Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā |
๔. นิสฺสคฺคิยกณฺฑํ
4. Nissaggiyakaṇḍaṃ
๑. จีวรวโคฺค
1. Cīvaravaggo
๑. ปฐมกถินสิกฺขาปทวณฺณนา
1. Paṭhamakathinasikkhāpadavaṇṇanā
๔๕๙. สมิตาวินาติ สมิตปาเปนฯ โคตมเก เจติเยติ โคตมยกฺขสฺส เจติยฎฺฐาเน กตวิหาโร วุจฺจติฯ ปริภุญฺชิตุํ อนุญฺญาตํ โหตีติ ภควตา คหปติจีวเร อนุญฺญาเต พหูนิ จีวรานิ ลภิตฺวา ภณฺฑิกํ กตฺวา สีเสปิ ขเนฺธปิ กฎิยาปิ ฐเปตฺวา อาคจฺฉเนฺต ภิกฺขู ทิสฺวา จีวเร สีมํ พนฺธเนฺตน ติจีวรํ ปริโภคตฺถาย อนุญฺญาตํ, น ปน อธิฎฺฐานวเสนฯ นหายนฺติ เอตฺถาติ นหานํ, นหานติตฺถํฯ
459.Samitāvināti samitapāpena. Gotamake cetiyeti gotamayakkhassa cetiyaṭṭhāne katavihāro vuccati. Paribhuñjituṃ anuññātaṃ hotīti bhagavatā gahapaticīvare anuññāte bahūni cīvarāni labhitvā bhaṇḍikaṃ katvā sīsepi khandhepi kaṭiyāpi ṭhapetvā āgacchante bhikkhū disvā cīvare sīmaṃ bandhantena ticīvaraṃ paribhogatthāya anuññātaṃ, na pana adhiṭṭhānavasena. Nahāyanti etthāti nahānaṃ, nahānatitthaṃ.
๔๖๐. เอโก กิร พฺราหฺมโณ จิเนฺตสิ ‘‘พุทฺธรตนสฺส จ สงฺฆรตนสฺส จ ปูชา ปญฺญายติ, กถํ นุ โข ธมฺมรตนํ ปูชิตํ นาม โหตี’’ติฯ โส ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปุจฺฉิฯ ภควา อาห ‘‘สเจปิ พฺราหฺมณ ธมฺมรตนํ ปูเชตุกาโม, เอกํ พหุสฺสุตํ ปูเชหี’’ติฯ พหุสฺสุตํ ภเนฺต อาจิกฺขถาติฯ ภิกฺขุสงฺฆํ ปุจฺฉาติฯ โส ภิกฺขู อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘พหุสฺสุตํ ภเนฺต อาจิกฺขถา’’ติ อาหฯ อานนฺทเตฺถโร พฺราหฺมณาติฯ พฺราหฺมโณ เถรํ สหสฺสคฺฆนเกน จีวเรน ปูเชสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ปฎิลาภวเสน อุปฺปนฺน’’นฺติฯ อุปฺปนฺน-สโทฺท นิปฺผนฺนปริยาโยปิ โหตีติ ตํ ปฎิกฺขิปโนฺต อาห ‘‘โน นิปฺผตฺติวเสนา’’ติฯ ปฐมเมว หิ ตํ ตนฺตวายกเมฺมน นิปฺผนฺนํฯ
460. Eko kira brāhmaṇo cintesi ‘‘buddharatanassa ca saṅgharatanassa ca pūjā paññāyati, kathaṃ nu kho dhammaratanaṃ pūjitaṃ nāma hotī’’ti. So bhagavantaṃ upasaṅkamitvā etamatthaṃ pucchi. Bhagavā āha ‘‘sacepi brāhmaṇa dhammaratanaṃ pūjetukāmo, ekaṃ bahussutaṃ pūjehī’’ti. Bahussutaṃ bhante ācikkhathāti. Bhikkhusaṅghaṃ pucchāti. So bhikkhū upasaṅkamitvā ‘‘bahussutaṃ bhante ācikkhathā’’ti āha. Ānandatthero brāhmaṇāti. Brāhmaṇo theraṃ sahassagghanakena cīvarena pūjesi. Tena vuttaṃ ‘‘paṭilābhavasena uppanna’’nti. Uppanna-saddo nipphannapariyāyopi hotīti taṃ paṭikkhipanto āha ‘‘no nipphattivasenā’’ti. Paṭhamameva hi taṃ tantavāyakammena nipphannaṃ.
เถรสฺส สนฺติเก อุปชฺฌํ คาหาเปตฺวา สยํ อนุสฺสาวนกมฺมํ กโรตีติ เอตฺถ สาริปุตฺตเตฺถโรปิ ตเถว กโรตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ เอวํ เอกเมเกน อตฺตโน ปตฺตจีวรํ ทตฺวา ปพฺพาเชตฺวา อุปชฺฌํ คณฺหาปิตานิ ปญฺจ ปญฺจ ภิกฺขุสตานิ อเหสุํฯ อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อติวิย มมายตีติ อานนฺทเตฺถโร ตาว มมายตุ อขีณาสวภาวโต, สาริปุตฺตเตฺถโร กถนฺติ? น อิทํ มมายนํ เคหสฺสิตเปมวเสน, อถ โข คุณสมฺภาวนาวเสนาติ นายํ โทโสฯ นวมํ วา ทิวสํ ทสมํ วาติ ภุมฺมเตฺถ อุปโยควจนํ , นวเม วา ทสเม วา ทิวเสติ อโตฺถฯ สเจ ภเวยฺยาติ สเจ กสฺสจิ เอวํ สิยาฯ วุตฺตสทิสเมวาติ เอตฺถ ‘‘วุตฺตทิวสเมวา’’ติปิ ปฐนฺติฯ ธาเรตุนฺติ เอตฺถ ‘‘อาหา’’ติ ปาฐเสโส ทฎฺฐโพฺพฯ
Therassa santike upajjhaṃ gāhāpetvā sayaṃ anussāvanakammaṃ karotīti ettha sāriputtattheropi tatheva karotīti daṭṭhabbaṃ. Evaṃ ekamekena attano pattacīvaraṃ datvā pabbājetvā upajjhaṃ gaṇhāpitāni pañca pañca bhikkhusatāni ahesuṃ. Āyasmantaṃ ānandaṃ ativiya mamāyatīti ānandatthero tāva mamāyatu akhīṇāsavabhāvato, sāriputtatthero kathanti? Na idaṃ mamāyanaṃ gehassitapemavasena, atha kho guṇasambhāvanāvasenāti nāyaṃ doso. Navamaṃ vā divasaṃ dasamaṃ vāti bhummatthe upayogavacanaṃ , navame vā dasame vā divaseti attho. Sace bhaveyyāti sace kassaci evaṃ siyā. Vuttasadisamevāti ettha ‘‘vuttadivasamevā’’tipi paṭhanti. Dhāretunti ettha ‘‘āhā’’ti pāṭhaseso daṭṭhabbo.
๔๖๒-๔๖๓. นิฎฺฐิตจีวรสฺมินฺติ ภุมฺมวจนสฺส โลปํ กตฺวา นิเทฺทโสติ อาห ‘‘นิฎฺฐิเต จีวรสฺมิ’’นฺติ, จีวรสฺส กรณปลิโพเธ อุปจฺฉิเนฺนติ วุตฺตํ โหติฯ ปาสปฎฺฎคณฺฐิกปฎฺฎปริโยสานํ ยํ กิญฺจิ กาตพฺพํ, ตํ กตฺวาติ โยเชตพฺพํฯ สูจิยา ปฎิสามนนฺติ อิทํ สูจิกมฺมสฺส สมฺมา ปรินิฎฺฐิตภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, สูจิกมฺมนิฎฺฐานเมเวตฺถ ปมาณํฯ เอเตสมฺปีติ วินฎฺฐาทิํ ปรามสติฯ
462-463.Niṭṭhitacīvarasminti bhummavacanassa lopaṃ katvā niddesoti āha ‘‘niṭṭhite cīvarasmi’’nti, cīvarassa karaṇapalibodhe upacchinneti vuttaṃ hoti. Pāsapaṭṭagaṇṭhikapaṭṭapariyosānaṃ yaṃ kiñci kātabbaṃ, taṃ katvāti yojetabbaṃ. Sūciyā paṭisāmananti idaṃ sūcikammassa sammā pariniṭṭhitabhāvadassanatthaṃ vuttaṃ, sūcikammaniṭṭhānamevettha pamāṇaṃ. Etesampīti vinaṭṭhādiṃ parāmasati.
กถิเน จ อุพฺภตสฺมินฺติ ยํ สงฺฆสฺส กถินํ อตฺถตํ, ตสฺมิํ กถิเน จ อุพฺภเตติ อโตฺถฯ ทุติยสฺส ปลิโพธสฺส อภาวํ ทเสฺสตีติ อาวาสปลิโพธสฺส อภาวํ ทเสฺสติฯ เอตฺถ จ ‘‘นิฎฺฐิตจีวรสฺมิํ อุพฺภตสฺมิํ กถิเน’’ติ อิเมหิ ทฺวีหิ ปเทหิ ทฺวินฺนํ ปลิโพธานํ อภาวทสฺสเนน อตฺถตกถินสฺส ปญฺจมาสพฺภนฺตเร ยาว จีวรปลิโพโธ อาวาสปลิโพโธ จ น อุปจฺฉิชฺชติ, ตาว อนธิฎฺฐิตํ อวิกปฺปิตํ อติเรกจีวรํ ทสาหโต ปรมฺปิ ฐเปตุํ วฎฺฎตีติ ทีเปติฯ อตฺถตกถินสฺส หิ ยาว กถินสฺส อุพฺภารา อนามนฺตจาโร อสมาทานจาโร ยาวทตฺถจีวรํ คณโภชนํ โย จ ตตฺถ จีวรุปฺปาโทติ อิเม ปญฺจานิสํสา ลพฺภนฺติฯ ปกฺกมนํ อโนฺต อสฺสาติ ปกฺกมนนฺติกาฯ เอวํ เสสาปิ เวทิตพฺพาฯ วิตฺถาโร ปเนตฺถ อาคตฎฺฐาเนเยว อาวิ ภวิสฺสติฯ
Kathine ca ubbhatasminti yaṃ saṅghassa kathinaṃ atthataṃ, tasmiṃ kathine ca ubbhateti attho. Dutiyassa palibodhassa abhāvaṃ dassetīti āvāsapalibodhassa abhāvaṃ dasseti. Ettha ca ‘‘niṭṭhitacīvarasmiṃ ubbhatasmiṃ kathine’’ti imehi dvīhi padehi dvinnaṃ palibodhānaṃ abhāvadassanena atthatakathinassa pañcamāsabbhantare yāva cīvarapalibodho āvāsapalibodho ca na upacchijjati, tāva anadhiṭṭhitaṃ avikappitaṃ atirekacīvaraṃ dasāhato parampi ṭhapetuṃ vaṭṭatīti dīpeti. Atthatakathinassa hi yāva kathinassa ubbhārā anāmantacāro asamādānacāro yāvadatthacīvaraṃ gaṇabhojanaṃ yo ca tattha cīvaruppādoti ime pañcānisaṃsā labbhanti. Pakkamanaṃ anto assāti pakkamanantikā. Evaṃ sesāpi veditabbā. Vitthāro panettha āgataṭṭhāneyeva āvi bhavissati.
โขมนฺติ โขมสุเตฺตหิ วายิตํ โขมปฎจีวรํ, ตถา เสสานิฯ สาณนฺติ สาณวากสุเตฺตหิ กตจีวรํฯ ภงฺคนฺติ โขมสุตฺตาทีนิ สพฺพานิ เอกจฺจานิ วา มิเสฺสตฺวา กตจีวรํฯ ภงฺคมฺปิ วากมยเมวาติ เกจิฯ ทุกูลํ ปฎฺฎุณฺณํ โสมารปฎํ จีนปฎํ อิทฺธิชํ เทวทินฺนนฺติ อิมานิ ปน ฉ จีวรานิ เอเตสํเยว อนุโลมานีติ วิสุํ น วุตฺตานิฯ ทุกูลญฺหิ สาณสฺส อนุโลมํ วากมยตฺตาฯ ปฎฺฎุณฺณเทเส สญฺชาตวตฺถํ ปฎฺฎุณฺณํฯ ‘‘ปฎฺฎุณฺณโกเสยฺยวิเสโส’’ติ หิ อภิธานโกเส วุตฺตํฯ โสมารเทเส จีนเทเส จ ชาตวตฺถานิ โสมารจีนปฎานิฯ ปฎฺฎุณฺณาทีนิ ตีณิ โกเสยฺยสฺส อนุโลมานิ ปาณเกหิ กตสุตฺตมยตฺตาฯ อิทฺธิชํ เอหิภิกฺขูนํ ปุญฺญิทฺธิยา นิพฺพตฺตจีวรํ, ตํ โขมาทีนํ อญฺญตรํ โหตีติ เตสํ เอว อนุโลมํฯ เทวตาหิ ทินฺนํ จีวรํ เทวทินฺนํ, ตํ กปฺปรุเกฺข นิพฺพตฺตํ ชาลินิยา เทวกญฺญาย อนุรุทฺธเตฺถรสฺส ทินฺนวตฺถสทิสํ, ตมฺปิ โขมาทีนํเยว อนุโลมํ โหติ เตสุ อญฺญตรภาวโตฯ
Khomanti khomasuttehi vāyitaṃ khomapaṭacīvaraṃ, tathā sesāni. Sāṇanti sāṇavākasuttehi katacīvaraṃ. Bhaṅganti khomasuttādīni sabbāni ekaccāni vā missetvā katacīvaraṃ. Bhaṅgampi vākamayamevāti keci. Dukūlaṃ paṭṭuṇṇaṃ somārapaṭaṃ cīnapaṭaṃ iddhijaṃ devadinnanti imāni pana cha cīvarāni etesaṃyeva anulomānīti visuṃ na vuttāni. Dukūlañhi sāṇassa anulomaṃ vākamayattā. Paṭṭuṇṇadese sañjātavatthaṃ paṭṭuṇṇaṃ. ‘‘Paṭṭuṇṇakoseyyaviseso’’ti hi abhidhānakose vuttaṃ. Somāradese cīnadese ca jātavatthāni somāracīnapaṭāni. Paṭṭuṇṇādīni tīṇi koseyyassa anulomāni pāṇakehi katasuttamayattā. Iddhijaṃ ehibhikkhūnaṃ puññiddhiyā nibbattacīvaraṃ, taṃ khomādīnaṃ aññataraṃ hotīti tesaṃ eva anulomaṃ. Devatāhi dinnaṃ cīvaraṃ devadinnaṃ, taṃ kapparukkhe nibbattaṃ jāliniyā devakaññāya anuruddhattherassa dinnavatthasadisaṃ, tampi khomādīnaṃyeva anulomaṃ hoti tesu aññatarabhāvato.
มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส วิทตฺถิํ สนฺธาย ‘‘เทฺว วิทตฺถิโย’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อิมินา ทีฆโต วฑฺฒกีหตฺถปฺปมาณํ วิตฺถารโต ตโต อุปฑฺฒปฺปมาณํ วิกปฺปนุปคนฺติ ทเสฺสติฯ ตถา หิ ‘‘สุคตวิทตฺถิ นาม อิทานิ มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส ติโสฺส วิทตฺถิโย, วฑฺฒกีหเตฺถน ทิยโฑฺฒ หโตฺถ โหตี’’ติ กุฎิการสิกฺขาปทฎฺฐกถายํ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๓๔๘-๓๔๙) วุตฺตํ, ตสฺมา สุคตงฺคุเลน ทฺวาทสงฺคุลํ วฑฺฒกีหเตฺถน ทิยโฑฺฒ หโตฺถติ สิทฺธํฯ เอวญฺจ กตฺวา สุคตงฺคุเลน อฎฺฐงฺคุลํ วฑฺฒกีหตฺถปฺปมาณนฺติ อิทํ อาคตเมวาติฯ
Majjhimassa purisassa vidatthiṃ sandhāya ‘‘dve vidatthiyo’’tiādi vuttaṃ. Iminā dīghato vaḍḍhakīhatthappamāṇaṃ vitthārato tato upaḍḍhappamāṇaṃ vikappanupaganti dasseti. Tathā hi ‘‘sugatavidatthi nāma idāni majjhimassa purisassa tisso vidatthiyo, vaḍḍhakīhatthena diyaḍḍho hattho hotī’’ti kuṭikārasikkhāpadaṭṭhakathāyaṃ (pārā. aṭṭha. 2.348-349) vuttaṃ, tasmā sugataṅgulena dvādasaṅgulaṃ vaḍḍhakīhatthena diyaḍḍho hatthoti siddhaṃ. Evañca katvā sugataṅgulena aṭṭhaṅgulaṃ vaḍḍhakīhatthappamāṇanti idaṃ āgatamevāti.
ตํ อติกฺกามยโตติ เอตฺถ ตนฺติ จีวรํ กาลํ วา ปรามสติฯ ตสฺส โย อรุโณติ ตสฺส จีวรุปฺปาททิวสสฺส โย อติกฺกโนฺต อรุโณฯ จีวรุปฺปาททิวเสน สทฺธินฺติ จีวรุปฺปาททิวสสฺส อติกฺกนฺตอรุเณน สทฺธินฺติ อโตฺถฯ ทิวสสเทฺทน หิ ตํทิวสนิสฺสิโต อรุโณ วุโตฺตฯ พนฺธิตฺวาติ รชฺชุอาทีหิ พนฺธิตฺวาฯ เวเฐตฺวาติ วตฺถาทีติ เวเฐตฺวาฯ
Taṃ atikkāmayatoti ettha tanti cīvaraṃ kālaṃ vā parāmasati. Tassa yo aruṇoti tassa cīvaruppādadivasassa yo atikkanto aruṇo. Cīvaruppādadivasena saddhinti cīvaruppādadivasassa atikkantaaruṇena saddhinti attho. Divasasaddena hi taṃdivasanissito aruṇo vutto. Bandhitvāti rajjuādīhi bandhitvā. Veṭhetvāti vatthādīti veṭhetvā.
วจนีโยติ สงฺฆํ อเปกฺขิตฺวา วุตฺตํฯ อญฺญถาปิ วตฺตพฺพนฺติ เอตฺถ ‘‘ยาย กายจิ ภาสาย ปทปฎิปาฎิยา อวตฺวาปิ อตฺถมเตฺต วุเตฺต วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติฯ เตนาติ อาปตฺติํ ปฎิคฺคณฺหเนฺตนฯ ปฎิคฺคาหเกน ‘‘ปสฺสสี’’ติ วุเตฺต เทสเกน วตฺตพฺพวจนํ ทเสฺสติ ‘‘อาม ปสฺสามี’’ติฯ ปุน ปฎิคฺคาหเกน วตฺตพฺพวจนมาห ‘‘อายติํ สํวเรยฺยาสี’’ติฯ เอวํ วุเตฺต ปุน เทสเกน วตฺตพฺพวจนํ ‘‘สาธุ สุฎฺฐุ สํวริสฺสามี’’ติฯ อิมินา อตฺตโน อายติํ สํวเร ปติฎฺฐิตภาวํ ทเสฺสติฯ ทฺวีสุ ปน สมฺพหุลาสุ วาติ ทฺวีสุ สมฺพหุลาสุ วา อาปตฺตีสุ ปุริมนเยเนว วจนเภโท เวทิตโพฺพฯ ญตฺติยํ อาปตฺติํ สรติ วิวรตีติ เอตฺถ เทฺว อาปตฺติโยติ วา สมฺพหุลา อาปตฺติโยติ วา วตฺตพฺพนฺติ อธิปฺปาโยฯ จีวรทาเนปีติ นิสฺสฎฺฐจีวรสฺส ทาเนปิฯ วตฺถุวเสนาติ จีวรคณนายฯ คณสฺส วุตฺตา ปาฬิเยเวตฺถ ปาฬีติ ทฺวีสุ อิมาหํ อายสฺมนฺตานํ นิสฺสชฺชามีติ วจเน วิเสสาภาวโต วุตฺตํฯ เอวํ…เป.… วตฺตุํ วฎฺฎตีติ วตฺวา ตตฺถ การณมาห ‘‘อิโต ครุกตรานี’’ติอาทิฯ ตตฺถ อิโตติ อิโต นิสฺสฎฺฐจีวรทานโตฯ ญตฺติกมฺมโต ญตฺติทุติยกมฺมํ ครุกตรนฺติ อาห ‘‘อิโต ครุกตรานี’’ติฯ อิมาหํ จีวรนฺติ เอตฺถ ‘‘อิมํ จีวร’’นฺติปิ ปฐนฺติฯ
Vacanīyoti saṅghaṃ apekkhitvā vuttaṃ. Aññathāpi vattabbanti ettha ‘‘yāya kāyaci bhāsāya padapaṭipāṭiyā avatvāpi atthamatte vutte vaṭṭatī’’ti vadanti. Tenāti āpattiṃ paṭiggaṇhantena. Paṭiggāhakena ‘‘passasī’’ti vutte desakena vattabbavacanaṃ dasseti ‘‘āma passāmī’’ti. Puna paṭiggāhakena vattabbavacanamāha ‘‘āyatiṃ saṃvareyyāsī’’ti. Evaṃ vutte puna desakena vattabbavacanaṃ ‘‘sādhu suṭṭhu saṃvarissāmī’’ti. Iminā attano āyatiṃ saṃvare patiṭṭhitabhāvaṃ dasseti. Dvīsu pana sambahulāsu vāti dvīsu sambahulāsu vā āpattīsu purimanayeneva vacanabhedo veditabbo. Ñattiyaṃ āpattiṃ sarati vivaratīti ettha dve āpattiyoti vā sambahulā āpattiyoti vā vattabbanti adhippāyo. Cīvaradānepīti nissaṭṭhacīvarassa dānepi. Vatthuvasenāti cīvaragaṇanāya. Gaṇassa vuttā pāḷiyevettha pāḷīti dvīsu imāhaṃ āyasmantānaṃ nissajjāmīti vacane visesābhāvato vuttaṃ. Evaṃ…pe… vattuṃ vaṭṭatīti vatvā tattha kāraṇamāha ‘‘itogarukatarānī’’tiādi. Tattha itoti ito nissaṭṭhacīvaradānato. Ñattikammato ñattidutiyakammaṃ garukataranti āha ‘‘ito garukatarānī’’ti. Imāhaṃ cīvaranti ettha ‘‘imaṃ cīvara’’ntipi paṭhanti.
๔๖๘. น อิธ สญฺญา รกฺขตีติ อิทํ เวมติกํ อนติกฺกนฺตสญฺญญฺจ สนฺธาย วุตฺตํฯ โยปิ เอวํสญฺญี, ตสฺสปีติ น เกวลํ อติกฺกเนฺต อติกฺกนฺตสญฺญิสฺส, อถ โข เวมติกสฺส อนติกฺกนฺตสญฺญิสฺสปีติ อโตฺถฯ ‘‘น อิธ สญฺญา รกฺขตี’’ติอาทินา วุตฺตมตฺถํ เสสตฺติเกปิ อติทิสติฯ เอส นโย สพฺพตฺถาติ เอส นโย อวินฎฺฐาทีสุปีติ อเญฺญสํ จีวเรสุ อุปจิกาทีหิ ขายิเตสุ ‘‘มยฺหมฺปิ จีวรํ ขายิต’’นฺติ เอวํสญฺญี โหตีติอาทินา โยเชตพฺพนฺติ ทเสฺสติฯ อนฎฺฐโต อวิลุตฺตสฺส วิเสสมาห ‘‘ปสยฺหาวหารวเสนา’’ติฯ เถยฺยาวหารวเสน คหิตญฺหิ นฎฺฐนฺติ อธิเปฺปตํ, ปสยฺหาวหารวเสน คหิตํ วิลุตฺตนฺติฯ อนาปตฺติ อเญฺญน กตํ ปฎิลภิตฺวา ปริภุญฺชตีติ อิทํ นิสีทนสนฺถตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ยํ เยน หิ ปุราณสนฺถตสฺส สามนฺตา สุคตวิทตฺถิํ อนาทิยิตฺวา อญฺญํ นวํ นิสีทนสนฺถตํ กตํ, ตสฺส ตํ นิสฺสคฺคิยํ โหติฯ ตสฺมา ‘‘อนาปตฺติ อเญฺญน กตํ ปฎิลภิตฺวา ปริภุญฺชตี’’ติ อิทํ ปรสฺส นิสฺสคฺคิยํ อปรสฺส ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎตีติ อิมมตฺถํ สาเธติฯ ปริโภคํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ อนติกฺกเนฺต อติกฺกนฺตสญฺญิสฺส เวมติกสฺส จ ปริภุญฺชนฺตเสฺสว ทุกฺกฎํ, น ปน อปริภุญฺชิตฺวา ฐเปนฺตสฺสาติ อธิปฺปาโยฯ
468.Naidha saññā rakkhatīti idaṃ vematikaṃ anatikkantasaññañca sandhāya vuttaṃ. Yopi evaṃsaññī, tassapīti na kevalaṃ atikkante atikkantasaññissa, atha kho vematikassa anatikkantasaññissapīti attho. ‘‘Na idha saññā rakkhatī’’tiādinā vuttamatthaṃ sesattikepi atidisati. Esa nayo sabbatthāti esa nayo avinaṭṭhādīsupīti aññesaṃ cīvaresu upacikādīhi khāyitesu ‘‘mayhampi cīvaraṃ khāyita’’nti evaṃsaññī hotītiādinā yojetabbanti dasseti. Anaṭṭhato aviluttassa visesamāha ‘‘pasayhāvahāravasenā’’ti. Theyyāvahāravasena gahitañhi naṭṭhanti adhippetaṃ, pasayhāvahāravasena gahitaṃ viluttanti. Anāpatti aññena kataṃ paṭilabhitvā paribhuñjatīti idaṃ nisīdanasanthataṃ sandhāya vuttaṃ. Yaṃ yena hi purāṇasanthatassa sāmantā sugatavidatthiṃ anādiyitvā aññaṃ navaṃ nisīdanasanthataṃ kataṃ, tassa taṃ nissaggiyaṃ hoti. Tasmā ‘‘anāpatti aññena kataṃ paṭilabhitvā paribhuñjatī’’ti idaṃ parassa nissaggiyaṃ aparassa paribhuñjituṃ vaṭṭatīti imamatthaṃ sādheti. Paribhogaṃ sandhāya vuttanti anatikkante atikkantasaññissa vematikassa ca paribhuñjantasseva dukkaṭaṃ, na pana aparibhuñjitvā ṭhapentassāti adhippāyo.
๔๖๙. ติจีวรํ อธิฎฺฐาตุนฺติ นามํ วตฺวา อธิฎฺฐาตุํฯ น วิกเปฺปตุนฺติ นามํ วตฺวา น วิกเปฺปตุํฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ ตสฺมา ติจีวราทีนิ อธิฎฺฐหเนฺตน ‘‘อิมํ สงฺฆาฎิํ อธิฎฺฐามี’’ติอาทินา นามํ วตฺวา อธิฎฺฐาตพฺพํฯ วิกเปฺปเนฺตน ปน ‘‘อิมํ สงฺฆาฎิ’’นฺติอาทินา ตสฺส ตสฺส จีวรสฺส นามํ อคฺคเหตฺวาว ‘‘อิมํ จีวรํ ตุยฺหํ วิกเปฺปมี’’ติ วิกเปฺปตพฺพํฯ ติจีวรํ วา โหตุ อญฺญํ วา, ยทิ ตํ ตํ นามํ คเหตฺวา วิกเปฺปติ, อวิกปฺปิตํ โหติ, อติเรกจีวรฎฺฐาเนเยว ติฎฺฐติฯ ตโต ปรํ วิกเปฺปตุนฺติ ‘‘จตุมาสโต ปรํ วิกเปฺปตฺวา ปริภุญฺชิตุํ อนุญฺญาต’’นฺติ ตีสุปิ คณฺฐิปเทสุ วุตฺตํฯ เกจิ ปน ‘‘ตโต ปรํ วิกเปฺปตฺวา ยาว อาคามิสํวจฺฉเร วสฺสานํ จาตุมาสํ, ตาว ฐเปตุํ อนุญฺญาต’’นฺติปิ วทนฺติฯ ‘‘ตโต ปรํ วิกเปฺปตุํ อนุชานามีติ เอตฺตาวตา วสฺสิกสาฎิกํ กณฺฑุปฺปฎิจฺฉาทิญฺจ ตํ ตํ นามํ คเหตฺวา วิกเปฺปตุํ อนุญฺญาตนฺติ เอวมโตฺถ น คเหตโพฺพ ตโต ปรํ วสฺสิกสาฎิกาทินามเสฺสว อภาวโตฯ ตสฺมา ตโต ปรํ วิกเปฺปเนฺตนปิ นามํ คเหตฺวา น วิกเปฺปตพฺพํฯ อุภินฺนมฺปิ ตโต ปรํ วิกเปฺปตฺวา ปริโภคสฺส อนุญฺญาตตฺตา ตถา วิกปฺปิตํ อญฺญนาเมน อธิฎฺฐหิตฺวา ปริภุญฺชิตพฺพ’’นฺติ ตีสุปิ คณฺฐิปเทสุ วุตฺตํฯ
469.Ticīvaraṃ adhiṭṭhātunti nāmaṃ vatvā adhiṭṭhātuṃ. Na vikappetunti nāmaṃ vatvā na vikappetuṃ. Esa nayo sabbattha. Tasmā ticīvarādīni adhiṭṭhahantena ‘‘imaṃ saṅghāṭiṃ adhiṭṭhāmī’’tiādinā nāmaṃ vatvā adhiṭṭhātabbaṃ. Vikappentena pana ‘‘imaṃ saṅghāṭi’’ntiādinā tassa tassa cīvarassa nāmaṃ aggahetvāva ‘‘imaṃ cīvaraṃ tuyhaṃ vikappemī’’ti vikappetabbaṃ. Ticīvaraṃ vā hotu aññaṃ vā, yadi taṃ taṃ nāmaṃ gahetvā vikappeti, avikappitaṃ hoti, atirekacīvaraṭṭhāneyeva tiṭṭhati. Tato paraṃ vikappetunti ‘‘catumāsato paraṃ vikappetvā paribhuñjituṃ anuññāta’’nti tīsupi gaṇṭhipadesu vuttaṃ. Keci pana ‘‘tato paraṃ vikappetvā yāva āgāmisaṃvacchare vassānaṃ cātumāsaṃ, tāva ṭhapetuṃ anuññāta’’ntipi vadanti. ‘‘Tato paraṃ vikappetuṃ anujānāmīti ettāvatā vassikasāṭikaṃ kaṇḍuppaṭicchādiñca taṃ taṃ nāmaṃ gahetvā vikappetuṃ anuññātanti evamattho na gahetabbo tato paraṃ vassikasāṭikādināmasseva abhāvato. Tasmā tato paraṃ vikappentenapi nāmaṃ gahetvā na vikappetabbaṃ. Ubhinnampi tato paraṃ vikappetvā paribhogassa anuññātattā tathā vikappitaṃ aññanāmena adhiṭṭhahitvā paribhuñjitabba’’nti tīsupi gaṇṭhipadesu vuttaṃ.
ปจฺจุทฺธรามีติ ฐเปมิ, ปริจฺจชามีติ วา อโตฺถฯ อิมํ สงฺฆาฎิํ อธิฎฺฐามีติ เอตฺถ ‘‘อิมํ จีวรํ สงฺฆาฎิํ อธิฎฺฐามีติ เอวมฺปิ วตฺตุํ วฎฺฎตี’’ติ คณฺฐิปเทสุ วุตฺตํ, ตมฺปิ ‘‘อิมํ จีวรํ ปริกฺขารโจฬํ อธิฎฺฐามี’’ติ อิมินา สเมติฯ กายวิการํ กโรเนฺตนาติ หเตฺถน จีวรํ ปรามสเนฺตน วา จาเลเนฺตน วาฯ ทุวิธนฺติ สมฺมุขปรมฺมุขเภเทสุ ทุวิธํฯ หตฺถปาเสติ อิทํ ทฺวาทสหตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตสฺมา ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตเร ฐิตํ ‘‘อิม’’นฺติ วตฺวา อธิฎฺฐาตพฺพํฯ ตโต ปรํ ‘‘เอต’’นฺติ วตฺวา อธิฎฺฐาตพฺพนฺติ เกจิ วทนฺติฯ คณฺฐิปเทสุ ปเนตฺถ น กิญฺจิ วุตฺตํฯ ปาฬิยํ อฎฺฐกถายญฺจ สพฺพตฺถ ‘‘หตฺถปาโส’’ติ อฑฺฒเตยฺยหโตฺถ วุจฺจติ, ตสฺมา อิธ วิเสสวิกปฺปนาย การณํ คเวสิตพฺพํฯ สามนฺตวิหาโร นาม ยตฺถ ตทเหว คนฺตฺวา นิวตฺติตุํ สกฺกาฯ ‘‘สามนฺตวิหาเร’’ติ อิทํ เทสนาสีสมตฺตํ, ตสฺมา ฐปิตฎฺฐานํ สลฺลเกฺขตฺวา ทูเร ฐิตมฺปิ อธิฎฺฐาตพฺพนฺติ วทนฺติฯ ฐปิตฎฺฐานํ สลฺลเกฺขตฺวาติ จ อิทํ ฐปิตฎฺฐานสลฺลกฺขณํ อนุจฺฉวิกนฺติ กตฺวา วุตฺตํ, จีวรสลฺลกฺขณเมเวตฺถ ปมาณํฯ
Paccuddharāmīti ṭhapemi, pariccajāmīti vā attho. Imaṃ saṅghāṭiṃ adhiṭṭhāmīti ettha ‘‘imaṃ cīvaraṃ saṅghāṭiṃ adhiṭṭhāmīti evampi vattuṃ vaṭṭatī’’ti gaṇṭhipadesu vuttaṃ, tampi ‘‘imaṃ cīvaraṃ parikkhāracoḷaṃ adhiṭṭhāmī’’ti iminā sameti. Kāyavikāraṃ karontenāti hatthena cīvaraṃ parāmasantena vā cālentena vā. Duvidhanti sammukhaparammukhabhedesu duvidhaṃ. Hatthapāseti idaṃ dvādasahatthaṃ sandhāya vuttaṃ, tasmā dvādasahatthabbhantare ṭhitaṃ ‘‘ima’’nti vatvā adhiṭṭhātabbaṃ. Tato paraṃ ‘‘eta’’nti vatvā adhiṭṭhātabbanti keci vadanti. Gaṇṭhipadesu panettha na kiñci vuttaṃ. Pāḷiyaṃ aṭṭhakathāyañca sabbattha ‘‘hatthapāso’’ti aḍḍhateyyahattho vuccati, tasmā idha visesavikappanāya kāraṇaṃ gavesitabbaṃ. Sāmantavihāro nāma yattha tadaheva gantvā nivattituṃ sakkā. ‘‘Sāmantavihāre’’ti idaṃ desanāsīsamattaṃ, tasmā ṭhapitaṭṭhānaṃ sallakkhetvā dūre ṭhitampi adhiṭṭhātabbanti vadanti. Ṭhapitaṭṭhānaṃ sallakkhetvāti ca idaṃ ṭhapitaṭṭhānasallakkhaṇaṃ anucchavikanti katvā vuttaṃ, cīvarasallakkhaṇamevettha pamāṇaṃ.
อธิฎฺฐหิตฺวา ฐปิตวเตฺถหีติ ปริกฺขารโจฬนาเมน อธิฎฺฐหิตฺวา ฐปิตวเตฺถหิฯ อธิฎฺฐานโต ปุเพฺพ สงฺฆาฎิอาทิโวหารสฺส อภาวโต ‘‘อิมํ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ ปริกฺขารโจฬสฺส วิสุํ ปจฺจุทฺธารวิธิํ ทเสฺสติฯ ปริกฺขารโจฬนาเมน ปน อธิฎฺฐิตตฺตา ‘‘อิมํ ปริกฺขารโจฬํ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ วุเตฺตปิ เนวตฺถิ โทโสติ วิญฺญายติฯ ปจฺจุทฺธริตฺวา ปุน อธิฎฺฐาตพฺพานีติ อิทญฺจ สงฺฆาฎิอาทิจีวรนาเมน อธิฎฺฐหิตฺวา ปริภุญฺชิตุกามํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ปริกฺขารโจฬนาเมเนว อธิฎฺฐหิตฺวา ปริภุญฺชนฺตสฺส ปน ปุเพฺพกตอธิฎฺฐานเมว อธิฎฺฐานํฯ อธิฎฺฐานกิจฺจํ นตฺถีติ อิมินา กปฺปพินฺทุทานกิจฺจมฺปิ นตฺถีติ ทเสฺสติฯ มุฎฺฐิปญฺจกาทิติจีวรปฺปมาณยุตฺตํ สนฺธาย ‘‘ติจีวรํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปริกฺขารโจฬํ อธิฎฺฐาตุนฺติ ปริกฺขารโจฬํ กตฺวา อธิฎฺฐาตุํฯ พทฺธสีมายํ อวิปฺปวาสสีมาสมฺมุติสพฺภาวโต จีวรวิปฺปวาเสปิ เนวตฺถิ โทโสติ น ตตฺถ ทุปฺปริหารตาติ อาห ‘‘อพทฺธสีมายํ ทุปฺปริหาร’’นฺติฯ
Adhiṭṭhahitvā ṭhapitavatthehīti parikkhāracoḷanāmena adhiṭṭhahitvā ṭhapitavatthehi. Adhiṭṭhānato pubbe saṅghāṭiādivohārassa abhāvato ‘‘imaṃ paccuddharāmī’’ti parikkhāracoḷassa visuṃ paccuddhāravidhiṃ dasseti. Parikkhāracoḷanāmena pana adhiṭṭhitattā ‘‘imaṃ parikkhāracoḷaṃ paccuddharāmī’’ti vuttepi nevatthi dosoti viññāyati. Paccuddharitvā puna adhiṭṭhātabbānīti idañca saṅghāṭiādicīvaranāmena adhiṭṭhahitvā paribhuñjitukāmaṃ sandhāya vuttaṃ. Parikkhāracoḷanāmeneva adhiṭṭhahitvā paribhuñjantassa pana pubbekataadhiṭṭhānameva adhiṭṭhānaṃ. Adhiṭṭhānakiccaṃ natthīti iminā kappabindudānakiccampi natthīti dasseti. Muṭṭhipañcakāditicīvarappamāṇayuttaṃ sandhāya ‘‘ticīvaraṃ panā’’tiādi vuttaṃ. Parikkhāracoḷaṃ adhiṭṭhātunti parikkhāracoḷaṃ katvā adhiṭṭhātuṃ. Baddhasīmāyaṃ avippavāsasīmāsammutisabbhāvato cīvaravippavāsepi nevatthi dosoti na tattha dupparihāratāti āha ‘‘abaddhasīmāyaṃ dupparihāra’’nti.
อนติริตฺตปฺปมาณาติ สุคตวิทตฺถิยา ทีฆโส ฉ วิทตฺถิโย ติริยํ อฑฺฒเตยฺยวิทตฺถิญฺจ อนติกฺกนฺตปฺปมาณาติ อโตฺถฯ นนุ จ วสฺสิกสาฎิกา วสฺสานาติกฺกเมน, กณฺฑุปฺปฎิจฺฉาทิ อาพาธวูปสเมน อธิฎฺฐานํ วิชหติฯ เตเนว มาติกาฎฺฐกถายํ (กงฺขา. อฎฺฐ. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘วสฺสิกสาฎิกา วสฺสานมาสาติกฺกเมนปิ, กณฺฑุปฺปฎิจฺฉาทิ อาพาธวูปสเมนปิ อธิฎฺฐานํ วิชหตี’’ติ วุตฺตํฯ ตสฺมา ‘‘ตโต ปรํ ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกเปฺปตพฺพา’’ติ กสฺมา วุตฺตํฯ สติ หิ อธิฎฺฐาเน ปจฺจุทฺธาโร ยุโตฺตติ? เอตฺถ ตาว ตีสุปิ คณฺฐิปเทสุ อิทํ วุตฺตํ ‘‘ปจฺจุทฺธริตฺวาติ อิทํ ปจฺจุทฺธรณํ สนฺธาย น วุตฺตํ, ปจฺจุทฺธริตฺวาติ ปน วสฺสิกสาฎิกภาวโต อปเนตฺวาติ เอวมโตฺถ คเหตโพฺพฯ ตสฺมา เหมนฺตสฺส ปฐมทิวสโต ปฎฺฐาย อโนฺตทสาเห วสฺสิกสาฎิกภาวโต อปเนตฺวา วิกเปฺปตพฺพาติ อิมมตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘ตโต ปรํ ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกเปฺปตพฺพา’ติ วุตฺต’’นฺติฯ
Anatirittappamāṇāti sugatavidatthiyā dīghaso cha vidatthiyo tiriyaṃ aḍḍhateyyavidatthiñca anatikkantappamāṇāti attho. Nanu ca vassikasāṭikā vassānātikkamena, kaṇḍuppaṭicchādi ābādhavūpasamena adhiṭṭhānaṃ vijahati. Teneva mātikāṭṭhakathāyaṃ (kaṅkhā. aṭṭha. kathinasikkhāpadavaṇṇanā) ‘‘vassikasāṭikā vassānamāsātikkamenapi, kaṇḍuppaṭicchādi ābādhavūpasamenapi adhiṭṭhānaṃ vijahatī’’ti vuttaṃ. Tasmā ‘‘tato paraṃ paccuddharitvā vikappetabbā’’ti kasmā vuttaṃ. Sati hi adhiṭṭhāne paccuddhāro yuttoti? Ettha tāva tīsupi gaṇṭhipadesu idaṃ vuttaṃ ‘‘paccuddharitvāti idaṃ paccuddharaṇaṃ sandhāya na vuttaṃ, paccuddharitvāti pana vassikasāṭikabhāvato apanetvāti evamattho gahetabbo. Tasmā hemantassa paṭhamadivasato paṭṭhāya antodasāhe vassikasāṭikabhāvato apanetvā vikappetabbāti imamatthaṃ dassetuṃ ‘tato paraṃ paccuddharitvā vikappetabbā’ti vutta’’nti.
เกจิ ปน ‘‘ยถา กถินมาสพฺภนฺตเร อุปฺปนฺนจีวรํ กถินมาสาติกฺกเม นิสฺสคฺคิยํ โหติ, เอวมยํ วสฺสิกสาฎิกาปิ วสฺสานมาสาติกฺกเม นิสฺสคฺคิยา โหติ, ตสฺมา กตฺติกปุณฺณมทิวเส ปจฺจุทฺธริตฺวา ตโต ปรํ เหมนฺตสฺส ปฐมทิวเส วิกเปฺปตพฺพาติ เอวมโตฺถ คเหตโพฺพฯ ปจฺจุทฺธริตฺวา ตโต ปรํ วิกเปฺปตพฺพาติ ปทโยชนา เวทิตพฺพา’’ติ จ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํฯ กถินมาเส อุปฺปนฺนญฺหิ จีวรํ อติเรกจีวรฎฺฐาเน ฐิตตฺตา อวสานทิวเส อนธิฎฺฐิตํ กถินมาสาติกฺกเม นิสฺสคฺคิยํ โหติฯ อยํ ปน วสฺสิกสาฎิกา อธิฎฺฐหิตฺวา ฐปิตตฺตา น เตน สทิสาติ วสฺสานาติกฺกเม กถํ นิสฺสคฺคิยา โหติฯ อนธิฎฺฐิตอวิกปฺปิตเมว หิ ตํตํกาลาติกฺกเม นิสฺสคฺคิยํ โหติ, ตสฺมา เหมเนฺตปิ วสฺสิกสาฎิกา ทสาหํ ปริหารํ ลภติเยวฯ เอวํ กณฺฑุปฺปฎิจฺฉาทิปิ อาพาธวูปสเมน อธิฎฺฐานํ วิชหติ, ตสฺมา ตโต ปรํ ทสาหํ ปริหารํ ลภติ, ทสาหํ ปน อนติกฺกมิตฺวา วิกเปฺปตพฺพาติฯ
Keci pana ‘‘yathā kathinamāsabbhantare uppannacīvaraṃ kathinamāsātikkame nissaggiyaṃ hoti, evamayaṃ vassikasāṭikāpi vassānamāsātikkame nissaggiyā hoti, tasmā kattikapuṇṇamadivase paccuddharitvā tato paraṃ hemantassa paṭhamadivase vikappetabbāti evamattho gahetabbo. Paccuddharitvā tato paraṃ vikappetabbāti padayojanā veditabbā’’ti ca vadanti, taṃ na yuttaṃ. Kathinamāse uppannañhi cīvaraṃ atirekacīvaraṭṭhāne ṭhitattā avasānadivase anadhiṭṭhitaṃ kathinamāsātikkame nissaggiyaṃ hoti. Ayaṃ pana vassikasāṭikā adhiṭṭhahitvā ṭhapitattā na tena sadisāti vassānātikkame kathaṃ nissaggiyā hoti. Anadhiṭṭhitaavikappitameva hi taṃtaṃkālātikkame nissaggiyaṃ hoti, tasmā hemantepi vassikasāṭikā dasāhaṃ parihāraṃ labhatiyeva. Evaṃ kaṇḍuppaṭicchādipi ābādhavūpasamena adhiṭṭhānaṃ vijahati, tasmā tato paraṃ dasāhaṃ parihāraṃ labhati, dasāhaṃ pana anatikkamitvā vikappetabbāti.
เกจิ ปน ‘‘อธิฎฺฐานเภทลกฺขเณ อวุตฺตตฺตา วสฺสิกสาฎิกา วสฺสานมาสาติกฺกเมปิ, กณฺฑุปฺปฎิจฺฉาทิ อาพาเธ วูปสเนฺตปิ อธิฎฺฐานํ น วิชหติ, ตสฺมา ‘ตโต ปรํ ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกเปฺปตพฺพา’ติ อิทํ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ตํ มาติกาฎฺฐกถาย น สเมติ, สมนฺตปาสาทิกาย ปน สเมติฯ ตถา หิ ‘‘วสฺสิกสาฎิกา วสฺสานมาสาติกฺกเมนปิ, กณฺฑุปฺปฎิจฺฉาทิ อาพาธวูปสเมนปิ อธิฎฺฐานํ วิชหตี’’ติ อิทํ สมนฺตปาสาทิกายํ นตฺถิ, ปริวารฎฺฐกถายญฺจ ‘‘อตฺถาปตฺติ เหมเนฺต อาปชฺชติ, โน คิเมฺห’’ติ เอตฺถ อิทํ วุตฺตํ ‘‘กตฺติกปุณฺณมาสิยา ปจฺฉิเม ปาฎิปททิวเส วิกเปฺปตฺวา ฐปิตํ วสฺสิกสาฎิกํ นิวาเสโนฺต เหมเนฺต อาปชฺชติฯ กุรุนฺทิยํ ปน ‘กตฺติกปุณฺณมทิวเส อปจฺจุทฺธริตฺวา เหมเนฺต อาปชฺชตี’ติ วุตฺตํ, ตมฺปิ สุวุตฺตํฯ จาตุมาสํ อธิฎฺฐาตุํ, ตโต ปรํ วิกเปฺปตุนฺติ หิ วุตฺต’’นฺติ (ปริ. อฎฺฐ. ๓๒๓)ฯ
Keci pana ‘‘adhiṭṭhānabhedalakkhaṇe avuttattā vassikasāṭikā vassānamāsātikkamepi, kaṇḍuppaṭicchādi ābādhe vūpasantepi adhiṭṭhānaṃ na vijahati, tasmā ‘tato paraṃ paccuddharitvā vikappetabbā’ti idaṃ vutta’’nti vadanti, taṃ mātikāṭṭhakathāya na sameti, samantapāsādikāya pana sameti. Tathā hi ‘‘vassikasāṭikā vassānamāsātikkamenapi, kaṇḍuppaṭicchādi ābādhavūpasamenapi adhiṭṭhānaṃ vijahatī’’ti idaṃ samantapāsādikāyaṃ natthi, parivāraṭṭhakathāyañca ‘‘atthāpatti hemante āpajjati, no gimhe’’ti ettha idaṃ vuttaṃ ‘‘kattikapuṇṇamāsiyā pacchime pāṭipadadivase vikappetvā ṭhapitaṃ vassikasāṭikaṃ nivāsento hemante āpajjati. Kurundiyaṃ pana ‘kattikapuṇṇamadivase apaccuddharitvā hemante āpajjatī’ti vuttaṃ, tampi suvuttaṃ. Cātumāsaṃ adhiṭṭhātuṃ, tato paraṃ vikappetunti hi vutta’’nti (pari. aṭṭha. 323).
ตตฺถ มหาอฎฺฐกถายํ นิวาสนปจฺจยา ทุกฺกฎํ วุตฺตํ, กุรุนฺทฎฺฐกถายํ ปน อปจฺจุทฺธารปจฺจยาฯ ตสฺมา กุรุนฺทิยํ วุตฺตนเยเนว วสฺสิกสาฎิกา วสฺสานมาสาติกฺกเมปิ อธิฎฺฐานํ น วิชหตีติ ปญฺญายติฯ กุรุนฺทิยญฺหิ ‘‘วสฺสานํ จาตุมาสํ อธิฎฺฐาตุํ, ตโต ปรํ วิกเปฺปตุ’’นฺติ วจนโต ยทิ กตฺติกปุณฺณมายํ น ปจฺจุทฺธเรยฺย, อวิชหิตาธิฎฺฐานา วสฺสิกสาฎิกา เหมนฺตํ สมฺปตฺตา วิกปฺปนเกฺขเตฺต อธิฎฺฐานสพฺภาวโต ทุกฺกฎํ ชเนติ, ตสฺมา กตฺติกปุณฺณมายํ เอว ปจฺจุทฺธริตฺวา เหมเนฺต วิกเปฺปตพฺพาติ อิมินา อธิปฺปาเยน ‘‘กตฺติกปุณฺณมทิวเส อปจฺจุทฺธริตฺวา เหมเนฺต อาปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา วีมํสิตฺวา ยุตฺตตรํ คเหตพฺพํฯ
Tattha mahāaṭṭhakathāyaṃ nivāsanapaccayā dukkaṭaṃ vuttaṃ, kurundaṭṭhakathāyaṃ pana apaccuddhārapaccayā. Tasmā kurundiyaṃ vuttanayeneva vassikasāṭikā vassānamāsātikkamepi adhiṭṭhānaṃ na vijahatīti paññāyati. Kurundiyañhi ‘‘vassānaṃ cātumāsaṃ adhiṭṭhātuṃ, tato paraṃ vikappetu’’nti vacanato yadi kattikapuṇṇamāyaṃ na paccuddhareyya, avijahitādhiṭṭhānā vassikasāṭikā hemantaṃ sampattā vikappanakkhette adhiṭṭhānasabbhāvato dukkaṭaṃ janeti, tasmā kattikapuṇṇamāyaṃ eva paccuddharitvā hemante vikappetabbāti iminā adhippāyena ‘‘kattikapuṇṇamadivase apaccuddharitvā hemante āpajjatī’’ti vuttaṃ, tasmā vīmaṃsitvā yuttataraṃ gahetabbaṃ.
นหานตฺถาย อนุญฺญาตตฺตา ‘‘วณฺณเภทมตฺตรตฺตาปิ เจสา วฎฺฎตี’’ติ วุตฺตํฯ เทฺว ปน น วฎฺฎนฺตีติ ทฺวินฺนํ อธิฎฺฐานาภาวโต วุตฺตํฯ ‘‘สเจ วสฺสาเน อปรา วสฺสิกสาฎิกา อุปฺปนฺนา โหติ, ปุริมวสฺสิกสาฎิกํ ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกเปฺปตฺวา จ อธิฎฺฐาตพฺพา’’ติ วทนฺติฯ ปมาณยุตฺตนฺติ ทีฆโส สุคตวิทตฺถิยา เทฺว วิทตฺถิโย, วิตฺถารโต ทิยฑฺฒา, ทสา วิทตฺถีติ อิมินา ปมาเณน ยุตฺตํฯ ปมาณิกาติ สุคตวิทตฺถิยา ทีฆโส จตโสฺส วิทตฺถิโย, ติริยํ เทฺว วิทตฺถิโยติ เอวํ วุตฺตปฺปมาณยุตฺตาฯ ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกเปฺปตพฺพาติ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ ‘‘สกิํ อธิฎฺฐิตํ อธิฎฺฐิตเมว โหติ, ปุน น ปจฺจุทฺธรียติ กาลปริเจฺฉทาภาวโต’’ติ วทนฺติฯ อปเร ปน ‘‘เอกวจเนนปิ วฎฺฎตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘สกิํ อธิฎฺฐิตํ อธิฎฺฐิตเมวา’ติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติฯ อุภยตฺถาปิ อสฺส วจนสฺส อิธ วจเน อปุพฺพํ ปโยชนํ น ทิสฺสติ, เตเนว มาติกาฎฺฐกถายํ อิมสฺมิํ ฐาเน ‘‘สกิํ อธิฎฺฐิตํ อธิฎฺฐิตเมว โหตี’’ติ อิทํ ปทํ น วุตฺตํฯ
Nahānatthāya anuññātattā ‘‘vaṇṇabhedamattarattāpi cesā vaṭṭatī’’ti vuttaṃ. Dve pana na vaṭṭantīti dvinnaṃ adhiṭṭhānābhāvato vuttaṃ. ‘‘Sace vassāne aparā vassikasāṭikā uppannā hoti, purimavassikasāṭikaṃ paccuddharitvā vikappetvā ca adhiṭṭhātabbā’’ti vadanti. Pamāṇayuttanti dīghaso sugatavidatthiyā dve vidatthiyo, vitthārato diyaḍḍhā, dasā vidatthīti iminā pamāṇena yuttaṃ. Pamāṇikāti sugatavidatthiyā dīghaso catasso vidatthiyo, tiriyaṃ dve vidatthiyoti evaṃ vuttappamāṇayuttā. Paccuddharitvā vikappetabbāti ettha yaṃ vattabbaṃ, taṃ heṭṭhā vuttameva. ‘‘Sakiṃ adhiṭṭhitaṃ adhiṭṭhitameva hoti, puna na paccuddharīyati kālaparicchedābhāvato’’ti vadanti. Apare pana ‘‘ekavacanenapi vaṭṭatīti dassanatthaṃ ‘sakiṃ adhiṭṭhitaṃ adhiṭṭhitamevā’ti vutta’’nti vadanti. Ubhayatthāpi assa vacanassa idha vacane apubbaṃ payojanaṃ na dissati, teneva mātikāṭṭhakathāyaṃ imasmiṃ ṭhāne ‘‘sakiṃ adhiṭṭhitaṃ adhiṭṭhitameva hotī’’ti idaṃ padaṃ na vuttaṃ.
‘‘อตฺตโน สนฺตกภาวโต โมเจตฺวา ฐปิตํ สนฺธาย มหาปจฺจริยํ อนาปตฺติ วุตฺตา’’ติ วทนฺติฯ อิมินา เภสชฺชํ เจตาเปสฺสามิ, อิทํ มาตุยา ทสฺสามีติ ฐเปเนฺตน อธิฎฺฐาตพฺพํ, อิทํ เภสชฺชสฺส, อิทํ มาตุยาติ วิสฺสเชฺชตฺวา สกสนฺตกภาวโต โมจิเต อธิฎฺฐานกิจฺจํ นตฺถีติ อธิปฺปาโยฯ เสนาสนปริกฺขารตฺถาย ทินฺนปจฺจตฺถรเณติ เอตฺถ ‘‘อนิวาเสตฺวา อปารุปิตฺวา จ เกวลํ มญฺจปีเฐสุเยว อตฺถริตฺวา ปริภุญฺชิยมานํ ปจฺจตฺถรณํ อตฺตโน สนฺตกมฺปิ อนธิฎฺฐาตุํ วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติฯ เหฎฺฐา ปน ‘‘ปจฺจตฺถรณมฺปิ อธิฎฺฐาตพฺพเมวา’’ติ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา อตฺตโน สนฺตกํ อธิฎฺฐาตพฺพเมวาติ อมฺหากํ ขนฺติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํฯ
‘‘Attano santakabhāvato mocetvā ṭhapitaṃ sandhāya mahāpaccariyaṃ anāpatti vuttā’’ti vadanti. Iminā bhesajjaṃ cetāpessāmi, idaṃ mātuyā dassāmīti ṭhapentena adhiṭṭhātabbaṃ, idaṃ bhesajjassa, idaṃ mātuyāti vissajjetvā sakasantakabhāvato mocite adhiṭṭhānakiccaṃ natthīti adhippāyo. Senāsanaparikkhāratthāya dinnapaccattharaṇeti ettha ‘‘anivāsetvā apārupitvā ca kevalaṃ mañcapīṭhesuyeva attharitvā paribhuñjiyamānaṃ paccattharaṇaṃ attano santakampi anadhiṭṭhātuṃ vaṭṭatī’’ti vadanti. Heṭṭhā pana ‘‘paccattharaṇampi adhiṭṭhātabbamevā’’ti avisesena vuttattā attano santakaṃ adhiṭṭhātabbamevāti amhākaṃ khanti, vīmaṃsitvā gahetabbaṃ.
‘‘หีนายาวตฺตเนนาติ สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย คิหิภาวูปคมเนนา’’ติ ตีสุปิ คณฺฐิปเทสุ วุตฺตํ, ตํ ยุตฺตํ อญฺญสฺส ทาเน วิย จีวเร นิราลยภาเวเนว ปริจฺจตฺตตฺตาฯ เกจิ ปน ‘‘หีนายาวตฺตเนนาติ ภิกฺขุนิยา คิหิภาวูปคมเนนา’’ติ เอวมตฺถํ คเหตฺวา ‘‘ภิกฺขุ ปน วิพฺภมโนฺตปิ ยาว สิกฺขํ น ปจฺจกฺขาติ, ตาว ภิกฺขุเยวาติ อธิฎฺฐานํ น วิชหตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ ‘‘ภิกฺขุนิยา หีนายาวตฺตเนนา’’ติ วิเสเสตฺวา อวุตฺตตฺตาฯ ภิกฺขุนิยา หิ คิหิภาวูปคมเน อธิฎฺฐานวิชหนํ วิสุํ วตฺตพฺพํ นตฺถิ ตสฺสา วิพฺภมเนเนว อสฺสมณีภาวโตฯ สิกฺขาปจฺจกฺขาเนนาติ ปน อิทํ สเจ ภิกฺขุลิเงฺค ฐิโตว สิกฺขํ ปจฺจกฺขาติ , ตสฺส กายลคฺคมฺปิ จีวรํ อธิฎฺฐานํ วิชหตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ กนิฎฺฐงฺคุลินขวเสนาติ เหฎฺฐิมปริเจฺฉทํ ทเสฺสติฯ ปมาณจีวรสฺสาติ ปจฺฉิมปฺปมาณํ สนฺธาย วุตฺตํฯ เทฺว จีวรานิ ปารุปนฺตสฺสาติ อนฺตรฆรปฺปเวสนตฺถาย สุปฺปฎิจฺฉนฺนสิกฺขาปเท วุตฺตนเยน สงฺฆาฎิํ อุตฺตราสงฺคญฺจ เอกโต กตฺวา ปารุปนฺตสฺสฯ สงฺฆริตฎฺฐาเนติ ทฺวีสุปิ อเนฺตสุ สงฺฆริตฎฺฐาเนฯ เอส นโยติ อิมินา ปมาณยุเตฺตสุ ยตฺถ กตฺถจิ ฉิทฺทํ อธิฎฺฐานํ วิชหติ, มหเนฺตสุ ปน ตโต ปเรน ฉิทฺทํ อธิฎฺฐานํ น วิชหตีติ อยมโตฺถ ทสฺสิโตฯ สเพฺพสูติ ติจีวราทิเภเทสุ สพฺพจีวเรสุฯ
‘‘Hīnāyāvattanenāti sikkhaṃ appaccakkhāya gihibhāvūpagamanenā’’ti tīsupi gaṇṭhipadesu vuttaṃ, taṃ yuttaṃ aññassa dāne viya cīvare nirālayabhāveneva pariccattattā. Keci pana ‘‘hīnāyāvattanenāti bhikkhuniyā gihibhāvūpagamanenā’’ti evamatthaṃ gahetvā ‘‘bhikkhu pana vibbhamantopi yāva sikkhaṃ na paccakkhāti, tāva bhikkhuyevāti adhiṭṭhānaṃ na vijahatī’’ti vadanti, taṃ na gahetabbaṃ ‘‘bhikkhuniyā hīnāyāvattanenā’’ti visesetvā avuttattā. Bhikkhuniyā hi gihibhāvūpagamane adhiṭṭhānavijahanaṃ visuṃ vattabbaṃ natthi tassā vibbhamaneneva assamaṇībhāvato. Sikkhāpaccakkhānenāti pana idaṃ sace bhikkhuliṅge ṭhitova sikkhaṃ paccakkhāti , tassa kāyalaggampi cīvaraṃ adhiṭṭhānaṃ vijahatīti dassanatthaṃ vuttaṃ. Kaniṭṭhaṅgulinakhavasenāti heṭṭhimaparicchedaṃ dasseti. Pamāṇacīvarassāti pacchimappamāṇaṃ sandhāya vuttaṃ. Dve cīvarāni pārupantassāti antaragharappavesanatthāya suppaṭicchannasikkhāpade vuttanayena saṅghāṭiṃ uttarāsaṅgañca ekato katvā pārupantassa. Saṅgharitaṭṭhāneti dvīsupi antesu saṅgharitaṭṭhāne. Esa nayoti iminā pamāṇayuttesu yattha katthaci chiddaṃ adhiṭṭhānaṃ vijahati, mahantesu pana tato parena chiddaṃ adhiṭṭhānaṃ na vijahatīti ayamattho dassito. Sabbesūti ticīvarādibhedesu sabbacīvaresu.
อญฺญํ ปจฺฉิมปฺปมาณํ นาม นตฺถีติ สุเตฺต อาคตํ นตฺถีติ อธิปฺปาโยฯ อิทานิ ตเมว วิภาเวตุํ ‘‘ยญฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘ตํ อติกฺกมยโต เฉทนกํ ปาจิตฺติย’’นฺติ วุตฺตตฺตา อาห ‘‘ตโต อุตฺตริ ปฎิสิทฺธตฺตา’’ติฯ ตํ น สเมตีติ ปริกฺขารโจฬสฺส วิกปฺปนุปคปจฺฉิมํ ปจฺฉิมปฺปมาณนฺติ คเหตฺวา อิตเรสํ ติจีวราทีนํ มุฎฺฐิปญฺจกาทิเภทํ ปจฺฉิมปฺปมาณํ สนฺธาย ‘‘เอส นโย’’ติอาทิวจนํ น สเมติ ตาทิสสฺส ปจฺฉิมปฺปมาณสฺส สุเตฺต อภาวโตติ อธิปฺปาโยฯ อนฺธกฎฺฐกถายํ วุตฺตวจนํ น สเมตีติ อิมินาว ปฎิเกฺขเปน วิกปฺปนุปคปจฺฉิมสฺส อโนฺต ยตฺถ กตฺถจิ ฉิทฺทํ อธิฎฺฐานํ วิชหตีติ อยมฺปิ นโย ปฎิกฺขิโตฺตเยวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ ติจีวรญฺหิ ฐเปตฺวา เสสจีวเรสุ ฉิเทฺทน อธิฎฺฐานวิชหนํ นาม นตฺถิ, ตสฺมา อธิฎฺฐหิตฺวา ฐปิเตสุ เสสจีวเรสุ วิกปฺปนุปคปจฺฉิมํ อปฺปโหนฺตํ กตฺวา ขณฺฑาขณฺฑิกํ ฉิเนฺนสุปิ อธิฎฺฐานวิชหนํ นตฺถิฯ สเจ ปน อธิฎฺฐานโต ปุเพฺพเยว ตาทิสํ โหติ, อจีวรตฺตา อธิฎฺฐานกิจฺจํ นตฺถิฯ ขุทฺทกํ จีวรนฺติ มุฎฺฐิปญฺจกาทิเภทปฺปมาณโต อนูนเมว ขุทฺทกจีวรํฯ มหนฺตํ วา ขุทฺทกํ กโรตีติ เอตฺถ ติณฺณํ จีวรานํ จตูสุ ปเสฺสสุ ยสฺมิํ ปเทเส ฉิทฺทํ อธิฎฺฐานํ น วิชหติ, ตสฺมิํ ปเทเส สมนฺตโต ฉินฺทิตฺวา ขุทฺทกํ กโรนฺตสฺส อธิฎฺฐานํ น วิชหตีติ อธิปฺปาโยฯ
Aññaṃ pacchimappamāṇaṃ nāma natthīti sutte āgataṃ natthīti adhippāyo. Idāni tameva vibhāvetuṃ ‘‘yañhī’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Taṃ atikkamayato chedanakaṃ pācittiya’’nti vuttattā āha ‘‘tato uttari paṭisiddhattā’’ti. Taṃ na sametīti parikkhāracoḷassa vikappanupagapacchimaṃ pacchimappamāṇanti gahetvā itaresaṃ ticīvarādīnaṃ muṭṭhipañcakādibhedaṃ pacchimappamāṇaṃ sandhāya ‘‘esa nayo’’tiādivacanaṃ na sameti tādisassa pacchimappamāṇassa sutte abhāvatoti adhippāyo. Andhakaṭṭhakathāyaṃ vuttavacanaṃ na sametīti imināva paṭikkhepena vikappanupagapacchimassa anto yattha katthaci chiddaṃ adhiṭṭhānaṃ vijahatīti ayampi nayo paṭikkhittoyevāti daṭṭhabbaṃ. Ticīvarañhi ṭhapetvā sesacīvaresu chiddena adhiṭṭhānavijahanaṃ nāma natthi, tasmā adhiṭṭhahitvā ṭhapitesu sesacīvaresu vikappanupagapacchimaṃ appahontaṃ katvā khaṇḍākhaṇḍikaṃ chinnesupi adhiṭṭhānavijahanaṃ natthi. Sace pana adhiṭṭhānato pubbeyeva tādisaṃ hoti, acīvarattā adhiṭṭhānakiccaṃ natthi. Khuddakaṃ cīvaranti muṭṭhipañcakādibhedappamāṇato anūnameva khuddakacīvaraṃ. Mahantaṃ vā khuddakaṃ karotīti ettha tiṇṇaṃ cīvarānaṃ catūsu passesu yasmiṃ padese chiddaṃ adhiṭṭhānaṃ na vijahati, tasmiṃ padese samantato chinditvā khuddakaṃ karontassa adhiṭṭhānaṃ na vijahatīti adhippāyo.
สมฺมุขาวิกปฺปนา ปรมฺมุขาวิกปฺปนาติ เอตฺถ สมฺมุเขน วิกปฺปนา ปรมฺมุเขน วิกปฺปนาติ เอวมโตฺถ คเหตโพฺพฯ สนฺนิหิตาสนฺนิหิตภาวนฺติ อาสนฺนทูรภาวํฯ อาสนฺนทูรภาโว จ อธิฎฺฐาเน วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ ปริโภคาทโยปิ วฎฺฎนฺตีติ เอตฺถ อธิฎฺฐานสฺสปิ อโนฺตคธตฺตา สเจ สงฺฆาฎิอาทินาเมน อธิฎฺฐหิตฺวา ปริภุญฺชิตุกาโม โหติ, อธิฎฺฐานํ กาตพฺพํฯ โน เจ, น กาตพฺพํ, วิกปฺปนเมว ปมาณํ, ตสฺมา อติเรกจีวรํ นาม น โหติฯ มิโตฺตติ ทฬฺหมิโตฺตฯ สนฺทิโฎฺฐติ ทิฎฺฐมิโตฺต นาติทฬฺหมิโตฺตฯ วิกปฺปิตวิกปฺปนา นาเมสา วฎฺฎตีติ อธิฎฺฐิตอธิฎฺฐานํ วิยาติ อธิปฺปาโย อวิเสเสน วุตฺตวจนนฺติ ติจีวราทิํ อธิเฎฺฐติ, วสฺสิกสาฎิกํ กณฺฑุปฺปฎิจฺฉาทิญฺจ วิกเปฺปตีติ อวตฺวา สพฺพจีวรานํ อวิเสเสน วิกเปฺปตีติ วุตฺตวจนํฯ ติจีวรสเงฺขเปนาติ ติจีวรนีหาเรน, สงฺฆาฎิอาทิอธิฎฺฐานวเสนาติ วุตฺตํ โหติฯ
Sammukhāvikappanā parammukhāvikappanāti ettha sammukhena vikappanā parammukhena vikappanāti evamattho gahetabbo. Sannihitāsannihitabhāvanti āsannadūrabhāvaṃ. Āsannadūrabhāvo ca adhiṭṭhāne vuttanayeneva veditabbo. Paribhogādayopi vaṭṭantīti ettha adhiṭṭhānassapi antogadhattā sace saṅghāṭiādināmena adhiṭṭhahitvā paribhuñjitukāmo hoti, adhiṭṭhānaṃ kātabbaṃ. No ce, na kātabbaṃ, vikappanameva pamāṇaṃ, tasmā atirekacīvaraṃ nāma na hoti. Mittoti daḷhamitto. Sandiṭṭhoti diṭṭhamitto nātidaḷhamitto. Vikappitavikappanā nāmesā vaṭṭatīti adhiṭṭhitaadhiṭṭhānaṃ viyāti adhippāyo avisesena vuttavacananti ticīvarādiṃ adhiṭṭheti, vassikasāṭikaṃ kaṇḍuppaṭicchādiñca vikappetīti avatvā sabbacīvarānaṃ avisesena vikappetīti vuttavacanaṃ. Ticīvarasaṅkhepenāti ticīvaranīhārena, saṅghāṭiādiadhiṭṭhānavasenāti vuttaṃ hoti.
ตุยฺหํ เทมีติอาทีสุ ‘‘ตสฺมิํ กาเล น คณฺหิตุกาโมปิ สเจ น ปฎิกฺขิปติ, ปุน คณฺหิตุกามตาย สติ คเหตุํ วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติฯ อิตฺถนฺนามสฺสาติ ปรมฺมุเข ฐิตํ สนฺธาย วทติฯ ‘‘ตุยฺหํ คณฺหาหี’’ติ วุเตฺต ‘‘มยฺหํ คณฺหามี’’ติ วทติ, สุทินฺนํ สุคฺคหิตญฺจาติ เอตฺถ ‘‘ยถา ปรโต ‘ตว สนฺตกํ กโรหี’ติ วุเตฺต ทุทฺทินฺนมฺปิ ‘สาธุ, ภเนฺต, มยฺหํ คณฺหามี’ติ วจเนน ‘สุคฺคหิตํ โหตี’ติ วุตฺตํ, เอวมิธาปิ ‘ตุยฺหํ คณฺหาหี’ติ วุเตฺต สุทินฺนตฺตา ‘มยฺหํ คณฺหามี’ติ อวุเตฺตปิ ‘สุทินฺนเมวา’’’ติ วทนฺติฯ ‘‘คณฺหาหีติ จ อาณตฺติยา คหณสฺส ตปฺปฎิพทฺธตากรณวเสน ปวตฺตตฺตา ตทา คณฺหามีติ จิเตฺต อนุปฺปาทิเต ปจฺฉา คเหตุํ น ลภตี’’ติ วทนฺติฯ
Tuyhaṃ demītiādīsu ‘‘tasmiṃ kāle na gaṇhitukāmopi sace na paṭikkhipati, puna gaṇhitukāmatāya sati gahetuṃ vaṭṭatī’’ti vadanti. Itthannāmassāti parammukhe ṭhitaṃ sandhāya vadati. ‘‘Tuyhaṃ gaṇhāhī’’ti vutte ‘‘mayhaṃ gaṇhāmī’’ti vadati, sudinnaṃ suggahitañcāti ettha ‘‘yathā parato ‘tava santakaṃ karohī’ti vutte duddinnampi ‘sādhu, bhante, mayhaṃ gaṇhāmī’ti vacanena ‘suggahitaṃ hotī’ti vuttaṃ, evamidhāpi ‘tuyhaṃ gaṇhāhī’ti vutte sudinnattā ‘mayhaṃ gaṇhāmī’ti avuttepi ‘sudinnamevā’’’ti vadanti. ‘‘Gaṇhāhīti ca āṇattiyā gahaṇassa tappaṭibaddhatākaraṇavasena pavattattā tadā gaṇhāmīti citte anuppādite pacchā gahetuṃ na labhatī’’ti vadanti.
ตํ น ยุชฺชตีติ วินยกมฺมสฺส กรณวเสน คเหตฺวา ทินฺนตฺตา วุตฺตํฯ สเจ ปน ปโร สจฺจโตเยว วิสฺสาสํ คณฺหาติ, ปุน เกนจิ การเณน เตน ทินฺนํ ตสฺส น วฎฺฎตีติ นตฺถิฯ นิสฺสคฺคิยํ ปน จีวรํ ชานิตฺวา วา อชานิตฺวา วา คณฺหนฺตํ ‘‘มา คณฺหาหี’’ติ นิวารณตฺถํ วุตฺตํฯ กายวาจาหิ กตฺตพฺพอธิฎฺฐานวิกปฺปนานํ อกตตฺตา โหตีติ อาห ‘‘กายวาจาโต สมุฎฺฐาตี’’ติฯ จีวรสฺส อตฺตโน สนฺตกตา, ชาติปฺปมาณยุตฺตตา, ฉินฺนปลิโพธภาโว, อติเรกจีวรตา, ทสาหาติกฺกโมติ อิมาเนตฺถ ปญฺจ องฺคานิฯ
Taṃ na yujjatīti vinayakammassa karaṇavasena gahetvā dinnattā vuttaṃ. Sace pana paro saccatoyeva vissāsaṃ gaṇhāti, puna kenaci kāraṇena tena dinnaṃ tassa na vaṭṭatīti natthi. Nissaggiyaṃ pana cīvaraṃ jānitvā vā ajānitvā vā gaṇhantaṃ ‘‘mā gaṇhāhī’’ti nivāraṇatthaṃ vuttaṃ. Kāyavācāhi kattabbaadhiṭṭhānavikappanānaṃ akatattā hotīti āha ‘‘kāyavācāto samuṭṭhātī’’ti. Cīvarassa attano santakatā, jātippamāṇayuttatā, chinnapalibodhabhāvo, atirekacīvaratā, dasāhātikkamoti imānettha pañca aṅgāni.
ปฐมกถินสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭhamakathinasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๑. ปฐมกถินสิกฺขาปทํ • 1. Paṭhamakathinasikkhāpadaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๑. ปฐมกถินสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Paṭhamakathinasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๑. ปฐมกถินสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Paṭhamakathinasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๑. ปฐมกถินสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Paṭhamakathinasikkhāpadavaṇṇanā