Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā

    ปฐมชฺฌานกถา

    Paṭhamajjhānakathā

    อิทานิ ‘‘วิวิเจฺจว กาเมหี’’ติอาทินยปฺปวตฺตาย ปาฬิยา ฌานวิภเงฺค (วิภ. ๕๐๘) วุตฺตมฺปิ อตฺถํ อฎฺฐกถานเยเนว สํวเณฺณตุกาโม วิภงฺคปาฬิยํ วุตฺตนเยน อวจเน การณํ ทเสฺสตุํ ‘‘กิญฺจาปิ ตตฺถ กตเม กามา’’ติอาทิมาห ฯ ตตฺถ ปตฺถนากาเรน ปวโตฺต ทุพฺพโล โลโภ ฉนฺทนเฎฺฐน ฉโนฺท, ตโต พลวา รญฺชนเฎฺฐน ราโค, ตโตปิ พลวตโร พหลราโค ฉนฺทราโคฯ นิมิตฺตานุพฺยญฺชนานิ สงฺกเปฺปติ เอเตนาติ สงฺกโปฺป, ตถาปวโตฺต โลโภฯ ตตฺถ นิมิตฺตสงฺกปฺปนา นาม อวยเว สโมธาเนตฺวา ‘‘อิตฺถี ปุริโส’’ติอาทินา เอกชฺฌํ กตฺวา อุปรูปริ กิเลสุปฺปตฺติยา นิมิตฺตสฺส กปฺปนาฯ อนุพฺยญฺชนสงฺกปฺปนา ปน ‘‘หตฺถา โสภนา, ปาทา โสภนา’’ติ เอวํ อนุพฺยญฺชนวเสน วิภชิตฺวา กปฺปนาติฯ กิเลสานญฺหิ อนุ อนุ พฺยญฺชนโต ปริพฺยญฺชนโต ปริพฺยตฺติวเสน อุปฺปตฺติยา ปจฺจยภาวโต อนุพฺยญฺชนํ หตฺถปาทาทิอวยวา วุจฺจนฺติฯ ตโต พลวา รญฺชนเฎฺฐน ราโค, สงฺกปฺปวเสเนว ปวโตฺต ตโตปิ พลวตโร สงฺกปฺปราโคฯ สฺวายํ ปเภโท เอกเสฺสว โลภสฺส ปวตฺติอาการวเสน อวตฺถาเภทวเสน จ เวทิตโพฺพ ยถา ‘‘วโจฺฉ ทโมฺม พลีพโทฺท’’ติฯ กามาติ กิเลสกามา, กาเมนฺตีติ กามา, กาเมนฺติ เอเตหีติ วาฯ

    Idāni ‘‘vivicceva kāmehī’’tiādinayappavattāya pāḷiyā jhānavibhaṅge (vibha. 508) vuttampi atthaṃ aṭṭhakathānayeneva saṃvaṇṇetukāmo vibhaṅgapāḷiyaṃ vuttanayena avacane kāraṇaṃ dassetuṃ ‘‘kiñcāpi tattha katame kāmā’’tiādimāha . Tattha patthanākārena pavatto dubbalo lobho chandanaṭṭhena chando, tato balavā rañjanaṭṭhena rāgo, tatopi balavataro bahalarāgo chandarāgo. Nimittānubyañjanāni saṅkappeti etenāti saṅkappo, tathāpavatto lobho. Tattha nimittasaṅkappanā nāma avayave samodhānetvā ‘‘itthī puriso’’tiādinā ekajjhaṃ katvā uparūpari kilesuppattiyā nimittassa kappanā. Anubyañjanasaṅkappanā pana ‘‘hatthā sobhanā, pādā sobhanā’’ti evaṃ anubyañjanavasena vibhajitvā kappanāti. Kilesānañhi anu anu byañjanato paribyañjanato paribyattivasena uppattiyā paccayabhāvato anubyañjanaṃ hatthapādādiavayavā vuccanti. Tato balavā rañjanaṭṭhena rāgo, saṅkappavaseneva pavatto tatopi balavataro saṅkapparāgo. Svāyaṃ pabhedo ekasseva lobhassa pavattiākāravasena avatthābhedavasena ca veditabbo yathā ‘‘vaccho dammo balībaddo’’ti. Kāmāti kilesakāmā, kāmentīti kāmā, kāmenti etehīti vā.

    เสยฺยถิทนฺติ อิมสฺส ตํ กตมํ, ตํ กถนฺติ วา อโตฺถฯ วิวิจฺจิตฺวาติ วิสุํ หุตฺวาฯ เตนาห ‘‘วินา หุตฺวา อปสกฺกิตฺวา’’ติ, ปชหนวเสน อปกฺกมิตฺวาติ อโตฺถฯ วิวิเจฺจว กาเมหีติ เอตฺถ วิวิจฺจาติ อิมินา วิเวจนํ ฌานกฺขเณ กามานํ อภาวมตฺตํ วุตฺตํฯ วิวิเจฺจวาติ ปน อิมินา เอกํสโต กามานํ วิเวเจตพฺพตาทีปเนน ตปฺปฎิปกฺขตา ฌานสฺส กามวิเวกปฺปหานสฺส จ ฌานาธิคมูปายตา ทสฺสิตา โหตีติ อิมมตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปฐมชฺฌาน’’นฺติอาทิํ วตฺวา ตเมวตฺถํ ปากฎตรํ กาตุํ ‘‘กถ’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ อนฺธกาเร สติ ปทีโป วิยาติ เอเตน ยถา ปทีปาภาเวน รตฺติยํ อนฺธการาภิภโว, เอวํ ฌานาภาเวน จิตฺตสนฺตติยํ กามาภิภโวติ ทเสฺสติฯ

    Seyyathidanti imassa taṃ katamaṃ, taṃ kathanti vā attho. Viviccitvāti visuṃ hutvā. Tenāha ‘‘vinā hutvā apasakkitvā’’ti, pajahanavasena apakkamitvāti attho. Vivicceva kāmehīti ettha viviccāti iminā vivecanaṃ jhānakkhaṇe kāmānaṃ abhāvamattaṃ vuttaṃ. Viviccevāti pana iminā ekaṃsato kāmānaṃ vivecetabbatādīpanena tappaṭipakkhatā jhānassa kāmavivekappahānassa ca jhānādhigamūpāyatā dassitā hotīti imamatthaṃ dassetuṃ ‘‘paṭhamajjhāna’’ntiādiṃ vatvā tamevatthaṃ pākaṭataraṃ kātuṃ ‘‘katha’’ntiādi vuttaṃ. Andhakāre sati padīpo viyāti etena yathā padīpābhāvena rattiyaṃ andhakārābhibhavo, evaṃ jhānābhāvena cittasantatiyaṃ kāmābhibhavoti dasseti.

    เอตนฺติ ปุพฺพปเทเยว อวธารณวจนํ, น โข ปน เอวํ ทฎฺฐพฺพํ ‘‘กาเมหิ เอวา’’ติ อวธารณสฺส อกตตฺตาฯ ตนฺนิสฺสรณโตติ นิสฺสรนฺติ นิคฺคจฺฉนฺติ เอเตน, เอตฺถ วาติ นิสฺสรณํฯ เก นิคฺคจฺฉนฺติ? กามาฯ เตสํ กามานํ นิสฺสรณํ ปหานํ ตนฺนิสฺสรณํ, ตโต กามนิสฺสรณโตติ อโตฺถฯ กถํ ปน สมาเน วิกฺขมฺภเน กามานเมเวตํ นิสฺสรณํ, น พฺยาปาทาทีนนฺติ โจทนํ ยุตฺติโต อาคมโต จ สาเธตุํ ‘‘กามธาตู’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ กามธาตุสมติกฺกมนโตติ สกลสฺสปิ กามภวสฺส สมติกฺกมปฎิปทาภาวโตฯ เตน อิมสฺส ฌานสฺส กามปริญฺญาภาวมาห ฯ กามราคปฎิปกฺขโตติ ‘‘ฉโนฺท กาโม’’ติอาทินา (มหานิ. ๑) วุตฺตวิภาคสฺส กิเลสกามสฺส ปจฺจตฺถิกภาวโตฯ เตน ยถา เมตฺตา พฺยาปาทสฺส, กรุณา วิหิํสาย, เอวมิทํ ฌานํ กามราคสฺส อุชุวิปจฺจนีกภูตนฺติ ทเสฺสติฯ วิปาเกน เจตฺถ กามธาตุสมติกฺกโม อตฺตโน ปวตฺติกฺขเณ กามราคปฎิปกฺขตา จ เวทิตพฺพาฯ เอวมตฺตโน ปวตฺติยา วิปากปฺปวตฺติยา จ กามราคโต กามธาตุโต จ วินิวตฺตสภาวตฺตา อิทํ ฌานํ วิเสสโต กามานเมว นิสฺสรณํ, สฺวายมโตฺถ ปาฐาคโต เอวาติ อาห ‘‘ยถาหา’’ติอาทิฯ เนกฺขมฺมนฺติ ปฐมชฺฌานํฯ

    Etanti pubbapadeyeva avadhāraṇavacanaṃ, na kho pana evaṃ daṭṭhabbaṃ ‘‘kāmehi evā’’ti avadhāraṇassa akatattā. Tannissaraṇatoti nissaranti niggacchanti etena, ettha vāti nissaraṇaṃ. Ke niggacchanti? Kāmā. Tesaṃ kāmānaṃ nissaraṇaṃ pahānaṃ tannissaraṇaṃ, tato kāmanissaraṇatoti attho. Kathaṃ pana samāne vikkhambhane kāmānamevetaṃ nissaraṇaṃ, na byāpādādīnanti codanaṃ yuttito āgamato ca sādhetuṃ ‘‘kāmadhātū’’tiādi vuttaṃ. Tattha kāmadhātusamatikkamanatoti sakalassapi kāmabhavassa samatikkamapaṭipadābhāvato. Tena imassa jhānassa kāmapariññābhāvamāha . Kāmarāgapaṭipakkhatoti ‘‘chando kāmo’’tiādinā (mahāni. 1) vuttavibhāgassa kilesakāmassa paccatthikabhāvato. Tena yathā mettā byāpādassa, karuṇā vihiṃsāya, evamidaṃ jhānaṃ kāmarāgassa ujuvipaccanīkabhūtanti dasseti. Vipākena cettha kāmadhātusamatikkamo attano pavattikkhaṇe kāmarāgapaṭipakkhatā ca veditabbā. Evamattano pavattiyā vipākappavattiyā ca kāmarāgato kāmadhātuto ca vinivattasabhāvattā idaṃ jhānaṃ visesato kāmānameva nissaraṇaṃ, svāyamattho pāṭhāgato evāti āha ‘‘yathāhā’’tiādi. Nekkhammanti paṭhamajjhānaṃ.

    กามเญฺจตฺถ ตมตฺถํ ทีเปตุํ ปุริมปเทเยว อวธารณํ คหิตํ, อุตฺตรปเทปิ ปน ตํ คเหตพฺพเมว ตถา อตฺถสมฺภวโตติ ทเสฺสตุํ ‘‘อุตฺตรปเทปี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อิโตติ กามจฺฉนฺทโตฯ เอส ทฎฺฐโพฺพติ เอส นิยโม ทฎฺฐโพฺพฯ สาธารณวจเนนาติ สพฺพวิเวกสาธารณวจเนนฯ ตทงฺควิกฺขมฺภนสมุเจฺฉทปฎิปฺปสฺสทฺธินิสฺสรณวิเวกา ตทงฺควิเวกาทโยฯ กายจิตฺตอุปธิวิเวกา กายวิเวกาทโยฯ ตโย เอว อิธ ทฎฺฐพฺพาติ ตโย เอว อิธ ฌานกถายํ ทฎฺฐพฺพา สมุเจฺฉทวิเวกาทีนํ อสมฺภวโตฯ นิเทฺทเสติ มหานิเทฺทเส (มหานิ. ๑)ฯ ตตฺถ หิ ‘‘อุทฺทานโต เทฺว กามา วตฺถุกามา กิเลสกามา จา’’ติ อุทฺทิสิตฺวา ตตฺถ ‘‘กตเม วตฺถุกามา มนาปิยา รูปา…เป.… มนาปิยา โผฎฺฐพฺพา’’ติอาทินา วตฺถุกามา นิทฺทิฎฺฐาฯ เต ปน กามียนฺตีติ กามาติ เวทิตพฺพาฯ ตเตฺถวาติ นิเทฺทเสเยวฯ วิภเงฺคติ ฌานวิภเงฺคฯ เอวญฺหิ สตีติ เอวํ อุภเยสมฺปิ กามานํ สงฺคเห สติฯ วตฺถุกาเมหิปีติ วตฺถุกาเมหิ วิวิเจฺจวาติปิ อโตฺถ ยุชฺชตีติ เอวํ ยุชฺชมานตฺถนฺตรสมุจฺจยโตฺถ ปิ-สโทฺท, น กิเลสกามสมุจฺจยโตฺถฯ กสฺมา? อิมสฺมิํ อเตฺถ กิเลสกาเมหิ วิเวกสฺส ทุติยปเทน วุตฺตตฺตาฯ เตนาติ วตฺถุกามวิเวเกนฯ กายวิเวโก วุโตฺต โหตีติ ปุตฺตทาราทิปริคฺคหวิเวกทีปนโต กายวิเวโก วุโตฺต โหติฯ

    Kāmañcettha tamatthaṃ dīpetuṃ purimapadeyeva avadhāraṇaṃ gahitaṃ, uttarapadepi pana taṃ gahetabbameva tathā atthasambhavatoti dassetuṃ ‘‘uttarapadepī’’tiādi vuttaṃ. Itoti kāmacchandato. Esa daṭṭhabboti esa niyamo daṭṭhabbo. Sādhāraṇavacanenāti sabbavivekasādhāraṇavacanena. Tadaṅgavikkhambhanasamucchedapaṭippassaddhinissaraṇavivekā tadaṅgavivekādayo. Kāyacittaupadhivivekā kāyavivekādayo. Tayo eva idha daṭṭhabbāti tayo eva idha jhānakathāyaṃ daṭṭhabbā samucchedavivekādīnaṃ asambhavato. Niddeseti mahāniddese (mahāni. 1). Tattha hi ‘‘uddānato dve kāmā vatthukāmā kilesakāmā cā’’ti uddisitvā tattha ‘‘katame vatthukāmā manāpiyā rūpā…pe… manāpiyā phoṭṭhabbā’’tiādinā vatthukāmā niddiṭṭhā. Te pana kāmīyantīti kāmāti veditabbā. Tatthevāti niddeseyeva. Vibhaṅgeti jhānavibhaṅge. Evañhi satīti evaṃ ubhayesampi kāmānaṃ saṅgahe sati. Vatthukāmehipīti vatthukāmehi viviccevātipi attho yujjatīti evaṃ yujjamānatthantarasamuccayattho pi-saddo, na kilesakāmasamuccayattho. Kasmā? Imasmiṃ atthe kilesakāmehi vivekassa dutiyapadena vuttattā. Tenāti vatthukāmavivekena. Kāyaviveko vutto hotīti puttadārādipariggahavivekadīpanato kāyaviveko vutto hoti.

    ปุริเมนาติ กายวิเวเกนฯ เอตฺถาติ ‘‘วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหี’’ติ เอตสฺมิํ ปททฺวเยฯ อิโต วา นิทฺธาริเต วิเวกทฺวเย, อกุสลสเทฺทน ยทิ กิเลสกามา, สพฺพากุสลาปิ วา คหิตา, สพฺพถา กิเลสกาเมหิ วิเวโก วุโตฺตติ อาห ‘‘ทุติเยน กิเลสกาเมหิ วิเวกวจนโต’’ติฯ ทุติเยนาติ จ จิตฺตวิเวเกนาติ อโตฺถฯ เอเตสนฺติ ยถาวุตฺตานํ ทฺวินฺนํ ปทานํฯ นิทฺธารเณ เจตํ สามิวจนํฯ ตณฺหาทิสํกิเลสานํ วตฺถุโน ปหานํ สํกิเลสวตฺถุปฺปหานํโลลภาโว นาม ตตฺถ ตตฺถ รูปาทีสุ ตณฺหุปฺปาโท, ตสฺส เหตู วตฺถุกามา เอว เวทิตพฺพาฯ พาลภาวสฺส เหตุปริจฺจาโคติ สมฺพโนฺธฯ พาลภาโว นาม อวิชฺชา, ทุจินฺติตจินฺติตาทิ วา, ตสฺส อโยนิโสมนสิกาโร, สเพฺพปิ วา อกุสลา ธมฺมา เหตูฯ กามคุณาธิคมเหตุ ปาณาติปาตาทิอสุทฺธปฺปโยโค โหตีติ ตพฺพิเวเกน ปโยคสุทฺธิ วิภาวิตาฯ ตณฺหาสํกิเลสโสธเนน วิวฎฺฎูปนิสฺสยสํวฑฺฒเนน จ อชฺฌาสยวิโสธนํ อาสยโปสนํฯ อาสยโปสนนฺติ จ ฌานภาวนาย ปจฺจยภูตา ปุพฺพโยคาทิวเสน สิทฺธา อชฺฌาสยสมฺปทา , สา ปน ตณฺหุปตาปวิคเมน โหติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ตณฺหาสํกิเลสวิโสธเนนา’’ติฯ กาเมสูติ นิทฺธารเณ ภุมฺมํฯ

    Purimenāti kāyavivekena. Etthāti ‘‘vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehī’’ti etasmiṃ padadvaye. Ito vā niddhārite vivekadvaye, akusalasaddena yadi kilesakāmā, sabbākusalāpi vā gahitā, sabbathā kilesakāmehi viveko vuttoti āha ‘‘dutiyena kilesakāmehi vivekavacanato’’ti. Dutiyenāti ca cittavivekenāti attho. Etesanti yathāvuttānaṃ dvinnaṃ padānaṃ. Niddhāraṇe cetaṃ sāmivacanaṃ. Taṇhādisaṃkilesānaṃ vatthuno pahānaṃ saṃkilesavatthuppahānaṃ. Lolabhāvo nāma tattha tattha rūpādīsu taṇhuppādo, tassa hetū vatthukāmā eva veditabbā. Bālabhāvassa hetupariccāgoti sambandho. Bālabhāvo nāma avijjā, ducintitacintitādi vā, tassa ayonisomanasikāro, sabbepi vā akusalā dhammā hetū. Kāmaguṇādhigamahetu pāṇātipātādiasuddhappayogo hotīti tabbivekena payogasuddhi vibhāvitā. Taṇhāsaṃkilesasodhanena vivaṭṭūpanissayasaṃvaḍḍhanena ca ajjhāsayavisodhanaṃ āsayaposanaṃ. Āsayaposananti ca jhānabhāvanāya paccayabhūtā pubbayogādivasena siddhā ajjhāsayasampadā , sā pana taṇhupatāpavigamena hoti. Tena vuttaṃ ‘‘taṇhāsaṃkilesavisodhanenā’’ti. Kāmesūti niddhāraṇe bhummaṃ.

    อเนกเภโทติ กามาสวกามราคสํโยชนาทิวเสน รูปตณฺหาทิวเสน จ อเนกปฺปเภโทฯ กามจฺฉโนฺทเยวาติ กามสภาโวเยว ฉโนฺท, น กตฺตุกมฺยตาฉโนฺท นปิ กุสลจฺฉโนฺทติ อธิปฺปาโยฯ อกุสลปริยาปโนฺนปีติ ‘‘วิวิจฺจ อกุสเลหี’’ติ เอตฺถ วุตฺตอกุสเลสุ อโนฺตคโธปิฯ ฌานปฎิปกฺขโตติ ฌานสฺส ปฎิปกฺขภาวโต ตํเหตุ ตํนิมิตฺตํ วิสุํ วุโตฺต, อกุสลภาวสามเญฺญน อคฺคเหตฺวา วิสุํ สรูเปน คหิโตฯ ยทิ กิเลสกาโมว ปุริมปเท วุโตฺต, ตํ กถํ พหุวจนนฺติ อาห ‘‘อเนกเภทโต’’ติอาทิฯ อเญฺญสมฺปีติ ทิฎฺฐิมานอหิริกาโนตฺตปฺปาทีนํ ตํสหิตผสฺสาทีนญฺจฯ อุปริฌานงฺคปจฺจนีกปฎิปกฺขภาวทสฺสนโตติ ‘‘สวิตกฺกํ สวิจาร’’นฺติอาทินา อุปริ วุจฺจมานานิ ฌานงฺคานิ อุปริฌานงฺคานิ, เตสํ อตฺตโน ปจฺจนีกานํ ปฎิปกฺขภาวทสฺสนโต ตปฺปจฺจนีกนีวรณวจนํฯ ‘‘อุปริฌานงฺคานํ ปจฺจนีกปฎิปกฺขภาวทสฺสนโต’’ติปิ ปาโฐฯ ตตฺถ ปจฺจนีกปฎิปกฺขภาวทสฺสนโตติ อุปริ วุจฺจมานฌานงฺคานํ อุชุวิปจฺจนีกวเสน ปฎิปกฺขภาวทสฺสนโตติ อตฺถํ วทนฺติฯ ฌานงฺคปจฺจนีกานีติ ฌานงฺคานํ ปวตฺตินิวารณโต ฌานงฺคปจฺจนีกานิฯ วิทฺธํสกานีติ วิฆาตกานิฯ สมาธิ กามจฺฉนฺทสฺส ปฎิปโกฺขติ ราคปณิธิยา อุชุวิปจฺจนีกภาวโต นานารมฺมเณหิ ปโลภิตสฺส ปริพฺภมนฺตสฺส จิตฺตสฺส สมาธานโต กามจฺฉนฺทสฺส สมาธิ ปฎิปโกฺขฯ ปีติ พฺยาปาทสฺสาติ ปาโมเชฺชน สมานโยคเกฺขมตฺตา พฺยาปาทสฺส ปีติ ปฎิปกฺขาฯ วิตโกฺก ถินมิทฺธสฺสาติ โยนิโส สงฺกปฺปนวเสน สวิปฺผารปฺปวตฺติโต วิตโกฺก ถินมิทฺธสฺส ปฎิปโกฺขฯ สุขํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺสาติ สุขํ วูปสนฺตสีตลสภาวตฺตา อวูปสมานุตาปสภาวสฺส อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปฎิปกฺขํฯ วิจาโร วิจิกิจฺฉายาติ วิจาโร อารมฺมเณ อนุมชฺชนวเสน ปญฺญาปติรูปสภาวตฺตา วิจิกิจฺฉาย ปฎิปโกฺขฯ มหากจฺจานเตฺถเรน เทสิตา ปิฎกานํ สํวณฺณนา เปฎกํ, ตสฺมิํ เปฎเก

    Anekabhedoti kāmāsavakāmarāgasaṃyojanādivasena rūpataṇhādivasena ca anekappabhedo. Kāmacchandoyevāti kāmasabhāvoyeva chando, na kattukamyatāchando napi kusalacchandoti adhippāyo. Akusalapariyāpannopīti ‘‘vivicca akusalehī’’ti ettha vuttaakusalesu antogadhopi. Jhānapaṭipakkhatoti jhānassa paṭipakkhabhāvato taṃhetu taṃnimittaṃ visuṃ vutto, akusalabhāvasāmaññena aggahetvā visuṃ sarūpena gahito. Yadi kilesakāmova purimapade vutto, taṃ kathaṃ bahuvacananti āha ‘‘anekabhedato’’tiādi. Aññesampīti diṭṭhimānaahirikānottappādīnaṃ taṃsahitaphassādīnañca. Uparijhānaṅgapaccanīkapaṭipakkhabhāvadassanatoti ‘‘savitakkaṃ savicāra’’ntiādinā upari vuccamānāni jhānaṅgāni uparijhānaṅgāni, tesaṃ attano paccanīkānaṃ paṭipakkhabhāvadassanato tappaccanīkanīvaraṇavacanaṃ. ‘‘Uparijhānaṅgānaṃ paccanīkapaṭipakkhabhāvadassanato’’tipi pāṭho. Tattha paccanīkapaṭipakkhabhāvadassanatoti upari vuccamānajhānaṅgānaṃ ujuvipaccanīkavasena paṭipakkhabhāvadassanatoti atthaṃ vadanti. Jhānaṅgapaccanīkānīti jhānaṅgānaṃ pavattinivāraṇato jhānaṅgapaccanīkāni. Viddhaṃsakānīti vighātakāni. Samādhi kāmacchandassapaṭipakkhoti rāgapaṇidhiyā ujuvipaccanīkabhāvato nānārammaṇehi palobhitassa paribbhamantassa cittassa samādhānato kāmacchandassa samādhi paṭipakkho. Pīti byāpādassāti pāmojjena samānayogakkhemattā byāpādassa pīti paṭipakkhā. Vitakko thinamiddhassāti yoniso saṅkappanavasena savipphārappavattito vitakko thinamiddhassa paṭipakkho. Sukhaṃ uddhaccakukkuccassāti sukhaṃ vūpasantasītalasabhāvattā avūpasamānutāpasabhāvassa uddhaccakukkuccassa paṭipakkhaṃ. Vicāro vicikicchāyāti vicāro ārammaṇe anumajjanavasena paññāpatirūpasabhāvattā vicikicchāya paṭipakkho. Mahākaccānattherena desitā piṭakānaṃ saṃvaṇṇanā peṭakaṃ, tasmiṃ peṭake.

    ปญฺจกามคุณเภทวิสยสฺสาติ รูปาทิปญฺจกามคุณวิเสสวิสยสฺสฯ อาฆาตวตฺถุเภทาทิวิสยานนฺติ พฺยาปาทวิเวกวจเนน ‘‘อนตฺถํ เม อจรี’’ติอาทิอาฆาตวตฺถุเภทวิสยสฺส โทสสฺส, โมหาธิเกหิ ถินมิทฺธาทีหิ วิเวกวจเนน ปฎิจฺฉาทนวเสน ทุกฺขาทิปุพฺพนฺตาทิเภทวิสยสฺส โมหสฺส วิกฺขมฺภนวิเวโก วุโตฺตฯ กามราคพฺยาปาทตเทกฎฺฐถินมิทฺธาทิวิกฺขมฺภกเญฺจตํ สพฺพากุสลปฎิปกฺขสภาวตฺตา สพฺพกุสลานํ, เตน สภาเวน สพฺพากุสลปฺปหายกํ โหนฺตมฺปิ กามราคาทิวิกฺขมฺภนสภาวเมว โหติ ตํสภาวตฺตาติ อวิเสเสตฺวา นีวรณากุสลมูลาทีนํ วิกฺขมฺภนวิเวโก วุโตฺต โหตีติ อาหฯ

    Pañcakāmaguṇabhedavisayassāti rūpādipañcakāmaguṇavisesavisayassa. Āghātavatthubhedādivisayānanti byāpādavivekavacanena ‘‘anatthaṃ me acarī’’tiādiāghātavatthubhedavisayassa dosassa, mohādhikehi thinamiddhādīhi vivekavacanena paṭicchādanavasena dukkhādipubbantādibhedavisayassa mohassa vikkhambhanaviveko vutto. Kāmarāgabyāpādatadekaṭṭhathinamiddhādivikkhambhakañcetaṃ sabbākusalapaṭipakkhasabhāvattā sabbakusalānaṃ, tena sabhāvena sabbākusalappahāyakaṃ hontampi kāmarāgādivikkhambhanasabhāvameva hoti taṃsabhāvattāti avisesetvā nīvaraṇākusalamūlādīnaṃ vikkhambhanaviveko vutto hotīti āha.

    ยถาปจฺจยํ ปวตฺตมานานํ สภาวธมฺมานํ นตฺถิ กาจิ วสวตฺติตาติ วสวตฺติภาวนิวารณตฺถํ ‘‘วิตกฺกนํ วิตโกฺก’’ติ วุตฺตํฯ วิตกฺกนนฺติ หิ วิตกฺกนกิริยา, สา จ วิตกฺกสฺส อตฺตโน ปจฺจเยหิ ปวตฺติมตฺตเมวาติ ภาวนิเทฺทโส วสวตฺติภาวนิวารณาย โหติฯ ตยิทํ วิตกฺกนํ ‘‘อีทิสมิท’’นฺติ อารมฺมณปริกปฺปนนฺติ อาห ‘‘อูหนนฺติ วุตฺตํ โหตี’’ติฯ ยสฺมา จิตฺตํ วิตกฺกพเลน อารมฺมณํ อภินิรุฬฺหํ วิย โหติ, ตสฺมา โส อารมฺมณาภินิโรปนลกฺขโณ วุโตฺตฯ ยถา หิ โกจิ ราชวลฺลภํ ญาติํ วา มิตฺตํ วา นิสฺสาย ราชเคหํ อาโรหติ อนุปวิสติ, เอวํ วิตกฺกํ นิสฺสาย จิตฺตํ อารมฺมณํ อาโรหติฯ ยทิ เอวํ กถํ อวิตกฺกํ จิตฺตํ อารมฺมณํ อาโรหตีติ? วิตกฺกพเลเนวฯ ยถา หิ โส ปุริโส ปริจเยน เตน วินาปิ นิราสโงฺก ราชเคหํ ปวิสติ, เอวํ ปริจเยน วิตเกฺกน วินาปิ อวิตกฺกํ จิตฺตํ อารมฺมณํ อาโรหติฯ ปริจเยนาติ จ สนฺตาเน ปวตฺตวิตกฺกภาวนาสงฺขาเตน ปริจเยนฯ วิตกฺกสฺส หิ สนฺตาเน อภิณฺหํ ปวตฺตสฺส วเสน จิตฺตสฺส อารมฺมณาภิรุหนํ จิรปริจิตํ, เตน ตํ กทาจิ วิตเกฺกน วินาปิ ตตฺถ ปวตฺตเตวฯ ยถา ตํ ญาณสหิตํ หุตฺวา สมฺมสนวเสน จิรปริจิตํ กทาจิ ญาณรหิตมฺปิ สมฺมสนวเสน ปวตฺตติ, ยถา วา กิเลสสหิตํ หุตฺวา ปวตฺตํ สพฺพโส กิเลสรหิตมฺปิ ปริจเยน กิเลสวาสนาวเสน ปวตฺตติ, เอวํสมฺปทมิทํ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Yathāpaccayaṃ pavattamānānaṃ sabhāvadhammānaṃ natthi kāci vasavattitāti vasavattibhāvanivāraṇatthaṃ ‘‘vitakkanaṃ vitakko’’ti vuttaṃ. Vitakkananti hi vitakkanakiriyā, sā ca vitakkassa attano paccayehi pavattimattamevāti bhāvaniddeso vasavattibhāvanivāraṇāya hoti. Tayidaṃ vitakkanaṃ ‘‘īdisamida’’nti ārammaṇaparikappananti āha ‘‘ūhananti vuttaṃ hotī’’ti. Yasmā cittaṃ vitakkabalena ārammaṇaṃ abhiniruḷhaṃ viya hoti, tasmā so ārammaṇābhiniropanalakkhaṇo vutto. Yathā hi koci rājavallabhaṃ ñātiṃ vā mittaṃ vā nissāya rājagehaṃ ārohati anupavisati, evaṃ vitakkaṃ nissāya cittaṃ ārammaṇaṃ ārohati. Yadi evaṃ kathaṃ avitakkaṃ cittaṃ ārammaṇaṃ ārohatīti? Vitakkabaleneva. Yathā hi so puriso paricayena tena vināpi nirāsaṅko rājagehaṃ pavisati, evaṃ paricayena vitakkena vināpi avitakkaṃ cittaṃ ārammaṇaṃ ārohati. Paricayenāti ca santāne pavattavitakkabhāvanāsaṅkhātena paricayena. Vitakkassa hi santāne abhiṇhaṃ pavattassa vasena cittassa ārammaṇābhiruhanaṃ ciraparicitaṃ, tena taṃ kadāci vitakkena vināpi tattha pavattateva. Yathā taṃ ñāṇasahitaṃ hutvā sammasanavasena ciraparicitaṃ kadāci ñāṇarahitampi sammasanavasena pavattati, yathā vā kilesasahitaṃ hutvā pavattaṃ sabbaso kilesarahitampi paricayena kilesavāsanāvasena pavattati, evaṃsampadamidaṃ daṭṭhabbaṃ.

    อาหนนปริยาหนนรโสติ อาทิโต, อภิมุขํ วา หนนํ อาหนนํฯ ปริโต, ปริวตฺติตฺวา วา อาหนนํ ปริยาหนนํฯ ‘‘รูปํ รูปํ, ปถวี ปถวี’’ติ อาโกเฎนฺตสฺส วิย ปวตฺติ อาหนนํ ปริยาหนนนฺติ จ เวทิตพฺพํฯ ยสฺมิญฺหิ อารมฺมเณ จิตฺตํ อภินิโรเปติ, ตํ ตสฺส คหณโยคฺยํ กโรโนฺต วิตโกฺก อาโกเฎโนฺต วิย โหติฯ ยทิ เอวํ นาคเสนเตฺถเรน ‘‘อาโกฎนลกฺขโณ วิตโกฺกฯ ยถา, มหาราช, เภรี อาโกฎิตา อถ ปจฺฉา อนุรวติ อนุสทฺทายติ, เอวเมว โข, มหาราช, ยถา อาโกฎนา, เอวํ วิตโกฺก ทฎฺฐโพฺพฯ อถ ปจฺฉา อนุรวนา อนุสทฺทนา, เอวํ วิจาโร ทฎฺฐโพฺพ’’ติ อาโกฎนลกฺขณตา วิตกฺกสฺส กสฺมา วุตฺตา? นายํ วิโรโธฯ เถเรน หิ กิจฺจสนฺนิสฺสิตํ กตฺวา ลกฺขณํ วุตฺตํฯ ธมฺมานญฺหิ สภาววินิมุตฺตา กาจิ กิริยา นาม นตฺถิ ตถา คเหตพฺพากาโร จฯ โพธเนยฺยชนานุโรเธน ปน ปรมตฺถโต เอกีภาโวปิ สภาวธโมฺม ปริยายวจเนหิ วิย สมาโรปิตรูเปหิ พหูหิ ปกาเรหิ ปกาสียติฯ เอวญฺหิ โส สุฎฺฐุ ปกาสิโต โหติฯ อานยนปจฺจุปฎฺฐาโนติ เอตฺถ อานยนํ จิเตฺต อารมฺมณสฺส อุปนยนํ, อากฑฺฒนํ วาฯ

    Āhananapariyāhananarasoti ādito, abhimukhaṃ vā hananaṃ āhananaṃ. Parito, parivattitvā vā āhananaṃ pariyāhananaṃ. ‘‘Rūpaṃ rūpaṃ, pathavī pathavī’’ti ākoṭentassa viya pavatti āhananaṃ pariyāhanananti ca veditabbaṃ. Yasmiñhi ārammaṇe cittaṃ abhiniropeti, taṃ tassa gahaṇayogyaṃ karonto vitakko ākoṭento viya hoti. Yadi evaṃ nāgasenattherena ‘‘ākoṭanalakkhaṇo vitakko. Yathā, mahārāja, bherī ākoṭitā atha pacchā anuravati anusaddāyati, evameva kho, mahārāja, yathā ākoṭanā, evaṃ vitakko daṭṭhabbo. Atha pacchā anuravanā anusaddanā, evaṃ vicāro daṭṭhabbo’’ti ākoṭanalakkhaṇatā vitakkassa kasmā vuttā? Nāyaṃ virodho. Therena hi kiccasannissitaṃ katvā lakkhaṇaṃ vuttaṃ. Dhammānañhi sabhāvavinimuttā kāci kiriyā nāma natthi tathā gahetabbākāro ca. Bodhaneyyajanānurodhena pana paramatthato ekībhāvopi sabhāvadhammo pariyāyavacanehi viya samāropitarūpehi bahūhi pakārehi pakāsīyati. Evañhi so suṭṭhu pakāsito hoti. Ānayanapaccupaṭṭhānoti ettha ānayanaṃ citte ārammaṇassa upanayanaṃ, ākaḍḍhanaṃ vā.

    อนุสญฺจรณํ อนุปริพฺภมนํฯ สฺวายํ วิเสโส สนฺตานมฺหิ ลพฺภมาโน เอว สนฺตาเน ปากโฎ โหตีติ ทฎฺฐโพฺพฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ อนุมชฺชนนฺติ อารมฺมเณ จิตฺตสฺส อนุมสนํ, ปริมชฺชนนฺติ อโตฺถฯ ตถา หิ ‘‘วิจาโร ปริมชฺชนหโตฺถ วิย สญฺจรณหโตฺถ วิยา’’ติ จ วุโตฺตฯ ตตฺถาติ อารมฺมเณฯ สหชาตานํ อนุโยชนํ อารมฺมเณ อนุวิจรณสงฺขาตอนุมชฺชนวเสเนว เวทิตพฺพํฯ อนุปฺปพนฺธนํ อารมฺมเณ จิตฺตสฺส อวิจฺฉินฺนสฺส วิย ปวตฺติฯ ตถา หิ โส ‘‘อนุปฺปพนฺธนตา’’ติ นิทฺทิโฎฺฐฯ เตเนว จ ‘‘ฆณฺฎานุรโว วิย, ปริพฺภมนํ วิยา’’ติ จ วุโตฺตฯ กตฺถจีติ ปฐมชฺฌาเน ปริตฺตจิตฺตุปฺปาเทสุ จฯ โอฬาริกเฎฺฐนาติ วิจารโต โอฬาริกเฎฺฐนฯ ยถา ฆณฺฎาภิฆาตสโทฺท ปฐมาภินิปาโต โหติ, เอวํ อารมฺมณาภิมุขนิโรปนเฎฺฐน วิตโกฺก เจตโส ปฐมาภินิปาโต วิย โหตีติ อาห ‘‘ฆณฺฎาภิฆาตสโทฺท วิยา’’ติอาทิฯ วิปฺผารวาติ เอตฺถ วิปฺผาโร นาม วิตกฺกสฺส ถินมิทฺธปฎิปโกฺข อารมฺมเณ อโนลีนตา อสโงฺกโจ, โส ปน อภินิโรปนภาเวน จลนํ วิย โหตีติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘ปริปฺผนฺทนภาโว จิตฺตสฺสา’’ติฯ ปริพฺภมนํ วิยาติ เอตฺถ ปริสฺสยาภาววีมํสนตฺถํ ปริพฺภมนนฺติ เวทิตพฺพํฯ ทุกนิปาตฎฺฐกถายํ ปน –

    Anusañcaraṇaṃ anuparibbhamanaṃ. Svāyaṃ viseso santānamhi labbhamāno eva santāne pākaṭo hotīti daṭṭhabbo. Sesesupi eseva nayo. Anumajjananti ārammaṇe cittassa anumasanaṃ, parimajjananti attho. Tathā hi ‘‘vicāro parimajjanahattho viya sañcaraṇahattho viyā’’ti ca vutto. Tatthāti ārammaṇe. Sahajātānaṃ anuyojanaṃ ārammaṇe anuvicaraṇasaṅkhātaanumajjanavaseneva veditabbaṃ. Anuppabandhanaṃ ārammaṇe cittassa avicchinnassa viya pavatti. Tathā hi so ‘‘anuppabandhanatā’’ti niddiṭṭho. Teneva ca ‘‘ghaṇṭānuravo viya, paribbhamanaṃ viyā’’ti ca vutto. Katthacīti paṭhamajjhāne parittacittuppādesu ca. Oḷārikaṭṭhenāti vicārato oḷārikaṭṭhena. Yathā ghaṇṭābhighātasaddo paṭhamābhinipāto hoti, evaṃ ārammaṇābhimukhaniropanaṭṭhena vitakko cetaso paṭhamābhinipāto viya hotīti āha ‘‘ghaṇṭābhighātasaddo viyā’’tiādi. Vipphāravāti ettha vipphāro nāma vitakkassa thinamiddhapaṭipakkho ārammaṇe anolīnatā asaṅkoco, so pana abhiniropanabhāvena calanaṃ viya hotīti adhippāyenāha ‘‘paripphandanabhāvo cittassā’’ti. Paribbhamanaṃ viyāti ettha parissayābhāvavīmaṃsanatthaṃ paribbhamananti veditabbaṃ. Dukanipātaṭṭhakathāyaṃ pana –

    ‘‘อากาเส คจฺฉโต มหาสกุณสฺส อุโภหิ ปเกฺขหิ วาตํ คเหตฺวา ปเกฺข สนฺนิสีทาเปตฺวา คมนํ วิย อารมฺมเณ เจตโส อภินิโรปนภาเวน ปวโตฺต วิตโกฺก, วาตคฺคหณตฺถํ ปเกฺข ผนฺทาปยมานสฺส คมนํ วิย อนุมชฺชนภาเวน ปวโตฺต วิจาโร’’ติ –

    ‘‘Ākāse gacchato mahāsakuṇassa ubhohi pakkhehi vātaṃ gahetvā pakkhe sannisīdāpetvā gamanaṃ viya ārammaṇe cetaso abhiniropanabhāvena pavatto vitakko, vātaggahaṇatthaṃ pakkhe phandāpayamānassa gamanaṃ viya anumajjanabhāvena pavatto vicāro’’ti –

    วุตฺตํ, ตํ อนุปฺปพนฺธเนน ปวตฺติยํ ยุชฺชติฯ ตถา หิ อุปจาเร วา อปฺปนายํ วา สนฺตาเนน ปวตฺติยํ วิตโกฺก นิจฺจโล หุตฺวา อารมฺมณํ อนุปวิสิตฺวา วิย ปวตฺตติ, น ปฐมาภินิปาเต ปากโฎ โหติฯ ยถา หิ อปุพฺพารมฺมเณ ปฐมาภินิปาตภูโต วิตโกฺก วิปฺผารวา โหติ, น ตถา เอกสฺมิํเยว อารมฺมเณ นิรนฺตรํ อนุปฺปพนฺธวเสน ปวตฺติยํ, นาติวิปฺผารวา ปน ตตฺถ โหติ สนฺนิสินฺนภาวโตฯ ปฐมทุติยชฺฌาเนสุ ปากโฎ โหตีติ วิตกฺกสฺส วิเสโส อภินิโรปนากาโร โอฬาริกตฺตา ปฐมชฺฌาเน ปากโฎ โหติ, ตทภาวโต ปญฺจกนเย ทุติยชฺฌาเน วิจารสฺส วิเสโส อนุมชฺชนากาโร ปากโฎ โหติฯ

    Vuttaṃ, taṃ anuppabandhanena pavattiyaṃ yujjati. Tathā hi upacāre vā appanāyaṃ vā santānena pavattiyaṃ vitakko niccalo hutvā ārammaṇaṃ anupavisitvā viya pavattati, na paṭhamābhinipāte pākaṭo hoti. Yathā hi apubbārammaṇe paṭhamābhinipātabhūto vitakko vipphāravā hoti, na tathā ekasmiṃyeva ārammaṇe nirantaraṃ anuppabandhavasena pavattiyaṃ, nātivipphāravā pana tattha hoti sannisinnabhāvato. Paṭhamadutiyajjhānesu pākaṭo hotīti vitakkassa viseso abhiniropanākāro oḷārikattā paṭhamajjhāne pākaṭo hoti, tadabhāvato pañcakanaye dutiyajjhāne vicārassa viseso anumajjanākāro pākaṭo hoti.

    อยํ ปเนตฺถ อปโร นโย – มลคฺคหิตํ กํสภาชนํ เอเกน หเตฺถน ทฬฺหํ คเหตฺวา อิตเรน หเตฺถน จุณฺณเตลเอฬกโลมาทิกตจุมฺพฎเกน ปริมชฺชนฺตสฺส ทฬฺหํ คหณหโตฺถ วิย วิตโกฺก, ปริมชฺชนหโตฺถ วิย วิจาโรฯ ตถา กุมฺภการสฺส ทณฺฑปฺปหาเรน จกฺกํ ภมยิตฺวา ภาชนํ กโรนฺตสฺส ปิณฺฑสฺส อุปฺปีฬนหโตฺถ วิย วิตโกฺก, ตเสฺสว อิโต จิโต จ สญฺจรณหโตฺถ วิย วิจาโรฯ ตถา กํสภาชนาทีสุ กิญฺจิ มณฺฑลํ วฎฺฎเลขํ กโรนฺตสฺส มเชฺฌ สนฺนิรุมฺภิตฺวา ฐิตกณฺฎโก วิย อภินิโรปโน วิตโกฺก, พหิ ปริพฺภมนกณฺฎโก วิย อนุมชฺชโน วิจาโรติ เวทิตพฺพํฯ

    Ayaṃ panettha aparo nayo – malaggahitaṃ kaṃsabhājanaṃ ekena hatthena daḷhaṃ gahetvā itarena hatthena cuṇṇatelaeḷakalomādikatacumbaṭakena parimajjantassa daḷhaṃ gahaṇahattho viya vitakko, parimajjanahattho viya vicāro. Tathā kumbhakārassa daṇḍappahārena cakkaṃ bhamayitvā bhājanaṃ karontassa piṇḍassa uppīḷanahattho viya vitakko, tasseva ito cito ca sañcaraṇahattho viya vicāro. Tathā kaṃsabhājanādīsu kiñci maṇḍalaṃ vaṭṭalekhaṃ karontassa majjhe sannirumbhitvā ṭhitakaṇṭako viya abhiniropano vitakko, bahi paribbhamanakaṇṭako viya anumajjano vicāroti veditabbaṃ.

    ยถา ปุปฺผผลสาขาทิอวยววินิมุโตฺต อวิชฺชมาโนปิ รุโกฺข ‘‘สปุโปฺผ สผโล’’ติ โวหรียติ, เอวํ วิตกฺกาทิองฺควินิมุตฺตํ อวิชฺชมานมฺปิ ฌานํ ‘‘สวิตกฺกํ สวิจาร’’นฺติ โวหรียตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘รุโกฺข วิยา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ วิภเงฺค ปนาติอาทีสุ ฌานภาวนาย ปุคฺคลวเสน เทเสตพฺพตฺตา ‘‘อิธ ภิกฺขุ วิวิเจฺจว กาเมหี’’ติอาทินา (วิภ. ๕๐๘) ปุคฺคลาธิฎฺฐาเนน ฌานานิ อุทฺทิฎฺฐานีติฯ ยทิปิ วิภเงฺค ปุคฺคลาธิฎฺฐานา เทสนา กตา, อโตฺถ ปน ตตฺราปิ วิภเงฺคปิ ยถา อิธ ‘‘อิมินา จ วิตเกฺกนา’’ติอาทินา ธมฺมวเสน วุโตฺต, เอวเมว ทฎฺฐโพฺพ, ปรมตฺถโต ปุคฺคลเสฺสว อภาวโตติ อธิปฺปาโยฯ อถ วา ฌานสมงฺคิโน วิตกฺกวิจารสมงฺคิตาทสฺสเนน ฌานเสฺสว สวิตกฺกสวิจารตา วุตฺตาติ อาห ‘‘อโตฺถ ปน ตตฺราปิ เอวเมว ทฎฺฐโพฺพ’’ติฯ

    Yathā pupphaphalasākhādiavayavavinimutto avijjamānopi rukkho ‘‘sapuppho saphalo’’ti voharīyati, evaṃ vitakkādiaṅgavinimuttaṃ avijjamānampi jhānaṃ ‘‘savitakkaṃ savicāra’’nti voharīyatīti dassetuṃ ‘‘rukkho viyā’’tiādi vuttaṃ. Vibhaṅge panātiādīsu jhānabhāvanāya puggalavasena desetabbattā ‘‘idha bhikkhu vivicceva kāmehī’’tiādinā (vibha. 508) puggalādhiṭṭhānena jhānāni uddiṭṭhānīti. Yadipi vibhaṅge puggalādhiṭṭhānā desanā katā, attho pana tatrāpi vibhaṅgepi yathā idha ‘‘iminā ca vitakkenā’’tiādinā dhammavasena vutto, evameva daṭṭhabbo, paramatthato puggalasseva abhāvatoti adhippāyo. Atha vā jhānasamaṅgino vitakkavicārasamaṅgitādassanena jhānasseva savitakkasavicāratā vuttāti āha ‘‘attho pana tatrāpi evameva daṭṭhabbo’’ti.

    วิเวกสทฺทสฺส ภาวสาธนตํ สนฺธายาห ‘‘ตสฺมา วิเวกา’’ติฯ เหตุอเตฺถ เจตํ นิสฺสกฺกวจนํ, ตสฺมา วิเวกา เหตุภูตาติ อโตฺถฯ วิเวกสทฺทสฺส กตฺตุสาธนตํ กมฺมสาธนตํ วา สนฺธายาห ‘‘ตสฺมิํ วา วิเวเก’’ติฯ ‘‘วิวิโตฺต’’ติ หิ อิมินา นีวรเณหิ วินาภูโต เตหิ วิเวจิโตติ จ สาธนทฺวยมฺปิ สงฺคหิตเมวาติฯ ปินยตีติ ตเปฺปติ วเฑฺฒติ วาฯ สมฺปิยายนลกฺขณาติ ปริตุสฺสนลกฺขณาฯ ปีนนรสาติ ปริพฺรูหนรสาฯ ผรณรสาติ ปณีตรูเปหิ กายสฺส พฺยาปนรสาฯ อุทคฺคภาโว โอทคฺยํฯ สุขยตีติ สุขํ, อตฺตนา สมฺปยุตฺตธเมฺม ลทฺธสฺสาเท กโรตีติ อโตฺถฯ สฺวายํ กตฺตุนิเทฺทโส ปริยายลโทฺธ ธมฺมโต อญฺญสฺส กตฺตุนิวตฺตนโตฺถ, นิปฺปริยาเยน ปน ภาวสาธนเมว ลพฺภตีติ ‘‘สุขนํ สุข’’นฺติ วุตฺตํฯ สาตลกฺขณนฺติ อิฎฺฐสภาวตฺตา ตํสมงฺคีปุคฺคลํ, สมฺปยุตฺตธเมฺม วา อตฺตนิ สาทยตีติ สาตํ ท-การสฺส ต-การํ กตฺวาฯ สาตํ มธุรนฺติ วทนฺติ, สาตํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ สาตลกฺขณํฯ อุปพฺรูหนรสนฺติอาทีสุ อุปพฺรูหนํ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ สํวทฺธนํ, ทุกฺขํ วิย อวิสฺสเชฺชตฺวา อทุกฺขมสุขา วิย อนชฺฌุเปกฺขิตฺวา อนุ อนุ คณฺหนํ อุปการิตา วา อนุคฺคโหฯ กตฺถจีติ ปฐมชฺฌานาทิเกฯ ปฎิลาภตุฎฺฐีติ ปฎิลาภวเสน อุปฺปชฺชนกตุฎฺฐิฯ ปฎิลทฺธรสานุภวนนฺติ ปฎิลทฺธสฺส อารมฺมณรสสฺส อนุภวนํฯ เอเตน ปีติสุขานิ สภาวโต วิภชิตฺวา ทสฺสิตานิฯ ยตฺถ ปีติ, ตตฺถ สุขนฺติ วิตกฺกสฺส วิย วิจาเรน ปีติยา สุเขน อจฺจนฺตสํโยคมาหฯ ยตฺถ สุขํ, ตตฺถ น นิยมโต ปีตีติ วิจารสฺส วิย วิตเกฺกน, สุขสฺส ปีติยา อนจฺจนฺตสํโยคํฯ เตน อจฺจนฺตานจฺจนฺตสํโยคิตาย ปีติสุขานํ วิเสสํ ทเสฺสติฯ

    Vivekasaddassa bhāvasādhanataṃ sandhāyāha ‘‘tasmā vivekā’’ti. Hetuatthe cetaṃ nissakkavacanaṃ, tasmā vivekā hetubhūtāti attho. Vivekasaddassa kattusādhanataṃ kammasādhanataṃ vā sandhāyāha ‘‘tasmiṃ vā viveke’’ti. ‘‘Vivitto’’ti hi iminā nīvaraṇehi vinābhūto tehi vivecitoti ca sādhanadvayampi saṅgahitamevāti. Pinayatīti tappeti vaḍḍheti vā. Sampiyāyanalakkhaṇāti paritussanalakkhaṇā. Pīnanarasāti paribrūhanarasā. Pharaṇarasāti paṇītarūpehi kāyassa byāpanarasā. Udaggabhāvo odagyaṃ. Sukhayatīti sukhaṃ, attanā sampayuttadhamme laddhassāde karotīti attho. Svāyaṃ kattuniddeso pariyāyaladdho dhammato aññassa kattunivattanattho, nippariyāyena pana bhāvasādhanameva labbhatīti ‘‘sukhanaṃ sukha’’nti vuttaṃ. Sātalakkhaṇanti iṭṭhasabhāvattā taṃsamaṅgīpuggalaṃ, sampayuttadhamme vā attani sādayatīti sātaṃ da-kārassa ta-kāraṃ katvā. Sātaṃ madhuranti vadanti, sātaṃ lakkhaṇaṃ etassāti sātalakkhaṇaṃ. Upabrūhanarasantiādīsu upabrūhanaṃ sampayuttadhammānaṃ saṃvaddhanaṃ, dukkhaṃ viya avissajjetvā adukkhamasukhā viya anajjhupekkhitvā anu anu gaṇhanaṃ upakāritā vā anuggaho. Katthacīti paṭhamajjhānādike. Paṭilābhatuṭṭhīti paṭilābhavasena uppajjanakatuṭṭhi. Paṭiladdharasānubhavananti paṭiladdhassa ārammaṇarasassa anubhavanaṃ. Etena pītisukhāni sabhāvato vibhajitvā dassitāni. Yattha pīti, tattha sukhanti vitakkassa viya vicārena pītiyā sukhena accantasaṃyogamāha. Yattha sukhaṃ, tattha na niyamato pītīti vicārassa viya vitakkena, sukhassa pītiyā anaccantasaṃyogaṃ. Tena accantānaccantasaṃyogitāya pītisukhānaṃ visesaṃ dasseti.

    กํ อุทกํ ตาเรนฺติ เอตฺถาติ กนฺตารํ, นิรุทกมรุฎฺฐานํฯ วนเมว วนนฺตํวนจฺฉายปฺปเวสนอุทกปริโภเคสุ วิย สุขนฺติ ยถา หิ ปุริโส มหากนฺตารมคฺคํ ปฎิปโนฺน ฆมฺมปเรโต ตสิโต ปิปาสิโต ปฎิปเถ ปุริสํ ทิสฺวา ‘‘กตฺถ ปานียํ อตฺถี’’ติ ปุเจฺฉยฺย, โส ‘‘อฎวิํ อุตฺตริตฺวาว ชาตสฺสรวนสโณฺฑ อตฺถิ, ตตฺถ คนฺตฺวา ลภิสฺสสี’’ติ วเทยฺย, โส ตสฺส กถํ สุตฺวาว หฎฺฐปหโฎฺฐ ภเวยฺย, ตโต คจฺฉโนฺต ภูมิยํ ปติตานิ อุปฺปลทลนาฬปตฺตาทีนิ ทิสฺวา สุฎฺฐุตรํ หฎฺฐปหโฎฺฐ หุตฺวา คจฺฉโนฺต อลฺลวเตฺถ อลฺลเกเส ปุริเส ปเสฺสยฺย, วนกุกฺกุฎวนโมราทีนํ สทฺทํ สุเณยฺย, ชาตสฺสรปริยเนฺต ชาตมณิชาลสทิสํ นีลวนสณฺฑํ ปเสฺสยฺย, สเร ชาตานิ อุปฺปลปทุมกุมุทานิ ปเสฺสยฺย, อจฺฉํ วิปฺปสนฺนํ อุทกมฺปิ ปเสฺสยฺย, โส ภิโยฺย ภิโยฺย หฎฺฐปหโฎฺฐ หุตฺวา ชาตสฺสรํ โอตริตฺวา ยถารุจิ นฺหตฺวา จ ปิวิตฺวา จ ปสฺสทฺธทรโถ ภิสมุฬาลโปกฺขราทีนิ ขาทิตฺวา นีลุปฺปลาทีนิ ปิฬนฺธิตฺวา มนฺทาลวมูลานิ ขเนฺธ ขิปิตฺวา อุตฺตริตฺวา สาฎกํ นิวาเสตฺวา อุทกสาฎกํ อาตเป กตฺวา สีตจฺฉายาย มนฺทมเนฺท วาเต ปหรเนฺต นิปโนฺนว ‘‘อโห สุขํ อโห สุข’’นฺติ วเทยฺย, เอวํสมฺปทมิทํ ทฎฺฐพฺพํฯ ตสฺส หิ ปุริสสฺส ชาตสฺสรวนสณฺฑสวนโต ปฎฺฐาย ยาว อุทกทสฺสนา หฎฺฐปหฎฺฐกาโล วิย ปุพฺพภาคารมฺมเณ หฎฺฐปหฎฺฐาการา ปีติ, นฺหายิตฺวา จ ปิวิตฺวา จ สีตจฺฉายาย มนฺทมเนฺท วาเต ปหรเนฺต ‘‘อโห สุขํ อโห สุข’’นฺติ วทโนฺต นิปนฺนกาโล วิย พลปฺปตฺตํ อารมฺมณรสานุภวนาการสณฺฐิตํ สุขํฯ

    Kaṃ udakaṃ tārenti etthāti kantāraṃ, nirudakamaruṭṭhānaṃ. Vanameva vanantaṃ. Vanacchāyappavesanaudakaparibhogesu viya sukhanti yathā hi puriso mahākantāramaggaṃ paṭipanno ghammapareto tasito pipāsito paṭipathe purisaṃ disvā ‘‘kattha pānīyaṃ atthī’’ti puccheyya, so ‘‘aṭaviṃ uttaritvāva jātassaravanasaṇḍo atthi, tattha gantvā labhissasī’’ti vadeyya, so tassa kathaṃ sutvāva haṭṭhapahaṭṭho bhaveyya, tato gacchanto bhūmiyaṃ patitāni uppaladalanāḷapattādīni disvā suṭṭhutaraṃ haṭṭhapahaṭṭho hutvā gacchanto allavatthe allakese purise passeyya, vanakukkuṭavanamorādīnaṃ saddaṃ suṇeyya, jātassarapariyante jātamaṇijālasadisaṃ nīlavanasaṇḍaṃ passeyya, sare jātāni uppalapadumakumudāni passeyya, acchaṃ vippasannaṃ udakampi passeyya, so bhiyyo bhiyyo haṭṭhapahaṭṭho hutvā jātassaraṃ otaritvā yathāruci nhatvā ca pivitvā ca passaddhadaratho bhisamuḷālapokkharādīni khāditvā nīluppalādīni piḷandhitvā mandālavamūlāni khandhe khipitvā uttaritvā sāṭakaṃ nivāsetvā udakasāṭakaṃ ātape katvā sītacchāyāya mandamande vāte paharante nipannova ‘‘aho sukhaṃ aho sukha’’nti vadeyya, evaṃsampadamidaṃ daṭṭhabbaṃ. Tassa hi purisassa jātassaravanasaṇḍasavanato paṭṭhāya yāva udakadassanā haṭṭhapahaṭṭhakālo viya pubbabhāgārammaṇe haṭṭhapahaṭṭhākārā pīti, nhāyitvā ca pivitvā ca sītacchāyāya mandamande vāte paharante ‘‘aho sukhaṃ aho sukha’’nti vadanto nipannakālo viya balappattaṃ ārammaṇarasānubhavanākārasaṇṭhitaṃ sukhaṃ.

    ตสฺมิํ ตสฺมิํ สมเยติ อิฎฺฐารมฺมณสฺส ปฎิลาภสมเย ปฎิลทฺธสฺส รสานุภวนสมเย วนจฺฉายาทีนํ สวนทสฺสนสมเย ปริโภคสมเย จฯ ปากฎภาวโตติ ยถากฺกมํ ปีติสุขานํ วิภูตภาวโตฯ วิเวกชํ ปีติสุขนฺติ เอตฺถ ปุริมสฺมิํ อเตฺถ วิเวกชนฺติ ฌานํ วุตฺตํฯ ปีติสุขสทฺทโต จ อตฺถิอตฺถวิเสสวโต อสฺส ฌานสฺส, อสฺมิํ วา ฌาเนติ เอตฺถ อกาโร ทฎฺฐโพฺพ ยถา อริสโสติฯ ทุติเย ปีติสุขเมว วิเวกชํ, วิเวกชํปีติสุขนฺติ จ อญฺญปทตฺถสมาโส ปจฺจตฺตนิเทฺทสสฺส จ อโลโป กโต, โลเป วา สติ ‘‘วิเวกชปีติสุข’’นฺติ ปาโฐติ อยํ วิเสโสฯ

    Tasmiṃ tasmiṃ samayeti iṭṭhārammaṇassa paṭilābhasamaye paṭiladdhassa rasānubhavanasamaye vanacchāyādīnaṃ savanadassanasamaye paribhogasamaye ca. Pākaṭabhāvatoti yathākkamaṃ pītisukhānaṃ vibhūtabhāvato. Vivekajaṃpītisukhanti ettha purimasmiṃ atthe vivekajanti jhānaṃ vuttaṃ. Pītisukhasaddato ca atthiatthavisesavato assa jhānassa, asmiṃ vā jhāneti ettha akāro daṭṭhabbo yathā arisasoti. Dutiye pītisukhameva vivekajaṃ, vivekajaṃpītisukhanti ca aññapadatthasamāso paccattaniddesassa ca alopo kato, lope vā sati ‘‘vivekajapītisukha’’nti pāṭhoti ayaṃ viseso.

    คณนานุปุพฺพโต ปฐมนฺติ อิมินา เทสนากฺกมํ อุลฺลิเงฺคติฯ ‘‘คณนานุปุพฺพตา ปฐม’’นฺติปิ ปาโฐ, ตตฺถาปิ คณนานุปุพฺพตายาติ อโตฺถ, คณนานุปุพฺพตามตฺตํ วา ปฐมนฺติ อิทํ วจนนฺติ อโตฺถฯ ปฐมํ สมาปชฺชตีติ ปฐมนฺติ อิทํ ปน น เอกนฺตลกฺขณํฯ จิณฺณวสีภาโว หิ อฎฺฐสมาปตฺติลาภี อาทิโต ปฎฺฐาย มตฺถกํ ปาเปโนฺตปิ สมาปชฺชิตุํ สโกฺกติ, มตฺถกโต ปฎฺฐาย อาทิํ ปาเปโนฺตปิ สมาปชฺชิตุํ สโกฺกติ, อนฺตรนฺตรา โอกฺกมโนฺตปิ สโกฺกติฯ เอวํ ปุพฺพุปฺปตฺติยเฎฺฐน ปน ปฐมํ อุปฺปนฺนนฺติปิ ปฐมํฯ เตเนว วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๗๕) ‘‘คณนานุปุพฺพตา ปฐมํ, ปฐมํ อุปฺปนฺนนฺติปิ ปฐม’’นฺติ เอตฺตกเมว วุตฺตํฯ ปจฺจนีกธเมฺม ฌาเปตีติ นีวรณาทิปจฺจนีกธเมฺม ทหติ, วิกฺขมฺภนวเสน ปชหตีติ อโตฺถฯ โคจรนฺติ กสิณาทิอาลมฺพนํฯ นฺติ ตํ โคจรํฯ อุปนิชฺฌายตีติ ปสฺสติฯ สห อุปจาเรนาติ สทฺธิํ อุปจารชฺฌาเนนฯ กสิณารมฺมณูปนิชฺฌายนโตติ ปถวีกสิณาทิโน อตฺตโน อารมฺมณสฺส รูปํ วิย จกฺขุนา อุปนิชฺฌายนโตฯ ลกฺขณูปนิชฺฌายนโตติ ยถาสมฺภวํ อนิจฺจาทิลกฺขณตฺตยสฺส นิพฺพานธาตุยา ตถลกฺขณสฺส จ อุปนิชฺฌายนโตฯ เตเนวาห ‘‘เอตฺถ หี’’ติอาทิฯ นิจฺจาทิวิปลฺลาสปฺปหาเนน มโคฺค อสโมฺมหโต อนิจฺจาทิลกฺขณานิ อุปนิชฺฌายตีติ ลกฺขณูปนิชฺฌานนฺติ อาห ‘‘วิปสฺสนาย อุปนิชฺฌายนกิจฺจ’’นฺติอาทิฯ ตถลกฺขณนฺติ อวินาสธมฺมสฺส นิพฺพานสฺส อนญฺญถาภาวโต อวิปรีตสภาโว ตถลกฺขณํ, มคฺคสฺสปิ วา นิพฺพานารมฺมณโต ตถลกฺขณูปนิชฺฌานตา โยเชตพฺพาฯ

    Gaṇanānupubbato paṭhamanti iminā desanākkamaṃ ulliṅgeti. ‘‘Gaṇanānupubbatā paṭhama’’ntipi pāṭho, tatthāpi gaṇanānupubbatāyāti attho, gaṇanānupubbatāmattaṃ vā paṭhamanti idaṃ vacananti attho. Paṭhamaṃ samāpajjatīti paṭhamanti idaṃ pana na ekantalakkhaṇaṃ. Ciṇṇavasībhāvo hi aṭṭhasamāpattilābhī ādito paṭṭhāya matthakaṃ pāpentopi samāpajjituṃ sakkoti, matthakato paṭṭhāya ādiṃ pāpentopi samāpajjituṃ sakkoti, antarantarā okkamantopi sakkoti. Evaṃ pubbuppattiyaṭṭhena pana paṭhamaṃ uppannantipi paṭhamaṃ. Teneva visuddhimagge (visuddhi. 1.75) ‘‘gaṇanānupubbatā paṭhamaṃ, paṭhamaṃ uppannantipi paṭhama’’nti ettakameva vuttaṃ. Paccanīkadhamme jhāpetīti nīvaraṇādipaccanīkadhamme dahati, vikkhambhanavasena pajahatīti attho. Gocaranti kasiṇādiālambanaṃ. Tanti taṃ gocaraṃ. Upanijjhāyatīti passati. Saha upacārenāti saddhiṃ upacārajjhānena. Kasiṇārammaṇūpanijjhāyanatoti pathavīkasiṇādino attano ārammaṇassa rūpaṃ viya cakkhunā upanijjhāyanato. Lakkhaṇūpanijjhāyanatoti yathāsambhavaṃ aniccādilakkhaṇattayassa nibbānadhātuyā tathalakkhaṇassa ca upanijjhāyanato. Tenevāha ‘‘ettha hī’’tiādi. Niccādivipallāsappahānena maggo asammohato aniccādilakkhaṇāni upanijjhāyatīti lakkhaṇūpanijjhānanti āha ‘‘vipassanāya upanijjhāyanakicca’’ntiādi. Tathalakkhaṇanti avināsadhammassa nibbānassa anaññathābhāvato aviparītasabhāvo tathalakkhaṇaṃ, maggassapi vā nibbānārammaṇato tathalakkhaṇūpanijjhānatā yojetabbā.

    วิสทิโสทาหรณํ ตาว ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ยถา สธโน’’ติอาทิฯ อโญฺญ อปเทสารโห โหตีติ ธนโต ปริชนโต จ อโญฺญ ธนวา ปริชนวา จ ปุริโส สห ธเนน วตฺตติ ปริชเนน จาติ สธโน สปริชโนติ อปเทสํ อรหตีติ อปเทสารโห โหติ , อปทิสิตโพฺพ โหตีติ วุตฺตํ โหติฯ เสนเงฺคสุ เอว เสนาสมฺมุตีติ รถาทิเสนงฺควินิมุตฺตาย เสนาย อภาเวปิ รเถหิ ปตฺตีหิ จ สห วตฺตนโต สรถา สปตฺติ เสนาติ รถาทิเสนเงฺคสุเยว เสนาโวหาโรติ อโตฺถฯ กสฺมา ปเนตฺถ ฌานปาเฐ อคฺคหิตา จิเตฺตกคฺคตา คหิตาติ อนุโยคํ สนฺธายาห ‘‘อวุตฺตตฺตา’’ติอาทิฯ เอวํ วุตฺตาเยวาติ เอวํ สรูปโต วิภเงฺค วุตฺตาเยวฯ สจิเตฺตกคฺคตนฺติ อิธ อวุเตฺตปีติ ‘‘สจิเตฺตกคฺคต’’นฺติ เอวํ สรูปโต อิมสฺมิํ ฌานปาเฐ อวุเตฺตปีติ อโตฺถ, สามญฺญโต ปน ฌานคฺคหเณน คหิตา เอวฯ เตเนวาห ‘‘เยน หี’’ติอาทิ ฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – เยน วิตกฺกาทีหิ สห วตฺตพฺพํ, ตํ ธมฺมํ ทีเปตุํ ตสฺส ปกาสนาธิปฺปาเยน ‘‘สวิตกฺกํ สวิจาร’’นฺติอาทินา อุเทฺทโส กโต, โส เอว อธิปฺปาโย เตน ภควตา วิภเงฺค (วิภ. ๕๖๙) ‘‘จิตฺตเสฺสกคฺคตา’’ติ นิทฺทิสเนฺตน ปกาสิโต, ตสฺมา สา ฌานปาเฐ อคฺคหิตาติ น จิเนฺตตพฺพนฺติฯ

    Visadisodāharaṇaṃ tāva dassento āha ‘‘yathā sadhano’’tiādi. Añño apadesāraho hotīti dhanato parijanato ca añño dhanavā parijanavā ca puriso saha dhanena vattati parijanena cāti sadhano saparijanoti apadesaṃ arahatīti apadesāraho hoti , apadisitabbo hotīti vuttaṃ hoti. Senaṅgesu eva senāsammutīti rathādisenaṅgavinimuttāya senāya abhāvepi rathehi pattīhi ca saha vattanato sarathā sapatti senāti rathādisenaṅgesuyeva senāvohāroti attho. Kasmā panettha jhānapāṭhe aggahitā cittekaggatā gahitāti anuyogaṃ sandhāyāha ‘‘avuttattā’’tiādi. Evaṃ vuttāyevāti evaṃ sarūpato vibhaṅge vuttāyeva. Sacittekaggatanti idha avuttepīti ‘‘sacittekaggata’’nti evaṃ sarūpato imasmiṃ jhānapāṭhe avuttepīti attho, sāmaññato pana jhānaggahaṇena gahitā eva. Tenevāha ‘‘yena hī’’tiādi . Idaṃ vuttaṃ hoti – yena vitakkādīhi saha vattabbaṃ, taṃ dhammaṃ dīpetuṃ tassa pakāsanādhippāyena ‘‘savitakkaṃ savicāra’’ntiādinā uddeso kato, so eva adhippāyo tena bhagavatā vibhaṅge (vibha. 569) ‘‘cittassekaggatā’’ti niddisantena pakāsito, tasmā sā jhānapāṭhe aggahitāti na cintetabbanti.

    อุปสมฺปชฺชาติ เอตฺถ อุป-สํสทฺทา ‘‘อุปลพฺภตี’’ติอาทีสุ วิย นิรตฺถกาติ ทเสฺสตุํ ‘‘อุปคนฺตฺวา’’ติอาทิํ วตฺวา ปุน เตสํ สาตฺถกภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘อุปสมฺปาทยิตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตสฺมา อุปสมฺปชฺชาติ เอตฺถ ปตฺวา สาเธตฺวาติ วา อโตฺถฯ อิริยนฺติ กิริยํฯ วุตฺตินฺติอาทีนิ ตเสฺสว เววจนานิฯ เอกํ อิริยาปถพาธนํ อิริยาปถนฺตเรหิ รกฺขณํ ปาลนํฯ สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺณตฺตา อานาปานสฺสติกมฺมฎฺฐานเมว วุตฺตํฯ ตญฺหิ สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺณนฺติ วทนฺติฯ

    Upasampajjāti ettha upa-saṃsaddā ‘‘upalabbhatī’’tiādīsu viya niratthakāti dassetuṃ ‘‘upagantvā’’tiādiṃ vatvā puna tesaṃ sātthakabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘upasampādayitvā’’tiādi vuttaṃ, tasmā upasampajjāti ettha patvā sādhetvāti vā attho. Iriyanti kiriyaṃ. Vuttintiādīni tasseva vevacanāni. Ekaṃ iriyāpathabādhanaṃ iriyāpathantarehi rakkhaṇaṃ pālanaṃ. Sabbabuddhānaṃ āciṇṇattā ānāpānassatikammaṭṭhānameva vuttaṃ. Tañhi sabbabuddhānaṃ āciṇṇanti vadanti.

    ปฐมชฺฌานกถา นิฎฺฐิตาฯ

    Paṭhamajjhānakathā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact