโค กาโม, สงฺกปฺปราโค กาโม – อิเม วุจฺจนฺติ กามาฯ ตตฺถ กตเม อกุสลา ธมฺมา? กามจฺฉโนฺท…เป.… วิจิกิจฺฉา – อิเม วุจฺจนฺติ อกุสลา ธมฺมาฯ อิติ อิเมหิ จ กาเมหิ อิเมหิ จ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ วิวิโตฺต โหติ ปวิวิโตฺต, เตน วุจฺจติ – ‘วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหี’’’ติอาทินา (วิภ. ๕๖๔) นเยน วิภเงฺคเยว อโตฺถ วุโตฺตฯ ตถาปิ อฎฺฐกถานยํ วินา น สุฎฺฐุ ปากโฎติ อฎฺฐกถานเยเนว นํ ปกาสยิสฺสามฯ
Idāni imāya paṭipadāya adhigataṃ paṭhamajjhānaṃ ādiṃ katvā vijjattayapariyosānaṃ visesaṃ dassento ‘‘so kho aha’’nti ādimāha. Tattha vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehītiādīnaṃ kiñcāpi ‘‘tattha katame kāmā? Chando kāmo, rāgo kāmo, chandarāgo kāmo; saṅkappo kāmo, rāgo kāmo, saṅkapparāgo kāmo – ime vuccanti kāmā. Tattha katame akusalā dhammā? Kāmacchando…pe… vicikicchā – ime vuccanti akusalā dhammā. Iti imehi ca kāmehi imehi ca akusalehi dhammehi vivitto hoti pavivitto, tena vuccati – ‘vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehī’’’tiādinā (vibha. 564) nayena vibhaṅgeyeva attho vutto. Tathāpi aṭṭhakathānayaṃ vinā na suṭṭhu pākaṭoti aṭṭhakathānayeneva naṃ pakāsayissāma.
เสยฺยถิทํ – วิวิเจฺจว กาเมหีติ กาเมหิ วิวิจฺจิตฺวา วินา หุตฺวา อปสเกฺกตฺวาฯ โย ปนายเมตฺถ เอวกาโร, โส นิยมโตฺถติ เวทิตโพฺพฯ ยสฺมา จ นิยมโตฺถ, ตสฺมา ตสฺมิํ ปฐมชฺฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรณสมเย อวิชฺชมานานมฺปิ กามานํ ตสฺส ปฐมชฺฌานสฺส ปฎิปกฺขภาวํ กามปริจฺจาเคเนว จสฺส อธิคมํ ทีเปติฯ กถํ? ‘‘วิวิเจฺจว กาเมหี’’ติ เอวญฺหิ นิยเม กริยมาเน อิทํ ปญฺญายติฯ นูนิมสฺส ฌานสฺส กามา ปฎิปกฺขภูตา, เยสุ สติ อิทํ น ปวตฺตติ, อนฺธกาเร สติ ปทีโป วิย, เตสํ ปริจฺจาเคเนว จสฺส อธิคโม โหติ, โอริมตีรปริจฺจาเคน ปาริมตีรเสฺสว, ตสฺมา นิยมํ กโรตีติฯ
Seyyathidaṃ – vivicceva kāmehīti kāmehi viviccitvā vinā hutvā apasakketvā. Yo panāyamettha evakāro, so niyamatthoti veditabbo. Yasmā ca niyamattho, tasmā tasmiṃ paṭhamajjhānaṃ upasampajja viharaṇasamaye avijjamānānampi kāmānaṃ tassa paṭhamajjhānassa paṭipakkhabhāvaṃ kāmapariccāgeneva cassa adhigamaṃ dīpeti. Kathaṃ? ‘‘Vivicceva kāmehī’’ti evañhi niyame kariyamāne idaṃ paññāyati. Nūnimassa jhānassa kāmā paṭipakkhabhūtā, yesu sati idaṃ na pavattati, andhakāre sati padīpo viya, tesaṃ pariccāgeneva cassa adhigamo hoti, orimatīrapariccāgena pārimatīrasseva, tasmā niyamaṃ karotīti.
ตตฺถ สิยา – ‘‘กสฺมา ปเนส ปุพฺพปเทเยว วุโตฺต น อุตฺตรปเท, กิํ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ อวิวิจฺจาปิ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’’ติ? น โข ปเนตํ เอวํ ทฎฺฐพฺพํฯ ตนฺนิสฺสรณโต หิ ปุพฺพปเทเอว เอส วุโตฺตฯ กามธาตุสมติกฺกมนโต หิ กามราคปฎิปกฺขโต จ อิทํ ฌานํ กามานเมว นิสฺสรณํฯ ยถาห – ‘‘กามานเมตํ นิสฺสรณํ, ยทิทํ เนกฺขมฺม’’นฺติ (อิติวุ. ๗๒)ฯ อุตฺตรปเทปิ ปน ยถา ‘‘อิเธว, ภิกฺขเว, ปฐโม สมโณ, อิธ ทุติโย สมโณ’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๓๙) เอตฺถ เอวกาโร อาเนตฺวา วุจฺจติ, เอวํ วตฺตโพฺพฯ น หิ สกฺกา อิโต อเญฺญหิปิ นีวรณสงฺขาเตหิ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ อวิวิจฺจ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหริตุํ ฯ ตสฺมา ‘‘วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิเจฺจว อกุสเลหิ ธเมฺมหี’’ติ เอวํ ปททฺวเยปิ เอส ทฎฺฐโพฺพฯ ปททฺวเยปิ จ กิญฺจาปิ ‘‘วิวิจฺจา’’ติ อิมินา สาธารณวจเนน ตทงฺควิเวกาทโย กายวิเวกาทโย จ สเพฺพปิ วิเวกา สงฺคหํ คจฺฉนฺติฯ ตถาปิ กายวิเวโก, จิตฺตวิเวโก, วิกฺขมฺภนวิเวโกติ ตโย เอว อิธ ทฎฺฐพฺพาฯ ‘‘กาเมหี’’ติ อิมินา ปน ปเทน เย จ นิเทฺทเส ‘‘กตเม วตฺถุกามา มนาปิยา รูปา’’ติอาทินา (มหานิ. ๑; วิภ. ๙๖๔) นเยน วตฺถุกามา วุตฺตา, เย จ ตเตฺถว วิภเงฺค จ ‘‘ฉโนฺท กาโม’’ติอาทินา (มหานิ. ๑) นเยน กิเลสกามา วุตฺตา, เต สเพฺพปิ สงฺคหิตา อิเจฺจว ทฎฺฐพฺพาฯ เอวญฺหิ สติ ‘‘วิวิเจฺจว กาเมหี’’ติ วตฺถุกาเมหิปิ วิวิเจฺจวาติ อโตฺถ ยุชฺชติฯ เตน กายวิเวโก วุโตฺต โหติฯ
Tattha siyā – ‘‘kasmā panesa pubbapadeyeva vutto na uttarapade, kiṃ akusalehi dhammehi aviviccāpi jhānaṃ upasampajja vihareyyā’’ti? Na kho panetaṃ evaṃ daṭṭhabbaṃ. Tannissaraṇato hi pubbapadeeva esa vutto. Kāmadhātusamatikkamanato hi kāmarāgapaṭipakkhato ca idaṃ jhānaṃ kāmānameva nissaraṇaṃ. Yathāha – ‘‘kāmānametaṃ nissaraṇaṃ, yadidaṃ nekkhamma’’nti (itivu. 72). Uttarapadepi pana yathā ‘‘idheva, bhikkhave, paṭhamo samaṇo, idha dutiyo samaṇo’’ti (ma. ni. 1.139) ettha evakāro ānetvā vuccati, evaṃ vattabbo. Na hi sakkā ito aññehipi nīvaraṇasaṅkhātehi akusalehi dhammehi avivicca jhānaṃ upasampajja viharituṃ . Tasmā ‘‘vivicceva kāmehi vivicceva akusalehi dhammehī’’ti evaṃ padadvayepi esa daṭṭhabbo. Padadvayepi ca kiñcāpi ‘‘viviccā’’ti iminā sādhāraṇavacanena tadaṅgavivekādayo kāyavivekādayo ca sabbepi vivekā saṅgahaṃ gacchanti. Tathāpi kāyaviveko, cittaviveko, vikkhambhanavivekoti tayo eva idha daṭṭhabbā. ‘‘Kāmehī’’ti iminā pana padena ye ca niddese ‘‘katame vatthukāmā manāpiyā rūpā’’tiādinā (mahāni. 1; vibha. 964) nayena vatthukāmā vuttā, ye ca tattheva vibhaṅge ca ‘‘chando kāmo’’tiādinā (mahāni. 1) nayena kilesakāmā vuttā, te sabbepi saṅgahitā icceva daṭṭhabbā. Evañhi sati ‘‘vivicceva kāmehī’’ti vatthukāmehipi viviccevāti attho yujjati. Tena kāyaviveko vutto hoti.
วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหีติ กิเลสกาเมหิ สพฺพากุสเลหิ ธเมฺมหิ วา วิวิจฺจาติ อโตฺถ ยุชฺชติฯ เตน จิตฺตวิเวโก วุโตฺต โหติฯ ปุริเมน เจตฺถ วตฺถุกาเมหิ วิเวกวจนโตเยว กามสุขปริจฺจาโค, ทุติเยน กิเลสกาเมหิ วิเวกวจนโต เนกฺขมฺมสุขปริคฺคโห วิภาวิโต โหติฯ เอวํ วตฺถุกามกิเลสกามวิเวกวจนโตเยว จ เอเตสํ ปฐเมน สํกิเลสวตฺถุปฺปหานํ, ทุติเยน สํกิเลสปฺปหานํ; ปฐเมน โลลภาวสฺส เหตุปริจฺจาโค, ทุติเยน พาลภาวสฺส; ปฐเมน จ ปโยคสุทฺธิ, ทุติเยน อาสยโปสนํ วิภาวิตํ โหตีติ วิญฺญาตพฺพํฯ เอส ตาว นโย ‘‘กาเมหี’’ติ เอตฺถ วุตฺตกาเมสุ วตฺถุกามปเกฺขฯ
Vivicca akusalehi dhammehīti kilesakāmehi sabbākusalehi dhammehi vā viviccāti attho yujjati. Tena cittaviveko vutto hoti. Purimena cettha vatthukāmehi vivekavacanatoyeva kāmasukhapariccāgo, dutiyena kilesakāmehi vivekavacanato nekkhammasukhapariggaho vibhāvito hoti. Evaṃ vatthukāmakilesakāmavivekavacanatoyeva ca etesaṃ paṭhamena saṃkilesavatthuppahānaṃ, dutiyena saṃkilesappahānaṃ; paṭhamena lolabhāvassa hetupariccāgo, dutiyena bālabhāvassa; paṭhamena ca payogasuddhi, dutiyena āsayaposanaṃ vibhāvitaṃ hotīti viññātabbaṃ. Esa tāva nayo ‘‘kāmehī’’ti ettha vuttakāmesu vatthukāmapakkhe.
กิเลสกามปเกฺข ปน ฉโนฺทติ จ ราโคติ จ เอวมาทีหิ อเนกเภโท กามจฺฉโนฺทเยว กาโมติ อธิเปฺปโตฯ โส จ อกุสลปริยาปโนฺนปิ สมาโน, ‘‘ตตฺถ กตโม กามฉโนฺท กาโม’’ติอาทินา นเยน วิภเงฺค ฌานปฎิปกฺขโต วิสุํ วุโตฺตฯ กิเลสกามตฺตา วา ปุริมปเท วุโตฺต, อกุสลปริยาปนฺนตฺตา ทุติยปเทฯ อเนกเภทโต จสฺส กามโตติ อวตฺวา กาเมหีติ วุตฺตํฯ อเญฺญสมฺปิ จ ธมฺมานํ อกุสลภาเว วิชฺชมาเน ‘‘ตตฺถ กตเม อกุสลา ธมฺมา กามจฺฉโนฺท’’ติอาทินา นเยน วิภเงฺค (วิภ. ๕๖๔) อุปริฌานงฺคปจฺจนีกปฎิปกฺขภาวทสฺสนโต นีวรณาเนว วุตฺตานิฯ นีวรณานิ หิ ฌานงฺคปจฺจนีกานิ, เตสํ ฌานงฺคาเนว ปฎิปกฺขานิ, วิทฺธํสกานีติ วุตฺตํ โหติฯ ตถา หิ ‘‘สมาธิ กามจฺฉนฺทสฺส ปฎิปโกฺข, ปีติ พฺยาปาทสฺส, วิตโกฺก ถินมิทฺธสฺส, สุขํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส, วิจาโร วิจิกิจฺฉายา’’ติ เปฎเก วุตฺตํฯ
Kilesakāmapakkhe pana chandoti ca rāgoti ca evamādīhi anekabhedo kāmacchandoyeva kāmoti adhippeto. So ca akusalapariyāpannopi samāno, ‘‘tattha katamo kāmachando kāmo’’tiādinā nayena vibhaṅge jhānapaṭipakkhato visuṃ vutto. Kilesakāmattā vā purimapade vutto, akusalapariyāpannattā dutiyapade. Anekabhedato cassa kāmatoti avatvā kāmehīti vuttaṃ. Aññesampi ca dhammānaṃ akusalabhāve vijjamāne ‘‘tattha katame akusalā dhammā kāmacchando’’tiādinā nayena vibhaṅge (vibha. 564) uparijhānaṅgapaccanīkapaṭipakkhabhāvadassanato nīvaraṇāneva vuttāni. Nīvaraṇāni hi jhānaṅgapaccanīkāni, tesaṃ jhānaṅgāneva paṭipakkhāni, viddhaṃsakānīti vuttaṃ hoti. Tathā hi ‘‘samādhi kāmacchandassa paṭipakkho, pīti byāpādassa, vitakko thinamiddhassa, sukhaṃ uddhaccakukkuccassa, vicāro vicikicchāyā’’ti peṭake vuttaṃ.
เอวเมตฺถ ‘‘วิวิเจฺจว กาเมหี’’ติ อิมินา กามจฺฉนฺทสฺส วิกฺขมฺภนวิเวโก วุโตฺต โหติฯ ‘‘วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหี’’ติ อิมินา ปญฺจนฺนมฺปิ นีวรณานํฯ อคฺคหิตคฺคหเณน ปน ปฐเมน กามจฺฉนฺทสฺส, ทุติเยน เสสนีวรณานํฯ ตถา ปฐเมน ตีสุ อกุสลมูเลสุ ปญฺจกามคุณเภทวิสยสฺส โลภสฺส, ทุติเยน อาฆาตวตฺถุเภทาทิวิสยานํ โทสโมหานํฯ โอฆาทีสุ วา ธเมฺมสุ ปฐเมน กาโมฆ-กามโยค-กามาสว-กามุปาทาน-อภิชฺฌากายคนฺถ-กามราค-สํโยชนานํ, ทุติเยน อวเสสโอฆ-โยคาสว-อุปาทาน-คนฺถ-สํโยชนานํฯ ปฐเมน จ ตณฺหาย ตํสมฺปยุตฺตกานญฺจ, ทุติเยน อวิชฺชาย ตํสมฺปยุตฺตกานญฺจฯ อปิจ ปฐเมน โลภสมฺปยุตฺตอฎฺฐจิตฺตุปฺปาทานํ, ทุติเยน เสสานํ จตุนฺนํ อกุสลจิตฺตุปฺปาทานํ วิกฺขมฺภนวิเวโก วุโตฺต โหตีติ เวทิตโพฺพฯ อยํ ตาว ‘‘วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหี’’ติ เอตฺถ อตฺถปฺปกาสนาฯ
Evamettha ‘‘vivicceva kāmehī’’ti iminā kāmacchandassa vikkhambhanaviveko vutto hoti. ‘‘Vivicca akusalehi dhammehī’’ti iminā pañcannampi nīvaraṇānaṃ. Aggahitaggahaṇena pana paṭhamena kāmacchandassa, dutiyena sesanīvaraṇānaṃ. Tathā paṭhamena tīsu akusalamūlesu pañcakāmaguṇabhedavisayassa lobhassa, dutiyena āghātavatthubhedādivisayānaṃ dosamohānaṃ. Oghādīsu vā dhammesu paṭhamena kāmogha-kāmayoga-kāmāsava-kāmupādāna-abhijjhākāyagantha-kāmarāga-saṃyojanānaṃ, dutiyena avasesaogha-yogāsava-upādāna-gantha-saṃyojanānaṃ. Paṭhamena ca taṇhāya taṃsampayuttakānañca, dutiyena avijjāya taṃsampayuttakānañca. Apica paṭhamena lobhasampayuttaaṭṭhacittuppādānaṃ, dutiyena sesānaṃ catunnaṃ akusalacittuppādānaṃ vikkhambhanaviveko vutto hotīti veditabbo. Ayaṃ tāva ‘‘vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehī’’ti ettha atthappakāsanā.
เอตฺตาวตา จ ปฐมสฺส ฌานสฺส ปหานงฺคํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ สมฺปโยคงฺคํ ทเสฺสโนฺต สวิตกฺกํ สวิจารนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ วิตกฺกนํ วิตโกฺก, อูหนนฺติ วุตฺตํ โหติฯ สฺวายํ อารมฺมเณ จิตฺตสฺส อภินิโรปนลกฺขโณ, อาหนนปริยาหนนรโสฯ ตถา หิ ‘‘เตน โยคาวจโร อารมฺมณํ วิตกฺกาหตํ วิตกฺกปริยาหตํ กโรตี’’ติ วุจฺจติฯ อารมฺมเณ จิตฺตสฺส อานยนปจฺจุปฎฺฐาโนฯ วิจรณํ วิจาโร, อนุสญฺจรณนฺติ วุตฺตํ โหติฯ สฺวายํ อารมฺมณานุมชฺชนลกฺขโณ, ตตฺถ สหชาตานุโยชนรโส, จิตฺตสฺส อนุปฺปพนฺธนปจฺจุปฎฺฐาโนฯ สเนฺตปิ จ เนสํ กตฺถจิ อวิปฺปโยเค โอฬาริกเฎฺฐน ฆณฺฎาภิฆาตสโทฺท วิย เจตโส ปฐมาภินิปาโต วิตโกฺก, สุขุมเฎฺฐน อนุรโว วิย อนุปฺปพโนฺธ วิจาโรฯ วิปฺผารวา เจตฺถ วิตโกฺก ปริปฺผนฺทนภาโว จิตฺตสฺส, อากาเส อุปฺปติตุกามสฺส ปกฺขิโน ปกฺขวิเกฺขโป วิย ปทุมาภิมุขปาโต วิย จ คนฺธานุพนฺธเจตโส ภมรสฺสฯ สนฺตวุตฺติ วิจาโร นาติปริปฺผนฺทนภาโว จิตฺตสฺส, อากาเส อุปฺปติตสฺส ปกฺขิโน ปกฺขปฺปสารณํ วิย ปริพฺภมนํ วิย จ ปทุมาภิมุขปติตสฺส ภมรสฺส ปทุมสฺส อุปริภาเคฯ โส ปน เนสํ วิเสโส ปฐม-ทุติยชฺฌาเนสุ ปากโฎ โหติฯ อิติ อิมินา จ วิตเกฺกน อิมินา จ วิจาเรน สห วตฺตติ รุโกฺข วิย ปุเปฺผน จ ผเลน จาติ อิทํ ฌานํ ‘‘สวิตกฺกํ สวิจาร’’นฺติ วุจฺจติฯ วิภเงฺค ปน ‘‘อิมินา จ วิตเกฺกน อิมินา จ วิจาเรน อุเปโต โหติ สมุเปโต’’ติอาทินา (วิภ. ๕๖๕) นเยน ปุคฺคลาธิฎฺฐานา เทสนา กตาฯ อโตฺถ ปน ตตฺราปิ เอวเมว ทฎฺฐโพฺพฯ
Ettāvatā ca paṭhamassa jhānassa pahānaṅgaṃ dassetvā idāni sampayogaṅgaṃ dassento savitakkaṃ savicārantiādimāha. Tattha vitakkanaṃ vitakko, ūhananti vuttaṃ hoti. Svāyaṃ ārammaṇe cittassa abhiniropanalakkhaṇo, āhananapariyāhananaraso. Tathā hi ‘‘tena yogāvacaro ārammaṇaṃ vitakkāhataṃ vitakkapariyāhataṃ karotī’’ti vuccati. Ārammaṇe cittassa ānayanapaccupaṭṭhāno. Vicaraṇaṃ vicāro, anusañcaraṇanti vuttaṃ hoti. Svāyaṃ ārammaṇānumajjanalakkhaṇo, tattha sahajātānuyojanaraso, cittassa anuppabandhanapaccupaṭṭhāno. Santepi ca nesaṃ katthaci avippayoge oḷārikaṭṭhena ghaṇṭābhighātasaddo viya cetaso paṭhamābhinipāto vitakko, sukhumaṭṭhena anuravo viya anuppabandho vicāro. Vipphāravā cettha vitakko paripphandanabhāvo cittassa, ākāse uppatitukāmassa pakkhino pakkhavikkhepo viya padumābhimukhapāto viya ca gandhānubandhacetaso bhamarassa. Santavutti vicāro nātiparipphandanabhāvo cittassa, ākāse uppatitassa pakkhino pakkhappasāraṇaṃ viya paribbhamanaṃ viya ca padumābhimukhapatitassa bhamarassa padumassa uparibhāge. So pana nesaṃ viseso paṭhama-dutiyajjhānesu pākaṭo hoti. Iti iminā ca vitakkena iminā ca vicārena saha vattati rukkho viya pupphena ca phalena cāti idaṃ jhānaṃ ‘‘savitakkaṃ savicāra’’nti vuccati. Vibhaṅge pana ‘‘iminā ca vitakkena iminā ca vicārena upeto hoti samupeto’’tiādinā (vibha. 565) nayena puggalādhiṭṭhānā desanā katā. Attho pana tatrāpi evameva daṭṭhabbo.
วิเวกชนฺติ เอตฺถ วิวิตฺติ วิเวโก, นีวรณวิคโมติ อโตฺถฯ วิวิโตฺตติ วา วิเวโก, นีวรณวิวิโตฺต ฌานสมฺปยุตฺตธมฺมราสีติ อโตฺถฯ ตสฺมา วิเวกา, ตสฺมิํ วา วิเวเก ชาตนฺติ วิเวกชํฯ ปีติสุขนฺติ เอตฺถ ปินยตีติ ปีติ, สา สมฺปิยายนลกฺขณา กายจิตฺตปีนนรสา , ผรณรสา วา, โอทคฺยปจฺจุปฎฺฐานาฯ สุขนํ สุขํ, สุฎฺฐุ วา ขาทติ ขนติ จ กายจิตฺตาพาธนฺติ สุขํ, ตํ สาตลกฺขณํ, สมฺปยุตฺตกานํ อุปพฺรูหนรสํ, อนุคฺคหปจฺจุปฎฺฐานํฯ สติปิ จ เนสํ กตฺถจิ อวิปฺปโยเค อิฎฺฐารมฺมณปฎิลาภตุฎฺฐิ ปีติ, ปฎิลทฺธรสานุภวนํ สุขํฯ ยตฺถ ปีติ ตตฺถ สุขํ, ยตฺถ สุขํ ตตฺถ น นิยมโต ปีติฯ สงฺขารกฺขนฺธสงฺคหิตา ปีติ, เวทนากฺขนฺธสงฺคหิตํ สุขํฯ กนฺตารขินฺนสฺส วนโนฺตทกทสฺสนสวเนสุ วิย ปีติ, วนจฺฉายปฺปเวสนอุทกปริโภเคสุ วิย สุขํฯ ตสฺมิํ ตสฺมิํ สมเย ปากฎภาวโต เจตํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ อยญฺจ ปีติ, อิทญฺจ สุขํ, อสฺส ฌานสฺส, อสฺมิํ วา ฌาเน อตฺถีติ อิทํ ฌานํ ‘‘ปีติสุข’’นฺติ วุจฺจติฯ
Vivekajanti ettha vivitti viveko, nīvaraṇavigamoti attho. Vivittoti vā viveko, nīvaraṇavivitto jhānasampayuttadhammarāsīti attho. Tasmā vivekā, tasmiṃ vā viveke jātanti vivekajaṃ. Pītisukhanti ettha pinayatīti pīti, sā sampiyāyanalakkhaṇā kāyacittapīnanarasā , pharaṇarasā vā, odagyapaccupaṭṭhānā. Sukhanaṃ sukhaṃ, suṭṭhu vā khādati khanati ca kāyacittābādhanti sukhaṃ, taṃ sātalakkhaṇaṃ, sampayuttakānaṃ upabrūhanarasaṃ, anuggahapaccupaṭṭhānaṃ. Satipi ca nesaṃ katthaci avippayoge iṭṭhārammaṇapaṭilābhatuṭṭhi pīti, paṭiladdharasānubhavanaṃ sukhaṃ. Yattha pīti tattha sukhaṃ, yattha sukhaṃ tattha na niyamato pīti. Saṅkhārakkhandhasaṅgahitā pīti, vedanākkhandhasaṅgahitaṃ sukhaṃ. Kantārakhinnassa vanantodakadassanasavanesu viya pīti, vanacchāyappavesanaudakaparibhogesu viya sukhaṃ. Tasmiṃ tasmiṃ samaye pākaṭabhāvato cetaṃ vuttanti veditabbaṃ. Ayañca pīti, idañca sukhaṃ, assa jhānassa, asmiṃ vā jhāne atthīti idaṃ jhānaṃ ‘‘pītisukha’’nti vuccati.
อถ วา ปีติ จ สุขญฺจ ปีติสุขํ, ธมฺมวินยาทโย วิยฯ วิเวกชํ ปีติสุขมสฺส ฌานสฺส, อสฺมิํ วา ฌาเน อตฺถีติ เอวมฺปิ วิเวกชํปีติสุขํฯ ยเถว หิ ฌานํ, เอวํ ปีติสุขํ เปตฺถ วิเวกชเมว โหติ, ตญฺจสฺส อตฺถีติ ตสฺมา เอกปเทเนว ‘‘วิเวกชํ ปีติสุข’’นฺติปิ วตฺตุํ ยุชฺชติฯ วิภเงฺค ปน ‘‘อิทํ สุขํ อิมาย ปีติยา สหคต’’นฺติอาทินา (วิภ. ๕๖๗) นเยเนตํ วุตฺตํฯ อโตฺถ ปน ตตฺราปิ เอวเมว ทฎฺฐโพฺพฯ
Atha vā pīti ca sukhañca pītisukhaṃ, dhammavinayādayo viya. Vivekajaṃ pītisukhamassa jhānassa, asmiṃ vā jhāne atthīti evampi vivekajaṃpītisukhaṃ. Yatheva hi jhānaṃ, evaṃ pītisukhaṃ pettha vivekajameva hoti, tañcassa atthīti tasmā ekapadeneva ‘‘vivekajaṃ pītisukha’’ntipi vattuṃ yujjati. Vibhaṅge pana ‘‘idaṃ sukhaṃ imāya pītiyā sahagata’’ntiādinā (vibha. 567) nayenetaṃ vuttaṃ. Attho pana tatrāpi evameva daṭṭhabbo.
ปฐมนฺติ คณนานุปุพฺพตา ปฐมํ, อิทํ ปฐมํ สมาปชฺชตีติปิ ปฐมํฯ ปจฺจนีกธเมฺม ฌาเปตีติ ฌานํ, อิมินา โยคิโน ฌายนฺตีติปิ ฌานํ, ปจฺจนีกธเมฺม ฑหนฺติ โคจรํ วา จิเนฺตนฺตีติ อโตฺถฯ สยํ วา ตํ ฌายติ อุปนิชฺฌายตีติ ฌานํ, เตเนว อุปนิชฺฌายนลกฺขณนฺติ วุจฺจติฯ ตเทตํ อารมฺมณูปนิชฺฌานํ , ลกฺขณูปนิชฺฌานนฺติ ทุวิธํ โหติฯ ตตฺถ อารมฺมณูปนิชฺฌานนฺติ สห อุปจาเรน อฎฺฐ สมาปตฺติโย วุจฺจนฺติฯ กสฺมา? กสิณาทิอารมฺมณูปนิชฺฌายนโตฯ ลกฺขณูปนิชฺฌานนฺติ วิปสฺสนามคฺคผลานิ วุจฺจนฺติฯ กสฺมา? ลกฺขณูปนิชฺฌายนโตฯ เอตฺถ หิ วิปสฺสนา อนิจฺจลกฺขณาทีนิ อุปนิชฺฌายติ, วิปสฺสนาย อุปนิชฺฌายนกิจฺจํ ปน มเคฺคน สิชฺฌตีติ มโคฺค ลกฺขณูปนิชฺฌานนฺติ วุจฺจติฯ ผลํ ปน นิโรธสฺส ตถลกฺขณํ อุปนิชฺฌายตีติ ลกฺขณูปนิชฺฌานนฺติ วุจฺจติฯ อิมสฺมิํ ปนเตฺถ อารมฺมณูปนิชฺฌานเมว ฌานนฺติ อธิเปฺปตํฯ
Paṭhamanti gaṇanānupubbatā paṭhamaṃ, idaṃ paṭhamaṃ samāpajjatītipi paṭhamaṃ. Paccanīkadhamme jhāpetīti jhānaṃ, iminā yogino jhāyantītipi jhānaṃ, paccanīkadhamme ḍahanti gocaraṃ vā cintentīti attho. Sayaṃ vā taṃ jhāyati upanijjhāyatīti jhānaṃ, teneva upanijjhāyanalakkhaṇanti vuccati. Tadetaṃ ārammaṇūpanijjhānaṃ , lakkhaṇūpanijjhānanti duvidhaṃ hoti. Tattha ārammaṇūpanijjhānanti saha upacārena aṭṭha samāpattiyo vuccanti. Kasmā? Kasiṇādiārammaṇūpanijjhāyanato. Lakkhaṇūpanijjhānanti vipassanāmaggaphalāni vuccanti. Kasmā? Lakkhaṇūpanijjhāyanato. Ettha hi vipassanā aniccalakkhaṇādīni upanijjhāyati, vipassanāya upanijjhāyanakiccaṃ pana maggena sijjhatīti maggo lakkhaṇūpanijjhānanti vuccati. Phalaṃ pana nirodhassa tathalakkhaṇaṃ upanijjhāyatīti lakkhaṇūpanijjhānanti vuccati. Imasmiṃ panatthe ārammaṇūpanijjhānameva jhānanti adhippetaṃ.
เอตฺถาห – ‘‘กตมํ ปน ตํ ฌานํ นาม, ยํ สวิตกฺกํ สวิจารํ…เป.… ปีติสุขนฺติ เอวํ อปเทสํ อรหตี’’ติ? วุจฺจเต – ยถา สธโน สปริชโนติอาทีสุ ฐเปตฺวา ธนญฺจ ปริชนญฺจ อโญฺญ อปเทสารโห โหติ, เอวํ ฐเปตฺวา วิตกฺกาทิธเมฺม อญฺญํ อปเทสารหํ นตฺถิฯ ยถา ปน สรถา สปตฺติ เสนาติ วุเตฺต เสนเงฺคสุเยว เสนาสมฺมุติ, เอวมิธ ปญฺจสุ อเงฺคสุเยว ฌานสมฺมุติ เวทิตพฺพาฯ กตเมสุ ปญฺจสุ? วิตโกฺก, วิจาโร, ปีติ, สุขํ, จิเตฺตกคฺคตาติ เอเตสุฯ เอตาเนว หิสฺส ‘‘สวิตกฺกํ สวิจาร’’นฺติอาทินา นเยน องฺคภาเวน วุตฺตานิฯ อวุตฺตตฺตา เอกคฺคตา องฺคํ น โหตีติ เจ ตญฺจ นฯ กสฺมา? วุตฺตตฺตา เอวฯ สาปิ หิ วิภเงฺค ‘‘ฌานนฺติ วิตโกฺก วิจาโร ปีติ สุขํ จิตฺตเสฺสกคฺคตา’’ติ เอวํ วุตฺตาเยวฯ ตสฺมา ยถา สวิตกฺกํ สวิจารนฺติ, เอวํ สจิเตฺตกคฺคตนฺติ อิธ อวุเตฺตปิ อิมินา วิภงฺควจเนน จิเตฺตกคฺคตาปิ องฺคเมวาติ เวทิตพฺพาฯ เยน หิ อธิปฺปาเยน ภควตา อุเทฺทโส กโต, โส เอว เตน วิภเงฺคปิ ปกาสิโตติฯ
Etthāha – ‘‘katamaṃ pana taṃ jhānaṃ nāma, yaṃ savitakkaṃ savicāraṃ…pe… pītisukhanti evaṃ apadesaṃ arahatī’’ti? Vuccate – yathā sadhano saparijanotiādīsu ṭhapetvā dhanañca parijanañca añño apadesāraho hoti, evaṃ ṭhapetvā vitakkādidhamme aññaṃ apadesārahaṃ natthi. Yathā pana sarathā sapatti senāti vutte senaṅgesuyeva senāsammuti, evamidha pañcasu aṅgesuyeva jhānasammuti veditabbā. Katamesu pañcasu? Vitakko, vicāro, pīti, sukhaṃ, cittekaggatāti etesu. Etāneva hissa ‘‘savitakkaṃ savicāra’’ntiādinā nayena aṅgabhāvena vuttāni. Avuttattā ekaggatā aṅgaṃ na hotīti ce tañca na. Kasmā? Vuttattā eva. Sāpi hi vibhaṅge ‘‘jhānanti vitakko vicāro pīti sukhaṃ cittassekaggatā’’ti evaṃ vuttāyeva. Tasmā yathā savitakkaṃ savicāranti, evaṃ sacittekaggatanti idha avuttepi iminā vibhaṅgavacanena cittekaggatāpi aṅgamevāti veditabbā. Yena hi adhippāyena bhagavatā uddeso kato, so eva tena vibhaṅgepi pakāsitoti.
อุปสมฺปชฺชาติ อุปคนฺตฺวา, ปาปุณิตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ อุปสมฺปาทยิตฺวา วา, นิปฺผาเทตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ วิภเงฺค ปน ‘‘อุปสมฺปชฺชาติ ปฐมสฺส ฌานสฺส ลาโภ ปฎิลาโภ ปตฺติ สมฺปตฺติ ผุสนา สมฺผุสนา สจฺฉิกิริยา อุปสมฺปทา’’ติ วุตฺตํฯ ตสฺสาปิ เอวเมวโตฺถ เวทิตโพฺพฯ วิหาสินฺติ โพธิมเณฺฑ นิสชฺชสงฺขาเตน อิริยาปถวิหาเรน อิติวุตฺตปฺปการฌานสมงฺคี หุตฺวา อตฺตภาวสฺส อิริยํ วุตฺติํ ปาลนํ ยปนํ ยาปนํ จารํ วิหารํ อภินิปฺผาเทสินฺติ อโตฺถฯ วุตฺตเญฺหตํ วิภเงฺค – ‘‘วิหรตีติ อิริยติ วตฺตติ ปาเลติ ยเปติ ยาเปติ จรติ วิหรติ, เตน วุจฺจติ วิหรตี’’ติ (วิภ. ๕๑๒)ฯ
Upasampajjāti upagantvā, pāpuṇitvāti vuttaṃ hoti. Upasampādayitvā vā, nipphādetvāti vuttaṃ hoti. Vibhaṅge pana ‘‘upasampajjāti paṭhamassa jhānassa lābho paṭilābho patti sampatti phusanā samphusanā sacchikiriyā upasampadā’’ti vuttaṃ. Tassāpi evamevattho veditabbo. Vihāsinti bodhimaṇḍe nisajjasaṅkhātena iriyāpathavihārena itivuttappakārajhānasamaṅgī hutvā attabhāvassa iriyaṃ vuttiṃ pālanaṃ yapanaṃ yāpanaṃ cāraṃ vihāraṃ abhinipphādesinti attho. Vuttañhetaṃ vibhaṅge – ‘‘viharatīti iriyati vattati pāleti yapeti yāpeti carati viharati, tena vuccati viharatī’’ti (vibha. 512).
กิํ ปน กตฺวา ภควา อิมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสีติ? กมฺมฎฺฐานํ ภาเวตฺวาฯ กตรํ? อานาปานสฺสติกมฺมฎฺฐานํฯ อเญฺญน ตทตฺถิเกน กิํ กาตพฺพนฺติ? อเญฺญนปิ เอตํ วา กมฺมฎฺฐานํ ปถวีกสิณาทีนํ วา อญฺญตรํ ภาเวตพฺพํฯ เตสํ ภาวนานโย วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๕๕) วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ อิธ ปน วุจฺจมาเน อติภาริยํ วินยนิทานํ โหติ, ตสฺมา ปาฬิยา อตฺถปฺปกาสนมตฺตเมว กโรมาติฯ
Kiṃ pana katvā bhagavā imaṃ jhānaṃ upasampajja vihāsīti? Kammaṭṭhānaṃ bhāvetvā. Kataraṃ? Ānāpānassatikammaṭṭhānaṃ. Aññena tadatthikena kiṃ kātabbanti? Aññenapi etaṃ vā kammaṭṭhānaṃ pathavīkasiṇādīnaṃ vā aññataraṃ bhāvetabbaṃ. Tesaṃ bhāvanānayo visuddhimagge (visuddhi. 1.55) vuttanayeneva veditabbo. Idha pana vuccamāne atibhāriyaṃ vinayanidānaṃ hoti, tasmā pāḷiyā atthappakāsanamattameva karomāti.
ปฐมชฺฌานกถา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭhamajjhānakathā niṭṭhitā.