Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā |
เวรญฺชกณฺฑวณฺณนา
Verañjakaṇḍavaṇṇanā
เสยฺยถิทนฺติ ตํ กตมํ, ตํ กถนฺติ วา อโตฺถฯ อนิยมนิเทฺทสวจนนฺติ อตฺตโน อตฺถํ สรูเปน นิยเมตฺวา นิทฺทิสตีติ นิยมนิเทฺทโส, น นิยมนิเทฺทโส อนิยมนิเทฺทโสฯ โสว วุจฺจเต อเนนาติ วจนนฺติ อนิยมนิเทฺทสวจนํฯ ตสฺสาติ เตนาติปทสฺสฯ ปริวิตโกฺกติ ‘‘กตเมสานํ โข พุทฺธานํ ภควนฺตานํ พฺรหฺมจริยํ น จิรฎฺฐิติกํ อโหสี’’ติอาทินา (ปารา. ๑๘) ปวโตฺตฯ ปุเพฺพ วา ปจฺฉา วาติ เตนาติปทโต เหฎฺฐา วุตฺตปาเฐ วา อุปริ วกฺขมานปาเฐ วาติ อโตฺถฯ อตฺถโต สิเทฺธนาติ สามตฺถิยโต สิเทฺธนฯ ตตฺริทํ มุขมตฺตนิทสฺสนนฺติ ตสฺสา ยถาวุตฺตยุตฺติยา ปริทีปเน อิทํ อุปายมตฺตนิทสฺสนํฯ มุขํ ทฺวารํ อุปาโยติ หิ อตฺถโต เอกํฯ
Seyyathidanti taṃ katamaṃ, taṃ kathanti vā attho. Aniyamaniddesavacananti attano atthaṃ sarūpena niyametvā niddisatīti niyamaniddeso, na niyamaniddeso aniyamaniddeso. Sova vuccate anenāti vacananti aniyamaniddesavacanaṃ. Tassāti tenātipadassa. Parivitakkoti ‘‘katamesānaṃ kho buddhānaṃ bhagavantānaṃ brahmacariyaṃ na ciraṭṭhitikaṃ ahosī’’tiādinā (pārā. 18) pavatto. Pubbe vā pacchā vāti tenātipadato heṭṭhā vuttapāṭhe vā upari vakkhamānapāṭhe vāti attho. Atthato siddhenāti sāmatthiyato siddhena. Tatridaṃ mukhamattanidassananti tassā yathāvuttayuttiyā paridīpane idaṃ upāyamattanidassanaṃ. Mukhaṃ dvāraṃ upāyoti hi atthato ekaṃ.
สมยสโทฺท ทิสฺสตีติ สมฺพโนฺธฯ อสฺสาติ สมยสทฺทสฺส สมวาโย อโตฺถติ สมฺพโนฺธฯ กาลญฺจ สมยญฺจ อุปาทายาติ เอตฺถ กาโล นาม อุปสงฺกมนสฺส ยุตฺตกาโล, สมโย นาม สรีรพลาทิการณสมวาโย, เต อุปาทาย ปฎิจฺจาติ อโตฺถฯ ขโณติ โอกาโสฯ พุทฺธุปฺปาทาทโย หิ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส โอกาโสฯ โส เอว สมโยฯ เตเนว ‘‘เอโกวา’’ติ วุตฺตํฯ มหาสมโยติ มหาสมูโหฯ ปวนสฺมินฺติ วนสเณฺฑฯ สมโยปิ โข เต ภทฺทาลีติ เอตฺถ สมโยติ สิกฺขาปทาวิลงฺฆนสฺส เหตุ, โก โส? อตฺตโน วิปฺปฎิปตฺติยา ภควโต ชานนํ, โส สมยสงฺขาโต เหตุ ตสฺสา อปฺปฎิวิโทฺธติ อโตฺถฯ ภควาติอาทิ ตสฺส ปฎิวิชฺฌนาการทสฺสนํฯ อุคฺคหมาโนติ กิญฺจิ กิญฺจิ อุคฺคเหตุํ สมตฺถตาย อุคฺคหมาโน, สุมนปริพฺพาชกเสฺสเวตํ นามํฯ สมยํ ทิฎฺฐิํ ปวทนฺติ เอตฺถาติ สมยปฺปวาทโก, มลฺลิกาย อาราโมฯ เสฺวว ตินฺทุกาจีรสงฺขาตาย ติมฺพรุรุกฺขปนฺติยา ปริกฺขิตฺตตฺตา ‘‘ตินฺทุกาจีร’’นฺติ จ, เอกาว นิวาสา สาลา เอตฺถาติ ‘‘เอกสาลโก’’ติ จ วุจฺจติฯ อตฺถาภิสมยาติ ยถาวุตฺตสฺส ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกสฺส อตฺถสฺส หิตสฺส ปฎิลาภโตฯ มานาภิสมยาติ มานปฺปหานาฯ ปีฬนโฎฺฐติ ปีฬนํ ตํสมงฺคิโน หิํสนํ, อวิปฺผาริกตากรณํ, ปีฬนเมว อโตฺถ ปีฬนโฎฺฐ ฯ สนฺตาโปติ ทุกฺขทุกฺขตาทิวเสน สนฺตาปนํฯ วิปริณาโมติ ชราย มรเณน จาติ ทฺวิธา วิปริณาเมตพฺพตา อภิสเมตโพฺพ ปฎิวิชฺฌิตโพฺพติ อภิสมโย, โสว อภิสมยโฎฺฐ, ปีฬนาทีนิฯ
Samayasaddo dissatīti sambandho. Assāti samayasaddassa samavāyo atthoti sambandho. Kālañca samayañca upādāyāti ettha kālo nāma upasaṅkamanassa yuttakālo, samayo nāma sarīrabalādikāraṇasamavāyo, te upādāya paṭiccāti attho. Khaṇoti okāso. Buddhuppādādayo hi maggabrahmacariyassa okāso. So eva samayo. Teneva ‘‘ekovā’’ti vuttaṃ. Mahāsamayoti mahāsamūho. Pavanasminti vanasaṇḍe. Samayopi kho te bhaddālīti ettha samayoti sikkhāpadāvilaṅghanassa hetu, ko so? Attano vippaṭipattiyā bhagavato jānanaṃ, so samayasaṅkhāto hetu tassā appaṭividdhoti attho. Bhagavātiādi tassa paṭivijjhanākāradassanaṃ. Uggahamānoti kiñci kiñci uggahetuṃ samatthatāya uggahamāno, sumanaparibbājakassevetaṃ nāmaṃ. Samayaṃ diṭṭhiṃ pavadanti etthāti samayappavādako, mallikāya ārāmo. Sveva tindukācīrasaṅkhātāya timbarurukkhapantiyā parikkhittattā ‘‘tindukācīra’’nti ca, ekāva nivāsā sālā etthāti ‘‘ekasālako’’ti ca vuccati. Atthābhisamayāti yathāvuttassa diṭṭhadhammikasamparāyikassa atthassa hitassa paṭilābhato. Mānābhisamayāti mānappahānā. Pīḷanaṭṭhoti pīḷanaṃ taṃsamaṅgino hiṃsanaṃ, avipphārikatākaraṇaṃ, pīḷanameva attho pīḷanaṭṭho . Santāpoti dukkhadukkhatādivasena santāpanaṃ. Vipariṇāmoti jarāya maraṇena cāti dvidhā vipariṇāmetabbatā abhisametabbo paṭivijjhitabboti abhisamayo, sova abhisamayaṭṭho, pīḷanādīni.
เอตฺถ จ อุปสคฺคานํ โชตกมตฺตตฺตา สมยสทฺทสฺส อตฺถุทฺธาเรปิ สอุปสโคฺค อภิสมยสโทฺท อุทฺธโฎฯ ตตฺถ สงฺคมวเสน ปจฺจยานํ ผลุปฺปาทนํ ปฎิ อยนํ เอกโต ปวตฺติ เอตฺถาติ สมโย, สมวาโยฯ วิวฎฺฎูปนิสฺสยสงฺคเม สติ เอนฺติ เอตฺถ สตฺตา ปวตฺตนฺตีติ สมโย, ขโณฯ สเมติ เอตฺถ สงฺขตธโมฺม, สยํ วา เอติ อาคจฺฉติ วิคจฺฉติ จาติ สมโย, กาโลฯ สเมนฺติ อวยวา เอตสฺมิํ, สยํ วา เตสูติ สมโย, สมูโหฯ ปจฺจยนฺตรสงฺคเม เอติ อาคจฺฉติ เอตสฺมา ผลนฺติ สมโย, เหตุฯ สญฺญาวเสน วิปลฺลาสโต ธเมฺมสุ เอติ อภินิวิสตีติ สมโย, ทิฎฺฐิฯ สมีปํ อยนํ อุปคมนํ สมโย, ปฎิลาโภฯ สมฺมเทว สหิตานํ วาจานํ อยนํ วิคโมติ สมโย, ปหานํฯ สมฺมเทว, สหิตานํ วา สจฺจานํ อยนํ ชานนนฺติ สมโย, ปฎิเวโธฯ เอวํ ตสฺมิํ ตสฺมิํ อเตฺถ สมยสทฺทสฺส ปวตฺติ เวทิตพฺพาฯ
Ettha ca upasaggānaṃ jotakamattattā samayasaddassa atthuddhārepi saupasaggo abhisamayasaddo uddhaṭo. Tattha saṅgamavasena paccayānaṃ phaluppādanaṃ paṭi ayanaṃ ekato pavatti etthāti samayo, samavāyo. Vivaṭṭūpanissayasaṅgame sati enti ettha sattā pavattantīti samayo, khaṇo. Sameti ettha saṅkhatadhammo, sayaṃ vā eti āgacchati vigacchati cāti samayo, kālo. Samenti avayavā etasmiṃ, sayaṃ vā tesūti samayo, samūho. Paccayantarasaṅgame eti āgacchati etasmā phalanti samayo, hetu. Saññāvasena vipallāsato dhammesu eti abhinivisatīti samayo, diṭṭhi. Samīpaṃ ayanaṃ upagamanaṃ samayo, paṭilābho. Sammadeva sahitānaṃ vācānaṃ ayanaṃ vigamoti samayo, pahānaṃ. Sammadeva, sahitānaṃ vā saccānaṃ ayanaṃ jānananti samayo, paṭivedho. Evaṃ tasmiṃ tasmiṃ atthe samayasaddassa pavatti veditabbā.
เอตฺถ จ สมยสทฺทสฺส สามเญฺญน อเนกตฺถตา วุตฺตาฯ น หิ เอกสฺมิํ อตฺถวิเสเส วตฺตมาโน สโทฺท ตทเญฺญปิ วตฺตติฯ ตสฺมา อตฺถา วิย ตํตํวาจกา สมยสทฺทาปิ ภินฺนา เอวาติ คเหตพฺพาฯ เอวํ สพฺพตฺถ อตฺถุทฺธาเรสุฯ
Ettha ca samayasaddassa sāmaññena anekatthatā vuttā. Na hi ekasmiṃ atthavisese vattamāno saddo tadaññepi vattati. Tasmā atthā viya taṃtaṃvācakā samayasaddāpi bhinnā evāti gahetabbā. Evaṃ sabbattha atthuddhāresu.
ตตฺถ ตถาติ เตสุ สุตฺตาภิธเมฺมสุ อุปโยคภุมฺมวจเนหิฯ อิธาติ วินเย, อญฺญถาติ กรณวจเนนฯ อจฺจนฺตเมวาติ นิรนฺตรเมวฯ ภาโว นาม กิริยา, กิริยาย กิริยนฺตรูปลกฺขณํ ภาเวนภาวลกฺขณํ, ยถา อุทเย สติ จเนฺท ชาโต ราชปุโตฺตติฯ อธิกรณญฺหีติอาทิ อภิธเมฺม สมยสโทฺท กาลสมูหขณสมวายเหตุสงฺขาเตสุ ปญฺจสุ อเตฺถสุ วตฺตติ, น วินเย วิย กาเล เอว, เตสุ จ กาลสมูหตฺถา เทฺว ตตฺถ วุตฺตานํ ผสฺสาทิธมฺมานํ อธิกรณภาเวน นิทฺทิสิตุํ ยุตฺตาฯ ขณสมวายเหตุอตฺถา ปน ตโยปิ อตฺตโน ภาเวน ผสฺสาทีนํ ภาวสฺส อุปลกฺขณภาเวน นิทฺทิสิตุํ ยุตฺตาติ วิภาวนมุเขน ยถาวุตฺตมตฺถํ สมเตฺถตุํ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยสฺมิญฺหิ กาเล, ธมฺมสมูเห วา สมเย อธิกรณภูเต กุสลํ อุปฺปนฺนํ, ตสฺมิเญฺญว กาเล, ธมฺมสมูเห วา สมเย ผสฺสาทโย โหนฺตีติ เอวํ อธิกรณตฺถโยชนา, ยสฺมิํ ปน ขเณ, สมวาเย เหตุมฺหิ วา สมเย สติ วิชฺชมาเน กุสลํ อุปฺปนฺนํ, ตสฺมิเญฺญว ขณาทิมฺหิ สมเยปิ วิชฺชมาเน ผสฺสาทโย โหนฺตีติ ภาเวนภาวลกฺขณตฺถโยชนา จ เวทิตพฺพาฯ
Tattha tathāti tesu suttābhidhammesu upayogabhummavacanehi. Idhāti vinaye, aññathāti karaṇavacanena. Accantamevāti nirantarameva. Bhāvo nāma kiriyā, kiriyāya kiriyantarūpalakkhaṇaṃ bhāvenabhāvalakkhaṇaṃ, yathā udaye sati cande jāto rājaputtoti. Adhikaraṇañhītiādi abhidhamme samayasaddo kālasamūhakhaṇasamavāyahetusaṅkhātesu pañcasu atthesu vattati, na vinaye viya kāle eva, tesu ca kālasamūhatthā dve tattha vuttānaṃ phassādidhammānaṃ adhikaraṇabhāvena niddisituṃ yuttā. Khaṇasamavāyahetuatthā pana tayopi attano bhāvena phassādīnaṃ bhāvassa upalakkhaṇabhāvena niddisituṃ yuttāti vibhāvanamukhena yathāvuttamatthaṃ samatthetuṃ vuttaṃ. Tattha yasmiñhi kāle, dhammasamūhe vā samaye adhikaraṇabhūte kusalaṃ uppannaṃ, tasmiññeva kāle, dhammasamūhe vā samaye phassādayo hontīti evaṃ adhikaraṇatthayojanā, yasmiṃ pana khaṇe, samavāye hetumhi vā samaye sati vijjamāne kusalaṃ uppannaṃ, tasmiññeva khaṇādimhi samayepi vijjamāne phassādayo hontīti bhāvenabhāvalakkhaṇatthayojanā ca veditabbā.
โหติ เจตฺถาติ เอตฺถ ยถาวุตฺตอตฺถวิสเย สงฺคหคาถา โหติฯ อญฺญตฺราติ สุตฺตาภิธเมฺมสุฯ อภิลาปมตฺตเภโทติ เทสนาวิลาสโต สทฺทมเตฺตเนว เภโท, น อตฺถโตฯ
Hoticetthāti ettha yathāvuttaatthavisaye saṅgahagāthā hoti. Aññatrāti suttābhidhammesu. Abhilāpamattabhedoti desanāvilāsato saddamatteneva bhedo, na atthato.
อวิเสเสนาติ สามเญฺญนฯ อิริยาปโถติอาทีสุ อิริยาย สพฺพทฺวาริกกิริยาย ปโถ ปวตฺตนฎฺฐานํ ตพฺพินิมุตฺตกมฺมสฺส อภาวาติ ฐานาทโย อิริยาปโถ, โสว วิหาโรฯ พฺรหฺมภูตา เสฎฺฐภูตา ปรหิตจิตฺตาทิวสปฺปวตฺติโต เมตฺตาทโย พฺรหฺมวิหาโร นามฯ ตทวเสสา ปน มหคฺคตา สพฺพนีวรณวิคมนาทิสิเทฺธน โชตนาทิอเตฺถน ทิพฺพวิหาโร นามฯ พฺรหฺมวิหารภาเวน วิสุํ คหิตตฺตา เมตฺตาทโย อิธ อสงฺคหิตาฯ อริยานเมว วิหาโรติ ผลสมาปตฺติโย อริยวิหาโร นามฯ
Avisesenāti sāmaññena. Iriyāpathotiādīsu iriyāya sabbadvārikakiriyāya patho pavattanaṭṭhānaṃ tabbinimuttakammassa abhāvāti ṭhānādayo iriyāpatho, sova vihāro. Brahmabhūtā seṭṭhabhūtā parahitacittādivasappavattito mettādayo brahmavihāro nāma. Tadavasesā pana mahaggatā sabbanīvaraṇavigamanādisiddhena jotanādiatthena dibbavihāro nāma. Brahmavihārabhāvena visuṃ gahitattā mettādayo idha asaṅgahitā. Ariyānameva vihāroti phalasamāpattiyo ariyavihāro nāma.
รุกฺขาทิมูเลเยว มูลสทฺทสฺส นิรุฬฺหภาวํ ทเสฺสตุํ อปเรน มูลสเทฺทน วิเสเสตฺวา ‘‘มูลมูเล’’ติ วุตฺตํ, ยถา ทุกฺขทุกฺขนฺติ (วิภ. อฎฺฐ. ๑๙๐)ฯ โลภาทีนํ โทสมูลาทิจิตฺตาสาธารณตฺตา ‘‘อสาธารณเหตุมฺหี’’ติ วุตฺตํฯ
Rukkhādimūleyeva mūlasaddassa niruḷhabhāvaṃ dassetuṃ aparena mūlasaddena visesetvā ‘‘mūlamūle’’ti vuttaṃ, yathā dukkhadukkhanti (vibha. aṭṭha. 190). Lobhādīnaṃ dosamūlādicittāsādhāraṇattā ‘‘asādhāraṇahetumhī’’ti vuttaṃ.
ตตฺถ สิยาติ ตตฺถ เวรญฺชายนฺติอาทีสุ ปเทสุ กสฺสจิ โจทนา สิยาติ อโตฺถฯ อุภยถา นิทานกิตฺตนสฺส ปน กิํ ปโยชนนฺติ? อาห โคจรคามนิทสฺสนตฺถนฺติอาทิฯ ตตฺถ อสฺสาติ ภควโตฯ
Tattha siyāti tattha verañjāyantiādīsu padesu kassaci codanā siyāti attho. Ubhayathā nidānakittanassa pana kiṃ payojananti? Āha gocaragāmanidassanatthantiādi. Tattha assāti bhagavato.
กิลโมว กิลมโถ, อตฺตโน อตฺตภาวสฺส กิลมโถ อตฺตกิลมโถ, ตสฺส อนุ อนุ โยโค ปุนปฺปุนํ ปวตฺตนํ อตฺตกิลมถานุโยโคฯ วตฺถุกามารมฺมเณ สุเข สมฺปโยควเสน ลีนา ยุตฺตา, กามตณฺหา , ตํสหจริเต กาเม สุเข วา อารมฺมณภูเต อลฺลีนา ปวตฺตตีติ กามสุขลฺลิกา ตณฺหา, ตสฺสา กามสุขลฺลิกาย อนุ อนุ โยโค กามสุขลฺลิกานุโยโคฯ โลเก สํวฑฺฒภาวนฺติ อามิโสปโภเคน สํวฑฺฒิตภาวํฯ อุปฺปชฺชมาโน พหุชนหิตาทิอตฺถาเยว อุปฺปชฺชตีติ โยชนาฯ
Kilamova kilamatho, attano attabhāvassa kilamatho attakilamatho, tassa anu anu yogo punappunaṃ pavattanaṃ attakilamathānuyogo. Vatthukāmārammaṇe sukhe sampayogavasena līnā yuttā, kāmataṇhā , taṃsahacarite kāme sukhe vā ārammaṇabhūte allīnā pavattatīti kāmasukhallikā taṇhā, tassā kāmasukhallikāya anu anu yogo kāmasukhallikānuyogo. Loke saṃvaḍḍhabhāvanti āmisopabhogena saṃvaḍḍhitabhāvaṃ. Uppajjamāno bahujanahitādiatthāyeva uppajjatīti yojanā.
ทิฎฺฐิสีลสามเญฺญน สํหตตฺตา สโงฺฆติ อิมมตฺถํ วิภาเวโนฺต อาห ทิฎฺฐีติอาทิฯ เอตฺถ จ ‘‘ยายํ ทิฎฺฐิ อริยา นิยฺยานิกา นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย, ตถารูปาย ทิฎฺฐิยา ทิฎฺฐิสามญฺญคโต วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๔, ๓๕๖; ม. นิ. ๑.๔๙๒; ๓.๕๔; อ. นิ. ๖.๑๒; ปริ. ๒๗๔) เอวํ วุตฺตาย ทิฎฺฐิยาฯ ‘‘ยานิ ตานิ สีลานิ อขณฺฑานิ…เป.… สมาธิสํวตฺตนิกานิ, ตถารูเปสุ สีเลสุ สีลสามญฺญคโต วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๔, ๓๕๖; ม. นิ. ๑.๔๙๒; ๓.๕๔; อ. นิ. ๖.๑๒; ปริ. ๒๗๔) เอวํ วุตฺตานญฺจ สีลานํ สามญฺญสงฺขาเตน สงฺฆาโต สงฺฆฎิโต สมณคโณ, เตนาติ อโตฺถฯ ‘‘ทิฎฺฐิสีลสามญฺญสงฺฆาตสงฺฆาเตนา’’ติ วา ปาเฐเนตฺถ ภวิตพฺพํ, ตสฺส ทิฎฺฐิสีลสามญฺญภูเตน สํหนเนน สงฺฆาโต สมณคโณ, เตนาติ อโตฺถฯ เอวญฺหิ ปาเฐ สทฺทโต อโตฺถ ยุตฺตตโร โหติฯ อสฺสาติ มหโต ภิกฺขุสงฺฆสฺสฯ
Diṭṭhisīlasāmaññena saṃhatattā saṅghoti imamatthaṃ vibhāvento āha diṭṭhītiādi. Ettha ca ‘‘yāyaṃ diṭṭhi ariyā niyyānikā niyyāti takkarassa sammā dukkhakkhayāya, tathārūpāya diṭṭhiyā diṭṭhisāmaññagato viharatī’’ti (dī. ni. 3.324, 356; ma. ni. 1.492; 3.54; a. ni. 6.12; pari. 274) evaṃ vuttāya diṭṭhiyā. ‘‘Yāni tāni sīlāni akhaṇḍāni…pe… samādhisaṃvattanikāni, tathārūpesu sīlesu sīlasāmaññagato viharatī’’ti (dī. ni. 3.324, 356; ma. ni. 1.492; 3.54; a. ni. 6.12; pari. 274) evaṃ vuttānañca sīlānaṃ sāmaññasaṅkhātena saṅghāto saṅghaṭito samaṇagaṇo, tenāti attho. ‘‘Diṭṭhisīlasāmaññasaṅghātasaṅghātenā’’ti vā pāṭhenettha bhavitabbaṃ, tassa diṭṭhisīlasāmaññabhūtena saṃhananena saṅghāto samaṇagaṇo, tenāti attho. Evañhi pāṭhe saddato attho yuttataro hoti. Assāti mahato bhikkhusaṅghassa.
พฺรหฺมํ อณตีติ เอตฺถ พฺรหฺม-สเทฺทน เวโท วุจฺจติ, โส มนฺตพฺรหฺมกปฺปวเสน ติวิโธฯ ตตฺถ อิรุเวทาทโย ตโย เวทา มนฺตา, เต จ ปธานา, อิตเร ปน สนฺนิสฺสิตา, เตน ปธานเสฺสว คหณํฯ มเนฺต สชฺฌายตีติ อิรุเวทาทิเก มนฺตสเตฺถ สชฺฌายตีติ อโตฺถฯ อิรุเวทาทโย หิ คุตฺตภาสิตพฺพตาย ‘‘มนฺตา’’ติ วุจฺจนฺติฯ ‘‘พาหิตปาปตฺตา พฺราหฺมโณ, สมิตปาปตฺตา สมโณ’’ติ ยถาวุตฺตมตฺถทฺวยํ อุทาหรณทฺวเยน วิภาเวตุํ วุตฺตเญฺหตนฺติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘สมิตตฺตา หิ ปาปานํ ‘สมโณ’ติ ปวุจฺจตี’’ติ หิ อิทํ วจนํ คเหตฺวา ‘‘สมิตปาปตฺตา ‘สมโณ’ติ วุจฺจตี’’ติ วุตฺตํ, พาหิตปาโปติ อิทํ ปน อญฺญสฺมิํ คาถาพเนฺธ วุตฺตวจนํฯ ยถาภุจฺจคุณาธิคตนฺติ ยถาภูตคุณาธิคตํฯ สกิญฺจโนติ สโทโสฯ
Brahmaṃ aṇatīti ettha brahma-saddena vedo vuccati, so mantabrahmakappavasena tividho. Tattha iruvedādayo tayo vedā mantā, te ca padhānā, itare pana sannissitā, tena padhānasseva gahaṇaṃ. Mante sajjhāyatīti iruvedādike mantasatthe sajjhāyatīti attho. Iruvedādayo hi guttabhāsitabbatāya ‘‘mantā’’ti vuccanti. ‘‘Bāhitapāpattā brāhmaṇo, samitapāpattā samaṇo’’ti yathāvuttamatthadvayaṃ udāharaṇadvayena vibhāvetuṃ vuttañhetantiādi vuttaṃ. ‘‘Samitattā hi pāpānaṃ ‘samaṇo’ti pavuccatī’’ti hi idaṃ vacanaṃ gahetvā ‘‘samitapāpattā ‘samaṇo’ti vuccatī’’ti vuttaṃ, bāhitapāpoti idaṃ pana aññasmiṃ gāthābandhe vuttavacanaṃ. Yathābhuccaguṇādhigatanti yathābhūtaguṇādhigataṃ. Sakiñcanoti sadoso.
โคตฺตวเสนาติ เอตฺถ คํ ตายตีติ โคตฺตํ, โค-สเทฺทน เจตฺถ อภิธานํ พุทฺธิ จ วุจฺจติฯ เกนจิ ปาริชุเญฺญนาติ ญาติปาริชุญฺญาทินา เกนจิ ปาริชุเญฺญน , ปริหานิยาติ อโตฺถฯ ตโต ปรนฺติ เวรญฺชายนฺติอาทิวจนํฯ อิตฺถมฺภูตาขฺยานเตฺถ อุปโยควจนนฺติ อิตฺถํ อิมํ ปการํ ภูโต อาปโนฺนติ อิตฺถมฺภูโต, ตสฺส อาขฺยานํ อิตฺถมฺภูตาขฺยานํ, โสเยวโตฺถ อิตฺถมฺภูตาขฺยานโตฺถฯ อถ วา ‘‘อิตฺถํ เอวํปกาโร ภูโต ชาโต’’ติ เอวํ กถนโตฺถ อิตฺถมฺภูตาขฺยานโตฺถ, ตสฺมิํ อุปโยควจนนฺติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ อพฺภุคฺคโตติ เอตฺถ อภิ-สโทฺท อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺถโชตโก อภิภวิตฺวา อุคฺคมนปฺปการสฺส ทีปนโต, เตน โยคโต ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมนฺติ อิทํ อุปโยควจนํ สามิอเตฺถปิ สมาเน อิตฺถมฺภูตาขฺยานทีปนโต ‘‘อิตฺถมฺภูตาขฺยานเตฺถ’’ติ วุตฺตํ, เตเนวาห ‘‘ตสฺส โข ปน โภโต โคตมสฺสาติ อโตฺถ’’ติฯ
Gottavasenāti ettha gaṃ tāyatīti gottaṃ, go-saddena cettha abhidhānaṃ buddhi ca vuccati. Kenaci pārijuññenāti ñātipārijuññādinā kenaci pārijuññena , parihāniyāti attho. Tato paranti verañjāyantiādivacanaṃ. Itthambhūtākhyānatthe upayogavacananti itthaṃ imaṃ pakāraṃ bhūto āpannoti itthambhūto, tassa ākhyānaṃ itthambhūtākhyānaṃ, soyevattho itthambhūtākhyānattho. Atha vā ‘‘itthaṃ evaṃpakāro bhūto jāto’’ti evaṃ kathanattho itthambhūtākhyānattho, tasmiṃ upayogavacananti attho. Ettha ca abbhuggatoti ettha abhi-saddo itthambhūtākhyānatthajotako abhibhavitvā uggamanappakārassa dīpanato, tena yogato taṃ kho pana bhavantaṃ gotamanti idaṃ upayogavacanaṃ sāmiatthepi samāne itthambhūtākhyānadīpanato ‘‘itthambhūtākhyānatthe’’ti vuttaṃ, tenevāha ‘‘tassa kho pana bhoto gotamassāti attho’’ti.
อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา สาธุ เทวทโตฺต มาตรมภีติ เอตฺถ อภิสทฺทโยคโต อิตฺถมฺภูตาขฺยาเน อุปโยควจนํ กตํ, เอวมิธาปิ ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ อภิ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อุคฺคโตติ อภิสทฺทโยคโต อิตฺถมฺภูตาขฺยาเน อุปโยควจนนฺติฯ สาธุ เทวทโตฺต มาตรมภีติ เอตฺถ หิ ‘‘เทวทโตฺต มาตรมภิ มาตริ วิสเย มาตุยา วา สาธู’’ติ เอวํ อธิกรณเตฺถ วา สามิอเตฺถ วา ภุมฺมวจนสฺส สามิวจนสฺส วา ปสเงฺค อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺถโชตเกน อภิสเทฺทน โยเค อุปโยควจนํ กตํ, ยถา เจตฺถ เทวทโตฺต มาตุวิสเย มาตุสมฺพนฺธี วา โส วุตฺตปฺปการปฺปโตฺตติ อยมโตฺถ วิญฺญายติ, เอวมิธาปิ โภโต โคตมสฺส สมฺพนฺธี กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคโต อภิภวิตฺวา อุคฺคมนปการปฺปโตฺตติ อยมโตฺถ วิญฺญายติฯ ตตฺถ หิ เทวทตฺตคฺคหณํ วิย อิธ กิตฺติสทฺทคฺคหณํ, ตตฺถ มาตรนฺติ วจนํ วิย อิธ ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมนฺติ วจนํ, ตตฺถ สาธุสทฺทคฺคหณํ วิย อิธ อุคฺคตสทฺทคฺคหณํ เวทิตพฺพํฯ กิตฺติสโทฺทติ กิตฺติภูโต สโทฺท, น เกวโลติ ทสฺสนตฺถํ วิเสสิตนฺติ อาห ‘‘กิตฺติ เอวา’’ติฯ ตโต กิตฺตีติ ถุติ, ตสฺสา ปกาสโก สโทฺท กิตฺติสโทฺทติ ทเสฺสตุํ ‘‘ถุติโฆโส วา’’ติ วุตฺตํฯ
Idaṃ vuttaṃ hoti – yathā sādhu devadatto mātaramabhīti ettha abhisaddayogato itthambhūtākhyāne upayogavacanaṃ kataṃ, evamidhāpi taṃ kho pana bhavantaṃ gotamaṃ abhi evaṃ kalyāṇo kittisaddo uggatoti abhisaddayogato itthambhūtākhyāne upayogavacananti. Sādhu devadatto mātaramabhīti ettha hi ‘‘devadatto mātaramabhi mātari visaye mātuyā vā sādhū’’ti evaṃ adhikaraṇatthe vā sāmiatthe vā bhummavacanassa sāmivacanassa vā pasaṅge itthambhūtākhyānatthajotakena abhisaddena yoge upayogavacanaṃ kataṃ, yathā cettha devadatto mātuvisaye mātusambandhī vā so vuttappakārappattoti ayamattho viññāyati, evamidhāpi bhoto gotamassa sambandhī kittisaddo abbhuggato abhibhavitvā uggamanapakārappattoti ayamattho viññāyati. Tattha hi devadattaggahaṇaṃ viya idha kittisaddaggahaṇaṃ, tattha mātaranti vacanaṃ viya idha taṃ kho pana bhavantaṃ gotamanti vacanaṃ, tattha sādhusaddaggahaṇaṃ viya idha uggatasaddaggahaṇaṃ veditabbaṃ. Kittisaddoti kittibhūto saddo, na kevaloti dassanatthaṃ visesitanti āha ‘‘kitti evā’’ti. Tato kittīti thuti, tassā pakāsako saddo kittisaddoti dassetuṃ ‘‘thutighoso vā’’ti vuttaṃ.
โส ภควาติ เอตฺถ โสติ ปสิทฺธิยํ, โย โส สมตฺติํส ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพกิเลเส ภญฺชิตฺวา ทสสหสฺสิโลกธาตุํ กเมฺปโนฺต อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุโทฺธ, โส โลเก อติปากโฎติ ‘‘โส ภควา’’ติ วุตฺตํฯ ภควาติ จ อิทํ สตฺถุ นามกิตฺตนํ, น คุณกิตฺตนํฯ ปรโต ปน ภควาติ คุณกิตฺตนเมวฯ อิมินา จ อิมินา จาติ เอเตน อรหนฺติอาทิปทานํ ปเจฺจกํ อเนกคุณคณํ ปฎิจฺจ ปวตฺตภาวํ ทเสฺสติฯ
So bhagavāti ettha soti pasiddhiyaṃ, yo so samattiṃsa pāramiyo pūretvā sabbakilese bhañjitvā dasasahassilokadhātuṃ kampento anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambuddho, so loke atipākaṭoti ‘‘so bhagavā’’ti vuttaṃ. Bhagavāti ca idaṃ satthu nāmakittanaṃ, na guṇakittanaṃ. Parato pana bhagavāti guṇakittanameva. Iminā ca iminā cāti etena arahantiādipadānaṃ paccekaṃ anekaguṇagaṇaṃ paṭicca pavattabhāvaṃ dasseti.
สุวิทูรวิทูเรติ ทฺวีหิ สเทฺทหิ อติวิย ทูเรติ ทเสฺสติ, สุวิทูรตา เอว หิ วิทูรตาฯ สวาสนานํ กิเลสานํ วิทฺธํสิตตฺตาติ อิมินา ปเจฺจกพุทฺธาทีหิ อสาธารณํ ภควโต อรหตฺตนฺติ ทเสฺสติ เตสํ วาสนาย อปฺปหีนตฺตา, วาสนา จ นาม นิกฺกิเลสสฺสาปิ สกลเญยฺยานวโพธาทิทฺวารตฺตยปฺปโยควิคุณตาเหตุภูโต กิเลสนิหิโต อากาโร จิรนิคฬิตปาทานํ นิคฬโมเกฺขปิ สงฺกุจิตตาคมนเหตุโก นิคฬนิหิโต อากาโร วิยฯ ยาย ปิลินฺทวจฺฉาทีนํ วสลโวหาราทิวิคุณตา โหติ, อยํ วาสนาติ คเหตพฺพาฯ อารกาติ เอตฺถ อาการสฺส รสฺสตฺตํ ก-การสฺส จ ห-การํ สานุสฺสรํ กตฺวา นิรุตฺตินเยน ‘‘อรห’’นฺติ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพาฯ เอวํ อุปริปิ ยถารหํ นิรุตฺตินเยน ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพาฯ ยเญฺจตํ สํสารจกฺกนฺติ สมฺพโนฺธฯ ปุญฺญาทีติ อาทิ-สเทฺทน อปุญฺญาภิสงฺขารอาเนญฺชาภิสงฺขาเร สงฺคณฺหาติฯ อาสวา เอว อวิชฺชาทีนํ การณตฺตา สมุทโยติ อาห ‘‘อาสวสมุทยมเยนา’’ติฯ ‘‘อาสวสมุทยา อวิชฺชาสมุทโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๐๓) หิ วุตฺตํฯ วิปากกฎตฺตารูปปฺปเภโท ติภโว เอว รโถ, ตสฺมิํ ติภวรเถฯ สํสารจกฺกนฺติ ยถาวุตฺตกิเลสกมฺมวิปากสมุทโยฯ
Suvidūravidūreti dvīhi saddehi ativiya dūreti dasseti, suvidūratā eva hi vidūratā. Savāsanānaṃ kilesānaṃ viddhaṃsitattāti iminā paccekabuddhādīhi asādhāraṇaṃ bhagavato arahattanti dasseti tesaṃ vāsanāya appahīnattā, vāsanā ca nāma nikkilesassāpi sakalañeyyānavabodhādidvārattayappayogaviguṇatāhetubhūto kilesanihito ākāro ciranigaḷitapādānaṃ nigaḷamokkhepi saṅkucitatāgamanahetuko nigaḷanihito ākāro viya. Yāya pilindavacchādīnaṃ vasalavohārādiviguṇatā hoti, ayaṃ vāsanāti gahetabbā. Ārakāti ettha ākārassa rassattaṃ ka-kārassa ca ha-kāraṃ sānussaraṃ katvā niruttinayena ‘‘araha’’nti padasiddhi veditabbā. Evaṃ uparipi yathārahaṃ niruttinayena padasiddhi veditabbā. Yañcetaṃ saṃsāracakkanti sambandho. Puññādīti ādi-saddena apuññābhisaṅkhāraāneñjābhisaṅkhāre saṅgaṇhāti. Āsavā eva avijjādīnaṃ kāraṇattā samudayoti āha ‘‘āsavasamudayamayenā’’ti. ‘‘Āsavasamudayā avijjāsamudayo’’ti (ma. ni. 1.103) hi vuttaṃ. Vipākakaṭattārūpappabhedo tibhavo eva ratho, tasmiṃ tibhavarathe. Saṃsāracakkanti yathāvuttakilesakammavipākasamudayo.
‘‘ขนฺธานญฺจ ปฎิปาฎิ, ธาตุอายตนาน จ;
‘‘Khandhānañca paṭipāṭi, dhātuāyatanāna ca;
อโพฺพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, ‘สํสาโร’ติ ปวุจฺจตี’’ติฯ (วิสุทฺธิ. ๒.๖๑๘; ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๙๕ อปสาทนาวณฺณนา; สํ. นิ. อฎฺฐ. ๒.๒.๖๐; อ. นิ. อฎฺฐ. ๒.๔.๑๙๙; ธ. ส. อฎฺฐ. นิทานกถา; วิภ. อฎฺฐ. ๒๒๖ สงฺขารปทนิเทฺทส; สุ. นิ. อฎฺฐ. ๒.๕๒๓; อุทา. อฎฺฐ. ๓๙; อิติวุ. อฎฺฐ. ๑๔, ๕๘; เถรคา. อฎฺฐ. ๑.๖๗, ๙๙; พุ. วํ. อฎฺฐ. ๕๘; ปฎิ. ม. อฎฺฐ. ๒.๑.๑๑๗; จูฬนิ. อฎฺฐ. ๖) –
Abbocchinnaṃ vattamānā, ‘saṃsāro’ti pavuccatī’’ti. (visuddhi. 2.618; dī. ni. aṭṭha. 2.95 apasādanāvaṇṇanā; saṃ. ni. aṭṭha. 2.2.60; a. ni. aṭṭha. 2.4.199; dha. sa. aṭṭha. nidānakathā; vibha. aṭṭha. 226 saṅkhārapadaniddesa; su. ni. aṭṭha. 2.523; udā. aṭṭha. 39; itivu. aṭṭha. 14, 58; theragā. aṭṭha. 1.67, 99; bu. vaṃ. aṭṭha. 58; paṭi. ma. aṭṭha. 2.1.117; cūḷani. aṭṭha. 6) –
เอวํ วุโตฺต สํสาโรว จกฺกํ วิย ปริพฺภมนโต จกฺกํ, ตสฺส จกฺกสฺส สเพฺพ อรา หตาติ สมฺพโนฺธฯ อเนนาติ ภควตาฯ โพธีติ ญาณํ, ตํ เอตฺถ มณฺฑํ ปสนฺนํ ชาตนฺติ โพธิมโณฺฑฯ กมฺมกฺขยกรํ ญาณผรสุนฺติ อรหตฺตมคฺคญาณํ วุตฺตํ, ตํ ฉินฺทิตพฺพํ อภิสงฺขารสงฺขาตํ กมฺมํ ปริจฺฉินฺทตีติ ทเสฺสตุํ กมฺมกฺขยกรวิเสสนวิสิฎฺฐํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Evaṃ vutto saṃsārova cakkaṃ viya paribbhamanato cakkaṃ, tassa cakkassa sabbe arā hatāti sambandho. Anenāti bhagavatā. Bodhīti ñāṇaṃ, taṃ ettha maṇḍaṃ pasannaṃ jātanti bodhimaṇḍo. Kammakkhayakaraṃ ñāṇapharasunti arahattamaggañāṇaṃ vuttaṃ, taṃ chinditabbaṃ abhisaṅkhārasaṅkhātaṃ kammaṃ paricchindatīti dassetuṃ kammakkhayakaravisesanavisiṭṭhaṃ vuttanti veditabbaṃ.
เอวํ กติปยเงฺคหิ สํสารจกฺกํ ตทวเสสเงฺคหิ ผลภูตนามรูปธเมฺมหิ ติภวรถญฺจ ตสฺมิํ รเถ โยชิตสํสารจกฺการานํ หนนปฺปการญฺจ ทเสฺสตฺวา อิทานิ สเพฺพหิปิ ทฺวาทสหิ ปฎิจฺจสมุปฺปาทเงฺคหิ รถวิรหิตเมว เกวลํ สํสารจกฺกํ, ตสฺส อรฆาตนปฺปการเภทญฺจ ทเสฺสตุํ อถวาติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อนมตคฺคนฺติ อนุ อนุ อมตคฺคํ, สพฺพถา อนุคจฺฉเนฺตหิปิ อวิญฺญาตโกฎิกนฺติ อโตฺถฯ อวิชฺชามูลกตฺตา ชรามรณปริโยสานตฺตาติ อิทํ สงฺขาราทีนํ ทสนฺนํ อรภาเวน เอกตฺตํ สมาโรเปตฺวาติ วุตฺตํฯ น หิ เตสํ ปเจฺจกํ อวิชฺชามูลกตา ชรามรณปริโยสานตา จ อตฺถิ ตถา ปฎิจฺจสมุปฺปาทปาฬิยํ อวุตฺตตฺตาฯ อถ วา เตสมฺปิ ยถารหํ อตฺถโต อวิชฺชามูลกตฺตํ, อตฺตโน อตฺตโน ลกฺขณภูตขณิกชรามรณวเสน ตปฺปริโยสานตญฺจ สนฺธาเยตํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ เอวญฺจ เตสํ ปเจฺจกํ อรภาโว สิโทฺธ โหติฯ
Evaṃ katipayaṅgehi saṃsāracakkaṃ tadavasesaṅgehi phalabhūtanāmarūpadhammehi tibhavarathañca tasmiṃ rathe yojitasaṃsāracakkārānaṃ hananappakārañca dassetvā idāni sabbehipi dvādasahi paṭiccasamuppādaṅgehi rathavirahitameva kevalaṃ saṃsāracakkaṃ, tassa araghātanappakārabhedañca dassetuṃ athavātiādi vuttaṃ. Tattha anamatagganti anu anu amataggaṃ, sabbathā anugacchantehipi aviññātakoṭikanti attho. Avijjāmūlakattā jarāmaraṇapariyosānattāti idaṃ saṅkhārādīnaṃ dasannaṃ arabhāvena ekattaṃ samāropetvāti vuttaṃ. Na hi tesaṃ paccekaṃ avijjāmūlakatā jarāmaraṇapariyosānatā ca atthi tathā paṭiccasamuppādapāḷiyaṃ avuttattā. Atha vā tesampi yathārahaṃ atthato avijjāmūlakattaṃ, attano attano lakkhaṇabhūtakhaṇikajarāmaraṇavasena tappariyosānatañca sandhāyetaṃ vuttanti veditabbaṃ. Evañca tesaṃ paccekaṃ arabhāvo siddho hoti.
เอวํ สพฺพาการํ สํสารจกฺกเมว ทเสฺสตฺวา อิทานิ เยน ญาเณน อิมสฺส สํสารจกฺกสฺส อรานํ เฉโท ภควโต สิโทฺธ, ตสฺส ธมฺมฎฺฐิติญาณสฺส ‘‘ปจฺจยปริคฺคเห ปญฺญา ธมฺมฎฺฐิติญาณ’’นฺติ (ปฎิ. ม. ๔; ๑.๔๕) มาติกา วุตฺตตฺตา ภวจกฺกาวยเวสุ อวิชฺชาทีสุ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนตฺตา ปริคฺคหวเสน ปวตฺติอาการํ ทเสฺสตฺวา ปรโต ตสฺส อตฺถสฺส นิคมนวเสน วุเตฺตน เอวมยํ อวิชฺชาเหตูติอาทิเกน ปฎิสมฺภิทาปาฬิสหิเตน (ปฎิ. ม. ๑.๔๕) ปาเฐน สรูปโต ธมฺมฎฺฐิติญาณํ, ตสฺส จ เตสุเยว อวิชฺชาทีสุ จตุสเงฺขปาทิวเสน ปวตฺติวิภาคญฺจ ทเสฺสตฺวา ตโต ปรํ อิติ ภควาติอาทิปาเฐน ภควโต เตน ธมฺมฎฺฐิติญาเณน ปฎิจฺจสมุปฺปาทสฺส สพฺพาการโต ปฎิวิทฺธภาวํ ทเสฺสตฺวา ปุน อิมินา ธมฺมฎฺฐิติญาเณนาติอาทินา ภควโต เตน ญาเณน สํสารจกฺการานํ วิทฺธํสิตภาวํ ทเสฺสตุํ ตตฺถ ทุกฺขาทีสุ อญฺญาณํ อวิชฺชาติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ติณฺณํ อายตนานนฺติ จกฺขุโสตมนายตนานํ ติณฺณํฯ เอส นโย ติณฺณํ ผสฺสานนฺติอาทีสุปิฯ รูปตณฺหาทิวเสน ฉ ตณฺหากายา เอว เวทิตพฺพาฯ
Evaṃ sabbākāraṃ saṃsāracakkameva dassetvā idāni yena ñāṇena imassa saṃsāracakkassa arānaṃ chedo bhagavato siddho, tassa dhammaṭṭhitiñāṇassa ‘‘paccayapariggahe paññā dhammaṭṭhitiñāṇa’’nti (paṭi. ma. 4; 1.45) mātikā vuttattā bhavacakkāvayavesu avijjādīsu paccayapaccayuppannattā pariggahavasena pavattiākāraṃ dassetvā parato tassa atthassa nigamanavasena vuttena evamayaṃ avijjāhetūtiādikena paṭisambhidāpāḷisahitena (paṭi. ma. 1.45) pāṭhena sarūpato dhammaṭṭhitiñāṇaṃ, tassa ca tesuyeva avijjādīsu catusaṅkhepādivasena pavattivibhāgañca dassetvā tato paraṃ iti bhagavātiādipāṭhena bhagavato tena dhammaṭṭhitiñāṇena paṭiccasamuppādassa sabbākārato paṭividdhabhāvaṃ dassetvā puna iminā dhammaṭṭhitiñāṇenātiādinā bhagavato tena ñāṇena saṃsāracakkārānaṃ viddhaṃsitabhāvaṃ dassetuṃ tattha dukkhādīsu aññāṇaṃ avijjātiādi vuttaṃ. Tattha tiṇṇaṃ āyatanānanti cakkhusotamanāyatanānaṃ tiṇṇaṃ. Esa nayo tiṇṇaṃ phassānantiādīsupi. Rūpataṇhādivasena cha taṇhākāyā eva veditabbā.
สคฺคสมฺปตฺตินฺติ กามสุคตีสุ สมฺปตฺติํฯ ตเถวาติ กามุปาทานปจฺจยา เอวฯ พฺรหฺมโลกสมฺปตฺตินฺติ รูปีพฺรหฺมโลกสมฺปตฺติํฯ เตภูมกธมฺมวิสยสฺส สพฺพสฺสาปิ ราคสฺส กิเลสกามภาวโต ภวราโคปิ กามุปาทานเมวาติ อาห ‘‘กามุปาทานปจฺจยาเยว เมตฺตํ ภาเวตี’’ติฯ เสสุปาทานมูลิกาสุปีติ ทิฎฺฐุปาทานสีลพฺพตุปาทานอตฺตวาทุปาทานมูลิกาสุปิ โยชนาสุฯ ตตฺรายํ โยชนานโย – อิเธกโจฺจ ‘‘นตฺถิ ปรโลโก อุจฺฉิชฺชติ อตฺตา’’ติ (ที. นิ. ๑.๘๕-๘๖ อตฺถโต สมานํ) ทิฎฺฐิํ คณฺหาติ, โส ทิฎฺฐุปาทานปจฺจยา กาเยน ทุจฺจริตํ จรตีติอาทินา, อปโร ‘‘อสุกสฺมิํ ภเว อตฺตา อุจฺฉิชฺชตี’’ติ ทิฎฺฐิํ คเหตฺวา กามรูปารูปภวูปปตฺติยา ตํ ตํ กุสลํ กโรตีติอาทินา จ ทิฎฺฐุปาทานมูลิกา โยชนา, อิมินาว นเยน อตฺตวาทุปาทานมูลิกา โยชนา เวทิตพฺพาฯ อปโร ‘‘สีเลน สุทฺธิ วเตน สุทฺธี’’ติ อสุทฺธิมคฺคํ ‘‘สุทฺธิมโคฺค’’ติ ปรามสโนฺต สีลพฺพตุปาทานปจฺจยา กาเยน ทุจฺจริตํ จรตีติอาทินา สพฺพภเวสุ สีลพฺพตุปาทานมูลิกา โยชนา เวทิตพฺพาฯ
Saggasampattinti kāmasugatīsu sampattiṃ. Tathevāti kāmupādānapaccayā eva. Brahmalokasampattinti rūpībrahmalokasampattiṃ. Tebhūmakadhammavisayassa sabbassāpi rāgassa kilesakāmabhāvato bhavarāgopi kāmupādānamevāti āha ‘‘kāmupādānapaccayāyeva mettaṃ bhāvetī’’ti. Sesupādānamūlikāsupīti diṭṭhupādānasīlabbatupādānaattavādupādānamūlikāsupi yojanāsu. Tatrāyaṃ yojanānayo – idhekacco ‘‘natthi paraloko ucchijjati attā’’ti (dī. ni. 1.85-86 atthato samānaṃ) diṭṭhiṃ gaṇhāti, so diṭṭhupādānapaccayā kāyena duccaritaṃ caratītiādinā, aparo ‘‘asukasmiṃ bhave attā ucchijjatī’’ti diṭṭhiṃ gahetvā kāmarūpārūpabhavūpapattiyā taṃ taṃ kusalaṃ karotītiādinā ca diṭṭhupādānamūlikā yojanā, imināva nayena attavādupādānamūlikā yojanā veditabbā. Aparo ‘‘sīlena suddhi vatena suddhī’’ti asuddhimaggaṃ ‘‘suddhimaggo’’ti parāmasanto sīlabbatupādānapaccayā kāyena duccaritaṃ caratītiādinā sabbabhavesu sīlabbatupādānamūlikā yojanā veditabbā.
อิทานิ ยสฺส สํสารจกฺการานํ ฆาตนสมตฺถสฺส ธมฺมฎฺฐิติญาณสฺส อวิชฺชาทิปจฺจยปอคฺคหาการํ ทเสฺสตุํ กามภเว จ อวิชฺชา กามภเว สงฺขารานํ ปจฺจโย โหตีติอาทินา อวิชฺชาทีนํ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนภาโว ทสฺสิโต, ตเมว ญาณํ อวิชฺชาทีสุ ปวตฺติอากาเรน สทฺธิํ ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิํ อาเนตฺวา นิคมนวเสน ทเสฺสโนฺต เอวมยนฺติอาทิมาหฯ วิสุทฺธิมคฺคฎีกายํ ปน ‘‘อิทานิ ยฺวายํ สํสารจกฺกํ ทเสฺสเนฺตน กามภเว อวิชฺชา กามภเว สงฺขารานํ ปจฺจโย โหตีติอาทินา อวิชฺชาทีนํ ปจฺจยภาโว สงฺขาราทีนํ ปจฺจยุปฺปนฺนภาโว ทสฺสิโต, ตเมว ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิํ อาเนตฺวา นิคมนวเสน ทเสฺสโนฺต เอวมยนฺติอาทิมาหา’’ติ วุตฺตํฯ สารตฺถทีปนิยา วินยฎีกายปิ อยเมว ปาโฐ ลิขิโตฯ ตตฺถ จ กามภเว จ อวิชฺชาติอาทินา อวิชฺชาทีนํ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนภาโว สํสารจกฺกํ ทเสฺสเนฺตน วุโตฺต น โหติ ตสฺส จ อวิชฺชา นาภิ, มูลตฺตาติอาทินา ปุเพฺพว ทสฺสิตตฺตา อุปริ จกฺกรูปโต ปโยคเตฺตน อุปสํหาราภาวา จฯ ‘‘อปิ จ ตเมว ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนภาวํ นิคมนวเสน ทเสฺสโนฺต’’ติ จ วุตฺตํ, น เจตฺถ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนภาโว นิคมนวเสน ปธานเตฺตน ทสฺสิโต, อถ โข ปจฺจยปริคฺคหวสปฺปวตฺตํ ธมฺมฎฺฐิติญาณเมว ยถาวุตฺตปจฺจยปริคฺคหาการสฺส นิคมนวเสน ทสฺสิตํฯ ตถา หิ ‘‘เอวมยํ อวิชฺชา เหตุ, สงฺขารา เหตุสมุปฺปนฺนา, อุโภเปเต ธมฺมา เหตุสมุปฺปนฺนาติ ปจฺจยปริคฺคเห ปญฺญา ธมฺมฎฺฐิติญาณํฯ อตีตมฺปิ อทฺธานํฯ อนาคตมฺปิ อทฺธานํ อวิชฺชา เหตุ…เป.… ธมฺมฎฺฐิติญาณ’’นฺติ (ปฎิ. ม. ๑.๔๖) ธมฺมฎฺฐิติญาณเมว ปธานเตฺตน ทสฺสิตํฯ ‘‘อวิชฺชา เหตุ, สงฺขารา เหตุสมุปฺปนฺนา’’ติอาทิ ปน ปจฺจยปริคฺคเห ปญฺญา ธมฺมฎฺฐิติญาณนฺติ (ปฎิ. ม. มาติกา ๔; ๑.๔๕) วุจฺจมานตฺตา ตสฺส ปจฺจยปริคฺคหาการปริทีปนตฺถํ วิสยเตฺตน วุตฺตํ, น ปธานเตฺตนฯ
Idāni yassa saṃsāracakkārānaṃ ghātanasamatthassa dhammaṭṭhitiñāṇassa avijjādipaccayapaaggahākāraṃ dassetuṃ kāmabhave ca avijjā kāmabhave saṅkhārānaṃ paccayo hotītiādinā avijjādīnaṃ paccayapaccayuppannabhāvo dassito, tameva ñāṇaṃ avijjādīsu pavattiākārena saddhiṃ paṭisambhidāmaggapāḷiṃ ānetvā nigamanavasena dassento evamayantiādimāha. Visuddhimaggaṭīkāyaṃ pana ‘‘idāni yvāyaṃ saṃsāracakkaṃ dassentena kāmabhave avijjā kāmabhave saṅkhārānaṃ paccayo hotītiādinā avijjādīnaṃ paccayabhāvo saṅkhārādīnaṃ paccayuppannabhāvo dassito, tameva paṭisambhidāmaggapāḷiṃ ānetvā nigamanavasena dassento evamayantiādimāhā’’ti vuttaṃ. Sāratthadīpaniyā vinayaṭīkāyapi ayameva pāṭho likhito. Tattha ca kāmabhave ca avijjātiādinā avijjādīnaṃ paccayapaccayuppannabhāvo saṃsāracakkaṃ dassentena vutto na hoti tassa ca avijjā nābhi, mūlattātiādinā pubbeva dassitattā upari cakkarūpato payogattena upasaṃhārābhāvā ca. ‘‘Api ca tameva paccayapaccayuppannabhāvaṃ nigamanavasena dassento’’ti ca vuttaṃ, na cettha paccayapaccayuppannabhāvo nigamanavasena padhānattena dassito, atha kho paccayapariggahavasappavattaṃ dhammaṭṭhitiñāṇameva yathāvuttapaccayapariggahākārassa nigamanavasena dassitaṃ. Tathā hi ‘‘evamayaṃ avijjā hetu, saṅkhārā hetusamuppannā, ubhopete dhammā hetusamuppannāti paccayapariggahe paññā dhammaṭṭhitiñāṇaṃ. Atītampi addhānaṃ. Anāgatampi addhānaṃ avijjā hetu…pe… dhammaṭṭhitiñāṇa’’nti (paṭi. ma. 1.46) dhammaṭṭhitiñāṇameva padhānattena dassitaṃ. ‘‘Avijjā hetu, saṅkhārā hetusamuppannā’’tiādi pana paccayapariggahe paññā dhammaṭṭhitiñāṇanti (paṭi. ma. mātikā 4; 1.45) vuccamānattā tassa paccayapariggahākāraparidīpanatthaṃ visayattena vuttaṃ, na padhānattena.
อยเญฺหตฺถ อโตฺถ – เอวนฺติ อนนฺตเร วุตฺตนเยน อยํ อวิชฺชา สงฺขารานํ เหตุ, สงฺขารา จ เตน เหตุนา สมุปฺปนฺนาฯ อุโภเปเตติ ยสฺมา อยํ อวิชฺชา ปรปริกปฺปิตปกติอิสฺสราทิ วิย อเหตุกา นิจฺจา ธุวา น โหติ, อถ โข ‘‘อาสวสมุทยา อวิชฺชาสมุทโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๐๓) วจนโต สยมฺปิ สเหตุกา สงฺขตา อนิจฺจาเยว โหติ, ตสฺมา อุโภเปเต อวิชฺชาสงฺขารา เหตุสมุปฺปนฺนาเยวฯ อิตีติ เอวํ ยถาวุตฺตนเยน ปจฺจยปริคฺคณฺหเน ยา ปญฺญา, ตํ ธมฺมานํ ฐิติสงฺขาเต การเณ ยาถาวโต ปวตฺตตฺตา ธมฺมฎฺฐิติญาณํ นามาติฯ
Ayañhettha attho – evanti anantare vuttanayena ayaṃ avijjā saṅkhārānaṃ hetu, saṅkhārā ca tena hetunā samuppannā. Ubhopeteti yasmā ayaṃ avijjā paraparikappitapakatiissarādi viya ahetukā niccā dhuvā na hoti, atha kho ‘‘āsavasamudayā avijjāsamudayo’’ti (ma. ni. 1.103) vacanato sayampi sahetukā saṅkhatā aniccāyeva hoti, tasmā ubhopete avijjāsaṅkhārā hetusamuppannāyeva. Itīti evaṃ yathāvuttanayena paccayapariggaṇhane yā paññā, taṃ dhammānaṃ ṭhitisaṅkhāte kāraṇe yāthāvato pavattattā dhammaṭṭhitiñāṇaṃ nāmāti.
เอตฺถ หิ ญาณสฺส วิสยวิภาวนวเสเนว อวิชฺชาทีนํ ปจฺจยาทิภาโว วุโตฺต, น ปธานเตฺตน, ญาณเมว ปเนตฺถ ปธานโต วุตฺตํ, ตสฺมา เอตสฺส ญาณสฺส ปจฺจยปริคฺคหาการทสฺสนตฺถเมว เหฎฺฐาปิ กามภเว จ อวิชฺชาติอาทินา อวิชฺชาทีนํ ปจฺจยาทิภาโว วุโตฺต, อิธาปิ นิคมนวเสน อุปสํหโฎ, น ภวจกฺกทสฺสนตฺถนฺติ อยเมตฺถ อตฺตโน มติฯ
Ettha hi ñāṇassa visayavibhāvanavaseneva avijjādīnaṃ paccayādibhāvo vutto, na padhānattena, ñāṇameva panettha padhānato vuttaṃ, tasmā etassa ñāṇassa paccayapariggahākāradassanatthameva heṭṭhāpi kāmabhave ca avijjātiādinā avijjādīnaṃ paccayādibhāvo vutto, idhāpi nigamanavasena upasaṃhaṭo, na bhavacakkadassanatthanti ayamettha attano mati.
ตตฺถ จ ปจฺจยุปฺปนฺนธเมฺมสุ อทิเฎฺฐสุ เหตูนํ ปจฺจยภาโวปิ น สกฺกา ทฎฺฐุนฺติ ‘‘สงฺขารา เหตุสมุปฺปนฺนา’’ติ ปจฺจยปริคฺคหญาณนิเทฺทเส (ปฎิ. ม. ๑.๔๕) ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมานมฺปิ คหณํ กตนฺติ เวทิตพฺพํฯ เอเตน นเยนาติ อวิชฺชายํ วุตฺตนเยน สงฺขารา เหตุ, วิญฺญาณํ เหตุสมุปฺปนฺนนฺติอาทินา สพฺพานิ ชาติปริโยสานานิ ปทานิ วิตฺถาเรตพฺพานิฯ
Tattha ca paccayuppannadhammesu adiṭṭhesu hetūnaṃ paccayabhāvopi na sakkā daṭṭhunti ‘‘saṅkhārā hetusamuppannā’’ti paccayapariggahañāṇaniddese (paṭi. ma. 1.45) paccayuppannadhammānampi gahaṇaṃ katanti veditabbaṃ. Etena nayenāti avijjāyaṃ vuttanayena saṅkhārā hetu, viññāṇaṃ hetusamuppannantiādinā sabbāni jātipariyosānāni padāni vitthāretabbāni.
เอวํ ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิยา ธมฺมฎฺฐิติญาณสฺส อวิชฺชาทีสุ ปวตฺติอาการํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ตสฺส เตสุ ปจฺจเยสุ อเญฺญหิปิ อากาเรหิ ปวตฺติอาการํ ทเสฺสตุํ ตตฺถาติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ ปฎิจฺจสมุปฺปาทเงฺคสุฯ สงฺขิปฺปนฺติ เอตฺถ อวิชฺชาทโย เหตุสามเญฺญน ผลสามเญฺญน วาติ สเงฺขโป, สงฺคโห, โกฎฺฐาโส ราสีติ อโตฺถฯ โส ปน ชาติโต ทุวิโธปิ กาลเภทวเสน จตุพฺพิโธ ชาโตฯ ปจฺจุปฺปโนฺน อทฺธาติ อนุวตฺตติฯ ตณฺหุปาทานภวา คหิตา กิเลสกมฺมสามญฺญโต ตทวินาภาวโต จฯ อวิชฺชาทิกิเลสวฎฺฎมฺปิ วิปากธมฺมธมฺมตาสริกฺขตาย อิธ กมฺมวฎฺฎเมวาติ อาห อิเม ปญฺจ ธมฺมาติอาทิฯ วิปากา ธมฺมาติอาทีสุ กมฺมชอรูปกฺขนฺธานเมว วิปากสทฺทวจนียเตฺตปิ นามรูปาทิปเทสุ รูปมิสฺสมฺปิ ผลปญฺจกํ อรูปปฺปธานตาย จ ตพฺพหุลตาย จ ‘‘วิปากวฎฺฎ’’นฺติ วุตฺตํฯ วิปากปฺปธานํ วฎฺฎํ, วิปากพหุลํ วา วฎฺฎนฺติ อโตฺถฯ กมฺมชปริยาโย วา เอตฺถ วิปาก-สโทฺท ทฎฺฐโพฺพฯ ชาติชรามรณาปเทเสนาติ ปรมตฺถธมฺมวินิมุตฺตชาติชรามรณํ นาม นตฺถีติ ตทปเทเสน เตสํ กถเนน ตํมุเขนาติ อโตฺถฯ อากิรียนฺติ ปกาสียนฺตีติ อาการา, อวิชฺชาทิสรูปา, ตโต ปจฺจยาการโตติ อโตฺถฯ เอโก สนฺธีติ อวิเจฺฉทปฺปวตฺติเหตุภูโต เหตุผลสนฺธิ, ทุติโย ผลเหตุสนฺธิ, ตติโย เหตุผลสนฺธีติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Evaṃ paṭisambhidāmaggapāḷiyā dhammaṭṭhitiñāṇassa avijjādīsu pavattiākāraṃ dassetvā idāni tassa tesu paccayesu aññehipi ākārehi pavattiākāraṃ dassetuṃ tatthātiādi vuttaṃ. Tattha tatthāti tesu paṭiccasamuppādaṅgesu. Saṅkhippanti ettha avijjādayo hetusāmaññena phalasāmaññena vāti saṅkhepo, saṅgaho, koṭṭhāso rāsīti attho. So pana jātito duvidhopi kālabhedavasena catubbidho jāto. Paccuppanno addhāti anuvattati. Taṇhupādānabhavā gahitā kilesakammasāmaññato tadavinābhāvato ca. Avijjādikilesavaṭṭampi vipākadhammadhammatāsarikkhatāya idha kammavaṭṭamevāti āha ime pañca dhammātiādi. Vipākā dhammātiādīsu kammajaarūpakkhandhānameva vipākasaddavacanīyattepi nāmarūpādipadesu rūpamissampi phalapañcakaṃ arūpappadhānatāya ca tabbahulatāya ca ‘‘vipākavaṭṭa’’nti vuttaṃ. Vipākappadhānaṃ vaṭṭaṃ, vipākabahulaṃ vā vaṭṭanti attho. Kammajapariyāyo vā ettha vipāka-saddo daṭṭhabbo. Jātijarāmaraṇāpadesenāti paramatthadhammavinimuttajātijarāmaraṇaṃ nāma natthīti tadapadesena tesaṃ kathanena taṃmukhenāti attho. Ākirīyanti pakāsīyantīti ākārā, avijjādisarūpā, tato paccayākāratoti attho. Eko sandhīti avicchedappavattihetubhūto hetuphalasandhi, dutiyo phalahetusandhi, tatiyo hetuphalasandhīti daṭṭhabbaṃ.
เอวํ ธมฺมฎฺฐิติญาณสฺส อวิชฺชาทีสุ อเนเกหิ ปกาเรหิ ปวตฺติอาการํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ เตหิ, อวุเตฺตหิ จ สเพฺพหิ อากาเรหิ ภควโต ปฎิจฺจสมุปฺปาทสฺส ปฎิวิทฺธภาวํ, ตสฺส จ ญาณสฺส ธมฺมฎฺฐิติญาณสทฺทปฺปวตฺตินิมิตฺตตํ ปฎิสมฺภิทาปาฬินเยน ทเสฺสตุํ อุปสํหารวเสน อิติ ภควาติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อิตีติ วุตฺตปฺปการปรามสนํ, เตนาห จตุสเงฺขปนฺติอาทิฯ สพฺพาการโตติ อิธ กามภเว จ อวิชฺชา กามภเว สงฺขารานํ ปจฺจโยติอาทินา อิธ วุเตฺตหิ จ อวุเตฺตหิ จ ปฎิจฺจสมุปฺปาทวิภงฺคาทีสุ (วิภ. ๒๒๕ อาทโย) อาคเตหิ สเพฺพหิ ปกาเรหิ ปฎิวิชฺฌติฯ ตนฺติ เยน ญาเณน ภควา เอวํ ชานาติ, ตํ ญาณํฯ ญาตเฎฺฐนาติ ชานนเฎฺฐนฯ ปชานนเฎฺฐนาติ ปฎิวิชฺฌนเฎฺฐนฯ
Evaṃ dhammaṭṭhitiñāṇassa avijjādīsu anekehi pakārehi pavattiākāraṃ dassetvā idāni tehi, avuttehi ca sabbehi ākārehi bhagavato paṭiccasamuppādassa paṭividdhabhāvaṃ, tassa ca ñāṇassa dhammaṭṭhitiñāṇasaddappavattinimittataṃ paṭisambhidāpāḷinayena dassetuṃ upasaṃhāravasena iti bhagavātiādi vuttaṃ. Tattha itīti vuttappakāraparāmasanaṃ, tenāha catusaṅkhepantiādi. Sabbākāratoti idha kāmabhave ca avijjā kāmabhave saṅkhārānaṃ paccayotiādinā idha vuttehi ca avuttehi ca paṭiccasamuppādavibhaṅgādīsu (vibha. 225 ādayo) āgatehi sabbehi pakārehi paṭivijjhati. Tanti yena ñāṇena bhagavā evaṃ jānāti, taṃ ñāṇaṃ. Ñātaṭṭhenāti jānanaṭṭhena. Pajānanaṭṭhenāti paṭivijjhanaṭṭhena.
อิทานิ ยมิทํ ธมฺมฎฺฐิติญาณํ ปจฺจยปริคฺคหาการเภเทหิ สทฺธิํ ปปญฺจโต ทสฺสิตํ, ตสฺมิํ อรฆาเต เอตสฺส อุปโยคิตํ ทเสฺสตุํ อิมินา ธมฺมฎฺฐิติญาเณนาติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ธมฺมฎฺฐิติญาเณน อเร หนีติ สมฺพโนฺธฯ กถนฺติ? อาห ‘‘เต ธเมฺม’’ติอาทิฯ เต อวิชฺชาทิเก ธเมฺม มหาวชิรญาณาวุเธน เตน ธมฺมฎฺฐิติญาเณน ยถาภูตํ ญตฺวา เตน พลววิปสฺสนาวุเธน นิพฺพินฺทโนฺต อริยมคฺคาวุเธน วิรชฺชโนฺต วิมุจฺจโนฺต อเร หนีติ โยชนาฯ อริยมคฺคญาณมฺปิ หิ กิจฺจโต สมุทยสจฺจาทิโพธโต ‘‘ธมฺมฎฺฐิติญาณ’’นฺติ วุจฺจติฯ
Idāni yamidaṃ dhammaṭṭhitiñāṇaṃ paccayapariggahākārabhedehi saddhiṃ papañcato dassitaṃ, tasmiṃ araghāte etassa upayogitaṃ dassetuṃ iminā dhammaṭṭhitiñāṇenātiādi vuttaṃ. Tattha dhammaṭṭhitiñāṇena are hanīti sambandho. Kathanti? Āha ‘‘te dhamme’’tiādi. Te avijjādike dhamme mahāvajirañāṇāvudhena tena dhammaṭṭhitiñāṇena yathābhūtaṃ ñatvā tena balavavipassanāvudhena nibbindanto ariyamaggāvudhena virajjanto vimuccanto are hanīti yojanā. Ariyamaggañāṇampi hi kiccato samudayasaccādibodhato ‘‘dhammaṭṭhitiñāṇa’’nti vuccati.
เอเกกํ ธมฺมกฺขนฺธํ เอเกกวิหาเรน ปูเชมีติ ธมฺมกฺขนฺธํ อารพฺภ ปวตฺตาปิ วิหารกรณปูชา ภควติ เปเมเนว ปวตฺตตฺตา สธาตุกาทิเจติยปฎิมณฺฑิตตฺตา จ ภควโตว ปูชาติ อาห ภควนฺตํ อุทฺทิสฺสาติอาทิฯ กิเลสารีน โส มุนีติ เอตฺถ นิคฺคหีตโลโป, กิเลสารีนํ หตตฺตาติ อโตฺถฯ ปจฺจยาทีน จารโหติ เอตฺถาปิ นิคฺคหีตโลโป ทฎฺฐโพฺพฯ
Ekekaṃ dhammakkhandhaṃ ekekavihārena pūjemīti dhammakkhandhaṃ ārabbha pavattāpi vihārakaraṇapūjā bhagavati pemeneva pavattattā sadhātukādicetiyapaṭimaṇḍitattā ca bhagavatova pūjāti āha bhagavantaṃ uddissātiādi. Kilesārīna so munīti ettha niggahītalopo, kilesārīnaṃ hatattāti attho. Paccayādīna cārahoti etthāpi niggahītalopo daṭṭhabbo.
สมฺมาสมฺพุโทฺธติ เอตฺถ สํ-สโทฺท สยนฺติ อเตฺถ ปวตฺตตีติ อาห ‘‘สาม’’นฺติ, อปรเนโยฺย หุตฺวาติ อโตฺถฯ สพฺพธมฺมานนฺติ อิทํ กสฺสจิ วิสยวิเสสสฺส อคฺคหิตตฺตา สิทฺธํฯ ปเทสคฺคหเณ หิ อสติ คเหตพฺพสฺส นิปฺปเทสตาว วิญฺญายติ, ยถา ทิกฺขิโต น ททาตีติฯ เอวญฺจ กตฺวา อตฺถวิเสสานเปกฺขา กตฺตริเยว พุทฺธ-สทฺทสิทฺธิ เวทิตพฺพา กมฺมวจนิจฺฉาย อภาวโตฯ ‘‘สมฺมา สามํ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุโทฺธ’’ติ เอตฺตกเมว หิ อิธ สทฺทโต ลพฺภติฯ สพฺพธมฺมานนฺติ อิทํ ปน อตฺถโต ลพฺภมานํ คเหตฺวา วุตฺตํ, น หิ พุชฺฌนกิริยา อวิสยา ยุชฺชติฯ อภิเญฺญเยฺยติ ลกฺขณาทิโต อนิจฺจาทิโต จ อภิวิสิเฎฺฐน โลกิยโลกุตฺตรญาเณน ชานิตเพฺพ จตุสจฺจธเมฺมฯ ปริเญฺญเยฺยติ อนิจฺจาทิวเสน ปริจฺฉินฺทิตฺวา ชานิตพฺพํ ทุกฺขํ อริยสจฺจมาหฯ ปหาตเพฺพติ สมุทยสจฺจํฯ สจฺฉิกาตเพฺพติ นิโรธสจฺจํฯ พหุวจนนิเทฺทโส ปเนตฺถ โสปาทิเสสาทิกํ ปริยายสิทฺธํ เภทํ อเปกฺขิตฺวา กโตฯ
Sammāsambuddhoti ettha saṃ-saddo sayanti atthe pavattatīti āha ‘‘sāma’’nti, aparaneyyo hutvāti attho. Sabbadhammānanti idaṃ kassaci visayavisesassa aggahitattā siddhaṃ. Padesaggahaṇe hi asati gahetabbassa nippadesatāva viññāyati, yathā dikkhito na dadātīti. Evañca katvā atthavisesānapekkhā kattariyeva buddha-saddasiddhi veditabbā kammavacanicchāya abhāvato. ‘‘Sammā sāmaṃ buddhattā sammāsambuddho’’ti ettakameva hi idha saddato labbhati. Sabbadhammānanti idaṃ pana atthato labbhamānaṃ gahetvā vuttaṃ, na hi bujjhanakiriyā avisayā yujjati. Abhiññeyyeti lakkhaṇādito aniccādito ca abhivisiṭṭhena lokiyalokuttarañāṇena jānitabbe catusaccadhamme. Pariññeyyeti aniccādivasena paricchinditvā jānitabbaṃ dukkhaṃ ariyasaccamāha. Pahātabbeti samudayasaccaṃ. Sacchikātabbeti nirodhasaccaṃ. Bahuvacananiddeso panettha sopādisesādikaṃ pariyāyasiddhaṃ bhedaṃ apekkhitvā kato.
อภิเญฺญยฺยนฺติ คาถาย ปหาตพฺพภาเวตพฺพานํ สมุทยมคฺคสจฺจานํ เหตุธมฺมานํ คหเณเนว ตปฺผลานํ ทุกฺขสจฺจนิโรธสจฺจานมฺปิ สิทฺธิโต ปริญฺญาตพฺพญฺจ ปริญฺญาตํ สจฺฉิกาตพฺพญฺจ สจฺฉิกตนฺติ อิทเมฺปตฺถ สงฺคหิตเมวาติ ทฎฺฐพฺพํ, เตนาห ‘‘ตสฺมา พุโทฺธสฺมี’’ติฯ ยสฺมา จตฺตาริปิ สจฺจานิ มยา พุทฺธานิ, ตสฺมา สพฺพมฺปิ เญยฺยํ พุโทฺธสฺมิ, อพฺภญฺญาสินฺติ อโตฺถฯ
Abhiññeyyanti gāthāya pahātabbabhāvetabbānaṃ samudayamaggasaccānaṃ hetudhammānaṃ gahaṇeneva tapphalānaṃ dukkhasaccanirodhasaccānampi siddhito pariññātabbañca pariññātaṃ sacchikātabbañca sacchikatanti idampettha saṅgahitamevāti daṭṭhabbaṃ, tenāha ‘‘tasmā buddhosmī’’ti. Yasmā cattāripi saccāni mayā buddhāni, tasmā sabbampi ñeyyaṃ buddhosmi, abbhaññāsinti attho.
วิจิตฺตวิสยปตฺถนาการปฺปวตฺติยา ตณฺหา ทุกฺขวิจิตฺตตาย ปธานการณนฺติ อาห ‘‘มูลการณภาเวนา’’ติฯ อุภินฺนนฺติ จกฺขุสฺส ตํสมุทยสฺส จฯ อปฺปวตฺตีติ อปฺปวตฺตินิมิตฺตํ, น อภาวมตฺตํฯ ตสฺส อวตฺถุตฺตา สปฺปจฺจยตฺตาทิอเนกเภทา สพฺพสงฺคหิตาฯ นิโรธปฺปชานนาติ สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน นิโรธสฺส ปฎิวิชฺฌนาฯ เอเกกปทุทฺธาเรนาปีติ จกฺขุ จกฺขุสมุทโยติอาทินา เอเกกโกฎฺฐาสนิทฺธารเณนาปิ, น ทุกฺขสจฺจาทิสามญฺญโต เอวาติ อธิปฺปาโยฯ ตณฺหายปิ สงฺขารทุกฺขปริยาปนฺนตาย ปริเญฺญยฺยตฺตา ทุกฺขสจฺจภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘ฉ ตณฺหากายา’’ติ วุตฺตํฯ ยสฺมิํ ปน อตฺตภาเว สา อุปฺปชฺชติ, ตสฺส มูลการณภาเวน สมุฎฺฐาปิกา ปุริมภวสิทฺธา ตณฺหา สมุทยสจฺจนฺติ คเหตพฺพาฯ กสิณานีติ กสิณารมฺมณานิ ฌานานิฯ ทฺวตฺติํสาการาติ เกสาทโย ตทารมฺมณชฺฌานานิ จฯ นว ภวาติ กามภวาทโย ตโย สญฺญีภวาทโย ตโย เอกโวการภวาทโย ตโย จาติ นว ภวาฯ จตฺตาริ ฌานานีติ อารมฺมณวิเสสํ อนเปกฺขิตฺวา สามญฺญโต จตฺตาริ ฌานานิ วุตฺตานิฯ วิปากกิริยานมฺปิ ยถารหํ สพฺพตฺถ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ เอตฺถ จ กุสลธมฺมานํ อุปนิสฺสยภูตา ตณฺหาสมุฎฺฐาปิกาติ เวทิตพฺพา, กิริยธมฺมานํ ปน ตสฺส อตฺตภาวสฺส การณภูตา ตณฺหาฯ อนุโลมโตติ เอตฺถ อวิชฺชา ทุกฺขสจฺจํ, ตํสมุฎฺฐาปิกา ปุริมตณฺหา อาสวา สมุทยสจฺจนฺติ โยเชตพฺพํฯ สงฺขาราทีสุ ปน อวิชฺชาทโยว สมุทยสจฺจภาเวน โยเชตพฺพาฯ เตนาติ ตสฺมาฯ
Vicittavisayapatthanākārappavattiyā taṇhā dukkhavicittatāya padhānakāraṇanti āha ‘‘mūlakāraṇabhāvenā’’ti. Ubhinnanti cakkhussa taṃsamudayassa ca. Appavattīti appavattinimittaṃ, na abhāvamattaṃ. Tassa avatthuttā sappaccayattādianekabhedā sabbasaṅgahitā. Nirodhappajānanāti sacchikiriyābhisamayavasena nirodhassa paṭivijjhanā. Ekekapaduddhārenāpīti cakkhu cakkhusamudayotiādinā ekekakoṭṭhāsaniddhāraṇenāpi, na dukkhasaccādisāmaññato evāti adhippāyo. Taṇhāyapi saṅkhāradukkhapariyāpannatāya pariññeyyattā dukkhasaccabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘cha taṇhākāyā’’ti vuttaṃ. Yasmiṃ pana attabhāve sā uppajjati, tassa mūlakāraṇabhāvena samuṭṭhāpikā purimabhavasiddhā taṇhā samudayasaccanti gahetabbā. Kasiṇānīti kasiṇārammaṇāni jhānāni. Dvattiṃsākārāti kesādayo tadārammaṇajjhānāni ca. Nava bhavāti kāmabhavādayo tayo saññībhavādayo tayo ekavokārabhavādayo tayo cāti nava bhavā. Cattāri jhānānīti ārammaṇavisesaṃ anapekkhitvā sāmaññato cattāri jhānāni vuttāni. Vipākakiriyānampi yathārahaṃ sabbattha saṅgaho daṭṭhabbo. Ettha ca kusaladhammānaṃ upanissayabhūtā taṇhāsamuṭṭhāpikāti veditabbā, kiriyadhammānaṃ pana tassa attabhāvassa kāraṇabhūtā taṇhā. Anulomatoti ettha avijjā dukkhasaccaṃ, taṃsamuṭṭhāpikā purimataṇhā āsavā samudayasaccanti yojetabbaṃ. Saṅkhārādīsu pana avijjādayova samudayasaccabhāvena yojetabbā. Tenāti tasmā.
วิชฺชาติ อตฺตโน วิสยํ วิทิตํ กโรตีติ วิชฺชาฯ สมฺปนฺนตฺตาติ สมนฺนาคตตฺตา, สมฺปุณฺณตฺตา วาฯ ตตฺราติ อมฺพฎฺฐสุเตฺตฯ มโนมยิทฺธิยาติ เอตฺถ ‘‘อิธ ภิกฺขุ อิมมฺหา กายา อญฺญํ กายํ อภินิมฺมินาตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๓๖) วุตฺตตฺตา สรีรพฺภนฺตรฌานมเนน อญฺญสฺส สรีรสฺส นิพฺพตฺติวเสน ปวตฺตา มโนมยิทฺธิ นาม, สา อตฺถโต ฌานสมฺปยุตฺตา ปญฺญาเยวฯ สตฺต สทฺธมฺมา นาม สทฺธา หิรี โอตฺตปฺปํ พาหุสจฺจํ วีริยํ สติ ปญฺญา จฯ คจฺฉติ อมตํ ทิสนฺติ ทุกฺขนิตฺถรณตฺถิเกหิ ทฎฺฐพฺพโต อมตํ นิพฺพานเมว ทิสํ คจฺฉติ, อิมินา จ จรณานํ สิกฺขตฺตยสงฺคหิตอริยมคฺคภาวโต นิพฺพานตฺถิเกหิ เอกํเสน อิจฺฉิตพฺพตํ ทเสฺสติฯ อิทานิสฺสา วิชฺชาจรณสมฺปทาย สาวกาทิอสาธารณตํ ทเสฺสตุํ ตตฺถ วิชฺชาสมฺปทาติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อาสวกฺขยวิชฺชาวเสน สพฺพญฺญุตา สิชฺฌติ, จรณธมฺมภูเตสุ ฌาเนสุ อโนฺตคธาย มหากรุณาสมาปตฺติยา วเสน มหาการุณิกตา สิชฺฌตีติ อาห ‘‘วิชฺชา…เป.… มหาการุณิกต’’นฺติฯ ยถา ตนฺติ เอตฺถ ตนฺติ นิปาตมตฺตํ, ยถา อโญฺญปิ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน พุโทฺธ นิโยเชติ, ตถา อยมฺปีติ อโตฺถฯ เตนาติ อนตฺถปริวชฺชนอตฺถนิโยชเนนฯ อตฺตนฺตปาทโยติ อาทิ-สเทฺทน ปรนฺตปอุภยนฺตปา คหิตาฯ อสชฺชมาโน ภเวสุ อปจฺจาคจฺฉโนฺตติ ปหีนานํ ปุนานุปฺปตฺติโต น ปุน อุปคจฺฉโนฺตฯ
Vijjāti attano visayaṃ viditaṃ karotīti vijjā. Sampannattāti samannāgatattā, sampuṇṇattā vā. Tatrāti ambaṭṭhasutte. Manomayiddhiyāti ettha ‘‘idha bhikkhu imamhā kāyā aññaṃ kāyaṃ abhinimminātī’’ti (dī. ni. 1.236) vuttattā sarīrabbhantarajhānamanena aññassa sarīrassa nibbattivasena pavattā manomayiddhi nāma, sā atthato jhānasampayuttā paññāyeva. Satta saddhammā nāma saddhā hirī ottappaṃ bāhusaccaṃ vīriyaṃ sati paññā ca. Gacchati amataṃ disanti dukkhanittharaṇatthikehi daṭṭhabbato amataṃ nibbānameva disaṃ gacchati, iminā ca caraṇānaṃ sikkhattayasaṅgahitaariyamaggabhāvato nibbānatthikehi ekaṃsena icchitabbataṃ dasseti. Idānissā vijjācaraṇasampadāya sāvakādiasādhāraṇataṃ dassetuṃ tattha vijjāsampadātiādi vuttaṃ. Tattha āsavakkhayavijjāvasena sabbaññutā sijjhati, caraṇadhammabhūtesu jhānesu antogadhāya mahākaruṇāsamāpattiyā vasena mahākāruṇikatā sijjhatīti āha ‘‘vijjā…pe… mahākāruṇikata’’nti. Yathā tanti ettha tanti nipātamattaṃ, yathā aññopi vijjācaraṇasampanno buddho niyojeti, tathā ayampīti attho. Tenāti anatthaparivajjanaatthaniyojanena. Attantapādayoti ādi-saddena parantapaubhayantapā gahitā. Asajjamāno bhavesu apaccāgacchantoti pahīnānaṃ punānuppattito na puna upagacchanto.
ตตฺราติ ยุตฺตวาจาภาสเน สาเธตเพฺพ เจตํ ภุมฺมํฯ อภูตนฺติ อภูตตฺถํฯ อตจฺฉนฺติ ตเสฺสว เววจนํฯ อนตฺถสํหิตนฺติ ปิสุณาทิโทสยุตฺตํฯ สมฺมาคทตฺตาติ สุนฺทรวจนตฺตา, คทนํ คโท, กถนนฺติ อโตฺถฯ สุนฺทโร คโท วจนมสฺสาติ ‘‘สุคโท’’ติ วตฺตเพฺพ นิรุตฺตินเยน ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา ‘‘สุคโต’’ติ วุตฺตํฯ
Tatrāti yuttavācābhāsane sādhetabbe cetaṃ bhummaṃ. Abhūtanti abhūtatthaṃ. Atacchanti tasseva vevacanaṃ. Anatthasaṃhitanti pisuṇādidosayuttaṃ. Sammāgadattāti sundaravacanattā, gadanaṃ gado, kathananti attho. Sundaro gado vacanamassāti ‘‘sugado’’ti vattabbe niruttinayena da-kārassa ta-kāraṃ katvā ‘‘sugato’’ti vuttaṃ.
สภาวโตติ ทุกฺขสภาวโตฯ โลกนฺติ ขนฺธาทิโลกํฯ ยถาวุตฺตมตฺถํ สุตฺตโต อาห ยตฺถาติอาทิฯ ตตฺถ ยตฺถาติ ยสฺมิํ โลกนฺตสงฺขาเต นิพฺพาเนฯ ตนฺติ โลกสฺสนฺตํ, โอกาสโลเก กายคมเนน ญาตพฺพํ ปตฺตพฺพนฺติ นาหํ วทามีติ โยชนาฯ อิทญฺจ โรหิตเทวปุเตฺตน โลกสฺส กายคติวเสน อนฺตคมนสฺส ปุจฺฉิตตฺตา วุตฺตํฯ อปฺปตฺวา โลกสฺสนฺตนฺติ ขนฺธาทิโลกํ สนฺธาย วุตฺตํฯ
Sabhāvatoti dukkhasabhāvato. Lokanti khandhādilokaṃ. Yathāvuttamatthaṃ suttato āha yatthātiādi. Tattha yatthāti yasmiṃ lokantasaṅkhāte nibbāne. Tanti lokassantaṃ, okāsaloke kāyagamanena ñātabbaṃ pattabbanti nāhaṃ vadāmīti yojanā. Idañca rohitadevaputtena lokassa kāyagativasena antagamanassa pucchitattā vuttaṃ. Appatvā lokassantanti khandhādilokaṃ sandhāya vuttaṃ.
กิเนฺต ปทสา โอกาสโลกปริพฺภมเนน, ปริมิตฎฺฐาเน เอว ตํ ญาณคมเนน คจฺฉนฺตานํ ทเสฺสมีติ ทเสฺสโนฺต อปิ จาติอาทิมาหฯ ตตฺถ พฺยามมเตฺต กเฬวเรติ สรีเรฯ เตน รูปกฺขนฺธํ ทเสฺสติฯ สสญฺญิมฺหีติ สญฺญาสีเสน เวทนาทโย ตโย ขเนฺธฯ สมนเกติ วิญฺญาณกฺขนฺธํฯ โลกนฺติ ขนฺธาทิโลกํ, ทุกฺขนฺติ อโตฺถฯ โลกนิโรธนฺติ นิพฺพาเนน โลกสฺส นิรุชฺฌนํ, นิพฺพานเมว วาฯ อเทสมฺปิ หิ นิพฺพานํ เยสํ นิโรธาย โหติ, อุปจารโต ตนฺนิสฺสิตํ วิย โหตีติ ‘‘พฺยามมเตฺต กเฬวเร โลกนิโรธมฺปิ ปญฺญเปมี’’ติ วุตฺตํ, จกฺขุ โลเก ปิยรูปํ, สาตรูปํ, เอเตฺถสา ตณฺหา นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌตีติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๔๐๑; วิภ. ๒๐๔) วิยฯ กุทาจนนฺติ กทาจิปิฯ อปฺปตฺวาติ อคฺคมเคฺคน อนธิคนฺตฺวาฯ ตสฺมาติ ยสฺมา ตํ คมเนน ปตฺตุํ น สกฺกา, ตสฺมาฯ หเวติ นิปาตมตฺตํ, เอกํสเตฺถ วา ฯ โลกวิทูติ สภาวาทิโต ขนฺธาทิชานนโกฯ จตุสจฺจธมฺมานํ อภิสมิตตฺตา สมิตาวี, สมิตกิเลโสติ วา อโตฺถฯ นาสีสติ น ปเตฺถติ อปฺปฎิสนฺธิกตฺตาฯ
Kinte padasā okāsalokaparibbhamanena, parimitaṭṭhāne eva taṃ ñāṇagamanena gacchantānaṃ dassemīti dassento api cātiādimāha. Tattha byāmamatte kaḷevareti sarīre. Tena rūpakkhandhaṃ dasseti. Sasaññimhīti saññāsīsena vedanādayo tayo khandhe. Samanaketi viññāṇakkhandhaṃ. Lokanti khandhādilokaṃ, dukkhanti attho. Lokanirodhanti nibbānena lokassa nirujjhanaṃ, nibbānameva vā. Adesampi hi nibbānaṃ yesaṃ nirodhāya hoti, upacārato tannissitaṃ viya hotīti ‘‘byāmamatte kaḷevare lokanirodhampi paññapemī’’ti vuttaṃ, cakkhu loke piyarūpaṃ, sātarūpaṃ, etthesā taṇhā nirujjhamānā nirujjhatītiādīsu (dī. ni. 2.401; vibha. 204) viya. Kudācananti kadācipi. Appatvāti aggamaggena anadhigantvā. Tasmāti yasmā taṃ gamanena pattuṃ na sakkā, tasmā. Haveti nipātamattaṃ, ekaṃsatthe vā . Lokavidūti sabhāvādito khandhādijānanako. Catusaccadhammānaṃ abhisamitattā samitāvī, samitakilesoti vā attho. Nāsīsati na pattheti appaṭisandhikattā.
เอวํ สเงฺขปโต โลกํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ วิตฺถารโต ตํ ทเสฺสตุํ อปิ จ ตโย โลกาติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อินฺทฺริยพทฺธานํ ขนฺธานํ สมูหสนฺตานภูโต สตฺตโลโกฯ โส หิ รูปาทีสุ สตฺตวิสตฺตตาย ‘‘สโตฺต’’ติ จ, โลกิยนฺติ เอตฺถ กมฺมกิเลสา ตพฺพิปากา จาติ ‘‘โลโก’’ติ จ วุจฺจติฯ อนินฺทฺริยพทฺธานํ อุตุชรูปานํ สมูหสนฺตานภูโต โอกาสโลโกฯ โส หิ สตฺตสงฺขารานํ อาธารโต ‘‘โอกาโส’’ติ จ, โลกิยนฺติ เอตฺถ ตสฺสาธารา จ อาเธยฺยภูตาติ ‘‘โลโก’’ติ จ ปวุจฺจติฯ อินฺทฺริยานินฺทฺริยพทฺธา ปน สเพฺพว อุปาทานกฺขนฺธา ปจฺจเยหิ สงฺขตเฎฺฐน ลุชฺชนปลุชฺชนเฎฺฐน จ ‘‘สงฺขารโลโก’’ติ จ วุจฺจติฯ อาหรติ อตฺตโน ผลนฺติ อาหาโร, ปจฺจโยฯ เตน ติฎฺฐนสีลา อุปฺปชฺชิตฺวา ยาว ภงฺคา ปวตฺตนสีลาติ อาหารฎฺฐิติกา, สเพฺพ สงฺขตธมฺมาฯ สเพฺพ สตฺตาติ จ อิมินาปิ เวเนยฺยานุรูปโต ปุคฺคลาธิฎฺฐานตฺตา เทสนาย สงฺขาราว คหิตาฯ
Evaṃ saṅkhepato lokaṃ dassetvā idāni vitthārato taṃ dassetuṃ api ca tayo lokātiādi vuttaṃ. Tattha indriyabaddhānaṃ khandhānaṃ samūhasantānabhūto sattaloko. So hi rūpādīsu sattavisattatāya ‘‘satto’’ti ca, lokiyanti ettha kammakilesā tabbipākā cāti ‘‘loko’’ti ca vuccati. Anindriyabaddhānaṃ utujarūpānaṃ samūhasantānabhūto okāsaloko. So hi sattasaṅkhārānaṃ ādhārato ‘‘okāso’’ti ca, lokiyanti ettha tassādhārā ca ādheyyabhūtāti ‘‘loko’’ti ca pavuccati. Indriyānindriyabaddhā pana sabbeva upādānakkhandhā paccayehi saṅkhataṭṭhena lujjanapalujjanaṭṭhena ca ‘‘saṅkhāraloko’’ti ca vuccati. Āharati attano phalanti āhāro, paccayo. Tena tiṭṭhanasīlā uppajjitvā yāva bhaṅgā pavattanasīlāti āhāraṭṭhitikā, sabbe saṅkhatadhammā. Sabbe sattāti ca imināpi veneyyānurūpato puggalādhiṭṭhānattā desanāya saṅkhārāva gahitā.
ยาวตา จนฺทิมสูริยา ปริหรนฺตีติ ยตฺตเก ฐาเน จนฺทิมสูริยา ปริวตฺตนฺติ ปวตฺตนฺติฯ วิโรจนาติ เตสํ วิโรจนเหตุ โอภาสนเหตูติ เหตุมฺหิ นิสฺสกฺกวจนํฯ ทิสา ภนฺตีติ สพฺพา ทิสา ยาวตา วิคตนฺธการา ปญฺญายนฺติฯ อถ วา ทิสาติ อุปโยคพหุวจนํฯ ตสฺมา วิโรจมานา จนฺทิมสูริยา ยตฺตกา ทิสา ภนฺติ โอภาเสนฺตีติ อโตฺถฯ ตาว สหสฺสธา โลโกติ ตตฺตเกน ปมาเณน สหสฺสปฺปกาโร โอกาสโลโก, สหสฺสจกฺกวาฬานีติ อโตฺถฯ เอตฺถาติ สหสฺสจกฺกวาเฬฯ วโสติ อิทฺธิสงฺขาโต วโส วตฺตตีติ อโตฺถฯ
Yāvatā candimasūriyā pariharantīti yattake ṭhāne candimasūriyā parivattanti pavattanti. Virocanāti tesaṃ virocanahetu obhāsanahetūti hetumhi nissakkavacanaṃ. Disā bhantīti sabbā disā yāvatā vigatandhakārā paññāyanti. Atha vā disāti upayogabahuvacanaṃ. Tasmā virocamānā candimasūriyā yattakā disā bhanti obhāsentīti attho. Tāva sahassadhā lokoti tattakena pamāṇena sahassappakāro okāsaloko, sahassacakkavāḷānīti attho. Etthāti sahassacakkavāḷe. Vasoti iddhisaṅkhāto vaso vattatīti attho.
ตมฺปีติ ติวิธมฺปิ โลกํฯ อสฺสาติ อเนน ภควตา สงฺขารโลโกปิ สพฺพถา วิทิโตติ สมฺพโนฺธฯ เอโก โลโกติ ยฺวายํ เหฎฺฐา วุตฺตนเยน สพฺพสงฺขตานํ ปจฺจยายตฺตวุตฺติโต เตน สามเญฺญน สงฺขารโลโก เอโก เอกวิโธ, เอส นโย เสเสสุปิฯ สพฺพตฺถาปิ โลกิยธมฺมาว โลโกติ อธิเปฺปตา โลกุตฺตรานํ ปริเญฺญยฺยตฺตาภาวาฯ อุปาทานานํ อารมฺมณภูตา ขนฺธา อุปาทานกฺขนฺธาฯ สตฺต วิญฺญาณฎฺฐิติโยติ ตถา ตถา สมุปฺปนฺนา ปชาเยว วุจฺจนฺติฯ นานตฺตกายา นานตฺตสญฺญิโน, นานตฺตกายา เอกตฺตสญฺญิโน, เอกตฺตกายา นานตฺตสญฺญิโน, เอกตฺตกายา เอกตฺตสญฺญิโน, เหฎฺฐิมา จ ตโย อารุปฺปาติ อิมา สตฺตวิธา ปชาเยว วิญฺญาณํ ติฎฺฐติ เอตฺถาติ วิญฺญาณฎฺฐิติโย นามฯ ตตฺถ นานตฺตํ กาโย เอเตสมตฺถีติ นานตฺตกายาฯ นานตฺตํ สญฺญา เอเตสนฺติ นานตฺตสญฺญิโนฯ สญฺญาสีเสเนตฺถ ปฎิสนฺธิวิญฺญาณํ คหิตํ, เอส นโย เสเสสุปิฯ
Tampīti tividhampi lokaṃ. Assāti anena bhagavatā saṅkhāralokopi sabbathā viditoti sambandho. Eko lokoti yvāyaṃ heṭṭhā vuttanayena sabbasaṅkhatānaṃ paccayāyattavuttito tena sāmaññena saṅkhāraloko eko ekavidho, esa nayo sesesupi. Sabbatthāpi lokiyadhammāva lokoti adhippetā lokuttarānaṃ pariññeyyattābhāvā. Upādānānaṃ ārammaṇabhūtā khandhā upādānakkhandhā. Satta viññāṇaṭṭhitiyoti tathā tathā samuppannā pajāyeva vuccanti. Nānattakāyā nānattasaññino, nānattakāyā ekattasaññino, ekattakāyā nānattasaññino, ekattakāyā ekattasaññino, heṭṭhimā ca tayo āruppāti imā sattavidhā pajāyeva viññāṇaṃ tiṭṭhati etthāti viññāṇaṭṭhitiyo nāma. Tattha nānattaṃ kāyo etesamatthīti nānattakāyā. Nānattaṃ saññā etesanti nānattasaññino. Saññāsīsenettha paṭisandhiviññāṇaṃ gahitaṃ, esa nayo sesesupi.
ตตฺถ สพฺพมนุสฺสา จ ฉ กามาวจรเทวา จ นานตฺตกายา นานตฺตสญฺญิโน นามฯ เตสญฺหิ อญฺญมญฺญํ วิสทิสตาย นานา กาโย, ปฎิสนฺธิสญฺญา จ นววิธตาย นานาฯ ตีสุ ปฐมชฺฌานภูมีสุ พฺรหฺมกายิกา เจว จตูสุ อปาเยสุ สตฺตา จ นานตฺตกายา เอกตฺตสญฺญิโน นามฯ เตสุ หิ พฺรหฺมปาริสชฺชาทีนํ ติณฺณมฺปิ สรีรํ อญฺญมญฺญํ วิสทิสํ, ปฎิสนฺธิสญฺญา ปน ปฐมชฺฌานวิปากวเสน เอกาว, ตถา อาปายิกานมฺปิ, เตสํ ปน สเพฺพสํ อกุสลวิปากาเหตุกาว ปฎิสนฺธิสญฺญาฯ ทุติยชฺฌานภูมิกา จ ปริตฺตาภ อปฺปมาณาภ อาภสฺสรา เอกตฺตกายา นานตฺตสญฺญิโน นามฯ เตสญฺหิ สเพฺพสํ เอกปฺปมาโณว กาโย, ปฎิสนฺธิสญฺญา ปน ทุติยตติยชฺฌานวิปากวเสน นานา โหติฯ ตติยชฺฌานภูมิยํ ปริตฺตสุภาทโย ตโย, จตุตฺถชฺฌานภูมิยํ อสญฺญสตฺตวชฺชิตา เวหปฺผลา, ปญฺจ จ สุทฺธาวาสาติ นวสุ ภูมีสุ สตฺตา เอกตฺตกายา เอกตฺตสญฺญิโน นามฯ อาภานานเตฺตน ปน สพฺพตฺถ กายนานตฺตํ น คยฺหติ, สณฺฐานนานเตฺตเนว คยฺหตีติฯ อสญฺญสตฺตา วิญฺญาณาภาเวน วิญฺญาณฎฺฐิติสงฺขฺยํ น คจฺฉนฺติฯ เนวสญฺญา นาสญฺญายตนํ ปน ยถา สญฺญาย, เอวํ วิญฺญาณสฺสาปิ สุขุมตฺตา เนววิญฺญาณํ นาวิญฺญาณํ, ตสฺมา ปริพฺยตฺตวิญฺญาณกิจฺจวเนฺตสุ วิญฺญาณฎฺฐิตีสุ น คยฺหติฯ ตสฺมา เสสานิ อากาสานญฺจายตนาทีนิ ตีณิเยว คหิตานิ, เตหิ สทฺธิํ อิมา สตฺต วิญฺญาณฎฺฐิติโยติ เวทิตพฺพาฯ
Tattha sabbamanussā ca cha kāmāvacaradevā ca nānattakāyā nānattasaññino nāma. Tesañhi aññamaññaṃ visadisatāya nānā kāyo, paṭisandhisaññā ca navavidhatāya nānā. Tīsu paṭhamajjhānabhūmīsu brahmakāyikā ceva catūsu apāyesu sattā ca nānattakāyā ekattasaññino nāma. Tesu hi brahmapārisajjādīnaṃ tiṇṇampi sarīraṃ aññamaññaṃ visadisaṃ, paṭisandhisaññā pana paṭhamajjhānavipākavasena ekāva, tathā āpāyikānampi, tesaṃ pana sabbesaṃ akusalavipākāhetukāva paṭisandhisaññā. Dutiyajjhānabhūmikā ca parittābha appamāṇābha ābhassarā ekattakāyā nānattasaññino nāma. Tesañhi sabbesaṃ ekappamāṇova kāyo, paṭisandhisaññā pana dutiyatatiyajjhānavipākavasena nānā hoti. Tatiyajjhānabhūmiyaṃ parittasubhādayo tayo, catutthajjhānabhūmiyaṃ asaññasattavajjitā vehapphalā, pañca ca suddhāvāsāti navasu bhūmīsu sattā ekattakāyā ekattasaññino nāma. Ābhānānattena pana sabbattha kāyanānattaṃ na gayhati, saṇṭhānanānatteneva gayhatīti. Asaññasattā viññāṇābhāvena viññāṇaṭṭhitisaṅkhyaṃ na gacchanti. Nevasaññā nāsaññāyatanaṃ pana yathā saññāya, evaṃ viññāṇassāpi sukhumattā nevaviññāṇaṃ nāviññāṇaṃ, tasmā paribyattaviññāṇakiccavantesu viññāṇaṭṭhitīsu na gayhati. Tasmā sesāni ākāsānañcāyatanādīni tīṇiyeva gahitāni, tehi saddhiṃ imā satta viññāṇaṭṭhitiyoti veditabbā.
อฎฺฐ โลกธมฺมาติ ลาโภ อลาโภ ยโส อยโส นินฺทา ปสํสา สุขํ ทุกฺขนฺติ อิเม อฎฺฐ โลกสฺส สภาวตฺตา โลกธมฺมาฯ ลาภาลาภาทิปจฺจยา อุปฺปชฺชนกา ปเนตฺถ อนุโรธวิโรธา วา ลาภาทิสเทฺทหิ วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ นว สตฺตาวาสาติ เหฎฺฐา วุตฺตา สตฺต วิญฺญาณฎฺฐิติโย เอว อสญฺญสตฺตจตุตฺถารุเปฺปหิ สทฺธิํ ‘‘นว สตฺตาวาสา’’ติ วุจฺจนฺติฯ สตฺตา อาวสนฺติ เอตฺถาติ สตฺตาวาสา, สตฺตนิกาโย, อตฺถโต ตถา ปวตฺตา ปชา เอว อิธ สงฺขารโลกภาเวน คยฺหนฺตีติ เวทิตพฺพาฯ ทสายตนานีติ ธมฺมายตนมนายตนวชฺชิตานิ ทสฯ
Aṭṭha lokadhammāti lābho alābho yaso ayaso nindā pasaṃsā sukhaṃ dukkhanti ime aṭṭha lokassa sabhāvattā lokadhammā. Lābhālābhādipaccayā uppajjanakā panettha anurodhavirodhā vā lābhādisaddehi vuttāti veditabbā. Nava sattāvāsāti heṭṭhā vuttā satta viññāṇaṭṭhitiyo eva asaññasattacatutthāruppehi saddhiṃ ‘‘nava sattāvāsā’’ti vuccanti. Sattā āvasanti etthāti sattāvāsā, sattanikāyo, atthato tathā pavattā pajā eva idha saṅkhāralokabhāvena gayhantīti veditabbā. Dasāyatanānīti dhammāyatanamanāyatanavajjitāni dasa.
เอตฺถ จ ตีสุ ภเวสุ อสฺสาททสฺสนวเสน ติโสฺส เวทนาว โลกภาเวน วุตฺตา, ตถา ปจฺจยทสฺสนวเสน จตฺตาโรว อาหาราฯ อตฺตคฺคาหนิมิตฺตทสฺสนวเสน ฉ อชฺฌตฺติกาเนว อายตนานิฯ ถูลสญฺญีภวทสฺสนวเสน สตฺต วิญฺญาณฎฺฐิติโยว, อนุโรธวิโรธทสฺสนวเสน อฎฺฐ โลกธมฺมา วา, ถูลายตนทสฺสนวเสน ทสายตนาเนว โลกภาเวน วุตฺตานิฯ เตสํ คหเณเนว ตนฺนิสฺสยตปฺปฎิพทฺธา ตทารมฺมณา สเพฺพ เตภูมกา นามรูปธมฺมา อตฺถโต คหิตา เอว โหนฺติฯ เสเสหิ ปน เอกวิธาทิโกฎฺฐาเสหิ สรูเปเนว เต คหิตาติ เวทิตพฺพํฯ
Ettha ca tīsu bhavesu assādadassanavasena tisso vedanāva lokabhāvena vuttā, tathā paccayadassanavasena cattārova āhārā. Attaggāhanimittadassanavasena cha ajjhattikāneva āyatanāni. Thūlasaññībhavadassanavasena satta viññāṇaṭṭhitiyova, anurodhavirodhadassanavasena aṭṭha lokadhammā vā, thūlāyatanadassanavasena dasāyatanāneva lokabhāvena vuttāni. Tesaṃ gahaṇeneva tannissayatappaṭibaddhā tadārammaṇā sabbe tebhūmakā nāmarūpadhammā atthato gahitā eva honti. Sesehi pana ekavidhādikoṭṭhāsehi sarūpeneva te gahitāti veditabbaṃ.
อาสยํ ชานาตีติอาทีสุ อาหจฺจ จิตฺตํ เอตฺถ เสตีติ อาสโย, อญฺญสฺมิํ วิสเย ปวตฺติตฺวาปิ จิตฺตํ ยตฺถ สรเสน ปวิสิตฺวา ติฎฺฐติ, โส วฎฺฎาสโย วิวฎฺฎาสโยติ ทุวิโธฯ ตตฺถ วฎฺฎาสโยปิ สสฺสตุเจฺฉททิฎฺฐิวเสน ทุวิโธฯ วิวฎฺฎาสโย ปน วิปสฺสนาสงฺขาตา อนุโลมิกา ขนฺติ, มคฺคสงฺขาตํ ยถาภูตญาณญฺจาติ ทุวิโธฯ ยถาห –
Āsayaṃ jānātītiādīsu āhacca cittaṃ ettha setīti āsayo, aññasmiṃ visaye pavattitvāpi cittaṃ yattha sarasena pavisitvā tiṭṭhati, so vaṭṭāsayo vivaṭṭāsayoti duvidho. Tattha vaṭṭāsayopi sassatucchedadiṭṭhivasena duvidho. Vivaṭṭāsayo pana vipassanāsaṅkhātā anulomikā khanti, maggasaṅkhātaṃ yathābhūtañāṇañcāti duvidho. Yathāha –
‘‘สสฺสตุเจฺฉททิฎฺฐิ จ, ขนฺติ เจวานุโลมิกํ;
‘‘Sassatucchedadiṭṭhi ca, khanti cevānulomikaṃ;
ยถาภูตญฺจ ยํ ญาณํ, เอตํ อาสยสทฺทิต’’นฺติฯ (สารตฺถ. ฎี. ๑.เวรญฺชกณฺฑวณฺณนา);
Yathābhūtañca yaṃ ñāṇaṃ, etaṃ āsayasaddita’’nti. (sārattha. ṭī. 1.verañjakaṇḍavaṇṇanā);
เอตํ ทุวิธมฺปิ อาสยํ สตฺตานํ อปฺปวตฺติกฺขเณเยว ภควา สพฺพถา ชานาติฯ อนุสยนฺติ กามราคานุสยาทิวเสน สตฺตวิธํ อนุสยํฯ จริตนฺติ ‘‘สุจริตทุจฺจริต’’นฺติ นิเทฺทเส วุตฺตํฯ อถ วา จริตนฺติ จริยา, เต ราคาทโย ฉ มูลจริยา, สํสคฺคสนฺนิปาตวเสน อเนกวิธา โหนฺติฯ อธิมุตฺตินฺติ อชฺฌาสยธาตุํ, ตตฺถ ตตฺถ จิตฺตสฺส อภิรุจิวเสน นินฺนตา, สา ทุวิธา หีนาธิมุตฺติ ปณีตาธิมุตฺตีติฯ ยาย ทุสฺสีลาทิเก หีนาธิมุตฺติเก เสวนฺติ, สา หีนาธิมุตฺติฯ ยาย ปณีตาธิมุตฺติเก เสวนฺติ, สา ปณีตาธิมุตฺติฯ ตํ ทุวิธมฺปิ อธิมุตฺติํ ภควา สพฺพาการโต ชานาติฯ อปฺปํ ราคาทิรชํ เอเตสนฺติ อปฺปรชกฺขา, อนุสฺสทราคาทิโทสาฯ อุสฺสทราคาทิโทสา มหารชกฺขาฯ อุปนิสฺสยภูเตหิ ติเกฺขหิ สทฺธาทิอินฺทฺริเยหิ มุทุเกหิ จ สมนฺนาคตา ติกฺขินฺทฺริยา มุทินฺทฺริยา จฯ เหฎฺฐา วุเตฺตหิ อาสยาทีหิ สุนฺทเรหิ อสุนฺทเรหิ จ สมนฺนาคตา สฺวาการา ทฺวาการา จ เวทิตพฺพาฯ สมฺมตฺตนิยามํ วิญฺญาเปตุํ สุกรา สุวิญฺญาปยา, วิปรีตา ทุวิญฺญาปยาฯ มคฺคผลปฎิเวธาย อุปนิสฺสยสมฺปนฺนา ภพฺพา, วิปรีตา อภพฺพาฯ เอวํ สตฺตสนฺตานคตธมฺมวิเสสชานเนเนว สตฺตโลโกปิ วิทิโต ธมฺมวินิมุตฺตสฺส สตฺตสฺส อภาวาติ เวทิตพฺพํฯ
Etaṃ duvidhampi āsayaṃ sattānaṃ appavattikkhaṇeyeva bhagavā sabbathā jānāti. Anusayanti kāmarāgānusayādivasena sattavidhaṃ anusayaṃ. Caritanti ‘‘sucaritaduccarita’’nti niddese vuttaṃ. Atha vā caritanti cariyā, te rāgādayo cha mūlacariyā, saṃsaggasannipātavasena anekavidhā honti. Adhimuttinti ajjhāsayadhātuṃ, tattha tattha cittassa abhirucivasena ninnatā, sā duvidhā hīnādhimutti paṇītādhimuttīti. Yāya dussīlādike hīnādhimuttike sevanti, sā hīnādhimutti. Yāya paṇītādhimuttike sevanti, sā paṇītādhimutti. Taṃ duvidhampi adhimuttiṃ bhagavā sabbākārato jānāti. Appaṃ rāgādirajaṃ etesanti apparajakkhā, anussadarāgādidosā. Ussadarāgādidosā mahārajakkhā. Upanissayabhūtehi tikkhehi saddhādiindriyehi mudukehi ca samannāgatā tikkhindriyā mudindriyā ca. Heṭṭhā vuttehi āsayādīhi sundarehi asundarehi ca samannāgatā svākārā dvākārā ca veditabbā. Sammattaniyāmaṃ viññāpetuṃ sukarā suviññāpayā, viparītā duviññāpayā. Maggaphalapaṭivedhāya upanissayasampannā bhabbā, viparītā abhabbā. Evaṃ sattasantānagatadhammavisesajānaneneva sattalokopi vidito dhammavinimuttassa sattassa abhāvāti veditabbaṃ.
เอกํ จกฺกวาฬํ…เป.… ปญฺญาสญฺจ โยชนานีติ เอตฺถ โหตีติ เสโสฯ ปริเกฺขปโต ปมาณํ วุจฺจตีติ เสโสฯ จกฺกวาฬสฺส สพฺพํ ปริมณฺฑลํ ฉตฺติํส สตสหสฺสานิ…เป.… สตานิ จ โหนฺตีติ โยเชตพฺพํฯ ตตฺถาติ จกฺกวาเฬ, เทฺว สตสหสฺสานิ จตฺตาริ นหุตานิ จ โยชนานิ ยานิ เอตฺตกํ เอตฺตกปฺปมาณํ พหลเตฺตน อยํ วสุนฺธรา สงฺขาตาติ โยชนาฯ ตตฺถ เอตฺตกนฺติ กิริยาวิเสสนํ ทฎฺฐพฺพํฯ สนฺธารกํ ชลํ เอตฺตกํ เอตฺตกปฺปมาณํ หุตฺวา ปติฎฺฐิตนฺติ โยชนาฯ เอตฺถาติ จกฺกวาเฬฯ อโชฺฌคาฬฺหุคฺคตาติ อโชฺฌคาฬฺหา จ อุคฺคตา จฯ พฺรหาติ มหนฺตาฯ โยชนานํ สตานุโจฺจ, หิมวา ปญฺจาติ โยชนานํ ปญฺจสตานิ อุโจฺจ อุเพฺพโธฯ ติปญฺจโยชนกฺขนฺธปริเกฺขปาติ ปนฺนรสโยชนปฺปมาณกฺขนฺธปริณาหาฯ นควฺหยาติ รุกฺขาภิธานา ชมฺพูติ โยชนาฯ สมนฺตโตติ สพฺพโสภาเคน, อายามโต จ วิตฺถารโต จ สตโยชนวิตฺถาราติ อโตฺถฯ ยสฺสานุภาเวนาติ ยสฺสา มหนฺตตากปฺปฎฺฐายิกาทิปฺปกาเรน ปภาเวนฯ ปริกฺขิปิตฺวา ตํ สพฺพํ, โลกธาตุมยํ ฐิโตติ เหฎฺฐา วุตฺตํ สพฺพมฺปิ ตํ ปริกฺขิปิตฺวา จกฺกวาฬสิลุจฺจโย ฐิโต, อยํ เอกา โลกธาตุ นามาติ อโตฺถ, ม-กาโร ปทสนฺธิวเสน วุโตฺตฯ อถ วา ตํ สพฺพํ โลกธาตุํ ปริกฺขิปิตฺวา อยํ จกฺกวาฬสิลุจฺจโย ฐิโตติ โยเชตพฺพํฯ
Ekaṃ cakkavāḷaṃ…pe… paññāsañca yojanānīti ettha hotīti seso. Parikkhepato pamāṇaṃ vuccatīti seso. Cakkavāḷassa sabbaṃ parimaṇḍalaṃ chattiṃsa satasahassāni…pe… satāni ca hontīti yojetabbaṃ. Tatthāti cakkavāḷe, dve satasahassāni cattāri nahutāni ca yojanāni yāni ettakaṃ ettakappamāṇaṃ bahalattena ayaṃ vasundharā saṅkhātāti yojanā. Tattha ettakanti kiriyāvisesanaṃ daṭṭhabbaṃ. Sandhārakaṃ jalaṃ ettakaṃ ettakappamāṇaṃ hutvā patiṭṭhitanti yojanā. Etthāti cakkavāḷe. Ajjhogāḷhuggatāti ajjhogāḷhā ca uggatā ca. Brahāti mahantā. Yojanānaṃ satānucco, himavā pañcāti yojanānaṃ pañcasatāni ucco ubbedho. Tipañcayojanakkhandhaparikkhepāti pannarasayojanappamāṇakkhandhapariṇāhā. Nagavhayāti rukkhābhidhānā jambūti yojanā. Samantatoti sabbasobhāgena, āyāmato ca vitthārato ca satayojanavitthārāti attho. Yassānubhāvenāti yassā mahantatākappaṭṭhāyikādippakārena pabhāvena. Parikkhipitvā taṃ sabbaṃ, lokadhātumayaṃ ṭhitoti heṭṭhā vuttaṃ sabbampi taṃ parikkhipitvā cakkavāḷasiluccayo ṭhito, ayaṃ ekā lokadhātu nāmāti attho, ma-kāro padasandhivasena vutto. Atha vā taṃ sabbaṃ lokadhātuṃ parikkhipitvā ayaṃ cakkavāḷasiluccayo ṭhitoti yojetabbaṃ.
ตตฺถาติ ตสฺสํ โลกธาตุยํฯ ตาวติํสภวนนฺติ ติทสปุรํฯ อสุรภวนนฺติ อสุรปุรํฯ อวีจิมหานิรโย จ ตถา ทสสหสฺสโยชโน, โส ปน จตุนฺนํ โลหภิตฺตีนมนฺตรา โยชนสตายามวิตฺถาโรปิ สมนฺตา โสฬสหิ อุสฺสทนิรเยหิ สทฺธิํ ทสสหสฺสโยชโน วุโตฺตติ เวทิตโพฺพฯ ตทนนฺตเรสูติ เตสํ จกฺกวาฬานํ อนฺตเรสุฯ โลกานํ จกฺกวาฬานํ อนฺตเร วิวเร ภวตฺตา โลกนฺตริกาฯ ติณฺณญฺหิ สกฎจกฺกานํ ปตฺตานํ วา อาสนฺนฎฺฐปิตานํ อนฺตรสทิเส ติณฺณํ ติณฺณํ จกฺกวาฬานํ อนฺตเรสุ เอเกโก โลกนฺตริกนิรโย อฎฺฐโยชนสหสฺสปฺปมาโณ สีตนรโก สตฺตานํ อกุสลวิปาเกน นิพฺพตฺตติฯ อนนฺตานีติ ติริยํ อฎฺฐสุ ทิสาสุ จกฺกวาฬานิ อากาโส วิย อนนฺตานิฯ อุทฺธํ ปน อโธ จ อนฺตาเนวฯ อนเนฺตน พุทฺธญาเณนาติ เอตฺถ อนนฺตเญยฺยปฎิเวธสามตฺถิยโยคโตว ญาณํ ‘‘อนนฺต’’นฺติ เวทิตพฺพํฯ
Tatthāti tassaṃ lokadhātuyaṃ. Tāvatiṃsabhavananti tidasapuraṃ. Asurabhavananti asurapuraṃ. Avīcimahānirayo ca tathā dasasahassayojano, so pana catunnaṃ lohabhittīnamantarā yojanasatāyāmavitthāropi samantā soḷasahi ussadanirayehi saddhiṃ dasasahassayojano vuttoti veditabbo. Tadanantaresūti tesaṃ cakkavāḷānaṃ antaresu. Lokānaṃ cakkavāḷānaṃ antare vivare bhavattā lokantarikā. Tiṇṇañhi sakaṭacakkānaṃ pattānaṃ vā āsannaṭṭhapitānaṃ antarasadise tiṇṇaṃ tiṇṇaṃ cakkavāḷānaṃ antaresu ekeko lokantarikanirayo aṭṭhayojanasahassappamāṇo sītanarako sattānaṃ akusalavipākena nibbattati. Anantānīti tiriyaṃ aṭṭhasu disāsu cakkavāḷāni ākāso viya anantāni. Uddhaṃ pana adho ca antāneva. Anantena buddhañāṇenāti ettha anantañeyyapaṭivedhasāmatthiyayogatova ñāṇaṃ ‘‘ananta’’nti veditabbaṃ.
อตฺตโนติ นิสฺสเกฺก สามิวจนเมตํ, อตฺตโตติ อโตฺถฯ คุเณหิ อตฺตโน วิสิฎฺฐตรสฺสาติ สมฺพโนฺธ, ตรคฺคหณเญฺจตฺถ อนุตฺตโรติ ปทสฺส อตฺถนิเทฺทสวเสน กตํ, น วิสิฎฺฐสฺส กสฺสจิ อตฺถิตายฯ สเทวเก หิ โลเก สทิสกโปฺปปิ นาม โกจิ ตถาคตสฺส นตฺถิ, กุโต สทิโส, เตนาห สีลคุเณนาปิ อสโมติอาทิฯ ตตฺถ อสเมหิ สมฺมาสมฺพุเทฺธหิ สโม อสมสโมฯ นตฺถิ ปฎิมา เอตสฺสาติ อปฺปฎิโมฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ ตตฺถ อุปมามตฺตํ ปฎิมา, สทิสูปมา ปฎิภาโคฯ ยุคคฺคาหวเสน ฐิโต ปฎิโม ปุคฺคโลติ เวทิตโพฺพฯ อตฺตนาติ อตฺตโตฯ ปุริสทเมฺมติอาทีสุ ทมิตพฺพา ทมฺมา, ‘‘ทมฺมปุริสา’’ติ วตฺตเพฺพ วิเสสนสฺส ปรนิปาตํ กตฺวา ‘‘ปุริสทมฺมา’’ติ วุตฺตํ, ปุริสคฺคหณเญฺจตฺถ อุกฺกฎฺฐวเสน อิตฺถีนมฺปิ ทเมตพฺพโตฯ นิพฺพิสา กตา โทสวิสสฺส วิโนทเนนฯ อตฺถปทนฺติ อตฺถาภิพฺยญฺชนกํ ปทํ, วากฺยนฺติ อโตฺถฯ เอกปทภาเวน จ อนญฺญสาธารโณ สตฺถุ ปุริสทมฺมสารถิภาโว ทสฺสิโต โหติ, เตนาห ภควา หีติอาทิฯ อฎฺฐ ทิสาติ อฎฺฐ สมาปตฺติโยฯ อสชฺชมานาติ วสีภาวปฺปตฺติยา นิสฺสงฺคจาราฯ
Attanoti nissakke sāmivacanametaṃ, attatoti attho. Guṇehi attano visiṭṭhatarassāti sambandho, taraggahaṇañcettha anuttaroti padassa atthaniddesavasena kataṃ, na visiṭṭhassa kassaci atthitāya. Sadevake hi loke sadisakappopi nāma koci tathāgatassa natthi, kuto sadiso, tenāha sīlaguṇenāpi asamotiādi. Tattha asamehi sammāsambuddhehi samo asamasamo. Natthi paṭimā etassāti appaṭimo. Esa nayo sesesupi. Tattha upamāmattaṃ paṭimā, sadisūpamā paṭibhāgo. Yugaggāhavasena ṭhito paṭimo puggaloti veditabbo. Attanāti attato. Purisadammetiādīsu damitabbā dammā, ‘‘dammapurisā’’ti vattabbe visesanassa paranipātaṃ katvā ‘‘purisadammā’’ti vuttaṃ, purisaggahaṇañcettha ukkaṭṭhavasena itthīnampi dametabbato. Nibbisā katā dosavisassa vinodanena. Atthapadanti atthābhibyañjanakaṃ padaṃ, vākyanti attho. Ekapadabhāvena ca anaññasādhāraṇo satthu purisadammasārathibhāvo dassito hoti, tenāha bhagavā hītiādi. Aṭṭha disāti aṭṭha samāpattiyo. Asajjamānāti vasībhāvappattiyā nissaṅgacārā.
ทิฎฺฐธโมฺม วุจฺจติ ปจฺจโกฺข อตฺตภาโว, ตตฺถ นิยุโตฺตติ ทิฎฺฐธมฺมิโก, อิธโลกโตฺถฯ กมฺมกิเลสวเสน สมฺปเรตพฺพโต สมาคนฺตพฺพโต สมฺปราโย , ปรโลโก, ตตฺถ นิยุโตฺตติ สมฺปรายิโก, ปรโลกโตฺถฯ ปรโม อุตฺตโม อโตฺถ ปรมโตฺถ, นิพฺพานํฯ สห อเตฺถน วตฺตตีติ สโตฺถ, ภณฺฑมูเลน วาณิชฺชาย เทสนฺตรํ คจฺฉโนฺต ชนสมูโหฯ โส อสฺส อตฺถีติ สตฺถา, สตฺถวาโหติ นิรุตฺตินเยนฯ โส วิย ภควาติ อาห ‘‘สตฺถา, ภควา สตฺถวาโห’’ติฯ อิทานิ ตมตฺถํ นิเทฺทสปาฬินเยน ทเสฺสตุํ ยถา สตฺถวาโหติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สเตฺถติ สตฺถิเก ชเนฯ กํ อุทกํ ตาเรนฺติ เอตฺถาติ กนฺตาโร, นิรุทโก อรญฺญปฺปเทโสฯ โจราทีหิ อธิฎฺฐิตอรญฺญปฺปเทสาปิ ทุคฺคมนเฎฺฐน ตํสทิสตาย กนฺตาราเตฺวว นิรุฬฺหาติ สามญฺญโต ‘‘กนฺตารํ ตาเรตี’’ติ วตฺวา ตํ วิวรโนฺต โจรกนฺตารนฺติอาทิมาหฯ
Diṭṭhadhammo vuccati paccakkho attabhāvo, tattha niyuttoti diṭṭhadhammiko, idhalokattho. Kammakilesavasena samparetabbato samāgantabbato samparāyo , paraloko, tattha niyuttoti samparāyiko, paralokattho. Paramo uttamo attho paramattho, nibbānaṃ. Saha atthena vattatīti sattho, bhaṇḍamūlena vāṇijjāya desantaraṃ gacchanto janasamūho. So assa atthīti satthā, satthavāhoti niruttinayena. So viya bhagavāti āha ‘‘satthā, bhagavā satthavāho’’ti. Idāni tamatthaṃ niddesapāḷinayena dassetuṃ yathā satthavāhotiādi vuttaṃ. Tattha sattheti satthike jane. Kaṃ udakaṃ tārenti etthāti kantāro, nirudako araññappadeso. Corādīhi adhiṭṭhitaaraññappadesāpi duggamanaṭṭhena taṃsadisatāya kantārātveva niruḷhāti sāmaññato ‘‘kantāraṃ tāretī’’ti vatvā taṃ vivaranto corakantārantiādimāha.
ภควโตติ นิสฺสเกฺก สามิวจนํ, ภควนฺตโต ธมฺมสฺสวเนนาติ อโตฺถฯ ยถา ‘‘อุปชฺฌายโต อเชฺฌตี’’ติ, ภควโต สนฺติเกติ วา อโตฺถฯ สเร นิมิตฺตํ อคฺคเหสีติ ปุพฺพพุทฺธุปฺปาเทสุ สทฺธมฺมสฺสวนปริจเยน ‘‘ธโมฺม เอโส วุจฺจตี’’ติ สเร อาการํ คณฺหิฯ ปุพฺพาภิโยควเสเนว หิ อีทิสานํ ติรจฺฉานานํ ธมฺมสฺสวนาทีสุ ปสาโท อุปฺปชฺชติ วคฺคุลิอาทีนํ วิยฯ อิตรถา สพฺพติรจฺฉานานมฺปิ ตถา ปสาทุปฺปตฺติปฺปสงฺคโตฯ ยทิ หิ อุปฺปเชฺชยฺย, ภควา อนนฺตจกฺกวาเฬสุ สพฺพสตฺตานมฺปิ เอกกฺขเณ สปฺปาฎิหาริยธมฺมํ สาเวตุํ สโกฺกตีติ สพฺพสตฺตานมฺปิ อิโต ปุเพฺพว วิมุตฺติปฺปสโงฺค สิยาฯ เย ปน เทวมนุสฺสนาคสุปณฺณาทโย ปกติยาว กมฺมสฺสกตญฺญาณาทิยุตฺตา โหนฺติ, เตเยว ปุเพฺพ อนุปนิสฺสยาปิ ภควโต สทฺธมฺมสฺสวนาทินา ปฐมํ วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ ปสาทํ อุปฺปาเทตุํ สโกฺกนฺติ, น อิตเรติ คเหตพฺพํฯ อเร อหมฺปิ นามาติ เอตฺถ ‘‘กุโตหํ อิธ นิพฺพโตฺตติ โอโลเกตฺวา มณฺฑูกภาวโตติ ญตฺวา’’ติ อิทํ เอตฺตกมฺปิ อเร อหมฺปิ นามาติ วิมฺหยวจเนเนว สิชฺฌตีติ อวุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ชลนฺติ ชลโนฺต วิโชฺชตมาโนฯ มณฺฑูโกหนฺติ คาถาย อุทเกติ สญฺชาตฎฺฐานทสฺสนํ, เตน ถลมณฺฑูกตา นิวตฺตนํ กตํ โหติฯ อุทเก ชาตานมฺปิ กจฺฉปาทีนํ ถลโคจรตาปิ อตฺถีติ ตํ นิวตฺตนตฺถํ ‘‘วาริโคจโร’’ติ วุตฺตํ, อุทกสญฺจารีติ อโตฺถฯ
Bhagavatoti nissakke sāmivacanaṃ, bhagavantato dhammassavanenāti attho. Yathā ‘‘upajjhāyato ajjhetī’’ti, bhagavato santiketi vā attho. Sare nimittaṃ aggahesīti pubbabuddhuppādesu saddhammassavanaparicayena ‘‘dhammo eso vuccatī’’ti sare ākāraṃ gaṇhi. Pubbābhiyogavaseneva hi īdisānaṃ tiracchānānaṃ dhammassavanādīsu pasādo uppajjati vagguliādīnaṃ viya. Itarathā sabbatiracchānānampi tathā pasāduppattippasaṅgato. Yadi hi uppajjeyya, bhagavā anantacakkavāḷesu sabbasattānampi ekakkhaṇe sappāṭihāriyadhammaṃ sāvetuṃ sakkotīti sabbasattānampi ito pubbeva vimuttippasaṅgo siyā. Ye pana devamanussanāgasupaṇṇādayo pakatiyāva kammassakataññāṇādiyuttā honti, teyeva pubbe anupanissayāpi bhagavato saddhammassavanādinā paṭhamaṃ vivaṭṭūpanissayaṃ pasādaṃ uppādetuṃ sakkonti, na itareti gahetabbaṃ. Are ahampi nāmāti ettha ‘‘kutohaṃ idha nibbattoti oloketvā maṇḍūkabhāvatoti ñatvā’’ti idaṃ ettakampi are ahampi nāmāti vimhayavacaneneva sijjhatīti avuttanti veditabbaṃ. Jalanti jalanto vijjotamāno. Maṇḍūkohanti gāthāya udaketi sañjātaṭṭhānadassanaṃ, tena thalamaṇḍūkatā nivattanaṃ kataṃ hoti. Udake jātānampi kacchapādīnaṃ thalagocaratāpi atthīti taṃ nivattanatthaṃ ‘‘vārigocaro’’ti vuttaṃ, udakasañcārīti attho.
วิโมกฺขนฺติกญาณวเสนาติ เอตฺถ สพฺพโส กิเลเสหิ วิมุจฺจตีติ วิโมโกฺข, อคฺคมโคฺค, ตสฺส อโนฺต, อคฺคผลํ, ตตฺถ ภวํ วิโมกฺขนฺติกํ, สพฺพญฺญุตญฺญาเณน สทฺธิํ สพฺพมฺปิ พุทฺธญาณํฯ อิทานิ สมฺมาสมฺพุทฺธปทโต พุทฺธปทสฺส วิเสสํ ทเสฺสตุํ ยสฺมา วาติอาทิ วุตฺตํฯ สมฺมาสมฺพุทฺธปเทน หิ สตฺถุ ปฎิเวธญาณานุภาโว วุโตฺต, อิมินา ปน พุทฺธปเทน เทสนาญาณานุภาโวปิ, เตนาห อเญฺญปิ สเตฺต โพเธสีติอาทิฯ
Vimokkhantikañāṇavasenāti ettha sabbaso kilesehi vimuccatīti vimokkho, aggamaggo, tassa anto, aggaphalaṃ, tattha bhavaṃ vimokkhantikaṃ, sabbaññutaññāṇena saddhiṃ sabbampi buddhañāṇaṃ. Idāni sammāsambuddhapadato buddhapadassa visesaṃ dassetuṃ yasmā vātiādi vuttaṃ. Sammāsambuddhapadena hi satthu paṭivedhañāṇānubhāvo vutto, iminā pana buddhapadena desanāñāṇānubhāvopi, tenāha aññepi satte bodhesītiādi.
คุณวิสิฎฺฐสตฺตุตฺตมครุคารวาธิวจนนฺติ สเพฺพหิ สีลาทิคุเณหิ วิสิฎฺฐสฺส ตโต เอว สพฺพสเตฺตหิ อุตฺตมสฺส ครุโน คารววเสน วุจฺจมานวจนมิทํ ภควาติฯ เสฎฺฐนฺติ เสฎฺฐวาจกํ วจนํ เสฎฺฐคุณสหจรณโตฯ อถ วา วุจฺจตีติ วจนํ, อโตฺถ, โส เสโฎฺฐติ อโตฺถฯ อุตฺตมนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ ครุคารวยุโตฺตติ เอตฺถ ครุภาโว คารวํ, ครุคุณโยคโต ครุกรณํ วา คารวํ, เตน สาวกาทีนํ อสาธารณตาย ครุภูเตน มหเนฺตน คารเวน ยุโตฺตติ ครุคารวยุโตฺตฯ อถ วา ครุ จ สพฺพโลกสฺส สิกฺขกตฺตา เตเนว คารวยุโตฺต จาติปิ โยเชตพฺพํฯ
Guṇavisiṭṭhasattuttamagarugāravādhivacananti sabbehi sīlādiguṇehi visiṭṭhassa tato eva sabbasattehi uttamassa garuno gāravavasena vuccamānavacanamidaṃ bhagavāti. Seṭṭhanti seṭṭhavācakaṃ vacanaṃ seṭṭhaguṇasahacaraṇato. Atha vā vuccatīti vacanaṃ, attho, so seṭṭhoti attho. Uttamanti etthāpi eseva nayo. Garugāravayuttoti ettha garubhāvo gāravaṃ, garuguṇayogato garukaraṇaṃ vā gāravaṃ, tena sāvakādīnaṃ asādhāraṇatāya garubhūtena mahantena gāravena yuttoti garugāravayutto. Atha vā garu ca sabbalokassa sikkhakattā teneva gāravayutto cātipi yojetabbaṃ.
อวตฺถาย วิทิตํ อาวตฺถิกํฯ เอวํ ลิงฺคิกํฯ นิมิตฺตโต อาคตํ เนมิตฺติกํฯ อธิจฺจ ยํกิญฺจิ นิมิตฺตํ อธิวจนวเสน อนเปกฺขิตฺวา ปวตฺตํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ, เตนาห ‘‘วจนตฺถมนเปกฺขิตฺวา’’ติฯ ยทิจฺฉาย อาคตํ ยาทิจฺฉกํฯ เอตฺถ จ พาหิรํ ทณฺฑาทิ ลิงฺคํ, อพฺภนฺตรํ เตวิชฺชาทิ นิมิตฺตํฯ ปจุรชนวิสยํ วา ทิสฺสมานํ ลิงฺคํ, ตพฺพิปรีตํ นิมิตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ สจฺฉิกาปญฺญตฺตีติ สพฺพธมฺมานํ สจฺฉิกิริยานิมิตฺตา ปญฺญตฺติฯ อถ วา สจฺฉิกาปญฺญตฺตีติ ปจฺจกฺขสิทฺธา ปญฺญตฺติฯ ยํคุณนิมิตฺตา หิ สา, เต คุณา สตฺถุ ปจฺจกฺขภูตาติ คุณา วิย สาปิ สจฺฉิกตา เอว นาม โหติ, น ปเรสํ, โวหารมเตฺตนาติ อธิปฺปาโยฯ ยํคุณเนมิตฺติกนฺติ เยหิ คุเณหิ นิมิตฺตภูเตหิ เอตํ นามํ เนมิตฺติกญฺจ ชาตํฯ วทนฺตีติ ธมฺมเสนาปติสฺส ครุภาวโต พหุวจเนนาห, สงฺคีติกาเรหิ วา กตมนุวาทํ สนฺธายฯ
Avatthāya viditaṃ āvatthikaṃ. Evaṃ liṅgikaṃ. Nimittato āgataṃ nemittikaṃ. Adhicca yaṃkiñci nimittaṃ adhivacanavasena anapekkhitvā pavattaṃ adhiccasamuppannaṃ, tenāha ‘‘vacanatthamanapekkhitvā’’ti. Yadicchāya āgataṃ yādicchakaṃ. Ettha ca bāhiraṃ daṇḍādi liṅgaṃ, abbhantaraṃ tevijjādi nimittaṃ. Pacurajanavisayaṃ vā dissamānaṃ liṅgaṃ, tabbiparītaṃ nimittanti veditabbaṃ. Sacchikāpaññattīti sabbadhammānaṃ sacchikiriyānimittā paññatti. Atha vā sacchikāpaññattīti paccakkhasiddhā paññatti. Yaṃguṇanimittā hi sā, te guṇā satthu paccakkhabhūtāti guṇā viya sāpi sacchikatā eva nāma hoti, na paresaṃ, vohāramattenāti adhippāyo. Yaṃguṇanemittikanti yehi guṇehi nimittabhūtehi etaṃ nāmaṃ nemittikañca jātaṃ. Vadantīti dhammasenāpatissa garubhāvato bahuvacanenāha, saṅgītikārehi vā katamanuvādaṃ sandhāya.
อิสฺสริยาทิเภโท ภโค อสฺส อตฺถีติ ภคีฯ มคฺคผลาทิอริยคุณํ อรญฺญาทิวิเวกฎฺฐานญฺจ ภชิ เสวิ สีเลนาติ ภชีฯ จีวราทิปจฺจยานํ อตฺถรสาทีนญฺจ สีลาทิคุณานญฺจ ภาคี, ทายาโทติ อโตฺถฯ วิภชิ อุเทฺทสนิเทฺทสาทิปฺปกาเรหิ ธมฺมรตนํ ปวิภชีติ วิภตฺตวาฯ ราคาทิปาปธมฺมํ ภคฺคํ อกาสีติ ภควาติ วุจฺจตีติ สพฺพตฺถ สมฺพโนฺธฯ ครุปิ โลเก ภควาติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘ครู’’ติ, ยสฺมา ครุ, ตสฺมาปิ ภควาติ อโตฺถฯ ปารมิตาสงฺขาตํ ภคฺยมสฺส อตฺถีติ ภคฺยวาฯ พหูหิ ญาเยหีติ กายภาวนาทิเกหิ อเนเกหิ ภาวนากฺกเมหิฯ สุภาวิตตฺตโนติ ปจฺจเตฺต เอตํ สามิวจนํ, เตน สุภาวิตสภาโวติ อโตฺถฯ ภวานํ อนฺตํ นิพฺพานํ คโตติ ภวนฺตโคฯ ตตฺถ ตตฺถ ภควาติ สทฺทสิทฺธิ นิรุตฺตินเยเนว เวทิตพฺพาฯ
Issariyādibhedo bhago assa atthīti bhagī. Maggaphalādiariyaguṇaṃ araññādivivekaṭṭhānañca bhaji sevi sīlenāti bhajī. Cīvarādipaccayānaṃ attharasādīnañca sīlādiguṇānañca bhāgī, dāyādoti attho. Vibhaji uddesaniddesādippakārehi dhammaratanaṃ pavibhajīti vibhattavā. Rāgādipāpadhammaṃ bhaggaṃ akāsīti bhagavāti vuccatīti sabbattha sambandho. Garupi loke bhagavāti vuccatīti āha ‘‘garū’’ti, yasmā garu, tasmāpi bhagavāti attho. Pāramitāsaṅkhātaṃ bhagyamassa atthīti bhagyavā. Bahūhi ñāyehīti kāyabhāvanādikehi anekehi bhāvanākkamehi. Subhāvitattanoti paccatte etaṃ sāmivacanaṃ, tena subhāvitasabhāvoti attho. Bhavānaṃ antaṃ nibbānaṃ gatoti bhavantago. Tattha tattha bhagavāti saddasiddhi niruttinayeneva veditabbā.
อิทานิ ภคี ภชีติ นิเทฺทสคาถาย นวหิ ปเทหิ ทสฺสิตมตฺถํ ภคฺยวาติ คาถาย ฉหิ ปเทหิ สงฺคเหตฺวา ปทสิทฺธิํ อตฺถโยชนานยเภเทหิ สทฺธิํ ทเสฺสตุํ อยํ ปน อปโร นโยติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ วณฺณวิปริยโยติ เอตฺถ อิติ-สโทฺท อาทิอโตฺถ, เตเนว วณฺณวิกาโร วณฺณโลโป ธาตุอเตฺถน นิโยชนญฺจาติ อิมํ ติวิธํ ลกฺขณํ สงฺคณฺหาติฯ สทฺทนเยนาติ สทฺทลกฺขณนเยนฯ ปิโสทราทีนํ สทฺทานํ อากติคณภาวโต วุตฺตํ ‘‘ปิโสทราทิปเกฺขปลกฺขณํ คเหตฺวา’’ติฯ ปกฺขิปนเมว ลกฺขณํฯ ตปฺปริยาปนฺนตากรณญฺหิ ปกฺขิปนํฯ ภคฺยนฺติ กุสลํฯ
Idāni bhagī bhajīti niddesagāthāya navahi padehi dassitamatthaṃ bhagyavāti gāthāya chahi padehi saṅgahetvā padasiddhiṃ atthayojanānayabhedehi saddhiṃ dassetuṃ ayaṃ pana aparo nayotiādi vuttaṃ. Tattha vaṇṇavipariyayoti ettha iti-saddo ādiattho, teneva vaṇṇavikāro vaṇṇalopo dhātuatthena niyojanañcāti imaṃ tividhaṃ lakkhaṇaṃ saṅgaṇhāti. Saddanayenāti saddalakkhaṇanayena. Pisodarādīnaṃ saddānaṃ ākatigaṇabhāvato vuttaṃ ‘‘pisodarādipakkhepalakkhaṇaṃ gahetvā’’ti. Pakkhipanameva lakkhaṇaṃ. Tappariyāpannatākaraṇañhi pakkhipanaṃ. Bhagyanti kusalaṃ.
โลภาทโย จตฺตาโร โทสา เอกกวเสน คหิตาฯ อหิริกาทโย ทุกวเสนฯ อโกฺกจฺฉิมนฺติอาทินา (ธ. ป. ๓-๔) ปุนปฺปุนํ กุชฺฌนวเสน จิตฺตปริโยนนฺธโน โกโธว อุปนาโหฯ ปเรสํ ปุพฺพการิตาลกฺขณสฺส คุณสฺส นิปุญฺฉโน มโกฺข นามฯ พหุสฺสุตาทีหิ สทฺธิํ ยุคคฺคาโห อตฺตโน สมกรณํ ปลาโสฯ อตฺตโน วิชฺชมานโทสปฎิจฺฉาทนา มายาฯ อวิชฺชมานคุณปฺปกาสนํ สาเฐยฺยํฯ ครูสุปิ ถทฺธตา อโนนตตา ถโมฺภฯ ตทุตฺตริกรณลกฺขโณ สารโมฺภฯ ชาติอาทิํ นิสฺสาย อุนฺนติลกฺขโณ มาโนฯ อพฺภุนฺนติลกฺขโณ อติมาโนฯ ชาติอาทิํ นิสฺสาย มชฺชนาการปฺปโตฺต มาโนว มโท นามฯ โส สตฺตวีสติวิโธฯ กามคุเณสุ จิตฺตสฺส โวสฺสโคฺค ปมาโทฯ กายทุจฺจริตาทีนิ ติวิธทุจฺจริตานิฯ ตณฺหาทิฎฺฐิทุจฺจริตวเสน ติวิธสํกิเลสาฯ ราคโทสโมหาว มลานิฯ เตเยว กายทุจฺจริตาทโย จ ติวิธวิสมานิฯ กามพฺยาปาทวิหิํสาสญฺญา ติวิธสญฺญา นามฯ เตเยว วิตกฺกาฯ ตณฺหาทิฎฺฐิมานา ปปญฺจาฯ สุภสุขนิจฺจอตฺตวิปริเยสา จตุพฺพิธวิปริเยสาฯ ฉนฺทาทโย อคติฯ จีวราทีสุ ปจฺจเยสุ โลภา จตฺตาโร ตณฺหุปาทาฯ พุทฺธธมฺมสงฺฆสิกฺขาสุ กงฺขา, สพฺรหฺมจารีสุ โกโป จ ปญฺจ เจโตขีลาฯ กาเม กาเย รูเป จ อวีตราคตา, ยาวทตฺถํ ภุญฺชิตฺวา เสยฺยสุขาทิอนุโยโค, อญฺญตรํ เทวนิกายํ ปณิธาย พฺรหฺมจริยจรณญฺจ ปญฺจ เจโตวินิพนฺธาฯ รูปาภินนฺทนาทโย ปญฺจ อภินนฺทนาฯ โกธมกฺขอิสฺสาสาเฐยฺยปาปิจฺฉตาสนฺทิฎฺฐิปรามาสา ฉ วิวาทมูลานิฯ รูปตณฺหาทโย ฉ ตณฺหากายาฯ มิจฺฉาทิฎฺฐิอาทโย อฎฺฐมคฺคงฺคปฎิปกฺขา มิจฺฉตฺตาฯ ตณฺหํ ปฎิจฺจ ปริเยสนา, ปริเยสนํ ปฎิจฺจ ลาโภ, ลาภํ ปฎิจฺจ วินิจฺฉโย, ตํ ปฎิจฺจ ฉนฺทราโค, ตํ ปฎิจฺจ อโชฺฌสานํ, ตํ ปฎิจฺจ ปริคฺคโห, ตํ ปฎิจฺจ มจฺฉริยํ, ตํ ปฎิจฺจ อารกฺขา, อารกฺขาธิกรณํ ทณฺฑาทานาทิอเนกากุสลราสีติ นว ตณฺหามูลกา ธมฺมาฯ ปาณาติปาตาทโย ทส อกุสลกมฺมปถาฯ จตฺตาโร สสฺสตวาทา ตถา เอกจฺจสสฺสตวาทา อนฺตานนฺติกา อมราวิเกฺขปิกา เทฺว อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา โสฬส สญฺญีวาทา อฎฺฐ อสญฺญีวาทา อฎฺฐ เนวสญฺญีนาสญฺญีวาทา สตฺต อุเจฺฉทวาทา ปญฺจ ทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานวาทาติ เอตานิ ทฺวาสฎฺฐิ ทิฎฺฐิคตานิฯ รูปตณฺหาทิฉตณฺหา เอว ปเจฺจกํ กามตณฺหาภวตณฺหาวิภวตณฺหาวเสน อฎฺฐารส โหนฺติ, ตา อชฺฌตฺตพหิทฺธรูปาทีสุ ปวตฺติวเสน ฉตฺติํส, ปุน กาลตฺตยวเสน อฎฺฐสตตณฺหาวิจริตานิ โหนฺติฯ ปเภท-สทฺทํ ปเจฺจกํ สมฺพนฺธิตฺวา โลภปฺปเภโทติอาทินา โยเชตพฺพํฯ สพฺพทรถปริฬาหกิเลสสตสหสฺสานีติ สพฺพานิ สตฺตานํ ทรถสงฺขาตปริฬาหกรานิ กิเลสานํ อเนกานิ สตสหสฺสานิ, อารมฺมณาทิวิภาคโต ปวตฺติอาการวิภาคโต จ เนสํ เอวํ ปเภโท เวทิตโพฺพฯ ปญฺจ มาเร อภญฺชีติ สมฺพโนฺธฯ ปริสฺสยานนฺติ อุปทฺทวานํฯ
Lobhādayo cattāro dosā ekakavasena gahitā. Ahirikādayo dukavasena. Akkocchimantiādinā (dha. pa. 3-4) punappunaṃ kujjhanavasena cittapariyonandhano kodhova upanāho. Paresaṃ pubbakāritālakkhaṇassa guṇassa nipuñchano makkho nāma. Bahussutādīhi saddhiṃ yugaggāho attano samakaraṇaṃ palāso. Attano vijjamānadosapaṭicchādanā māyā. Avijjamānaguṇappakāsanaṃ sāṭheyyaṃ. Garūsupi thaddhatā anonatatā thambho. Taduttarikaraṇalakkhaṇo sārambho. Jātiādiṃ nissāya unnatilakkhaṇo māno. Abbhunnatilakkhaṇo atimāno. Jātiādiṃ nissāya majjanākārappatto mānova mado nāma. So sattavīsatividho. Kāmaguṇesu cittassa vossaggo pamādo. Kāyaduccaritādīni tividhaduccaritāni. Taṇhādiṭṭhiduccaritavasena tividhasaṃkilesā. Rāgadosamohāva malāni. Teyeva kāyaduccaritādayo ca tividhavisamāni. Kāmabyāpādavihiṃsāsaññā tividhasaññā nāma. Teyeva vitakkā. Taṇhādiṭṭhimānā papañcā. Subhasukhaniccaattavipariyesā catubbidhavipariyesā. Chandādayo agati. Cīvarādīsu paccayesu lobhā cattāro taṇhupādā. Buddhadhammasaṅghasikkhāsu kaṅkhā, sabrahmacārīsu kopo ca pañca cetokhīlā. Kāme kāye rūpe ca avītarāgatā, yāvadatthaṃ bhuñjitvā seyyasukhādianuyogo, aññataraṃ devanikāyaṃ paṇidhāya brahmacariyacaraṇañca pañca cetovinibandhā. Rūpābhinandanādayo pañca abhinandanā. Kodhamakkhaissāsāṭheyyapāpicchatāsandiṭṭhiparāmāsā cha vivādamūlāni. Rūpataṇhādayo cha taṇhākāyā. Micchādiṭṭhiādayo aṭṭhamaggaṅgapaṭipakkhā micchattā. Taṇhaṃ paṭicca pariyesanā, pariyesanaṃ paṭicca lābho, lābhaṃ paṭicca vinicchayo, taṃ paṭicca chandarāgo, taṃ paṭicca ajjhosānaṃ, taṃ paṭicca pariggaho, taṃ paṭicca macchariyaṃ, taṃ paṭicca ārakkhā, ārakkhādhikaraṇaṃ daṇḍādānādianekākusalarāsīti nava taṇhāmūlakā dhammā. Pāṇātipātādayo dasa akusalakammapathā. Cattāro sassatavādā tathā ekaccasassatavādā antānantikā amarāvikkhepikā dve adhiccasamuppannikā soḷasa saññīvādā aṭṭha asaññīvādā aṭṭha nevasaññīnāsaññīvādā satta ucchedavādā pañca diṭṭhadhammanibbānavādāti etāni dvāsaṭṭhi diṭṭhigatāni. Rūpataṇhādichataṇhā eva paccekaṃ kāmataṇhābhavataṇhāvibhavataṇhāvasena aṭṭhārasa honti, tā ajjhattabahiddharūpādīsu pavattivasena chattiṃsa, puna kālattayavasena aṭṭhasatataṇhāvicaritāni honti. Pabheda-saddaṃ paccekaṃ sambandhitvā lobhappabhedotiādinā yojetabbaṃ. Sabbadarathapariḷāhakilesasatasahassānīti sabbāni sattānaṃ darathasaṅkhātapariḷāhakarāni kilesānaṃ anekāni satasahassāni, ārammaṇādivibhāgato pavattiākāravibhāgato ca nesaṃ evaṃ pabhedo veditabbo. Pañca māre abhañjīti sambandho. Parissayānanti upaddavānaṃ.
เอวํ ภคฺยวา ภคฺควาติ ทฺวินฺนํ ปทานํ อตฺถํ วิภชิตฺวา อิทานิ เตหิ ทฺวีหิ คหิตมตฺถํ ทเสฺสตุํ ภคฺยวนฺตตาย จสฺสาติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สตปุญฺญชลกฺขณธรสฺสาติ อเนกสตปุญฺญนิพฺพตฺตมหาปุริสลกฺขณธรสฺส ภควโตฯ สกจิเตฺต อิสฺสริยํ นาม ปฎิกฺกูลาทีสุ อปฺปฎิกฺกูลสญฺญิตาทิวสปฺปวตฺติยา เจว เจโตสมาธิวเสน จ อตฺตโน จิตฺตสฺส วสีภาวาปาทนเมวฯ อณิมา ลฆิมาทิกนฺติ อาทิ-สเทฺทน มหิมา ปตฺติ ปากมฺมํ อีสิตา วสิตา ยตฺถกามาวสายิตาติ อิเม ฉปิ สงฺคหิตาฯ ตตฺถ กายสฺส อณุภาวกรณํ อณิมาฯ อากาเส ปทสา คมนาทิอรหภาเวน ลหุภาโว ลฆิมาฯ กายสฺส มหนฺตตาปาทนํ มหิมาฯ อิฎฺฐเทสสฺส ปาปุณนํ ปตฺติฯ อธิฎฺฐานาทิวเสน อิจฺฉิตตฺถนิปฺผาทนํ ปากมฺมํฯ สยํวสิตา อิสฺสรภาโว อีสิตาฯ อิทฺธิวิเธ วสีภาโว วสิตาฯ อากาเสน วา คจฺฉโต, อญฺญํ วา กิญฺจิ กโรโต ยตฺถ กตฺถจิ โวสานปฺปตฺติ ยตฺถกามาวสายิตา, ‘‘กุมารกรูปาทิทสฺสน’’นฺติปิ วทนฺติฯ สพฺพงฺคปจฺจงฺคสิรีติ สเพฺพสํ องฺคปจฺจงฺคานํ โสภาฯ อตฺถีติ อนุวตฺตติฯ ลหุสาธนํ ตํ ตํ กาลิกํ อิจฺฉิตํ, ครุสาธนํ จิรกาลิกํ พุทฺธตฺตาทิปตฺถิตํ ฯ ภคา อสฺส สนฺตีติ ภควาติ อิทํ สทฺทสตฺถนเยน สิทฺธํ, เสสํ สพฺพํ นิรุตฺตินเยน สิทฺธนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Evaṃ bhagyavā bhaggavāti dvinnaṃ padānaṃ atthaṃ vibhajitvā idāni tehi dvīhi gahitamatthaṃ dassetuṃ bhagyavantatāya cassātiādi vuttaṃ. Tattha satapuññajalakkhaṇadharassāti anekasatapuññanibbattamahāpurisalakkhaṇadharassa bhagavato. Sakacitte issariyaṃ nāma paṭikkūlādīsu appaṭikkūlasaññitādivasappavattiyā ceva cetosamādhivasena ca attano cittassa vasībhāvāpādanameva. Aṇimā laghimādikanti ādi-saddena mahimā patti pākammaṃ īsitā vasitā yatthakāmāvasāyitāti ime chapi saṅgahitā. Tattha kāyassa aṇubhāvakaraṇaṃ aṇimā. Ākāse padasā gamanādiarahabhāvena lahubhāvo laghimā. Kāyassa mahantatāpādanaṃ mahimā. Iṭṭhadesassa pāpuṇanaṃ patti. Adhiṭṭhānādivasena icchitatthanipphādanaṃ pākammaṃ. Sayaṃvasitā issarabhāvo īsitā. Iddhividhe vasībhāvo vasitā. Ākāsena vā gacchato, aññaṃ vā kiñci karoto yattha katthaci vosānappatti yatthakāmāvasāyitā, ‘‘kumārakarūpādidassana’’ntipi vadanti. Sabbaṅgapaccaṅgasirīti sabbesaṃ aṅgapaccaṅgānaṃ sobhā. Atthīti anuvattati. Lahusādhanaṃ taṃ taṃ kālikaṃ icchitaṃ, garusādhanaṃ cirakālikaṃ buddhattādipatthitaṃ . Bhagā assa santīti bhagavāti idaṃ saddasatthanayena siddhaṃ, sesaṃ sabbaṃ niruttinayena siddhanti veditabbaṃ.
ปีฬนสงฺขตสนฺตาปวิปริณามเฎฺฐนาติอาทีสุ ปีฬนโฎฺฐ สงฺขตโฎฺฐติอาทินา อตฺถ-สโทฺท ปเจฺจกํ โยเชตโพฺพฯ ตตฺถ อตฺตโน สภาเวน ปีฬนลกฺขณํ ทุกฺขํฯ ตสฺส โย ปีฬนเมว อโตฺถ ‘‘ปีฬนโฎฺฐ’’ติ วุจฺจติ, โส สภาโวฯ ยสฺมา ปน ตํสมุทเยน สงฺขตํ, ตสฺมา สงฺขตโฎฺฐ สมุทยทสฺสเนน อาวิภูโตฯ ยสฺมา จ มโคฺค กิเลสสนฺตาปหรตฺตา สุสีตโล, ตสฺมาสฺส มคฺคทสฺสเนน สนฺตาปโฎฺฐ อาวิภูโต ตปฺปฎิโยคตฺตาฯ อวิปริณามธมฺมสฺส ปน นิโรธสฺส ทสฺสเนน วิปริณามโฎฺฐ อาวิภูโตติฯ เอกเสฺสว สภาวธมฺมสฺส สกภาวโต อิตรสจฺจตฺตยนิวตฺติโต จ ปริกเปฺปตพฺพตฺตา จตฺตาโร อตฺถา วุตฺตาฯ สมุทยสฺส ปน ราสิกรณโต อายูหนโฎฺฐ สภาโว, ตเสฺสว ทุกฺขทสฺสเนน นิทานโฎฺฐ อาวิภูโตฯ วิสํโยคภูตสฺส นิโรธสฺส ทสฺสเนน สํโยคโฎฺฐฯ นิยฺยานภูตสฺส มคฺคสฺส ทสฺสเนน ปลิโพธโฎฺฐ อาวิภูโตฯ
Pīḷanasaṅkhatasantāpavipariṇāmaṭṭhenātiādīsu pīḷanaṭṭho saṅkhataṭṭhotiādinā attha-saddo paccekaṃ yojetabbo. Tattha attano sabhāvena pīḷanalakkhaṇaṃ dukkhaṃ. Tassa yo pīḷanameva attho ‘‘pīḷanaṭṭho’’ti vuccati, so sabhāvo. Yasmā pana taṃsamudayena saṅkhataṃ, tasmā saṅkhataṭṭho samudayadassanena āvibhūto. Yasmā ca maggo kilesasantāpaharattā susītalo, tasmāssa maggadassanena santāpaṭṭho āvibhūto tappaṭiyogattā. Avipariṇāmadhammassa pana nirodhassa dassanena vipariṇāmaṭṭho āvibhūtoti. Ekasseva sabhāvadhammassa sakabhāvato itarasaccattayanivattito ca parikappetabbattā cattāro atthā vuttā. Samudayassa pana rāsikaraṇato āyūhanaṭṭho sabhāvo, tasseva dukkhadassanena nidānaṭṭho āvibhūto. Visaṃyogabhūtassa nirodhassa dassanena saṃyogaṭṭho. Niyyānabhūtassa maggassa dassanena palibodhaṭṭho āvibhūto.
นิโรธสฺส ปน นิสฺสรณโฎฺฐ สภาโว, ตเสฺสว สมุทยทสฺสเนน วิเวกโฎฺฐ อาวิภูโตฯ สงฺขตสฺส มคฺคสฺส ทสฺสเนน อสงฺขตโฎฺฐ, วิสยภูตสฺส มรณธมฺมสฺส วา ทุกฺขสฺส ทสฺสเนน อมตโฎฺฐฯ มคฺคสฺส ปน นิยฺยานโฎฺฐ สภาโว, ตเสฺสว สมุทยทสฺสเนน ทุกฺขเสฺสวายํ เหตุ, นิพฺพานปฺปตฺติยา ปน อยเมว เหตูติ เหตฺวโฎฺฐ, อติสุขุมนิโรธทสฺสเนน อิธเมว ทสฺสนนฺติ ทสฺสนโฎฺฐ, อธิกปณสฺส ทุกฺขสฺส ทสฺสเนน อธิปเตยฺยโฎฺฐ อาวิภูโตฯ เอเต เอว จ ปีฬนาทโย โสฬส อาการาติ วุจฺจนฺติฯ
Nirodhassa pana nissaraṇaṭṭho sabhāvo, tasseva samudayadassanena vivekaṭṭho āvibhūto. Saṅkhatassa maggassa dassanena asaṅkhataṭṭho, visayabhūtassa maraṇadhammassa vā dukkhassa dassanena amataṭṭho. Maggassa pana niyyānaṭṭho sabhāvo, tasseva samudayadassanena dukkhassevāyaṃ hetu, nibbānappattiyā pana ayameva hetūti hetvaṭṭho, atisukhumanirodhadassanena idhameva dassananti dassanaṭṭho, adhikapaṇassa dukkhassa dassanena adhipateyyaṭṭho āvibhūto. Ete eva ca pīḷanādayo soḷasa ākārāti vuccanti.
กาเมหิ วิเวกฎฺฐกายตา กายวิเวโกฯ นีวรณาทีหิ วิวิตฺตา อฎฺฐ สมาปตฺติโย จิตฺตวิเวโกฯ อุปธียนฺติ เอตฺถ ยถาสกํ ผลานีติ อุปธโย, ปญฺจกามคุณสงฺขาตกามขนฺธกิเลสอภิสงฺขารา, เตหิ จตูหิ วิวิตฺตํ นิพฺพานํ อุปธิวิเวโก นามฯ
Kāmehi vivekaṭṭhakāyatā kāyaviveko. Nīvaraṇādīhi vivittā aṭṭha samāpattiyo cittaviveko. Upadhīyanti ettha yathāsakaṃ phalānīti upadhayo, pañcakāmaguṇasaṅkhātakāmakhandhakilesaabhisaṅkhārā, tehi catūhi vivittaṃ nibbānaṃ upadhiviveko nāma.
อนตฺตานุปสฺสนาย ปฎิลโทฺธ ทุกฺขานิจฺจานุปสฺสนาหิ จ ปฎิลโทฺธ อริยมโคฺค อาคมนวเสน ยถากฺกมํ สุญฺญตอปฺปณิหิตอนิมิตฺตวิโมกฺขสญฺญํ ปฎิลภติ, กิเลเสหิ วิมุตฺตตฺตา หิ เอส วิโมโกฺขติฯ
Anattānupassanāya paṭiladdho dukkhāniccānupassanāhi ca paṭiladdho ariyamaggo āgamanavasena yathākkamaṃ suññataappaṇihitaanimittavimokkhasaññaṃ paṭilabhati, kilesehi vimuttattā hi esa vimokkhoti.
ยถา โลเก เอเกกปทโต เอเกกมกฺขรํ คเหตฺวา ‘‘เมขลา’’ติ วุตฺตํ, เอวมิธาปีติ อโตฺถฯ เมหนสฺสาติ คุยฺหปฺปเทสสฺสฯ ขสฺสาติ โอกาสสฺสฯ
Yathā loke ekekapadato ekekamakkharaṃ gahetvā ‘‘mekhalā’’ti vuttaṃ, evamidhāpīti attho. Mehanassāti guyhappadesassa. Khassāti okāsassa.
สห เทเวหีติอาทีสุ สห เทเวหิ วตฺตตีติ สเทวโก โลโกฯ ตํ สเทวกนฺติอาทินา โยชนา เวทิตพฺพาฯ สเทวกวจเนนาติ สเทวก-สเทฺท วิเสสนภาเวน ฐิตเทววจเนนฯ ตสฺสาปิ สเทวกปเท อโนฺตภูตตฺตา อวยเว สมุทาโยปจารวเสน โวหาโร กโตฯ อิตรถา เตน เทววิสิฎฺฐโลกเสฺสว คหณโต ปญฺจกามาวจรเทวคฺคหณํ น สิยา, เอวํ อุปริปิฯ สมารกวจเนน มารสเทฺทน เตน สหจริตา สเพฺพ วสวตฺติเทวา จ คหิตาติ อาห ‘‘ฉฎฺฐกามาวจรเทวคฺคหณ’’นฺติฯ พฺรหฺมกายิกา นาม ปฐมชฺฌานภูมิกาฯ เต อาทิ เยสํ อารุปฺปปริยนฺตานํ พฺรหฺมานํ เตสํ พฺรหฺมานํ คหณํ พฺรหฺมกายิกาทิพฺรหฺมคฺคหณํฯ โลก-สทฺทสฺส โอกาสโลกาทีนมฺปิ สาธารณตฺตา สตฺตโลกาเวณิกเมว ปชาคหณํ กตนฺติ อาห ‘‘ปชาวจเนน สตฺตโลกคฺคหณ’’นฺติฯ สเทวกาทิวจเนน อุปปตฺติเทวานํ, สสฺสมณวจเนน วิสุทฺธิเทวานญฺจ คหิตตฺตา อาห ‘‘สเทวมนุสฺสวจเนน สมฺมุติเทวอวเสสมนุสฺสคฺคหณ’’นฺติฯ ตตฺถ สมฺมุติเทวา ราชาโน, อวเสสมนุสฺสา สมฺมุติเทวสมณพฺราหฺมเณหิ อวสิฎฺฐาฯ สตฺตโลกาเวณิกสฺส ปชาสทฺทสฺส วิสุํ คหิตตฺตา สเทวกํ โลกนฺติ เอตฺถ โลกสทฺทคฺคหณํ โอกาสโลกเมว นิยเมตีติ อาห ‘‘ตีหิ ปเทหิ โอกาสโลโก’’ติฯ อิทญฺจ สเทวกาทิปทตฺตยวจนียสฺส ปธานตฺถสฺส วเสน วุตฺตํฯ โอกาสโลกวิเสสนสฺส ปเนตฺถ เทวมาราทิสตฺตโลกสฺสาปิ คหณํ เวทิตพฺพํ สามตฺถิยโต คมฺยมานตฺตา สปุโตฺต อาคโตติอาทีสุ ปุตฺตาทีนํ วิยฯ อิมสฺมิญฺจ นเย สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ โอกาสโลกํ สสฺสมณพฺราหฺมณิํ สเทวมนุสฺสํ ปชญฺจาติ จ-การํ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ, โอกาสสตฺตโลกานํ คหเณน เจตฺถ ตทุภยสมฺมุตินิมิตฺตภูโต สงฺขารโลโกปิ ตทวินาภาวโต คหิโต เอวาติ ทฎฺฐโพฺพฯ อปเร ปน ‘‘สเทวกนฺติอาทีหิ ปญฺจหิ ปเทหิ สตฺตโลโกว อตฺตโน อวยวภูตเทวาทิวิเสสเนหิ วิเสเสตฺวา คหิโต, ตคฺคหเณน ตทาธาโร โอกาสโลโก, ตทุภยปญฺญตฺติวิสโย สงฺขารโลโก จ คหิตา เอว โหนฺตี’’ติ วทนฺติฯ เตสญฺจ ปชนฺติ อิทํ โลกสทฺทสฺส วิเสสนํ กตฺวา สเทวกํ ปชํ โลกํ…เป.… สเทวมนุสฺสํ ปชํ โลกนฺติ โยเชตพฺพํฯ
Sahadevehītiādīsu saha devehi vattatīti sadevako loko. Taṃ sadevakantiādinā yojanā veditabbā. Sadevakavacanenāti sadevaka-sadde visesanabhāvena ṭhitadevavacanena. Tassāpi sadevakapade antobhūtattā avayave samudāyopacāravasena vohāro kato. Itarathā tena devavisiṭṭhalokasseva gahaṇato pañcakāmāvacaradevaggahaṇaṃ na siyā, evaṃ uparipi. Samārakavacanena mārasaddena tena sahacaritā sabbe vasavattidevā ca gahitāti āha ‘‘chaṭṭhakāmāvacaradevaggahaṇa’’nti. Brahmakāyikā nāma paṭhamajjhānabhūmikā. Te ādi yesaṃ āruppapariyantānaṃ brahmānaṃ tesaṃ brahmānaṃ gahaṇaṃ brahmakāyikādibrahmaggahaṇaṃ. Loka-saddassa okāsalokādīnampi sādhāraṇattā sattalokāveṇikameva pajāgahaṇaṃ katanti āha ‘‘pajāvacanena sattalokaggahaṇa’’nti. Sadevakādivacanena upapattidevānaṃ, sassamaṇavacanena visuddhidevānañca gahitattā āha ‘‘sadevamanussavacanena sammutidevaavasesamanussaggahaṇa’’nti. Tattha sammutidevā rājāno, avasesamanussā sammutidevasamaṇabrāhmaṇehi avasiṭṭhā. Sattalokāveṇikassa pajāsaddassa visuṃ gahitattā sadevakaṃ lokanti ettha lokasaddaggahaṇaṃ okāsalokameva niyametīti āha ‘‘tīhi padehi okāsaloko’’ti. Idañca sadevakādipadattayavacanīyassa padhānatthassa vasena vuttaṃ. Okāsalokavisesanassa panettha devamārādisattalokassāpi gahaṇaṃ veditabbaṃ sāmatthiyato gamyamānattā saputto āgatotiādīsu puttādīnaṃ viya. Imasmiñca naye sadevakaṃ samārakaṃ sabrahmakaṃ okāsalokaṃ sassamaṇabrāhmaṇiṃ sadevamanussaṃ pajañcāti ca-kāraṃ ānetvā yojetabbaṃ, okāsasattalokānaṃ gahaṇena cettha tadubhayasammutinimittabhūto saṅkhāralokopi tadavinābhāvato gahito evāti daṭṭhabbo. Apare pana ‘‘sadevakantiādīhi pañcahi padehi sattalokova attano avayavabhūtadevādivisesanehi visesetvā gahito, taggahaṇena tadādhāro okāsaloko, tadubhayapaññattivisayo saṅkhāraloko ca gahitā eva hontī’’ti vadanti. Tesañca pajanti idaṃ lokasaddassa visesanaṃ katvā sadevakaṃ pajaṃ lokaṃ…pe… sadevamanussaṃ pajaṃ lokanti yojetabbaṃ.
อรูปาวจรโลโก คหิโต ปาริเสสญาเยน อิตเรสํ ปทนฺตเรหิ คหิตตฺตาฯ มารคฺคหเณน ตปฺปธานา ตํสทิสา จ อุปปตฺติเทวา สงฺคยฺหนฺตีติ อาห ‘‘ฉกามาวจรเทวโลโก’’ติฯ ขตฺติยปริสา พฺราหฺมณคหปติสมณจาตุมหาราชิกตาวติํสมารพฺรหฺมปริสาติ อิมาสุ อฎฺฐสุ ปริสาสุ จาตุมหาราชิกาทีนํ จตุนฺนํ ปริสานํ สเทวกาทิปเทหิ สงฺคหิตตฺตา อิธ สสฺสมณพฺราหฺมณินฺติ อิมินา สมณปริสา พฺราหฺมณปริสา จ, สเทวมนุสฺสนฺติ อิมินา ขตฺติยปริสา คหปติปริสา จ วุตฺตาติ อาห ‘‘จตุปริสวเสนา’’ติฯ ตสฺส มนุสฺสโลโก คหิโตติ อิมินา สมฺพโนฺธฯ ตตฺถ มนุสฺสโลโกติ มนุสฺสสมูโห, เตนาห ‘‘อวเสสสพฺพสตฺตโลโก วา’’ติฯ
Arūpāvacaraloko gahito pārisesañāyena itaresaṃ padantarehi gahitattā. Māraggahaṇena tappadhānā taṃsadisā ca upapattidevā saṅgayhantīti āha ‘‘chakāmāvacaradevaloko’’ti. Khattiyaparisā brāhmaṇagahapatisamaṇacātumahārājikatāvatiṃsamārabrahmaparisāti imāsu aṭṭhasu parisāsu cātumahārājikādīnaṃ catunnaṃ parisānaṃ sadevakādipadehi saṅgahitattā idha sassamaṇabrāhmaṇinti iminā samaṇaparisā brāhmaṇaparisā ca, sadevamanussanti iminā khattiyaparisā gahapatiparisā ca vuttāti āha ‘‘catuparisavasenā’’ti. Tassa manussaloko gahitoti iminā sambandho. Tattha manussalokoti manussasamūho, tenāha ‘‘avasesasabbasattaloko vā’’ti.
วิกปฺปนฺตรํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘สมฺมุติเทเวหิ วา สห มนุสฺสโลโก’’ติฯ เทวปเทน สมฺมุติเทวา, สมณพฺราหฺมณมนุสฺสปเทหิ เสสมนุสฺสา จ คหิตาติ เอวํ วิกปฺปทฺวเยปิ มนุสฺสํ ปชํ มนุสฺสิํ ปชนฺติ ปชา-สทฺทํ มนุสฺส-สเทฺทน วิเสเสตฺวา ตํ ปุน สห เทเวหิ วตฺตตีติ สเทวา, ปชาฯ สเทวา จ สา มนุสฺสา จาติ สเทวมนุสฺสา, ตํ สเทวมนุสฺสํ ปชํฯ ปุน กิํ ภูตํ สสฺสมณพฺราหฺมณินฺติ เอวํ ยถา ปชาสเทฺทน มนุสฺสานเญฺญว คหณํ สิยา, ตถา นิพฺพจนํ กาตพฺพํ, อิตรถา มนุสฺสานเญฺญว คหณํ น สมฺปชฺชติ สพฺพมนุสฺสานํ วิเสสนภาเวน คหิตตฺตา อญฺญปทตฺถภูตสฺส กสฺสจิ มนุสฺสสฺส อภาวาฯ อิทานิ ปชนฺติ อิมินา อวเสสนาคาทิสเตฺตปิ สงฺคเหตฺวา ทเสฺสตุกาโม อาห ‘‘อวเสสสพฺพสตฺตโลโก วา’’ติฯ เอตฺถาปิ จตุปริสวเสน อวเสสสพฺพสตฺตโลโก สมฺมุติเทวมนุเสฺสหิ วา สห อวเสสสพฺพสตฺตโลโกติ โยเชตพฺพํฯ
Vikappantaraṃ dassento āha ‘‘sammutidevehi vā saha manussaloko’’ti. Devapadena sammutidevā, samaṇabrāhmaṇamanussapadehi sesamanussā ca gahitāti evaṃ vikappadvayepi manussaṃ pajaṃ manussiṃ pajanti pajā-saddaṃ manussa-saddena visesetvā taṃ puna saha devehi vattatīti sadevā, pajā. Sadevā ca sā manussā cāti sadevamanussā, taṃ sadevamanussaṃ pajaṃ. Puna kiṃ bhūtaṃ sassamaṇabrāhmaṇinti evaṃ yathā pajāsaddena manussānaññeva gahaṇaṃ siyā, tathā nibbacanaṃ kātabbaṃ, itarathā manussānaññeva gahaṇaṃ na sampajjati sabbamanussānaṃ visesanabhāvena gahitattā aññapadatthabhūtassa kassaci manussassa abhāvā. Idāni pajanti iminā avasesanāgādisattepi saṅgahetvā dassetukāmo āha ‘‘avasesasabbasattaloko vā’’ti. Etthāpi catuparisavasena avasesasabbasattaloko sammutidevamanussehi vā saha avasesasabbasattalokoti yojetabbaṃ.
เอตฺตาวตา ภาคโส โลกํ คเหตฺวา โยชนํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ เอเกกปเทน อภาคโส สพฺพโลกานํ คหณปเกฺขปิ ตสฺส ตสฺส วิเสสนสฺส สปฺผลตํ ทเสฺสตุํ อปิ เจตฺถาติอาทิ วุตฺตํฯ อุกฺกฎฺฐปริเจฺฉทโตติ อุกฺกฎฺฐานํ เทวคติปริยาปนฺนานํ ปริจฺฉินฺนวเสน ชานนวเสน กิตฺติสโทฺท สยํ อตฺตโน อวยวภูเตน สเทวกวจเนน ตํ สุณนฺตานํ สาเวโนฺต อพฺภุคฺคโตติ โยชนาฯ อนุสนฺธิกฺกโมติ อตฺถานเญฺจว ปทานญฺจ อนุสนฺธานกฺกโม, ชานนกฺกโมติ อโตฺถฯ
Ettāvatā bhāgaso lokaṃ gahetvā yojanaṃ dassetvā idāni ekekapadena abhāgaso sabbalokānaṃ gahaṇapakkhepi tassa tassa visesanassa sapphalataṃ dassetuṃ api cetthātiādi vuttaṃ. Ukkaṭṭhaparicchedatoti ukkaṭṭhānaṃ devagatipariyāpannānaṃ paricchinnavasena jānanavasena kittisaddo sayaṃ attano avayavabhūtena sadevakavacanena taṃ suṇantānaṃ sāvento abbhuggatoti yojanā. Anusandhikkamoti atthānañceva padānañca anusandhānakkamo, jānanakkamoti attho.
อภิญฺญาติ ย-การโลเปน นิเทฺทโสติ อาห ‘‘อภิญฺญายา’’ติฯ สมนฺตภทฺรกตฺตาติ สพฺพภาเคหิ สุนฺทรตฺตาฯ สาสนธโมฺมติ ปฎิปตฺติปฎิเวธสาสนสฺส ปกาสโก ปริยตฺติธโมฺมฯ พุทฺธสุโพธิตตายาติ อิทํ ติกํ ธมฺมสฺส เหตุสรูปผลวเสน วุตฺตํ, ตถา นาถปภวตฺติกมฺปิฯ มเชฺฌ ติกทฺวยํ ผลวเสเนว วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ กิจฺจสุทฺธิยาติ ธมฺมํ สุตฺวา ยถาสุตวเสน ปฎิปชฺชนฺตานํ สุปฺปฎิปตฺติสงฺขาตกิจฺจสุทฺธิยาฯ
Abhiññāti ya-kāralopena niddesoti āha ‘‘abhiññāyā’’ti. Samantabhadrakattāti sabbabhāgehi sundarattā. Sāsanadhammoti paṭipattipaṭivedhasāsanassa pakāsako pariyattidhammo. Buddhasubodhitatāyāti idaṃ tikaṃ dhammassa hetusarūpaphalavasena vuttaṃ, tathā nāthapabhavattikampi. Majjhe tikadvayaṃ phalavaseneva vuttanti veditabbaṃ. Kiccasuddhiyāti dhammaṃ sutvā yathāsutavasena paṭipajjantānaṃ suppaṭipattisaṅkhātakiccasuddhiyā.
อิทานิ อาทิกลฺยาณาทิปฺปการเมว ธมฺมํ เทเสโนฺต ภควา โสตูนํ ยํ สาสนพฺรหฺมจริยํ มคฺคพฺรหฺมจริยญฺจ ปกาเสติ, ตปฺปกาสกสฺส พฺรหฺมจริยปทสฺส สาตฺถนฺติอาทีนิ ปทานิ วิเสสนภาเวน วุตฺตานิ, น ธมฺมปทสฺสาติ ทสฺสนมุเขน นานปฺปการโต อตฺถํ วิวริตุกาโม สาตฺถํ สพฺยญฺชนนฺติ เอวมาทีสุ ปนาติอาทิมาหฯ ตตฺถ ติโสฺส สิกฺขา สกโล จ ตนฺติธโมฺม สาสนพฺรหฺมจริยํ นามฯ ภควา หิ ธมฺมํ เทเสโนฺต สีลาทิเก วิย ตปฺปกาสกํ ตนฺติธมฺมมฺปิ ปกาเสติ เอว สทฺทตฺถสมุทายตฺตา ปริยตฺติธมฺมสฺสฯ ยถานุรูปนฺติ ยถารหํฯ สิกฺขตฺตยสงฺคหิตญฺหิ สาสนพฺรหฺมจริยํ มคฺคพฺรหฺมจริยญฺจ อตฺถสมฺปตฺติยา สมฺปนฺนตฺถตาย, อุปรูปริ อธิคนฺตพฺพวิเสสสงฺขาตอตฺถสมฺปตฺติยา จ สห อเตฺถน ปโยชเนน วตฺตตีติ สาตฺถเมว, น ตุ สพฺยญฺชนํ, ตนฺติธมฺมสงฺขาตํ สาสนพฺรหฺมจริยํ ยถาวุเตฺตน อเตฺถน สาตฺถํ สพฺยญฺชนญฺจฯ กิราตาทิมิลกฺขวจนานมฺปิ สาตฺถสพฺยญฺชนเตฺต สมาเนปิ วิสิฎฺฐตฺถพฺยญฺชนโยคํ สนฺธาย สหโตฺถ เทวทโตฺต สวิโตฺตติอาทิ วิย ‘‘สาตฺถํ สพฺยญฺชน’’นฺติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อตฺถสมฺปตฺติยา สาตฺถํ, พฺยญฺชนสมฺปตฺติยา สพฺยญฺชน’’นฺติฯ ตตฺถ ยํ อตฺถํ สุตฺวา ตถา ปฎิปชฺชนฺตา สพฺพทุกฺขกฺขยํ ปาปุณนฺติ, ตสฺส ตาทิสสมฺปตฺติ อตฺถสมฺปตฺติ นาม, สมฺปนฺนตฺถตาติ อโตฺถฯ พฺยญฺชนสมฺปตฺติ นาม สิถิลธนิตาทิพฺยญฺชนปริปุณฺณาย มาคธิกาย สภาวนิรุตฺติยา คมฺภีรมฺปิ อตฺถํ อุตฺตานํ กตฺวา ทสฺสนสมตฺถตา สมฺปนฺนพฺยญฺชนตาติ อโตฺถฯ
Idāni ādikalyāṇādippakārameva dhammaṃ desento bhagavā sotūnaṃ yaṃ sāsanabrahmacariyaṃ maggabrahmacariyañca pakāseti, tappakāsakassa brahmacariyapadassa sātthantiādīni padāni visesanabhāvena vuttāni, na dhammapadassāti dassanamukhena nānappakārato atthaṃ vivaritukāmo sātthaṃ sabyañjananti evamādīsu panātiādimāha. Tattha tisso sikkhā sakalo ca tantidhammo sāsanabrahmacariyaṃ nāma. Bhagavā hi dhammaṃ desento sīlādike viya tappakāsakaṃ tantidhammampi pakāseti eva saddatthasamudāyattā pariyattidhammassa. Yathānurūpanti yathārahaṃ. Sikkhattayasaṅgahitañhi sāsanabrahmacariyaṃ maggabrahmacariyañca atthasampattiyā sampannatthatāya, uparūpari adhigantabbavisesasaṅkhātaatthasampattiyā ca saha atthena payojanena vattatīti sātthameva, na tu sabyañjanaṃ, tantidhammasaṅkhātaṃ sāsanabrahmacariyaṃ yathāvuttena atthena sātthaṃ sabyañjanañca. Kirātādimilakkhavacanānampi sātthasabyañjanatte samānepi visiṭṭhatthabyañjanayogaṃ sandhāya sahattho devadatto savittotiādi viya ‘‘sātthaṃ sabyañjana’’nti vuttanti āha ‘‘atthasampattiyā sātthaṃ, byañjanasampattiyā sabyañjana’’nti. Tattha yaṃ atthaṃ sutvā tathā paṭipajjantā sabbadukkhakkhayaṃ pāpuṇanti, tassa tādisasampatti atthasampatti nāma, sampannatthatāti attho. Byañjanasampatti nāma sithiladhanitādibyañjanaparipuṇṇāya māgadhikāya sabhāvaniruttiyā gambhīrampi atthaṃ uttānaṃ katvā dassanasamatthatā sampannabyañjanatāti attho.
อิทานิ เนตฺติปฺปกรณนเยนาปิ (เนตฺติ ๔ ทฺวาทสปท) อตฺถํ ทเสฺสตุํ สงฺกาสนาติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สเงฺขปโต กาสียติ ทีปียตีติ สงฺกาสนนฺติ กมฺมสาธนวเสน อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพ, เอวํ เสเสสุปิฯ ปฐมํ กาสนํ ปกาสนํฯ อุภยเมฺปตํ อุเทฺทสตฺถวจนสงฺขาตสฺส วิตฺถารวจนํฯ สกิํ วุตฺตสฺส ปุน วจนญฺจ วิวรณวิภชนานิฯ อุภยเมฺปตํ นิเทฺทสตฺถวจนํฯ วิวฎสฺส วิตฺถารตราภิธานํ วิภตฺตสฺส จ ปกาเรหิ ญาปนํ อุตฺตานีกรณปญฺญตฺติโยฯ อุภยเมฺปตํ ปฎินิเทฺทสตฺถวจนสงฺขาตสฺส วิตฺถารวจนํฯ อตฺถปทสมาโยคโตติ ยถาวุตฺตานิ เอว ฉ ปทานิ ปริยตฺติยา อตฺถวิภาคตฺตา อตฺถปทานิ, เตหิ สหิตตาย อตฺถโกฎฺฐาสยุตฺตตฺตาติ อโตฺถฯ อปริโยสิเต ปเท อาทิมชฺฌคตวโณฺณ อกฺขรํ, เอกกฺขรํ, ปทํ วา อกฺขรํฯ วิภตฺติยนฺตํ ปทํฯ ปทาภิหิตํ อตฺถํ พฺยเญฺชตีติ พฺยญฺชนํ, วากฺยํฯ กถิตเสฺสวตฺถสฺส อเนกวิเธน วิภาคกรณํ อากาโร นามฯ อาการาภิหิตสฺส นิพฺพจนํ นิรุตฺติฯ นิพฺพจนตฺถวิตฺถาโร นิเทฺทโสฯ อถ วา ‘‘อกฺขเรหิ สงฺกาเสติ, ปเทหิ ปกาเสติ, พฺยญฺชเนหิ วิวรติ, อากาเรหิ วิภชติ, นิรุตฺตีหิ อุตฺตานิํ กโรติ, นิเทฺทเสหิ ปญฺญเปตี’’ติ วจนโต สงฺกาสนปกาสนสงฺขอาตอุเทฺทสตฺถวาจกานิ วจนานิ อกฺขรปทานิ นามฯ วิวรณวิภชนสงฺขาตนิเทฺทสตฺถวาจกานิ วจนานิ พฺยญฺชนาการา นามฯ อุตฺตานีกรณปญฺญตฺติสงฺขาตปฎินิเทฺทสตฺถวาจกานิ วจนานิ นิรุตฺตินิเทฺทสา นาม, เตสํ สมฺปตฺติยา สพฺยญฺชนนฺติ อโตฺถฯ
Idāni nettippakaraṇanayenāpi (netti 4 dvādasapada) atthaṃ dassetuṃ saṅkāsanātiādi vuttaṃ. Tattha saṅkhepato kāsīyati dīpīyatīti saṅkāsananti kammasādhanavasena attho daṭṭhabbo, evaṃ sesesupi. Paṭhamaṃ kāsanaṃ pakāsanaṃ. Ubhayampetaṃ uddesatthavacanasaṅkhātassa vitthāravacanaṃ. Sakiṃ vuttassa puna vacanañca vivaraṇavibhajanāni. Ubhayampetaṃ niddesatthavacanaṃ. Vivaṭassa vitthāratarābhidhānaṃ vibhattassa ca pakārehi ñāpanaṃ uttānīkaraṇapaññattiyo. Ubhayampetaṃ paṭiniddesatthavacanasaṅkhātassa vitthāravacanaṃ. Atthapadasamāyogatoti yathāvuttāni eva cha padāni pariyattiyā atthavibhāgattā atthapadāni, tehi sahitatāya atthakoṭṭhāsayuttattāti attho. Apariyosite pade ādimajjhagatavaṇṇo akkharaṃ, ekakkharaṃ, padaṃ vā akkharaṃ. Vibhattiyantaṃ padaṃ. Padābhihitaṃ atthaṃ byañjetīti byañjanaṃ, vākyaṃ. Kathitassevatthassa anekavidhena vibhāgakaraṇaṃ ākāro nāma. Ākārābhihitassa nibbacanaṃ nirutti. Nibbacanatthavitthāro niddeso. Atha vā ‘‘akkharehi saṅkāseti, padehi pakāseti, byañjanehi vivarati, ākārehi vibhajati, niruttīhi uttāniṃ karoti, niddesehi paññapetī’’ti vacanato saṅkāsanapakāsanasaṅkhaātauddesatthavācakāni vacanāni akkharapadāni nāma. Vivaraṇavibhajanasaṅkhātaniddesatthavācakāni vacanāni byañjanākārā nāma. Uttānīkaraṇapaññattisaṅkhātapaṭiniddesatthavācakāni vacanāni niruttiniddesā nāma, tesaṃ sampattiyā sabyañjananti attho.
อตฺถคมฺภีรตาติอาทีสุ อโตฺถ นาม ตนฺติอโตฺถ, เหตุผลํ วาฯ ธโมฺม นาม ตนฺติ, เหตุ วาฯ เทสนา นาม ยถาธมฺมํ ธมฺมาภิลาโปฯ ปฎิเวโธ นาม ยถาวุตฺตอตฺถาทีนํ อวิปรีตาวโพโธฯ เต ปเนเต อตฺถาทโย ยสฺมา สสาทีหิ วิย มหาสมุโทฺท มนฺทพุทฺธีหิ ทุโกฺขคาหา อลพฺภเนยฺยปติฎฺฐา จ, ตสฺมา คมฺภีราฯ เตสุ ปฎิเวธสฺสาปิ อตฺถสนฺนิสฺสิตตฺตา อตฺถสภาคตฺตา จ วุตฺตํ ‘‘อตฺถคมฺภีรตาปฎิเวธคมฺภีรตาหิ สาตฺถ’’นฺติฯ ธมฺมเทสนานํ อตฺถสนฺนิสฺสิตเตฺตปิ สยํ พฺยญฺชนรูปตฺตา วุตฺตํ ‘‘ธมฺมคมฺภีรตาเทสนาคมฺภีรตาหิ สพฺยญฺชน’’นฺติฯ ยถาวุตฺตอตฺถาทีสุ ปเภทคตานิ ญาณานิ อตฺถปฎิสมฺภิทาทโยฯ ตตฺถ นิรุตฺตีติ ตนฺติปทานํ นิทฺธาเรตฺวา วจนํ, นิพฺพจนนฺติ อโตฺถฯ ตีสุ ปฎิสมฺภิทาสุ ญาณํ ปฎิภานปฎิสมฺภิทาฯ โลกิยา สเทฺธยฺยวจนมุเขเนว อเตฺถสุ ปสีทนฺติ, น อตฺถมุเขนาติ อาห สเทฺธยฺยโตติอาทิฯ เกวลสโทฺท สกลาธิวจนนฺติ อาห ‘‘สกลปริปุณฺณภาเวนา’’ติฯ พฺรหฺมจริย-สโทฺท อิธ สิกฺขตฺตยสงฺคหํ สกลํ สาสนํ ทีเปตีติ อาห สิกฺขตฺตยปริคฺคหิตตฺตาติอาทิฯ
Atthagambhīratātiādīsu attho nāma tantiattho, hetuphalaṃ vā. Dhammo nāma tanti, hetu vā. Desanā nāma yathādhammaṃ dhammābhilāpo. Paṭivedho nāma yathāvuttaatthādīnaṃ aviparītāvabodho. Te panete atthādayo yasmā sasādīhi viya mahāsamuddo mandabuddhīhi dukkhogāhā alabbhaneyyapatiṭṭhā ca, tasmā gambhīrā. Tesu paṭivedhassāpi atthasannissitattā atthasabhāgattā ca vuttaṃ ‘‘atthagambhīratāpaṭivedhagambhīratāhi sāttha’’nti. Dhammadesanānaṃ atthasannissitattepi sayaṃ byañjanarūpattā vuttaṃ ‘‘dhammagambhīratādesanāgambhīratāhi sabyañjana’’nti. Yathāvuttaatthādīsu pabhedagatāni ñāṇāni atthapaṭisambhidādayo. Tattha niruttīti tantipadānaṃ niddhāretvā vacanaṃ, nibbacananti attho. Tīsu paṭisambhidāsu ñāṇaṃ paṭibhānapaṭisambhidā. Lokiyā saddheyyavacanamukheneva atthesu pasīdanti, na atthamukhenāti āha saddheyyatotiādi. Kevalasaddo sakalādhivacananti āha ‘‘sakalaparipuṇṇabhāvenā’’ti. Brahmacariya-saddo idha sikkhattayasaṅgahaṃ sakalaṃ sāsanaṃ dīpetīti āha sikkhattayapariggahitattātiādi.
ยถาวุตฺตเมวตฺถํ อปเรนาปิ ปริยาเยน ทเสฺสตุํ อปิ จาติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สนิทานนฺติ เทสกาลาทิทีปเกน นิทานวจเนน สนิทานํฯ สอุปฺปตฺติกนฺติ อฎฺฐุปฺปตฺติอาทิยุตฺติยุตฺตํฯ ตตฺรายํ ปาฬิโยชนากฺกโม – ‘‘เวรโญฺช พฺราหฺมโณ สมโณ ขลุ โภ…เป.… วิหรตี’’ติ จ, ‘‘ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ ‘อิติปิ โส…เป.… ปเวเทตี’ติ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคโต’’ติ จ, ‘‘โส ธมฺมํ เทเสติ…เป.… ปริโยสานกลฺยาณํ, เทเสโนฺต จ สาตฺถสพฺยญฺชนาทิคุณสํยุตฺตํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสตี’’ติ จ, ‘‘สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’ติ จ อโสฺสสิ, สุตฺวา จ อถ โข เวรโญฺช พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติฯ
Yathāvuttamevatthaṃ aparenāpi pariyāyena dassetuṃ api cātiādi vuttaṃ. Tattha sanidānanti desakālādidīpakena nidānavacanena sanidānaṃ. Sauppattikanti aṭṭhuppattiādiyuttiyuttaṃ. Tatrāyaṃ pāḷiyojanākkamo – ‘‘verañjo brāhmaṇo samaṇo khalu bho…pe… viharatī’’ti ca, ‘‘taṃ kho pana bhavantaṃ gotamaṃ ‘itipi so…pe… pavedetī’ti evaṃ kalyāṇo kittisaddo abbhuggato’’ti ca, ‘‘so dhammaṃ deseti…pe… pariyosānakalyāṇaṃ, desento ca sātthasabyañjanādiguṇasaṃyuttaṃ brahmacariyaṃ pakāsetī’’ti ca, ‘‘sādhu kho pana tathārūpānaṃ arahataṃ dassanaṃ hotī’’ti ca assosi, sutvā ca atha kho verañjo brāhmaṇo yena bhagavā tenupasaṅkamīti.
อฎฺฐกถายํ ปน กิญฺจาปิ ‘‘ทสฺสนมตฺตมฺปิ สาธุ โหตีติ เอวํ อชฺฌาสยํ กตฺวา อถ โข เวรโญฺช…เป.… อุปสงฺกมี’’ติ เอวํ สาธุ โข ปนาติอาทิปาฐสฺส พฺราหฺมณสฺส ปริวิตกฺกนภาเวน วุตฺตตฺตา พฺรหฺมจริยํ ปกาเสตีติ ปทานนฺตรเมว อโสฺสสีติ ปทํ สมฺพนฺธิตพฺพํ วิย ปญฺญายติ, ตถาปิ ‘‘สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’ติ เอวํ ยถาวุตฺตนิทสฺสนเตฺถน อิติ-สเทฺทน ปริจฺฉินฺทิตฺวา วุตฺตตฺตา ปน อญฺญตฺถ อิติ-สทฺทสฺส อทสฺสนโต จ อถ โข เวรโญฺชติอาทินา กตฺตพฺพนฺตรทสฺสนมุเขน ปาฬิยา ปการนฺตเร ปวตฺติโต จ ยถาวุตฺตวเสเนว ‘‘สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’ติ วจนานนฺตรเมว อโสฺสสีติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธนํ ยุตฺตํฯ อฎฺฐกถาจริเยน หิ พฺราหฺมณสฺส อตฺตนา สุตวเสเนว อชฺฌาสโย อุปฺปชฺชตีติ อุปสงฺกมนเหตุทสฺสนมุเขน ทสฺสนมตฺตมฺปิ สาธุ โหตีติ เอวํ อชฺฌาสยํ กตฺวาติอาทิ วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํฯ
Aṭṭhakathāyaṃ pana kiñcāpi ‘‘dassanamattampi sādhu hotīti evaṃ ajjhāsayaṃ katvā atha kho verañjo…pe… upasaṅkamī’’ti evaṃ sādhu kho panātiādipāṭhassa brāhmaṇassa parivitakkanabhāvena vuttattā brahmacariyaṃ pakāsetīti padānantarameva assosīti padaṃ sambandhitabbaṃ viya paññāyati, tathāpi ‘‘sādhu kho pana tathārūpānaṃ arahataṃ dassanaṃ hotī’’ti evaṃ yathāvuttanidassanatthena iti-saddena paricchinditvā vuttattā pana aññattha iti-saddassa adassanato ca atha kho verañjotiādinā kattabbantaradassanamukhena pāḷiyā pakārantare pavattito ca yathāvuttavaseneva ‘‘sādhu kho pana tathārūpānaṃ arahataṃ dassanaṃ hotī’’ti vacanānantarameva assosīti padaṃ ānetvā sambandhanaṃ yuttaṃ. Aṭṭhakathācariyena hi brāhmaṇassa attanā sutavaseneva ajjhāsayo uppajjatīti upasaṅkamanahetudassanamukhena dassanamattampi sādhu hotīti evaṃ ajjhāsayaṃ katvātiādi vuttanti gahetabbaṃ.
๒. สีโตทกํ วิย อุโณฺหทเกนาติ อิทํ อุกฺกเมน มุขารุฬฺหวเสน วุตฺตํ, อนุปสนฺตสภาวตาย พฺราหฺมณเสฺสว อุโณฺหทกํ วิย สีโตทเกนาติ อโตฺถ คเหตโพฺพ, ญาณเตชยุตฺตตาย วา ภควา อุโณฺหทโกปโมติ กตฺวา ตพฺพิรหิตํ พฺราหฺมณํ สีโตทกํ วิย กตฺวา ตถา วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํฯ เอกีภาวนฺติ สโมฺมทนกิริยาย เอกรูปตํฯ ยายาติอาทีสุ ยาย กถาย สโมฺมทิ พฺราหฺมโณ, ตํ สโมฺมทนียํ กถนฺติ โยชนาฯ ตตฺถ ขมนียนฺติ ทุกฺขพหุลํ อิทํ สรีรํ, กจฺจิ ขมิตุํ สกฺกุเณยฺยํฯ ยาปนียนฺติ จิรปฺปพนฺธสงฺขาตาย ยาปนาย ยาเปตุํ สกฺกุเณยฺยํฯ โรคาภาเวน อปฺปาพาธํฯ ทุกฺขชีวิตาภาเวน อปฺปาตงฺกํฯ ตํตํกิจฺจกรณตฺถาย ลหุํ อกิเจฺฉน อุฎฺฐาตุํ โยคฺคตาย ลหุฎฺฐานํฯ พลนฺติ สรีรสฺส สพฺพกิจฺจกฺขมํ พลํ กจฺจิ อตฺถีติ ปุจฺฉติฯ ผาสุวิหาโรติ สุขวิหาโรฯ สรณียเมว ทีฆํ กตฺวา ‘‘สารณีย’’นฺติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘สริตพฺพภาวโต จ สารณีย’’นฺติฯ ปริยาเยหีติ การเณหิฯ
2.Sītodakaṃviya uṇhodakenāti idaṃ ukkamena mukhāruḷhavasena vuttaṃ, anupasantasabhāvatāya brāhmaṇasseva uṇhodakaṃ viya sītodakenāti attho gahetabbo, ñāṇatejayuttatāya vā bhagavā uṇhodakopamoti katvā tabbirahitaṃ brāhmaṇaṃ sītodakaṃ viya katvā tathā vuttanti gahetabbaṃ. Ekībhāvanti sammodanakiriyāya ekarūpataṃ. Yāyātiādīsu yāya kathāya sammodi brāhmaṇo, taṃ sammodanīyaṃ kathanti yojanā. Tattha khamanīyanti dukkhabahulaṃ idaṃ sarīraṃ, kacci khamituṃ sakkuṇeyyaṃ. Yāpanīyanti cirappabandhasaṅkhātāya yāpanāya yāpetuṃ sakkuṇeyyaṃ. Rogābhāvena appābādhaṃ. Dukkhajīvitābhāvena appātaṅkaṃ. Taṃtaṃkiccakaraṇatthāya lahuṃ akicchena uṭṭhātuṃ yoggatāya lahuṭṭhānaṃ. Balanti sarīrassa sabbakiccakkhamaṃ balaṃ kacci atthīti pucchati. Phāsuvihāroti sukhavihāro. Saraṇīyameva dīghaṃ katvā ‘‘sāraṇīya’’nti vuttanti āha ‘‘saritabbabhāvato ca sāraṇīya’’nti. Pariyāyehīti kāraṇehi.
ภาโวติ กิริยา, ตสฺมิํ วตฺตมาโน นปุํสก-สโทฺท ภาวนปุํสกนิเทฺทโส นาม, กิริยาวิเสสนสโทฺทติ อโตฺถฯ เอกมเนฺต เอกสฺมิํ อเนฺต ยุตฺตปฺปเทเสติ อโตฺถฯ ขณฺฑิจฺจาทิภาวนฺติ ขณฺฑิตทนฺตปลิตเกสาทิภาวํฯ ราชปริวเฎฺฎติ ราชูนํ ปริวตฺตนํ, ปฎิปาฎิโยติ อโตฺถฯ ปุราตนุจฺจกุลปฺปสุตตาย ชิณฺณตา, น วยสาติ อาห ‘‘จิรกาลปฺปวตฺตกุลนฺวเย’’ติฯ วิภวานํ มหนฺตตฺตํ ลาติ คณฺหาตีติ มหลฺลโกติ อาห ‘‘วิภวมหตฺตตาย สมนฺนาคเต’’ติฯ วิภาวเน นาม อเตฺถติ ปกติวิภาวนสงฺขาเต อเตฺถฯ น อภิวาเทติ วาติ อภิวาเทตพฺพนฺติ น สลฺลเกฺขติ, เอวํ อสลฺลกฺขณปกติโกติ วุตฺตํ โหติฯ รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วาติ เอตฺถาปิ นิจฺจปกติกํ อนิจฺจปกติกํ วาติ อโตฺถฯ อนิจฺจํ วาติ เอตฺถ วา-สโทฺท อวธารณโตฺถฯ
Bhāvoti kiriyā, tasmiṃ vattamāno napuṃsaka-saddo bhāvanapuṃsakaniddeso nāma, kiriyāvisesanasaddoti attho. Ekamante ekasmiṃ ante yuttappadeseti attho. Khaṇḍiccādibhāvanti khaṇḍitadantapalitakesādibhāvaṃ. Rājaparivaṭṭeti rājūnaṃ parivattanaṃ, paṭipāṭiyoti attho. Purātanuccakulappasutatāya jiṇṇatā, na vayasāti āha ‘‘cirakālappavattakulanvaye’’ti. Vibhavānaṃ mahantattaṃ lāti gaṇhātīti mahallakoti āha ‘‘vibhavamahattatāya samannāgate’’ti. Vibhāvane nāma attheti pakativibhāvanasaṅkhāte atthe. Na abhivādeti vāti abhivādetabbanti na sallakkheti, evaṃ asallakkhaṇapakatikoti vuttaṃ hoti. Rūpaṃ niccaṃ vā aniccaṃ vāti etthāpi niccapakatikaṃ aniccapakatikaṃ vāti attho. Aniccaṃ vāti ettha vā-saddo avadhāraṇattho.
สมฺปติชาโตติ มุหุตฺตชาโต, ชาตสมนนฺตรเมวาติ อโตฺถฯ สตฺตปทวีติหาเรน คนฺตฺวา…เป.… โอโลเกสีติ เอตฺถ ทฺวารํ ปิธาย นิกฺขโนฺตติอาทีสุ วิย คมนโต ปุเร กตมฺปิ โอโลกนํ ปจฺฉา กตํ วิย วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ โอโลเกสินฺติ จ โลกวิวรณปาฎิหาริเย ชาเต มํสจกฺขุนา โวโลเกสีติ อโตฺถฯ เสโฎฺฐติ ปสตฺถตโรฯ ปติมาเนสีติ ปูเชสิฯ อาสภินฺติ อุตฺตมํฯ
Sampatijātoti muhuttajāto, jātasamanantaramevāti attho. Sattapadavītihārena gantvā…pe… olokesīti ettha dvāraṃ pidhāya nikkhantotiādīsu viya gamanato pure katampi olokanaṃ pacchā kataṃ viya vuttanti daṭṭhabbaṃ. Olokesinti ca lokavivaraṇapāṭihāriye jāte maṃsacakkhunā volokesīti attho. Seṭṭhoti pasatthataro. Patimānesīti pūjesi. Āsabhinti uttamaṃ.
๓. ตํ วจนนฺติ นาหํ ตํ พฺราหฺมณาติอาทิวจนํฯ อญฺญาย สณฺฐเหยฺยาติ อรหเตฺต ปติฎฺฐเหยฺยฯ ชาติวเสนาติ ขตฺติยาทิชาติวเสนฯ อุปปตฺติวเสนาติ เทเวสุ อุปปตฺติวเสนฯ อาวิญฺฉนฺตีติ อากฑฺฒนฺติฯ ยสฺส อภิวาทาทิกรณสงฺขาตสฺส สามคฺคิรสสฺส ภควติ อภาวํ มญฺญมาโน พฺราหฺมโณ ‘‘อรสรูโป’’ติ อาห, ตพฺพิธุรสฺส รูปตณฺหาทิกเสฺสว สามคฺคิรสสฺส อภาเวน ภควา ‘‘อรสรูโป’’ติ ทเสฺสตุํ สามคฺคิรสสทฺทสฺส รูปรสาทีสุ วตฺตนปฺปการํ ทเสฺสโนฺต อาห วตฺถารมฺมณาทีติอาทิฯ
3.Taṃ vacananti nāhaṃ taṃ brāhmaṇātiādivacanaṃ. Aññāya saṇṭhaheyyāti arahatte patiṭṭhaheyya. Jātivasenāti khattiyādijātivasena. Upapattivasenāti devesu upapattivasena. Āviñchantīti ākaḍḍhanti. Yassa abhivādādikaraṇasaṅkhātassa sāmaggirasassa bhagavati abhāvaṃ maññamāno brāhmaṇo ‘‘arasarūpo’’ti āha, tabbidhurassa rūpataṇhādikasseva sāmaggirasassa abhāvena bhagavā ‘‘arasarūpo’’ti dassetuṃ sāmaggirasasaddassa rūparasādīsu vattanappakāraṃ dassento āha vatthārammaṇādītiādi.
ตาลาวตฺถุกตาติ อุจฺฉินฺนมูลานํ ตาลานํ วตฺถุ วิย เนสํ รูปรสาทีนํ วตฺถุ จิตฺตสนฺตานํ กตนฺติ อิมสฺมิํ อเตฺถ มเชฺฌปทโลปํ ทีฆญฺจ กตฺวา นิเทฺทโสติ อาห ตาลวตฺถุ วิยาติอาทิฯ ตาลวตฺถุ วิย เยสํ วตฺถุ กตํ เต ตาลาวตฺถุกตาติ วิเสสนสฺส ปรนิปาโต ทฎฺฐโพฺพ, กตตาลวตฺถุกาติ อโตฺถฯ มตฺถกจฺฉินฺนตาโลเยว ปตฺตผลาทีนํ อการณตาย อวตฺถูติ ตาลาวตฺถุ, ตํ วิย เยสํ วตฺถุ กตํ เต รูปรสาทโย ตาลาวตฺถุกตา, อยํ อญฺญปทตฺถวเสน อตฺถคฺคาโห เหฎฺฐา วุตฺตนเยน สุคโมติ วิเสสมตฺถํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘มตฺถกจฺฉินฺนตาโล วิย กตา’’ติฯ เอวญฺจ มตฺถกสทิเสสุ รูปรสาทีสุ ราเคสุ ฉิเนฺนสุปิ ตพฺพตฺถุภูตสฺส ตาลาวตฺถุสทิสสฺส จิตฺตสนฺตานสฺส ยาว ปรินิพฺพานฎฺฐานํ อุปปนฺนเมว โหติฯ ยถารุตโต ปน วิเสสนสมาสวเสน อเตฺถ คยฺหมาเน รูปรสาทีนํ ตาลาวตฺถุสทิสตาย ฐานํ อาปชฺชติฯ ยํ ปน สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฎี. ๑.๓) เอตํ โทสํ ปริหริตุํ รูปรสาทีนํ กุสลากุสลตฺตํ วุตฺตํ, ตํ เต ตถาคตสฺส ปหีนาติอาทิปาฬิยา, กามสุขสฺสาทสงฺขาตา รูปรสาติอาทิอฎฺฐกถาย จ น สเมติ, ขีณาสวานมฺปิ ยาว ปรินิพฺพานา กุสลากุสลานํ ผลุปฺปตฺติโต เตสํ มตฺถกจฺฉินฺนตาลสทิสตาปิ น ยุตฺตาติ คเหตพฺพํฯ อถ วา มตฺถกจฺฉินฺนตาลสฺส ฐิตํ อฎฺฐิตญฺจ อมนสิกตฺวา ปุน อนุปฺปตฺติธมฺมตาสทิสมตฺตํ อุปเมตฺวา ตาลาวตฺถุ วิย กตาติ วิเสสนสมาสวเสน อตฺถคฺคหเณปิ น โกจิ โทโสฯ อนุ-สโทฺท ปจฺฉาติ อเตฺถ วตฺตตีติ อาห ปจฺฉาภาโว น โหตีติอาทิฯ อนุ อภาวํ คตาติ ปจฺฉา อนุปฺปตฺติธมฺมตาวเสน อภาวํ คตาฯ อนจฺฉริยาติ อนุ อนุ อุปรูปริ วิมฺหยกตาติ อโตฺถฯ ยญฺจ โข ตฺวํ วเทสีติ ยํ วนฺทนาทิสามคฺคีรสาภาวสงฺขาตํ การณํ อรสรูปตาย วเทสิ, ตํ การณํ น วิชฺชตีติ อโตฺถฯ
Tālāvatthukatāti ucchinnamūlānaṃ tālānaṃ vatthu viya nesaṃ rūparasādīnaṃ vatthu cittasantānaṃ katanti imasmiṃ atthe majjhepadalopaṃ dīghañca katvā niddesoti āha tālavatthu viyātiādi. Tālavatthu viya yesaṃ vatthu kataṃ te tālāvatthukatāti visesanassa paranipāto daṭṭhabbo, katatālavatthukāti attho. Matthakacchinnatāloyeva pattaphalādīnaṃ akāraṇatāya avatthūti tālāvatthu, taṃ viya yesaṃ vatthu kataṃ te rūparasādayo tālāvatthukatā, ayaṃ aññapadatthavasena atthaggāho heṭṭhā vuttanayena sugamoti visesamatthaṃ dassento āha ‘‘matthakacchinnatālo viya katā’’ti. Evañca matthakasadisesu rūparasādīsu rāgesu chinnesupi tabbatthubhūtassa tālāvatthusadisassa cittasantānassa yāva parinibbānaṭṭhānaṃ upapannameva hoti. Yathārutato pana visesanasamāsavasena atthe gayhamāne rūparasādīnaṃ tālāvatthusadisatāya ṭhānaṃ āpajjati. Yaṃ pana sāratthadīpaniyaṃ (sārattha. ṭī. 1.3) etaṃ dosaṃ pariharituṃ rūparasādīnaṃ kusalākusalattaṃ vuttaṃ, taṃ te tathāgatassa pahīnātiādipāḷiyā, kāmasukhassādasaṅkhātā rūparasātiādiaṭṭhakathāya ca na sameti, khīṇāsavānampi yāva parinibbānā kusalākusalānaṃ phaluppattito tesaṃ matthakacchinnatālasadisatāpi na yuttāti gahetabbaṃ. Atha vā matthakacchinnatālassa ṭhitaṃ aṭṭhitañca amanasikatvā puna anuppattidhammatāsadisamattaṃ upametvā tālāvatthu viya katāti visesanasamāsavasena atthaggahaṇepi na koci doso. Anu-saddo pacchāti atthe vattatīti āha pacchābhāvo na hotītiādi. Anu abhāvaṃ gatāti pacchā anuppattidhammatāvasena abhāvaṃ gatā. Anacchariyāti anu anu uparūpari vimhayakatāti attho. Yañca kho tvaṃ vadesīti yaṃ vandanādisāmaggīrasābhāvasaṅkhātaṃ kāraṇaṃ arasarūpatāya vadesi, taṃ kāraṇaṃ na vijjatīti attho.
๔. สนฺธาย ภาสิตมตฺถนฺติ ยํ อตฺถํ สนฺธาย พฺราหฺมโณ นิโพฺภโค ภวํ โคตโมติอาทิมาห, ภควา จ ยํ สนฺธาย นิโพฺภคตาทิํ อตฺตนิ อนุชานาติ, ตํ สนฺธาย ภาสิตมตฺถํฯ
4.Sandhāya bhāsitamatthanti yaṃ atthaṃ sandhāya brāhmaṇo nibbhogo bhavaṃ gotamotiādimāha, bhagavā ca yaṃ sandhāya nibbhogatādiṃ attani anujānāti, taṃ sandhāya bhāsitamatthaṃ.
๕. กุลสมุทาจารกมฺมนฺติ กุลาจารกมฺมํฯ กายโต กายทฺวารโต ปวตฺตํ ทุจฺจริตํ กายทุจฺจริตํฯ อเนกวิหิตาติ อเนกปฺปการาฯ
5.Kulasamudācārakammanti kulācārakammaṃ. Kāyato kāyadvārato pavattaṃ duccaritaṃ kāyaduccaritaṃ. Anekavihitāti anekappakārā.
๖. ปญฺจกามคุณิกราคสฺสาติ รูปาทีสุ ปญฺจสุ กามโกฎฺฐาเสสุ อติวิย สงฺควเสน นิยุตฺตสฺส กามราคสฺส, เอเตน อนาคามีนํ วตฺถาภรณาทีสุ สงฺคนิกนฺติวเสน อุปฺปชฺชนกามราคสฺส กามราคตาภาวํ ทเสฺสติ ตสฺส รูปราคาทีสุ สงฺคหโตฯ อวเสสานนฺติ เอตฺถ สกฺกายทิฎฺฐิวิจิกิจฺฉานํ ปฐเมน มเคฺคน, เสสานํ จตูหิปิ อุเจฺฉทํ วทติ, เตนาห ‘‘ยถานุรูป’’นฺติฯ
6.Pañcakāmaguṇikarāgassāti rūpādīsu pañcasu kāmakoṭṭhāsesu ativiya saṅgavasena niyuttassa kāmarāgassa, etena anāgāmīnaṃ vatthābharaṇādīsu saṅganikantivasena uppajjanakāmarāgassa kāmarāgatābhāvaṃ dasseti tassa rūparāgādīsu saṅgahato. Avasesānanti ettha sakkāyadiṭṭhivicikicchānaṃ paṭhamena maggena, sesānaṃ catūhipi ucchedaṃ vadati, tenāha ‘‘yathānurūpa’’nti.
๗. ชิคุจฺฉติ มเญฺญติ ชิคุจฺฉติ วิย, ‘‘ชิคุจฺฉตี’’ติ วา สลฺลเกฺขมิฯ อโกสลฺลสมฺภูตเฎฺฐนาติ อญฺญาณสมฺภูตเฎฺฐนฯ
7.Jigucchati maññeti jigucchati viya, ‘‘jigucchatī’’ti vā sallakkhemi. Akosallasambhūtaṭṭhenāti aññāṇasambhūtaṭṭhena.
๘-๑๐. ตตฺราติ ยถาวุเตฺตสุ ทฺวีสุ อตฺถวิกเปฺปสุฯ ปฎิสนฺธิปริยาโยปิ อิธ คพฺภสโทฺทติ อาห ‘‘เทวโลกปฎิสนฺธิปฎิลาภายา’’ติฯ อปุนพฺภวภูตาติ ขเณ ขเณ อุปฺปชฺชมานานํ ธมฺมานํ อภินิพฺพตฺติฯ
8-10.Tatrāti yathāvuttesu dvīsu atthavikappesu. Paṭisandhipariyāyopi idha gabbhasaddoti āha ‘‘devalokapaṭisandhipaṭilābhāyā’’ti. Apunabbhavabhūtāti khaṇe khaṇe uppajjamānānaṃ dhammānaṃ abhinibbatti.
๑๑. ธมฺมธาตุนฺติ สพฺพญฺญุตญฺญาณํฯ ตญฺหิ ธเมฺม ยาถาวโต ธาเรติ อุปธาเรตีติ ‘‘ธมฺมธาตู’’ติ วุจฺจติฯ เทสนาวิลาสปฺปโตฺตติ อภิรุจิวเสน ปริวเตฺตตฺวา เทเสตุํ สมตฺถตา เทสนาวิลาโส, ตํ ปโตฺตฯ กรุณาวิปฺผารนฺติ สพฺพสเตฺตสุ มหากรุณาย ผรณํฯ ตาทิคุณลกฺขณเมว อุปมาย วิภาเวโนฺต อาห ‘‘ปถวีสมจิตฺตต’’นฺติฯ ตโตเยว อกุชฺฌนสภาวโต อกุปฺปธมฺมตาฯ ชาติยา อนุคตนฺติ ชาติยา อนุพทฺธํฯ ชราย อนุสฎนฺติ ชราย ปลิเวฐิตํฯ วฎฺฎขาณุภูตนฺติ วฎฺฎโต อุทฺธริตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย วเฎฺฎ นิจฺจลภาเวน ฐิตํ ขาณุ วิย ภูตํฯ ชาตานํ มจฺจานํ นิจฺจํ มรณโต ภยนฺติ อาห อชฺช มริตฺวาติอาทิฯ อปฺปฎิสมํ ปุเรชาตภาวนฺติ อสทิสํ อริยาย ชาติยา ปฐมชาตภาวํ, สพฺพเชฎฺฐภาวนฺติ อโตฺถฯ
11.Dhammadhātunti sabbaññutaññāṇaṃ. Tañhi dhamme yāthāvato dhāreti upadhāretīti ‘‘dhammadhātū’’ti vuccati. Desanāvilāsappattoti abhirucivasena parivattetvā desetuṃ samatthatā desanāvilāso, taṃ patto. Karuṇāvipphāranti sabbasattesu mahākaruṇāya pharaṇaṃ. Tādiguṇalakkhaṇameva upamāya vibhāvento āha ‘‘pathavīsamacittata’’nti. Tatoyeva akujjhanasabhāvato akuppadhammatā. Jātiyā anugatanti jātiyā anubaddhaṃ. Jarāya anusaṭanti jarāya paliveṭhitaṃ. Vaṭṭakhāṇubhūtanti vaṭṭato uddharituṃ asakkuṇeyyatāya vaṭṭe niccalabhāvena ṭhitaṃ khāṇu viya bhūtaṃ. Jātānaṃ maccānaṃ niccaṃ maraṇato bhayanti āha ajja maritvātiādi. Appaṭisamaṃ purejātabhāvanti asadisaṃ ariyāya jātiyā paṭhamajātabhāvaṃ, sabbajeṭṭhabhāvanti attho.
‘‘อปี’’ติ อวตฺวา ‘‘ปี’’ติ วทโนฺต ปิ-สโทฺท วิสุํ อตฺถิ นิปาโตติ ทเสฺสติฯ สมฺมา อธิสยิตานีติ ปาทาทีหิ อุปฆาตํ อกโรนฺติยา สมฺมเทว อุปริ สยิตานิ, อกมฺมกสฺสาปิ สยติธาตุโน อธิปุพฺพตาย สกมฺมกตา ทฎฺฐพฺพาฯ นขสิขาติ นขคฺคานิฯ สกุณานํ ปกฺขา หตฺถปาทฎฺฐานิยาติ อาห ‘‘สงฺกุฎิตหตฺถปาทา’’ติฯ เอตฺถาติ อาโลกฎฺฐาเนฯ นิกฺขมนฺตานนฺติ นิกฺขมเนฺตสุ, นิทฺธารเณ เหตํ สามิวจนํฯ อณฺฑโกสนฺติ อณฺฑกปาลํฯ
‘‘Apī’’ti avatvā ‘‘pī’’ti vadanto pi-saddo visuṃ atthi nipātoti dasseti. Sammā adhisayitānīti pādādīhi upaghātaṃ akarontiyā sammadeva upari sayitāni, akammakassāpi sayatidhātuno adhipubbatāya sakammakatā daṭṭhabbā. Nakhasikhāti nakhaggāni. Sakuṇānaṃ pakkhā hatthapādaṭṭhāniyāti āha ‘‘saṅkuṭitahatthapādā’’ti. Etthāti ālokaṭṭhāne. Nikkhamantānanti nikkhamantesu, niddhāraṇe hetaṃ sāmivacanaṃ. Aṇḍakosanti aṇḍakapālaṃ.
โลโกเยว โลกสนฺนิวาโสฯ อพุชฺฌิ เอตฺถาติ รุโกฺข โพธิ, สยํ พุชฺฌติ, พุชฺฌนฺติ วา เตนาติ มโคฺคปิ สพฺพญฺญุตญฺญาณมฺปิ โพธิฯ พุชฺฌียตีติ นิพฺพานํ โพธิฯ อนฺตรา จ โพธินฺติ ทุติยมุทาหรณํ วินาปิ รุกฺข-สเทฺทน โพธิ-สทฺทสฺส รุกฺขปฺปวตฺติทสฺสนตฺถํฯ วรภูริเมธโสติ มหาปถวี วิย ปตฺถฎปโญฺญติ อโตฺถฯ ติโสฺส วิชฺชาติ อรหตฺตมโคฺค อตฺตนา สห วตฺตมานํ สมฺมาทิฎฺฐิสงฺขาตํ อาสวกฺขยญาณเญฺจว อิตรา เทฺว มหคฺคตวิชฺชา จ ตพฺพินิพนฺธกกิเลสวิทฺธํสนวเสน อุปฺปาทนโต ‘‘ติโสฺส วิชฺชา’’ติ วุจฺจติฯ ฉ อภิญฺญาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ สาวกปารมีญาณนฺติ อคฺคสาวเกหิ ปฎิลภิตพฺพํ สพฺพเมว โลกิยโลกุตฺตรญาณํฯ ปเจฺจกโพธิญาณนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ
Lokoyeva lokasannivāso. Abujjhi etthāti rukkho bodhi, sayaṃ bujjhati, bujjhanti vā tenāti maggopi sabbaññutaññāṇampi bodhi. Bujjhīyatīti nibbānaṃ bodhi. Antarā ca bodhinti dutiyamudāharaṇaṃ vināpi rukkha-saddena bodhi-saddassa rukkhappavattidassanatthaṃ. Varabhūrimedhasoti mahāpathavī viya patthaṭapaññoti attho. Tisso vijjāti arahattamaggo attanā saha vattamānaṃ sammādiṭṭhisaṅkhātaṃ āsavakkhayañāṇañceva itarā dve mahaggatavijjā ca tabbinibandhakakilesaviddhaṃsanavasena uppādanato ‘‘tisso vijjā’’ti vuccati. Cha abhiññāti etthāpi eseva nayo. Sāvakapāramīñāṇanti aggasāvakehi paṭilabhitabbaṃ sabbameva lokiyalokuttarañāṇaṃ. Paccekabodhiñāṇanti etthāpi eseva nayo.
โอปมฺมสมฺปฎิปาทนนฺติ โอปมฺมตฺถสฺส อุปเมเยฺยน สมํ ปฎิปาทนํฯ อเตฺถนาติ อุปเมยฺยเตฺถนฯ ติกฺขขรวิปฺปสนฺนสูรภาโวติ อิมินา สงฺขารุเปกฺขาปตฺตตํ วิปสฺสนาย ทเสฺสติฯ ปริณามกาโลติ อิมินา วุฎฺฐานคามินิภาวาปตฺติํฯ ตทา จ สา มคฺคญาณคพฺภํ ธาเรนฺตี วิย โหตีติ อาห ‘‘คพฺภคฺคหณกาโล’’ติฯ อนุปุพฺพาธิคเตนาติ ปฐมมคฺคาทิปฎิปาฎิยา อธิคเตนฯ จตุรงฺคสมนฺนาคตนฺติ ‘‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ จ อฎฺฐิ จ อวสิสฺสตุ (ม. นิ. ๒.๑๘๔; สํ. นิ. ๒.๒๒; อ. นิ. ๒.๕; มหานิ. ๑๙๖), สรีเร อุปสุสฺสตุ มํสโลหิต’’นฺติ เอวํ วุตฺตจตุรงฺคสมนฺนาคตํ วีริยํฯ
Opammasampaṭipādananti opammatthassa upameyyena samaṃ paṭipādanaṃ. Atthenāti upameyyatthena. Tikkhakharavippasannasūrabhāvoti iminā saṅkhārupekkhāpattataṃ vipassanāya dasseti. Pariṇāmakāloti iminā vuṭṭhānagāminibhāvāpattiṃ. Tadā ca sā maggañāṇagabbhaṃ dhārentī viya hotīti āha ‘‘gabbhaggahaṇakālo’’ti. Anupubbādhigatenāti paṭhamamaggādipaṭipāṭiyā adhigatena. Caturaṅgasamannāgatanti ‘‘kāmaṃ taco ca nhāru ca aṭṭhi ca avasissatu (ma. ni. 2.184; saṃ. ni. 2.22; a. ni. 2.5; mahāni. 196), sarīre upasussatu maṃsalohita’’nti evaṃ vuttacaturaṅgasamannāgataṃ vīriyaṃ.
ฉโนฺท กาโมติอาทีสุ ปตฺถนากาเรน ปวโตฺต ทุพฺพโล โลโภ อิจฺฉนเฎฺฐน ฉโนฺทฯ ตโต พลวา รญฺชนเฎฺฐน ราโคฯ ตโตปิ พลวตโร ฉนฺทราโคฯ นิมิตฺตานุพฺยญฺชนสงฺกปฺปวเสน ปวโตฺต สงฺกโปฺปฯ ตโตปิ พลวสงฺกปฺปวเสเนว ปวโตฺต ราโคฯ ตโตปิ พลวตโร สงฺกปฺปราโคฯ สฺวายํ ปเภโท เอกเสฺสว โลภสฺส ปวตฺติอาการเภเทน อวตฺถาเภเทน จ วุโตฺตฯ
Chando kāmotiādīsu patthanākārena pavatto dubbalo lobho icchanaṭṭhena chando. Tato balavā rañjanaṭṭhena rāgo. Tatopi balavataro chandarāgo. Nimittānubyañjanasaṅkappavasena pavatto saṅkappo. Tatopi balavasaṅkappavaseneva pavatto rāgo. Tatopi balavataro saṅkapparāgo. Svāyaṃ pabhedo ekasseva lobhassa pavattiākārabhedena avatthābhedena ca vutto.
ปฐมชฺฌานกถาวณฺณนา
Paṭhamajjhānakathāvaṇṇanā
เสยฺยถิทนฺติ ตํ กถนฺติ อโตฺถฯ เอตนฺติ ปุพฺพปเทเยว อวธารณกรณํ, เอตํ อตฺถชาตํ วาฯ ตนฺนิสฺสรณโตติ เตสํ กามานํ นิสฺสรณตฺตาฯ เอสาติ เอว-กาโรฯ กามธาตุ นาม กามภโว, เนกฺขมฺมนฺติ ปฐมชฺฌานํฯ เอสาติ นิยโมฯ ตทงฺควิกฺขมฺภนสมุเจฺฉทปฎิปฺปสฺสทฺธินิสฺสรณวิเวกา ตทงฺควิเวกาทโยฯ กายจิตฺตอุปธิวิเวกา กายวิเวกาทโย, ตโย เอว อิธ ฌานกถาย, สมุเจฺฉทวิเวกาทีนํ อสมฺภวาฯ นิเทฺทเสติ มหานิเทฺทเสฯ ตเตฺถวาติ มหานิเทฺทเส เอวฯ วิภเงฺคติ ฌานวิภเงฺคฯ เอวญฺหิ สตีติ อุภเยสมฺปิ กามานํ สงฺคเห สติฯ
Seyyathidanti taṃ kathanti attho. Etanti pubbapadeyeva avadhāraṇakaraṇaṃ, etaṃ atthajātaṃ vā. Tannissaraṇatoti tesaṃ kāmānaṃ nissaraṇattā. Esāti eva-kāro. Kāmadhātu nāma kāmabhavo, nekkhammanti paṭhamajjhānaṃ. Esāti niyamo. Tadaṅgavikkhambhanasamucchedapaṭippassaddhinissaraṇavivekā tadaṅgavivekādayo. Kāyacittaupadhivivekā kāyavivekādayo, tayo eva idha jhānakathāya, samucchedavivekādīnaṃ asambhavā. Niddeseti mahāniddese. Tatthevāti mahāniddese eva. Vibhaṅgeti jhānavibhaṅge. Evañhi satīti ubhayesampi kāmānaṃ saṅgahe sati.
ปุริเมนาติ กายวิเวเกนฯ เอตฺถาติ เอตสฺมิํ กายจิตฺตวิเวกทฺวเยฯ ทุติเยนาติ จิตฺตวิเวเกนฯ เอเตสนฺติ ยถาวุตฺตนเยน วตฺถุกามกิเลสกามวิเวกทฺวยสฺส วาจกภูตานํ วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหีติ อิเมสํ ปทานํ, นิทฺธารเณ เจตํ สามิวจนํฯ พาลภาวสฺส เหตุปริจฺจาโคติ อนุวตฺตติฯ อกุสลธโมฺม หิ พาลภาวสฺส เหตุฯ อาสยโปสนนฺติ อาสยสฺส วิโสธนํ วฑฺฒนญฺจฯ วิภเงฺค นีวรณาเนว วุตฺตานีติ สมฺพโนฺธฯ ตตฺถ การณมาห ‘‘อุปริฌานงฺคปจฺจนีกปฎิปกฺขภาวทสฺสนโต’’ติฯ ตตฺถ อุปริ สวิตกฺกนฺติอาทินา วุจฺจมานานิ ฌานงฺคานิ, เตสํ อตฺตโน ปจฺจนีกานํ ปฎิปกฺขภาวทสฺสนโตติ อโตฺถฯ อุปริฌานงฺคานํ ปจฺจนีกปฎิปกฺขภาวสฺส ทสฺสนโตติปิ ปาโฐฯ ตตฺถ ‘‘อุปริ วุจฺจมานฌานงฺคานํ อุชุวิปจฺจนีกวเสน ปฎิปกฺขภาวทสฺสนโต’’ติ ‘‘นีวรณานํ ตาเนว วิภเงฺค วุตฺตานี’’ติปิ อตฺถํ วทนฺติ ฯ เปฎเกติ มหากจฺจายนเตฺถเรน กตํ เนตฺติปฺปกรณนยานุสาริปกรณํ, ตํ ปน ปิฎกานํ วณฺณนาภูตตฺตา ‘‘เปฎก’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺมินฺติ อโตฺถฯ
Purimenāti kāyavivekena. Etthāti etasmiṃ kāyacittavivekadvaye. Dutiyenāti cittavivekena. Etesanti yathāvuttanayena vatthukāmakilesakāmavivekadvayassa vācakabhūtānaṃ vivicceva kāmehi vivicca akusalehīti imesaṃ padānaṃ, niddhāraṇe cetaṃ sāmivacanaṃ. Bālabhāvassa hetupariccāgoti anuvattati. Akusaladhammo hi bālabhāvassa hetu. Āsayaposananti āsayassa visodhanaṃ vaḍḍhanañca. Vibhaṅge nīvaraṇāneva vuttānīti sambandho. Tattha kāraṇamāha ‘‘uparijhānaṅgapaccanīkapaṭipakkhabhāvadassanato’’ti. Tattha upari savitakkantiādinā vuccamānāni jhānaṅgāni, tesaṃ attano paccanīkānaṃ paṭipakkhabhāvadassanatoti attho. Uparijhānaṅgānaṃ paccanīkapaṭipakkhabhāvassa dassanatotipi pāṭho. Tattha ‘‘upari vuccamānajhānaṅgānaṃ ujuvipaccanīkavasena paṭipakkhabhāvadassanato’’ti ‘‘nīvaraṇānaṃ tāneva vibhaṅge vuttānī’’tipi atthaṃ vadanti . Peṭaketi mahākaccāyanattherena kataṃ nettippakaraṇanayānusāripakaraṇaṃ, taṃ pana piṭakānaṃ vaṇṇanābhūtattā ‘‘peṭaka’’nti vuttaṃ, tasminti attho.
วิตกฺกนํ นาม อารมฺมณปริกปฺปนนฺติ อาห ‘‘อูหน’’นฺติฯ รูปํ รูปนฺติอาทินา วิสเย อาโกเฎนฺตสฺส วิสยปฺปวตฺติอาหนนํ อุปริ อาหนนนฺติ เวทิตพฺพํฯ อารมฺมเณ จิตฺตสฺส อานยนํ นาม อารมฺมณาภิมุขกรณํฯ อนุสญฺจรณนฺติ อนุปริพฺภมนํ, ตญฺจ ขณนฺตรสฺส ตถากาเรน อุปฺปาทนเมว, น หิ ปรมตฺถโต เอกสฺส สญฺจรณมตฺถิ, เอวมญฺญตฺถาปิ อีทิเสสุฯ อนุมชฺชนนฺติ ปริมชฺชนํฯ ตตฺถาติ อารมฺมเณฯ สหชาตานุโยชนํ สกิจฺจานุวตฺติตากรเณนฯ กตฺถจีติ ทุติยชฺฌานวิรหิเตสุ สวิจารจิเตฺตสุ สพฺพตฺถาติ อโตฺถฯ วิจาเรน สห อุปฺปชฺชมาโนปิ วิตโกฺก อารมฺมเณ อภินิโรปนากาเรน ปวตฺติํ สนฺธาย ‘‘ปฐมาภินิปาโต’’ติ วุโตฺตฯ วิปฺผารวาติ อวูปสนฺตสภาวตาย เวควา, เตเนเวส ทุติยชฺฌาเน ปหานงฺคํ ชาตํฯ ปฐมทุติยชฺฌาเนสูติ ปญฺจกนยํ สนฺธาย วุตฺตํฯ องฺควินิมุตฺตสฺส ฌานสฺส อภาวํ ทเสฺสโนฺต รุโกฺข วิยาติอาทิมาหฯ
Vitakkanaṃ nāma ārammaṇaparikappananti āha ‘‘ūhana’’nti. Rūpaṃ rūpantiādinā visaye ākoṭentassa visayappavattiāhananaṃ upari āhanananti veditabbaṃ. Ārammaṇe cittassa ānayanaṃ nāma ārammaṇābhimukhakaraṇaṃ. Anusañcaraṇanti anuparibbhamanaṃ, tañca khaṇantarassa tathākārena uppādanameva, na hi paramatthato ekassa sañcaraṇamatthi, evamaññatthāpi īdisesu. Anumajjananti parimajjanaṃ. Tatthāti ārammaṇe. Sahajātānuyojanaṃ sakiccānuvattitākaraṇena. Katthacīti dutiyajjhānavirahitesu savicāracittesu sabbatthāti attho. Vicārena saha uppajjamānopi vitakko ārammaṇe abhiniropanākārena pavattiṃ sandhāya ‘‘paṭhamābhinipāto’’ti vutto. Vipphāravāti avūpasantasabhāvatāya vegavā, tenevesa dutiyajjhāne pahānaṅgaṃ jātaṃ. Paṭhamadutiyajjhānesūti pañcakanayaṃ sandhāya vuttaṃ. Aṅgavinimuttassa jhānassa abhāvaṃ dassento rukkho viyātiādimāha.
วิเวก-สทฺทสฺส ภาวสาธนปเกฺข ‘‘ตสฺมา วิเวกา’’ติ วุตฺตํ, อิตรปเกฺข ‘‘ตสฺมิํ วิเวเก’’ติฯ ปินยตีติ ตเปฺปติ, วเฑฺฒติ วาฯ ผรณรสาติ ปณีตรูเปหิ กาเย พฺยาปนรสาฯ สาตลกฺขณนฺติ อิฎฺฐสภาวํ, มธุรนฺติ อโตฺถฯ สมฺปยุตฺตานํ ปีฬนชฺฌุเปกฺขนํ อกตฺวา อนุ อนุ คณฺหนํ อุปการิตา วา อนุคฺคโหฯ วนเมว วนนฺตํฯ อุทกเมว อุทกนฺตํฯ ตสฺมิํ ตสฺมิํ สมเย ปากฎภาวโตติ อิมินา อิฎฺฐารมฺมณาทิปฎิลาภสมเยปิ สุขํ วิชฺชมานมฺปิ อปากฎํ, ปีติเยว ตตฺถ ปากฎา, ปฎิลทฺธรสานุภวนสมเย จ วิชฺชมานปีติโตปิ สุขเมว ปากฎตรนฺติ ทเสฺสติฯ เอตฺถ จ เจตสิกสุขวเสเนว ปฎิลทฺธรสานุภวนํ เวทิตพฺพํ, น กายิกสุขวเสน ตสฺส ปีติสมฺปโยคเสฺสว อภาเวน อิธานธิเปฺปตตฺตาฯ อยญฺจ ปีตีติอาทิ อญฺญปทตฺถสมอาสทสฺสนํ, อสฺสตฺถิปเกฺข ตทฺธิตปจฺจยทสฺสนํ วาฯ ทุติยวิกเปฺปน อญฺญปทตฺถสมาสวเสเนว ‘‘วิเวกชํ ปีติสุข’’นฺติ อิทํ เอกํ ปทนฺติ ทเสฺสติ, วิภตฺติยา จ อโลปํฯ
Viveka-saddassa bhāvasādhanapakkhe ‘‘tasmā vivekā’’ti vuttaṃ, itarapakkhe ‘‘tasmiṃ viveke’’ti. Pinayatīti tappeti, vaḍḍheti vā. Pharaṇarasāti paṇītarūpehi kāye byāpanarasā. Sātalakkhaṇanti iṭṭhasabhāvaṃ, madhuranti attho. Sampayuttānaṃ pīḷanajjhupekkhanaṃ akatvā anu anu gaṇhanaṃ upakāritā vā anuggaho. Vanameva vanantaṃ. Udakameva udakantaṃ. Tasmiṃ tasmiṃ samaye pākaṭabhāvatoti iminā iṭṭhārammaṇādipaṭilābhasamayepi sukhaṃ vijjamānampi apākaṭaṃ, pītiyeva tattha pākaṭā, paṭiladdharasānubhavanasamaye ca vijjamānapītitopi sukhameva pākaṭataranti dasseti. Ettha ca cetasikasukhavaseneva paṭiladdharasānubhavanaṃ veditabbaṃ, na kāyikasukhavasena tassa pītisampayogasseva abhāvena idhānadhippetattā. Ayañca pītītiādi aññapadatthasamaāsadassanaṃ, assatthipakkhe taddhitapaccayadassanaṃ vā. Dutiyavikappena aññapadatthasamāsavaseneva ‘‘vivekajaṃ pītisukha’’nti idaṃ ekaṃ padanti dasseti, vibhattiyā ca alopaṃ.
คณนานุปุพฺพตาติ เทสนากฺกมํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ปฐมํ สมาปชฺชตีติ อิทํ อาทิกมฺมิกวเสน วุตฺตํ, จิณฺณวสีนํ ปน โยคีนํ อุปฺปฎิปาฎิยาปิ ฌานํ อุปฺปชฺชเตวฯ ฌาเปตีติ ทหติฯ อนิจฺจาทิลกฺขณวิสยาย วิปสฺสนาย อุปนิชฺฌายนํ กถํ นิพฺพานาลมฺพนสฺส มคฺคสฺส โหตีติ อาห วิปสฺสนายาติอาทิฯ ตตฺถ มเคฺคน สิชฺฌตีติ นิจฺจาทิวิปลฺลาสปฺปหายเกน สห มเคฺคเนว ตํ ลกฺขณูปนิชฺฌานํ อสโมฺมหโต อตฺตโน สิชฺฌติฯ อถ วา มเคฺคนาติ มคฺคกิเจฺจน, วิปลฺลาสปฺปหาเนนาติ อโตฺถฯ
Gaṇanānupubbatāti desanākkamaṃ sandhāya vuttaṃ. Paṭhamaṃ samāpajjatīti idaṃ ādikammikavasena vuttaṃ, ciṇṇavasīnaṃ pana yogīnaṃ uppaṭipāṭiyāpi jhānaṃ uppajjateva. Jhāpetīti dahati. Aniccādilakkhaṇavisayāya vipassanāya upanijjhāyanaṃ kathaṃ nibbānālambanassa maggassa hotīti āha vipassanāyātiādi. Tattha maggena sijjhatīti niccādivipallāsappahāyakena saha maggeneva taṃ lakkhaṇūpanijjhānaṃ asammohato attano sijjhati. Atha vā maggenāti maggakiccena, vipallāsappahānenāti attho.
อโญฺญติ สโตฺตฯ อวุตฺตตฺตาติ ‘‘สจิเตฺตกคฺคต’’นฺติ ฌานปาฬิยํ (วิภ. ๕๐๘ อาทโย) อวุตฺตตฺตาฯ วุตฺตตฺตาติ ตสฺสา ฌานปาฬิยา วิภเงฺค วุตฺตตฺตาฯ
Aññoti satto. Avuttattāti ‘‘sacittekaggata’’nti jhānapāḷiyaṃ (vibha. 508 ādayo) avuttattā. Vuttattāti tassā jhānapāḷiyā vibhaṅge vuttattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / เวรญฺชกณฺฑํ • Verañjakaṇḍaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / เวรญฺชกณฺฑวณฺณนา • Verañjakaṇḍavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā
เวรญฺชกณฺฑวณฺณนา • Verañjakaṇḍavaṇṇanā
๑. สุกฺกวิสฺสฎฺฐิสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Sukkavissaṭṭhisikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / เวรญฺชกณฺฑวณฺณนา • Verañjakaṇḍavaṇṇanā